ตอนที่ 3
จับมือกับฉัน ณ สวนสนุก
☆ โซรามิ นาคาโนะ
–พวกเราถูกฝ่ายโอสโจมตี
ใบหน้าของโซรามิดูเข้มแข็งก็จริง แต่ภายในใจของเธอนั้นกำลังสั่นรัวอย่างรุนแรง ลิ้นของเธอก็พันกันอยู่ภายในปาก หากเธอเสียสมาธิ ขาของเธอคงต้องสั่นไปด้วยแน่ๆ เวทมนตร์ของอูรูรุได้ผลอย่างยอดเยี่ยมจนมันทำให้พวกเธอได้รับชัยชนะอย่างไร้บาดแผล ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น พวกเธอคงต้องสู้กันแบบตัวต่อตัว ศัตรูนั้นมีหอก พวกนั้นต้องใช้มันเพื่อเสียบแล้วก็แทงแน่ๆ หากโซรามิโดนเสียบ เธอก็จะเลือดออก แล้วมันก็ขึ้นอยู่กับว่าเธอโดนเสียบที่ไหนถึงจะตายด้วยอีก
โซรามิกอดตัวเอง เธอนั้นกำลังหนาวสั่น
แม้จะรู้มาก่อนว่าฝ่ายโอสนั้นตามพวกเธอมา แต่มันก็ดูเหมือนว่าไม่เป็นเรื่องจริงเลยจนกระทั่งเธอเห็นด้วยตาตัวเอง เธอรู้สึกว่าเรื่องราวที่เหมือนกับเทพนิยายเหล่านั้นมันเกิดขึ้นในสถานที่อื่น จนกระทั่งถึงในตอนนี้ โซรามินั้นมีปฎิกิริยากับเรื่องความคิดที่พวกเธออยากหยุดการต่อสู้เอาไว้ว่า “คิดเรื่องนั้นมากเกินไปแล้วนะ”
“เร็วเข้า! รีบๆไปกันต่อได้แล้ว!”
อูรูรุนั้นหงุดหงิดมากกว่าปกติ แก้มของเธอเป็นสีแดง บางทีเธออาจจะรู้สึกตื่นเต้นมากกว่ากลัว เธอนั้นภูมิใจในผลลัพธ์ของการต่อสู้ที่สามารถเอาชนะศัตรูได้ด้วยเวทมนตร์ของเธอ ซึ่งมันน่าประทับใจว่า เธอสามารถทำตัววางท่ามากกว่าปกติกับการที่สู้กับศัตรูที่พยายามทำร้ายพวกเธออย่างจริงจังอีกด้วย
มันเป็นอย่างที่โซรามิคิดว่าสโนไวท์กับอูรูรุเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่เข้ากันได้ดี สโนไวท์สามารถจับโกหกของอูรูรุได้อย่างรวดเร็วไม่ว่าอูรูรุจะพูดออกมาแบบไหน และเมื่อเธอรู้ว่าอูรูรุโกหก เวทมนตร์ของอูรูรุก็จะไร้ผลไป สโนไวท์คือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของอูรูรุ แต่ในตอนนี้สโนไวท์เป็นพวกเดียวกันกับเธอ อูรูรุจึงไม่ต้องกังวลเรื่องที่พวกเดียวกันจะโดนหลอก โซรามิที่เคยชินกับเวทมนตร์ของอูรูรุอยู่แล้วนั้นแตกต่างออกไป แต่กับเมจิคัลเกิร์ลที่พวกเธอต้องร่วมมือด้วยแค่ไม่กี่วันนั้น มันคือเรื่องดีสำหรับอูรูรุไม่จำเป็นต้องยั้งเรื่องโกหกไว้ตลอดเวลา
ตราบใดที่ทั้งสองคนต่อสู้ไปด้วยกัน ทุกอย่างมันต้องออกมาดีแน่
โซรามิที่ยังมีสติอยู่นั้น พยายามหายใจเข้าลึกๆเพื่อให้จิตใจของเธอสงบลง หากเธอคิดเกี่ยวกับเรื่องของตัวเอง พวกเธอจะต้องล้มเหลวแน่ เธอรู้จัก ฝ่ายโอส ที่เป็นศัตรูมาก่อน และในตอนนี้สิ่งที่คลุมเครือก็กลายเป็นมีรูปร่างที่ชัดเจนและโจมตีเข้ามาพร้อมกับความกลัว มันไม่ใช่แค่โซรามิกับอูรูรุทีจะได้รับผลกระทบ ซาจิโกะเองก็ด้วย
ซาจิโกะรู้เรื่องนี้ขนาดไหนกันนะ? เมื่อเทียบกับตัวเองแล้วโซรามิคิดว่าซาจิโกะนั้นไม่ได้รู้อะไรมาก หากเธอรู้ล่ะก็ แบบนั้นเธอก็จะขังตัวเองอยู่แต่ในคฤหาสน์โดยไม่สนว่าจะมีแรงกดดันเรื่องบทบาทสำคัญในพิธีแค่ไหนรึเปล่านะ? แต่ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็ดีกว่าการถูกไล่ล่าโดยกลุ่มติดอาวุธที่จะโจมตีใส่คู่ต่อสู้อย่างไร้ปรานีอยู่แล้ว
การคิดเรื่องของซาจิโกะแทนเรื่องของตัวเองมันทำให้เธอใจเย็นลง โซรามิออกมาเพื่อช่วยซาจิโกะ โซรามิปกป้องตัวเองได้เพราะเธอมีอูรูรุ สโนไวท์ และฟาลอยู่ด้วย ส่วนซาจิโกะนั้นอยู่ที่ไหนซักแห่งตัวคนเดียว เธอคงต้องตัวสั่นอยู่แน่ๆ
ตามที่สโนไวท์บอก ศัตรูที่โจมตีเข้ามานั้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของกลุ่มขนาดใหญ่ แถมยังจำนวนเกือบห้าสิบคนอีกต่างหาก เพราะมันมีเมจิคัลเกิร์ลจำนวนมากขนาดนั้นเข้ามาในเมืองนี้ โซรามิจึงรู้สึกว่าต้องหาตัวซาจิโกะให้พบโดยเร็วที่สุด
อูรูรุก้าวไปข้างหน้าด้วยการวิ่งช้าๆ สโนวไวท์กับโซรามิตามหลังเธอไป สิ่งก่อสร้างแต่ละหลังที่โซรามิผ่านนั้น เธอก็สัมผัสเพื่อตรวจดูว่ามีอะไรอยู่ข้างในไปพร้อมกัน ก่อนหน้านี้เธอกำจัดเป้าหมายให้อยู่แค่ซาจิโกะเท่านั้น แต่ในตอนนี้เธอต้องตรวจสอบให้แน่ใจถึงเรื่องการมีอยู่ของศัตรูด้วย เรดาห์ของฟาลและเวทมนตร์อ่านใจของสโนไวท์ไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในอดีต เมื่อตรวจสอบร่องรอยของเมจิคัลเกิร์ลตามสิ่งก่อสร้างที่ผ่านไปนั้น ในที่สุดโซรามิก็เจอบางอย่าง
“ดูเหมือนว่าพี่จะผ่านมาทางนี้นะ” เธอพูด
“เมื่อไหร่?”
“ตอนเช้าวันนี้ เวลาราวๆร้านค้าเพิ่งจะเปิด”
มันคือห้างสรรพสินค้า ในตอนนี้โซรามิคงจะไม่ได้อยู่ที่นี่ เธอเข้าไปในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่จากทางเข้าแล้วออกไปด้านนอกจากประตูทางออกด้านหลัง
โซรามิจำทุกที่ที่พวกเธอไปเที่ยวกับซาจิโกะได้ พอซาจิโกะออกไปทางประตูด้านหลังของห้างสรรพสินค้า แบบนั้นจะมุ่งหน้าไปที่ไหนกันนะ? โรงงานขนมเซ็มเบ้ที่พวกเธอเคยไปทัศนศึกษากันงั้นเหรอ? หรือจะเป็นร้านค้าปลีกที่อยู่ข้างๆ? ซุปเปอร์มาร์เก็ตขายส่งที่พัคพั๊คใช้พวกเธอไปทำธุระ? สำนักงานเขตของศาลาว่าการ?
“เราไม่คิดว่าพี่จะไปสถานที่ที่มีความวุ่นวายอะไรนะ รู้ไหม?” โซรามิพูด
เมื่อซาจิโกะรู้สึกไม่ดี หรือมีเรื่องน่ากลัวไม่ก็อะไรที่ไม่พอใจเกิดขึ้น เธอก็จะวิ่งหนีออกจากบ้านไปบ่อยๆ เธอมักจะไปยังสถานที่ที่ตัวเองเคยไปมาก่อนเสมอ ครั้งหนึ่งเธอเคยไปยังที่รกร้างที่พวกเธอเคยไปทัศนศึกษากัน อีกครั้งหนึ่งเธอไปยังห้างสรรพสินค้าที่พวกเธอออกไปช็อปปิ้งด้วยกันบ่อยๆ ไม่ว่าจะไปที่ไหน มันก็คือที่ที่เธอเคยไปมาก่อนและเธอก็จะหลีกเลี่ยงสถานที่ที่ตัวเองไม่คุ้นเคยด้วย พอรู้แบบนี้แล้วมันสามารถเรียกได้ว่าขี้ขลาดก็จริง แต่มันก็อาจเรียกได้ว่าเป็นความขี้ขลาดที่ชาญฉลาดด้วยเช่นกัน เมื่อถามเรื่องนี้กับอูรูรุ อูรูรุก็จะพูดสถานที่ในหัวใจของซาจิโกะออกมา ซาจิโกะนั้นอยากถูกเจอตัว ดังนั้นเธอจึงไปในที่ที่ตัวเองรู้จัก
ซาจิโกะ อูรูรุ และโซรามิไม่ได้มีโอกาสที่จะออกนอกลู่นอกจากมากนักนอกจากจะมีคำสั่งมาจากพัคพั๊ค เพราะว่าพวกเธอนั้นถูกพามาที่คฤหาสน์เพื่อรับใช้พัคพั๊ค เมื่อพัคพั๊คออกจากเมือง พวกเธอนั้นก็จะตามไปด้วย แต่โดยพื้นฐานแล้วขอบเขตการปฎิบัติงานของเธอจะถูกจำกัดอยู่แค่เมือง W
“พี่คิดยังไงเหรอ?” โซรามิถาม “ว่าออกจากทางประตูทางออกด้านหลังของห้างสรรพสินค้าแล้วจะไปไหนต่อ?”
อูรูรุเงยหน้าที่ก้มอยู่ขึ้นมา “หากไปทางนั้น บางทีคงจะเป็นสวนสนุก”
“สวนสนุก?”
“ถ้าจะให้ถูกก็คือสวนสนุกเก่าน่ะ อูรูรุคิดว่ามันเลิกกิจการไปเมื่อปีที่แล้ว”
“อ๊ะ จริงด้วย พอพี่พูดแบบนั้น เราก็นึกออกเลย”
มันถูกเรียกว่าสวนสนุกก็จริง แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรที่แฟนซีมากพอที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยงจากจังหวัดอื่นได้เลย มันมีแค่กรงขังลิง สนามเด็กเล่นผจญภัย รถไฟลิงกับคนขับที่เป็นลิง แล้วก็ร้านค้าเพียงไม่กี่ร้าน โซรามิรู้สึกประทับใจที่พวกเราสามารถดำเนินกิจการได้จนถึงปีที่แล้วในยุคที่เศรษฐกิจเป็นแบบนี้
เธอนึกย้อนไปตอนช่วงวัยเด็ก
พวกเธอไปเที่ยวเล่นที่สวนสนุกกันครั้งหนึ่งเมื่อซาจิโกะอายุหกขวบ ครั้งหนึ่งตอนเธออายุเจ็ดขวบ และอีกครั้งหนึ่งเมื่อเธออายุสิบขวบ ตอนหกขวบนั้นซาจิโกะร้องไห้เพราะเธอกลัวลิง แต่พัคพั๊คก็ซื้อไอศครีมนุ่มๆจากร้านค้ามาให้ และซาจิโกะก็ดูเหมือนว่าจะลืมเรื่องเกี่ยวกับลิงทั้งหมดไปเลย เธอกินไอศครีมอย่างมีความสุขจนมันเลอะรอบปากและย้อยไปถึงลำคอ เมื่ออายุเจ็ดขวบ ซาจิโกะก็ไม่ได้กลัวลิงอีกแล้ว และในที่สุดเธอก็ขึ้นขี่รถไฟลิงได้ แต่ก็เหมือนว่าเธอจะไม่ได้เลิกกลัวไปเสียทั้งหมด ในตอนที่เธอพยายามลงจากรถไฟนั้นมันทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น จนพัคพั๊คต้องรีบไปซื้อไอศครีมมาให้เธอ ตอนอายุสิบขวบ ซาจิโกะก็อายุมากเกินที่จะเล่นรถไฟลิงแล้ว ดังนั้นเธอจึงไปเล่นที่สนามเด็กเล่นผจญภัยแทน ที่นั่นอูรูรุเริ่มทะเลาะกับเด็กคนอื่น และพัคพั๊คก็ไปซื้อไอศครีมมาให้ทุกคนเพื่อให้เรื่องทุกอย่างราบรื่น จากนั้นเมื่อเด็กๆที่มองดูการทะเลาะกันจากที่ไกลๆก็อยากกินไอศครีมด้วย พัคพั๊คจึงไปซื้อไอศครีมมาอีก แม้ในตอนนี้โซรามิจะจำภาพของเด็กทุกคนที่เล่นอยู่ในสนามเด็กเล่นพร้อมกับเลียไอศครีมไปด้วยได้อย่างเลือนราง แต่มันก็มีเด็กไม่ดีที่กินไอศครีมไปสองโคนอยู่ด้วยเช่นกัน
เมื่อคิดย้อนกลับไปแบบนี้มันก็ทำให้โซรามิรู้สึกสับสน
“พี่อูรูรุคิดว่าพี่ซาจิโกะจะไปที่สนุกเหรอ?” เธอถามอูรูรุ
“ทำไมถึงคิดว่าไม่ใช่ล่ะ?”
“เราหมายถึง ก็พี่ซาจิโกะไม่ได้มีความทรงจำดีๆกับที่นั่นอยู่เลยนี่นา?”
ซาจิโกะทั้งร้องไห้ ทั้งไอศครีมเปื้อนไปทั้งใบหน้า แถมยังตกใจเมื่อมีการทะเลาะกันเกิดขึ้นอีก ที่ว่ามามันไม่มีอะไรดูเหมือนเป็นความทรงจำที่ดีเลย
“นั่นน่ะไม่จริงหรอก”
“พี่คิดแบบนั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว” อูรูรุเริ่มเดินออกไป เธอเดินผ่านประตูอัติโนมัติของห้างสรรพสินค้าเข้าไปด้านในราวกับว่ามั่นใจในเหตุผลบางอย่าง โซรามิกับสโนไวท์ก็เดินตามเธอไปด้านหลัง
มันมีสองกรณีเมื่ออูรูรุดูมั่นใจ อย่างแรกคือเธอนั้นมั่นใจจริงๆ ส่วนอย่างที่สองคือเธอแสร้งทำเพราะไม่งั้นตัวของเธอจะดูไม่ดี จากเรื่องในอดีต โซรามิรู้ว่าแม้จะมีหลักฐานที่อ่อน แต่เธอก็ทำสำเร็จได้
หากเป็นไปได้ก็อยากให้มันเหมือนกันในอดีตนะ โซรามิคิดเช่นนั้นแล้วเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
☆ อูรูรุ
อูรูรุจำเรื่องหนึ่งได้ มันคงจะเป็นตอนที่เธออายุสิบขวบที่ซาจิโกะไม่ได้กลัวลิงแล้ว ในตอนนั้นอากาศมันร้อนจัด อูรูรุจึงจำได้ว่าตัวของเธอจึงมีไอศครีมอยู่ในมือเช่นกัน
ซาจิโกะและอูรูรุนั่งอยู่ข้างๆกันแล้วมองเข้าไปในกรงขังลิง อูรูรุเคยคิดอะไรแบบว่าลิงนั่นมันเหมือนกับซาจิโกะตอนร้องไห้ด้วยเหมือนกัน ซาจิโกะชี้ไปที่ด้านหลังของกรงขังลิงแล้วถามว่า “ตรงนั้นมีอะไรเหรอ?” และอูรูรุก็ตอบเธอไปว่า “ตรงนั้นเป็นทางไปบ้านของลิงน่ะ” ซาจิโกะก็พูดกลับมาด้วยความรู้สึกประทับใจแล้ว “แบบนั้นถ้าลิงรู้สึกร้อนก็ไปซ่อนตัวที่นั่นได้ใช่ไหม?”
คำพูดของเธอที่ว่า “ซ่อนตัวที่นั่น” มันติดอยู่ในหัวของอูรูรุ
เมื่อออกมาจากประตูทางออกด้านหลัง เธอก็โบกแท็กซี่แล้วบอกปลายทางไปว่า “ไปสวนสนุกเก่า” เด็กสาวสามคนขึ้นแท็กซี่เพื่อไปยังสวนสนุกที่ถูกทิ้งร้างตอนกลางวันแสกๆของวันธรรมดามันอาจจะทำให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก็ได้ แต่พวกเธอจำเป็นต้องจับตัวซาจิโกะให้เร็วที่สุดก่อนที่ฝ่ายโอสจะมาเจอตัวเธอเข้า แต่กระนั้นพวกเธอก็ไม่สามารถวิ่งไปรอบๆด้วยการใช้ความเร็วอย่างเต็มที่ในตอนกลางวันได้ ดังนั้นการใช้แท็กซี่จึงดีกว่ามาก
“ใครจะเป็นคนจ่ายเหรอ?” โซรามิถาม
“ไม่ต้องบ่นน่า” อูรูรุพูดสวนกลับ “พวกเราขอให้ออกใบเสร็จได้”
ที่ทางเข้าด้านหน้าของสวนสนุกถูกโซ่หนาๆพันเอาไว้แล้วก็ป้ายที่เขียนว่า “ห้ามเข้า” ด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่อยู่ สำหรับเมจิคัลเกิร์ลแล้ว ของแบบนั้นมันก็เหมือนว่าไม่ได้มีอยู่ตั้งแต่แรก เมื่อแท็กซี่แล่นออกไปและพวกเธอแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ ทั้งสามคนก็เดินข้ามที่กั้นถูกกั้นเอาไว้เข้าไปในสวนสนุก
มันเป็นทั้งที่รกร้างและผุพัง ป้ายร้านค้าเองก็หลุดลงมาเป็นแนวทแยงมุม เทปสีเหลืองเองก็ถูกติดเอาไว้รอบบริเวณสนามเด็กเล่นผจญภัยพร้อมกับป้ายที่อ่านได้ว่า “ห้ามใช้งาน” ขยะที่เกลื่อนกลาดอยู่ทั่วบริเวณลานจอดรถคงจะมาจากพวกคนไร้บ้านไม่ก็แก๊งค์ซิ่งที่มาใช้ที่นี่เป็นที่สุมหัวกัน อูรูรุได้ยินพวกสถานที่ที่ถูกทิ้งร้างนั้นกำลังเป็นที่นิยม เห็นได้ชัดว่ามันมีกระทั่งคนที่จ่ายเงินเพื่อซื้อภาพถ่ายของสิ่งก่อสร้างที่ถูกทิ้งร้างอยู่ด้วย ที่แบบนี้มันมีอะไรน่าสนุกกันเนี่ย? เพราะมันมีแต่ทำให้จิตใจของอูรูรุรู้สึกเหงา
ทั้งสามคนตรวจสอบตำแหน่งของแผนที่ที่อยู่ตรงใกล้ๆกับทางเข้า จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังกรงขังลิง
“ตรวจพบเมจิคัลเกิร์ล แค่คนเดียว ปอน” ฟาลพูดออกมา
โซรามิยักไหล่ “เหมือนว่าพวกเราจะเจอแล้วสิ”
“อย่าประมาทล่ะ พวกเรายังไม่รู้ว่านั่นใช่ซาจิโกะรึเปล่า”
อูรูรุพูดเตือน ถึงแม้จะคิดว่านั่นอาจจะเป็นเธอก็ตาม มันคงจะแปลกนิดๆหากมีศัตรูที่เข้ามาในสวนสนุกและรอพวกเธออยู่คนเดียวแบบนี้ พวกเธอเดินข้ามผ่านขั้นบันไดที่หายไปและรอยแยกตามทางเดินเพื่อมุ่งหน้าไปตามสัญญาณในเรดาห์ของฟาล
“ฉันได้ยินเสียงของเธอ” สโนไวท์พูด “เธอคิดว่าไม่อยากให้ตัวเองถูกเจอตัว”
จากนั้นความมั่นใจ 99 เปอร์เซ็นต์ก็กลายเป็น 100 เปอร์เซ็นต์ มันไม่มีเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นในเมือง W ที่ซ่อนตัวอยู่คนเดียวแล้วคิดอะไรแบบนั้นแน่ ตอนนี้พวกเธออยู่ที่ทางเข้าด้านหลังของกรงขังลิงแล้ว
อูรูรุยกไหล่ขึ้นแล้วเดินไปเตะประตูทางเข้าที่อยู่ข้างหน้า “ซาจิโกะ! เฮ้!”
เธอได้ยินเสียงสะดุ้งเบาๆออกมาจากด้านใน จากนั้นเธอก็รออยู่สิบวินาทีแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ได้มีอะไรออกมา อูรูรุกระทืบเท้าเสียงดังจนคอนกรีตแตก แล้วพวกเธอก็ได้ยินเสียงสะดุ้งเบาๆอีกครั้ง
“ซาจิโกะ! ถ้าเธอไม่ออกมาล่ะก็ แบบนั้นอูรูรุจะเข้าไปเอง!”
“นี่” โซรามิเข้ามายืนข้างๆอูรูรุ จากนั้นเธอก็ยืนอยู่ด้านหน้าของอูรูรุเล็กน้อย “นี่ พี่ซาจิโกะทำไม่ไม่ออกมาล่ะ? พี่รู้ใช่ไหมว่าถูกเจอตัวแล้วน่ะ? ถ้าพี่อูรูรุพยายามจะทำอะไรล่ะก็ แบบนั้นเราจะหยุดไว้ให้เอง โอเคนะ?”
ท่าทางของโซรามินั้นดูใจดีและเป็นสื่อกลางระหว่างสองคน สโนไวท์อยู่ด้านหลังพวกเธอครึ่งก้าว บางทีอาจจะพยายามบอกพวกเธอให้รู้ว่าควรจะแก้ไขปัญหานี้กันเอง อูรูรุเองก็อยากหลีกเลี่ยงเรื่องที่ทำให้บรรยายแย่ลง เธอไม่ได้อยากจะทำเรื่องราวให้มันใหญ่โตโดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าสโนไวท์ ถ้าเธอมองดูอูรูรุและน้องสาวของเธอด้วยความเหยียดหยาม นั่นมันก็คือการเหยียดหยามไปถึงตัวพัคพั๊คด้วย และถ้าพัคพั๊คถูกทำให้อับอายเพราะอูรูรุและน้องสาวของเธอ แบบนั้นโทษที่จะโดนคงต้องมากกว่าโทษงดอาหารว่างแน่ๆ
อูรูรุหายใจเข้าลึกๆแล้วก็หายใจออก จากนั้นก็กระแอมออกมาเพื่อทำคอให้โล่ง “ตอนนี้คิดจะหนีไม่ได้แล้วใช่ไหมล่ะ? ดังนั้นก็ออกมาได้แล้ว”
มันมีเสียงของเก้าอี้ที่ล้มลงดังขึ้น จากนั้นก็มีใบหน้าที่ค่อยๆโผล่ออกมาจากอีกด้านของโต๊ะอย่างกลัวๆ เส้นผมสีทองที่พริ้วไหวไปมาของเธอนั้นมันทำให้นึกถึงพัคพั๊ค มันคือบางสิ่งที่อูรูรุเคยรู้สึกอิจฉา
“จะไม่โกรธจริงๆเหรอ…?”
ซาจิโกะไม่ได้ขอโทษหรืออธิบายเรื่องของตัวเองเลย เธอแค่ดูเหมือนกำลังจะร้องไห้แล้วก็เป็นห่วงว่าพี่สาวจะโกรธเธอเท่านั้น ในตอนนี้อารมณ์ที่สงบลงแล้วของอูรูรุก็เดือดขึ้นมาอีกครั้ง และก่อนที่เธอจะรู้ตัว โซรามิก็กุมมือของเธอแล้วเอาไปไว้ที่ด้านหลัง
“นี่ไง! โกรธจริงๆด้วย!” ซาจิโกะโอดครวญออกมา
“อูรูรุ!” โซรามิพูด “พี่ใจเย็นก่อนสิ! ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาโกรธนะ!”
“ยัยบ้าซาจิโกะ!” อูรูรุตะโกนออกมา “นี่กล้าทำให้พวกเราเครียดขนาดนี้แล้วยังกังวลว่าอูรูรุจะโกรธรึเปล่าอีกงั้นเหรอ? เธอนี่มันงี่เง่าสุดๆ! อูรูรุคงต้องตบแรงๆซักที เผื่อบางทีมันจะทำให้ไอ้หัวโง่ๆของเธอมันฉลาดขึ้นมาบ้าง!”
ป้ายที่เขียนเอาไว้ว่า “ห้ามเข้า” หล่นลงมาจนทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย ที่แห่งนี้มันมีกล่องกระดาษ เศษไม้ เชือกหนาๆที่สนามเด็กเล่นผจญภัย รอก และท่อเหล็กที่กองซ้อนกันปิดทางเอาไว้อยู่
มันเป็นที่เล็กๆที่เดินเพียงแค่ห้าก้าวก็สามารถสำรวจได้ทั่วบริเวณ เสียงตะโกนของอูรูรุ เสียงโอดครวญของซาจิโกะ และเสียงพูดของโซรามิจึงส่งผ่านเข้ามาได้ อูรูรุใช้เท้าเตะขึ้นไปในอากาศ ซาจิโกะนั้นวิ่งไปรอบๆเพื่อพยายามหนี ส่วนโซรามิก็จับแขนของอูรูรุไว้ด้านหลัง
และสิ่งหยุดการทะเลาะกันครั้งใหญ่เอาไว้ได้ ก็คือเสียงแหลมๆของไซเบอร์แฟร์รี่ “ตรวจพบเมจิคัลเกิร์ล! จำนวนเยอะมากเลย ปอน!”
สโนไวท์เดินผ่านข้างตัวของอูรูรุด้วยการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็ใช้ปลายของนากินาตะกระแทกเข้าไปที่ท้องของซาจิโกะจนเธอส่งเสียงร้องออกมา จากนั้นสโนไวท์ก็จับเธอโยนเข้าไปในกระเป๋าที่ห้อยอยู่ตรงเอวโดยที่ไม่ปล่อยให้พวกเธอมีเวลาพอที่จะตกใจเลย
“ไปได้แล้ว” หลังจากพูดจบสโนไวท์ก็วิ่งออกไปด้านนอก อูรูรุกับโซรามิเองก็วิ่งตามเธอไปด้วย
☆ CQ เท็นชิฮามูเอล
การพยายามที่จะหักล้างเรื่องความรุนแรงบางอย่างที่ถูกตัดสินโดยกฎส่วนใหญ่ไปแล้วนั้นมันไม่ใช่รสนิยมของฮามูเอล แต่ถ้ามันคือสิ่งที่เจ้านายของเธอต้องการ ฮามูเอลก็จะทำตามความปรารถนานั้น เพราะมันคืองานของลูกน้องอย่างเธอ
กุญแจสำคัญในพิธีนี้ก็คือพรีเมี่ยม ซาจิโกะที่เป็นลูกบุญธรรมของพัคพั๊ค พัคพั๊คจำเป็นต้องมีซาจิโกะอยู่ในมือไม่งั้นเธอก็ไม่สามารถเริ่มพิธีได้ สายลับที่แฝงตัวอยู่นั้นรายงานข้อมูลอันมีค่าอย่างเหลือเชื่อมาให้พวกเธอว่าซาจิโกะนั้นหนีออกไป จากนั้นฝ่ายโอสก็ลงมืออย่างรวดเร็ว หากพวกนั้นพยายามจับตัวซาจิโกะในขณะที่อยู่ในคฤหาสน์ของพัคพั๊ค แบบนั้นมันก็หมายถึงสงคราม แต่ถ้าพวกนั้นพยายามเป็นมิตรกับเมจิคัลเกิร์ลที่หนีออกมาจากคฤหาสน์ มันก็จะกลายเป็นเรื่องส่วนบุคคล ถึงจะมีเรื่องความรุนแรงเกิดขึ้นมันก็เป็นเรื่องปกติในหมู่ของเมจิคัลเกิร์ล พวกนั้นกลายเป็นเพื่อนกันผ่านทางการต่อสู้ ดั่งคำพูดที่ว่า “สนิทกันมากจนทะเลาะกันได้” ไม่ก็ “การสร้างมิตรภาพขึ้นมามันร้อนแรงดั่งเปลวเพลิง”
ฮามูเอลวิเคราะห์ทักษะในการต่อสู้ของนักล่าเมจิคัลเกิร์ล สโนไวท์ กับลูกน้องของพัคพั๊คสองคนเสร็จสิ้นไปแล้ว นักล่าเมจิคัลเกิร์ลนั้นมีเวทมนตร์อ่านจิตใจอันทรงพลัง และเด็กสาวที่ถือปืนสามารถทำให้คนอื่นเชื่อในสิ่งที่ตัวเองพูดได้ ส่วนอีกคนหนึ่งที่สัมผัสสิ่งก่อสร้างตามทางแล้วรายงานกับสมาชิกคนอื่นนั้นอาจจะเป็นเวทมนตร์ตรวจจับประเภทหนึ่ง ดังนั้นก็เป็นไปได้ที่ชัฟฟินและฮามูเอลจะสามารถรับมือพวกเธอได้
เมจิคัลเกิร์ลสามคนที่นำโดยสโนไวท์ออกมาจากกระท่อม พวกเธอพยายามออกไปจากที่นี่โดยการมุ่งหน้าไปทางฝั่งตะวันออกของสวนสนุก พรีเมี่ยม ซาจิโกะไม่ได้อยู่กับพวกเธอ เมื่อดูจากเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว พวกเธออาจจะเจอตัวซาจิโกะอยู่ภายในกระท่อมและพาเธอออกมาด้วย พวกเธอคงไม่ปล่อยให้ซาจิโกะอยู่ที่นั่น ฮามูเอลใช้กล้องส่องทางไกลที่ชัฟฟินข้าวหลามตัดทำให้เธอซูมเข้าไปดู นอกจากชุดของเธอแล้ว สโนไวท์นั้นมีนากินาตะแล้วก็กระเป๋าที่ห้อยอยู่ที่เอว บางทีมันอาจจะเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์ –มันค่อนข้างเห็นได้ชัดว่าเธอเอาตัวของซาจิโกะใส่เข้าไปในกระเป๋า
จากนั้นฮามูเอลก็ส่งข้อความผ่านไปทางวิทยุไร้สายของเธอ
“ทีม B ช่วยวนไปทางตะวันตกตามทีม C แล้วก็ตรึงกำลังไว้ที่ตรงบริเวณที่ใกล้กับทางเข้า จากนั้นก็ตรวจสอบพื้นที่รอบๆด้วย อย่าปล่อยให้ศัตรูออกจากสวนสนุกไปได้ ทีม E ให้เปลี่ยนปืนช็อตไฟฟ้าเป็นปืนจับนก ให้ความสำคัญเรื่องระยะก่อน หลีกเลี่ยงการยิงพวกเดียวกัน ดอกจิกทุกคนให้ใช้เวทมนตร์ล่องหน ศัตรูมีความสามารถเหนือกว่าในการตรวจจับศัตรูจากระยะกลาง”
ฮามูลเอลสามารถใช้เวทมนตร์ของเธอในการชดเชยจุดอ่อนของชัฟฟิน เพราะแต่ละหน่วยนั้นไม่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเองได้
ในคราวนี้มันไม่มีศัตรูคนไหนที่สามารถโจมตีเป้าหมายที่อยู่บนอากาศได้ หากฮามูเอลสังเกตการณ์สนามรบจากด้านบนด้วยกล้องส่องทางไกลและคอยให้คำสั่ง แค่นี้มันก็ไม่มีใครที่สามารถแตะต้องเธอได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังให้ข้าวหลามตัดทำอาวุธออกมาหลากหลายประเภท แล้วก็ยังให้พวกเธอใส่แผ่นป้องกันการแทงไว้ในชุดของชัฟฟินอีกด้วย ด้วยความสามารถทางเทคนิคของข้าวหลามตัด มันก็สามารถทำให้ผลิตอาวุธและเครื่องป้องกันที่ต้านทานเมจิคัลเกิร์ลออกมาได้ การติดอาวุธให้กับข้าวหลามตัดที่ไม่ใช่ชัฟฟินประเภทต่อสู้ มันจึงเป็นการเพิ่มความสามารถในการต่อสู้แบบโดยรวม
“ทีม C ให้ตรงไปแล้วรวมกลุ่มกับเอซ คนเดียวที่จะต่อสู้กับนักล่าเมจิคัลเกิร์ลคือเอซโพดำ ส่วนคนอื่นนั้นให้ทำการสนับสนุนและโจมตีเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นไปพร้อมกัน ทีม E ช่วยขึ้นไปประจำตำแหน่งบนดาดฟ้า จากจุดนั้นมันจะทำให้ควบคุมพื้นที่ด้านล่างได้ ตอนนี้ใช้ปืนจับนกซะ แม้ศัตรูจะเคลื่อนไหวก็ขอให้อยู่ที่เดิม”
เมื่อทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน การต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้น มีเพียงฝั่งฮามูเอลเท่านั้นที่สามารถวางกลยุทธ์ด้วยการเข้าใจพื้นที่ทั้งหมดของสนามรบ ความได้เปรียบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้แข็งแกร่งเพียงไม่กี่คนจะเอาชนะได้ ศัตรูนั้นหนีจากปืนจับนกจากทางตะวันออกที่ชัฟฟินยิงออกมา แล้วก็มุ่งหน้าไปทางตะวันตกเพื่อนหนีแทน แต่ในทางนั้นมันเต็มไปด้วยชัฟฟินดอกจิก เมื่อศัตรูพยายามจะหนีขึ้นไปทางเหนือ พวกนั้นก็เจอเข้ากับการยิงลงมาจากหลังคาของสนามเด็กเล่นผจญภัย ในขณะที่ทางใต้ กลุ่มระดับสูงที่มีเอซโพดำเป็นหัวหอกก็เข้ามาหา
สโนไวท์หลบได้อย่างง่ายดาย ทำให้ก้อนเหนียวๆสีเหลืองอ่อนพลาเป้าไปโดนกับพื้น พวกเธอยิงออกมาสามนัดเพื่อปิดทางเดินเอาไว้ แล้วก็อีกสามนัด แต่สโนไวท์ก็หลบหลีกการยิงได้ทุกครั้ง
แต่ถึงเธอจะหลบได้มากแค่ไหน มันก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับฮามูเอล นี่คือยางจับนก*เวทมนตร์ที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษโดยชัฟฟิน ต่อให้พลาดเป้า มันก็จะยังทำหน้าที่เป็นกับดักตรงจุดที่ตกลงไป ต่อให้เป็นเมจิคัลเกิร์ลก็จะติดหนึบอยู่กับที่หากเหยียบมันลงไป ถึงสโนไวท์จะอ่านใจของคนที่โจมตีได้ แต่ถ้าเธอไม่มีที่ที่จะให้หลบแล้วก็จะถูกโจมตีแน่
ดูเหมือนว่าเมจิคัลเกิร์ลที่ถือปืนจะตะโกนบางอย่างออกมา แต่มันก็ไม่มีประโยชน์เพราะฮามูเอลให้ชัฟฟินทุกคนใส่ที่อุดหูเอาไว้แล้ว ตั้งแต่ที่เสียงของฮามูเอลจะส่งไปถึงจิตใจโดยตรง มันจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องได้ยินเสียงจากภายนอก
*ยางจับนกหรือ birdlime เป็นสารเหนียวๆที่ทำมาพืชหลากชนิดอย่างเช่น ในแอฟริกาใต้จะทำมาจากต้นมิสเซิลโท, ในยุโรปจะทำมาจากเปลือกต้นฮอลลี่เป็นต้น ซึ่งเอาไว้ทาตามกิ่งไม้เพื่อจับนกที่บินลงมาhttps://en.wikipedia.org/wiki/Birdlime
“หน่วยที่จะเข้าไปโจมตีระยะประชิด เตรียมตัวพร้อมวิ่งเอาไว้ –ไปได้ การไม่ให้ตัวเองถูกฆ่ามันคือเรื่องสำคัญที่สุด ต้องแน่ใจว่าป้องกันจุดสำคัญเอาไว้ด้วย ตั้งใจทำหน้าที่เป็นกำแพงเท่านั้น พวกเธอไม่จำเป็นจัดการอีกฝ่าย เพียงแค่ต้องทำให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวไม่ได้ จะใช้ยางจับนกหรือปืนช็อตไฟฟ้าก็ได้”
สโนไวท์หมุนตัวแล้วก็แทงนากินาตะออกมาเพื่อผลักชัฟฟินออกไป แต่เพราะว่ามีแผ่นป้องกันการแทง มันจึงป้องให้ไม่ให้ชัฟฟินถูกฆ่าในการโจมตีครั้งเดียวได้ เมื่อเธอสร้างช่องว่างในขบวนโดยการผลักชัฟฟินออกไปได้แล้ว พวกเธอก็ถูกชัฟฟินที่มีจำนวนมากกว่าพุ่งเข้าาปิดช่องว่างในทันที
ฮามูเอลค่อยๆให้ชัฟฟินขยับเข้าใกล้ศัตรู ในตอนนี้ เมื่อเธอทำให้คู่ต่อสู้หนึ่งหรือสองขยับตัวไม่ได้ด้วยการใช้ยางจับนก ตาข่าย หรือปืนช็อตไฟฟ้าได้แล้ว ที่เหลือที่เธอต้องทำก็คือการบอกให้อีกฝ่ายยอมแพ้
ชัยชนะมันอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือแล้ว แต่ในตอนที่เมื่อเธอคิดแบบนั้น มันก็มีเสียงลมพัดเข้ามาหาในทันที ฮามูเอลเอี้ยวตัวหลบแต่ก็ไม่พ้น และจากนั้นมันก็มีเลือดไหลออกมาจากแขนของเธอ
-ลอบโจมตี!
สิ่งมีชีวิตสีดำที่น่าสยดสยองบินวนอยู่รอบตัวเธอ มันคือสิ่งมีชีวิตเวทมนตร์ที่เรียกว่า “โฮมุนครูส” –หรืออีกชื่อก็คือ “ปีศาจ” ที่ตรงนี้มีทั้งหมดหกตัว เมื่อมองลงไปด้านล่างพวกชัฟฟินเองก็ถูกโจมตีเช่นกัน ข้าวหลามตัดนั้นขาดทักษะในการโจมตีระยะใกล้จึงถูกจัดการไป และตอนนี้โพดำที่มุ่งหน้าเข้าไปป้องกันนั้นก็ถูกโจมตี ไม่ใช่แค่โฮมุนครูส เมจิคัลเกิร์ลที่ถือตรีศูลนั้นก็โจมตีเข้าไปพวกชัฟฟินด้วย ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวราวกับเป็นท่าทางของปีศาจร้าย ความเร็วที่เธอเหวี่ยงอาวุธเข้าหาเทียบได้กับโพดำแต้มสูง เธออาจจะดูบ้าคลั่ง แต่การเคลื่อนไหวของเธอนั้นราวกับเป็นทหารที่ผ่านการฝึกมาแล้ว มันดูใจเย็นและสมเหตุสมผล การก้าวเท้าและความรวดเร็วของเธอเองก็ยอดเยี่ยม การโยนชัฟฟินที่ไม่ใช่ประเภทต่อสู้เข้าไปหาคู่ต่อสู้อย่างเธอก็มีแต่จะเสียเปล่า แถมเมื่อคิดถึงเรื่องเวทมนตร์ของศัตรูแล้ว มันจำเป็นต้องมีชัฟฟินประเภทต่อสู้จำนวนมาก แต่เงาสีดำก็ป้องกันการเสริมกำลังของฮามูเอลเอาไว้ รูปขบวนในตอนนี้เริ่มยุ่งเหยิงและชัฟฟินก็ถูกทำลายไปเรื่อยๆแล้ว
ฮามูเอลเดาะลิ้น ความรู้สึกขมๆมันเอ่อออกมาจากส่วนลึกภายในลำคอ นี่คือกำลังเสริมของศัตรู หรือว่าพวกสโนไวท์เป็นตัวล่อตั้งแต่แรกแล้วกันนะ? มันเป็นไปได้ที่เธอจะได้รับข้อมูลเท็จและเรื่องซาจิโกะที่หนีออกจากบ้านคือการจัดฉาก สถานการณ์ในตอนนี้มันเลวร้ายอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว หากเธอจะทำให้ภัยพิบัตินี้ลดลงจนใกล้เคียงกับเรื่องเชิงบวก เธอก็ต้องลดความสูญเสีย หากเธอไม่ได้เสียชัฟฟินไปมากกว่านี้ เธอก็ยังมีโอกาสฟื้นตัวได้
“ภารกิจล้มเหลว ให้ความสำคัญเรื่องถอนตัวก่อน”
เธอพูดเพียงแค่นั้นเข้าไปในวิทยุไร้สายแล้วก็หายใจเข้าไปเต็มปอด ก่อนที่โฮมุนครูสจะเข้าโจมตีฮามูเอลจากหกทิศทาง เธอก็ตะโกนเข้าไปในวิทยุไร้สายอย่างสุดกำลัง เป้าหมายของเธอไม่ใช่ชัฟฟิน แต่เป็นโฮมุนครูสทั้งหกที่เข้ามาโจมตี
โฮมุนครูสสั่นไหวราวกับว่าเจ็บปวดเพราะเสียงที่ดังก้องเข้าไปในหัวอย่างฉับพลัน และฮามูเอลก็ใช้โอกาสนั้นเคลื่อนตัวออกห่างจากเงาแล้วบินผ่านเหนือสวนสนุก เธอนั้นมักจะขอลาจากเรื่องการทะเลาะวิวาทอย่างสุภาพเสมอและก็มั่นใจในความสามารถที่หลบหนีได้อย่างรวดเร็วด้วย
☆ โซรามิ นาคาโนะ
ทุกคนนั้นสับสน โซรามิเองก็ด้วย พวกเธอถูกทหารไพ่โจมตี จากนั้นก็โดนห่ากระสุนยางจับนกถาโถมเข้าใส่ พวกเธอวิ่งหนีและหลบการโจมตี และค่อยๆถูกต้อนเข้าไปที่มุมของสวนสนุกที่ที่พวกเธอถูกซุ่มโจมตี อูรูรุนั้นตะโกนออกมาว่า “ถ้าพวกแกไม่ปิดตาแล้วหมอบลงล่ะก็ พวกแกได้ตายแน่!” แต่มันก็ไม่ได้ผลเลย ในตอนที่โซรามิคิดว่าในที่สุดพวกเธอก็ไม่รอดแน่แล้ว ความช่วยเหลือก็มาถึง ปีศาจสีดำที่มีปีกสี่เหลี่ยมนั้นเข้าโจมตีทหารไพ่แล้ว เรื่องราวมันก็กลายเป็นว่าทหารไพ่นั้นวิ่งหนีออกไป โซรามิและพวกจึงใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้ในการมุ่งหน้าไปยังประตูด้านหลังของสวน
“นั่นพวกของสโนเหรอ?” โซรามิถาม
“เรื่องนี้พวกเราไม่รู้อะไรเลยนะ ปอน”
“ถ้าอย่างนั้นท่านหญิงพัคพั๊คช่วยพวกเราไว้เหรอ?”
“ท่านหญิงไม่เคยพูดอะไรแบบนั้นกับพวกเราด้วย” อูรูรุพูด
เรื่องนี้มันต่างกับตอนที่พวกเธอจับตัวทหารไพ่สามคน โซรามิไม่ได้มีแม้กระทั่งเวลาที่จะกังวลเลย หากพวกเธอหยุด พวกเธอก็จะตาย เธอแค่วิ่ง แล้วก็ใช้กำแพงเป็นที่ป้องกัน ใช้สนามเด็กเล่นเป็นโล่ ซ่อนตัวอยู่ในเงาของสโนไวท์ –วิ่ง พุ่งตัว กระโดด แล้วก็หนี
การฝึกฝนนั้นเป็นเรื่องน่าเบื่อ และโซรามิก็สงสัยว่าทำไมพวกเธอต้องทำอะไรแบบนั้นด้วย เธอมักจะโดดซ้อมทุกครั้งเท่าที่อยากทำ ซึ่งนั่นมันก็ทำให้อูรูรุโกรธเธอ ในตอนนี้เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้น โซรามิก็เข้าใจเป็นครั้งแรกว่าพวกเธอฝึกวิ่งมาราธอนไปทำไม พวกเธอฝึกฝนอย่างหนักเพื่อที่จะได้ทำอะไรให้ถูกเมื่อถึงเวลาที่เรื่องมันเกิดขึ้นจริงนี่เอง
เธอเข้าใจในทันทีว่าทำไมปีศาจถึงอยู่ที่นี่ –มันไม่ได้โจมตีแค่ทหารไพ่ แต่พวกโซรามิเองก็เช่นกัน อูรูรุป้องกันการโจมตีไว้ได้ด้วยปืนของเธอ ในขณะที่โซรามิเตะสวนกลับไปแต่ศัตรูนั้นหลบได้ สโนไวท์เฉือนปีศาจสีดำออกเป็นสองซีกแล้วมันก็ร่วงลงสู่พื้น
“เหมือนว่าพวกนั้นจะไล่ล่าซาจิโกะด้วยเหมือนกัน” สโนไวท์พูด
“จริงเหรอเนี่ย? โธ่เอ๊ย”
โซรามิตอบกลับอย่างไม่ได้สนใจ แต่โดยส่วนตัวแล้วเธออยากที่จะร้องไห้ออกมา เธอรู้สึกเหมือนกับว่าอยากคลานเข้าไปเกาะใครบางคนแล้วถามว่าทำไมมันถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เธออยากร้องไห้และตะโกนออกมา แต่พวกเธอนั้นต้องเคลื่อนไหวต่อไป
นี่มันเป็นแค่เรื่องของศัตรูฝ่าย A และศัตรูฝ่าย B เข้าปะทะกัน มันมีฝ่ายอื่นพยายามเข้ามายุ่งกับพิธีนอกจากฝ่ายโอส หรือในฝ่ายโอสเองมีการไม่ลงรอยกันด้วยงั้นเหรอ? มันไม่มีทางที่คนถูกโจมตีจะรู้ได้เลย ในตอนนี้ทุกสิ่งที่เธอทำได้มีแต่ใช้ความสับสนนี้เป็นโอกาสแล้วหนีไปเท่านั้น
กลุ่มของทหารไพ่ที่พยายามหนีนั้นรวมกลุ่มกันแล้วเข้าเผชิญหน้ากับกลุ่มปีศาจ กลุ่มปีศาจนั้นก็พุ่งเป้าการโจมตีเข้าหาทหารไพ่เช่นกัน จากเรดาห์ของฟาลและคำแนะนำของสโนไวท์ พวกเธอนั้นจึงเอาแผ่นหลังแนบชิดกับกำแพงแล้วก็เคลื่อนตัวไปยังที่ที่ไม่มีเมจิคัลเกิร์ลอยู่ เมื่อสิ้นสุดแนวเกำแพงแล้ว พวกเธอก็วิ่งด้วยความเร็วเต็มที่
“ตรวจพบเมจิคัลเกิร์ลสองคนที่กำลังเข้ามาหาพวกเราทางตะวันออก ปอน! พวกนั้นคือศัตรู ปอน!”
“เฮ้ เจ้าบ้าปอนปอน! ตะวันออกนี่มันทางไหนน่ะ?!”
“เรียกใครว่าเจ้าบ้าปอนปอนกันน่ะ ปอน?! ไปด้านหน้าแล้วก็ทางขวา ปอน! มุ่งหน้าไปทางแผนกเด็กหลง ปอน!”
เมจิคัลเกิร์ลสองคนเตะทะลุกำแพงของแผนกเด็กหลงออกมา จากนั้นก็พุ่งเข้ามาหาพวกเธออย่างรวดเร็ว พวกนั้นไม่ใช่ทหารไพ่และยังไม่ใช่เงาสีดำ เป็นเมจิคัลเกิร์ลที่สวมหมวกเหมือนกับนักวิชาการสวมเสื้อโค้ทสีขาว และอีกคนนั้นก็สวมชุดสีดำทั่วทั้งตัว โซรามิรู้สึกว่าเคยเห็นคนที่สวมชุดสีดำที่ไหนมาก่อน
ที่มือขวาของเมจิคัลเกิร์ลชุดดำนั้นดูบิดเบี้ยว นิ้วนั้นยืดหยุ่นจนงอได้หลากหลายทิศทางราวกับว่ามันไม่มีข้อต่อ เธอยกมือขวาที่บิดเบี้ยวนั้นเข้าไปหาแสงอาทิตย์ เงาที่เกิดขึ้นเพราะมือขวาของเธอส่งเสียงร้องดังกึกก้องออกมาบนพื้นคอนกรีตแล้วก็เข้าโจมตีอูรูรุ
แต่มันก็ไม่ได้กลายเป็นภาพสามมิติ เหมือนว่าเงานั้นยังดูแบนเรียบไปกับพื้นผิว แต่ใครจะรู้กันล่ะว่าหากโดนโจมตีจะเกิดอะไรขึ้น? ถ้าเป็นพลังของเมจิคัลเกิร์ลมันไม่มีทางที่จะรู้ได้เลย
อูรูรุกระโดดไปด้านหลังเพื่อหลบ และเขี้ยวของเงานั้นก็ขย้ำเข้าไปในคอนกรีต หากเธอหลบไม่ได้ เท้าของเธอคงต้องถูกบี้เละแน่ๆ โซรามิตัวสั่นคิดเช่นนั้นพร้อมกับตัวสั่น
สโนไวท์เหวี่ยงนากินาตะของเธอเข้าไปหาเมจิคัลเกิร์ลชุดดำ แต่เมจิคัลเกิร์ลชุดดำนั้นก็ก้มตัวลงพร้อมกับถ่อยห่างออกไป จากนั้นก็สร้างเงาขึ้นมาในมือซ้ายเหมือนกับมือขวาที่สร้างสัตว์ร้ายขึ้นมา สัตว์ร้ายในมือซ้ายพุ่งเข้าหาสโนไวท์ และสโนไวท์ก็กระโดดหลบคมเขี้ยวของมันได้
ดูเหมือนว่าสัตว์ร้ายนั้นไม่สามารถออกมาจากพื้นผิวที่พวกมันอยู่อย่างพื้นและผนังได้ มันจึงเป็นไปได้ที่จะหลบการโจมตีของพวกมันแบบชั่วคราวด้วยการกระโดด แต่พวกมันก็เคลื่อนไหวเร็วมากแถมยังไม่มีทางที่จะอยู่ในอากาศได้ตลอด ทั้งสามคนต้องรับมือการโจมตีที่มาจากด้านล่างมันจึงทำให้หลบหลีและสวนกลับได้ยาก สโนไวท์และอูรูรุทั้งคู่นั้นกำลังดิ้นรนกันอยู่
เมจิคัลเกิร์ลชุดดำพูดกับเมจิคัลเกิร์ลที่สวมเสื้อโค้ทสีขาวโดยไม่ได้ละสายตาไปจากสโนไวท์ว่า “มิจจังรับมือเธอนะ”
“รับทราบ”
มันไม่เหมือนกับสโนไวท์และอูรูรุ โซรามินั้นไม่ได้มีอาวุธเป็นของตัวเอง เธอกางฝ่ามือออกแล้วก็ย่อตัวลงต่ำเพื่อเตรียมพร้อมหลบสิ่งที่จะเข้ามาหา เธอพยายามทำให้ลมหายใจของตัวเองสงบลง แต่มันก็ไม่ได้ผล
เมจิคัลเกิร์ลสไตล์นักวิชาการมีกระดาษอยู่ในมือขวา –มันเป็นหนังสือพิมพ์เก่าโดยเฉพาะ โซรามิสามารถมองเห็นแผนกเด็กหลงผ่านทางรูกำแพงที่เมจิคัลเกิร์ลคู่นี้สร้างขึ้น ด้านในนั้นมันมีกล่องกระดาษ บางทีกระดาษนั้นอาจจะเอามาใช้ห่อของหรือเอามาใช้เป็นเบาะรองบางอย่าง
เมจิคัลเกิร์ลนั้นขว้างหนังสือพิมพ์เข้ามาหาโซรามิพร้อมพูดว่า “โชคัน [หนังสือพิมพ์ฉบับเช้า] เป็น โชเค็น [ดาบยาว]”
เส้นผมของเธอกระจายไปทั่วบริเวณ ยางรัดผมที่โซรามิใช้ถูกตัดขาดจนทำให้เส้นผมยาวๆของเธอแผ่ออกมา เลือดของเธอไม่ได้ออกมาและเธอก็ไม่ได้เจ็บปวดเช่นกัน บางทีเธออาจจะหลบมันได้อย่างหวุดหวิดเหมือนในการฝึกฝน เธอนั้นเคลื่อนไหวได้อย่างถูกต้องเหมือนกับในการฝึก โซรามิฝึกมาตลอดเพื่อช่วงเวลาแบบนี้ แต่เธอก็ยังคงสงบลมหายใจไม่ได้เช่นเดิม
จู่ๆเมจิคัลเกิร์ลสไตล์นักวิชาการก็กลายเป็นถือดาบอยู่ในมือ มันคือดาบมีคมด้านเดียวที่เรียบง่าย มันไม่ใช่หนังสือพิมพ์เหมือนกับในตอนที่เธอร่ายคาถา หนังสือพิมพ์มันกลายเป็นดาบไปแล้ว
☆ ปรินเซสดีลูจ
ปีศาจมีปีกมันก็คือดิสรัปเตอร์…หรือปีศาจที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสนับสนุนเมจิคัลเกิร์ลประดิษฐ์ พวกมันมีความสามารถที่หลากหลายอย่างเช่นการใช้รีโมทควบคุมและการแลกเปลี่ยนข้อมูล ดีลูจนั้นสามารถรับรู้ข้อมูลที่รวบรวมมาโดยปีศาจมีปีกที่เธอปล่อยออกไปในเมือง W ได้ในทันที
ในตอนที่เธอรู้ว่าทหารไพ่มันมีตัวตนอยู่ ดีลูจก็ลงมือโดยไม่ทันคิด คนที่ตายไปในอุบัติเหตุกลับยังมีชีวิตอยู่ –และคนที่ควบคุมชัฟฟินอยู่มันต้องมาจากฝ่ายโอส และถ้าฝ่ายโอสลงมือ มันก็มีโอกาสสูงที่พรีเมี่ยม ซาจิโกะจะอยู่ที่นั่น
ก่อนที่เธอจะมาถึง ดีลูจก็คิดไว้ว่าเธอควรจะสู้ยังไง ควรจะทำตัวแบบไหน แต่เมื่อเธอเห็นพวกทหารไพ่ ความคิดเหล่านั้นมันก็พลันหายไปจนหมด แล้วภายในจิตใจของดีลูจก็ถูกเรื่องอื่นเข้ามาปกคลุมแทน เธอเองก็ไม่รู้ว่ามันเป็นความโกรธหรือความดีใจกันแน่
ดีลูจสั่งให้ปีศาจมีปีกสองตัวที่แบกเธออยู่ในอากาศปล่อยเธอลงมาในระยะสิบห้าเมตรเหนือพื้นดิน ในจังหวะที่เธอลงมาบนหลังคาของสนามเด็กเล่นผจญภัยนั้น เธอก็โจมตีเข้าหาทหารไพ่หนึ่งคนด้วยตรีศูลแล้วก็เตะเข้าไปที่ทหารไพ่อีกคนหนึ่ง ในตอนที่หลบหลีกกระสุนจากปืนที่ยิงเข้ามาหาจากรอบๆตัว เธอก็แทงเข้าไปที่ลำตัวของชัฟฟินซ้ำแล้วซ้ำเล่า
มันรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ เธอรู้สึกว่ามีอะไรเหมือนกับยางที่แข็งและหนาอยู่ในชุดของชัฟฟิน ดีลูจเพิ่มพลังเวทมนตร์เข้าไปในตรีศูลตอนที่แทงเข้าไป เธอแช่แข็งข้าวหลามตัดจากภายในก่อนที่จะเหวี่ยงมันกระแทกเข้ากับดาดฟ้าจนร่างกายแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เธอยิงลูกศรน้ำแข็งเข้าหาทหารไพ่คนแรกที่ตกลงไปจากดาดฟ้า จากนั้นก็คนที่สองที่ล้มลงเพราะดีลูจเตะเข้าไปหา ดูเหมือนว่ามันจะมีบางอย่างที่แนบติดอยู่กับลำตัว ดังนั้นเธอจึงเล็งเข้าไปที่หัวแทน
ทหารไพ่ทุกคนที่อยู่รอบๆหันเข้าหาดีลูจแต่พวกมันก็ช้าเกินไป แม้ดีลูจจะไม่ได้ใช้ยาเพิ่มการตอบสนองแบบใหม่ที่ขโมยมาจากแผนกวิจัย แต่พวกชัฟฟินมันก็ไม่ได้ตอบสนองอย่างรวดเร็ว หลังจากที่พวกเดียวกันสามคนถูกโจมตีไปอย่างรุนแรง ในที่สุดมันก็หันเหความสนใจมาที่เธอ ดีลูจไม่รู้ว่าทำไม แต่เหมือนว่าการได้ยินของพวกมันนั้นถูกปิดกั้นเอาไว้
ปีศาจมีปีกเริ่มโจมตีเข้าหาทหารไพ่พร้อมๆกัน ดีลูจกระโดดลงมาจากดาดฟ้าและในระหว่างทางเธอก็ฟันเข้าไปที่คอของโพดำหนึ่งคนแล้วเตะมันลงไป ในจังหวะเดียวกันกับที่โพดำถูกจัดการ ดีลูจก็เอาเท้าของเธอไปเหยียบที่คอของโพดำแล้วก็กระทืบมันลงไปจนแหลก จากนั้นเธอก็ดึงเอายาออกมาจากกระเป๋าแล้วกลืนมันลงไป
“ลักซ์ซูรี่โหมด : ออน”
เธอแช่แข็งมวลสารเหนียวๆที่พุ่งเข้ามาหาเธอจากทั้งสี่ทิศและทำให้มันแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที จนทำให้เกล็ดน้ำแข็งที่ส่องประกายกระจายออกไปรอบๆตัว
ดีลูจวิ่งต่อไป เธอจัดการทหารไพ่ดอกจิก คนที่ถือกระบองและทุกๆคนด้วยลูกศรน้ำแข็ง เธอแทงข้าวหลามตัดที่ชี้ปืนมาที่เธอเข้าไปที่ระหว่างดวงตา เข้าไปที่คอ และเข้าไปที่ตาขวา
ทหารไพ่ค่อยๆเปลี่ยนขบวนของพวกมัน ทหารห้าคนที่ไม่ได้บาดเจ็บก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อปิดช่องว่างและพยายามสู้กับปีศาจมีปีก ดีลูจเข้าไปทางขวาของพวกนั้น
ทหารไพ่คนหนึ่งหยุดการโจมตีครั้งแรกของเธอเอาไว้ จากนั้นก็กระแทกเธอไปด้านข้าง แรงกระแทกแล่นผ่านเข้ามาภายในแขนของดีลูจ จนทำให้เธอเกือบปล่อยมือจากตรีศูลแต่ก็จับเอาไว้อย่างแน่นๆได้ ทหารไพ่คนนั้นก้าวออกมาด้านหน้าทหารไพ่คนอื่น ราวกับว่ามันกำลังปกป้องพวกของตัวเอง แต้มของนั้นคือเอซ ส่วนชุดก็คือโพดำ
ดีลูจคำรามออกมาราวกับเป็นสัตว์ร้าย เธอคำรามออกมาจากส่วนลึกภายในตัว ครั้งสุดท้ายที่เธอเผชิญหน้ากับเอซโพดำมันคือความหวาดกลัว แต่ในตอนนี้เธอรู้สึกดีใจและโกรธแค้น เธอยิงลูกศรน้ำแข็งออกไปหกทิศทางเพื่อโจมตีเข้าไปในเวลาเดียวกัน
แต่ทหารไพ่นั้นเหวี่ยงหอกเพียงแค่ครั้งเดียวก็ทำลายลูกศรน้ำแข็งจากหกทิศทางจนหมด ดวงตาของมันมองมาที่ดีลูจ มันไม่ได้มองแม้กระทั่งลูกศรน้ำแข็งด้วยซ้ำ ดีลูจใช้ตรีศูลของเธอแทงเข้าไป แต่มันก็ถูกกระแทกออกมาด้วยมืออีกครั้งจนทำให้เธอเสียการทรงตัว
ดีลูจจับตรีศูลของเธอเอาไว้แน่นๆด้วยสองมือ แต่เอซโพดำนั้นก็กระแทกออกไปด้านข้างได้ด้วยมือข้างเดียว แถมยังทำไปพร้อมกับการทำลายลูกศรน้ำแข็งด้วย
ดีลูจปล่อยให้ตัวเองเสียสมดุลจนคุกเข้าลงหนึ่งข้างเพื่อเชื้อเชิญให้เอซโพดำโจมตีเข้ามา แต่เอซโพดำก็ไม่ได้ขยับตัว มันคงให้ความสำคัญเรื่องการซื้อเวลาให้พวกตัวเองหนีไปได้อย่างปลอดภัย
–ปกป้องพวกเดียวกัน? แกเนี่ยนะ? น้ำหน้าอย่างพวกแกทำเป็นด้วยงั้นเหรอ?
เควคนั้นสละชีวิตเองจนถูกตัดหัวเพื่อปกป้องเท็มเพรสเอาไว้ เธอต้องตายไปโดยที่ไม่รู้ว่าเท็มเพรสที่เธอปกป้องยังถูกตัดหัวไปด้วยทั้งๆที่เธอร้องไห้และร้องขอชีวิตด้วยความเมตตา หากเควครู้เรื่องนั้นเธอจะพูดยังไงกันนะ? เธอจะคิดยังไงกันแน่?
ลูกศรน้ำแข็งที่หมุนรอบตัวของดีลูจเพิ่มจำนวนและความเร็วมากขึ้น จนมันส่งเสียงแสบแก้วหูออกมา
–หากแกจะปกป้องพวกเดียวกันล่ะก็. . .
จากจุดที่เธอคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่บนพื้นคอนกรีต เธอก็ยกตรีศูลขึ้นมา “แบบนั้นฉันจะฆ่าแกซะ!”
เอซหลบการโจมตีของเธอที่ขึ้นโจมตีมาจากด้านล่างและป้องกันลูกศรน้ำแข็งดอกแรกของเธอเอาไว้ได้ ดอกที่สองและสามก็เปลี่ยนทิศทางออกจากเป้าหมายลงไปที่พื้น ดีลูจเคลื่อนตัวไปรอบๆเอซ เธอวนไปทางขวาพร้อมกับพร้อมกับใช้ตรีศูลเหวี่ยงเข้ามา แต่เอซก็หลบได้ แถมยังเตะเข้ามาที่ท้องของเธอจนทำให้สิ่งของของเธอกระจัดกระจายของไปทั่วอีกด้วย ดีลูจทิ้งตัวไปด้านหลังและยิงลูกศรน้ำแข็งไปยังเอซเข้ามาหา แต่ศรทุกดอกของเธอก็ถูกป้องกันไว้ได้หมด
ดีลูจเลียเลือดที่ไหลออกมาจากริมฝีปากตัวเอง รสชาตินั้นมันเหมือนกับเหล็ก
จากตำแหน่งของเธอที่นอนอยู่บนพื้น เธอจึงใช้มือขวาเป็นจุดหมุนแล้วก็เตะอย่างรวดเร็วเข้าไปที่ข้อเท้าของเอซ แต่ด้ามจับหอกของเอซก็ป้องกันเอาไว้ได้ ความเจ็บปวดนั้นมันก็แล่นผ่านเข้ามาที่ขาอย่างรุนแรงจนทำให้กระดูกของเธอส่งเสียงออกมา ดีลูจกัดฟัน เธอยิงลูกศรน้ำแข็งเข้าไปแต่อีกฝ่ายก็ทำลายได้ เธอโจมตีด้วยตรีศูลแต่ก็ถูกปัดไปด้านข้าง
ปีศาจมีปีกสามตัวที่บินลงมาจากด้านบนถูกหอกของเอซหั่นในพริบตาเดียว จากนั้นเอซก็เหวี่ยงหอกกลับมาฟันอีกสามตัวจนทำให้พวกปีศาจปลิวออกไป –แต่มันก็เหมือนว่าฟันพวกนั้นจนเป็นชิ้นๆมากกว่า
ดีลูจส่งปีศาจมีปีกออกไปโจมตีมากขึ้น ในขณะที่เธอหยิบยามาเต็มกำมือแล้วใส่มันเข้าไปในปาก เธอเคี้ยวและกลืนมันลงไปทั้งหมดในคราวเดียว
“ลักซ์ซูรี่โหมด : เบิร์ส”
ราวกับมันว่ามีพลังอันมหาศาลกำลังผลักอยู่ที่หลังของเธอ ร่างกายของเธอก้าวไปข้างหน้าด้วยตัวเอง พลังงานนั้นแผ่พุ่งออกมาจากปรินเซสเจเวลของเธอเป็นประกายแสงสีฟ้า มันเปล่งประกายอยู่เหนือชุดสีดำขาวของโพดำ
การโจมตี
การโจมตีของเธอนั้นรวดเร็วอย่างมาก เธอประสานการโจมตีเข้ากับปีศาจมีปีกโดยเล็งจังหวะการโจมตีที่จะไม่ทำให้การแทงเข้าไปหาเอซของเธอนั้นพลาด –มันดูเหมือนจะแบบนั้นอยู่ครู่หนึ่ง เธอแทงทะลุชุดของเอซได้ก็จริง แต่มันก็พลาดไม่โดนตัว ไม่สิ–เธอถูกทำให้โจมตีพลาด
หลังจากที่ใช้ตรีศูลแทงเข้าไปอย่างเต็มกำลัง ก่อนที่ดีลูจจะขยับตัวได้ เอซก็เตะเข้ามา ดีลูจป้องกันไว้ด้วยแขนข้างขวา แต่มันก็ทำให้ตัวของเธอถอยไปด้านหลัง เธอได้ยินเสียงที่น่าสยดสยองดังออกมาจากแขนของเธอ กระดูกของเธอหักซะแล้ว
ในตอนที่กลิ้งไปตามพื้นคอนกรีตนั้น เธอก็ถูกปีศาจมีปีกเข้ามาช่วยเอาไว้และเธอก็ยิงลูกศรน้ำแข็งออกมา
–นี่ฉันยังแข็งแกร่งไม่พออีกเหรอ?
ดีลูจถามเช่นนั้นกับตัวเองและคำตอบที่ได้มาก็คือไม่ใช่ เรื่องนี้มันไม่จริงเลย ย้อนกลับไปตอนนั้นมันมีเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นที่ต่อสู้ด้วยกันกับเธอ สโนไวท์, ฟิรูรุ, มาริกะ ฟุคุโรอิ, สไตล์เลอร์ มิมิ แล้วก็ปรินเซสอินเฟอร์โน ในตอนนี้ดีลูจเป็นเมจิคัลเกิร์ลคนเดียวที่อยู่ที่นี่ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เธอก็ยังสามารถสู้ได้
ในตอนนี้คมดาบของดีลูจสามารถไปถึงคอของเอซได้แล้ว
ดีลูจลุกขึ้นแล้วก็ถอยออกไป เอซนั้นก็ตามมาหลังจากที่ทำลายปีศาจมีปีกไปห้าตัวในพริบตาเดียว นิ้วเท้าของเอซไปโดนเข้ากับเมจิคัลโฟนของดีลูจที่ตกอยู่ก่อนหน้านี้
มันไม่ได้มีความหวาดกลัวเหมือนกับเมื่อก่อน การต่อสู้มันไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกสนุกสนานเหมือนกับมาริกะ ฟุคุโรอิ ทุกสิ่งที่เธอรู้สึกมันมีเพียงความต้องการฆ่าเท่านั้น
เธอยกตรีศูลที่อยู่ในมือขวาขึ้น ส่วนมือซ้ายนั้นจับเอาไว้อยู่ที่ด้าม จากท่าทางที่เหมือนกับสไนเปอร์นี้ เธอก็ใช้มือข้างเดียวแทงเข้าไปที่ใบหน้าของเอซ แต่มันก็ถูกป้องกันเอาไว้ได้ด้วยหอกของเอซ จนมันทำให้ตรีศูลของเธอหล่นลงไปบนกองสิ่งของที่ดีลูจทำตกเอาไว้ เมจิคัลโฟนของเธอกระเด้งกระดอนจนสายของที่ห้อยอยู่่นั้นถูกตัดขาดจนปลิวออกไป
มือขวาของดีลูจรู้สึกชา เธอจับตรีศูลเอาไว้ด้วยมือซ้ายแล้วก็วางไปข้างตัว เอซนั้นเดินเข้ามาใกล้โดยที่ไม่สนใจเรื่องตรีศูล มันดูเหมือนว่าเอซนั้นจะใช้หอกแทงดีลูจได้เร็วกว่าที่ดีลูจจะยกอาวุธของตัวเองขึ้นมาทำการโจมตีอีกครั้ง –และนั่นอาจจะเป็นเรื่องที่ถูก
ดีลูจเน้นการใช้เวทมนตร์ของเธอไปที่ปลายของตรีศูล จากนั้นก็แทงเข้าไปในกองสิ่งของแล้วยกขึ้นมา สิ่งที่ติดอยู่ตรงปลายของตรีศูลด้วยเวทมนตร์แช่แข็งก็คือวัตถุรูปวงแหวน –กุญแจมือเวทมนตร์ ด้วยกุญแจมือเวทมนตร์ที่ติดอยู่ตรงปลายตรีศูลนี้ เธอจึงจับขาของเอซที่ก้าวเข้ามาหาเธอให้หยุดนิ่งเอาไว้ได้
ดีลูจได้กุญแจมือเวทมนตร์นี้มาจากเมจิคัลเกิร์ลสวมเกราะ –อาเมอร์ อาร์ลี่– ที่ถูกจับตัวเอาไว้ ที่ด้านในกระเป๋าของเมจิคัลเกิร์ลที่ได้แรงบัลดาลใจจากตำรวจนั้นมีกุญแจดอกเล็กๆอยู่ และเมื่อดีลูจใช้มันไขกุญแจมือ อาเมอร์ อาร์ลี่ก็สามารถขยับตัวได้อีกครั้ง แต่ก่อนที่กุญแจมือนั้นจะถูกไขออก อาเมอร์ อาร์ลี่ก็ขยับตัวไม่ได้อย่างสมบูรณ์ และไม่ว่าดีลูจจะแทงหรือแช่แข็งกุญแจมือ มันก็ไม่ได้เกิดรอยขีดข่วนขึ้นมาแม้แต่นิดเดียวด้วย
การคล้องขาของเอซไว้ด้วยกุญแจมือเวทมนตร์ที่สามารถจับตัวใครก็ได้นี้ มันจึงทำให้เอซหยุดเคลื่อนไหวได้ ดีลูจดึงเอาพลังงานความเย็นออกจากตรีศูลของเธอ แล้วก็ปล่อยกุญแจมือเอาไว้ตรงนั้น เธอเงื้ออาวุธไปที่เอซที่ล้มอยู่–
“ดีลูจ!”
เธอเงยหน้าขึ้นไปมองทันที ท่ามกลางหมู่ของทหารไพ่และปีศาจมีปีกที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น เธอก็มองเห็นภาพของบลูเบล แคนดี้ที่กำลังจะร้องไห้
มันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ดีลูจอยากถามเธอ เช่น “เธอมาที่นี่ทำไมน่ะ?” ไม่ก็ “ทำไมถึงต้องมองฉันแบบนั้นด้วย?” แต่ก่อนที่คำพูดเหล่านั้นจะออกมาจากปาก ปรินเซสดีลูจก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย
ดีลูจแทงเข้าไปที่คอของเอซอย่างเต็มกำลัง แล้วก็ใช้ลูกศรน้ำแข็งทั้งหมดที่มีโจมตีเข้าไปที่ใบหน้าของเอซ
☆ บลูเบล แคนดี้
บลูเบลหลบยางจับนก หลบดอกจิกที่โจมตีเข้ามาหาจากด้านหลัง ส่งเสียงร้องต่างๆนาๆออกมาในขณะที่เธอวิ่งไปรอบๆเพื่อออกห่างจากทหารไพ่ และจนสุดท้ายเธอก็เจอกับเอซดอกจิก เธอก้มตัวหลบกระบองที่โจมตีเข้ามาแล้วก็กลิ้งเพื่อหลบการโจมตีที่ตามมา จากนั้นเธอก็หนีไปในตอนที่ปีกสีดำเข้ามายังจุดที่เธออยู่ ในตอนที่เธอล้มลงเธอก็ใช้มือขวาพยุงตัวเอาไว้ เธอมองดูไปรอบๆ การต่อสู้นั้นโกลาหลมาก ทั้งมิตรและศัตรูผสมปนเปกันไปหมด จนเธอไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
ดาร์คคิวตี้ กลาเซียอาเน่ และโมโนชิริ มิจจัง ทั้งสามคนออกไปที่ไหนซักแห่ง ดีลูจเองก็คงต่อสู้อยู่แน่ แต่บลูเบลไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน
กระดานลื่นพังถล่มลงมา จนทำให้ฝุ่นควันนั้นก็ลอยเข้ามาหาตัวบลูเบล เธอเอามือมาป้องปากไว้และไอออกมา จากนั้นเธอก็ก้มตัวไปด้านหลังเพื่อหลบหอกที่แทงเข้ามาหา
“ดีลูจ! ดีลูจ!” เธอตะโกนออกมาเสียงดัง แต่มันก็ไม่ได้มีเสียงตอบกลับมาเลย ในตอนที่วิ่งอยู่นั้นบลูเบลก็ตะโกนออกมาเรื่อยๆ เธอหลบการโจมตีของศัตรูในตอนที่เข้ามายังใจกลางของสวนสนุก และที่นั่น เธอก็พบดีลูจ
“ดีลูจ!”
เมื่อพวกเธอสบตากัน ดีลูจก็ทำหน้าบูดบึ้ง แต่มันก็เหมือนกับว่าเธอยิ้มออกมาด้วย
ดีลูจแทงตรีศูลของเธอเข้าไปในลำคอของทหารไพ่ แล้วก็ยังใช้ลูกศรน้ำแข็งแทงเข้าไปจนเต็มใบหน้าด้วย เพราะแบบนั้นมันจึงทำให้เลือดพุ่งทะลักออกมา บลูเบลรู้สึกว่าตัวเองจะใกล้หมดสติ แต่เธอก็กัดริมฝีปากตัวเองไว้ ความเจ็บปวดมันทำให้เธอยังคงสติเอาไว้ได้ หากเธอหมดสติไปตอนนี้ เธอก็จะปกป้องดีลูจไม่ได้
ตรีศูลหลุดออกจากมือของดีลูจและแสงอัญมณีที่มงกุฏของเธอก็ค่อยๆจางหายไป ดีลูจล้มตัวลงไปที่พื้น และกุญแจมือขนาดใหญ่ก็ร่วงลงมาที่พื้นคอนกรีตจนเกิดเสียง แต่ถึงลำคอจะถูกเสียบ ใบหน้าจะเต็มไปด้วยลูกศร ทหารไพ่นั้นก็ยังคงตัวสั่น และค่อยๆยกหอกขึ้นมาอย่างช้าๆ
ก่อนที่หอกจะเหวี่ยงลงมานั้น บลูเบลก็ผลักทหารไพ่ออกไปด้านข้าง ทหารไพ่ที่ถูกบลูเบลผลักล้มลงไปกับพื้นนั้นพยายามลุกขึ้นมาด้วยการเคลื่อนไหวที่ราวกับเป็นเครื่องจักรพังๆ แต่เมื่อผ่านไปซักพักทหารไพ่ก็หยุดเคลื่อนไหว แขนเองก็ร่วงลงมา แล้วตัวก็กระตุก ร่างกายของทหารไพ่เริ่มค่อยๆสลายไปอย่างช้าๆจากจุดที่กระตุก จนในที่สุดก็หายไปจนหมด
บลูเบลหยิบตรีศูลและกุญแจมือขึ้นมาจากนั้นก็แบกดีลูจเอาไว้บนไหล่ ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมากลัว เธอต้องวิ่งออกไปด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองมี
“ปกป้องดีลูจ!” เธอตะโกนเข้าไปหาปีศาจมีปีกที่บินวนอยู่รอบๆ จากนั้นก็เริ่มออกวิ่ง ในตอนนี้จำนวนของทหารไพ่ลดลงไปอย่างมาก
☆ โซรามิ นาคาโนะ
ในขณะที่ดาบยังอยู่ในมือขวา ศัตรูก็แบมือซ้ายออกมาอย่างช้าๆ ที่มือนั้นเต็มไปด้วยโคลน
“โดโระ [โคลน] เป็น โดสุ [มีดสั้น]”
ศัตรูสร้างมีดสั้นขึ้นมาจากตรงที่มันเคยเป็นโคลน จากนั้นก็เปลี่ยนท่าทางโดยหันข้างและเอามีดสั้นมาถือไว้ด้านหน้า ดาบที่เธอถืออยู่ในมือขวาเองก็เริ่มขยับ
เธอจะโจมตีมาจากทางไหน? จะโจมตีเข้ามายังไงกันนะ?
เธอแทงดาบเข้ามาหาโดยไม่มีสัญญาณอะไรบ่งบอก และโซรามิก็หลบได้อย่างหวุดหวิด หากเธอไม่ได้เพ่งสมาธิทุกอย่างไปที่การหลบ แบบนั้นเธอก็คงโดนโจมตีแน่ โซรามิพยายามก้าวหลบดาบที่แทงออกมา แต่เมื่อมีดสั้นขยับ โซรามิก็รีบถอยกลับไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
น่ากลัว น่ากลัว น่ากลัวสุดๆ แต่เธอก็ยังขยับตัวได้ เธอกำมือแน่นแล้วคลายมันออก ปล่อยลมหายใจที่กลั้นเอาไว้ทั้งหมดออกมาในคราวเดียวแล้วก็หายใจกลับเข้าไปอีกครั้ง นี่มันก็เหมือนกับในการฝึกซ้อม นี่คือการฝึกดังนั้นเธอจึงสามารถเคลื่อนไหวแบบเดิมได้อีกครั้ง
เธอก้มตัวลงต่ำแล้วมองไปที่ใบหน้าคู่ต่อสู้
อูรูรุกำลังรับมือกับเงาสัตว์ร้ายอย่างเต็มกำลัง สโนไวท์เองก็โจมตีเข้าไปหาเมจิคัลเกิร์ลชุดดำดั่งกับพายุ โซรามิได้ยินเสียงของเหล็กที่กระแทกเข้าหากันจนเกิดประกายไฟด้วย
ประตู ลานจอดรถ ราวเหล็ก ห้องน้ำสาธารณะ ป้ายแผนที่ ไฟถนน บันได ตู้โทรศัพท์ หญ้าที่เหี่ยวแห้ง กระท่อมที่ดูเหมือนกับตู้เสื้อผ้า –โซรามิตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างด้วยการมองเพียงแค่ครั้งเดียว จากนั้นเธอก็ก้าวถอยหลังเพื่อหลบการโจมตีของดาบ
เธอขยับตัวได้ การฝึกฝนมันทำให้เธอขยับตัวได้
เธอตั้งใจจะทิ้งการโจมตีแล้วเน้นทั้งหมดไปที่การหลบหลีก แต่เธอก็หลบได้แค่อย่างฉิวเฉียด ศัตรูนั้นก้าวเข้ามาใกล้กว่าที่คิดเอาไว้ อีกแง่หนึ่งก็คือศัตรูคาดเอาจุดที่โซรามิจะไปเอาไว้
โซรามิกลิ้งไปด้านหลังแล้วโยนเมจิคัลโฟนของเธอ โยนกระเป๋าที่มีรูปทรงแบบคอนโทรลเลอร์ที่เป็นส่วนหนึ่งของชุดของเธอทิ้ง เธอโยนทุกอย่างที่อยู่ในมือออกไปแล้วเตรียมพร้อมที่จะวิ่งหนี และหลบการโจมตีเท่าที่สามารถทำได้ต่อไป
“เค็น [ดาบ] เป็น คอน [กระบอง]”
ดาบที่อยู่ในมือกลายเป็นกระบองไม้ยาว จากนั้นมันก็โจมตีเข้ามาหาโซรามิ เธอพยายามที่จะหลบด้วยการถอยไปข้างหลัง แต่ระยะของมันนั้นไกลกว่าดาบจนกระแทกเข้ามาที่หน้าอกของเธอ
แม้โซรามิจะลดแรงกระแทกลงได้เล็กน้อย แต่เพราะว่าตัวของเธอเสียสมดุล เธอจึงไม่สามารถยืนอยู่ได้ กระบองนั้นกระแทกเธอกลับไปด้านหลัง มันทำให้ตัวของเธอลอยเข้าไปด้านในกระท่อมเก็บของผ่านทางหน้าต่าง
กล่องกระดาษที่กองอยู่ด้านในกระท่อมนั้นปลิวไปทั่วบริเวณจากการที่โดนตัวของโซรามิกระแทกเข้าใส่ และมันทำให้แรงกระแทกที่เกิดขึ้นลดลงด้วยเช่นกัน เธอวิ่งออกไปพร้อมกับมือขวาที่จับหน้าอกเอาไว้ อย่างน้อยที่สุดกระดูกหน้าอกของเธอก็น่าจะแตก
โซรามิสะบัดหน้าไปทางขวาอย่างรวดเร็วเพราะสัมผัสได้ถึงความมุ่งร้าย มีดสั้นพุ่งเข้ามายังจุดที่หัวของเธออยู่เมื่อเสี้ยววินาทีที่แล้วและปักเข้าไปในกำแพงต่อหน้าต่อตาของเธอ
เธอได้ยินเสียงฝีเท้าที่เหยียบลงบนกระจกแตกจากด้านหลัง มันมีบางคนเข้ามาในกระท่อม –ศัตรูนั่นเอง ศัตรู
นั้นเข้ามาผ่านทางหน้าต่างที่โซรามิปลิวเข้ามา ในม่านฝุ่นที่ฝุ้งอยู่นี้ ภาพเงาก็รวมตัวเป็นรูปเป็นร่าง และเมจิคัลเกิร์ลสไตล์นักวิชาการก็ปรากฏตัวขึ้น เมจิคัลเกิร์ลที่ดูเหมือนนักวิจารณ์ในรายการโชว์เกี่ยวกับการศึกษาคนนี้ ในตอนนี้กลับดูเหมือนสิ่งมีชีวิตที่หลุดออกมาจากภาพยนตร์สัตว์ประหลาด
โซรามิจะเคลื่อนไหวเหมือนกับที่เธอทำในการฝึกฝน เธอทำได้แน่ นั่นคือสิ่งที่เธอพูดกับตัวเอง ถึงจะกลัวก็ไม่เป็นไร แม้ว่าเธอจะหวาดกลัว ขวัญผวาแค่ไหน แต่เธอต้องทำก็มีเพียงแค่ต้องขยับร่างกายเท่านั้น นั่นคือสิ่งที่เธอฝึกฝนมา เธอหายใจเข้าและหายใจออก หายใจเข้าแล้วก็หายใจออก ที่นี่เต็มไปด้วยฝุ่นและกลิ่นของเชื้อรา แต่กระนั้นเธอก็ยังคงหายใจเข้าและออก จากนั้นเธอก็สูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่
ที่ด้านในกระท่อมนี้มันแคบ มันเต็มไปด้วยกล่องกระดาษที่กองอยู่ทั่ว หากรวมด้านบนของกล่องพวกนี้เป็นส่วนหนึ่งของที่ที่จะแทรกตัวเข้าไปได้ มันก็ไม่ได้มีพื้นที่มากไปกว่าสิบตารางเมตร ระยะระหว่างเธอกับศัตรูคือสามเมตร และด้านหลังของโซรามิก็คือกำแพง เธอไม่มีที่ให้หนีแล้ว
ตั้งสมาธิ เธอสั่งตัวเองเช่นนั้น ถ้าไม่ตั้งสมาธิล่ะก็ตัวของเธอก็จะตาย
จากตัวของเธอที่ก้มลงต่ำ โซรามิก็พุ่งเข้าไปจับตัวศัตรู –หรือเธอทำให้มันดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น ก่อนที่จะเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็วและมุ่งหน้าไปที่หน้าต่าง แต่ในจังหวะนั้นหัวของโซรามิก็ถูกกระชากกลับอย่างรุนแรง ศัตรูมันเหยียบเส้นผมยาวๆของเธอที่อยู่ตรงพื้นในตอนที่ก้มตัวลงต่ำเอาไว้
หลังจากนั้นพื้นกระดานก็แตกในพริบตา เท้าขวาของศัตรูทะลุพื้นลงไปจนเสียสมดุล และโซรามิก็ใช้จังหวะนี้ในการเอามือสองข้างของเธอแกะเท้าขวาของศัตรูออก
ศัตรูกลิ้งไปโดนเข้ากับถัง ผงที่เอาไว้ใช้สำหรับตีเส้นที่อยู่ด้านในถังฝุ้งออกมา จนทำให้อากาศภายในกระท่อมเล็กๆกลายเป็นสีขาว ศัตรูไอออกมา แต่ในตอนที่ศัตรูล้มลง โซรามิก็กลั้นหายใจเอาไว้แล้ว
เวทมนตร์ของโซรามิมันทำให้เธอรู้ถึงสิ่งที่อยู่ด้านในได้โดยไม่ต้องเปิดออก ในจังหวะที่ตัวของเธอโดนเข้ากับหน้าต่างที่ปิดกระท่อมเอาไว้ เธอก็รู้ถึงทุกทุกอย่างที่อยู่ด้านในหมดแล้ว –จุดที่พื้นอ่อนตัว สิ่งที่อยู่ด้านในถัง และเธอก็ลงมือทำเรื่องต่างๆตามข้อมูลทั้งหมดที่เธอรู้
เธอยังก้มตัวลงต่ำเพราะหวังจะให้ศัตรูโจมตีลงมาด้านล่างและกระทืบเท้าลงที่พื้น เรื่องต่างๆมันได้ผลตามที่เธอวางแผนไว้
กระท่อมไม่ได้ถูกปิดเอาไว้อย่างสมบูรณ์ หน้าต่างที่ทั้งคู่เข้ามามันพังไปแล้ว และยังมีแสงส่องผ่านขอบประตูและรูเล็กๆที่ผนังด้วย ด้วยเวทมนตร์ของโซรามิ ยิ่งเป้าหมายของเธอถูกปิดผนึกมาเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งจะได้รับข้อมูลที่แม่นยำมากขึ้นเท่านั้น แน่นอนว่าถึงจะมีการปิดเอาไว้อย่างไม่สมบูรณ์ มันก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะมองไม่เห็นอะรเลย บ่อยครั้งแค่เข้าใจเพียงคร่าวๆมันก็เพียงพอแล้ว หากเธอแค่อยากจะหนีออกไป เท่านั้นมันก็เพียงพอ
ในตอนนี้เธอสามารถหนีออกไปได้ แต่เธอไม่ได้ทำแบบนั้น
การที่จะหนีออกไปจากที่นี่มันไม่ได้ยาก แต่หลังจากโซรามิหนีออกไปแล้ว ศํตรูคนนี้อาจจะโจมตีเข้าหาอูรูรุและสโนไวท์ก็ได้ หากเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น มันก็จะทำให้พวกเธอทั้งคู่ตกอยู่ในอันตราย
โซรามิต้องจัดการศัตรูคนนี้ นี่คืองานของเธอ –เธอตัดสินใจแล้ว
โซรามิเอาทุกอย่างที่อยู่ด้านในกล่องกระดาษออกมา จากนั้นเธอเอากล่องกระดาษไปที่หน้าต่างแล้วใช้เทปปิดเอาไว้ ในช่วงจังหวะที่ศัตรูยังคงโซซัดโซเซอยู่นั้น เธอก็ฉีกกล่องกระดาษเป็นชิ้นเล็กๆแล้วใส่เข้าไปในรูที่ผนัง
ในตอนนี้กระท่อมถูกปิดอย่างแน่นหนาขึ้นแล้ว แม้ตัวของโซรามิจะอยู่ด้านใน แต่มันก็ยังคงนับว่าเป็นการ “ปิดผนึก”
ข้อมูลของเธอถูกเปลี่ยนแปลงใหม่ โซรามิรู้ทุกอย่างที่อยู่ในกระท่อมหลังนี้ –สิ่งของ ตำแหน่ง ศัตรู สถานะ การเคลื่อนไหว ทุกสิ่งทุกอย่างถูกส่งมาที่โซรามิตามเวลาจริง
ศัตรูดึงมีดสั้นออกมาจากผนัง เธอถือมันไว้แบบกลับด้านและเข้ามาหาโซรามิ เธอเดินลากเท้าของตัวเองเล็กน้อย เธอคิดว่าคงต้องต่อสู้ระยะประชิดเพราะทัศนวิสัยมันแย่ และนั่นคือสิ่งที่โซรามิต้องการ
โซรามิจับข้อมือขวาของศัตรูด้วยสองมือ นั่นก็คือมือข้างที่ถือมีดสั้นเอาไว้
เมื่อโซรามิจับข้อมือได้ ศัตรูก็ตอบสนองด้วยการพยายามชักมือกลับ การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อศัตรูและลมหายใจถูกส่งผ่านมาที่โซรามิอย่างชัดเจน ในจังหวะที่ศัตรูชักมือกลับไปด้านหลังนั้น โซรามิก็ดันข้อมือขวาทำให้ศัตรูเสียสมดุลไปด้วยพร้อมกัน โซรามิใช้หมุนตัวของศัตรูไปรอบๆด้วยการใช้ข้อมือเป็นจุดศูนย์กลาง จากนั้นก็เหวี่ยงศัตรูลงโดยยังคงจับข้อมือเอาไว้
ศัตรูถูกเหวี่ยงลงมาที่พื้นอย่างงดงาม จากนั้นศัตรูก็พยายามลุกขึ้นยืนอีกครั้ง โซรามิปล่อยให้ศัตรูเคลื่อนไหวอีกครั้ง และในคราวนี้เธอก็ดึงข้อมือของศัตรูขึ้นมาแทนจนศัตรูเสียสมดุล จากนั้นเธอก็เหวี่ยง ดัน ดึง ดึง บิด แล้วก็เหวี่ยงอีกครั้ง เมื่อศัตรูพยายามจะลุกขึ้น โซรามิก็จะบิดข้อมือ ดึง แล้วก็เหวี่ยงตัวของศัตรู ทุกครั้งที่ศัตรูพยายามจะยืนขึ้น โซรามิก็จะเหวี่ยงเธอลงกับพื้น
จนกระทั่งศัตรูตะโกนออกมา “ไยบะ [ใบมีด] เป็น ไยโตะ [มักเวิร์ต*]!”
*มักเวิร์ตคือพืชชนิดหนึ่งที่ใช้เป็นยาสมุนไพร บ้านเราเรียกว่าต้นโกฐจุฬาลัมพาhttps://en.wikipedia.org/wiki/Mugworthttps://medthai.com/โกฐจุฬาลัมพา/
เธอรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น มีดสั้นที่อยู่ในมือศัตรูกลายเป็นก้อนมักเวิร์ต มันเป็นเวทมนตร์แปลกๆ แต่นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนสิ่งที่โซรามิจะทำ สำหรับเธอแล้วทุกอย่างภายในกระท่อมนั้นเห็นได้อย่างชัดเจน เธอเข้าใจการเคลื่อนไหวของศัตรู การที่เธอเหวี่ยงศัตรูลงบนพื้นนั้นไม่ใช่เพื่อการสร้างความเสียหาย เธอแค่เอาตัวอีกฝ่ายวางลงบนพื้นเท่านั้น
“ไยโตะ [มักเวิร์ต] เป็น ไรโตะ [แสง]!”
โซรามิอ่านการเคลื่อนไหวทุกส่วนของร่างกายศัตรู เธอตั้งใจในระดับที่ไม่เคยทำมาก่อน สำหรับเธอแล้วแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องปกติ แม้จากการฝึกซ้อมยี่สิบรอบมันก็ไม่ใช่แม้แต่รอบเดียวอีกด้วย
มือขวาของศัตรูมีน้ำหนักมากขึ้น ศัตรูนั้นเปิดไฟฉายที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณแปดสิบเซ็นติเมตร มันใหญ่เกินไปที่จะเป็นแบบพกพา แสงนั้นส่องเข้ามาที่ใบหน้าของโซรามิ ศัตรูหมุนร่างกายส่วนบนแล้วก็ขว้างไฟฉายออกไป ไฟฉายนั้นทะลุกล่องกระดาษที่ปิดหน้าต่างจนออกไปด้านนอกตัวกระท่อม
การที่ศัตรูทำลายกล่องกระดาษที่ปิดห้องเอาไว้แบบนี้ มันไม่ได้เป็นวิธีการที่แย่แต่มันแค่สายเกินไปเท่านั้น ศัตรูนั้นเคลื่อนไหวมากเกินจนทำให้ท่าทางที่ยืนอยู่ผิดเพี้ยน
โซรามิพลิกข้อมือของศัตรู จากนั้นก็หมุนข้อศอกแล้วใส่น้ำหนักลงไปเพื่อตรึงศัตรูเอาไว้ โซรามิสามารถสัมผัสได้ถึงเสียงกระดูกที่แตกออกจากกันผ่านทางร่างกายของเธอด้วย
เมื่อโซรามิล็อคไหล่ของศัตรูแล้วทิ้งน้ำหนักลงไปนั้น เธอก็ได้ยินเสียงสโนไวท์ตะโกนบางอย่าง ในตอนนั้นเธอก็รู้ว่ากระท่อมมันเริ่มสั่นและกำลังพังทลาย
หลังคาพังถล่มลงมา กำแพงเองก็ทรุดตัว หน้าต่างนั้นถูกทำลาย กล่องกระดาษปลิวหายขึ้นไป ผงตีเส้นเองก็ถูกพัดไปกับลม ข้อมูลทั้งหมดที่โซรามิมีอยู่หายไป ซากของกระท่อมนั้นมันร่วงลงมาเป็นชิ้นๆ
เธอพยายามลุกขึ้นยืนแต่ก็ล้มลงไป เมื่อเธอมองลงไปดูและพบว่าข้อเท้าขวาของตัวเองมันหายไปแล้ว เลือดกำลังไหลออกมา ความตั้งใจของโซรามิกำลังหายไปและถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสที่พุ่งเข้ามาจากทางข้อเท้า
กระท่อมกลายเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเรียกได้ว่ากระท่อมอีกต่อไป
เพดานและหลังคาถูกทำลาย สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงแค่พื้น โซรามิสับสน เธอไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันไม่มีข้อมูลอะไรเลย เธอมองไปข้างนอกแล้วก็เห็นเงาที่ทอดยาวมาจากจุดที่เมจิคัลเกิร์ลชุดดำถูกส่องด้วยแสง –อ่า แบบนี้เองสินะ มันก็สมเหตุสมผลดี
เงาสัตว์ร้ายมันทำลายกระท่อม เงานั้นมันยืดออกมาจากแสงของไฟฉาย มันมีขนาดใหญ่และทอดยาวมากขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งการโจมตีมาถึงตัวโซรามิที่อยู่ห่างออกไป เมจิคัลเกิร์ลสไตล์นักวิชาการนั้นเตะโซรามิแล้วก็วิ่งออกไปจากซากของกระท่อม หลังจากนั้นแค่พริบตา เงาสัตว์ร้ายก็ขย้ำเข้ามาที่ขากรรไกรของโซรามิ จากนั้นมันก็มีเสียงกระดูกที่แตกและเสียงเนื้อสดที่ถูกบดขยี้ตามมา และอย่างสุดท้ายเธอได้ยินก็คือเสียงกรีดร้องของอูรูรุ
☆ โมโนชิริ มิจจัง
ศัตรูนั้นแข็งแกร่งกว่าที่เธอคิด อีกฝ่ายมีสายตาที่เฉียบแหลมและการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว เธอไม่สูญเสียความใจเย็นไปเลยซักครั้ง แม้จะถูกต้อนจนมุมก็ตาม การมองเห็นของพวกเธอควรจะพร่ามัวด้วย ไม่รู้ว่าเธอนั้นใช้เวทมนตร์แบบไหนถึงได้ขว้างและล็อคตัวมิจจังได้ตามใจชอบ เธอไม่ใช่คนที่มิจจังจะรับมือได้ มิจจังเองก็โทษดาร์คคิวตี้ที่จัดการเธอทิ้งไม่ได้ด้วย แต่กระนั้น ถึงแม้เธอจะเป็นศัตรู ความตายของเธอมันก็ทำให้มิจจังรู้สึกไม่ดีเล็กน้อย
ในตอนแรกมิจจังคิดว่าเธอคือคู่ต่อสู้ที่เอาชนะได้ง่ายๆ แต่นั่นก็คือความประมาทของมิจจัง เธอรู้สึกว่าเด็กสาวนั้นไม่ได้มีประสบการณ์ แต่มันไม่มีทางที่เมจิคัลเกิร์ลที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างสามปราชญ์จะอ่อนแอได้เลย มิจจังลุกขึ้นโดยที่ไม่ได้ใช้แขนซ้ายแล้วก็เริ่มทำการสำรวจสิ่งต่างๆ
ในตอนที่สู้กับสโนไวท์อยู่นั้น ดาร์คคิวตี้ก็ยังสามารถยับยั้งคู่ต่อสู้คนที่สองได้ด้วยการใช้แสงของมิจจังในการแผ่ขยายเงาสัตว์ร้ายขอกเธอเพื่อกลืนกินคู่ต่อสู้ มิจจังรู้สึกประทับที่เธอสามารถจัดการเรื่องเหล่านั้นได้ด้วยตัวคนเดียว และยังดีใจจริงๆที่เธออยู่ฝ่ายเดียวกันอีกด้วย
เหมือนว่ามันจะไม่มีงานอะไรให้มิจจังทำอีกแล้ว สัตว์ยักษ์ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยแสงของมิจจังและการเชิดเงาของดาร์คคิวตี้นั้นนั่งอยู่บนร่างของเมจิคัลเกิร์ล มันอ้าปากออกกว้างพร้อมที่จะขย้ำศัตรูคนต่อไป
ในตอนนั้นเองมันก็มีเสียง ตึง เหมือนกับเป็นเสียงกระแทกอะไรซักอย่างดังขึ้น และรูปร่างของสัตว์ร้ายก็เริ่มสั่นไหว แสงเองก็จางลงและหายไป
มิจจังมองตรงไปทางที่ไฟฉายอยู่
“…ชูริเคน?”
ชูริเคนมันทำลายไฟฉาย ในตอนนี้มันพังและใช้งานไม่ได้อีกแล้ว
“คอน [กระบอง] เป็น โคเทะ [ถุงมือ]!, โคเทะ [ถุงมือ] เป็น ทาเทะ [โล่]!”
มิจจังไถลตัวไปจับกระบองแล้วก็เปลี่ยนมันให้กลายเป็นถุงมือเพื่อสร้างโล่ขนาดใหญ่และซ่อนตัวอยู่ในเงา โล่เหล็กนั้นป้องกันวัตถุที่บินเข้ามาหาได้ เมื่อมองดูวัตถุที่ตกอยู่ เธอก็เห็นชูริเค็นกับคุไน
มิจจังตะโกนเข้าไปที่เครื่องมือสื่อสารของเธอ “อาเน่! มีใครก็ไม่รู้ขว้างชูริเค็นกับคุไนมาด้วย! พวกมันมาจากทางไหนน่ะ?!”
อีกฝั่งของเครื่องมือสื่อสารนั้น กลาเซียอาเน่เงียบอยู่ครูหนึ่งก่อนที่จะตอบกลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับความขุ่นเคือง “ดูเหมือนว่าจะอยู่ไกลออกไปแบบสุดๆเลย อยู่นอกเหนือระยะแว่นตาของดิฉันด้วย” ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเธอไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ในตอนที่กำลังสู้กับสโนไวท์อยู่ ดาร์คคิวตี้ก็ถอยห่างออกมา เธอพยายามซ่อนตัวในเงาของเสาหินเพื่อหลบชูริเคน แต่สโนไวท์ก็ฟันเสาหินนั้นด้วยนากินาตะของเธอ ดาร์คคิวตี้ต้องปัดป้องชูริเคนไปพร้อมๆกับการพยายามหลบการโจมตีของสโนไวท์ แต่รูปแบบการโจมตีก็เปลี่ยนจากแนวนอนไปเป็นแนวตั้ง จนดาร์คคิวตี้ถูกฟันเข้าไปเป็นแผลตื้นๆที่แขนของเธอ เมื่อสโนไวท์พุ่งตัวเข้ามาพร้อมกับการโจมตีอีกครั้ง ดาร์คคิวตี้ก็สร้างสัตว์เงาขึ้นมาเพื่อรับการโจมตีของสโนไวท์และยับยั้งไม่ให้เธอบุกเข้ามา ในขณะที่ดาร์คคิวตี้ก็เพิ่มระยะห่างระหว่างพวกเธอ แต่ชูริเคนก็ยังบินเข้ามาแบบไม่หยุด ไม่ว่าพวกเธอจะพยายามวิ่งหรือกระโดด มันก็จะหักเลี้ยวอย่างผิดธรรมชาติแล้วตามเป้าหมายต่อไป
แม้ดาร์คคิวตี้และโมโนชิริ มิจจังจะมีทักษะทางด้านกีฬา แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่จะไม่สนใจชูริเคนและการโจมตีเหล่านี้
มิจจังที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังโล่ขนาดใหญ่นั้นหยิบเศษคอนกรีตขึ้นมา แล้วก็ใช้สองมือบดและบีบมันไปทั่วเพื่อสร้างลูกบอลเล็กๆขึ้นมา
“โชคิว [ทรงกลม] เป็น โชจูว [ไรเฟิล]”
ดังนั้นเธอแค่ต้องมีวิธีที่จะโจมตีจากการซ่อนตัวอยู่ด้านหลังโล่โดยไม่ต้องเข้าไปเจอกับชูริเคนที่มาเป็นห่าฝน มิจจังยกคาลาชนิคอฟไรเฟิลที่เธอสร้างขึ้นมาจากเวทมนตร์ขึ้นแล้วเล็งไปที่สโนไวท์ เธอนั้นกำลังต่อสู้อยู่กับดาร์คคิวตี้ แม้เธอจะสังเกตเห็นมิจจังแต่การจะรับมือได้รึเปล่านั้นมันคืออีกเรื่อง เธอเอานิ้วใส่เข้าไปที่ไกปืน แต่ก่อนที่เธอจะลั่นไก มันก็มีบางคนตะโกนออกมา
“ไอ้พวกเวร!”
มิจจังเปลี่ยนเป้าหมาย เมจิคัลเกิร์ลที่สวมเสื้อโค้ทนั้นกำลังถือปืนพร้อมกับตัวสั่น มันไม่ใช่การสั่นเพราะความกลัว แค่มองดูท่าทางก็สามารถบอกได้ว่าเธอนั้นตัวสั่นเพราะความโกรธ
และนั่นมันก็ทำให้ง่ายต่อการโดนยิง มิจจังเอานิ้วใส่เข้าไปในไก–
“ไอ้พวกเวร! ตอนนี้อูรูรุจะระเบิดตัวตายแล้วพาพวกแกตายไปด้วยให้หมด!”
ความเย็นยะเยือกแล่นผ่านกระดูกสันหลังของมิจจัง ราวกับว่ามันเป็นการสัมผัสที่อ่อนโยนจากศพคนตาย เธอตัวสั่นเพราะมั่นใจว่าตัวเองกำลังจะตาย “นักฆ่าไร้นาม” โมนิชิริ มิจจัง ผู้เข้าไปสู่สนามรบด้วยมือเปล่าและกลับออกมาด้วยมือเปล่า กำลังหวาดกลัวราวกับเป็นเด็กขี้ขลาดที่ถูกเล่าเรื่องผีให้ฟัง
หากเป็นแบบนี้ต่อไปทุกคนจะตายกันหมด เมจิคัลเกิร์ลคนนี้คิดที่จะระเบิดตัวตายอย่างรุนแรงจนพามิจจังกับดาร์คคิวตี้ตายตามกันไปด้วย มิจจังทิ้งโล่ของเธอแล้วหนีไป เธอภาวนาว่าดาร์คคิวตี้จะหนีไปได้ด้วยเช่นกัน
☆ สโนไวท์
อีกฝ่ายนั้นหนีไปได้ โชคดีที่หนีกันไปได้ทั้งหมดด้วย
เธอถามตัวเองว่าประมาทอีกฝ่ายเกินไปรึเปล่า แล้วคำตอบที่ได้มาก็คือไม่ใช่
ศัตรูนั้นเก่งเกินไป ตั้งแต่ที่พวกเธอเผชิญหน้ากับพวกชัฟฟินในสวนสาธารณะ มันจึงเป็นธรรมที่จะถูกจับตามอง แม้แต่กับเมจิคัลเกิร์ล การสะกดรอยตามสโนไวท์จากนอกระยะเรดาห์ของฟาลมันก็เป็นอะไรที่ยากมาก ด้วยเวทมนตร์แล้วมันก็เป็นไปไม่ได้ แต่สโนไวท์ก็คิดว่ามันมีความเป็นไปได้มากที่จะถูกจับตามองจากที่ที่สูงขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกชัฟฟินในสวนสนุกเคลื่อนไหวได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันราวกับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเพียงแค่หนึ่งเดียว ถึงชัฟฟินทุกคนจะเป็นเมจิคัลเกิร์ลคนเดียวกันแต่มันก็ไม่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ มันต้องมีบางคนคอยสั่งการอยู่แน่
และชัฟฟินก็ไม่ใช่ศัตรูของพวกเธอเพียงพวกเดียว มันยังมีอีกคนหนึ่งที่เป็นใครคนอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากดาร์คคิวตี้อยู่ด้วย
เธอคือเมจิคัลเกิร์ลตัวร้ายที่ปรากฏตัวในอนิเม คิวตี้ฮีลเลอร์ กาแล็กซี่ เธอถือกำเนิดขึ้นมาจากสสารมืดที่ล่องลอยอยู่ในจักรวาล เธอคือแนวหน้าของสเปซเคออสที่วางแผนจะทำลายล้างจักรวาล แล้วตัวเอกอย่าง คิวตี้ อัลแตร์ และ คิวตี้ เวก้า ได้เข้าต่อสู้กับเธออย่างดุเดือด จนสุดท้ายเธอนั้นหายตัวไปพร้อมกับสาบานว่าจะล้างแค้นตัวเอก ซึ่งมันเป็นเรื่องไม่ปกติสำหรับตัวร้ายในซีรี่ย์คิวตี้ฮีลเลอร์ ที่โดยปกติแล้วจะถูกทำลาย หรือกลับเนื้อกลับตัว ไม่ก็กลับเนื้อกลับตัวแล้วถูกทำลาย เสียงตอบรับกับตอนจบเช่นนี้ถูกพูดถึงแบบหลากหลาย
นั่น คือคนที่เข้ามาโจมตีพวกเธอ
ดาร์คคิวตี้อาจจะมีข้อต่อที่ยืดหยุ่น –ยืดหยุ่นจนสามารถเอานิ้วชี้ในมือขวาไปแตะหลังมือของมือข้างเดียวกันได้โดยไม่ต้องใช้มือซ้ายช่วย เธอจะเอามือมาพันเข้าหากันแล้วหันเข้าหาแสงอาทิตย์เพื่อสร้างหุ่นเชิดเงาขึ้นมา กรรไกรที่เธอสร้างขึ้นมาจากเงาสามารถตัดเสาเหล็กจนขาด และหมาป่าที่สร้างขึ้นมาจากเงาก็สามารถขย้ำคอนกรีตจนแตกได้เช่นกัน
พวกสัตว์ร้ายนั้นคือปัญหา อาวุธประเภทเงานั้นไม่แย่ก็จริง เพราะสโนไวท์สามารถได้ยินเสียงในหัวใจของดาร์คคิวตี้ สโนไวท์จึงสามารถรับมือกับอาวุธที่เธอใช้ได้ แต่พวกสัตว์ร้ายนั้นสร้างขึ้นมาจากเงา พวกมันเลยไม่ได้มีเสียงอยู่ภายใน พวกมันไม่ได้รู้สึกหรือคิดเรื่องอะไร พวกมันโจมตีเข้าหาสโนไวท์ในฐานะจักรกลต่อสู้อัติโนมัติเท่านั้น
เมื่อพูดถึงเรื่องทักษะทางกายและเทคนิคการต่อสู้ ดาร์คคิวตี้นั้นอยู่เหนือกว่าสโนไวท์อย่างเห็นได้ชัด แม้พวกสัตว์เงาจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับเธอ แต่สโนไวท์ก็ไม่ได้ยินเสียงความคิดของพวกมัน ดาร์คคิวตี้ออกไปนอกระยะการโจมตีของสโนไวท์และใช้ประโยชน์จากระยะโจมตีด้วยการใช้สัตว์ร้ายเป็นตัวโจมตีหลัก หากเธอต่อสู้แบบนี้ มันก็แสดงว่าเธอรู้เรื่องเวทมนตร์ของสโนไวท์แล้ว สโนไวท์ป้องกันกรรไกรเงา หลีกเลี่ยงเขี้ยวของสัตว์ร้าย ป้องกันลูกเตะ และหลบกรงเล็บของมันได้ แต่มันก็ไม่มีจังหวะให้เธอโจมตีเลย ดาร์คคิวตี้นั้นต่อสู้แบบไม่ได้ให้เธอหยุดพักหายใจ
หากเป็นแบบนี้ต่อไปในที่สุดเธอก็จะพ่ายแพ้ แต่ความช่วยเหลือที่เข้ามาอย่างไม่คาดคิดมันก็ได้ทำการเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ไป ในตอนที่กำลังต่อสู้อยู่นั้น มันมีบางอย่างพุ่งเข้ามาโจมตีสัตว์ร้ายสีดำและดาร์คคิวตี้ สัตว์ร้ายสีดำร้องครวญครางในขณะที่ดาร์คคิวตี้นั้นลังเล
แต่มันก็ไม่ใช่ว่าสโนไวท์จะทำการโจมตีในตอนนี้ได้ เพราะเมื่อเธอเห็นสิ่งที่พุ่งเข้ามา ตัวของเธอก็สั่นไหวอย่างรุนแรง สิ่งที่เข้ามานั้นมันคือชูริเคนและคุไน
ชูริเคนและคุไนพวกนี้คือสิ่งที่เธอคุ้นเคย มันคืออาวุธของเมจิคัลเกิร์ลที่หายตัวไปที่สโนไวท์กำลังตามหา เธอหายตัวไปหลังจากที่เข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์บางอย่างในเมืองอื่น และหลังจากที่ออกค้นหาทุกซอกทุกมุมของที่แห่งนั้น สโนไวท์ก็ไม่ได้เจอแม้กระทั่งศพเลย
หากสโนไวท์ไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้ บางทีเธออาจจะได้ยินเสียงของเมจิคัลเกิร์ลที่โซรามิต่อสู้ด้วย คิดว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรแล้วก็เตือนโซรามิ บางทีเธออาจจะรู้ตัวว่าเมจิคัลเกิร์ลสองคนนี้ไม่เหมือนกับชัฟฟิน พวกเธอไม่ได้มีที่อุดหู แล้วก็บอกอูรูรุให้พูดโกหกให้เร็วกว่านี้ เมื่อได้เห็นชูริเคนท่ามกลางความโกลาหล มันก็ทำให้สโนไวท์รู้สึกกระวนกระวายตอนที่ต่อสู้ และผลก็คือ ถึงพวกเธอจะขับไล่ศัตรูออกไปแต่มันก็แลกมาด้วยชีวิตของโซรามิ
พวกเธอเลือกเดินผ่านสถานที่ที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากบนท้องฟ้า ตรอกด้านหลัง อุโมงค์ ท่อระบายน้ำ ร้านเกมอาเขต ใต้ทางด่วน และในตอนนี้พวกเธอก็ซ่อนตัวอยู่ที่ใต้สะพานเล็กๆที่ส่ายไปมาทุกครั้งเมื่อมีรถผ่าน เด็กสาวนั้นเบียดเสียดกันอยู่ในที่ที่มีต้นหญ้าขึ้นสูงพร้อมกับถอนหายใจ
อูรูรุกำหมัดของเธอแน่นอยู่ตรงเข่าและไหล่ของเธอเองก็สั่นเทา
ซาจิโกะนั่งกอดเข่าและเอาใบหน้าซุกลงไป เธอไม่ได้ขยับตัวอะไรเลย
สโนไวท์โยนคุไนที่เธอจับอยู่ในมือเข้าไปในกระเป๋า
ในการต่อสู้ระหว่างเมจิคัลเกิร์ล สภาพของจิตใจคือสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่บางครั้งมันก็ต้องลงมือถึงแม้ว่าจะไม่สบอารมณ์ก็ตาม แม้จะร้องไห้ แม้จะโกรธ แม้จะหวาดกลัวและตัวสั่น มันก็ต้องลงมือไม่งั้นมันจะแก้ไขอะไรไม่ได้เลย ถึงแม้เธอจะรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบและคิดว่ามันเป็นเพราะฉันถึงมีคนบาดเจ็บ มันเป็นเพราะฉันทำพลาดบางคนถึงต้องถูกฆ่าตาย การคิดแบบนั้นมันไม่ได้ทำให้คนที่ตายไปฟื้นคืนกลับมาได้
สัมผัสของคุไนยังคงหลงเหลืออยู่ที่มือของเธอ เธอแบมือออกแล้วก็กำมันแน่นๆ แบบออกแล้วก็กำแน่นๆ แบบออกและกำแน่นๆอีกครั้ง เธอตบแก้มตัวเอง และอูรูรุกับซาจิโกะก็เงยหน้าขึ้นมา
“อูรูรุช่วยติดต่อหาท่านหญิงพัคพั๊คหน่อย” สโนไวท์พูด “ช่วยส่งข้อความไปประมาณว่า ‘พวกเราเจอตัวพรีเมี่ยม ซาจิโกะแล้ว พวกเราอยากกลับไปที่คฤหาสน์ในทันที แต่พวกเราไม่ใช่แค่ตกเป็นเป้าของฝ่ายโอส มันยังมีกองกำลังอื่นด้วย ช่วยส่งกำลังเสริมมาด้วย’ “
“อื้อ…อูรูรุจะทำ”
“ฉัน…” พรีเมี่ยม ซาจิโกะนั้นร้องไห้มาตลอดเวลา มันจึงทำให้น้ำเสียงของเธอแหบ “ฉันไม่อยากกลับไป”
อูรูรุพยายามจะยืนขึ้น แต่สโนไวท์ก็จับไหล่ของเธอเพื่อห้ามเอาไว้ หัวของซาจิโกะสั่นอย่างรุนแรงและเธอก็ขยับตัวออกห่างจากอูรูรุ แต่อูรูรุก็ผลักสโนไวท์ไปด้านข้าง อูรูรุเข้าหาซาจิโกะแล้วจับคอเสื้อของเธอเอาไว้ “ยัยบ้าซาจิโกะ! ยัยอภิมหาบ้า! นี่ยังจะพูดแบบนั้นอยู่อีกเหรอ?!”
“แต่ แต่ว่า…!”
“ทั้งสองคนช่วยลดเสียงลงหน่อย”
“วิ่งหนีทำไม?! ทำไมถึงกล้าทำแบบนั้น?! เธอจะได้เป็นฮีโร่เลยนะ!”
“ก็มัน…!”
“ทั้งสองคนลดเสียงลงด้วย”
“นี่เธอคิดว่าต้องสละชีวิตในพิธีนี้รึไงน่ะ?! นี่เธอคิดจริงๆงั้นเหรอว่าท่านหญิงพัคพั๊คจะให้เธอทำอะไรแบบนั้น?! ลืมไปแล้วรึไงว่าท่านหญิงใจดีขนาดไหน?! เธอจะมาพูดกับอูรูรุไม่ได้หรอกนะว่าลืมไปแล้ว!”
“ฉันรู้! ฉันรู้ท่านหญิงใจดี!”
“ทั้งสองคนเงียบด้วย”
“แบบนั้นก็อย่าหนีสิ! เพราะเธอ…มันเป็นเพราะเธอ…”
สโนไวท์ยืนขึ้นแล้วก็เข้าหาพวกเธอสองคนอย่างเงียบๆ แล้วก็ดึงแขนเสื้อโค้ทของอูรูรุ อูรูรุมองมาที่สโนไวท์ด้วยใบหน้าตกใจ เธอกัดริมฝีปากคัวเอง จากนั้นชักแขนเสื้อกลับด้วยความไม่พอใจ
สโนไวท์รู้ว่าอูรูรุจะพูดอะไรออกมา อูรูรุนั้นจะพูดว่า “ที่โซรามิต้องตายมันก็เพราะเธอ” อย่างน้อยที่สุด นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรจะพูดออกมาในตอนนี้ อูรูรุเองก็รู้ดี แต่กระนั้นบางครั้งคำพูดมันก็หลุดออกจากปากของเธอ
ซาจิโกะเอามือไปแตะที่หน้าปากของเธอแล้วถอนหายใจออกมา “ฉันรู้ว่าท่านหญิงพัคใจดี เธอใจดีกับฉันมากด้วย”
“ใช่แล้ว” อูรูรุพยักหน้า “ท่านหญิงพัคพั๊คน่ะใจดี ดังนั้นเธอไม่ต้องกังวลหรอก”
“นั่นไม่ใช่เรื่องที่ฉันกังวลซักหน่อย”
“แล้วทำไมต้องวิ่งหนีด้วยล่ะ?!”
“ฉันไม่อยากฆ่าใคร…”
“หา?! เธอคิดว่าใครมันจะทำให้เธอต้องฆ่าคนงั้นเหรอ?!”
“หากเวทมนตร์ของฉันถูกใช้ในพิธี มันก็ต้องมีคนตาย หากฉันใช้เวทมนตร์ของตัวเอง มันก็มีบางคนที่ต้องตาย พี่เองก็รู้นี่นา”
อูรูรุถอนหายใจออกมาอย่างแรง เธอพยายามลุกขึ้นแต่สโนไวท์ก็กดไหล่ของเธอลง ดังนั้นในตอนนี้อูรูรุไม่ได้ก้าวเท้าออกไป แต่เธอสลับที่กับสโนไวท์แล้วลงไปนั่งข้างๆซาจิโกะ แล้วเอามือโอบไหล่ของซาจิโกะไว้แทน ซาจิโกะตัวสั่นแต่อูรูรุก็พูดออกมาโดยไม่ได้ลังเล
“เธอคิดว่าท่านหญิงพัคพั๊คจะไม่สนใจเรื่องที่เธอต้องการแล้วบังคับให้เธอฆ่าคนในพิธีงั้นเหรอ…?”
อูรูรุยิ้มออกมาอย่างสดใสและมองไปที่ซาจิโกะแล้วก็มองมาที่สโนไวท์ และสุดท้ายเธอก็พ่นลมหายใจออกมาดัง ฮึ
“แน่นอนว่าไม่มีทางอยู่แล้ว ฟังนะ ความใจดีของท่านหญิงพัคพั๊คต่อพวกเราน่ะจะไม่ให้พวกเราต้องทำอะไรอย่างการฆ่าหรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เธอ ซาจิโกะ เธอน่ะถูกตามใจมากเกินไปแล้ว รู้รึเปล่าว่าอูรูรุคิดเรื่องจะตีเธอเพราะถูกตามใจเกินไปมากี่ครั้งกี่หนแล้ว? หัดรู้ตัวเองซะบ้างสิ!”
“แต่…!”
“ทั้งสองคน พอได้แล้ว”
สโนไวท์เข้ามาคั่นกลางระหว่างทั้งสองคนและพยายามแยกพวกเธอออก แต่พวกเธอก็ยังไม่ออกห่างกัน ดังนั้นสโนไวท์จึงออกแรงเพื่อค่อยๆดึงพวกเธอออกจากกัน
“หากเป็นแบบนี้ต่อไปพวกเราจะซ่อนตัวต่อไปไม่ได้ มันมีคนสองกลุ่มไล่ตามมาอยู่นะ ซาจิโกะ พวกเราต้องหาสถานที่ปลอดภัยก่อนเป็นอันดับแรก”
อูรูรุพยักหน้าราวกับจะพูดว่า “เธอพูดถูก”
“อูรูรุจะขอความช่วยเหลือจากท่านหญิงพัคพั๊ค ถึงแม้มันจะน่าอาย… แต่มันก็ช่วยไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ซาจิโกะ? ตอนนี้เธอต้องไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดใช่ไหม? ก่อนอื่นก็ กลับกันเถอะ”
☆ ปรินเซสดีลูจ
เมื่อดีลูจลืมตา เธอก็มองเห็นเพดานเก่าๆที่วอลล์เปเปอร์มันลอกออกมาเป็นเศษๆ บลูเบลนั้นกำลังจ้องมองใบหน้าของเธออยู่ และดีลูจก็รู้ว่าหมอนที่เธอหนุนอยู่มันก็คือตักของบลูเบล
เธอพยายามจะลุกขึ้น แต่ก็รู้สึกปวดที่หลังจนใบหน้าบึ้งตึง
“ดีลูจอย่าฝืนตัวเองสิ” บลูเบลพูด “เธอสลบมาตลอดจนถึงตอนนี้เลยนะ รู้ไหม”
ดีลูจปัดมือของบลูเบลออกแล้วก็ยืนขึ้นโดยไม่ได้ตอบอะไรกลับ ดาร์คคิวตี้ โมโนชิริ มิจจัง และกลาเซียอาเน่ต่างก็เงียบกันหมด ปากพวกเธออ้าเล็กน้อยในตอนที่มองมายังดีลูจ ดีลูจยกแขนขวาของเธอขึ้นแล้วพูดว่า “ฉันไม่เป็นอะไร” และจากนั้นทั้งสามคนก็เริ่มคุยกันราวกับเขื่อนแตก เหมือนว่าพวกเธอจะคุยกันเรื่องการต่อสู้ในสวนสนุกและสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้
ใช่แล้ว พวกเราต่อสู้กันในสวนสนุก ดีลูจตัวสั่น เธอต่อสู้และเอาชนะเอซโพดำได้ เธอมองไปที่ฝ่ามือข้างขวาของเธอเอง ในตอนนี้มันรู้สึกเหมือนกับว่าเธอยังคงรู้สึกถึงมันอยู่ เธอเลียริมฝีปากด้านล่างแล้วกัดลงไปอย่างแรง จากนั้นก็พยายามยืนขึ้น แต่บลูเบลก็มาห้ามเธอเอาไว้
“อย่าทำอะไรแบบนี้สิ! เธอต้องพักผ่อนนะ!”
ดีลูจปัดมือของบลูเบลออกแล้วก็ไม่ได้ตอบอะไร เธอเข้าใจว่าคือเรื่องที่บ้าบิ่น แต่เธอก็ต้องทำมันต่อไป
ดีลูจมองไปที่เด็กสาวสามคนที่กำลังคุยกันอยู่ และชื่อของ “สโนไวท์” ก็ผ่านเข้ามาในหู
“สโนไวท์?” เธอตอบสนองออกมาแบบไม่ทันได้คิด
“อ๊ะ คุณดีลูจเองก็รู้จักงั้นเหรอ?” มิจจังพูด “สโนไวท์นี่โด่งดังจริงๆแหะ”
สโนไวท์อยู่ที่นี่
หนึ่งในสามเมจิคัลเกิร์ลที่กลาเซียอาเน่พูดถึงนั้นเหมือนกับสโนไวท์มาก กลาเซียอาเน่ยังบอกอีกว่า ทั้งดาร์คคิวตี้และโมโนชิริ มิจจังเองก็มั่นใจว่านั่นคือนักล่าเมจิคัลเกิร์ลตามข่าวลือไม่ผิดแน่
ทั้งสามคนนั้นกำลังคุยกันถึงวิธีจัดการน่าล่าเมจิคัลเกิร์ล แต่ดีลูจนั้นคิดถึงเรื่องอื่น
ปรินเซสดีลูจไม่เคยคิดว่าเมจิคัลเกิร์ลที่ชื่อสโนไวท์จะเป็นศัตรูของเธอ
แม้ในตอนที่พบกันพวกเธอควรจะเป็นศัตรู แต่ครั้งแรกที่ดีลูจพบกับสโนไวท์ เธอก็ไม่ได้รู้สึกว่าสโนไวท์คือศัตรู เพราะสโนไวท์นั้นไม่เหมือนกับคนอื่น สโนไวท์พูดกับพวกเธอว่าอยากจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ ดีลูจคิดว่าเธอทำแบบนั้นเพราะเวทมนตร์ของเธอที่ทำให้ได้ยินเสียงความคิดของคนที่มีปัญหา และสโนไวท์ก็พบว่ามันไม่จำเป็นต้องสู้กับเพียวเอเลเมนท์เลย
หลังจากนั้น เมื่อพวกเธอทุกคนสู้กับชัฟฟินและกริมฮาร์ทที่เป็นผู้สั่งการ สโนไวท์ก็เป็นพันธมิตรที่ไว้วางใจได้มากที่สุด การสั่งการของเธอนั้นแม่นยำ เธอมีแผนกลยุทธ์ และเข้าต่อสู้อย่างกล้าหาญกับเอซโพดำที่เป็นศัตรูที่สามารถทำลายความมุ่งมั่นได้ในพริบตา การที่ดีลูจได้เห็นเช่นนั้น มันก็ทำให้เธอต่อสู้ได้จนถึงท้ายที่สุด
เรื่องสำคัญเรื่องอื่นๆเองก็อาจเป็นเช่นนั้น สโนไวท์ที่ดีลูจรู้ว่าคือเพื่อนของอินเฟอร์โนนั้นไม่เหมือนกับเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นที่เธอเจอ เอกลักษณ์ของเธอมันไม่ได้บ่งบอกอะไรเลย ตัวอย่างเช่น แม้มาริกะ ฟุคุโรอินั้นจะก้าวไปข้างหน้าและต่อสู้อย่างกล้าหาญ —หรือต่อสู้อย่างรุนแรง— มากกว่าคนอื่น และผลไม้ที่เธอเอามาให้ดีลูจและอินเฟอร์โนมันก็ช่วยพวกเธอเอาไว้มากในตอนที่ยาของพวกเธอหมดแล้ว แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่ดีลูจรู้สึกว่าจะคุ้นเคยด้วยได้เลย มาริกะไม่ใช่คนที่เธอรู้สีกว่าจะวางใจได้ มันมีกระทั่งตอนที่ดีลูจรู้สึกว่ามาริกะน่ากลัว และยังสงสัยว่าเธอปกติดีรึเปล่าอีกด้วย
สโนไวท์นั้นมีเอกลักษณ์ และดีลูจก็รู้ว่าเดิมทีแล้วเธอคือมนุษย์ ดีลูจคิดว่าบางทีสโนไวท์อยากจะแสดงให้เพื่อนคนอื่นๆของอินเฟอร์โนเห็นว่าเธอเชื่อใจได้ เพราะเดิมทีอินเฟอร์โนเองก็เป็นมนุษย์เช่นกัน
นอกจากนี้การพูดคุยกับมาสค็อทถึงเรื่องปัญหาต่างๆที่พบเจอ มันก็เหมือนกับแนวคิดของเมจิคัลเกิร์ลที่ดีลูจคุ้นเคย เมจิคัลเกิร์ลที่ดีมักจะมีมาสค็อทและช่วยเหลือผู้คนที่พบปัญหาอยู่เสมอ ไม่ว่าเธอจะเป็นเมจิคัลเกิร์ลประเภทต่อสู้หรือเป็นเมจิคัลเกิร์ลธรรมดาๆ หากเธอมีมาสค็อท นั่นก็หมายถึงเธออยู่ฝ่ายที่ถูกต้อง
เมจิคัลเดซี่ ที่เป็นหนึ่งในอนิเมแนวเมจิคัลเกิร์ลไม่กี่เรื่องที่นามิ อาโอกิเคยดูนั้น มันก็มีความหยอกล้อกันระหว่างตัวเอกเดซี่และพาเล็ตต์ที่เป็นมาสค็อตของเธอเป็นจุดขาย ในตอนนั้นนามิไม่ได้คิดอะไรมากมาย เธอแค่ยิ้มและมองดูพร้อมกับคิดว่า พวกเธอดูสนุกกันดีจังเลย
แม้เวลาจะผ่านมาเพียงแค่เดือนเศษๆ แต่มันก็รู้สึกราวกับว่าเป็นอดีตอันไกลโพ้น
สโนไวท์เป็นที่รู้จักกันในนาม นักล่าเมจิคัลเกิร์ล ดีลูจได้ยินว่าที่เธอถูกเรียกแบบนั้นมันเป็นเพราะเธอออกไปล่าเมจิคัลเกิร์ลที่เลวทรามไปทั่วทุกที่ เธอจำได้ว่าตัวของสโนไวท์ไม่ได้ยืนยันความจริงเรื่องนั้นและยังดูอายนิดๆเกี่ยวกับฉายาด้วย
ดีลูจไม่ได้อยู่ที่เดียวกับอินเฟอร์โนในช่วงเวลาสุดท้ายของเธอ แต่เมื่อเธอถามบลูเบล เธอก็จะสามารถดูข้อมูลได้ ในช่วงเวลาก่อนที่จะตาย อินเฟอร์โนได้ขอร้องสโนไวท์ว่า “หากเธอคือนักล่าเมจิคัลเกิร์ล แบบนั้นชั้นก็อยากให้เธอล่าพวกเมจิคัลเกิร์ลที่เลวทรามพวกนั้น” และอินเฟอร์โนก็สิ้นใจตาย
สโนไวท์ยังคงล่าเมจิคัลเกิร์ลที่เลวทรามอยู่รึเปล่านะ? ในตอนนี้ “เมจิคัลเกิร์ลที่เลวทราม” มันหมายถึงคนที่โจมตีพรีเมี่ยม ซาจิโกะ ซึ่งก็คือชัฟฟินจากฝ่ายโอส เช่นเดียวกับดาร์คคิวตี้ โมโนชิริ มิจจัง กลาเซียอาเน่ และปรินเซสดีลูจ
สโนไวท์มีมาสค็อทของเธอ และในตอนนี้ปรินเซสดีลูจมีฝูงปีศาจ
ดีลูจรู้ว่าเธอผ่านจุดที่ย้อนกลับไปไม่ได้มาแล้ว เธอเองก็เตรียมตัวเอาไว้แล้วด้วย เธอไม่อยากจะหันหลังกลับในตอนนี้ และเธอจะฆ่าคนที่พยายามบังคับให้เธอหันหลังกลับด้วย
แต่กระนั้น เมื่อเธอคิดถึงเรื่องสโนไวท์มันก็ทำให้เธอเจ็บปวด ความทรงจำของสโนไวท์มันเข้ามาพร้อมๆกับปรินเซสอินเฟอร์โนเสมอ สโนไวท์เป็นเพื่อนกับอินเฟอร์โนมาตั้งแต่สมัยประถม และเธอก็สู้กับชัฟฟินด้วยกันกับอินเฟอร์โน และเธอก็เป็นคนเดียวที่เห็นความตายของอินเฟอร์โนและได้รับความไว้วางใจเรื่องคำสั่งเสียด้วย
ดีลูจใช้มือกดที่หัวใจเพื่อยับยั้งแรงกระตุ้นที่อยากจะฉีกกระชากมันเอาไว้
เธอดึงเอายาของตัวเองออกมาจากตลับแล้วกินเข้าไปหนึ่งเม็ด แต่มันยังไม่พอ หัวใจของเธอรู้สึกเจ็บปวด มันเจ็บเหลือเกิน
“บลูเบล…” ดีลูจพูด “ขอแคนดี้ให้ฉันหน่อย”
“กินมากไปมันไม่ดีนะ ดีลูจ”
“แค่เม็ดเดียวเอง”
เมื่อกินแคนดี้เข้าไปมันก็ทำให้หัวใจของเธอรู้สึกเบาลงเล็กน้อย การทำแบบนี้มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น แต่ถ้าใช้แคนดี้ไปพร้อมกับยาของเธอ บางทีเธอก็จะสามารถลดจำนวนที่ใช้ลงได้ในภายหลัง
☆ กลาเซียอาเน่
หลังจากที่พวกเธอมารวมตัวกันที่อพาร์ทเมนท์ในเขตพัฒนาที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ เวลามันก็ผ่านไปสามสิบนาทีหลังจากการต่อสู้ในสวนสนุก
ด้วยดีลูจและฝูงปีศาจของเธอนั้น พวกเธอจึงสามารถเอาชนะพวกทหารไพ่ได้ มันยอดเยี่ยมมากที่เรื่องนี้เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ ส่วนเรื่องที่ไม่ได้เป็นไปตามแผนก็คือเรื่องที่โมโนชิริ มิจจังและดาร์คคิวตี้พูดว่า “ศัตรูนั้นแข็งแกร่งกว่าที่คิด เพราะแบบนั้นเลยจับตัวไม่ได้” ขนาดกับเด็กๆแล้ว การพูดแก้ตัวแบบนี้มันยังดูไม่ดีเลย แบบนี้มันไม่ยอดเยี่ยม
แม้จะไม่มีชูริเคนเข้ามาช่วยจากระยะไกล ศัตรูทั้งสามคนก็แข็งแกร่ง เมจิคัลเกิร์ลผมยาวนั้นทุ่มมิจจังและยังบิดแขนซ้ายของเธอ และด้วยคำพูดคำเดียวของเมจิคัลเกิร์ลที่ถือปืน มันก็ทำให้มิจจังและดาร์คคิวตี้ล่าถอยได้ และนักล่าเมจิคัลเกิร์ล สโนไวท์ก็สามารถรับมือการโจมตีของดาร์คคิวตี้ได้อีกด้วย
กลาเซียอาเน่ที่มองดูภาพรวมของการต่อสู้นั้น รู้ว่ามีทหารไพ่หนึ่งคนที่ทรงพลังมาก แต่ทหารไพ่คนนั้นก็ถูกดีลูจจัดการ การที่เอาชนะได้มันเป็นเรื่องใหญ่ ดีลูจนั้นแข็งแกร่ง กลาเซียอาเน่จึงรู้สึกเคารพเธอเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
มันมีเมจิคัลเกิร์ลคนหนึ่งที่คอยมอบคำสั่งให้ทหารไพ่อยู่ แต่ดีลูจรายงานมาว่าคนๆนั้นหนีไปแล้ว เรื่องนี้มันจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวัง แต่มันก็ไม่จำเป็นต้องระมัดระวังคู่ต่อสู้ที่หนีไปโดยไม่ได้พยายามจะสู้เลย
ดังนั้นสิ่งที่พวกเธอต้องกังวลก็คือลูกบุญธรรมของพัคพั๊คและนักล่าเมจิคัลเกิร์ล สโนไวท์ หลังจากที่ออกมาจากสนามต่อสู้แล้ว พวกเธอสามคนก็หลีกเลี่ยงการเข้าไปยังถนนขนาดใหญ่ ไปยังตรอกด้านหลัง เข้าไปยังท่อระบายน้ำ และจากตรงนั้น กลาเซียอาเน่าก็คลาดสายตาไปจากพวกเธอ ด้วยเวทมนตร์ของกลาเซียอาเน่ เธอสามารถตรวจสอบสถานที่ที่เธอเคยไปมาก่อนได้ แต่ถ้ามันเป็นสถานที่ที่เธอไม่เคยเห็น เธอก็จำเป็นต้องเปลี่ยนมุมมองไม่ก็ใช้ขาของตัวองเดินเข้าไปยังที่นั่น ความเร็วในการเปลี่ยนมุมมองนั้นจะช้ากว่าการใช้ขาของเธอเดินเข้าไป มันจึงเป็นการยากที่จะไล่ล่าเมจิคัลเกิร์ลที่กำลังหลบหนี
แม้มิจจังและดาร์คคิวตี้จะจัดการฝ่ายตรงข้ามได้หนึ่งคนด้วยทีมเวิร์ค แต่ในตอนนี้มันก็ไม่จำเป็นต้องสงสัยอีกแล้วว่าเมจิคัลเกิร์ลสองคนที่เหลืออยู่คือพวกมือหนึ่ง
แม้มันจะไม่ได้ดีที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ แต่กระนั้นมันก็ยังมีบางส่วนที่ไปได้ด้วยดี
พวกเธอค้นพบอีกว่าความสามารถของดีลูจนั้นเป็นของจริง และยังค้นพบอีกว่าปีศาจมีปีกสามารถใช้ตอบโต้กับชัฟฟินจากฝ่ายโอสที่มีจำนวนมากได้ แล้วพวกเธอยังจัดการเมจิคัลเกิร์ลที่บิดข้อศอกของมิจจังได้ด้วย จำนวนของศัตรูจึงลดลงไปหนึ่งคน
ดีลูจกับบลูเบลที่อยู่ในห้องก็โต้เถียงกันอีกครั้ง และเพราะว่าบานเลื่อนทั้งหมดถูกเอาออกไปแล้ว พวกเธอจึงไม่ใช่แค่ได้ยินเสียง ทั้งท่าทางและการแสดงออกจึงมองเห็นไปด้วย แต่ทั้งสามคนก็บังคับตัวเองไม่ให้หันไปมองและพูดคุยกันเรื่องการต่อสู้ก่อนหน้านี้แทน
“พวกชัฟฟินมันเคลื่อนไหวแปลกๆนิดหน่อยนะ ว่าไหม?” มิจจังพูด
“คิดแบบนั้นเหรอ?” กลาเซียอาเน่ตอบ
“ถ้าดูที่บันทึกมันก็บอกได้นะ แต่พวกนั้นก็ตอบสนองได้ช้า ถึงจะสมมติว่าพวกเราสามคนและคุณดีลูจตอบสนองได้เร็ว พวกนั้นก็ยังคงช้าอยู่ดี เราคิดว่าบางทีที่หูของพวกนั้นอาจจะถูกปิดหรือมีอะไรบางอย่างอยู่ แบบนั้นมันก็จะทำให้สมเหตุสมผลมากขึ้น”
“ที่หูของพวกนั้น…?”
“เมจิคัลเกิร์ลที่ถือปืนจัดการพวกเราได้ในตอนท้ายใช่ไหมล่ะ?”
หากคิดอย่างปกติแล้ว การที่เมจิคัลเกิร์ลถือปืนจะประกาศว่าระเบิดตัวตายมันก็ไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าการโกหกแบบเด็กๆ
เมจิคัลเกิร์ลแบบมิจจังควรจะไม่คิดเรื่องแบบนั้นอย่างจริงจัง แต่เธอเองก็มั่นใจว่าตัวเองจะตายเมื่อเด็กสาวคนนั้นบอกว่าจะระเบิดตัวเอง เพราะแบบนั้นจึงได้ถอยออกมา เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เธอก็รู้ว่ามันไม่มีทางที่เด็กสาวคนนั้นจะทำอะไรแบบนั้นเลย แต่ในตอนนั้นมันมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เธอหลงเชื่อ และการหนีของมิจจังก็ทำให้ดาร์คคิวตี้ตัดสินใจว่าจะรักษาแนวสู้ต่อไปไม่ได้ จนทำให้ศัตรูที่เหลืออยู่สองคนหนีไป
“ลีดเดอร์เองก็คิดว่าเธอจะระเบิดตัวเองด้วยรึเปล่า?” มิจจังถาม
“ใช่”
“แต่ก็ยังไม่ได้หนีไปทันทีเหรอ?”
“ชั้นคิดว่าถ้าศัตรูเตรียมตัวที่จะระเบิดตัวตายเพื่อจัดการพวกเราสองคนด้วยตัวคนเดียว แบบนั้นมันก็จะไม่ได้เป็นจุดจบที่เลวร้ายอะไรสำหรับวายร้ายเลย แต่ถ้ามิจจังจะวิ่งหนีล่ะก็ แบบนั้นชั้นเองก็จะวิ่งด้วย”
“ถ้าเราคิดได้แบบลีดเดอร์ล่ะก็ เราก็คงไม่ต้องวิ่งหนีแล้ว…”
“ถ้ามิจจังเป็นเหมือนลีดเดอร์ของพวกเราล่ะก็” กลาเซียอาเน่พูด “พวกเราก็คงตายไปตั้งนานแล้ว”
“ก็จริง” มิจจังพยักหน้า
“ไงๆก็” กลาเซียอาเน่พูดต่อ “ปัญหาในตอนนี้ของพวกเราไม่ใช่เรื่องนั้น แบบนี้มันหมายความถ้าได้ยินศัตรูพูดอะไรก็จะเชื่อในสิ่งที่พูด แบบนั้นพวกเราก็สรุปได้ว่านั่นคือเวทมนตร์ของเธอใช่ไหม?”
“อื้อ”
“ใช่แล้ว”
“แบบนั้นมันก็เหมือนจะเชื่อมโยงกับที่พวกทหารไพ่เคลื่อนไหวกันแปลกๆน่ะสิ?”
“ช่าย ช่าย” มิจจังเห็นด้วย “เรายืนยันไม่ได้หรอก แต่เราคิดว่าที่พวกนั้นตอบสนองกันช้าอาจจะเป็นเพราะว่าไม่ได้ยินเสียง บางทีอาจจะใส่ที่อุดหูอยู่”
“แล้วทำไมพวกมันถึงทำแบบนั้นล่ะ?”
“ไม่ใช่เพราะว่าพวกนั้นรู้เรื่องเวทมนตร์ที่จะทำให้เชื่อในสิ่งที่พูดหรอกเหรอ? แล้วมันก็สมเหตุสมผลด้วยที่พวกนั้นจะใส่ที่อุดหูเพื่อป้องกันเอาไว้”
“อ๊ะ” กลาเซียอาเน่พยักหน้า “จริงสิ ก่อนที่พวกเราจะออกไปสู้ ไม่ใช่ว่ามันมีการต่อสู้กันในสวนสาธารณะหรอกเหรอ? บางทีพวกนั้นอาจจะรู้เรื่องเวทมนตร์มาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วก็ได้ หรืออาจจะมีข้อมูลจากเอกสารหรืออะไรซักอย่างที่พวกเราไม่มีอยู่ในมือ จริงๆแล้วมันเป็นไปได้มากเลยด้วย”
“แบบนั้นพวกเราก็จะใส่ที่อุดหูด้วย เวทมนตร์แบบนั้นน่ะเพิกเฉยไม่ได้หรอก”
“แต่ถ้าพวกเราอุดหูตัวเอง พวกเราก็จะใช้อุปกรณ์สื่อสารไม่ได้น่ะสิ แล้วถ้าดิฉันส่งข้อมูลไปหาไม่ได้ มันก็ไม่มีความหมายที่ต้องคอยตรวจจับศัตรูให้เลยด้วย”
“ช่วยรอซักครู่นะ”
มิจจังดึงเอาแผนที่ของเมือง W ที่ได้จากพีเฟิลออกมา
“แมปปุ [แผนที่] เป็น แมจจิ [ไม้ขีด], แมจจิ [ไม้ขีด] เป็น แพจจิ [ผ้า], แพจจิ [ผ้า] เป็น แพนจิ [เครื่องเจาะรู], แพนจิ [เครื่องเจาะรู] เป็น แพนโกะ [เกล็ดขนมปัง], แพนโกะ [เกล็ดขนมปัง] เป็น ฮันโกะ [ตราประทับ]”
แผนที่กลายเป็นกล่องไม้ขีด เธอหยิบไม้ขีดหนึ่งก้านออกมาจากกล่องแล้วเปลี่ยนให้มันกลายเป็นผ้า แล้วก็เปลี่ยนผ้ากลายเป็นเครื่องเจาะรู เครื่องเจาะรูเป็นเกล็ดขนมปัง และเปลี่ยนเกล็ดขนมปังให้ตราประทับที่มีคำว่า “มิจจัง” สลักอยู่ด้วยตัวอักษรที่น่ารัก เธอหยุดอยู่ตรงนี้แล้วหายใจเข้าลึกๆ
“ทำแผนที่ให้หายไปนี่เป็นความคิดที่ดีแล้วงั้นเหรอ?” กลาเซียอาเน่ถาม
“เราจำได้หมดแล้วล่ะ”
“โห สุดยอดเหมือนเดิมเลยนะเนี่ย”
“เอาล่ะ งั้นต่อล่ะนะ อินคัน [ผนึก] เป็น อิคามุ [ไมโครโฟน]”
สุดท้ายแล้วเธอก็เปลี่ยนแผนที่ให้กลายเป็นชุดหูฟังไมโครโฟนได้
“เราทำให้มันเป็นชุดหูฟังที่ส่งเสียงสั่นสะเทือนผ่านทางกระดูก ต่อให้มีที่อุดหูอยู่พวกเราก็ใช้มันได้ แต่การที่อุดหูอยู่ในสนามรบมันชัดเจนว่าคือเรื่องที่อันตราย ดังนั้นพวกเราจึงต้องพึ่งพาการส่งผ่านข้อมูลของอาเน่ ช่วยบอกให้พวกเรารู้ด้วยนะโดนเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องชูริเคน”
“แต่นอนอยู่แล้ว แต่ก็นะ ว้าว เวทมนตร์ของมิจจังนี่สะดวกสุดๆเลย”
เธอดึงเอาไม้ขีดออกมาทีละก้านแล้วทำมันขึ้นมาใหม่ทีละอัน กลาเซียอาเน่มองไปห้องที่อยู่ข้างๆพวกเธอ ดีลูจกับบลูเบลนั้นยังคงเถียงกันอยู่ ถ้าจะให้พูดแล้ว พวกเธอก็ควรให้ดีลูจสวมชุดหูฟังด้วย แต่พวกเธอก็เคยเสนอไปตั้งแต่การโจมตีครั้งก่อนหน้านี้แล้ว แต่เธอก็ปฎิเสธและพูดว่า “ฉันจะออกปฎิบัติแบบอิสระคนเดียว”
เหมือนว่าเธออยากหลีกเลี่ยงการร่วมมือกันกับพวกเธอมากเท่าที่จะเป็นไปได้ กลาเซียอาเน่ไม่รู้ว่าเหตุผลของเธอคืออะไร แต่เธอนั้นทำตัวหัวรั้น เพราะมันไม่ได้เป็นเรื่องผิดปกติที่คนในตำแหน่งสูงจะหัวรั้น พวกของกลาเซียอาเน่จึงจะทำตามคำสั่ง แต่พวกเธอก็ยังตัดสินใจสร้างชุดหูฟังเพิ่มเป็นพิเศษ
ชุดหูฟังนั้นคือเรื่องหนึ่ง แต่กับที่อุดหูแล้ว พวกเธอคงจะมีปัญหาหากไม่ได้เอาไปให้เธอใส่ ตั้งแต่ที่มิจจังพูดเสียงพอที่จะให้ทั้งสองคนได้ยินด้วย พวกเธอหวังว่าการทำแบบนี้มันจะเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันได้ บางทีพวกเธออาจจะค่อยเอาที่อุดหูไปให้ภายหลัง
“เวทมนตร์ของอาเน่เองก็สะดวกเหมือนกันนะ”
“อ๊ะ ไม่หรอก จริงๆแล้วเวทมนตร์ของดิฉันน่ะมัน…เดี๋ยวก่อนนะ”
กลาเซียอาเน่เอานิ้วไปแตะที่กรอบแว่น ฉากที่อยู่บนเลนส์ของเธอนั้นก็เปลี่ยนเป็นอีกฉากหนึ่ง มันเร็วเกินไปจนไม่มีคนอื่นนอกจากตัวของกลาเซียอาเน่ที่จะจำฉากแต่ละฉากได้ การมองเห็นของเธอมันดีมาตั้งแต่แรก และเวทมนตร์ของเธอนั้นก็ทำให้แข็งแกร่งขึ้น แถมเธอยังทำให้แข็งแกร่งขึ้นผ่านการฝึกฝน จนมันทำให้ในตอนนี้เธอสามารถตรวจสอบฉากแต่ละฉากที่สับเปลี่ยนกันด้วยความเร็วสูงได้ ในตอนนี้เธอจดจ่ออยู่กับการตรวจสอบพื้นที่รอบๆคฤหาสน์พัคพั๊ค
เวทมนตร์ของกลาเซียอาเน่คือ “แว่นตาลึกลับ” พลังนั้นจะแสดงสถานการณ์ปัจจุบันของสถานที่ที่เห็นมาก่อนบนเลนส์ของเธอ ในตอนนี้มันมีการเปลี่ยนแปลงที่ด้านหน้าคฤหาสน์ของพัคพั๊ค เธอซูมภาพเข้าไปดู มันมีรถผ่านด้านหน้าของคฤหาสน์ มันดูเป็นรถต่างชาติที่ดูแฟนซี
“มีรถแปลกๆอยู่ด้วย” กลาเซียอาเน่พูด
“รถเวทมนตร์รึเปล่า?” มิจจังถาม
“ไม่นะ มันดูเป็นรถธรรมดา”
ที่ด้านข้างของรถนั้นมีตรามงกุฏใบกระวานกับปีกนกน้ำที่งอกออกมา มันเป็นรูปแบบเดียวกันกับที่ประตูคฤหาสน์พัคพั๊ค
“มิจจังรู้จักตราสัญลักษณ์ที่พัคพั๊คใช้ไหม?”
“ก็…มงกุฏใบกระวานกับปีกนกน้ำ”
“โอเค พบรถต้องสงสัยของฝ่ายพัคแบบชัดสุดๆ เริ่มการสะกดรอยได้!”
รถเวทมนตร์นั้นคืออีกเรื่องหนึ่ง แต่หากเป็นรถธรรมดาล่ะก็ เธอสามารถใช้แว่นตามดูได้ง่ายๆกว่าการใช้เท้า คนที่อยู่ในรถก็ไม่สามารถหยุดเธอจากการสะกดรอยได้ และการที่อยู่ในยานพาหนะมันก็ทำให้ยากที่จะหลบเลี่ยงการโจมตีแบบกระทันหันด้วย การที่อีกฝ่ายเอารถออกมาใช้ในขณะที่ต่อสู้กับกองกำลังของศัตรูในเมืองนั้น มันหมายความว่าคู่ต่อสู้ไม่ใfhเอามาใช้ในสถานการณ์นี้ ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีคนที่มีประสบการณ์ แต่พวกเธอก็คิดได้ว่าคนที่ออกไปค้นหาตัวพรีเมี่ยม ซาจิโกะนั้นเป็นคนที่อยู่ด้านในทั้งหมด มีเพียงแค่คนรับใช้และคนสำคัญเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในคฤหาสน์
“ดิฉันคิดว่าเมจิคัลเกิร์ลที่เจอกันก่อนหน้านี้อาจจะขอกำลังเสริม” กลาเซียอาเน่พูด “เหมือนว่าพวกนั้นจะเจอตัวพรีเมี่ยม ซาจิโกะแล้ว”
“คงจะเป็นแบบนั้นแหละ” มิจจังพูด “พรีเมี่ยม ซาจิโกะคงอยู่ในกระเป๋าสี่มิติของสโนไวท์ที่ห้อยอยู่ตรงเอว ดีแล้วที่พวกเราไม่ได้โจมตีเข้าไปตรงนั้น”
“แล้วพวกเราจะทำไงล่ะ? โจมตีรถเหรอ?”
“หากรถนั่นคือกำลังเสริม แล้วถ้าพวกเราปล่อยมันไปล่ะก็ มันจะพาเราไปยังฐานที่มั่นของศัตรู”
“คิดว่ามันจะได้ผลจริงเหรอ?”
“แต่มันดูโจ่งแจ้งเกินไป ดังนั้นคงจะเป็นตัวล่อ จะให้พวกเราเข้าโจมตีกันทุกคนไม่ได้ แบบนั้นเราจะจัดการเอง พร้อมกับพวกปีศาจไม่กี่ตัวที่จะยืมมาจากคุณดีลูจ”
“โอเค เอาแบบนั้นแหละ”
เมื่อกลาเซียอาเน่หันมาหาดีลูจ ตาของพวกเธอก็สบกัน เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาเป็นพิเศษ ดังนั้นกลาเซียอาเน่จึงตีความมันคือการอนุญาต
“หากพวกเราปล่อยให้พวกนั้นไปพบกับคนอื่นล่ะก็ มันก็จะกลายเป็นการเสริมกำลังเอาได้ แบบนั้นไม่ดีแน่ ดังนั้นแผนการก็คือต้องบอกลากันครึ่งทาง”
มิจจังดึงเอากระเป๋าเงินออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วก็เทเหรียญของเธอลงบนเสื่อทาทามิจนเกิดเสียงกรุ๊งกริ้งขึ้น จากนั้นเธอก็หยิบเหรียญขึ้นมาหนึ่งเหรียญ
“คินเซ็น [เหรียญ] เป็น มินเซ็น [เหรียญจีน], มินเซ็น [เหรียญจีน] เป็น มิมิเซ็น [ที่อุดหู]”
แล้วเธอก็สร้างที่อุดหูให้กับทุกคน
เมื่อกลาเซียอาเน่มองไปที่ดีลูจ เธอนั้นก็ยืนขึ้นมาและกำลังมองมาที่พวกเธอ เหมือนกับว่าเธอนั้นได้ยินเรื่องการสนทนาทั้งหมด มิจจังโยนที่อุดหูไปให้ดีลูจและบลูเบล ดีลูจใช้มือข้างเดียวรับเอาไว้ได้ ในขณะที่บลูเบลเกือบจะทำตกแต่สุดท้ายก็คว้าเอาไว้ได้ มิจจังพยายามจะโยนชุดหูฟังไปให้ด้วย เธอคิดว่าดีลูจจะปฎิเสธแต่ดีลูจก็รับมันเอาไว้เช่นกัน
“โอเค เราจะไปแล้วนะ” มิจจังพูด “ลีดเดอร์จัดการเรื่องจับตามองพื้นที่คฤหาสน์นะ ส่วนคุณดีลูจจะไปที่ไหนก็ได้ในเมืองได้ตามต้องการ แต่ก็ต้องทำอะไรให้รวดเร็วด้วย มันมีตำรวจปรากฏตัวขึ้นมาที่สวนสนุกแล้ว ทุกคนระวังอย่าให้โดนเห็นตัวด้วยล่ะ… ตอนนี้มันไม่มีใครอยู่รอบๆใช่ไหม?”
กลาเซียอาเน่ปรับแว่นของเธอ แล้วก็เปลี่ยนมุมมองเป็นการมองดูลงมาในตำแหน่งที่พวกเธออยู่จากด้านบน
“โอเค ไม่มีใครอยู่แถวนี้ ได้โอกาสแล้ว”
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ”
มิจจังเปิดหน้าต่างแล้วออกไปด้านนอกโดยที่ไม่เกิดเสียง ดาร์คคิวตี้ ดีลูจ และบลูเบลก็ตามออกมาด้วย พวกเธอนั้นรวมตัวกันอยู่ในบ้านที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ใกล้ๆกับคฤหาสน์ของพัคพั๊ค มันคงแย่หากมีคนที่อยู่ในบริเวณนี้เห็นพวกเธอเข้าออกจากทางหน้าต่าง ดังนั้นกลาเซียอาเน่จึงใช้แว่นของเธอตรวจสอบบริเวณรอบๆเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆก่อนที่พวกเธอจะเข้าหรือออก
กลาเซียอาเน่ขยับแว่นของเธออีกครั้ง จากนั้นก็เปลี่ยนไปยังฉากที่รถออกมาจากคฤหาสน์ เธอมองตรวจสอบด้านซ้าย ขวา หน้า และหลัง จากนั้นก็บอกคนอื่นว่ามีเพียงแค่คนขับรถคนเดียวที่อยู่ด้านใน แล้วยังเสริมอีกว่าคนๆนั้นสวมชุดสูท ดูจากรูปลักษณ์แล้วอาจจะเป็นเมจิคัลเกิร์ล หลังจากนั้นเธอก็เปลี่ยนเป็นการมองลงมาที่ตัวรถจากด้านบน แล้วก็สะกดรอยตามไป
☆ CQ เท็นชิฮามูเอล
มันมีสิ่งก่อสร้างสูงๆอยู่มากมายในเมือง W มันเป็นจุดที่มีประโยชน์สำหรับเมจิคัลเกิร์ลที่จะใช้พักผ่อนหรือหลบซ่อนสายตาจากผู้อื่น
ฮามูเอลที่นั่งอยู่ตรงขอบดาดฟ้าของจุดที่สูงที่สุดของตึกระฟ้า เธอคิดว่าในตอนนี้ควรจะทำยังไงดีนะ ชัฟฟินที่เป็นลูกน้องเองก็กำลังซ่อนตัวอยู่ในหลายๆจุดของเมือง
พวกเธอนั้นได้รับความเสียหายอย่างหนัก โพแดงสองคน ดอกจิกสี่คน ข้าวหลามตัดห้าคน และแย่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือโพดำ —นอกเหนือจากหน้าไพ่ทั้งสามที่ถูกจับตัวไป เธอยังสูญเสียเอซที่เป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดไปด้วย และโพดำเองก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักในตอนที่ถอนตัว เธอจึงเสียไปอีกเจ็ดคนด้วย ในตอนนี้มีเพียงแค่โพดำสองคนที่อยู่ที่นี่ หมายเลขนั้นก็คือสามและสอง
ถ้าคิดจะใช้พลังทั้งหมดไปกับความตั้งใจที่จะทำให้เรื่องนี้กลายเป็นการต่อสู้ที่แตกหัก แต่จากนั้นกลับโดนลอบโจมตีจนต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน แถมยังเกิดความเสียหายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ขึ้นอีกด้วย จำนวนโดยรวมของความสามารถในการต่อสู้มันก็ลดลงไปจนเหลือน้อยกว่าครึ่ง…ไม่ก็เศษหนึ่งส่วนสาม ส่วนสี่ หรือส่วนห้า แม้ว่าผู้ใช้น้ำแข็งจะสามารถเอาชนะเอซโพดำได้ ฮามูเอลก็ได้รับรายงานว่าเมจิคัลเกิร์ลที่มีดอกลิลลี่แห่งหุบเขาอยู่ที่หลังนั้นได้แบกตัวเธอหลบหนีไป การคิดว่าเธอตายแล้วก็เป็นการคิดในแง่ดีเกินไป แม้ฮามูเอลจะจัดการโฮมุนครูสได้บ้าง แต่มันก็ไม่ได้คุ้มค่าเอาซะเลย
เวลาของเธอมีจำกัด สถานการณ์ในเมือง W มันเปลี่ยนแปลงแบบนาทีต่อนาที หากฮามูเอลถูกทิ้งไว้ด้านหลัง เธอก็จะไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่านักเดินทางที่เข้ามาแล้วเสียชัฟฟินไปแบบเปล่าๆ สิ่งที่เธอต้องคิดก็คือต้องทำยังไงถึงจะบรรลุเป้าหมาย และถ้าเธอทำแบบนั้นไม่ได้ มันก็ถึงเวลาที่ควรจะประนีประนอม
เธอมีสามตัวเลือก
ตัวเลือกแรกคือหนีไปเลยตอนนี้
ตัวเลือกที่สองคือใช้กำลังที่เธอมีอยู่เข้าสู้กับศัตรูเพื่อสร้างโอกาสในการลักพาตัวพรีเมี่ยม ซาจิโกะ
ตัวเลือกที่สามคือเสนอความร่วมมือไปยังกองกำลังที่นำโดยเมจิคัลเกิร์ลที่จัดการเอซโพดำได้ สร้างข้อตกลงที่ทำให้เธอได้ประโยชน์มากกว่าแม้จะเล็กน้อย และสร้างแนวร่วมขึ้นมา
ถ้าเป็นไปได้เธออยากจะหลีกเลี่ยงตัวเลือกแรก หากเธอออกไปตอนนี้ เธอก็ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นผู้บัญชาการที่ไร้ความสามารถ เป็นคนที่ใช้ชัฟฟินไปอย่างเสียเปล่าโดยไม่ได้ผลลัพธ์อะไรออกมาเลย เรื่องดีคือเธออาจจะไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกครั้ง และเรื่องไม่ดีคือ เธอจะอาจถูกส่งไปยังห้องวิจัยหรือถูกมอบคำสั่งบางอย่าง ซึ่งนั่นมันหมายความเธอจะต้องสู้จนถึงลมหายใจสุดท้ายและต้องตายในที่ไหนซักแห่ง —ทั้งสองอย่างนั้นมันเป็นจุดจบที่ดูสมจริงอีกด้วย
ตัวเลือกที่สองนั้นดูเป็นเรื่องเพ้อฝัน หากไม่มีการแทรกแซงเกิดขึ้น มันก็จะมีโอกาสที่จะทำสำเร็จ แต่ที่เรื่องต่างๆมันกลายเป็นแบบนี้เพราะเกิดการแทรกแซงขึ้น และชัฟฟิน II ก็ยากที่จะต่อต้าน
ตัวเลือกที่สามมันอันตรายและยากเกินไป หน่วยลาดตระเวนของเธอนั้นแจ้งข้อมูลมาว่ากลุ่มที่นำโดยเมจิคัลเกิร์ลที่จัดการเอซโพดำได้นั้นกำลังต่อสู้กับฝ่ายพัคที่พยายามจะจับตัวพรีเมี่ยม ซาจิโกะเพื่อเอาตัวของเธอมาใช้ในพิธี เรื่องนี้มันหมายความว่ามีกองกำลังฝ่ายที่สามอยู่ที่นี่ เว้นเสียแต่ว่าเรื่องนี้มันคือความแตกแยกกันในฝ่ายพัค หรือการพยายามจะแย่งเครดิทไปจากฝ่ายโอส การพบกันครั้งแรกมันเป็นอะไรที่แย่ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายคืออะไร การร่วมมือกันมันมีความเป็นไปได้ นั่นคือกรณีที่หวังว่าให้พิธีนั้นล่มหรือตั้งใจลักพาตัวพรีเมี่ยม ซาจิโกะ ปัญหาก็คือแม้จะมีเงื่อนไขในการร่วมมืออยู่ อีกฝ่ายก็อาจไม่ต้องการความช่วยเหลือจากฮามูเอล ฮามูเอลไม่สามารถปรับสมดุลพลังได้หากฝ่ายที่สามนั้นแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว ข้อเสนอขอความร่วมมือจากคนที่อยู่ในตำแหน่งต่ำกว่ามันก็คือการขอให้ถูกเอาเปรียบ ขอให้ถูกใช้งาน จากนั้นก็ขว้างทิ้งไป นอกจากว่าการร่วมมือของเธอนั้นจะมีค่าเป็นพิเศษ ไม่งั้นฮามูเอลก็จะเป็นแค่ลูกน้องของเธอ
ฮามูเอลมองไม่เรื่องอื่นนอกจากเรื่องไม่ดีในตัวเลือกเหล่านี้เลย เธอกลับมาใช้พลังในการวิเคราะห์เพื่อบีบเอาตัวเลือกที่สี่ออกมา เวลาในการคิดของเธอนั้นมีจำกัด
บทคั่น
ชาโดว์เกลยังคงแสดงท่าทางออกมาตลอดสามชั่วโมง และเมื่อเวลาผ่านไปจนในที่สุดชุดเกราะก็เอาทีวีมาให้ เธอจึงได้รู้ว่าในห้องนี้มันไม่มีเต้าเสียบปลั๊กไฟ
มันเป็นเรื่องยากที่จะใช้ท่าทางอธิบายถึง “ปลั๊กพ่วง” มันจึงมีทั้ง เส้นโซบะ เชือกปีนเขา สายเปียโน จอยเกม สายแลน เคียวและโซ่ เชือกและตะขอ งูของเล่น สายไนลอน พวกไส้กรอก ทปพลาสติก ผันพันแผล และวัตถุอื่นๆอีกมากมายที่มีความยาวถูกเอามาให้เธอแล้วก็นำออกไป เธอสงสัยว่าที่นี่มันมีของมากมายขนาดไหนกันนะ แล้วทำไมทั้งๆที่มีของมากมายขนาดนี้ถึงยังไม่มีปลั๊กพ่วงมาอีก ไหล่ของชาโดว์เกลลู่ลง และสามนาทีหลังจากนั้นในที่สุดเธอก็นึกได้ว่า เธอไม่จำเป็นต้องบอกให้ชุดเกราะเอาอะไรยาวๆมาให้เลยนี่นา แค่บอกว่าเธอใช้ทีวีแบบนี้ไม่ได้ก็พอแล้ว
ในตอนที่ชี้ไปที่ทีวีนั้น ชาโดว์เกลก็ใช้สองมือของเธอทำเป็นเครื่องหมาย X และนั่นก็ทำให้ชุดเกราะเอาชุดเครื่องมืออย่างไขควงหลากหลายชนิดมา ชาโดว์เกลเองก็คิดว่ามันก็เป็นสิ่งที่เธอต้องการ เธอจึงเก็บเอาไว้ ต่อไปเธอก็ชี้ไปที่ปลั๊กทีวี แล้วก็ชี้ไปที่ด้านในทั้งหมดของห้องเพื่อพยายามจะบอกว่า “ไม่มีไฟฟ้า”
และในที่สุดปลั๊กพ่วงก็มาถึง แต่เห็นได้ชัดว่าปลั๊กตัวเดียวนั้นมันยาวไม่พอ ชุดเกราะจึงเชื่อมปลั๊กทั้งหมดเข้าด้วยกันจนยาวมาถึงที่นี่ เสียบปลั๊ก B เข้ากับปลั๊ก A ซึ่งทั้งสองปลั๊กนั้นเธอฉีกพลาสติกที่ห่ออยู่เพื่อเอาออกมา และก่อนที่จะเอาไปเสียบกับปลั๊กที่อยู่ข้างนอกห้อง เธอก็เอาที่กั้นมากั้นประตูโลหะที่หนักๆเอาไว้เพื่อไม่ให้ประตูมันไปทับโดนสายไฟ จนในที่สุดทีวีก็ได้เสียบปลั๊ก เมื่อคิดถึงเส้นทางอันยาวไกลที่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ น้ำตามันก็เอ่อล้นออกมาที่ดวงตาของชาโดว์เกล
“ขอบคุณนะ…ขอบคุณมากๆเลย”
ชาโดว์เกลก้มตัวลงขอบคุณเท่าที่สามารถทำได้ และชุดเกราะนั้นก็เอามือซ้ายจับที่เอวของเธอ และใช้มือขวาส่ายอยู่ตรงหน้าของเธอเบาๆ ราวกับจะบอกว่า “ไม่เป็นไร”
เท่านี้อาจจะมากเพียงพอแล้ว ชาโดว์เกลพยายามใช้ประโยชน์จากความใจดีของอีกฝ่ายเพื่อหลบหนี มันไม่ใช่ว่าเธอไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี แต่อีกฝ่ายนั้นเป็นคนเริ่มเรื่องนี้ก่อน ดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นต้องยั้งมือกับคนที่ทำอะไรอย่างการลักพาตัวแล้วเอามาขังไว้เลย แพททริเซียคงต้องชมเธอเรื่องนี้แน่ๆ บางทีพีเฟิลเองก็เช่นกัน แม้โดยส่วนตัวแล้วชาโดว์เกลจะรู้สึกแปลกๆหากได้คำชมเชยจากคนหลัง
ก่อนอื่นเธอเปิดไฟที่ปลั๊กพ่วง แล้วก็ใช้รีโมทที่ชุดเกราะนั้นเอามาให้เพื่อเปิดทีวี แสงวิ่งผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมขนาดสิบห้านิ้ว จากนั้นลำโพงก็เริ่มส่งเสียงดัง—
“หือ?”
เธอเปลี่ยนช่องแล้ว แต่สิ่งที่เธอมองเห็นในทุกช่องนั้นเหมือนเดิม มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย? ชาโดว์เกลเข้าไปหาทีวีแล้วก็ทุบลงไปด้านบน ทุบเข้าไปที่ด้านข้าง แต่ละครั้งเธอก็ทุบลงไปแรงขึ้นเล็กน้อย แต่ทีวีมันก็ยังคงเหมือนเดิม และในตอนที่ชาโดว์เกลทุบทีวีนั้น เธอก็ตระหนักถึงเรื่องอะไรบางอย่าง ทีวีเครื่องนี้มันเป็นทรงลูกบาศก์ มันไม่ใช่ LCD จอแบน มันเป็นทีวี CRT —ซึ่งมันหมายความว่า มันรับสัญญานดิจิตอลภาคพื้นดินไม่ได้
เมื่อสัมผัสได้ถึงความผิดหวัง ชาโดว์เกลก็เลยทิ้งตัวลงไปบนทีวี เมื่อเทียบกับทีวีจอแบนแล้ว ทีวี CRT นั้นมีความมั่นคงมากเป็นพิเศษ มันทำได้แม้กระทั่งรองรับน้ำหนักของชาโดว์เกลที่หนักกว่าตัวของเธอในร่างมนุษย์ด้วย
MANGA DISCUSSION