ตอนที่ 17:
ดวงดาวกับเทพธิดา
☆ ดรีมมี่☆เชลซี
ศพที่น่าเวทนานอนกองอยู่ในอาคารหลักตรงทางเดิน —ตรงที่มันเคยเป็นโถงทางเดินมาก่อน ที่ด้านข้างมีคฑาที่ดูเหมือนลูกกวาดวางอยู่ กำแพงถูกทำลาย มีรูอยู่พื้น เพดานเองก็พังลงมา ถ้ามองจากจุดที่กำแพงพังออกไปยังด้านนอก ตรงพื้นดินที่มีขนาดราวๆหกสิบตารางเมตรก็ถูกคว้านขึ้นมา บางทีอาจจะด้วยขวาน เมื่อเข้าใจภาพรวมอย่างรวดเร็ว เชลซีก็ตัดสินใจเลือกธีม
เธอหลบวิถีของขวานด้วยเส้นทางสลับฟันปลา กระโดดเล็กน้อยที่ด้านบนของเครื่องประดับรูปดวงดาวในตอนที่กำลังหมุนด้วยความเร็วสูง —เอาข้อศอกเข้ามาด้านใน สะบัดมือที่เปิดออกเหมือนกับลูกนก— ด้วยการทำแบบนี้ เธอจึงหลบขวานด้ามที่สองได้ เสียงที่ตัดผ่านอากาศมาถึงใบหูของเธอหลังจากที่ฟันออกไปแล้ว เส้นผมสิบเส้นหลุดออกไปจากศีรษะ มันเจ็บในตอนที่ปลิวออกไปด้วย ไม่ใช่ว่ามันถูกขวานตัดจนขาด แต่แรงลมคือสิ่งที่กระชากรากผมออกมา
แต่เชลซีก็ยังคงอยู่ในท่ายืนด้วยปลายเท้า ในตอนที่ทั้งคู่สวนกันกลางอากาศ เธอจับตามองไปที่เมจิคัลเกิร์ลเทพธิดา เทพธิดายังคงยิ้มให้เชลซี เชลซีไม่ได้มีเวลามากพอที่จะยิ้มตอบกลับไป หลังจากที่สวนกันไปแล้วครู่หนึ่ง เธอก็เอนตัวหลบการฟันที่เข้ามาในตอนที่ตัวกำลังลอยอยู่ จากนั้นก็ปรบมือใต้คางไปทางขวาสองครั้ง มันไม่ใช่การยั่วยุ เธอทำมันเพื่อให้เข้าจังหวะ
เธอขยับดวงดาวไปทางขวาแล้วก็ซ้าย หมุนมันไปมามากขึ้นและมากขึ้น ละอองสีแดงลอยขึ้นไปในอากาศ เธอสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดในชั่วพริบตาให้หลัง เธอหลบพลาดและเนื้อบางส่วนก็ถูกเฉือนออกไป มันอยู่เหนือคิ้วไปเล็กน้อยแต่ไม่ได้ลึกลงไปถึงกระดูกและเส้นเอ็น มันยังคงพลาดเส้นเลือดใหญ่เช่นกัน เชลซีปกปิดอาการบาดเจ็บและความกลัวเอาไว้ด้วยรอยยิ้มและการปรบมือ
รากฐานของดรีมมี่☆เชลซีคือการ “ไม่อยู่ในกฎเกณฑ์ใดๆ ทำอะไรอย่างอิสระ” และเธอจะไม่เปลี่ยนแปลงเรื่องนั้น แม้ว่าแม่ของเธอจะแย้งด้วยการใช้ขนมเป็นโล่ แต่เธอก็มักจะกำหนดทิศทางก่อนที่จะลงมือทำอะไร ธีมที่เธอเลือกมันจะขึ้นอยู่กับจังหวะและสถานการณ์ อย่างเช่นความกล้า ความบริสุทธ์ หรือวันคืนอันแสนงดงามของยุคโชวะ ความอิสระของเธอไม่ใช่เรื่องที่วุ่นวาย แทนที่จะเป็นแบบนั้นมันมอบความยืดหยุ่นอย่างมากให้กับเธอ
ธีมในเวลานี้คือจังหวะและท่วงท่า เธอจะเสริมการเคลื่อนไหวแบบมีเสน่ห์ลงไป
แม่ของเธอดุด่าเธอเรื่องจังหวะและท่วงท่า แม่บอกว่าการเคลื่อนไหวของเธอเป็นอะไรที่ซ้ำซากจำเจ และมันก็ทำให้อ่านการเคลื่อนไหวออกได้ง่าย และจากนั้นแม่ก็พิสูจน์ให้เห็นด้วยการจับข้อมือของเชลซีและทุ่มตัวของเธอได้อย่างง่ายๆ ล็อคข้อต่อของข้อศอกเพื่อกดเธอลงกับพื้น เมื่อเชลซีพยายามจะเตะเพื่อให้แม่ออกไป แม่ของเธอก็ล็อคขาเอาไว้เช่นเดียวกัน เมื่อเธอพยายามจะดิ้นด้วยไหล่และศีรษะ มันก็ถูกกดเอาไว้จนเธอขยับอะไรไม่ได้เลย การที่แขนและขาทั้งหมดถูกจับเอาไว้ เธอจึงไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นอีก มันไม่มีอะไรเลยนอกจากความเจ็บปวดทรมาณ เทคนิคการจับข้อต่อนั้นมันดูเหมือนมวยปล้ำของยอดมนุษย์มือโปรมากกว่าที่จะเป็นเมจิคัลเกิร์ลซะอีก เชลซีท้วงว่า “ไม่เห็นจะเหมือนเมจิคัลเกิร์ลเลย” ออกมาอย่างโอดครวญ ซึ่งแม่ของเธอก็ปฎิเสธอย่างเย็นชาและพูดว่า “แบบนั้น ก็ทำให้มันดีๆ” เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่คนเป็นแม่ที่บังคับให้ลูกสาวที่จับคู่สู้ด้วยอย่างไม่เต็มใจจะพูดออกมา
นับตั้งแต่นั้น เชลซีก็หยุดใช้จังหวะและท่วงท่าในเรื่องหลักๆของเธอไป
ในตอนนี้ความตั้งใจของเธอกลับไปที่เรื่องจังหวะอีกครั้ง
ตอนที่ลงมา เธอก็เหยียบพื้นอย่างเต็มแรง ก้อนหินจำนวนนับไม่ถ้วนเด้งขึ้นจากแรงกระแทก จากนั้นเธอก็หยิบเอามาจำนวนหนึ่งที่เธอยอมรับในฐานะดวงดาว ใช้นิ้วสะกิดเพื่อให้มันหมุนวนไปรอบพื้นที่ เชลซีกระโดดขึ้นไปด้านบนก้อนหิน กระโดดออกจากก้อนหินก้อนหนึ่งไปยังอีกก้อน หลบการโจมตีไปพร้อมกับการปรบมือสองครั้งทางซ้ายใต้คาง พอคิดว่าการจะเสริมอะไรที่ดูไม่สุภาพเข้าไปเล็กน้อยเพื่อเน้นย้ำมันก็ไม่เป็นอะไรแล้ว หลังจากที่กระโดดตีลังกา เธอก็เอาก้นกระแทกใส่ศัตรูด้วยท่าทางน่ารักสองสามครั้ง สิ่งสำคัญในตอนนี้มันคือจังหวะและท่วงท่า และหลบหลีกด้วยวิธีนั้น
เทพธิดาต่างจากแม่ของเธอ เทพธิดานั้นทำตามการเคลื่อนไหวของเชลซีไม่เหมือนกับแม่ของเธอที่จะจับตัวเธอเพื่อไม่ให้เคลื่อนไหว แค่เทพธิดามองเธอ เทพธิดาก็ทำอะไรเหมือนกับที่เชลซีคาดการณ์ไว้
ด้วยเงื่อนไขแรกที่จะหลบบาดแผลร้ายแรงนั้น เชลซีต้องเคลื่อนไหวไปรอบๆ แทบที่จะข้ามเส้นระหว่างความเป็นและความตาย เธอยืนยันเรียบร้อยแล้วว่าการเตะและทุบเข้าไปที่เทพธิดามันแทบจะสร้างความเสียหายไม่ได้เลย ในทางกลับกัน การโดนขวานเพียงแค่ครั้งเดียวก็จะทำให้เชลซีบาดเจ็บถึงตาย ในตอนนี้มันทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากต้องหลบพร้อมกับหัวใจที่สั่นสะท้านกับการเหวี่ยงขวานทุกครั้ง เชลซีแน่ใจว่าตัวเองตัดสินได้อย่างถูกต้องว่าตัวเองจะไม่โดนการโจมตีจากด้านหน้า
ขวานของเทพธิดาตัดผ่านท้องฟ้าลงมาและเฉือนเข้าที่พื้นดินอย่างรุนแรง ศพนั้นที่บางทีอาจจะคือราเรโกะเด้งไปมาเหมือนกับหุ่นเชิดที่พังเสียหาย เทพธิดาใช้โมเมนตัมในการหลบอย่างรวดเร็วเพื่อเปลี่ยนไปเป็นการหมุนตัวเตะ เชลซีผ่อนคลายร่างกายทั้งตัวเหมือนกับของเหลวเพื่อจับขานั้นเอาไว้ และก็ถูกสลัดออกไปในทันที เมื่อนิ้วเท้าของเทพธิดาแทงเข้ามา เชลซีก็หลบด้วยการงอตัวเป็นท่าสะพานโค้ง จากนั้นหลังจากที่เด้งตัวกลับขึ้นมาอีกครั้งด้วยแรงจากส่วนคอ เธอก็กระโดดขึ้นไปบนหินอีกก้อนด้วยท่วงท่าที่สวยงาม ปรบมือเหนือศีรษะไปทางขวาแล้วก็ซ้าย จากนั้นก็ก้มตัวลงและกระโดดเหมือนกับกระต่ายที่ดูน่ารักอย่างต่อเนื่อง เธอจะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายสัมผัสได้ถึงการพยายามทำให้เหงื่อออกแบบนี้มันหมายถึงอะไร และมองสำรวจการเคลื่อนไหวอย่างใจเย็น ข้อนิ้วก้อยของมือขวาแตกไปแล้ว มันแตกในตอนที่เธอพยายามจับขาของเทพธิดาเอาไว้และถูกสลัดออกไปด้วยความเร็วและโมเมนตัม แต่มือขวาของเธอยังคงขยับได้
มือของเธอเปลี่ยนจากการทำท่าเลียนแบบหูยาวๆของกระต่ายตรงเอว และในตอนที่งอตัวอยู่นั้น เธอก็เปลี่ยนเกียร์เป็นการเคลื่อนไหวแบบที่ดูน่าตลก ขยับก้นไปทางขวา จากนั้นก็มาทางซ้าย แล้วก็หมุนไปรอบๆแล้วก็หยุด ตำแหน่งของเชลซีนั้สูงกว่า เทพธิดานั้นอยู่ด้านล่าง เชลซีมองลงมาพร้อมกับรอยยิ้ม มันต้องขอบคุณการเปลี่ยนจังหวะและท่วงท่าที่เป็นแก่นหลัก เธอก็เลยสามารถหลบการโจมตีได้ แม้มันจะน่ากลัว ขวานที่ฟันลงไปที่พื้นได้วาดภาพอันสายงามของดวงดาวออกมา แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เทพธิดาทำให้เหมือนว่าตัวเองกวัดแกว่งขวานอย่างไม่ได้ตั้งใจ ในขณะที่จริงๆแล้วเธอแสดงความคิดอันสร้างสรรค์ออกมาบนพื้นดิน เธอทำได้ดีกว่าเชลซี คนที่ได้แต่หนีไปรอบๆ
แม้ว่าเชลซีจะเต็มไปด้วยเหงื่ออันเย็นเฉียบ เธอไม่ได้ปล่อยให้รอยยิ้มนั้นหายไป หากเธอสูญเสียความสงบนิ่งของจิตใจไป เธอก็จะสูญเสียจังหวะไปด้วยเช่นกัน
เมื่อเธอดูดวงดาวที่วาดอยู่บนพื้นอย่างใกล้ๆ เธอก็เห็นว่าตรงด้านหนึ่งความยาวมันขาดไปสิบห้าเซ็นติเมตร เธอจึงให้หนึ่งในดวงดวงขุดลงไปในดินและเชื่อมต่อเส้นทั้งสองเข้าด้วยกันให้เป็นรูปดาวห้าแฉกอย่างสมบูรณ์ ในตอนที่ขุดนั้น เธอก็โยนดินขึ้นไปในอากาศ สายตาของเทพธิดาไม่เคยละออกไปจากเชลซีพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังคงอยู่บนใบหน้า
เทพธิดาใช้มือค้ำตัวอยู่พร้อมกับเหวี่ยงขาไปรอบๆเหมือนกับคาโปเอร่าหรือเบรคแดนซ์ จากนั้นก็หมุนตัวเป็นแนวตั้งสามรอบในอากาศและลงมาตรงกลางดวงดาวที่ตัวเองวาดเอาไว้ จากนั้นก็หมุนไปด้านข้าง คว้านเข้าไปที่พื้นด้วยขวานที่อยู่ในสองมือ วาดรูปวงกลมล้อมรอบดวงดาวเอาไว้เพื่อทำให้เป็นดาวห้าแฉก มันเหมือนกับสัญลักษณ์ทางเวทมนตร์ เทพธิดาที่มองมายังเชลซีพร้อมกับแขนที่กางออกนั้นดูภูมิใจ เชลซียื่นนิ้วชี้ออกมาตรงด้านหน้าใบหน้าแล้วตอบกลับไปว่า “ชิ ชิ ชิ” เธอกำลังบอกว่าแค่นั้นมันยังไม่เพียงพอในขณะที่ใช้คำพูดของตัวเองทำให้เป็นจังหวะ
เชลซีกระโดดขึ้นไปบนเครื่องประดับรูปดวงดาว
เธอปรบมือสองครั้งทางขวาใต้คาง และอีกสองครั้งในทางซ้าย และเทพธิดาก็ตอบกลับด้วยการใช้ขวานทุบเข้ามาพร้อมกันจนเกิดเสียง เชลซีสั่งให้เครื่องประดับรูปดวงดาวที่เธออยู่บินตรงไปที่พื้นด้วยความเร็วสูงสุด เทพธิดาเตรียมตัวพร้อมแล้ว มันมีดินจำนวนมากถูกขุดขึ้นมา กลิ่นของดินมันฟุ้งไปทั่วพื้นที่ กลิ่นไหม้ของไฟเริ่มที่จะเข้ามาผสมรวมกันพร้อมกับดวงดาวที่ถูกฉีกขึ้นไปในอากาศ เชลซีสัมผัสความร้อนที่ใต้ฝ่าเท้าตัวเองได้
เธอดิ่งลงมาจากจุดที่สูงขึ้นไปบนฟ้า จากนั้นก็หยุดลงอย่างกระทันหันพร้อมกับฝุ่นที่ฟุ้งขึ้นมารอบๆก่อนที่จะพุ่งตัวออกไปอีกครั้งในทันที เทพธิดาเข้าหาเธออย่างรวดเร็วพร้อมกับขวานทั้งสองที่ชูขึ้นเหนือศีรษะ แม้จะเป็นแค่แรงสั่นสะเทือนหลังจากที่ขวานเหวี่ยงออกไปแล้วก็ยังทำให้ตัวของเชลซีปลิว —ถ้าแย่ที่สุดคือเธอจะตาย หากแรงสั่นสะเทือนมันรุนแรงขนาดนั้น ถ้าโดนตัวเข้าตรงๆล่ะก็คงทำให้ร่างกายแหลกเป็นชิ้นๆ บดตัวของเธอลงกับพื้นจนกลายเป็นชิ้นเนื้อ เชลซียิ้มกว้าง เธอใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว ใกล้มากพอที่จะล้มตัวลงไป แต่จากนั้นเธอก็หักเลี้ยวอย่างกระทันหัน ขวานของเทพธิดามันเข้ามาใกล้แต่ก็ไม่ได้โดนตัว เธอต้านแรงลมเอาไว้และเปลี่ยนเส้นทางของดวงดาวเป็นมุมฉาก เธอเปลี่ยนทิศทางเพื่อเข้าหาเทพธิดาจากด้านหลัง แต่เทพธิดาก็บิดแผ่นหลังในแบบที่เป็นไปไม่ได้ที่จะโดนการโจมตีของเชลซีในตอนที่เชลซีเข้าไปด้านหลัง เชลซีกระโดดลงจากดวงดาวและหมุนตัวเพื่อเหยียบลงบนพื้นที่พังของอาคารหลัก ในขณะที่มองดูดวงดาวที่บินเข้าไปในป่าจากหางตา เชลซีก็เตรียมตัวพร้อมที่จะหนีด้วยการใช้ร่างกายของตัวเอง จังหวะของเธอมันกลายเป็นเร็วขึ้นและเร็วขึ้นเรื่อยๆ มันบ่งบอกว่าฉากสุดท้ายใกล้เข้ามาถึงแล้ว
เทพธิดาเหวี่ยงลง เหวี่ยงขึ้น เหวี่ยงลง เหวี่ยงขึ้น เหวี่ยงลง แล้วเหวี่ยงเป็นแนวนอน การผสมผสานนั้นมันดูเหมือนทรงกลมที่มีเทพธิดาอยู่ตรงกลางเพื่อโจมตีเข้ามายังเชลซี กำแพง ประตู และเพดานของอาคารหลักถูกทำลายจนเป็นชิ้นๆ เชลซีกระโดด ด้านล่างของรองเท้าข้างขวาถูกเฉือนจนขาดและมีเลือดไหลออกมา เนื้่อที่แก้มถูกคว้านเข้าไปจนลึก ชายกระโปรงเองก็ถูกหั่นจนขาด เธอไม่สนความเจ็บปวดทั้งหมดที่เกิดขึ้นและตั้งสมาธิอย่างมากไปที่เทพธิดาพร้อมกับเคลื่อนไหวต่อ บางครั้งเธอก็ปรบมือ บางครั้งก็เอาส้นรองเท้ากระแทกเข้าก็พื้นเหมือนกับแท็ปแดนซ์ พร้อมกับฮัมเพลงออริจินัล อินเซิร์ทซองของดรีมมี่☆เชลซี จินตนาการกับความกล้าหาญ และขวานของเทพธิดาก็ตามเธอมาด้วยจังหวะแห่งความรุนแรง มันเหมือนกับว่าเทพธิดาคือปลวกสีขาวตัวใหญ่ที่กินไม้ตามทางในตอนที่เคลื่อนไหว การทำลายของเทพธิดามันสร้างทางเดินขนาดใหญ่ขึ้นในอาคารหลัก
จนถึงตอนนี้ เชลซีก็ยังคงเน้นจังหวะและท่วงท่าอย่างเต็มที่ มันเหมือนกับจับกลุ่มเล่นดนตรีที่ต่างคนต่างเล่น จังหวะของเทพธิดาและเชลซีผสานและทับซ้อนกันเพื่อสร้างท่วงทำนอง แน่นอนว่าเทพธิดาอ่านการเคลื่อนไหวของเชลซีได้ เชลซีตกสู่จุดที่แม่ของเธอได้บอกเอาไว้ —การเคลื่อนไหวของเธอกลายเป็นซ้ำซากและอ่านทางได้ง่าย เมื่อนิ้วของเชลซีสัมผัสกับกระทะ เธอก็ขว้างมันเข้าใส่เทพธิดา และเทพธิดาก็ทุบก้อนเหล็กที่ขว้างเข้ามาหาด้วยความเร็วสูงโดยไม่แม้แต่จะมอง พวกเธอหยุดเคลื่อนไหวชั่วคราว แค่ช่วงสั้นๆไม่ถึงเสี้ยววิ ในครัวที่ถูกทำลายไปครึ่งหนึ่ง เมจิคัลเกิร์ลสองคนกำลังมองซึ่งกันและกัน
เชลซีสัมผัสได้ถึงกำแพงหินเย็นๆที่แผ่นหลัง กลิ่นของผงดินจากกำแพงหินที่แตกผสมรวมกับกลิ่นซุบที่เธอคุ้นเคยลอยมาเตะจมูก มันคือกลิ่นซุปของเชพเพิร์ดพายที่ทำเอาไว้ให้พวกเธอ
คุณพาย… ฉันขอยืมแรงซักนิดนะ
เชลซียกมือออกไปด้านหน้า ยื่นนิ้วออกมาและเอานิ้วกลางสัมผัสกับนิ้วโป้ง เทพธิดาเหวี่ยงขวานขึ้น แต่หยุดลงเล็กน้อย นี่เทพธิดาระวังเพราะท่าทางใหม่ของเชลซีงั้นเหรอ? หรือบางสิ่งในใจคิดเรื่องของคู่ต่อสู้ที่ทำท่าทางเช่นนี้ และลังเลเพราะความคิดที่คิดว่าการโจมตีครั้งนี้มันจะเสียเปล่ากันนะ?
ขวานเหวี่ยงลงมา ดวงตาของเชลซีเบิกกว้าง ทุกอย่างมันช้าเหมือนกับเป็นสโลโมชั่น เธอกระโดดไปด้านขวาตามกำแพง ดีดนิ้วของทั้งสองมือในเวลาเดียวกัน ขวานที่ทำลายกำแพงหันด้านคมเข้ามาหาเชลซีและกำลังเข้ามาใกล้ เชลซียื่นมือข้างหนึ่งไปหาเตาถ่านแบบโบราณ จากนั้นก็กระโดดขึ้นไป หมุนตัวไปรอบๆด้วยเท้าจากบนเพดาน แล้วก็วิ่ง เธอหลบขวานที่ไล่ตามมาได้ แต่หลบเศษก้อนอิฐไม่ได้จนโดนกระแทกเข้าไปที่ซี่โครง เมื่อได้ยินเสียงซี่โครงที่ฟังดูน่ารักดังออกมา เธอก็กระโดดกลับไปยังที่ที่ตัวเองอยู่ก่อนหน้านี้และเผชิญหน้ากับเทพธิดา ด้วยซากปรักหักพังที่สั่นสะเทือนอยู่รอบตัวแล้ว เธอลงมือได้ถูกเวลา จังหวะของเธอเองก็ไหลลื่น ท่าทางในอุดมคติของดรีมมี่☆เชลซีภายในใจกับลังซ้อนทับกับเชลซีตัวจริง
เธอเรียนรู้จากเชพเพิร์ดพายมาว่าเมื่อดีดนิ้วภายในอาคารหลัก สิ่งต่างๆก็จะลอยเข้ามาหาจากที่ไหนซักที่
รอยยิ้มของเทพธิดากระตุก เธอฟันถังน้ำมันพลาสติกที่บินเข้ามาหาจากด้านหลังเพื่อที่จะปัดออกไป ของเหลวสีใสที่มีกลิ่นรุนแรงจึงกระจายอยู่รอบตัว ต่อไปม้านั่งก็บินเข้ามาหา และก็ปัดมันออกไปด้วยขวานอีกด้าม แต่ในตอนที่เทพธิดาหันมาเผชิญหน้ากับเชลซีอีกครั้ง มันก็สายไปเสียแล้ว เชลซีก้าวมาข้างหน้าโดยที่ไม่เกิดเสียง ไม่ทำให้เทพธิดารู้ถึงตัวตนเพื่อจับข้อมือด้วยท่าทางที่เป็นธรรมชาติ การที่เทพธิดาเดินหน้าโดยที่ไม่ได้มีจังหวะหรืออะไรที่บ่งบอกมันสร้างปัญหา มันไม่ได้มีความอาฆาตรวมอยู่ มันคือความบ้าที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน ร่างกายของเธอมันขยับไปเองก่อนที่สมองจะคิด ดังนั้นมันจึงคาดเดาอะไรไม่ได้เลย และมันก็ไม่มีใครที่จะหยุดเธอได้ มันคือการเคลื่อนไหวแบบเดียวกับพาสเทล เมรี่
ภายในหัวนั้น เธอพูดกับเทพธิดาว่า เวทมนตร์ของเชพเพิร์ดพายยอดไปเลยสินะ? แค่ดีดนิ้วสิ่งของมันก็จะบินมาหาแล้ว การเคลื่อนไหวของเมเมก็ยอดเยี่ยมใช่ไหมล่ะ? ขนาดเชลซียังหยุดเธอไม่ได้เลย
เทพธิดาพยายามแกะมือของเธอออกด้วยพลังและความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ แต่เชลซีไม่ยอมให้ทำแบบนั้น ด้วยเทคนิคของแม่แล้ว เธอสามารถก้าวข้ามใครบางคนที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองได้ ด้วยจังหวะ ท่าทาง เวลา และแรงเล็กน้อยจากฝ่ามือของเธอที่ส่งไปยังข้อมือของเทพธิดา เชลซีก็สามารถทำให้เทพธิดาเสียการทรงตัวจนตัวโอนเอนมาข้างหน้า
เหตุผลแรกที่เชลซีให้ความสำคัญกับจังหวะและท่วงท่าคือเพื่อหลบการโจมตี เหตุผลที่สองคือทำให้จังหวะมันพังลงในตอนท้ายที่สุดและโจมตีเข้าไป
ด้วยทั้งหมดที่ถูกคำนวนเอาไว้ เวลาที่สมบูรณ์แบบ เธอพังหน้าต่างและเครื่องประดับรูปดวงดาวก็บินเข้ามาในห้อง ดวงดาวนั้นแยกไปก่อนที่เธอจะเข้ามาในอาคารหลักและออกไปนอกขอบเขตการมองเห็นของเทพธิดา เชลซีมอบความเร็ว การเร่งให้อย่างเพียงพอ เช่นเดียวกับการหมุนที่ตั้งค่าเอาไว้เต็มที่ และนี่ก็คือผลลัพธ์ ดวงดาวนั้นหมุนด้วยโมเมนตัมที่รุนแรง พุ่งผ่านด้านข้างเทพธิดาเข้ามาเพื่อทำลายกำแพง พังมันจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปราวสิบเมตรก่อนที่จะหยุด เชลซีปล่อยข้อมือของเทพธิดา และด้วยการผสานระหว่างการกระโดดกลับหลัง หมุนตัว และตีลังกา เธอกระโดดข้ามกำแพงที่เหลืออยู่ และด้วยการหมุนอีกสามรอบครึ่งเป็นครั้งสุดท้าย และเธอก็ลงมาที่ด้านบนของเครื่องประดับรูปดวงดาว
เทพธิดาพยายามเหวี่ยงขวานขึ้น แต่ตัวก็โอนเอนและหยุดเคลื่อนไหว ในพริบตาให้หลัง ที่ลำคอของเทพธิดาก็ถูกเฉือน —แผลมันใหญ่มากจนอยากจะเบือนหน้าหนีเลยล่ะ!— จนเปิดออก และเลือดก็ทะลักออกมาเหมือนกับเขื่อนแตก มันพุ่งขึ้นไปสูงพอที่จะทำให้เพดานเปียก
เชลซีไม่มีวันที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้คนนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว ที่เธอสามารถชนะได้เพราะเธอไม่ได้ตัวคนเดียว ด้วยการยืมสิ่งของจากเวทมนตร์ของเชพเพิร์ดพาย วิธีการที่เมรี่เคลื่อนไหว และเทคนิคของแม่ ในที่สุดเธอก็สามารถเอาชนะได้
ทุกคน… ขอบคุณมากนะ
เชลซีกระโดดลงมาจากเครื่องประดับรูปดวงดาว กางขาออกกว้างเท่าหัวไหล่ เค้นหมัดขวาเล็กน้อยและเอามันมาไว้ตรงเอวและยื่นมือขวาออกไปข้างหน้าพร้อมกับชูนิ้วโป้งขึ้นในอากาศ เลือดยังไหลทะลักออกมาจากเทพธิดา เอนตัวไปทางขวา จากนั้นก็มาทางซ้าย และหลังจากนั้นเพียงไม่นาน ตัวของเทพธิดาก็ล้มลงมาด้านหน้าอย่างช้าๆ
☆ นาวี่ ลู
เขามีความรู้สึกว่ามันมีอะไรมากกว่าควันที่เกิดขึ้น มันมีอะไรมากกว่านั้นหรือมันเป็นแค่เขารู้สึกแบบนั้นกันนะ? ถ้าเป็นอย่างแรก แบบนั้นเรื่องไฟมันก็ร้ายแรงขึ้น แต่ถ้าเป็นอย่างหลัง นั่นก็หมายความว่านาวี่รู้สึกกดดันจากไฟที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางไหนมันก็เป็นปัญหา
เขารัดเข็มขัดและหันหน้าออกจากแอ่งน้ำที่พุ่งขึ้นมา ไม่นานมานี้ เขาต้องคลายเข็มขัดไปหนึ่งหรือสองรู มันคงเป็นเพราะอายุ แต่ในตอนนี้เขารัดเข็ดขัดให้แน่นกว่าเดิมหนึ่งรูเพื่อให้เกิดแรงกระตุ้นอีกครั้ง เขาจะลืมไม่ได้ว่าต้องเตรียมตัวเอาไว้ในสถานการณ์เช่นนี้
เขาเดินผ่านพุ่มไม้ และเมื่อออกมายังจุดที่แสงอาทิตย์ส่องมาโดน คลาริสซ่าก็รอเขาอยู่ที่นั่นคนเดียว ถ้าพูดให้ถูกก็คือ มานาเองก็อยู่ที่นี่บนหลังของคลาริสซ่าด้วย แต่เนื่องจากว่าเธอไม่ได้สติ มันก็ไม่ใช่ว่าเธอกำลังรออยู่แต่อย่างใด
“เป็นเมจิคัลเกิร์ลนี่ดีนะ มันไม่จำเป็นต้องเสียเวลากับเรื่องแบบนี้” นาวี่พูดพร้อมกับชี้ไปที่ชุดของตัวเอง
“นายหมายถึงพอแก่แล้วก็ใช้เวลานานหรืออะไรแบบนั้นเหรอ?”
“พอเถอะ ชั้นไม่อยากคุยเรื่องแบบนั้น” นาวี่มองไปรอบๆแบบไม่ตั้งใจ
คลาริสซ่าเหมือนว่าจะรู้เรื่องนั้นเพราะเธอยกมือขวาขึ้นและพูดว่า “ถ้านายกำลังมองหาเนฟิเรียอยู่ล่ะก็ เธอบินออกไปพร้อมกับเร็นเร็นแล้ว” จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
“พวกนั้นไปที่ไหน?”
“มุ่งหน้าไปที่อาคารหลัก ไปอย่างระมัดระวังแต่ก็เห็นได้ชัด เธอไม่ได้โกหกจริงๆ”
คลาริสซ่าใส่รอยกัดไปที่ก้นขวดยาที่เขาส่งไปให้ เธอจึงรู้ตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ ซึ่งหมายถึง การที่เนฟิเรียเสนอความร่วมมือให้กำจัดฟรานเชสก้านั่นเป็นความจริงใจ
นาวี่เอาตัวของมานากลับมาจากคลาริสซ่าพร้อมกับคำว่า “เอาล่ะ” จากนั้นก็แบกเธอไว้บนหลัง และพยักหน้าให้ คลาริสซ่าส่งยิ้มมาให้เขาและพยักหน้ากลับ จากนั้นก็หมุนตัวและวิ่งออกไป ทิ้งฝุ่นควันเอาไว้ในตอนที่ออกไปสุดสายตา
ฟรานเชสก้าคือเมจิคัลเกิร์ลที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นแคนดิเดทของร่างเกิดใหม่สำหรับเชน โอส บัล เมล ผู้ยิ่งใหญ่ เธอไม่ใช่ร่างเกิดใหม่ เป็นเพียงแค่พาชนะเท่านั้น นาวี่เข้าใจเรื่องนั้นและรู้ถึงเรื่องคุณสมบัติและความสามารถ ตราบใดที่เขาเตรียมการเอาไว้อย่างถูกต้องและให้คลาริสซ่าใช้มัน มันก็เพียงพอที่จะรับมือกับฟรานเชสก้า และด้วยการช่วยเหลือจากเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นแล้ว มันก็มากเพียงพอ
การพูดว่าเป้าหมายเบื้องต้นของเขาบรรลุแล้วเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แม้ว่าหลายคนที่เขาอยากจะให้หายไปจะยังคงอยู่ เขาไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับงานที่จะกำจัดคนอื่นออกไปในตอนที่อยู่บนเกาะแห่งนี้ด้วยความเสี่ยง โยลนั้นคือบันไดที่ใช้ก้าวสู่สิ่งที่เหนือกว่า เขาอยากทำให้รากิเป็นรถสาธารณะที่จะใช้นั่งไปสู่ความก้าวหน้า ดังนั้นพวกเขาก็ควรให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยของตัวเองมากกว่าที่จะกำจัดคนอื่น ในตอนที่กำลังเดินอยู่ นาวี่ก็ถ่มน้ำลายออกไปที่ข้างทาง
นี่รากิเห็นโรงงานใต้ดินแล้วรึเปล่านะ? แม้ส่วนสำคัญอย่างคู่มือการใช้จะถูกเอาออกไปแล้ว นาวี่ก็ไม่ได้ดีใจกับเรื่องนี้เลย หากเรื่องสำคัญถูกไขได้ในตอนที่รากิกำลังค้นพื้นที่ มันก็ไม่น่าจะกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่เกินไป แต่มันก็เป็นไปได้ที่ตาแก่จะรู้ว่าจริงๆแล้วฟรานเชสก้าคืออะไรและพยายามหาวิธีรับมือกับเธอ แม้ว่าตาแก่จะดูเหมือนหลุดออกจากวงไปแล้ว เขาก็ยังคงทำหน้าที่ได้อยู่ ข่าวลือทุกเรื่องที่นาวี่ได้ยินมาคือตาแก่นั้นเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความดื้อรั้นไม่สมกับวัย นักวิจัยบางคนเองก็จะดีใจทุกครั้งเมื่อได้ยินแบบนั้น ไม่ว่าจะเป็นซาตาบอร์นหรือรากิ คนประหลาดที่มากไปด้วยความสามารถจะมีแฟนคลับเยอะโดยที่ไม่รู้ตัว
นาวี่อยากที่จะดับไฟ เขาจบเรื่องฟรานเชสก้าไปแล้ว แม้ว่าเด็กกับคนแก่จะปลอดภัยหากพวกนั้นเข้าไปอยู่ในหลุมอย่างเงียบๆ แต่มันก็ไม่มีใครที่อยู่นิ่ง เมื่อคิดถึงสถานการณ์แล้ว มันก็แฟร์ที่จะเรียกข้อเสนอของเนฟิเรียว่าเป็นเรือในขณะที่เขาเป็นแม่น้ำ อย่างน้อยนั่นก็คือมุมมองจากนาวี่
ในตอนที่กำลังคุยกัน เขาก็มองสำรวจการเคลื่อนไหวของเนฟิเรียไปด้วย ทุกการเคลื่อนไหวแม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยและการสับเปลี่ยนคำพูดที่ดูไม่สำคัญ ดวงตาของเธอแห้งและดูเหมือนว่าจะกลืนคำพูดลงไปมาก เธอรู้ดีว่าสถานการณ์ของตัวเองอยู่ในขั้นวิกฤต แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น แก่นของเธอ หัวใจของเธอก็ไม่เคยคดงอ เด็กสาวนั้นเดิมพัน เนฟิเรียเข้ามาหานาวี่โดยที่เตรียมพร้อมสำหรับความเป็นไปได้ที่พวกเขายังคงต้องการฟรานเชสก้าและพวกเขาตั้งใจจะกำจัดใครบางคนอย่างเนฟิเรียออกไปให้พ้นทาง และคิดออกมาว่าควรจะทำยังไงกับเธอ
เขาคิดว่าเธอมีความกล้าอยู่พอตัวที่จะทำในตอนที่ตัวเองแทบจะหมดสภาพ แต่เขาก็ยังคงรู้สึกว่าเธอนั้นยังคงเป็นอันตรายด้วย มันบ่งบอกอยู่ในสายตาของเธอ เธอดูเหมือนว่าเหม่อลอย ไม่ได้เพ่งมองไปที่อะไร สายตานั้นไม่ปล่อยให้รู้ว่าเธอกำลังจับจ้องไปที่อะไร —ซึ่งมันเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่ต้องรู้ให้ได้ว่าสิ่งที่เธอรักคืออะไร
เขาจะดีใจหากเธอจะเป็นลูกน้องที่มีความสามารถให้กับเขา แต่ถ้าเธอไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอก็อาจจะเป็นผู้ล้างแค้นที่ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องอันตราย นี่คือสิ่งหนึ่งที่เขาต้องคิดให้ออกในตอนที่ยังคงอยู่บนเกาะแห่งนี้
☆ ดรีมมี่☆เชลซี
นิ้วโป้งที่เธอชูขึ้นมาค่อยๆลดลงก่อนที่จะเข้าไปอยู่ในกำปั้น เชลซีเอากำปั้นทั้งสองมาไว้ที่ใต้คางพร้อมกันและเอียงศีรษะอย่างน่ารัก
แม้จะต้องได้ยินเสียง ตึก ของการล้มลง แต่เธอก็ไม่ได้ยินมัน เธอหรี่ตา เห็นได้ชัดว่าเทพธิดาถูกจัดการไปเรียบร้อยแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ได้ยินเสียงนั้น มันเป็นอะไรที่น่างุนงง เชลซีบิดเอว วางมือลงไปที่เข่าและลดศีรษะลง และยกใบหน้าขึ้นเพื่อแอบมองดูจางด้านล่าง เธอร้องออกมาว่า “อ๊ะ” เทพธิดานั้นไม่ได้ล้มลง ตัวเทพธิดาหยุดลงก่อนจะสัมผัสพื้นราวสิบเซ็นติเมตร มีเพียงเส้นผมที่ห้อยลงมาแตะกับพื้น มันดูเหมือนกับเทพธิดาล้มลงไปจริงๆ
ก่อนที่เชลซีจะสงสัยว่าทำไม เทพธิดาก็ลุกขึ้นอย่างกระทันหันราวกันถูกกระชากด้วยเส้นลวดและเครนล่องหน เลือดที่ไหลพุ่งออกมาจำนวนมากในตอนนี้ก็หยุดแล้ว
ทำไม…?
ดินสีน้ำตาลมันอุดแผลที่ลำคอเอาไว้ ดินนั้นเชื่อมต่อกับด้ามของขวานที่กำลังห้อยลงมา เมื่อรู้ว่าเทพธิดาเปลี่ยนคมขวานให้กลายดินเหนียวแบบแห้งเร็วเพื่อหยุดเลือดที่ไหลออกมา เชลซีก็ตั้งการ์ดอีกครั้ง
แต่จากนั้นเทพธิดาก็ยื่นฝ่ามือเข้ามาหาเธอ “โปรดรอซักครู่”
คำพูดเพียงแค่ประโยคเดียวกลายเป็นข้อมูลจำนวนมหาศาลอันน่ากลัวที่ท่วมสมองเชลซี ความคิดหลายๆอย่างมันเกิดขึ้นมาพร้อมกัน อย่างเช่น นี่เธอพูดอย่างอื่นนอกจากเรื่องขวานทองขวานเงินได้ด้วยเหรอ? ไม่ก็ ในสถานการณ์แบบนี้ทำไมถึงคิดว่าฉันจะรอล่ะ? หรือ ทำไมถึงดูใจเย็นล่ะ? แล้วภายในหัวของเธอก็กลายเป็นว่างเปล่า พอเวลาผ่านไปเธอก็คิดว่าต้องทำอะไรบางอย่าง เทพธิดาก็ดึงเอากล่องพลาสติกออกมาและเอาสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเม็ดยาออกมาไว้บนฝ่ามือ
เชลซีเองก็ดึงเอาผลไม้สีเทาออกมาและกัดเข้าไปเป็นการตอบสนอง เธอหยิบเอาหม้อที่วางอยู่อย่างเอียงๆตรงเตาถ่านที่พังขึ้นมา เทใส่ปากและกลืนมันด้วยเสียงดัง ต่อมาเธอก็กัดเข้าไปที่ผลไม้สีเทา ทั้งคู่ควรจะมีรสชาติดีแต่เธอสัมผัสรสชาติอะไรไม่ได้เลย
ในตอนที่เธอกัดเข้าไปหนึ่งสอง สองคำ สายตาของเธอก็ไม่ได้ละออกไปจากเทพธิดา เทพธิดายังคงไม่ขยับตัว กำลังเอาเม็ดยาใส่เข้าไปในปากราวกับแน่ใจว่าเชลซีจะไม่โจมตีเข้ามาในตอนที่กำลังทำอยู่ แม้ลำคอของเทพธิดาจะเต็มไปด้วยดินแตก มันก็ยังสามารถมองเห็นได้ว่ากลืนเม็ดยาลงไป
มันเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆที่เกิดขึ้นจริง ไม่ได้นานไปกว่าการกระพริบตา แต่เวลาที่ผ่านไปนั้น มันก็นานมากพอที่เชลซีจะกัดฟันพร้อมรู้สึกลังเล และปล่อยให้โอกาสที่จะโจมตีเข้าใส่หลุดลอยไป
เธอรู้ว่าจะปล่อยคนที่อยู่ตรงหน้าไปไม่ได้ นั่นคือทำไมเชลซีถึงทำเรื่องต่างๆที่เมจิคัลเกิร์ลไม่ควรจะทำ ทำไมเธอถึงต้องการผลลัพธ์ที่ดูไม่เป็นเมจิคัลเกิร์ล แต่ร่างกายของเธอมันก็ไม่ขยับ เทพธิดาเชื่อว่าเชลซีจะไม่โจมตีเข้ามา การโจมตีโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมามันไม่ใช่ตัวตนของดรีมมี่☆เชลซี
เธอยืดตัวแล้วก็งอเข่า จนถึงตอนนี้เธอรับการโจมตีมามาก แต่มันก็ไม่มีครั้งไหนที่โดนเข้าตรงๆ ความเสียหายทั้งหมดไม่ได้มากเกินไปกว่าที่คิดเอาไว้ เธอกระโดดตีลังกาแล้วลงมาบนเครื่องประดับรูปดวงดาว แยกขาออกไปทางด้านหน้าและหลัง ก้มตัวลงเล็กน้อย กางมือออกเหมือนกับนักโต้คลื่นที่อยู่บนกระดานโต้คลื่น คู่ต่อสู้ของเธอแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ แม้ว่าจะเป็นหลังจากที่เลือดไหลทะลักออกมาจากลำคอแล้วก็ไม่ได้หมดสติไป มันต้องสู้พร้อมกับความตั้งใจที่จะตัดหัวของอีกฝ่ายออกไปแบบน่ารัก มิเช่นนั้นมันก็ไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายหลุดออกจากการต่อสู้ไปได้เลย
เชลซีคิด เธอไม่สามารถใช้จังหวะและท่วงท่าได้อีกต่อไป แต่ว่าเทพธิดาจะปิดแผลไปแล้ว แต่มันก็ไม่ใช่ว่าเลือดจะกลับมาภายในทันที การที่เลือดออกมากขนาดนั้นมันจะทำให้เคลื่อนไหวช้าลง และในตอนนี้เทพธิดาใช้อาวุธของตัวเองเพื่อหยุดเลือดเอาไว้ เทพธิดาจึงเหลือขวานที่เอาไว้ใช้เป็นอาวุธแค่ครึ่งเดียว การที่เอากองดินมาติดไว้กับตัวก็ทำให้ดูน่าเกลียดด้วย พลังต่อสู้ของศัตรูรวมถึงความน่ารักมันกำลังลดลง
…เอาล่ะ มาใช้กำลังดีกว่า
เชลซีจำเรื่องที่แม่พูดได้ ความรู้สึกมันจะทำให้เมจิคัลเกิร์ลแข็งแกร่ง เชลซีถูกบังคับให้เห็นด้วยในเรื่องนั้น ถ้าเธอไม่สามารถจัดการเทพธิดาได้ แม้จะเป็นหลังจากที่ยืมพลังมาจากเมรี่ เชพเพิร์ดพาย และแม่ แบบนั้นเธอก็จะมีความรู้สึกมากยิ่งขึ้น ก่อนอื่นเธอจะเพิ่มรากิ คนที่สั่งสอนเธอว่าเมจิคัลเกิร์ลควรจะเป็นยังไงเข้าไป จากนั้นก็ควรจะเป็นคนอื่นๆที่ควรจะเพิ่มเข้าไปในพวกเดียวกันกับเชลซี
จากการมองดูแล้ว เธอกับมิสมาร์เกอริตต่างก็รู้ถึงความน่ารักของกันและกัน โดยพื้นฐานแล้วพวกเธอเป็นทั้งเพื่อนและศัตรู
เนื่องจากเนฟิเรียกับเลิฟมีเร็นเร็นเคยต่อสู้เพื่อเมรี่ พวกเธอก็จะร่วมมือกันในฐานะมิตร เช่นเดียวกับนาวี่และอากิ ความสัมพันธ์พวกนั้นมันเหมือนกับอะไรบางอย่างที่ออกมาจากโชโจมังงะ
ความสัมพันธ์ของเธอกับเท็ปเซเคเมย์มันเหมือนกับแมวจับหนู เหมือนกับนักสืบและหัวขโมย มันเป็นสิ่งที่ผูกพันธ์กันอย่างแรงกล้ามากกว่ามิตรภาพ
นั่นหมายถึงการปฎิบัติกับคลาริสซ่าในแบบเดียวกันก็มีเหตุผล เนื่องจากว่าคลาริสซ่าเพิ่งจะหนีไปจากเธอ ดังนั้นมันก็ทำให้เจ้านายของคลาริสซ่าอย่างนาวี่ ลูเองก็เป็นแบบเดียวกัน
ราเรโกะกับไมยะถูกเทพธิดาฆ่าไปเรียบร้อยแล้ว พวกเธอคงตายไปพร้อมกับความเสียใจ พวกเธอคงจะเชียร์เชลซีอยู่ กำลังบอกว่า “พยายามเข้า อย่ายอมแพ้”
เด็กทั้งสองคนคือเพื่อนของเชลซี —เนื่องจากเด็กๆคือเพื่อนของเมจิคัลเกิร์ลตลอดมา
เธอสามารถนับมานาว่าเป็นเด็กได้เช่นกัน แล้วก็ 7753 —ใช่แล้ว เธออยู่ในชุดนอน ดังนั้นพวกเธอก็คือเพื่อนกัน เธอนั้นอยู่ในจุดเดียวกันกับเชลซีที่สวมชุดคลุมอาบน้ำ พวกเธอคือสหายชุดนอนนั่นเอง
อีกคนหนึ่ง ใช่แล้ว : แคลนเทลนั้นคือสัตว์ เมจิคัลเกิร์ลกับสัตว์นั้นเข้ากันได้ดี หากนับเธอในฐานะตัวละครมาสค็อต แบบนั้นก็เข้ากันได้ในตำแหน่งคู่หู
เทพธิดาเตรียมขวานในมือขวาพร้อม มือซ้ายที่ไม่ได้ใช้การที่อยู่ใกล้กับหน้าอกเปิดออกเล็กน้อย เชลซีเองก็เตรียมตัวพร้อมเช่นกัน เธอหายใจเข้าลึกๆแล้วก็ปล่อยออกมา ส่งพลังไปยังเส้นผมทุกเส้นจนเกิดเสียงดังขึ้นโดยรอบ แบบนี้ไม่เป็นไรแน่ เธอคือเมจิคัลเกิร์ลที่ยอดเยี่ยมที่สุด เธอค่อยๆปรับเครื่องประดับรูปดวงดาว รักษาระยะห่างสำหรับการเร่งเอาไว้
“เอาล่ะ!”
ด้านล่างของเครื่องประดับรูปดวงดาวครูดไปกับพื้นจนแตกออก เธอทำให้ดวงดาวบินอยู่ในระดับต่ำเพียงนิ้วเดียว เชลซีไม่ได้ตัวคนเดียว เธอรับความรู้สึกของทุกคนมา รากิ มิสมาร์เกอริต เนฟิเรีย เร็นเร็น อากิ เท็ปเซเคเมย์ คลาริสซ่า นาวี่ ราเรโกะ ไมยะ เด็กทั้งสองคน มานา 7753 และแคลนเทลที่ยืนอยู่ข้างเธอ พาสเทล เมรี่กับเชพเพิร์ดพายคอยดันเธออยู่จากด้านหลัง พลังงานลึกลับเอ่อล้นขึ้นมาจากภายใน อุณหภูมิร่างกายของเธอสูงขึ้น ความรู้สึกมากมายรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นพลังที่ห่อหุ้มตัวของเธอ
เทพธิดาเอามือซ้ายที่ว่างอยู่มาจับไว้ที่ด้ามขวานด้วยการเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ และยกขวานขึ้นด้วยท่าที่ชี้ขึ้นมาระดับสายตา ในเรื่องของการจับนั้นดูเหมือนกับเป็นผู้เชี่ยวชาญ มันเป็นวิธีการที่ดูน่าทึ่งในการจับอาวุธหลังจากที่เหวี่ยงไปมารอบๆด้วยมือแค่ข้างเดียว จากนั้นเทพธิดาก็หัวเราะออกมาอย่างชัดเจน เสียงนั้นมันเหมือนกังวาลกับระฆัง เชลซีไม่เคยได้ยินเสียงแบบนี้มาก่อน แต่มันก็น่ารัก เธอสัมผัสได้ถึงพลัง มันรวมตัวกันอยู่เป็นจุดเดียว ด้านคมของขวานกำลังเปลี่ยนไป มันค่อยๆกลายเป็นขวานรบขนาดยักษ์ที่ด้ามคมมีขนาดยาวราวหนึ่งเมตรครึ่งและกว้างราวครึ่งเมตร บางทีมันอาจจะฟังดูหยาบเกินไปที่จะเรียกว่าขวานรบ ถ้าพูดว่าอาวุธนี้กำลังถูกแกะสลักเป็นรูปขวาน เชลซีเองก็จะเชื่อ
เชลซีหรี่ตา มันไม่ใช่แค่ขนาดและรูปร่าง สีของด้านคมมันเข้มจนกลายเป็นสีดำ มันไม่ใช่สีดำที่มาจากแร่ มันดำเข้มยิ่งกว่าสีดำของเงา เชลซีเคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน แม่ของเธอมีเพื่อนที่มีปีกหลายปีกที่มีสีแบบนี้ เธอจำคนๆนั้นได้เพราะแม่ของเธอพูดกับอีกฝ่ายด้วยคำสุภาพ แม้ว่าจะมีคำง่ายๆที่ดูขี้เกียจผสมอยู่ด้วย —แต่มันก็มีอะไรบางอย่างที่บอกไม่ถูกแล่นผ่านกระดูกสันหลังของเชลซีไป อะไรบางอย่างที่ทำให้เธอสั่นสะท้านจนตั้งชื่อให้ไม่ได้ เธอหยุดตัวอย่างฉุกเฉินจนชายกระโปรงที่ขาดวิ่นขยับไปมา ทำให้ดวงดาวตั้งฉากกับพื้น ยืดเข่าที่งออยู่ออกไปเพื่อเปลี่ยนทิศทางไปทางอื่น
และมันก็แทบจะเป็นในเวลาเดียวกันที่เชลซีปลิวออกไป เครื่องประดับรูปดวงดาว พื้น เพดาน เศษหิน ทุกอย่างล้วนกระจัดกระจายออกไป ส่งเสียงดังก้องไปทั่วท้องฟ้า จากนั้นเสียงทุกเสียงก็หยุดลง กระทั่งสายลมก็ยังช้าลงไปด้วย แล้วแรงกระแทกอันรุนแรงก็ทุบเข้ามาที่ทั่วร่างกายของเชลซี
เธอเห็นเทพธิดาเข้ามาหาอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าที่ทุกสิ่งทุกอย่างบินออกไป เชลซีกำหมัด เธอสั่งดวงดาวที่อยู่ในมือเพื่อพยายามที่จะหนี และพริบตาให้หลัง เทพธิดาก็เจมตีเข้ามาเป็นแนวนอน
แม้เธอคิดว่าตัวเองจะหลบการโดนแบบตรงๆได้ ร่างกายของเชลซีก็ยังคงปลิวออกไป อะไรบางอย่างกระแทกเข้ากับแผ่นหลัง เธอไม่มีเวลาพอที่จะรู้ว่ามันคือกำแพงของอาคารหลักก่อนที่ตัวของเธอจะทะลุผ่านไปยังกำแพงชั้นถัดไปและถัดจากนั้น จากนั้นไหล่ของเธอก็กระแทกเข้ากับพื้นจนกระเด้งกระดอน และกลิ้งไปตามพื้น ทะลุประตูและไปแทกเข้ากับอะไรบางอย่างแบบรุนแรง มันกลิ้งไปพร้อมกับดวงดาวจำนวนมากอออกไปยังทุกทิศทาง เมรี่และคนอื่นๆควรจะอยู่ในที่ไหนซักที่ในอาคารหลัก เชลซีต้องเตือนพวกเธอ เชลซีต้องบอกให้พวกเธอซ่อนตัว
เธอไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แต่ภายในสมองของเธอ พลังงานมันพลุ่งพล่านอย่างรุนแรง เมื่อเธอหายใจออกมา มันก็มีฟองที่มีเลือดปนอยู่ก็ออกมาจากลมหายใจด้วย ความเจ็บปวดแทงทะลุไปทั่วร่างกาย เลือดของเธอกำลังไหลออกมาแบบไม่หยุด เธอพยายามลุกขึ้น แค่การพยายามขยับแขนขามันก็ทำให้รู้สึกเจ็บปวดแล้ว อะไรบางอย่างที่รู้สึกร้อนกำลังเอ่อขึ้นมาจากส่วนลึกของลำคอ เธอถ่มมันออกมา มันไม่ใช่อ้วก มันคือสิ่งที่ข้นและเหนียวที่มีเลือดผสมรวมอยู่ เลือดไม่ใช่แค่ออกมาจากปากของเธอ เธอถูกเฉือนตั้งแต่ไหล่ขวาจนมาถึงหน้าอก
เธอยกก้นขึ้นมาจากไม้ถูพื้นที่พังแล้ว เตะถังน้ำออกไป เอามือจับไม้กวาดเอาไว้ ใช้มันเหมือนกับไม้เท้าเพื่อลุกขึ้นยืน ภาพที่เธอมองเห็นกลายเป็นสีชมพูซีดจาง อีกฝั่งของประตูที่กำลังส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดและพังลงมานั้น เทพธิดาก็กำลังเงื้ออาวุธของตัวเองขึ้น
☆ รากิ สเว เน็นโต
ไม่นานหลังจากที่เขาเปิดประตูและมองเข้ามาภายในห้อง เมรี่ก็ส่งเสียงร้องออกมาเล็กน้อยและทรุดตัวลงไปอย่างอ่อนแรง แม้รากิจะรู้สึกกลัวอยู่บ้าง แต่ความอยากรู้ของเขานั้นมากยิ่งกว่า และความโมโหก็ทรงพลังยิ่งกว่านั้น มันเป็นสิ่งที่ทำให้ร่างกายของเขาขยับ เขาเดินไปที่เมรี่ คนที่ยังคงทรุดตัวลงพร้อมกับสั่นเทา และผลักประตูเพื่อเปิดออก ทำให้ภายในห้องสว่างขึ้นด้วยเวทมนตร์ที่ร่ายอยู่บนฝ่ามือ
มันมีภาชนะโปร่งใสที่มีขนาดใหญ่กว่ามนุษย์ธรรมดาสองเท่าตั้งวางอยู่กันเป็นแถว ภาชนะนั้นไม่ใช่ของที่แปลกประหลาดอะไรนัก ของพวกนี้สามารถพบเจอได้ในห้องทดลองในดินแดนเวทมนตร์ทุกๆที่ ปกติแล้วมันจะถูกใช้เป็นถังเพาะ เช่นเดียวกับที่ตั้งอยู่ในห้องนี้ ภาชนะพวกนี้มีไฟแสดงสถานะอยู่ มีสายไฟและสายยางที่ถูกเชื่อมต่อเอาไว้ด้วยเช่นกัน ของเหลวสีเขียวใสถูกใส่เอาไว้ในภาชนะ และมีร่างกายของเมจิคัลเกิร์ลลอยอยู่ภายใน ร่างกายที่ลอยอยู่นั้นมีเส้นผมยาวและสวมเสื้อคลุมสีขาวสะอาดตาซึ่งเหมือนกับรายละเอียดของเมจิคัลเกิร์ลบ้าคลั่งที่กำลังอาวะลาดอยู่บนเกาะแห่งนี้
รากิกวาดสายตามองจากท้ายห้องไปยังอีกด้านอย่างรวดเร็ว มันมีภาชนะอยู่ทั้งหมดสิบและมีร่างของเมจิคัลเกิร์ลที่ลอยอยู่ด้านในเก้าร่าง หนึ่งภาชนะนั้นว่างเปล่า รากิเดินเข้าไปหาและเอาฝ่ามือสัมผัสกับกระจก เมื่อเขาเข้าไปใกล้พอที่หน้าผากจะสัมผัสนั้น เขาก็มองเข้าไปด้านใน ของเหลว —บางทีอาจจะเป็นของเหลวจากการเพาะ— รวมกันอยู่ที่ด้านล่าง ภายในของภาชนะเองก็เปียกชื้น การคิดว่ามีเมจิคัลเกิร์ลอยู่ที่นี่จนถึงเมื่อไม่นานมานี้ก็สมเหตุสมผล
รากิหันกลับไปและเรียกหาเมรี่ “ไม่ต้องกลัว ที่นี่ยังไม่ได้ถูกตั้งค่าให้ปฎิบัติการอะไร”
เมรี่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เธอเอนตัวพิงกับกำแพงและลุกขึ้นยืน จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อีกครั้ง ดวงตาของเธอนั้นแดงก่ำ ขนตาล่างเองก็เปียกชิ้นจนติดอยู่กับใบหน้า “เอ่อ… มันว่างไปถังนึง… คนที่เคยอยู่ในนั้น…?”
“มันเป็นเรื่องปกติที่จะคิดว่าเป็นคนที่อาวะวาดอยู่ข้างนอก”
ดวงตาของเมรี่เบิกกว้าง มือที่สัมผัสกับกำแพงอยู่ก็แข็งเกร็ง กำแพงมันส่งเสียงและแตกออก เศษเล็กๆที่หล่นลงมาจากกำแพงเด้งไปตามพื้น และมันก็กลิ้งมาที่เท้าของรากิ
“แบบนั้นก็ไม่ใช่ว่า… ถ้าพวกเราใช้… เอ่อ เก้าคนที่อยู่ในนั้น พวกเราก็จะสามารถรับมือกับคนที่อาละวาดอยู่ได้หรอกเหรอ? ถ้าเป็นเก้าต่อหนึ่ง แบบนั้นก็หมายความว่าไม่มีทางแพ้นี่?”
“ชั้นเพิ่งพูดไปนะว่ามันไม่ได้ถูกตั้งค่าให้ปฎิบัติการอะไร” รากิหันหน้าออกไปจากเมรี่ คนที่ผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด เพื่อหันเข้าไปในห้อง เขาค้นภายในห้องด้วยการใช้แสงส่องจากมุมหนึ่งไปยังอีกมุม นอกเหนือจากภาชนะและสิ่งที่อยู่ด้านในแล้ว มันก็มีแค่ตู้ที่มีความสูงสองเมตรยาวห้าเมตรที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง ประตูของตู้นั้นถูกเปิดออก ไม่ได้ถูกล็อคเอาไว้ มันเต็มไปด้วยกองเอกสารหลายประเภทที่ดูเหมือนจะเป็นบันทึกและข้อมูล รากิหยิบมันขึ้นมาดูและคิ้วก็ย่นเข้าหากัน มันถูกเขียนเอาไว้ด้วยภาษาโบราณ เขาดึงเอาสิ่งที่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์ออกมาและโยนเอาไปไว้ด้านข้าง ฝุ่นนั้นฟุ้งขึ้นมาในตอนที่เขาโยนเอกสารลงไปกองที่พื้น เมื่อทำไปได้ราวครึ่งทาง เขาก็พบว่ามันมีอะไรบางอย่างที่เขียนเอาไว้ที่เหมือนจะดูเป็นอย่างเดียวกัน มันคือหนังสือที่ดูเหมือนคู่มือการใช้งาน
“…ฟรานซิสก้า ฟรานเชสก้า” รากิพึมพำ
“นั่นอะไรเหรอ?” เมรี่ถามเขา
“ชื่อของสิ่งที่อยู่ที่นี่”
การสะกดและไวยากรณ์เป็นไปตามแบบฉบับของอักษรโบราณในยุคถัดมา มันเหมือนกับฉลากที่เขียนเอาไว้บนยากลั้วคอ —แบบนี้ก็ไม่ได้หมายความว่ามันถูกเขียนขึ้นมาด้วยคนๆเดียวกันหรอกเหรอ?
รอยย่นระหว่างคิ้วรากิมันลึกขึ้นยิ่งกว่าเดิม สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนกับเป็นห้องทดลองลับ ซึ่งมันเข้ากันได้กับความเป็นเด็กที่ไร้ขอบเขตของซาตาบอร์น รากิยังคงรู้สึกถึงการยั่วยุที่ดูไม่เป็นผู้ใหญ่อย่างการที่ใช้ภาษาโบราณเล็กน้อยในการเขียนเอกสาร ราวกับจะบอกว่า “ถ้าคิดว่าตัวเองเป็นนักวิจัยล่ะก็ แน่นอนว่าต้องอ่านออก”
รากิบิดซีลของขวดที่เขียนเอาไว้ว่า ยาแก้ปวดท้อง แล้วดื่มของเหลวที่ข้นหนืดลงไป ฉลากนี้เองก็ถูกเขียนเอาไว้ด้วยภาษาโบราณ จากการที่รูปแบบนั้นเหมือนกัน ซาตาบอร์นคงจะเขียนมันเอาไว้ ซาตาบอร์นคงจะเป็นคนที่ทำปรุงยาและเขียนผลลัพธ์เอง เช่นเดียวกับการปรับส่วนผสม แม้ยากลั้วคอที่ทำขึ้นมายังมีคุณสมบัติที่ซ่อนอยู่อย่างการทำให้จอมเวทที่สลบอยู่ฟื้นขึ้นมาได้ แต่มันจะมีผลในทันทีเลยรึเปล่า? นี่คือซาตาบอร์น ดังนั้นมันคงถูกทำขึ้นมาเป็นพิเศษด้วยการลงแรงแบบเกินตัวเพื่อโอ้อวดแน่
รากิดื่มยาแก้ปวดท้องลงไปครึ่งหนึ่งแล้วใส่เข้าไปในเสื้อคลุม เขาอยากที่จะโอดครวญออกมาที่ตัวเองลำบากจนต้องพึ่งพายาที่น่าสงสัยของซาตาบอร์น แต่เขาก็มีบางอย่างที่สำคัญกว่าที่ต้องทำ
“คุณรากิ”
“เดี๋ยวก่อน”
เขาพลิกหน้ากระดาษ เขาเข้าใจเรื่องสำคัญของประเด็นหลักแล้ว เอกสารนี่ก็คือคู่มือ รายละเอียดนั้นบอกเอาไว้แค่ว่าสิ่งที่เสร็จสมบูรณ์คืออะไร รากิเอานิ้วมาแตะไว้ที่ระหว่างคิ้วและถูเข้าไปที่รอยย่น มันไม่ผิดแน่ นี่คือร่างเมจิคัลเกิร์ลที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นร่างเกิดใหม่ของหนึ่งในสามปราชญ์ เขากัดริมฝีปากด้านล่างเล็กน้อย นี่ไม่ใช่สิ่งที่เมจิคัลเกิร์ลทั่วไปจะจัดการได้เมื่อถูกเปิดใช้งาน แม้ว่าจะไม่ได้มีวิญญาณถูกอัญเชิญมาสถิตอยู่ก็ตาม
ไม่มีทางที่จะหยุดการทำงานเลยรึไง? มันควรจะมีวิธีการหยุดยั้งสำหรับกรณีฉุกเฉินอยู่สิ
เขากัดฟันเมื่อพลิกหน้ากระดาษไปถึงหน้าสุดท้าย มันมีหน้ากระดาษที่ขาดหายไป มันคือส่วนที่เกี่ยวข้องกับจุดอ่อนของฟรานเชสก้า ใครบางคนฉีกมันออกไปรึไงนะ?
นอกจากความโกรธและความสิ้นหวังที่พุ่งสูงขึ้นแล้ว เขาก็ยังคงมีความรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ เขาพลิกหน้ากระดาษดูอีกครั้ง อ่านคู่มือนอกจากส่วนที่ขาดไปซ้ำอีกครั้ง แล้วก็ตั้งสมมติฐานขึ้นมา การคิดว่าส่วนที่ขาดหายไปคือจุดอ่อนร้ายแรงของฟรานเชสก้าคงไม่แปลกนัก ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งที่ทำให้หยุดหรือยาที่ทำให้หยุดยั้งได้จากการแค่ดมกลิ่น ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน มันก็หมายความว่าสามารถหยุดได้
จากการคำนวนย้อนกลับ เขาก็บอกได้ว่าไม่มีอะไรอย่างอื่นที่เขียนเอาไว้ในหน้าที่ถูกฉีกออก มันไม่ได้มีมีพื้นที่พอที่จะเขียนอะไรที่มากเกินไป
แบบนั้น…ก็น่าแปลก
ทุกอย่างนอกจากเรื่องของจุดอ่อนถูกเขียนเอาไว้ รากิอ่านมันซ้ำทั้งหมดอีกครั้งสามรอบ และความสงสัยของเขาก็เพิ่มมากยิ่งขึ้น เมจิคัลเกิร์ลที่ถูกเรียกว่าฟรานซิสก้า ฟรานเชสก้าเหมาะสมเกินไปในฐานะภาชนะ เธอแข็งแกร่ง รวดเร็ว งดงาม และมีเวทมนตร์ที่ทรงพลัง —แต่ทั้งหมดก็มีเพียงเท่านั้น
รากิรู้ว่า —ถ้าซาตาบอร์นเป็นคนที่พัฒนามันขึ้นมา มันก็ไม่มีทางที่เขาจะสร้างอะไรที่ยอดเยี่ยมออกมาแบบเรียบง่ายและไม่มีอะไรอย่างอื่น วิธีการทำงานตามปกติของเขาจะรวมเอาเทคโนโลยีใหม่ๆเข้าไว้ด้วยกันอย่างภาคภูมิใจเพื่อที่จะโอ้อวด
เรื่องของยากลั้วคอมันลอยขึ้นมาในใจ มันชัดเจนว่าซาตาบอร์นทำอะไรเกินจำเป็นสำหรับการที่จะเป็นยากลั้วคอทั่วไป ผลไม้สีเทาเองก็เป็นแบบนี้เช่นกัน มันเป็นการปรับปรุงสายพันธุ์ตามแบบฉบับของซาตาบอร์น แม้ว่าจะมีข้อบกพร่องอยู่ เขาก็จะซ่อนมันเอาไว้
ความเหน็บหนาวแล่นผ่านแผ่นหลัง แขนขวาขวาของเขาจับแขนซ้ายเอาไว้โดยที่ไม่รู้ตัว
การเขียนคู่มือการใช้งานด้วยภาษาโบราณมันดูเหมือนเป็นงานอดิเรก รากิจินตนาการถึงซาตาบอร์นที่จะคิดว่าถ้าไม่เข้าใจ แบบนั้นก็หมายถึงเรียนมาไม่มากพอออกมาได้ แบบนั้นสำหรับฟรานเชสก้าก็ไม่ใช่ว่าเหมือนกันหรอกเหรอ? คนที่พยายามจะใช้งานเธอโดยที่ไม่ได้พยายามมองดูเรื่องนี้ ก็จะถูกดุด่าด้วยท่าทางที่เหมือนอาจารย์กำลังดุลูกศิษย์ “ไม่ ไม่ ไม่ ทำแบบนั้นไม่ได้”
“คุณรากิ!”
“ชั้นบอกให้รอก่อน”
“นี่! นี่!”
เมื่อเขามองกลับไปที่เมรี่ด้วยท่าทีไม่พอใจเพื่อจะถามว่า “มีอะไรรึไง?” ตัวของเธอก็ถูกกระแทกเข้ากับกำแพง ไม่สิ เธอไม่ได้ถูกกระแทก เธอเอาตัวเองกระแทกเข้าหากำแพงด้วยท่าทางที่ผิดธรรมชาติมาก ตัวของเธอกระแทกเข้ากับพื้นไปทั่วจากนั้นก็กระแทกเข้ากับเพดาน ราวกับว่าถูกเหวี่ยงไปรอบๆด้วยอะไรบางอย่าง
“ทำอะไรของเธอ?! นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาเล่นนะ!” รากิตะโกน
“ไม่ใช่! เราไม่ได้เล่น!”
ไม่ว่าความตั้งใจของเมรี่จะคืออะไร จอมเวทอย่างรากิก็ไม่สามารถทำอะไรกับเมจิคัลเกิร์ลที่วิ่งพล่านไปทั่วอย่างตื่นตระหนกได้ พอรากิรีบเข้าไปที่มุมห้อง เมรี่ก็ทำร้ายตัวเองซ้ำๆแบบนี้สามไม่ก็สี่ครั้ง ในครั้งที่ห้า ใบหน้าของเธอก็กระแทกเข้ากับพื้นอย่างรุนแรง และเมื่อเธอกระโดดขึ้นไปเป็นครั้งที่หก เสียงที่เกิดขึ้นก็ทำให้ทั่วทั้งห้องสั่นอย่างทันทีทันใด รากิจับตู้เพื่อพยุงตัวเอาไว้ในทันที กำแพงและพื้นนั้นสั่นสะเทือนจนมีฝุ่นร่วงลงมาจากเพดาน เมรี่ทิ้งตัวลงกับพื้นและหยุดเคลื่อนไหว
รากิไม่แน่ใจว่าควรจะเรียกเธอดีรึเปล่า แต่เมรี่ก็ยกตัวและลุกขึ้นยืนอีกครั้งพร้อมกับไหล่ที่ลู่ลงอย่างอ่อนแรง เธอหายใจหอบเหนื่อยอย่างไร้เรี่ยวแรง แต่เขายังคงสัมผัสได้ถึงพลังในดวงตา —ถ้าหักลบเรื่องที่ตอนแรกเป็นยังไงไปแล้ว และนี่ไม่ใช่ใบหน้าของคนที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งแต่อย่างใด
“…เกิดอะไรขึ้น?” รากิถาม
“ก่อนหน้านี้มันมีการสั่นอย่างรุนแรง เหมือนกับครั้งนี้เลย มันมีบางคนที่ต่อสู้อยู่แถวๆทางเข้า”
รากิเดาะลิ้นอย่างเงียบๆ เขารู้สึกได้แค่แรงสั่นสะเทือนที่เพิ่งเกิดขึ้น แบบนี้ก็หมายความว่าเขาจดจ่ออยู่กับคู่มือมากเกินไปจนไม่ได้รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นงั้นเหรอ? หากพูดว่ามันเป็นเรื่องปกติ บางทีมันก็คงเป็นเรื่องปกติ แต่จากสถานการณ์ในตอนนี้ เขาก็เรียกไม่ได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะเลย
เมรี่ที่ดูสิ้นหวังยังคงพูดต่อ “เราสงสัยว่าเป็นใครกันนะ… แล้วพอเราแง้มประตู เจ้านี่ก็ลอยเข้ามา มันอันตรายสุดๆเลย เราโดนลากไปทั่วเลย ตัวของเรากระแทกกับทั้งทางเดินแล้วก็ประตูกว่าที่จะจับเอาไว้ได้”
“อย่าทำอะไรที่มันอันตรายสิ! อย่าเปิดทางเข้าโดยที่ไม่ถามด้วย”
“ก็เราบอกคุณรากิแล้ว แต่คุณรากิไม่ฟังเราเลย!” เมื่อพาสเทล เมรี่แบมือออกอย่างอายๆ มันก็มีก้อนหินกลมๆอยู่ —ซึ่งมันดูเหมือนกับดวงดาวดวงเล็กๆ เมรี่เอาฝ่ามือเข้าไปใกล้ใบหน้าและจ้องมองดูที่ก้อนหิน จากนั้นเธอก็มองมาที่รากิ “เอ่อ… นี่มันคือดวงดาวของเชลซีไม่ใช่เหรอ?”
รากิพยักหน้า “บางทีนะ” ดวงดาวที่เชลซีควบคุมมันมีรูปทรงและขนาดประมาณนี้ ทำไมเชลซีถึงส่งมันมา แล้วทำไมมันถึงหยุดเคลื่อนไหวล่ะ? รอยย่นมันก่อตัวขึ้นตรงระหว่างคิ้วในตอนที่เขาใช้ความคิด และเมื่อคิดว่ามันเชื่อมโยงกับการสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้น เขาก็เริ่มอ้าปาก จากนั้นก็กัดลงไปที่ริมฝีปากด้านล่างเพื่อพยายามไม่ให้คำพูดมันหลุดออกมา
☆ มิสมาร์เกอริต
ตรงริมแม่น้ำ ทุกสิ่งที่เหลืออยู่คือรอยไหม้และรอยของการระเบิดที่เป็นวงกลม รอยเท้าของเทพธิดาและเส้นทางการทำลายล้างมันไม่ได้บ่งบอกถึงมุ่งหน้าไปยังที่ไหนเลย
มิสมาร์เกอริตมองลงมาที่ร่องรอยการทำลายและรู้สึกเจ็บปวด แคลนเทลที่ยืนคุ้มกันอยู่ก็ดูไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ แต่เธอก็คงจะคิดในแบบเดียวกัน มิสมาร์เกอริตรู้จากประสบการณ์ว่าเทพธิดาสามารถบินได้ด้วยการใช้ขวานสร้างการระเบิดอย่างต่อเนื่อง พวกเธอรู้ว่าหากเทพธิดาใช้วิธีนั้น พวกเธอก็ไม่สามารถแกะรอยเทพธิดาได้อีกต่อไป
แต่เธอก็คิดว่า เทพธิดานั้นไม่สามารถรับรู้ถึงพวกเธอสองคนที่สูญเสียการแปลงร่างไปอย่างเห็นได้ชัด ทำไมเทพธิดาถึงเลือกการเคลื่อนไหวด้วยการบินในเมื่อไม่ได้รู้ถึงทั้งสองคนที่ตามมากันล่ะ? นี่มันหมายถึงอะไรบางอย่างรึเปล่า?
เธอบอกตัวเองว่าต่อให้เส้นทางของเทพธิดาสิ้นสุดลง มันก็ไม่ได้เปลี่ยนสิ่งที่พวกเธอจะต้องทำ พวกเธอแลกเปลี่ยนเรื่องที่ตัวเองรู้เกี่ยวกับเทพธิดา ถ้าพวกเธอมีผลไม้สีเทาเหลือ พวกเธอก็จะแบ่งกัน หากมีใครซักคนที่จำเป็นต้องถูกปกป้อง พวกเธอก็จะปกป้อง เธออยากรู้ว่าโทตะยังปลอดภัยดีอยู่รึเปล่าด้วย
เธอโบกนิ้วให้แคลนเทลเพื่อบอกว่าพวกเธอจะเข้าไปในป่า ที่ริมแม่น้ำมันไม่ได้มีสิ่งกีดขวางมากนัก แถมถ้าไม่พูดถึงเรื่องที่สามารถลื่นได้ง่ายๆแล้ว มันก็ง่ายที่จะวิ่งมาที่จุดนี้ กลับกันแล้วภายในป่านั้นมีสิ่งกีดขวางที่มากกว่า
พวกเธอเดินไปตามเส้นทางเดียวกันกับเทพธิดา แคลนเทลเดินนำอยู่ด้านหน้า ในขณะที่มิสมาร์เกอริตคอยป้องกันอยู่ด้านหลัง บทบาทของพวกเธอนั้นสลับกันจากตอนที่อยู่ริมแม่น้ำ มันดีสำหรับคนที่เคยชินกับกิจกรรมกลางแจ้ง —แม้ว่าแคลนเทลจะไม่ได้พูดถึงมัน แต่แน่นอนว่าคงจะเป็นเช่นนั้น— ที่จะไปก่อน แต่มันก็สร้างภาระให้กับเธอ
อย่างน้อยมิสมาร์เกอริตก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง เธอคอยระวังและมองสิ่งรอบตัว ระหว่างทางนั้นมันมีอะไรหลายอย่างมากกว่าตอนที่อยู่ตรงแม่น้ำ ทัศนวิศัยเองก็แย่ด้วย การก้าวเท้าเองก็เช่นกัน ระหว่างทางแคลนเทลสะดุดล้มและรีบลุกขึ้นมา หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็สะดุดล้มลงไปและลุกขึ้นมาอีกครั้ง
“เป็นอะไรรึเปล่า?” มิสมาร์เกอริตถาม
“ไม่เป็นอะไร”
“บางที… เธอมองเห็นได้ไม่ชัดรึเปล่า? ชั้นคิดว่าเธอดูตั้งใจนะ… เอ่อ แววตามันดูเป็นแบบนั้น”
“ชั้นไม่เป็นอะไร”
“มาเปลี่ยนตำแหน่งกันดีกว่านะ”
“ชั้นไม่เป็นอะไร ถ้าเพ่งดูมันก็มองเห็นได้”
“นี่ ตอนนี้น่ะ—”
มันมีเสียงระเบิดและแผ่นดินสั่นไหว ทั้งสองคนช่วยพยุงตัวกันและกัน จับเปลือกไม้ของต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆเอาไว้ ก้มต่ำและเตรียมตัวพร้อม
พื้นดินที่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงหยุดลงแล้ว แคลนเทลมองไปทางขวา แล้วก็มองมาทางซ้าย จากนั้นก็มองเข้าไปในป่า “ไม่ใช่ว่า… ที่อาคารหลัก?”
หลังจากที่เดินและวิ่งไปมารอบๆแล้ว ณ จุดนี้ สัมผัสเรื่องทิศทางของมิสมาร์เกอริตนั้นเลือนร่างและค่อนข้างจะอ่อนแอ แต่เมื่อพอแคลนเทลพูดออกมาแล้ว มันเหมือนว่าจะถูกต้อง
ต้นไม้ที่อยู่ตรงนี้มันสูง ดังนั้นตัวอาคารหลักจึงไม่สามารถมองเห็นจากที่นี่ได้ มิสมาร์เกอริตเริ่มคิดสิ่งที่พวกเธอควรจะทำ แต่ก่อนที่เธอจะคิดอะไรออกมาได้นั้น แคลนเทลก็เคลื่อนไหว เธอเอามือแตะไปที่ต้นไม้ที่อยู่ค่อนข้างใหญ่เพื่อพยุงตัวก่อนที่จะปีนขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ความคิดแย่ๆทุกอย่างของมิสมาร์เกอริตที่เป็นผู้หญิงที่มีอารยธรรมที่คิดว่า มือเปล่ากับเท้าเปล่าแบบนี้มันไม่เจ็บเหรอ? ไม่ใช่ว่ามันยากรึไง? เธอมองเห็นได้ดีจริงๆใช่ไหม? ได้ถูกบดทิ้งไปด้วยมือและเท้าที่ปีนขึ้นไปบนต้นไม้ แคลนเทลเกร็งกล้ามเนื้อไปด้วยในตอนที่เคลื่อนไหวพร้อมกับแรงที่ต่างจากเมจิคัลเกิร์ล
เธอโผล่หน้าออกมาจากใบไม้ที่อยู่ใกล้กับยอดและส่งเสียงเรียก “อ่าาา” ซึ่งเหมือนกับการถอนหายใจ เธอหันศีรษะจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านเพื่อมองไปรอบๆ และในคราวนี้เธอก็ตะโกนว่า “อ๊าาา!” ออกมาอย่างตกใจ แคลนเทลรีบลงมาจากต้นไม้เหมือนกับว่ากำลังตื่นตระหนก ในระหว่างทางนั้น กิ่งไม้มันก็แทงเข้าไปในกระโปรงของเธอ แต่เธอก็ไม่รู้ตัวและพยายามลงมา ซึ่งมันทำให้ตัวของเธอเสียสมดุล การที่ลงมาอย่างรวดเร็วอย่างรวดเร็วมันแทบจะทำให้เธอตกลงมา ตัวของเธอกระแทกเข้ากับกิ่งไม้ แต่ก็ทรงตัวเอาไว้ได้ก่อนที่จะเด้งออก จากนั้นก็ปีนต้นไม้ขึ้นไปครึ่งทางอีกครั้งเพื่อจับเอากระโปรงที่หลุดออก เมื่อลงมาแล้วเธอก็ใส่กระโปรงกลับไปเหมือนเดิมแล้วก็ถอนหายใจออกมา
“อาคารหลักพังไปแล้ว” แคลนเทลพูด “แล้วก็ พวกเธออยู่ที่นั่นด้วย”
“ใครกันล่ะ?”
“กำลังส่งเสียงเรียกและโบกมือ”
“อย่างที่ชั้นพูด อีกฝ่าย น่ะใคร?”
แคลนเทลเปิดปากออกเพื่อจะพูด แต่คำพูดนั้นก็ไม่ได้ออกมา ในตอนที่มิสมาร์เกอริตคิดว่าจะพูดเพื่อกระตุ้นแคลนเทล เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้า เมื่อเธอหันไปรอบๆ มันก็มีรอยยิ้มที่ยิ้มกว้างออกมา มิสมาร์เกอริตคว้าตัวโทตะที่กระโดดเข้าหาพร้อมกับร้องไห้เอาไว้ จากนั้นเมื่อโยลตามหลังมา เธอก็จับโยลเอาไว้ไม่ได้จนล้มตัวลงกับพื้น
ในตอนนี้มิสมาร์เกอริตเข้าใจแล้วว่าแคลนเทลปีนต้นไม้ขึ้นไปเพื่อที่จะยืนยันว่าเสียงที่เธอได้ยินดังมาจากทางอาคารหลัก จากนั้นเธอ โทตะ และโยลก็มองเห็นตัวของกันและกันเพราะทั้งคู่พยายามมองจากที่สูง และแคลนเทลก็ไม่สามารถบอกว่าเธอเห็นอะไรได้เพราะโทตะกับโยลไม่ได้พูดชื่อออกมา
พวกเธอยังคงอยู่ท่ามกลางความอันตรายและภัยภิบัติ แต่การที่จะรู้สึกดีใจซักครู่หนึ่งนั้นก็ไม่เป็นอะไร เธอพยักหน้าให้กับแคลนเทลในตอนที่แก้มของตัวเองเป็นสีแดงเรื่อ มิสมาร์เกอริตลูบเส้นผมของเด็กทั้งสองที่ก้มหน้าเข้ามาหา
เมื่อเธอสัมผัสได้ถึงเสียงและแรงสั่นสะเทือนที่ดังกว่าครั้งก่อนหน้า เธอก็หยุดลูบทั้งสองคนและหันไปมองในทิศทางที่เกิดเสียง ความกังวลและความกระวนกระวายต่างก็อยู่บนในหน้าของทุกคนที่มองไปในทิศทางเดียวกัน ฝุ่นควันพวยพุ่งขึ้น ภาพที่มองเห็นมันทำให้พวกเธอรู้ว่า ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ ที่อาคารหลักก็ไม่ได้ปลอดภัยอีกแล้ว จากนั้นมันก็มีรูปร่างปรากฏขึ้นในฝุ่นควัน มันเป็นเพียงแค่ฝุ่นสีน้ำตาลเข้มและหายไปในทันที
มิสมาร์เกอริตได้ยินเสียงใครบางคนกลืนน้ำลาย เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา ไม่ใช่ว่านั่นคือเทพธิดาหรอกเหรอ?
เธอกำลังมองมาที่พวกเรา…? ไม่สิ ไม่ใช่ ชั้นไม่คิดว่าเธอจะรับรู้ตัวตนพวกเราได้ หรือการที่ชั้นคิดว่าเธอรับรู้ถึงตัวตนของพวกเราไม่ได้มันจะผิดกันนะ? แต่ในตอนนั้นชั้นแน่ใจ…
ดวงตาของมิสมาร์เกอริตมองลงมาที่โยล คนยังคงกอดหน้าอกของเธอเอาไว้ ใครบางคนที่ไม่ใช่เมจิคัลเกิร์ลอยู่ที่นี่กับพวกเธอ เธอแน่ใจว่าตัวเองรับรู้ถึงเรื่องนี้ —สุดท้ายแล้ว ตัวของเธอก็รับรู้ตัวตนของเมจิคัลเกิร์ลได้ ใครบางคนส่งเสียงร้องออกมา และมันก็มีอะไรบางอย่างที่คุ้นเคยโยนเข้ามาหาเธอ
มันคือผลไม้สีเทา เธอตอบสนองด้วยการรับมันเอาไว้ เธอมองไปที่ต้นเสียง โทตะ คนที่เอาผลไม้สีเทามาให้เธอนั้น กำลังมองเธอด้วยท่าทางที่ดูเหมือนว่าทำหน้าที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว แม้จะรู้สึกเหนื่อยแต่ก็พึงพอใจ
MANGA DISCUSSION