ไม่มีเมจิคัลเกิร์ลในงานชมดอกไม้นี้เลย
เธอเงยหน้าขึ้นมอง สิ่งที่อยู่ด้านบนคือกิ่งก้านที่เต็มไปด้วยสีชมพูอ่อนของดอกซากุระที่พริ้วไหวจนมองเห็นท้องฟ้าสีครามได้ กลีบดอกไม้กลีบหนึ่งร่วงลงมาอย่างเชื่องช้าและแผ่วเบาบนหน้าผากของซานาเอะ ทำให้รู้สึกราวกับว่าได้เข้าใกล้ดอกซากุระที่บานสะพรั่งขึ้นอีกนิด ไม่ว่าดอกไม้เหล่านี้จะงดงามมากแค่ไหน การที่มีอยู่มากมายในจุดเดียวก็ดูประหลาด
เธอไม่เคยคิดเรื่องอะไรแบบนี้มาก่อน เธอมีอะไรมากมายก่ายกองที่ต้องทำและมันก็สำคัญกว่าการจ้องมองหรือคิดเรื่องซากุระ แต่ในตอนนี้ ซานาเอะมีช่วงเวลาสบายๆในการมองดูกลีบซากุระที่ร่วงลงมา พูดในอีกแง่หนึ่ง เธอกำลังบ่นออกมาว่าชีวิตตัวเองลำบากแค่ไหน
หลังจากจบช่วงฝึกงาน ซานาเอะก็ถูกมอบหมายหน้าที่ในแผนกโดดเด่นอันเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของเธอ เพราะเหตุนั้นจู่ๆเธอก็มีแรงฮึดขึ้นอย่างกระทันหัน เธอลดเวลานอนของตัวเองลง แล้วใช้จังหวะในช่วงระหว่างเวลาทำงานชี้ถึงสิ่งเล็กและใหญ่ที่ไร้ประสิทธิภาพ ถ้าทำให้ถูกมันก็ยังมีอีกหลายจุดที่สามารถตัดค่าใช้จ่ายได้ เธอวางแผนจะตัดมิตรผู้ไร้ประโยชน์ออกไปแล้วทำให้บริษัทมีประสิทธิภาพและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
ซานาเอะภูมิใจในงานของตัวเอง แต่พอหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่เธอได้รับมอบหมาย ในตอนที่เธอจุดประเด็นปัญหาเรื่องสถานการณ์ในปัจจุบัน หัวหน้าก็มองดูเธอราวกับเป็นขยะ ความคิดของเธอไม่ถูกยอมรับ และนับตั้งแต่นั้น เธอกับหัวหน้าและรุ่นพี่ก็กระทบกระทั่งกันแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย จนทำให้ตัวเองเด่นดังในฐานะพนักงานเจ้าปัญหา
มันเป็นโชคร้ายที่เธอต้องตกอยู่ภายใต้การจัดการที่แสนจะงี่เง่า หัวหน้าของเธอเป็นไอ้งั่งที่คิดอยู่ในใจว่า ถ้าอะไรไม่พังก็ไม่ต้องซ่อม ซึ่งมันนำไปสู่ความล้มเหลวจนกลายเป็นปัญหา ก้าวแรกของเธอที่ควรจะก้าวไปสู่ประตูแห่งความสำเร็จ กลับกลายเป็นการโยนซานาเอะลงสู่ห้วงนรก การถูกย้ายไปยังบริษัทลูกแบบนี้มันชัดเจนว่ายากต่อการเลื่อนขั้นเป็นผู้บริหาร
ลงท้ายซานาเอะก็มาทำงานออฟฟิศในเมือง N และได้แต่ทำงานที่ใครๆก็สามารถทำได้ เธอกัดฟันสู้ทุกเรื่องจนกระทั่งถูกขอให้หาจุดชมดอกซากุระสำหรับงานสังสรรค์
ตอนเป็นนักเรียนเธอเองก็มีเรื่องน่ารำคาญมากมาย และมันก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่เข้าทำงาน เธอควรจะไต่เต้าขึ้นไปสูงและผ่านเส้นทางอันแสนลำบากไปได้ แต่ยิ่งเธอเดินหน้าไปมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งมีแรงต้านเข้ามาหาจากรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนชั้นนำหรือหนึ่งในบริษัทการค้าขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น มันก็มีพวกไร้ความสามารถที่ฉุดซานาเอะลงมา
ตั้งแต่สมัยเด็ก ซานาเอะ โมคุโอก็มุ่งมั่นที่จะยืนกรานว่าสิ่งที่ถูกต้องก็คือสิ่งที่ถูกต้อง เธอมีความจำดีเป็นพิเศษและมีสติปัญญาที่สนับสนุนสิ่งที่พูดว่าเป็นสิ่งที่ถูก ไม่ว่าจะเป็นตอนสอบเข้าหรือสอบวุฒิอะไรก็ตาม ซานาเอะก็เป็นผู้ชนะโดยตลอด หากคนบางคนที่เป็นท็อปของชั้นเรียนในสถาบันอุดมศึกษาบนจุดสูงสุดของประเทศพูดเช่นนั้น มันก็ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และมันก็เป็นเช่นนั้นเสมอมา
หากถามซานาเอะว่าในตอนนี้เธอคือผู้ชนะรึเปล่า คำตอบนั้นก็คือไม่
บางทีถ้าหากเธอไปต่างประเทศ การทำสิ่งเดียวกันก็คงจะถูกตัดสินต่างออกไป ไม่สิ —พวกงี่เง่าที่ไม่มีในสิ่งที่ผู้นำควรมี ไม่ควรจะมีบทบาทในเรื่องการจัดการเพราะระบบอาวุโสเก่าแก่แสนน่ารังเกียจตั้งแต่แรก
การยอมรับว่าตัวเองแพ้เพราะไอ้โง่บางตัว มันก็คืออีกสิ่งหนึ่งที่เธอไม่อยากทำอย่างเด็ดขาด หลังจากเรียนจบและได้งานที่บริษัทดีๆ เธอก็รู้สึกถึงการค้นหาสิ่งใหม่ๆและมันก็อยู่ในจุดที่สามารถสูญเสียไปได้เช่นเดียวกัน หากเธอล้มเหลวเพราะความผิดพลาดของตัวเองมันก็ให้อภัยได้ แต่เธอทนไม่ได้หากพ่ายแพ้เพราะไอ้พวกโง่ เธอจะออกจากงานปัจจุบันที่ทำอยู่แม้ว่าตัวงานจะเหมาะกับเธอมากก็ตาม
นี่ไม่ใช่เรื่องหัวรั้น แต่เธอแค่จู้จี้นิดหน่อยเท่านั้น เธอทนกับการตกเป็นเป้าไม่ได้ในเมื่อเธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เธอเอาใจใส่ในงานที่ได้รับมอบหมาย 110% อยู่เสมอ —ถึงจะเป็นงานที่ใครๆก็สามารถทำได้และรู้สึกไม่ชอบใจเรื่องสถานการณ์ของตัวเองอยู่ก็ตาม
หากเธอถูกบอกให้เติมน้ำชา แบบนั้นเธอก็จะค้นหาข้อมูลทางออนไลน์ และไปยังห้องสมุดเพื่อค้นหาหนังสือที่ช่วยให้สามารถหาวิธีรินน้ำชาที่ทำจากใบชาราคาถูกให้รสชาติดีขึ้นได้แม้จะเพียงก็น้อยก็ตาม หากเธอถูกขอให้ถ่ายเอกสาร เธอก็จะอ่านคู่มือเครื่องถ่ายเอกสารอย่างละเอียดทุกบรรทัด จนกระทั่งตัวเองสามารถจัดการได้ทุกอย่าง ตั้งแต่เรื่องซ่อมแซมตามกำหนดไปจนถึงงานที่มืออาชีพยังหัวหมุน
การหาจุดชมดอกซากุระเองก็ไม่ต่างกัน เธอขี่จักรยานพับได้ของตัวเองไปรอบๆเมือง N เพื่อมองหาจุดที่ดีที่สุด จุดอันสวยงามที่ยังไม่ถูกพบเห็นราวกับเป็นอัญมณีที่ซ่อนอยู่ —แต่ดอกซากุระเองก็ต้องสวยเหมือนสถานกับสถานที่ยอดนิยมด้วย ดังนั้นการค้นหาทางออนไลน์จึงไม่มีความหมายเพราะผลลัพธ์ที่แสดงมามีแต่จุดยอดนิยมทั้งนั้น การใช้เท้าหาสถานที่จึงเป็นวิธีที่เธอเลือก การควบรวมเมืองต่างๆเข้าด้วยกันมันทำให้เมือง N มีพื้นที่ใหญ่ การวนไปรอบเมืองจึงทำให้รู้สึกเหนื่อยมาก ต้นขาและน่องบวมปูด หัวเข่าเองก็สั่น จนเธอแทบจะยืนไม่ขึ้นในวันถัดมา
การค้นหาสวนสาธารณะโจนันมันต้องใช้ทั้งเวลาและความพยายามอย่างมาก แต่มันก็คุ้มค่าในทุกๆทาง สวนสาธารณะมันตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่รายล้อมไปด้วยสิ่งก่อสร้างราวกับเป็นหลุมที่ผุดขึ้นมาตรงจุดๆนั้น แถมยังมีผู้คนอยู่น้อยมาก ต้นซากุระนั้นอยู่ห่างกันราวหนึ่งหรือสองฟุต มันเบ่งบานเต็มที่รางกับแข่งกันโต เรื่องพื้นที่เองก็ไม่ได้ว่างไปเสียทั้งหมด นอกจากซานาเอะแล้วยังมีผู้คนที่เอาเสื่อมาปูนั่งกันอยู่อย่างกระจัดกระจาย แต่จำนวนคนก็น้อยกว่าสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดอยู่มาก —น้อยจนถึงขั้นที่ไม่ต้องจองพื้นที่ แต่เธอนั้นใส่ความพยายามเต็มที่ลงไปในงานที่ได้รับมอบหมาย เธอจึงต้องปกป้องพื้นที่เอาไว้ด้วยชีวิตจนกระทั่งใกล้ถึงวันงานของออฟฟิศ
แน่นอน เธอรู้ว่าตัวเองทำเกินไปบ้าง
เธอส่ายหน้าพร้อมกับผลักความสำเร็จให้ห่างออกไป จากนั้นก็เอามือถือขึ้นมาจากกระเป๋าแล้วก็เปิดแอป —เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค เกมที่เธอเริ่มเล่นเมื่อไม่นานมานี้
ตั้งแต่เด็กซานาเอะไม่เคยเล่นวีดีโอเกมมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว เธอคิดว่าการใช้เงินเพื่อฆ่าเวลาคือเรื่องที่ไร้สาระ แต่ในตอนนี้ซานาเอะมีเวลาว่างมากเช่นเดียวกับความเครียดที่ต้องระบาย อาจคิดได้ว่าซานาเอะยังคงคิดเรื่องการเล่นวีดีโอเกมคือเรื่องที่งี่เง่า แต่มือถือของเธอกลับอยู่ในมือตัวเองและเกมก็เริ่มดาวน์โหลดก่อนที่เธอจะทันรู้ตัว พอเธอได้ลองเล่น เกมก็ให้รางวัลตอบแทนความพยายามที่เธอทุ่มเทลงไปอย่างมาก มันอ่อนโยนเสียยิ่งกว่าโลกแห่งความจริง เพราะแบบนี้ถึงมีคนติดวีดีโอเกมมากขึ้นเรื่อยๆงั้นเหรอ หืม เมื่อคิดเช่นนี้แล้วย้อนมามองดูตัวเอง เธอก็หัวเราะออกมา
เธอเลือก เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค เพราะว่ามันเล่นฟรี เธอเชื่อว่าเมจิคัลเกิร์ลนั้นมีอยู่จริงในตอนเด็ก แต่ในตอนนี้เธอแก่เกินไปกว่าที่จะอยากเป็นเมจิคัลเกิร์ลแล้ว ย้อนกลับไปในตอนนั้น ซานาเอะคิดว่าหากพยายามก็สามารถกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลได้ แต่ชีวิตในปัจจุบันมันพิสูจน์แล้วว่าคือเรื่องเหลวไหล นั่นอาจเป็นความล้มเหลวครั้งแรกของซานาเอะก็เป็นได้
หน้าจอมือถือสว่างขึ้น จากนั้นอวาตาร์เมจิคัลเกิร์ลแสนน่ารักก็ปรากฏตัวพร้อมกับทุ่งทิวลิปที่เป็นพื้นหลัง เธอสวมมุงกุฎดวงดาว คทาอินทรีย์ ผ้าคลุมจักรพรรดิ และรองเท้าแก้วซินเดอเรลล่า —ทั้งหมดคือแรร์ไอเท็มอันสง่างามและมากพอที่จะเคลียทุกพื้นที่ที่อวาตาร์ของเธอเดินผ่านไป
หากเธอจะทำอะไรซักอย่าง เธอก็จะทำมันอย่างจริงจังแบบเต็มที่ แม้จะเป็นในวีดีโอเกมก็ตาม
เมจิคัลเกิร์ลของเธอชื่อว่ารูลเลอร์ เธอคิดขึ้นมาจากคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่มีความหมายว่า “ผู้บัญชาการ” หรือ “ผู้ปกครอง” แต่ก็ไม่มีใครคิดถึงเรื่องนั้นเลย แม้ว่าเธอจะเปิดแชทในเกมและผู้เล่นคนอื่นเห็นชื่อรูลเลอร์ คนพวกนั้นก็เอาแต่พูดอะไรอย่าง “มันสะดวกดีนะที่สามารถเคลื่อนย้ายจากที่หนึ่งไปอีกที่ได้แบบทันทีน่ะ ว่าไหม? อ๊ะ แต่ฉันไม่ชอบเลยเวลาใช้ในบ้าน หัวมันชอบกระแทกอ่ะ” เพราะแบบนั้นเธอจึงเสียใจที่เลือกชื่อนี้มา เธอคิดว่าควรจะตั้งชื่อให้แม้แต่พวกสมองทึบก็เข้าใจได้ แต่การเปลี่ยนชื่อใน เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค มันทำไม่ได้
ไม่ว่าซานาเอะจะไปที่ไหน เธอก็ถูกรายล้อมไปด้วยพวกงี่เง่าตลอด ราวกับโลกใบนี้เต็มไปด้วยคนโง่
วันนี้คือวันศุกร์ และอีเวนท์ใหม่ในเกมกำลังจะเริ่ม —ในอีกประมาณสามสิบวินาที ก่อนอื่นเธอต้องเช็คว่าอีเวนท์นั้นเป็นแบบไหน หากเธอเล่นคนเดียวได้ เธอก็จะเร่งทำเวลาผ่านทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว หากจำเป็นต้องการความช่วยเหลือ เธอก็จะสร้างปาร์ตี้ด้วยจำนวนคนที่น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้และรับบทผู้นำในบ่ายวันนั้น ชุดของรูลเลอร์บ่งบอกว่าเธอคือผู้เล่นที่มีความสามารถ การสร้างปาร์ตี้ขึ้นเลยกลายเป็นการดึงดูดผู้เล่นคนอื่นเข้ามาหาเป็นจำนวนมาก และเธอก็จะเลือกคนที่ดูเหมือนใช้การได้เท่านั้น
ถึงจะเป็นพวกหัวกลวงหรือไร้ประโยชน์ ถ้าเจ้าพวกนั้นมีเวทมนตร์หายากหรือทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งอยู่ มันก็สามารถใช้เป็นตัวเบี้ยชั้นดีได้ และการที่มีผู้นำชั้นยอดคอยสั่งการก็จะทำให้แสดงความสามารถออกมาเหนือกว่าปกติได้
จังหวะที่เธอเปิดป๊อปอัพเพิ่อเริ่มอีเวนท์ เสียงเอฟเฟคก็ดังขึ้นจนทำให้เธอตกใจ แต่เรื่องนี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้น ซานาเอะนั้นเล่น เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค แบบเงียบๆอยู่ตลอด หากมีใครเห็นเธอทำอะไรเด็กๆอย่างเล่นวีดีโอเกมตอนอายุเท่านี้ เธอคงอายจบแทบมุดดินหนีแน่
เธอมองดูรอบๆเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครได้ยิน แต่จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียง หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงม้านั่งใกล้ๆกำลังจ้องหน้าจอแบบเอาเป็นเอาตาย แสงที่สะท้อนอยู่ที่หน้าของหญิงสาวมันมาจากเมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค ซานาเอะนั้นรอเวลาที่อีเวนท์จะเริ่มเพื่อที่จะได้ทำภารกิจ และมือถือของผู้หญิงคนนั้นก็ส่งเสียงดังออกมาแทบจะพร้อมกัน จนทำให้ซานาเอะคิดว่าเสียงมันมาจากมือถือของเธอเอง
หญิงสาววัยกลางคนที่นั่งอยู่บนม้านั่งเป็นภาพที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน —ขาที่อ้าออกกว้าง สวมเสื้อยืดแขนยาวลายเสือดาวและแทบไม่แต่งหน้า ดวงตาที่น่ารังเกียจ เส้นผมที่ย้อมเป็นสีน้ำตาลเริ่มมีสีดำแซมขึ้นมา และสาเกหนึ่งถ้วยที่อยู่ในมือ หากซานาเอะรู้ตัวว่ามีคนแบบนี้อยู่ใกล้ๆ เธอก็คงจะเลือกสถานที่อื่น แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะมาหลังจากที่ซานาเอะมาถึง แล้วก็ลงบนม้านั่งที่จุดเดียวกัน
หวังว่าจะออกไปก่อนที่งานชมดอกไม้จะเริ่มนะ ซานาเอะคิด และเพราะว่าไม่ได้อยากมีอะไรเกี่ยวข้องกับหญิงสาวคนนี้ เธอจึงหันหน้าไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวเองก็เล่นเมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจคเช่นกัน แต่ซานาเอะรู้สึกว่าไม่ได้อยากสนิทด้วย ของฟรีมักจะดึงดูดพวกขยะสังคมอยู่แล้ว นั่นคือเหตุผลว่าทำไมถึงมีพวกปัญญานิ่มอยู่ในวีดีโอเกมด้วย
เมื่อซานาเอะหันไปมองรอบๆ คนส่วนใหญ่ที่เธอเห็นก็ไม่ได้มองดูแต่ดอกซากุระ แต่ก็จ้องมองมือถือของตัวเองอยู่ด้วย
เด็กผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆหญิงสาววัยกลางคนเองก็มองดูมือถือเช่นกัน จากที่มองดูทรงผม รูปร่าง ท่าทาง และลูกบอลที่อยู่ตรงเท้า เด็กคนนี้คือนักกีฬา แต่กลับสนใจแค่มือถือของตัวเอง
ห่างออกไปอีกหน่อยคือเด็กสาวตัวสูงที่เอนตัวพิงกับต้นซากุระ เธอสวมเครื่องแบบโรงเรียนเอกชนที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้ แน่นอนว่าเธอก็จดจ่อกับมือถือของตัวเองเช่นกัน
แล้วก็มีเด็กสาวที่สวมชุดนักเรียนของโรงเรียนประถมเอกชน เธอนั้นดูเหมือนยังอยู่แค่ชั้น ป.1 หรือ ป.2 แบบนี้มันโอเคเหรอที่เอาแต่เล่นมือถือแทนที่จะไปเล่นกับเพื่อน? พ่อแม่มัวทำอะไรอยู่เนี่ย?
คนที่เดินผ่านเธอไปคือคู่รักวัยรุ่น—
หวา
ซานาเอะอดไม่ได้ที่จะอ้าปากหวอสองรอบ ตรงผ้าปูนั่งปิคนิคมีคู่รักกำลังกำลังใกล้ชิดกัน พวกนั้นกำลังมองดูหน้าจอกันและกัน ซุบซิบพร้อมกับยิ้มออกมา ซึ่งมันเต็มไปด้วยความรักในแบบที่ปกติแล้วซานาเอะอยากจะอ้วก แต่ฝั่งผู้ชายนั้นดูดีมาก รูปร่างของเขาสมส่วน มีรอยยิ้มแสนมีเสน่ห์ที่ทำให้หญิงสาวที่ได้พบเห็นหลงไหลอยู่ตรงริมฝีปาก
ขนาดดารากับนักแสดงที่มีรอยยิ้มแบบนี้ยังมีไม่กี่คน หากซานาเอะมีผู้ชายแบบนั้นอยู่เคียงข้างพร้อมกับกระซิบอะไรอย่าง “คนอื่นไม่จำเป็นต้องรู้หรอกว่าคุณน่ะสวยขนาดไหน” ไม่ก็ “พอผมมองคุณแล้วรู้สึกดีกว่ามองดูดอกไม้ซะอีก” แม้จะเป็นงานธรรมดาๆอย่างการหาจุดชมดอกซากุระก็คงจะน่าตื่นเต้นขึ้นน่าดู
ซานาเอะมองอย่างเพลินตาพร้อมระวังไม่ให้จดจ้องมากเกินไป จากนั้นก็มองไปยังผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเขา เธอนั้นดูธรรมดาๆ หน้าตาเองก็พบเห็นได้ทั่วไป —เป็นคนประเภทที่เรียกตัวเองว่าพลัสไซซ์ แต่คนอื่นจะเรียกว่าลับหลังว่าอ้วน
ในตอนที่ซานาเอะกำลังอารมณ์ดี อารมณ์ของเธอก็กลับมาเสียอีกครั้ง โลกใบนี้มันไม่ยุติธรรมแถมยังไร้เหตุผล สิ่งต่างๆมันไม่เป็นไปตามที่ควรเป็น ความไม่พอใจของเธอเพิ่มมากยิ่งขึ้น พอเธอคิดว่าตัวเองมาอยู่ในที่แบบนี้ทำไม มันก็ทำให้เธอโกรธขึ้นไปอีก
“นี่ คุณผู้หญิง”
ซานาเอะเริ่มหมุนตัวไปรอบๆ เธอกังวลว่าตัวเองจะถูกด่าว่าจากการจ้องมองคู่รักจนทำให้รู้สึกอับอาย แต่เมื่อมองหาคนที่พูดกับเธอ ความกลัวเหล่านั้นก็หายไป คนๆนั้นคือเด็กสาวที่อยู่ในวัยมัธยมต้นหรือมัธยมปลาย สวมเสื้อที่มีคาแร็คเตอร์ที่ซานาเอะไม่รู้จักอยู่บนนั้นและหมวกไหมพรมสีฟ้าแบบเรียบๆ เล็บที่ทำมาแบบสดใสยังหนุนความคิดของซานาเอะว่าเด็กสาวเป็นคนเรียบง่ายจนน่าขัน —ไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตาเท่านั้น บางทีจิตใจเองก็เช่นกัน
“หาที่ชมดอกซากุระอยู่เหรอ?” เด็กสาวถาม “โธ่เอ๊ย ทำงานกับพวกผู้ชายคงลำบากน่าดูเนอะ?”
แม้แต่น้ำเสียงเองยังฟังดูไม่จริงจังเลย ซานาเอะมองกลับไปที่เด็กสาว “…อะไร? ต้องการอะไรรึไง?”
“ฉันจองที่ให้ได้นะ คิดแค่ชั่วโมงละสามร้อยเยนเอง”
ตลกชะมัด นี่เธอต้องเชื่อใจคนที่เพิ่งเจอหน้ากันงั้นเหรอ? ซานาเอะนึกเรื่องเหตุการณ์ทั้งหมดได้เลย : เธอจ่ายเงินสามร้อยเยน แล้วพอเธอออกไปที่อื่น เด็กสาวก็จะหายตัวไปแน่ แถมสถานที่ก็ถูกคนอื่นขโมยไป จนเพื่อนร่วมงานของซานาเอะจะไม่เชื่อเธออีก
ซานาเอะพยายามไล่เด็กสาวออกไป แต่เด็กสาวก็ยืนยันว่า “ฉันจะให้ส่วนลดด้วยนะ สองร้อยห้าสิบเบนเป็นไง?” ซานาเอะยังโบกมือปฎิเสธจนกระทั่งเด็กสาวยอมแพ้และออกไปหาเป้าหมายรายใหม่ —ชายหนุ่มที่อาจจะเป็นพนักงานบริษัทไม่ก็ข้าราชการ เขานั้นดูงุนงงเมื่อเธอเข้ามาพูดด้วย
แต่เอาจริงๆแล้วทุกคนที่อยู่ที่นี่เล่นมือถือกันหมด ซานาเอะไม่ใช่คนเดียวที่เอาไปสัมผัสหน้าจอ เธอเองก็สงสัยว่าแบบนี้มันดีจริงรึเปล่า จริงๆมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้
ตรงนั้นเองก็มีเด็กผู้หญิงที่ดูเหมือนกำลังเหม่อลอย เธออยู่ตรงข้ามกับผู้หญิงสองคนที่เหมือนจะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย —ดูจากด้านหลังแล้วทั้งคู่ดูเหมือนกันมากจนน่าขนลุก นี่เป็นฝาแฝดกันรึเปล่านะ? สำหรับฝาแฝดที่ใส่เสื้อผ้าและมีทรงผมเหมือนกันแบบนี้มันดูไม่มีรสนิยมเอาซะเลย ทั้งสามคนเองก็กำลังมองดูมือถือของตัวเองอยู่
“บอก แล้วไงล่ะ สุมินี่โง่จัง”
“ทำไมยตจังพูดแบบนั้นอ่ะ?”
เด็กสาวมัธยมต้นสามคนไม่มีมือถืออยู่ในมือ เหมือนว่าพวกเธอจะไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการพูดคุยอย่างสนุกสนานขณะเดินผ่านสวนสาธารณะ
ใช่แล้ว ที่นี่มันเต็มไปพวกสมองไร้รอยหยัก แม้ว่าจะมีซากุระที่เบ่งบานเต็มที่รายล้อมอยู่ ทุกคนก็เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับเกม
เธอแกล้งทำเป็นลืมว่าตัวเองเคยตัดสินเรื่องซากุระว่าพิลึกยังไง ซานาเอะสาปแช่งอยู่ในใจพร้อมกับมองดูทุกๆคน และเธอก็พบว่ามีคนๆหนึ่งที่ไม่ได้มองมือถืออยู่
เธอคือเด็กสาวที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย เส้นผมสีน้ำตาลของเธอถูกมัดเอาไว้เป็นเปีย ในมือนั้นถือกล่องเคลือบ สวมแจ็กเก็ตกีฬาและกางเกงยีนส์หลวมๆ เธอดูเหมือนกับคนไม่รู้เรื่องรู้ราวที่มาจากบ้านนอก แต่กล่องที่เธอถืออยู่ดูหรูหรามาก เสื้อผ้ากับกล่องมันดึงดูดสายตาของซานาเอะ เธอมองดูเด็กสาวอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เด็กสาวจะหันมาทางซานาเอะและสบตากัน
ซานาเอะรู้สึกว่าการหันหน้าไปทางอื่นมันดูไร้เหตุผล เธอเตรียมตัวที่จะโดนเด็กสาวตะคอกใส่ —”นี่มองบ้าอะไรอยู่ยะ?”— แต่มันกลับตรงข้ามกับสิ่งที่เธอคิด เด็กสาวนั้นยิ้มตอบกลับมา ซานาเอะยังคงทำสีหน้าบูดบึ้งอยู่
แต่เด็กสาวไม่ได้ดูหงุดหงิดอะไรเลย เธอเดินเข้ามาหาซานาเอะพร้อมกับยื่นกล่องเข้าหา “อยากลองกินไหม? อร่อยนะ”
จากนั้นเธอก็เปิดกล่องออกจนมองเห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน : ไข่ม้วน, ข้าวกับหน่อไม้, บร็อคโคลี่ต้ม, ไชเท้าดองและสตูว์ปลาแมคเคอเรล อาหารแต่ละอย่างวางอยู่ในส่วนของตัวเอง ไข่มันดูฟูและนิ่มมาก งาขาวและงาดำที่โรยอยู่บนข้าวก็ดูน่าอร่อย แถมปลาแมคเคอเรลยังสีเหลืองออกน้ำตาลราวกับส่องประกายด้วย
สิ่งที่เห็นกับกลิ่นหอมมันทำให้เธอหิว ทุกอย่างดูอร่อยไปหมด แต่ซานาเอะกลับเก็บความคิดเห็นน่ารังเกียจไว้กับตัวเองไม่ได้
“…หืม ไม่ทำเยอะไปหน่อยรึไง” เมื่อพูดออกไปแล้ว ซานาเอะก็รู้สึกเสียใจ —เธอรู้ว่ากำลังเอาความหงุดหงิดมาลงใส่เด็กสาวคนนี้
แต่เด็กสาวก็ไม่ได้อารมณ์เสีย เธอกลับหัวเราะออกมา เมื่อซานาเอะเห็นแบบนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองใจแคบ และมันก็ทำให้เธอโกรธอีกครั้ง
“ก็นะ ร้านเขาทำให้” เด็กสาวพูด “อีกอย่างอาหารในฤดูใบไม้ผลิจะรสชาติดีเป็นพิเศษเมื่ออยู่ในฤดูใบไม้ผลิด้วย”
ซานาเอะรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรก็แย่ไปหมด แต่ที่สำคัญเลยคือ —มันดูน่าอร่อยมาก เธอปิดปากตัวเองและเค้นลำคอเบาๆ “งั้นชั้นจะกินอันนึงแล้วกัน” เธอพูดออกมาแล้วก็หยิบไข่ม้วนเข้าปาก เช็ดนิ้วของตัวเองด้วยกระดาษทิชชู่เปียกพร้อมกับเคี้ยวอาหาร มันอร่อยมาก
“แม้จะมีดอกซากุระบานอยู่รอบๆ แต่ก็ยังมีอะไรดีๆอยู่นะ”
คำพูดของเด็กสาวทำให้ซานาเอะขมวดคิ้ว “ซากุระพวกนี้มันมีอะไรงั้นเหรอ?”
“อื้อ มันมีเรื่องสยองอยู่น่ะ รู้ไหมว่ามันมีคนที่สามารถมองเห็นในสิ่งที่คนส่วนใหญ่มองไม่เห็นได้อยู่ สัมผัสที่หกอะไรเทือกนั้นแหละ? ต้นซากุระพวกนี้จะดึงดูดคนที่มีสัมผัสที่หกอย่างแรงกล้าเท่านั้น มีข่าวลือแบบนี้อยู่น่ะ”
ซานาเอะมองไปรอบๆ
คู่รักที่กำลังจีบกัน หญิงสาววัยกลางคนที่นอนอยู่บนม้านั่งซึ่งมือข้างหนึ่งมีสมาร์ทโฟน อีกข้างมีสาเก นักศึกษามหาวิทยาลัยที่พูดคุยกันเสียงดัง และเด็กสาวมัธยมปลายตัวสูงที่จมอยู่ในความเงียบ เด็กสาวตัวเล็กที่อยู่ตรงม้านั่งกำลังแกว่งขาไปมาพร้อมกับเล่นมือถือ เด็กผู้ชายที่เล่นฟุตบอลก็เช่นเดียวกัน เด็กสาวที่กำลังเหม่อลอยเองก็จ้องหน้าอยู่ เด็กสาวพิลึกๆที่ยื่นข้อเสนอแก่ซานาเอะว่าจะรักษาจุดชมดอกไม้ให้กำลังก้มหน้าคุกเข่าตรงหน้าของชายสวมสูทที่ดูเหมือนจะทำงานในบริษัทอะไรซักอย่างไม่ก็หน่วยงานของรัฐ ดูเหมือนว่าเธอกำลังถูกสั่งสอนอะไรบางอย่างอยู่
ซานาเอะมองดูรอบๆสวนสาธารณะอีกครั้งแล้วก็พยักหน้า “ก็นะ ชั้นไม่คิดว่าคนที่อยู่ที่นี่ รวมถึงตัวชั้นด้วย จะมี…สัมผัสที่หก พลังเวท หรือความสามารถพิเศษอะไรหรอก”
“แหม! ไม่เอาน่า! เธอไม่รู้หรอก!” เด็กสาวยิ้มอย่างมีความสุขในแบบที่จะทำให้ซานาเอะโมโหอีกครั้ง
ทำไมยัยเด็กนี่ยังทำตัวสนิทสนมกับชั้นทั้งๆที่พวกเราไม่ได้รู้จักกันเลยด้วยเนี่ย? ซานาเอะดื่มน้ำแร่ของเธอ จากนั้นก็ยื่นมือไปยังสตูว์ปลาแมคเคอเรล
MANGA DISCUSSION