แว่นกันลมและเต่า
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค limited จบลงในทันที
ร่างกายของเมจิคัลเกิร์ลนั้นแข็งแกร่ง แต่เมื่อพูดถึงความสามารถในการฟื้นฟูและความยืดหยุ่นของจอมเวทแล้ว พวกเธอก็ไม่ได้ต่างไปจากมนุษย์มากมายนัก พวกเธอสามารถใช้เวทมนตร์เพื่อรักษาบาดแผลได้ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าเมื่อพวกเธอเกิดบาดเจ็บขึ้นมาจึงไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล
แล้วแบบนี้จอมเวทไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลเลยรึเปล่า?
คำตอบก็คือไม่ จอมเวทนั้นจำเป็นต้องไปโรงพยาบาล สำหรับการรักษาหวัดที่จำเป็นจะต้องไปซื้อไก่มาตัดหัวแล้วร่ายคาถาอยู่ตลอดเวลา มันสามารถประหยัดเงินและเวลาได้ด้วยการรับยารักษาจากหมอแทน
นอกจากนี้ มันยังมีเหตุผลอื่นนอกจากการป่วยและการบาดเจ็บที่ต้องไปโรงพยาบาลอยู่อีก เพราะถ้าเกิดได้รับผลจากยาหรือพิษเวทมนตร์ขึ้นมา มันก็จำเป็นต้องไปรักษาที่โรงพยาบาลที่มีผู้เชี่ยวชาญ มันต่างจากพิษหรือยาปกติที่จำเป็นไม่ต้องกังวลอะไรมากเพราะมันไม่ใช่รูปแบบที่มีเวทมนตร์ ถ้าหากไม่ได้ใช้เวลารักษาตัวกับผู้เชี่ยวชาญอย่างถูกต้องล่ะก็ ผลกระทบมันก็จะคงอยู่ไปตลอด
นี่คือเหตุผลว่าทำไมมานาถึงถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลในทันทีหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เธอทำให้ร่างกายของตัวเองแข็งแกร่งขึ้นด้วยการใช้ยาเวทมนตร์จนถึงขั้นที่สามารถต่อกรกับเมจิคัลเกิร์ลที่แข็งแกร่งที่สุดได้ และผลกระทบที่ตามมามันก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เมื่อยาหมดฤทธิ์แล้ว เธอก็มีฟองท่วมปากและหมดสติไปในทันที
เพราะสภาพร่างกายและจิตใจของเธอไปถึงขีดสุด 7753 จึงเชื่อว่ามานาตายไปแล้ว เธอจึงกอดมานาเอาไว้ แม้มานาจะถูกนำตัวเข้าไปในรถพยาบาล เธอก็ยังคงร้องไห้ออกมาอย่างสะอึกสะอื้น หลังจากที่วันเวลาของเธอผ่านไปด้วยน้ำตาแห่งความเศร้าโศกพร้อมกับจดจำเรื่องราวและทุกคนที่ร่วมต่อสู้ ในตอนที่หัวหน้าของเธอบอกว่ามานารอดชีวิต 7753 ก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
รูมเมทคนใหม่อย่างเท็ปเซเคเมย์นั้นต่างจาก 7753 เธอไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมาและใช้ชีวิตของตัวเองอย่างสงบ เหมือนว่าเธอนั้นจะทำตามคำพูดของ 7753 ที่พูดว่า “ทำตัวเหมือนกับอยู่บ้านนะ” อย่างจริงจัง แถมยังทำอะไรอย่างอิสระมากกว่าที่เจ้าของที่มีบ้านเก่าๆอายุมากกว่าสามสิบปีหลังนี้ทำเสียอีก เธอทั้งปรับแต่งสำนักงานเก่าที่เป็นของพ่อ 7753 ให้กลายเป็นฐานของตัวเองและยึดครองเอาไว้ แถมยังสำรวจภายในตัวบ้านและออกไปเล่นในสวนอีกด้วย
เมื่อเรื่องเหล่านี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเธอแล้ว เธอก็ยังศึกษาเรียนรู้เรื่องต่างๆอีกด้วย ในทุกๆวันเธอจะนั่งลงที่โต๊ะเพื่อดูหนังสือภาพของเด็กเล็กและอ่านตัวอักษรออกมาเสียงดัง เมื่อเวลาผ่านไปจนเธอเข้าใจตัวอักษรแล้ว เธอก็สามารถอ่านหนังสือสำหรับเด็กได้อย่างช้าๆตราบเท่าที่มีตัวช่วยอ่านออกเสียง
นับตั้งแต่ที่ร้องไห้ในตอนที่ฆ่าพูคิน เท็ปเซเคเมย์ก็ไม่ได้แสดงน้ำตาออกมาให้เห็นอีกเลย แต่เธอนั้นก็โศกเศร้าอยู่จริงๆ 7753 สามารถบอกเรื่องเหล่านี้ได้ด้วยการมองไปที่เท็ปเซเคเมย์ผ่านแว่นกันลมของตัวเอง เท็ปเซเคเมย์เพียงแค่ไม่ได้แสดงมันออกมาเท่านั้น
เหตุการณ์นั้นได้ทำลายล้างเมืองทั้งเมือง แถมยังมีผู้คนที่บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากอีกด้วย สิ่งที่พวกเธออยากจะปกป้องมันหลุดรอดออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า
สำหรับข่าวลือเรื่องแผนการที่จะใช้อาวุธทำลายล้างสูงนั้น 7753 ได้ยินว่าทางกรมการต่างประเทศได้ปฎิเสธไปแบบง่ายๆ มันทำให้เธอรู้สึกช็อคจนเข่าอ่อน
ตามที่หัวหน้าบอกว่า “เมื่อเรื่องกลายเป็นแบบนี้แล้ว ทางกรมการต่างประเทศก็ไม่มีทางยอมรับข่าวลือแบบนั้นหรอก” ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วทำไมพวกเธอถึงต้องถูกส่งไปยังสนามรบ แถมต้องตายจากไปแบบไร้ค่าด้วยล่ะ?
หัวหน้าเองก็พูดถูก ในตอนนี้มันไม่มีทางที่กรมการต่างประเทศจะเปิดเผยความจริงออกมาเลย ต่อให้ข่าวลือมันคือเรื่องจริง แต่มันก็ยังคงมีความจริงที่ว่า 7753 รับรู้เรื่องของคุรุคุรุฮิเมะ ฟันนี่ทริค และเว็ดดิ้นที่ถูกฆ่าตายอยู่ดี ความไร้เดียงสาที่อยู่ภายในตัวมันทำให้พวกเธอดูถูกดูแคลนพูคิน และทำให้เข้าใจผิดว่าจะเจรจากับเฟรเดริก้าได้ เรื่องที่เกิดขึ้นนี้เธอไม่มีข้อแก้ตัวเลยซักนิด
หัวหน้าของ 7753 พยายามปลอบเธอว่า “เธอทำได้ดีที่สุดแล้วล่ะ” แต่นั่นมันก็ไม่ได้ทำให้คนที่ตายไปแล้วฟื้นคืนกลับมาได้ หัวหน้าของเธอไม่ได้ตำหนิหรือลงโทษเรื่องที่เธอขัดคำสั่ง 7753 คิดว่าตัวเองจะถูกลงโทษ เธอรู้ว่ามันเป็นความไร้เดียงสาในตัว แต่เธอก็ยังต้องการมันอยู่ดี
แว่นกันลมของเธอสามารถมองเห็นทักษะของเมจิคัลเกิร์ลได้ และเมื่อเธอใช้มันมองไปที่คนอื่น เธอก็ไม่ได้รู้แค่เรื่องค่าพลังเพียงอย่างเดียว แต่เธอนั้นรู้ในทุกๆเรื่อง รวมถึงสิ่งที่คิดหรือทำ เรื่องราวของชีวิตที่งดงาม น่ารังเกียจ เลิศหรู หรือระทมทุกข์ เรื่องของคุรุคุรุฮิเมะ ฟันนี่ทริค และเว็ดดิ้นที่กดความกลัวของตัวเองเอาไว้เพื่อที่จะได้ยืนหยัดและปกป้องสิ่งที่สำคัญของพวกเธอก็เช่นกัน พวกเธอเคยรู้สึกกลัวจนอยากจะหนีไป แต่พวกเธอก็ตัดสินใจลุกขึ้นสู้ พวกเธอเชื่อ 7753 ที่ยังคงพูดโกหก พวกเธอคือเมจิคัลเกิร์ลที่แท้จริงและมีอนาคตรอคอยอยู่
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น 7753 ก็รู้สึกอยากให้พวกเธอกลับมามีชีวิต แต่เธอก็กลายเป็นคนเดียวที่รอดชีวิตไปเสียแล้ว
ความเสียใจเองก็ไม่เคยหยุดถาโถมเข้ามาหา ถ้าไม่มีเท็ปเซเคเมย์ที่ถูกส่งมาอยู่กับเธอพร้อมกับข้อความจากหัวหน้าที่บอกว่า “ดูแลเธอด้วยล่ะ เหมือนว่าเธอจะไม่บ่นอะไรหากมีตะเกียงเวทมนตร์ของเธออยู่ แต่ก็ช่วยดูว่าเธอจะออกไปข้างนอกรึเปล่าด้วยนะ” มิเช่นนั้น 7753 ก็คงจะเป็นคนเดียวที่ถูกบดขยี้อยู่เพียงลำพัง
มันเป็นเรื่องหายากของเมจิคัลเกิร์ลที่ตัวตนก่อนการแปลงร่างนั้นเป็นสัตว์ ในบรรดาเมจิคัลเกิร์ลจำนวนนับไม่ถ้วนที่ 7753 เคยพบเจอมาในสายงาน มันมีเพียงแค่สามเท่านั้นที่เป็นอย่างอื่นนอกเหนือจากมนุษย์ เมื่อเทียบกับมนุษย์แล้ว บ่อยครั้งที่พวกเธอเป็นประเภทที่หุนหันพลันแล่น ตรงไปตรงมา ตัดสินใจทำเรื่องต่างๆอย่างรวดเร็ว แสดงอารมณ์อย่างโกรธหรือดีใจออกมาแบบไม่อ้อมค้อม และแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าใครคือเพื่อน ใครคือศัตรู
เท็ปเซเคเมย์นั้นแตกต่างจากเมจิคัลเกิร์ลประเภทที่เป็นสัตว์คนอื่น เธอแทบจะไม่แสดงอารมณ์ออกมาเลย แถมเมื่อเทียบกับมนุษย์ที่เป็นเมจิคัลเกิร์ลแล้ว เธอยังดูใจเย็นมากกว่าซะอีก ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินคาดอะไรเมื่อคิดจากเรื่องที่ว่าเธอเป็นเต่า
หลังจากเหตุการณ์ผ่านไปได้ไม่กี่วัน เท็ปเซเคเมย์ก็ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของ 7753 พร้อมกับตะเกียงของเธอเพียงแค่อย่างเดียว เธอไม่สนใจเรื่อง 7753 ที่ร้องไห้อย่างสิ้นเชิง บางครั้งเธอก็จะออกไปที่สวนแล้วมองขึ้นไปบนฟ้า ไม่ก็ขุดหลุมบนพื้น หรือฝังตัวเองลงไป
“ฉันไม่อยากให้เธอออกไปข้างนอกในร่างเมจิคัลเกิร์ลเลยนะ”
“แต่เมย์ชอบที่จะเป็นเมจิคัลเกิร์ลนี่นา”
“แบบนั้นเพื่อนบ้านจะเห็นเอาได้นะ”
เท็ปเซเคเมย์เองก็ต้องเข้าใจความกังวลของ 7753 ด้วย เมื่อเธอออกไปข้างนอก แม้จะเป็นเพียงแค่ในสวนก็ตาม เธอก็ต้องทำตัวให้เป็นหนึ่งเดียวกับสายลมและทำให้สีของร่างกายจางลงมากเท่าที่ทำได้
ในตอนที่ 7753 นอนแผ่อยู่อย่างหดหู่นั้น เท็ปเซเคเมย์ก็กำลังสร้างกองดินและย้ายพุ่มไม้ไปที่อื่น จัดสวนตามที่เธอต้องการ ไม่ว่า 7753 จะบอกให้หยุดกี่ครั้ง เธอก็ยังคงไม่ฟังเช่นเคย
“นี่คือบ้านของเมย์ เมย์จะทำอะไรก็ได้ตามที่เมย์ต้องการ”
“เอ่อ ไม่ใช่นะ นี่มันบ้านของฉัน”
“พวกเราอยู่กินด้วยกันแล้ว ดังนั้นนี่คือบ้านของเมย์”
“อยู่กิน… นี่ไปรู้ศัพท์แบบนี้มาจากไหนเนี่ย?”
“เมย์ดูมาจากทีวี”
อย่างน้อย 7753 หวังว่าเมย์จะเรียกเธอว่ารูมเมท บางทีเธออาจจะเป็นเพศผู้ก่อนการแปลงร่างก็ได้ สำหรับเธอแล้ว คนที่เธออยู่กินด้วยครั้งแรกดันเป็นเต่าเพศผู้มันก็ดูน่าอดสูเกินไปหน่อย แถม 7753 เองก็กลัวเกินกว่าจะตรวจดูเพศของเท็ปเซเคเมย์ก่อนการแปลงร่างอีกด้วย
เท็ปเซเคเมย์เริ่มสร้างที่ทางของตัวเอง ไม่ใช่เพียงแค่ในสวน แต่ในตัวบ้านเองก็ด้วย เธอสร้างพื้นที่อาศัยอย่างสะดวกสบายให้ตัวเอง แต่ 7753 นั้นไม่ได้รู้สึกสะดวกสบายไปด้วยเลยซักนิด เมื่อทนต่อไปไม่ไหวแล้ว 7753 จึงหยุดเท็ปเซเคเมย์เอาไว้ หากเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะก็ เธอก็จะไม่มีเวลามาหดหู่อีกต่อไป เธอสงสัยว่าบางทีที่เท็ปเซเคเมย์ตั้งใจทำแบบนี้ก็เพื่อไม่ให้ 7753 หมกมุ่นอยู่กับความกังวล แต่เมื่อเธอตรวจดูผ่านแว่นกันลม เธอก็พบว่ามันไม่ใช่เรื่องอะไรแบบนั้น แถมเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นเองก็เป็นเพียงคนที่ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการเท่านั้นเช่นกัน
นอกจากนี้ เรื่องราวต่างๆมันก็ไม่ใช่ว่าจะเลือนหายไปจากใจของเธอได้เลย
เรื่องของฮานะ คนที่ต่อสู้กับพูคินจนถึงลมหายใจสุดท้าย
มาโอแพม คนที่พยายามช่วยฮานะ
ริปเปิล คนที่ออกไปช่วยมาโอแพมและไม่ได้กลับมาอีก
เว็ดดิ้น คนที่พูดออกมาว่าตัวเองปรารถนาจะเป็นเมจิคัลเกิร์ลแบบไหน
ฟันนี่ทริค คนที่คลานเข้าไปโจมตีพูคิน แม้ตัวเองจะบาดเจ็บสาหัส
คุรุคุรุฮิเมะ คนที่รับบทแสนอันตรายด้วยการทำให้ตัวเองเป็นเหยื่อเพราะความตั้งใจของตัวเอง
ป้ายถนนที่โค้งงอ รั้วถนนที่บิดเบี้ยว พื้นถนนที่แตกหัก ผนังซีเมนต์ที่ถูกบดขยี้ ควันสีดำที่พวยพุ่งออกมา ผู้คนบนพื้นถนน รถบรรทุกที่คว่ำอยู่อย่างระเนระนาด รถไฟที่ชนเข้าไปในสิ่งก่อสร้าง
มานาถูกพาตัวไปที่อื่น 7753 กับเท็ปเซเคเมย์จึงออกไปช่วยด้วยความโล่งอก มีซากศพกระจายอยู่ทั่วทุกที่ ไม่ว่าพวกเธอจะพยายามมากแค่ไหนก็ไม่สามารถช่วยทั้งหมดได้ ราวกับเป็นฝันร้ายที่กำลังจมน้ำอยู่ ซึ่งที่ไม่ว่าจะพยายามจะขยับขาเพื่อตะเกียกตะกายมากแค่ไหน มันก็จะยังคงอยู่ที่เดิม
แม้จะอยู่ที่บ้าน 7753 ก็เริ่มที่จะอยู่ในร่างของเมจิคัลเกิร์ล หากเธออยู่ในร่างมนุษย์ เธอก็จะถูกอารมณ์และความรู้สึกต่างๆบดขยี้ เธอไม่ได้มีร่องรอยบาดแผลอะไรเหลืออยู่ก็จริง แต่เธอจะหนีมันไม่พ้นหากไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือนอนหลับ มิเช่นนั้นจิตใจของเธอจะถูกจับก่อนที่จะทันได้หนี มันก็จะบดขยี้เธอ ว่ากันตามสถานการณ์แล้วบางทีมันอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ เธอไม่เคยเคยไปถึงจุดนั้นก็จริงแต่ใครจะสนกันกันล่ะถ้าฉันถูกบดขยี้? ฉันน่ะสมควรโดนอยู่แล้วนี่
ในตอนที่กำลังตำหนิเท็ปเซเคเมย์เรื่องพฤติกรรมไม่ดีของเธออยู่นั้น 7753 ก็ขลุกตัวเองอยู่แต่ในบ้านพร้อมกับภาวะซึมเศร้าเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ จากนั้นก็สองสัปดาห์ และเมื่อเวลาผ่านไปสามสัปดาห์ เธอก็ได้รับสายโทรศัพท์จากหัวหน้า
หัวหน้าของเธอบอกชื่อโรงพยาบาล อาคาร เลขห้อง และเวลามาให้
“พวกเราได้รับการอนุญาตจากพ่อของมานาแล้ว ตอนนี้เธอกำลังพักฟื้นแต่ก็รู้สึกเบื่อมากเพราะไม่มีอะไรจะทำ ฉันแน่ใจนะว่าเธอคงดีใจหากมีคนไปเยี่ยม ฉันเองก็กำลังยุ่งเรื่องที่ต้องจัดการผลที่ตามมาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ด้วย ดังนั้นก็ไปหาเธอพร้อมกับความห่วงใยจากฉันด้วยล่ะ”
การไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล มันทำให้ 7753 ไม่เพียงแค่รู้สึกอยากเห็นว่ามานาทำอะไรอยู่ แต่ก็ยังรู้สึกแย่มากจนไม่สามารถมองหน้ามานาได้ ทั้งสองความรู้สึกนั้นเป็นความรู้สึกที่ออกมาจากหัวใจของเธออย่างซื่อตรง
“เมย์รู้เรื่องโรงพยาบาล เมย์เห็นในทีวี เมย์อยากไปด้วย”
เท็ปเซเคเมย์อยากจะไปด้วย ถึงครอบครัวของมานาจะบอกว่าโอเค แต่ตัวมานาเองจะคิดยังไงกันนะ?
วันต่อมา 7753 ซ่อนผมและชุดของตัวเองไว้ใต้เสื้อโค้ทกับหมวกแล้วก็ออกมาจากบ้าน เธอหลีกเลี่ยงสายตาของเพื่อนบ้านอยู่ตลอดเวลา และเนื่องจากว่ามันเกือบใกล้จะถึงคริสมาสต์แล้ว ตามถนนหนทางในตัวเมืองจึงถูกเรียงรายไปด้วยต้นสนญี่ปุ่นและถูกประดับประดาด้วยไฟและของตกแต่ง แม้แต่ต้นสนในโรงน้ำชาเองก็ถูกประดับด้วยไฟคริสมาสต์เช่นกัน
มันเป็นฤดูที่ไร้ความมีชีวิตชีวา ลมหายใจของเธอพ่นออกมาเป็นสีขาวอยู่ในอากาศ ต้นไม้ตามถนนก็แห้งเหี่ยวจนกลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม ถึงจะเป็นแบบนั้น ผู้คนก็เต็มไปด้วยความสุข อารมณ์นั้นแพร่กระจายออกไปในเชิงบวก
เท็ปเซเคเมย์นั้นพยายามยื่นใบหน้าออกมากระเป๋าที่ห้อยอยู่ตรงไหล่ของ 7753 เพราะพยายามจะออกมามองดูภายนอก ดังนั้น 7753 จะประมาทไม่ได้
“ฉันคิดว่าเธอสัญญากันแล้วซะอีกว่าจะอยู่แต่ในตะเกียง”
“ก็เมย์อยากเห็นข้างนอกนี่นา”
“พอถึงห้องแล้ว ฉันก็จะให้ออกมานะ อดทนจนกว่าจะถึงตอนนั้นแล้วกัน ขอร้องล่ะ”
ในระหว่างทาง พวกเธอก็ซื้อช่อดอกไม้ที่ร้านขายดอกไม้ 7753 บอกให้คนจัดดอกไม้จัดช่อดอกไม้ให้ดูสดใสมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ช่อดอกไม้นั้นมีดอกซิมบิเดียมสีชมพูขนาดใหญ่โดดเด่นอยู่ตรงกลางและมีริบบิ้นผูกเอาไว้เข้าด้วยกัน
เธอยังซื้อช็อคโกแล็ตมูสเค้กจากร้านขายของหวานชื่อดังที่เคยออกอากาศทีวีด้วย พวกของหวานที่ดูน่ารักนี้มันมาพร้อมกับวิปครีมและสตรอเบอร์รี่ แถมยังได้รับความนิยมจนทางร้านขายหมดก่อนเที่ยง เว้นแต่คนที่สั่งจองเอาไว้แล้วก่อนหน้า
“เมย์ได้กลิ่นอะไรอร่อยๆด้วย”
“ฉันบอกแล้วนะว่าอย่ายื่นหน้าออกมา”
7753 เพิ่มชีสเค้กชิ้นหนึ่งเข้ามาในรายการสั่งซื้อ แล้วใส่มันลงไปในกระเป๋าของเธอเพื่อทำให้เท็ปเซเคเมย์เงียบ เมจิคัลเกิร์ลนั้นไม่จำเป็นต้องกินหรือดื่มก็จริง แล้วทำไมเธอถึงถูกกลิ่นดึงดูดได้กันล่ะ? มันคงเป็นเพราะเธอเป็นสัตว์แน่ๆ
เธอเปลี่ยนขบวนรถไฟและข้ามเขตจนมาถึงโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ถ้าจะเดินมาจากเขตปริมณฑลมันก็จะใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง ที่บนกำแพงสีขาวล้วนของโรงพยาบาลมันไม่มีเครื่องหมายอะไรอยู่เลย… ไม่ใช่สิ —เมื่อเธอมองดูใกล้ๆ มันก็มีขี้นกติดอยู่ด้วย
โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นสำนักงานสาขาของดินแดนเวทมนตร์ มันมีแม้กระทั่งสิ่งอำนวยความสะดวกในการดึงพิษเวทมนตร์ออกมาจากจอมเวท แต่ก็ไม่ใช่ว่าพวกนั้นจะไม่รับคนไข้ธรรมดาเลย —ความจริงแล้ว นั่นเป็นคนไข้หลักที่เข้ามามากกว่าคนไข้ที่มีความเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ที่หายากกว่าซะอีก
“เมย์เกลียดกลิ่นนี้”
“ไม่มีใครชอบกลิ่นยาฆ่าเชื้อหรอกนะ ทนหน่อยแล้วกัน”
จากประตูหน้า พวกเธอเดินผ่านด้านข้างที่จอดรถและรั้วโซ่ที่มีคูน้ำอยู่ใกล้ๆเพื่อเข้าไปในโรงพยาบาล ที่นี่เองก็มีการประดับประดาอย่างพวงมาลัยคริสมาสต์และรูปปั้นเล็กๆของซานต้าเพื่อเพิ่มจิตวิญญานวันคริสมาสต์เช่นกัน เหมือนว่าทางโรงพยาบาลจะไม่ได้แยกตัวจากโลกใบนี้ไปซะทีเดียว เพราะด้านในมันไม่ได้แตกต่างจากที่อื่นที่พบเห็นเลย หมอกับพยาบาลที่เดินผ่านไปมาเองก็ดูสนุกสนานเช่นกัน
7753 ตรวจสอบตำแหน่งปัจจุบันและปลายทางที่จะไปบนแผนที่ของอาคาร แต่ก่อนอื่น เธอก็เดินเข้าไปที่ห้องนั่งรอที่ดูเหมือนจะว่างเปล่า
“ไปฉี่เหรอ?” เท็ปเซเคเมย์ถาม
“ทำไมเธอถึงคิดแบบนั้นตอนอยู่ที่ห้องนั่งรอเนี่ย?”
กระจกนั้นสะท้อนภาพของ 7753 ที่สวมแว่นกันลมอยู่ เธอพยายามเปลี่ยนการตั้งค่าจากความทุกข์เป็นความทรมาณ และหลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นความเหงา แต่มันก็เหมือนกับที่เธอรู้ว่ามันไม่มีอะไรโผล่ขึ้นมา กระจกนั้นแค่สะท้อนภาพของเธอและไม่ได้มีอะไรอย่างอื่น เป็นแค่ภาพสะท้อนของตัว 7753 เพียงเท่านั้น
7753 ถอนหายใจออกมาด้วยความสมเพชและเห็นอกเห็นใจ จากนั้นเธอก็เอาแว่นกันลมใส่ลงไปในกระเป๋า นี่คือหนึ่งสิ่งที่ต้องจำเอาไว้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น แต่มันเป็นความคิดที่แย่หากเธอเข้าไปหาคนที่มีระดับสูงกว่า เธอคิดเรื่องที่คล้ายๆแบบเดียวกันนี้ในตอนที่พบกับมานาครั้งแรกที่เมือง B เช่นกัน และเมื่อหลักจากแนะนำตัวเองเสร็จแล้ว เธอก็ถูกดุด่าทันทีเพราะไม่ได้เข้ามาในร่างของเมจิคัลเกิร์ล
“ยิ้มทำไมเหรอ?” เท็ปเซเคเมย์ถาม
“…ไม่ได้ยิ้มซักหน่อย”
หลังจากที่ตรวจดูในกระจกของห้องนั่งรอว่าเส้นผมและชุดของเธอถูกซ่อนเอาไว้อย่างเรียบร้อยแล้ว 7753 ก็ออกมาจากห้อง การก้าวเท้าของเธอบนเสื่อน้ำมันมันส่งเสียงออกมาดังแปลกๆ จากนั้นเธอก็ก้าวเท้าช้าลง และเดินไปตามทางอย่างนุ่มนวล ขาของเธอหนักอึ้ง หรืออีกอย่างก็คือความรู้สึกของเธอต่างหากที่หนักอึ้ง ยิ่งเธอก้าวเข้าไปที่ห้องพัก มันก็ยิ่งหนักอึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ คอของเธอแห้งผาก ฝ่ามือเองก็เปียกชื้น
ตอนนี้มานาคิดอะไรอยู่กันนะ? คิดถึงเรื่องเหตุการณ์ที่ผ่านมารึเปล่า? มานานั้นสาปแช่งเธออย่างรุนแรง แต่ 7753 เองก็รู้ว่าตัวเองสมควรแล้วที่จะได้รับมัน มานาอาจจะดุด่าเธออีกก็ได้ แต่ 7753 ก็คิดว่าหากเธอทำแบบนั้นมันก็คงง่ายกว่า
7753 เคาะประตูห้องพัก และก็ได้ยินเสียงตอบกลับมาว่า “เข้ามาสิ” จากนั้นเธอก็เข้าไปด้านใน
เธอหรี่ตาทันทีเมื่อเดินเข้าไปในห้อง มันมีสัญลักษณ์เวทมนตร์หลากสีสรรอยู่ภายใน ราวกับเป็นการใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์หลากหลายขนาดอย่างฟุ่มเฟือย มันอยู่ที่พื้น ผนัง เพดาน ราวกับว่าพยายามฝังลงไปในทุกพื้นผิว ภายในห้องเองก็ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างครบครัน มีทั้งทีวี LCD ขนาดใหญ่ กาต้มน้ำไฟฟ้า ตู้เย็น หมอน มีแม้กระทั้งโซฟาที่บุด้วยหนัง
สิ่งที่อยู่ตรงกลางห้องก็คือเตียงคาโนปี้* และเด็กสาวสวมกรอบแว่นขนาดเล็กที่นอนอยู่กำลังมองมาหาเธอ
*เตียงสี่เสาที่มีหลังคาอยู่ด้านบน
“โอ๊ะ เธอนี่เอง” เธอปรับแว่นพร้อมกับพ่นลมหายใจ
7753 ขยี้ตาที่เริ่มมีน้ำตาไหลออกมา
“เอ่อ… เหมือนเธอจะสบายดีนะ”
“อย่าโง่สิยะ คนที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลน่ะมันเห็นอยู่ชัดๆว่าไม่ดี”
มานาหันหน้าไปทางหน้าต่าง แบบนี้มันหมายถึงเธอเบนสายตาออกไปจาก 7753 แต่เธอก็ไม่ได้ตะโกนไล่ให้ออกไป
“จะนั่งตรงไหนก็ตามใจ” เธอพูดออกมาเบาๆ 7753 เองก็รู้สึกโล่งใจ ดวงตาของเธอเริ่มมีน้ำตาเอ่อขึ้นมาอีกครั้ง ไม่นานมานี้ต่อมน้ำตาของเธอมันมีน้ำตาไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก
“เมย์ออกมาได้ไหม?”
“อะ อื้อ เชิญเลย”
เมื่อเท็ปเซเคเมย์ออกมาจากกระเป๋าของ 7753 เธอก็สวมแว่นกันลมอยู่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง
“ทำอะไรของเธอเนี่ย?! ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าใส่แว่นกันลมน่ะ!” 7753 รีบคว้าแว่นกันลมเอาไว้ แล้วใส่มันกลับลงไปในกระเป๋า
เท็ปเซเคเมย์ที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลยนั้น นอนยืดตัวอยู่บนโซฟาอย่างกล้าหาญ “ไม่ต่อยเหรอ?”
“หือ? ต่อย? อะไรของเธอเนี่ย?”
“เหมือนเวลาที่มาเยี่ยมบางคนแล้วจัดการพวกนั้นไง”
“ไม่ ไม่ ไม่! ไม่ได้มาเยี่ยมแบบนั้น!”
“แล้วเรื่องของอร่อยๆล่ะ?”
“ฟังนะ เอ่อ มันเป็นของสำหรับมาเยี่ยม… ฉันซื้อมาเป็นของฝาก… เอ่อ มานา ถ้าชอบล่ะก็รับไว้ด้วยนะ อ๊ะ ไอ้นี่ก็ด้วย…”
มันมีแจกันขนาดใหญ่วางอยู่ข้างๆบัวรดน้ำ แต่มันไม่มีอะไรอยู่ในแจกันเลย
“ฉันเอาดอกไม้ใส่ในนี้ได้ไหม?”
“จะทำอะไรก็เชิญ”
7753 ไม่สามารถแค่ยืนอยู่เฉยๆได้ การเคลื่อนไหวไปมารอบๆมันทำให้เธอหยุดคิดเรื่องต่างๆได้ เธอเติมน้ำลงไปในแจกันที่ไม่มีน้ำด้วยการใช้อ่างล้างมือ การที่ห้องส่วนตัวมีห้องน้ำและอ่างล้างมืออยู่ด้วยแบบนี้ มันก็เหมือนกับการเป็น VIP หยั่งไงหยั่งงั้น ทุกอย่างนั้นดูฟุ่มเฟือยไปหมด ตั้งแต่อ่างเซรามิคที่เป็นมันวาวจนถึงขนาดของห้องและของตกแต่ง แต่มันกลับไม่มีดอกไม้อยู่เลย
มันคงทำให้เธอรู้สึกโดดเดี่ยว เมื่อเธอออกมาจากห้องน้ำ เท็ปเซเคเมย์ก็เอาช็อคโกแลตมูสเค้กออกมาวางลงบนจานกระดาษ เท็ปเซเคเมย์นั้นไม่ใช่ประเภทที่จะจัดโต๊ะด้วยตัวเอง และเธอยังเทน้ำร้อนออกมาจากกาต้มน้ำแถมยังมีถุงชาลอยอยู่บนถ้วยอีก มานาคงสั่งให้เธอทำแน่ 7753 มองไปที่มานา คนที่ยังคงมองออกไปนอกหน้าต่าง เหมือนว่าเธอจะไม่ได้รู้สึกโกรธหรือเศร้าโศกเลย
7753 มองลงไปที่พื้นแต่ยังคงยืดตัวตรง “หลายๆอย่างที่ข้างนอกนั่นอย่างเริ่มจะเต็มไปด้วยจิตวิญญานของวันหยุดแล้วนะ ดูสิ ดอกไม้เองก็ด้วย” เธอพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้มานาคิดว่าเธอฝืนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง
เธอนั่งลงข้างๆเท็ปเซเคเมย์แล้วหยิบจานกระดาษกับถ้วยชาขึ้นมาแล้วมองไปยังใบหน้าของมานา แว่นตาของเธอสะท้อนแสงที่ลอดผ่านมาจากผ้าม่าน ทำให้ 7753 มองไม่เห็นดวงตาของเธอ เส้นผมที่ดูม้วนงอของเธอกลับมาตรงอีกครั้งและมันก็ถูกซุกเอาไว้ใต้ผ้าห่ม เธอสวมเสื้อแขนยาวแบบที่ขายกันในห้างร้านขนาดใหญ่ เธอดูไม่เหมือนคนที่รักษาตัวในโรงพยาบาลมาอย่างยาวนานเลย ดูเหมือนกับพวกคนขี้เกียจซะมากกว่า
สายตาของเธอยังคงจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง มานานั้นกินมูสเค้กไปคำหนึ่งแล้วก็ตามด้วยอีกคำหนึ่ง ใบหน้าของเธอดูซีดมาก บางทีอาจจะเป็นเพราะแสงจากดวงอาทิตย์ที่ส่องลงมาบนผิวของเธอก็ได้
“พักนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ?” มานาถามเธอ
“ก็ไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่ แม้หัวหน้าจะยุ่งอยู่กับเรื่องเก็บกวาดก็เถอะ”
“งั้นเหรอ… พอเรื่องต่างๆสงบลงแล้ว ชั้นก็อยากเจอหัวหน้าของเธอหน่อย ช่วยบอกหัวหน้าของเธอทีได้ไหม?”
“อื้อ ฉันจะทำเท่าที่ทำได้นะ”
“ชั้นอยากสืบสวนเรื่องเหตุการณ์ให้มากขึ้นกว่านี้อีก” มานากัดมูสเค้กของเธอแล้วก็กัดลงไปอีกคำ ดูเหมือนว่าใบหน้าของเธอเริ่มจะสีขึ้นมาบ้างเล็กน้อยแล้ว
ก้อนเมฆที่ด้านนอกหน้าต่างนั้นล่องลอยอยู่อย่างเชื่องช้า แต่บรรยากาศภายในห้องกลับหนักอึ้ง นี่เธอควรพูดเรื่องอะไรดีนะ? ถ้าเธอมาหามานา แบบนั้นมันก็มีเพียงอย่างเดียวที่ควรจะพูดด้วยซึ่งก็คือเรื่องเหตุการณ์ครั้งนั้น ฮานะ มาโอแพม และริปเปิล ฟันนี่ทริค คุรุคุรุฮิเมะ และเว็ดดิ้น 7753 ไม่สามารถทำให้ตัวเองพูดเรื่องนั้นออกมาได้
มานาเปิดริมฝีปากของเธอที่ชุ่มชื้นไปด้วยน้ำชาและพูดว่า “มันมีบางอย่างที่ชั้นอยากรู้มากกว่านี้ สิ่งที่ชั้นต้องตรวจสอบ เมื่อชั้นออกไปจากที่นี่แล้ว ชั้นจะไปจัดการทันที”
“สิ่งที่อยากรู้?”
” ‘เธอจะไม่มีทางเห็นภาพรวมทั้งหมดได้เลยหากมองมันจากด้านเดียว’ ฮานะพูดแบบนี้บ่อยๆ”
มานามองขึ้นไปบนเพดาน เธอหยิบรีโมททีวีขึ้นมาและจ้องมองมัน จากนั้นก็วางลงไปอีกครั้งทันที
“ชั้นอยากเห็นมันเพื่อตัวของชั้นเอง”
มานาจับขอบผ้าห่มเอาไว้อย่างแน่นๆ เธอปล่อยมือและจับมันซ้ำๆ จากนั้นก็เอามือมาจับไว้ที่แก้มแล้วดึงแก้มทั้งสองข้างของตัวเอง 7753 ไม่เข้าใจเลยว่าเธอพยายามทำอะไร
มานากินมูสเค้กเข้าไปอีกและถอนหายใจออกมา
“มันเหมือนกับ…”
“หือ?”
“เธอรู้ไหม มันเหมือนกับ…”
“อะไรเหรอ?”
มานาวางถ้วยชาของเธอลง “มันเหมือนกับ มันเหมือนกับ…”
“ว่า…?”
“ไม่มีใครมาหาชั้นเลย”
การมองไปที่แจกันดอกไม้ที่ไม่มีน้ำอยู่ 7753 ก็พอจะเดาออก แต่เมื่อได้ยินคำพูดออกมาจากปากของคนที่อยู่ในคำถามนั้น เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองยังไงดี
ในขณะที่ 7753 กำลังลังเล เท็ปเซเคเมย์ก็ตอบว่า “พวกเราอยู่ที่นี่แล้วนะ”
“มีแค่พวกเธอสองคน พ่อของชั้นเองก็มา แต่พ่อเองก็เป็นพวกบ้างานวิจัย เลยไม่ได้เอาอะไรมาฝากเลย เอาของเล็กๆน้อยๆอย่างเสื้อผ้าแล้วก็พวกของใช้ต่างๆมาเท่านั้นเอง” เสียงของมานาสั่น จากนั้นเธอก็อ้าปากแล้วใส่มูสเค้กที่เหลืออยู่เข้าไปในครั้งเดียว
“นั่นน่ะ เอ่อ—” 7753 เริ่มพูดออกมา
“ไม่มีใครรักชั้นเลย ตอนนี้ฮานะ… ฮานะก็ไม่อยู่อีกแล้ว”
เสียงสูดจมูกของเธอดังขึ้น หยาดน้ำตาเองก็ไหลลงมาอาบแก้มหยดแล้วหยดเล่า จากนั้น 7753 ก็ลุกขึ้นมาจากที่นั่ง “นะ…นี่เธอ…โอเคไหม?”
“ฮานะ…ฮานะ…”
ร่างกายของเธอสั่นเทา มันจึงทำให้เสียงของเธอสั่นตามไปด้วย เธอเริ่มร้องไห้ออกมาเหมือนกับเป็นเด็กทารก ใบหน้าของเธอกลายเป็นสีแดง เธอคงต้องกระวนกระวายอยู่แน่ๆ 7753 มองไปที่เท็ปเซเคเมย์ แต่ว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจเลย เอาแต่กินมูสเค้กของตัวเองอย่างเงียบๆ เพราะแบบนี้ 7753 จึงไม่สามารถเรียกพยาบาลเข้ามาได้
มานายังคงสะอึกสะอื้นเหมือนกับเด็ก ในขณะที่ 7753 ยังคงยืนแข็งทื่อด้วยความโลเล ส่วนเท็ปเซเคเมย์นั้นเริ่มเอื้อมมือเข้ามาหาช็อกโกแลตมูสของ 7753 และในทันใดนั้นเองประตูก็เปิดออกพร้อมกับเสียงดังลั่น
“อ๊ะ! นี่กินอะไรไม่ดีอีกแล้วสินะ!”
อีกฝ่ายไม่ใช่หมีก็จริง แต่นางพยาบาลวัยกลางคนนั้นตัวใหญ่มาก ตัวใหญ่เหมือนกับเป็นหมีที่เดินเข้ามาในห้อง เธอหยิบจานกระดาษที่มีช็อกโกแลตมูสขึ้นมาแล้วก็ดมมัน จากนั้นก็ทำหน้าบึ้ง “แอลกอฮอล์! นี่คิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย?!”
“อะ เอ่อ คือ—”
“จอมเวทน่ะอ่อนไหวมากนะ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติเลยที่ทานยาทางปากแล้วได้ผลออกมาอย่างเหลือเชื่อ ยิ่งกว่านั้น พวกเธอมาเยี่ยมจอมเวทที่กำลังล้างพิษอยู่ในโรงพยาบาล แต่ดันเอาขนมหวานที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์มาด้วยเนี่ยนะ!”
นางพยาบาลร่างยักษ์อาจจะเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องจอมเวทและมีองค์ความเรื่องเหล่านั้นอยู่ 7753 ไม่ได้สังเกตเรื่องแอลกอฮอล์เลยจนกระทั่งนางพยาบาลพูดถึง เธอตกใจเมื่อเห็นนางพยาบาลยกจานกระดาษเข้าไปใกล้จมูก ทั่วทั้งโรงพยาบาลนั้นมันคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นของน้ำยาฆ่าเชื้อ แต่ในตอนนี้เมื่อเธอรู้ตัวแล้ว มันก็เป็นกลิ่นของแอลกอฮอล์จริงๆ
“อยู่ในสภาพแบบนี้… แย่จังเลยนะ”
นางพยาบาลร่างยักษ์สวมกอดมานาคนที่กำลังกอดเธอเอาไว้ และในที่สุดก็ตะคอกออกมาอย่างรุนแรง
“มันเป็นเพราะแบบนี้ไง ฉันถึงพูดว่าพวกเมจิคัลเกิร์ลเนี่ยมันช่างไร้ความละเอียดอ่อนเสียจริง!”
“ขอโทษค่ะ ฉันขอโทษ—”
“ออกไป!”*
“ขะ-ขอโทษจริงๆค่ะ!”
*คนที่ไล่ 7753 ออกจากห้องในฉบับ plat คือมานา ส่วน yp จะเป็นนางพยาบาล (บทพูดจุดนี้ของสองเวอร์ชั่นก็มีรายละเอียดต่างกัน)
และพวกเธอก็ถูกไล่ออกมาจากห้อง
พอลองมาคิดดูแล้ว 7753 ก็จำได้ว่าฮานะพูดอะไรอย่าง “หัวหน้าจะเป็นมิตรมากขึ้นล่ะค่ะ เมื่อในตัวของเธอมีแอลกอฮอล์อยู่นิดหน่อย” ออกมาด้วย แต่เธอก็จำได้อย่างคลุมเครือ มันสายไปแล้วที่มานึกขึ้นได้ตอนนี้ มานานั้นอ่อนไหวต่อแอลกอฮอล์ และการที่เอาขนมหวานที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์มาเยี่ยมคนไข้ที่อยู่ในโรงพยาบาล มันคือการขาดความอ่อนไหวอย่างไม่ต้องตั้งคำถามเลย
ในห้องสุขาภายในห้องน้ำ*นั้น 7753 กอดกระเป๋าของตัวเองแล้วก็ก้มหน้าลง เธอทำพลาดจนได้ เธอทำสิ่งที่ไม่สมควรทำลงไป มันมีเรื่องอื่นที่เธอควรจะคุยกับมานาแทน —และมันก็มีอีกหลายเรื่องที่เธออยากพูด เธอเองก็อยากรู้เรื่องเล็กๆน้อยๆเช่นกัน อย่างเรื่องอาหารที่ชอบหรือเรื่องชอบผู้ชายประเภทไหน จะเป็นเรื่องอะไรก็ได้ทั้งนั้น
*ฉบับ plat ไม่ได้บอกว่า 7753 โดนไล่ออกมาจากห้องแล้วไปที่ไหน แต่ฉบับ yp 7753 นั้นจะไปอยู่ในห้องสุขา
“อะไรสีแดงๆลดลงนี่มันหมายความว่ายังไงเหรอ?” เสียงนั้นดังออกมาจากด้านในกระเป๋าของเธอ 7753 เงยหน้าขึ้น เท็ปเซเคเมย์คิดยังไงกับเรื่องที่ถูกไล่ออกมากันนะ? แน่นอนว่าเธอคงไม่สนใจอยู่แล้ว
“…อะไรสีแดงๆนี่ หมายถึงอะไรน่ะ?”
“อะไรกลมๆที่มีปลายแหลม” เท็ปเซเคเมย์ออกมาจากกระเป๋า มันจึงทำให้ห้องสุขาแคบลงในทันใด “มันขึ้นมาตรงนี้” ในมือของเท็ปเซเคเมย์ที่ยื่นออกมานั้นมีแว่นกันลมของ 7753 อยู่
“อ๋อ หัวใจสินะ?”
“เมย์มองดูผ่านเจ้านี่อยู่ตลอด ตอนที่พวกเราเข้ามาข้างใน หัวใจของผู้หญิงที่พวกเราเข้ามาเยี่ยมก็ลดลง เมย์สงสัยจังว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
การแสดงผลที่อยู่บนแว่นกันลมนั้นคือความเหงา มันเป็นอย่างเดียวกันกับที่ 7753 ตั้งค่าเอาไว้ก่อนที่จะเข้ามาในห้องของมานา
“เมย์อยากรู้มากเลย” จากนั้นเท็ปเซเคเมย์ก็กลับเข้าไปในกระเป๋า ทางเดียวกับที่เธอออกมา
7753 สำรวจแว่นกันลมอย่างใกล้ชิด ภายใต้แสงไฟของห้องน้ำ ภาพของพวกเธอก็สะท้อนออกมาด้วยแสงไฟสีเหลืองที่ดูราคาถูก
เธอทำให้มานาเมาเพราะมูสเค้กและทำให้เธอร้องไห้ แต่กระนั้น บางทีตัวของเธอก็ยังคงมีประโยชน์อยู่เล็กน้อย ความเหงาของมานาลดลง 7753 เองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน การได้เห็นใบหน้าของมานาเป็นครั้งแรกในระยะเวลาอันยาวนานมันทำให้ความเหงาของเธอลดลงไปด้วย เธอสามารถพูดเรื่องนี้ได้แม้จะมองดูตัวเองผ่านแว่นกันลมไม่ได้ก็ตาม
7753 ลุกขึ้น
“กลับเข้าไปอีกครั้งเถอะ ถึงบางทีพวกเราจะถูกไล่ออกมาอีกครั้ง แต่ก็ยังมาเยี่ยมวันอื่นได้ มันยังมีอีกหลายเรื่องที่ฉันอยากจะคุยกับเธอด้วย”
“เมย์คิดว่ามันเป็นความคิดที่ดีเหมือนกันนะ เมย์เองก็อยู่กับเกรซด้วย”
“…เกรซ?”
“เกรซเองก็เหมือนกับเว็ดดิ้น เธอทั้งตัวเล็กและอ่อนแอ”
เพื่อคนอื่นแล้ว 7753 ไม่ใช่เพียงแค่ทำผิดพลาด เธอยังคงมีความรู้สึกว่าโดนดูถูกอยู่ด้วย แม้เธอคิดว่าควรจะทำให้เท็ปเซเคเมย์เข้าใจให้ถูกต้องในตอนนี้ แต่เท็ปเซเคเมย์ก็คงจำไม่ได้อยู่ดี หากเป็นแบบนั้นเธอจะบอกเท็ปเซเคเมย์ในภายหลังเอง สิ่งที่ 7753 ควรทำในตอนนี้ เธอก็ควรจะลงมือทำในตอนนี้
มานาพูดว่าอยากจะสืบสวนเรื่องเหตุการณ์ครั้งนั้น ดังนั้นเมจิคัลเกิร์ลอย่างเธอจึงต้องเข้าไปช่วย
จากนั้น 7753 ก็หมุนลูกบิดประตู
MANGA DISCUSSION