ตอนที่ 4.3 Arc 4 - ตอนที่ 3 - การพบพานอันแสนมหัศจรรย์
ตอนที่ 3
การพบพานอันแสนมหัศจรรย์
☆ ปริซึม เชอร์รี่
หลังจากการฝึกตามตารางจบลง เพียวเอเลเมนท์ก็กลับเข้ามาในห้องประชุมแล้วนั่งล้อมวงอยู่รอบโต๊ะ เท็มเพรสนั้นอยู่ที่มุมเก้าอี้ของเธอ อินเฟอร์โนนั่งไขว้ขา ส่วนเควคเอาขาข้างหนึ่งมาตั้งบนขาอีกข้าง
ช่วงเวลาพักก็คือเวลาว่าง แต่ละคนนั้นก็ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ แน่นอนว่ากฎที่จะไม่สร้างปัญหาให้คนอื่นยังคงอยู่เหมือนเดิม
เควคนั้นสนุกสนานไปกับเครื่องเล่นเกมพกพา อินเฟอร์โนอ่านนิตยสารโชเน็นมังงะ ส่วนดีลูจนั้นมองดูมังงะข้ามไหล่ของอินเฟอร์โน เท็มเพรสนั้นเอาตำราเรียนคณิตศาสตร์แล้วก็สมุดออกมา ในขณะที่ปริซึม เชอร์รี่นั่งสอนเธออยู่ข้างๆ
เท็มเพรสกอดอกแล้วมองลงไปยังสมุดของเธอ เธอนั้นหน้านิ่วคิ้วขมวด ปริซึม เชอร์รี่ที่อยู่ข้างๆจึงชี้ไปที่สมการ
“ต้องยืมมาจากตัวข้างๆนะจ๊ะ”
“โอเค งั้นเราจะยืมสิบมาจากตรงนี้”
“อ๊ะ ไม่ใช่ตรงนั้นนะ”
“เอ๋ ตรงอื่นเหรอ? ใช่แล้ว ใช่แล้ว ตรงนี้แหละ”
“จ้ะ”
ปรินเซสเท็มเพรสใช้ยางลบลบความผิดพลาดของตัวเองออกไป จากนั้นก็เป่าขี้ยางลบและเขียนลงไปใหม่อีกครั้ง เธอมองดูมันด้วยความมั่นใจเล็กน้อย แล้วก็ใช้ดินสอชี้ไปที่สูตรใหม่
“อันนี้ใช่ไหม?”
“ใช่แล้วล่ะจ้ะ! ถูกต้องเลย!”
“เย้! เอาล่ะ ข้อต่อไป!”
การได้เห็นเท็มเพรสทำโจทย์ปัญหาราวกับเป็นการท้าทายเช่นนี้ มันทำให้ปริซึม เชอร์รี่ยิ้มออกมา เชอร์รี่นั้นไม่มีพี่น้องก็จริง แต่เธอคิดว่าถ้าเธอมีน้องสาวล่ะก็มันคงจะเป็นแบบนี้ แม้ที่โรงเรียนเธอจะไม่ได้เรียนเก่งอะไร แต่เธอก็สามารถสอนการบ้านของเด็กประถมสองได้
เควคหัวเราะคิกคักในตอนที่เธอวางเครื่องเกมลงบนโต๊ะ
“ก่อนหน้านี้เธอลืมทำการบ้านมาก่อนใช่ไหมเนี่ย? คราวหน้าก็อย่าลืมซะล่ะ”
“แหะแหะแหะ มันคงน่าเศร้านะถ้าเราใช้เวลาในการทำเรื่องต่างๆของเมจิคัลเกิร์ลมากเกินไป จนตามที่โรงเรียนไม่ทัน”
สายตาของอินเฟอร์โนนั้นยังคงจับจ้องอยู่ที่นิตยสารมังงะ แต่เธอก็ส่งเสียงขึ้นมาท้วง
“เฮ้ เท็มเพรส ทำไมต้องมาที่ชั้นตอนที่พูดแบบนั้นด้วยเนี่ย?”
“อินเฟอร์โน เกรดตอนสอบของเธอนี่เท่าไหร่นะ?”
“นี่ แต่การสอบของโรงเรียนมัธยมมันแย่กว่าโรงเรียนประถมนะ”
อินเฟอร์โนพยักหน้าตอนที่ดีลูจพูดช่วยเธอออกมา
“มันยากกว่าที่เด็กทำเยอะเลยล่ะ”
“อินเฟอร์โนนี่ทำตัวเหมือนที่เป็นผู้ใหญ่อยู่ตลอดเลย”
“อินเฟอร์โนเองก็โตแล้วนี่นะ”
“ใช่ เควคพูดถูกสุดๆ ชั้นน่ะเป็นผู้ใหญ่แล้ว”
“การได้สอบมากกว่าคนอื่นนี่ยอดเยี่ยมสุดๆเลย ไม่มีเด็กคนไหนทำได้หรอก”
“ใช่แล้ว เพราะปกติแล้วเด็กๆน่ะไม่สอบซ่อมกันหรอก— เดี๋ยวก่อนสิยะ!”
ในห้องแปลกๆที่ล้อมรอบพวกเธอทั้งสี่ด้านไว้ด้วยกำแพงสีขาวนี้ เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอย่างร่าเริงของเด็กสาว
เท็มเพรสเองก็หัวเราะด้วยเช่นกัน และในตอนที่หัวเราะนั้น เธอก็กดดินสอกดของเธอไปด้วย แต่มันไม่มีไส้ดินสอออกมา เธอพยายามเขย่าดินสอขึ้นลงแล้ว แต่มันก็ไม่มีเสียงของไส้ดินสออยู่ข้างในเลย
“หือ?”
“มีอะไรเหรอเท็มเพรส?”
“ไส้ดินสอหมดน่ะ”
เมื่อเปิดกล่องดินสอออกมาเธอก็เอียงหัว จากนั้นเธอก็ดูที่ด้านล่างของกระเป๋าเป้ที่สะพายมา แต่มันก็มีแค่ตำราเรียน สมุดบันทึก ยางลบ แล้วก็ปากกาเน้นข้อความเท่านั้น
“อ๊าาา!” เท็มเพรสส่งเสียงออกมา มันไม่มีไส้ดินสอกดอยู่เลย ของเล็กๆแบบนั้นมักจะหายเอาได้ง่ายๆเอาซะด้วย
“เอาดินสอของชั้นไปใช้ไหม?”
“ของเควคมันดำเกินไปอ่ะ เดี๋ยวสมุดเราก็สกปรกกันพอดี”
“จุกจิกจังนะเธอเนี่ย”
“งั้นก็เราจะกลับไปเอาที่บ้านแล้วกัน เชอร์รี่รอเราจนกว่าจะถึงตอนนั้นได้ไหม?”
“อื้อ ฉันจะรอนะ รีบไปรีบกลับด้วย”
“รีบกลับมาด้วย โอเคนะ? เพราะเวลาพักมันใกล้หมดแล้ว”
“เรารู้น่า เดี๋ยวเจอกันนะ!”
☆ เลดี้พราว
เธอตามกลิ่นเลือดไปอย่างช้าๆทีละนิดทีละหน่อยเหมือนกับเต่าเดิน ใช้ความระมัดระวังอย่างมากเพื่อไม่ให้พลาดกลิ่นไป การทำแบบนี้มันทำให้อัมเบรนเกิดเบื่อได้ง่ายตลอดทาง หลังจากสองวันเต็ม เลดี้พราวก็มาถึงโรงงานร้างที่ปิดตัวไปแล้ว มันดูไม่เหมือนกับห้องวิจัยเลย แต่ถ้ามันซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ ดูจากสถานที่ของมันแล้วก็เป็นที่ที่ดีพอ
“กลิ่นมันสิ้นสุดตรงนี้”
“ในที่สุดก็มาถึงแล้วเหรอ? นานสุดๆเลย”
หากเธอปล่อยให้อัมเบรนกล่าวโทษเธอล่ะก็มันจะเกิดปัญหาขึ้นมาไม่จบไม่สิ้น เพราะแบบนั้นเลดี้พราวจึงเพิก
เฉยมันไป ที่ด้านหน้าทางเข้านั้นถูกล็อคเอาไว้ด้วยโซ่อย่างแน่นหนา ตัวล็อคนั้นขึ้นสนิมแล้วและยังไม่มีร่องรอยว่าถูกเปิดออกเมื่อไม่นานมานี้ด้วย เมจิคัลเกิร์ลแข็งแกร่งมากพอที่จะฉีกมันออก แต่มันก็หมายความว่าคนที่เข้าและออกห้องทดลองนั้นใช้เส้นทางอื่น
อัมเบรนหันไปด้านขวา ในขณะที่เลดี้พราวหันไปด้านซ้ายจากนั้นก็เดินวนไปรอบโรงงานร้าง และพวกเธอก็พบทางเข้าเล็กๆที่อยู่ด้านหลัง ตัวล็อคนั้นพังไปแล้ว ประตูเองก็ปิดไม่ได้ด้วยเช่นกัน
“บางทีพวกนั้นอาจใช้ทางเข้านี้รึเปล่านะ?”
“ดิฉันสัมผัสถึงใครไม่ได้เลย แต่ว่า…”
ประตูนั้นเปิดออกมาพร้อมกับเสียงดังเอี๊ยด
ไม่มีใครอยู่ด้านใน แต่เมื่อเลดี้พราวใช้ปลายนิ้วของเธอสัมผัสแล้วก็เลื่อนไปตามพื้น เธอก็พบว่ามันไม่มีฝุ่นเลย เห็นได้ชัดว่ามันถูกทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ หากเจ้าของพยายามจะดูแลโรงงานที่ถูกทิ้งร้างเช่นนี้ พวกนั้นก็ต้องทำอะไรบางอย่างกับตัวล็อคก่อนที่จะทำความสะอาดพื้นสิ
แบบนี้มันผิดธรรมชาติ คุ้มค่าที่จะทำการตรวจสอบดู
ที่ผนังนั้นเต็มไปด้วยกระดาษที่บอกสิ่งต่างๆมากมายกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความเป็นมาของโรงงาน เหมือนว่าเดิมทีที่แห่งนี้จะเป็นโรงงานผลิตอาหารแช่แข็ง เมื่อโรงงานปิดตัวลงแล้ว เจ้าของก็จำเป็นต้องขายเครื่องไม้เครื่องมือทั้งหมดที่มีเท่าที่ทำได้ มันจึงทำให้ที่แห่งนี้ไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่ ตัวของโรงงานเองก็ไม่ได้ใหญ่มากเช่นกัน
เพราะที่แห่งนี้มีขนาดเล็ก พวกเธอจึงสามารถตรวจสอบสิ่งที่เหลือบนพื้นโรงงาน ห้องน้ำ ห้องพัก แล้วก็ห้องครัวขนาดเล็กได้ มันไม่มีที่อื่นให้ดูอีกแล้ว แม้พวกเธอจะเข้ามาด้านในพร้อมกับหัวใจที่เต็มไปด้วยความคาดหวังแต่มันก็หายวับไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องทำอะไรเลย มันไม่มีอะไรที่อยู่ด้านในที่มันดึงดูดสายตาเลย
ส่วนอัมเบรนนั้นกำลังมองใยแมงมุมที่มุมห้องอยู่
“มองอะไรอยู่เหรอ?”
“แค่คิดว่าใยแมงมุมที่มีน้ำค้างอยู่ด้วยนี่มันสวยจัง”
“นี่เธอไม่ได้จริงจังกับการมองดูรอบๆเหรอเนี่ย?”
“จริงๆแล้วก็ไม่หรอก”
แม้เลดี้พราวจะคิดว่าไม่น่าพาอัมเบรนมาค้นหาด้วยเลย แต่เธอก็ยังคิดว่าถ้าอัมเบรนทำงานของเธอซักเล็ก
น้อยก็คงจะดี แต่ถ้าเธอพูดแรงเกินไป อัมเบรนก็คงจะบอกว่า “โอเค งั้นเค้าจะไปแล้ว” แบบนั้นเลดี้พราวก็จะมีปัญหาแน่ เพราะถ้ามีสถานการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น เธอก็สามารถไว้ใจอัมเบรนได้
หลังจากที่สำรวจภายในโรงงานเสร็จแล้ว เลดี้พราวก็สำรวจรอบๆอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็อีกครั้ง เมื่อเธอคิดว่าไม่มีที่ไหนจะสามารถสืบสวนได้แล้ว เธอก็หันไปมองอัมเบรนที่ยังคงมองใยแมงมุมอยู่
ร่องรอยของกลิ่นมันสิ้นสุดลงตรงนี้ มันต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น หรือเคยเกิดอะไรบางอย่างขึ้นแน่ แน่นอนว่าทั้งมนุษย์และเมจิคัลเกิร์ลนั้นรับรู้กลิ่นนี้ไม่ได้ เว้นแต่ว่าจะเป็นพวกที่พิเศษ
เลดี้พราวเดาะลิ้นอย่างเงียบๆ จากนั้นก็แผ่ผ้าคลุมของเธอออก แล้วก็นั่งลงไปบนเสื่อทาทามิที่ห้องพัก
เลดี้พราวนั้นไม่ใช่เมจิคัลเกิร์ลที่มีทักษะเชี่ยวชาญในการค้นหา คนที่มีทักษะแบบนั้นมักจะอยู่ในทีมของหน่วยสืบสวน ไม่ก็พวกเมจิคัลเกิร์ลฟรีแลนซ์ที่ชำนาญในการมองหาผู้คน แต่เธอก็ไปขอความช่วยเหลือจากเมจิคัลเกิร์ลที่มีทักษะเช่นนั้นไม่ได้ อีเมลนั้นต้องการให้รักษาความลับอย่างเข้มงวด และเหนืออื่นใดเลดี้พราวมีเหตุผลที่อยากให้ทางกรมการต่างประเทศผูกขาดเหยื่อเอาไว้ด้วย
อัมเบรมไม่ร่วมมือด้วยเลย เลดี้พราวจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำการสำรวจสถานที่เอง ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในหัวใจของเธอนั้น ทำให้เธอกำลังจะลุกขึ้นเพื่อค้นหาในรอบๆบริเวณอีกครั้ง แต่เธอก็ได้ยินเสียงบางอย่างกำลังถูกลากแล้วก็หยุดเคลื่อนไหว
เมื่อเธอโผล่หน้าออกมาจากห้องพักแล้วมองเข้าไปภายในโรงงาน เธอก็เห็นอัมเบรนยืนกางร่มอยู่ เธอนั้นเผชิญหน้ากับอุปกรณ์ควบคุมเครนที่กำลังเลื่อนไปข้างๆอย่างช้าๆ
“อะไรเหร-”
“เงียบ!”
อุปกรณ์นั้นหยุดแล้ว มันมีหลุมสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่เปิดอยู่ที่พื้น จากนั้นก็มีคนโผล่หัวออกมา
เมจิคัลเกิร์ล
เส้นผมของเธอนั้นถูกมันเป็นโพนี่เทลสองข้างแล้วก็มีแอปเปิ้ลสีทองประดับอยู่ทั่ว ที่หลังของเธอช่อใบไม้ขนาดใหญ่ เมจิคัลเกิร์ลคนนั้นชี้มาที่เลดี้พราวพร้อมกับท่าทางที่ดูตกใจ
“อ๊าาา!”
จากนั้นเธอก็ชี้ไปที่อัมเบรน
“พวกแกอีกแล้วเหรอ! คราวนี้เยอะกว่าเดิมอีก!”
จากนั้นเธอก็ชี้ขึ้นไปที่เพดาน
“แถมบนนั้นก็ยังมีด้วย!”
เลดี้พราวมองขึ้นไปบนเพดานตามที่เด็กสาวชี้ มันมีบางคนนั่งตรงคานใกล้กับเพดาน ตัวตลก มันมีเด็กสาวแต่งกายคล้ายกับตัวตลกอยู่ตรงนั้น บางทีอาจจะเป็นเมจิคัลเกิร์ลก็ได้ เธอกำลังมองลงมาดูพวกเธออยู่
“เราไม่ปล่อยให้พวกแกทำอะไรตามใจหรอก!”
ร่างกายด้านบนของเด็กสาวขึ้นมาจากหลุม ที่มือขวาของเธอถือมีดขนาดใหญ่อยู่
เลดี้พราวรีบหลบไปอยู่ด้านหลังร่มของอัมเบรน
“เดี๋ยวก่อน! พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะมาหาเรื่องนะ”
“หลอกเราไม่ได้หรอก!”
เลดี้พราวนั้นรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเรื่องขนาดใบดาบของอาวุธที่เด็กสาวขว้างออกมา เด็กสาวนั้นขว้างอาวุธไปยังทิศทางที่ไม่คาดคิด มันเฉือนกำแพง เฟอร์นิเจอร์ที่ขายไม่ออก แล้วก็อุปกรณ์ที่อยู่รอบๆโรงงาน จนเกือบไปถึงเพดาน
เมจิคัลเกิร์ลตัวตลกหนีออกไปทางหน้าต่าง วิถีของอาวุธยังคงหมุนต่อไปพร้อมกับส่งเสียงออกมา และเมื่อรู้ว่ามันพุ่งเข้ามาทางนี้ อัมเบรนจึงกางร่มของเธอเข้าหาอาวุธ
ร่มเวทมนตร์ของอัมเบรนนั้นสามารถป้องกันการโจมตีได้ทุกชนิด มันจึงป้องกันใบดาบขนาดใหญ่ที่ตัดผ่าโรงงานด้วยพลังรุนแรงได้อย่างง่ายดาย และอาวุธนั้นก็ร่วงหล่นลงบนพื้นโรงงานพร้อมกับเสียงดังแกร๊ง มันกลิ้งไปรอบๆ จากนั้นก็หายไปพร้อมกับเสียงฟุบ
เลดี้พราวมองไปรอบๆ แต่เด็กสาวที่ขึ้นมาจากหลุมนั้นก็หายไปแล้ว
“เธอหนีไปแล้วงั้นเหรอ?”
“อื้อ หนีไปแล้ว”
เลดี้พราวกังวลเรื่องของเด็กสาวตัวตลก แต่ที่สำคัญกว่าคือหลุมนี้ มันจะพาไปที่ไหนกันนะ?
☆ ฟาล
วันนี้เข้าสู่วันที่สามแล้วสำหรับการค้นหาภายในเมือง S
สโนไวท์กระโดดจากป้ายของโรงเรียนเตรียมไปยังด้านบนของเสาโทรศัพท์ จากตรงนั้น เธอก็ไปยังดาดฟ้าของที่ทำการไปรษณีย์ แล้วก็เริ่มวิ่งเพื่อทำการกระโดดสามครั้ง เธอกระโดดจากสัญญาณไฟจราจรที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งแล้วก็ขึ้นไปยังกำแพงสูง กระโดดไปมาด้วยจังหวะที่คล่องแคล่ว
ตอนนี้มันคือช่วงเวลาดึกดื่น ที่โลกเบื้องล่างมีรถยนต์เพียงแค่ไม่กี่คันขับผ่าน แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีคนเลย ภายในตัวเมืองยังคงเต็มไปด้วยแสงไฟเบาบาง มีชายหญิงที่รวมตัวเพื่อหาความสนุกสนานเหมือนๆกันอย่างมีชีวิตชีวา มีมนุษย์เงินเดือนที่เมามายเอนตัวพิงกับป้ายไฟ และมีชายหนุ่มบางคนยืนจ้องหน้ากันและกันพร้อมกับบรรยากาศที่พร้อมจะประทุได้ทุกเมื่อ
ในขณะที่กำลังก้าวก่ายสิ่งต่างๆไปเรื่อยๆ สโนไวท์ก็ยังคงเดินหน้าต่อไป การช่วยเหลือผู้คนเป็นงานของเมจิคัลเกิร์ลก็จริง แต่เมจิคัลเกิร์ลท้องถิ่นแล้ว นี่คือการไม่เคารพอาณาเขตอย่างรุนแรง สโนไวท์จะปล่อยผ่านการคัดค้านเรื่องตัวของเธอไป แต่มันคงน่ารำคาญหากปัญหานั้นถูกรายงานไปยังเบื้องบน
แต่เธอก็ไม่เคยพบกับเมจิคัลเกิร์ลท้องถิ่นคนอื่นเลย แม้ว่าเธอจะวิ่งไปทั่วอย่างอิสระ ก็ไม่มีใครที่เข้ามาในเรดาห์ของฟาลด้วย
“…ใครรับผิดชอบพื้นที่นี้งั้นเหรอ?”
“คนที่รับผิดชอบ?”
“ชื่อกับเวทมนตร์”
“เด๊๋ยวก่อนนะ ปอน… เธอชื่อปริซึม เชอร์รี่ เวทมนตร์ของเธอคือเปลี่ยนแปลงภาพสะท้อนในกระจกได้อย่างอิสระ พื้นที่รับผิดชอบคือเมือง S เขตทานาอิ อาบิ ไอนาริ แล้วก็โทโนเอะ”
“ขอบคุณ”
สโนไวท์กระโดดจากสิ่งก่อสร้างหนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งแล้วก็วิ่งไปตามดาดฟ้า ฟาลสงสัยว่าสโนไวท์นั้นไม่ได้กังวลเรื่องของเมจิคัลเกิร์ลท้องถิ่นบ้างเหรอ แต่เมื่อเธอถามออกมาแล้วเหมือนว่าจะไม่ใช่แบบนั้น สิ่งที่เธอเป็นห่วงก็คือแม้จะวิ่งไปรอบๆแล้วก็ยังไม่พบเมจิคัลเกิร์ลท้องถื่นเลยต่างหาก
ในตอนที่สังเกตปฎิกิริยาของเรดาห์อย่างต่อเนื่อง ฟาลก็พูดกับสโนไวท์ว่า
“นี่ไม่ได้จงใจวิ่งไปรอบๆแบบมั่วๆใช่ไหม ปอน?”
“ฉันไม่ได้พยายามทำแบบนั้น”
“แบบนั้นเราก็ควรพูดว่ากล้าหาญใช่ไหม ปอน?”
มันคงเป็นเรื่องดีหากจะพูดว่าสโนไวท์นั้นพยายามติดต่อหาเมจิคัลเกิร์ลท้องถิ่น แต่โดยทั่วไปแล้วมันเหมือนกับว่าเธอพยายามเริ่มทะเลาะกันมากกว่า ริมฝีปากของสโนไวท์ดูผ่อนคลาย เธอพึมพำออกมาราวกับว่าไม่ได้พูดกับใครเป็นพิเศษ
“ฟาลนี่กลายเป็นพวกไม่ค่อยสงบเสงี่ยมแล้วสินะ”
“ถ้าเรามัวแต่สงบเสงี่ยมล่ะก็ แบบนั้นเจ้าหญิงคนนึงที่อยู่ที่นี่ก็จะทำอะไรไม่ยั้งคิดน่ะสิ ปอน”
ฟาลพูดออกมาเหมือนกับเป็นเรื่องตลก แต่ภายในตัวของฟาลนั้นกระวนกระวายมาก โดยปกติแล้วสโนไวท์จะเป็นคนที่เสียสละตัวเองเพื่อล่ออีกฝ่ายออกมา หากมันเป็นเหยื่อที่สโนไวท์กับฟาลสามารถรับมือได้แบบนั้นก็ไม่เป็นอะไร แต่มันก็ไม่รู้ว่าจะเป็นแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน การตกปลาแล้วได้ปลาเล็กปลาน้อยขึ้นมานั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าในวันหนึ่งเกิดตกฉลามหรือวาฬขึ้นมาได้ แบบนั้นชีวิตของชาวประมงก็จะตกอยู่ในอันตรายแทน
สโนไวท์นั้นเป็นคนที่ไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเองเลยซักนิดเดียว ไม่ว่าฟาลจะพูดยังไงเธอก็ไม่ยอมฟัง การหายตัวไปของริปเปิลมันทำให้เธอสิ้นหวังงั้นเหรอ? ฟาลอยากจะถามแต่ก็รู้สึกกลัวการตอบสนองตามที่ตัวเองจินตนาการ แค่คิดว่ามันจะทำร้ายสโนไวท์ขนาดไหนมันก็ทำให้ฟาลเจ็บปวดไปด้วย และฟาลก็ไม่ได้คิดจะถามมันออกมาเลย
หลังจากที่ได้รับอีเมลจากเมจิคัลโฟนของริปเปิลแล้ว เธอจึงกระทำการต่างๆตามข้อสันนิษฐานที่ว่าริปเปิลยังคงมีชีวิตอยู่ และมีเป้าหมายก็คือการได้พบหน้าริปเปิลอีกครั้ง แน่นอนว่าเธอต้องคิดว่าริปเปิลยังคงปลอดภัยดี หรือมันอาจจะเป็นสิ่งที่ฟาลอยากให้เธอคิดก็ได้
“ช้าลงหน่อยได้ไหม ปอน?”
ตอนที่ฟาลพูดแบบนั้นออกมา มันก็มีเสียงอิเล็กทรอนิกส์ที่ฟังดูเรียบง่ายแต่ก็ไม่รื่นหูดังขึ้น ฟาลนั้นจงใจตั้งค่าให้เสียงมันเป็นแบบนั้น เพราะถ้าไม่รู้ตัวเมื่อถึงเวลามันก็จะไม่ใช่เสียงเตือนที่มีความหมาย มีเมจิคัลเกิร์ลปรากฎตัวขึ้นในระยะสองร้อยเมตร แต่ในตอนที่ฟาลกำลังยืนยันตำแหน่งของเธอนั้นมันก็มีเสียงกระแทกกันเกิดขึ้น จากนั้นสโนไวท์หันไปมองด้านหลังแล้วก็จับรั้วโซ่ของดาดฟ้าเอาไว้
มีเมจิคัลเกิร์ลอยู่ตรงนั้น เธอฉีกยิ้มกว้างราวกับมีเรื่องบางอย่างที่ตลกขบขัน ทั่วทั้งตัวของเธอเป็นสีที่ฉูดฉาด และบนหัวของเธอนั้นมีดอกคอสมอสที่สีสรรสะดุดตาขนาดเท่ากับมงกุฏอยู่
คี๊คที่เป็นมาสเตอร์ดั้งเดิมของฟาลนั้นเป็นคนที่เต็มไปด้วยความรักต่อเมจิคัลเกิร์ล เธอสำรวจเมจิคัลเกิร์ลมากมายเพื่อเติมเต็มภาพของเมจิคัลเกิร์ลในอดุมคติที่อยู่ในใจ ข้อมูลท้้งหมดที่เมจิคัลเกิร์ลคี๊คได้ทำการรวบรวมไว้มันเก็บอยู่ภายในตัวของฟาล และมันไม่ใช่เป็นแค่รายชื่อของเด็กสาวเท่านั้น แต่มันยังเป็นข้อมูลจำนวนมหาศาลที่รวมถึงบุคลิคภาพและงานลับอีกด้วย
“มาริกะ ฟุคุโรอิ อดีตนักเรียนของโรงเรียนกวดวิชามาโอ เธอเป็นเพื่อนร่วมงานของแครนเบอร์รี่และฟรามี่ด้วย ปอน”
“โอ้โห! มาสค็อตล่ะ! งั้นเธอคงเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่เป็นกำลังสำคัญสินะ!”
“เธอสามารถทำให้ดอกไม้เบ่งบานออกมาจากบนหัวได้ ปอน มันดูโง่ๆก็จริง แต่ดอกไม้นั้นมีพลังปริศนาด้วย ปอน ถ้าประมาทตอนสู้กันล่ะก็จะเจ็บตัวได้นะ ปอน”
ฟาลไม่สนใจการตอบสนองของมาริกะแล้วก็อธิบายต่อไป
เมจิคัลเกิร์ลมาริกะ ฟุคุโรอิคนนี้ โจมตีเข้ามาในทันทีตอนที่เข้ามาในระยะเรดาห์ของฟาล เมื่อตัดสินจากความเร็วของเธอแล้วก็สามารถบอกได้ว่า เมื่อเธอเจอสโนไวท์อยู่ตรงนี้ เธอก็พุ่งเข้ามาใส่ด้วยความเร็วเต็มพิกัดเพื่อทุ่มไม่ก็เตะสโนไวท์ ซึ่งพูดได้ว่าเธอนั้นคือศัตรู
และฟาลที่เป็นศัตรูนั้นกำลังพูดเรื่องของเธออยู่ ฟาลจงใจพูดออกมาเสียงดังๆเพื่อตั้งใจจะบอกว่า “พวกเรารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอ” แต่เธอนั้นดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านกับความจริงแถมยังยิ้มออกมาอย่างสนุกสนานอีกต่างหาก
ฟาลยั้งความฉุนเฉียวของตัวเองเอาไว้แล้วก็พูดต่อไป
“แม้จะเป็นภายในโรงเรียนกวดวิชามาโอที่ขึ้นชื่อว่าป่าเถื่อนและความแข็งแกร่งคือทุกอย่างนั้น เธอก็รู้จักกันดีว่าเป็นคนที่เหี้ยมโหดและการที่เธอก็ถูกไล่ออกมันก็เป็นเพราะความรุนแรงของตัวเธอเอง… เธอเป็นพวกคลั่งการต่อสู้ ชอบทำอะไรอันตราย อย่างเช่นไปอเมริกาใต้แล้วต่อสู้กับองค์กรค้ายาเสพติดเพียงเพราะว่าอยากสู้กับรถถัง ปอน”
นอกจากนี้ยังมีเมจิคัลเกิร์ลอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงนี้ คนที่ไปตะวันออกกลางเพื่อหยุดยั้งสงครามกลางเมือง แต่ฟาลจะเลี่ยงไม่พูดออกไป
“เราไม่เห็นใครบนเรดาห์ก็จริง แต่ว่า…เธออาจะเป็นพวกเดียวกันก็ได้ ปอน บางครั้งเองเธอก็จะร่วมมือกับเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นที่แบ่งปันอุดมคติด้วยกันแต่มันก็ไม่ใช่อุดมคติจริงๆ เป็นเพียงแค่การค้นหาการต่อสู้เท่านั้น อามี่กับโมนาโกะที่เป็นนักเรียนรุ่นน้องที่โรงเรียนกวดวิชามาโอนั้นก็เป็นนักสู้ที่มีทักษะสูงเหมือนกับทุกคนที่เรียนจบมา ส่วนสไตล์เลอร์ มิมินั้นไม่ได้มาจากโรงเรียนกวดวิชามาโอ แต่เธอรู้จักกันดีในฐานะผู้ช่วยคนสำคัญของมาริกะ ฟุคุโรอิ ปอน บางคนก็คิดว่าเธอเป็นผู้ควบคุมหมาบ้าอย่างมาริกะ ฟุคุโรอิจากในเงามืด ปอน แน่นอนว่าเธอเองก็เป็นนักสู้ที่เก่งกาจเหมือนกัน ปอน”
มาริกะ ฟุคุโรอิก้าวมาข้างหน้า ส่วนด้านหลังของสโนไวท์ก็คือรั้วโซ่
ฟาลตั้งใจยืดการอธิบายออกไปนานๆ ในการต่อสู้ระหว่างเมจิคัลเกิร์ลนั้น การรู้เวทมนตร์ของคู่ต่อสู้มันสำคัญยิ่งกว่าการคิดว่าใครแข็งแกร่งกว่าหรือความเข้ากันได้ของทั้งสองคน และบางครั้งชัยชนะหรือความพ่ายแพ้มันจะตัดสินกันในชั่วพริบตาเดียว ดังนั้นข้อมูลจึงเป็นเรื่องทีสำคัญมาก การพูดเน้นว่า “พวกเรารู้เรื่องของเธอมาก” มันจะทำให้ความอยากต่อสู้ของอีกฝ่ายค่อยๆลดลงและมันควรจะทำให้อีกฝ่ายหนีไป
“ระวังนะ ปอน สโนไวท์ เธอน่ะ-”
“สโนไวท์ ? …อ๊ะ! นักล่าเมจิคัลเกิร์ลนี่นา!”
รอยยิ้มของมาริกะ ฟุคุโรอินั้นสดใส มันดูเหมือนกับว่าน้ำลายของเธอจะไหลออกมาจากมุมปากตอนไหนก็ได้
“นี่คือโชคชะตางั้นเหรอเนี่ย? ฟรามี่เป็นไงบ้างล่ะ? เธอพอใจรึเปล่า? รึไม่กันนะ? ตั้วชั้นน่ะเต็มปากเต็มคำแถมยังอร่อยกว่าเยอะ แต่ระวังด้วยล่ะเพราะในตัวชั้นมันมีพิษ”
สโนไวท์นั้นยืนเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร ส่วนมาริกะ ฟุคุโรอินั้นเดินมาข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว
ในตอนนั้นเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นอีกครั้ง แล้วฟาลก็เห็นเงาดำลอยขึ้นมาจากด้านหลังของมาริกะ ฟุคุโรอิ
☆ สไตล์เลอร์ มิมิ
“นี่เธอทำบ้าอะไรน่ะ!?”
เธอพูดออกมาอย่างไม่จริงใจเพราะเธอคิดออกได้ง่ายๆว่ามาริกะทำอะไร เธอนั้นพยายามจะเริ่มต่อสู้ และมันก็คือเหตุผลว่าทำไมมิมิถึงพูดออกมาเสียงดัง เพราะเธออยากบอกให้คู่ต่อสู้รู้ว่าเธอตั้งใจจะหยุดมาริกะ ฟุคุโรอินั่นเอง
จากนั้นเธอก็วิ่งเข้ามาด้วยความเร็วเต็มที่ เธอพยายามแสดงให้คู่ต่อสู้เห็นว่า “นี่ไง ฉันพยายามหยุดเธอมากขนาดไหน” หากมาริกะ ฟุคุโรอิทำอะไรโง่ๆขึ้นมา มันก็จะหมายความว่ามิมินั้นพยายามอย่างที่สุดแล้วแต่ก็ยังหยุดเอาไว้ไม่ได้ มิมิต้องทำให้แน่ใจว่ามันเป็นวิธีที่ได้ผลอย่างแน่นอน
“ขอล่ะนะ ช่วยหยุดใช้ความรุนแรงด้วย”
“แต่ชั้นยังไม่ได้เริ่มใช้ความรุนแรงซักหน่อย”
มาริกะ ฟุคุโรอิไม่เคยลังเลที่จะลอบโจมตีเลย เธอมักจะทำอะไรแบบการพุ่งเข้าไปด้านหลังเพื่อโจมตีบางคนเข้าไปที่หัวโดยไม่บอกกล่าว
เมจิคัลเกิร์ลที่ถูกจัดการด้วยการลอบโจมตีนั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะสู้กับมาริกะ ฟุคุโรอิ ส่วนเมจิคัลเกิร์ลที่แข็งแกร่งจะหลบการโจมตี ต้านทาน หรือสวนกลับการโจมตีมาได้นั้นจะมีสิทธิ์ที่จะสู้กับเธอ หรือมันก็เป็นแค่ข้อแก้ตัวของเธอเอง แน่นอนว่าจากจุดนี้ไป เธอต้องจะต่อสู้อย่างตรงไปตรงมา
ทุกครั้งที่มิมิบอกเธอว่าเรื่องนี้มันไม่ถูกต้อง แต่เธอก็เมินมิมิอยู่ตลอด
คราวนี้เองก็เหมือนกัน เมื่อเจอเมจิคัลเกิร์ลอยู่บนดาดฟ้าของสิ่งก่อสร้างสูง มาริกะก็พุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วสูงตามความคิดของเธอ และเมื่อมิมิพยายามยื่นมือออกไปหยุดเธอเอาไว้ แต่มือของมิมินั้นก็ได้แต่สัมผัสกับอากาศ ดังนั้นมิมิจึงรีบตามเธอมา แต่เหมือนว่าการลอบโจมตีของมาริกะนั้นจะพลาด โชคร้ายจริงๆ
ทั่วทั้งตัวของเมจิคัลเกิร์ลคนนั้นแต่งกายด้วยชุดสีขาว ธีมหลักคือชุดนักเรียนที่มีปลอกแขนรัดเอาไว้และมีดอกไม้ประดับตกแต่งอยู่อย่างโดดเด่น ที่รองเท้าของเธอก็โผล่ออกมาเล็กน้อยเช่นกัน ดอกไม้ที่อยู่บนที่คาดผมของเธอก็เริ่มจะเบ่งบานออกมาด้วย ผู้คนที่มองนั้นจะรู้สึกชื่นชอบ แต่กับมิมิเอาความคิดเหล่านั้นที่อยู่ในใจไปไว้ที่อื่น
กระเป๋าเก่าๆที่ห้อยอยู่ตรงเอวนั้นเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นชุดของเธอมาแต่ดั้งเดิม มันเป็นสิ่งเดียวที่ดูเป็นของสวมใส่เข้าไป บางทีมันอาจจะเป็นไอเท็มเวทมนตร์ก็ได้ มิมิมองเห็นได้ก็จริงแต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันใช้งานยังไง
สายตาของเด็กสาวนั้นจับจ้องมาที่มิมิและมาริกะ แต่เธอก็ยังคงระวังสิ่งรอบตัวไปด้วย แบบนี้มันเห็นชัดเลยว่าการลอบโจมตีของมาริกะจัดการเธอไม่ได้ เธอนั้นมีประสบการณ์ในการต่อสู้และความสามารถทางร่างกายสูง แถมยังเชี่ยวชาญเวทมนตร์ของตัวเองอีกด้วย
แม้จะเป็นผู้มีประสบการณ์ก็ยังรู้สึกตื่นตระหนกและกลัวเมื่อจู่ๆก็ถูกโจมตี แต่เมจิคัลเกิร์ลคนนี้กลับดูใจเย็น ท่าทางการต่อสู้ของเธอไม่แสดงจุดอ่อนออกมาเลย
“นั่นสไตล์เลอร์ มิมิ ปอน!”
มิมิตกใจกับคำพูดประหลาดๆ มันเป็นเสียงสังเคราะห์สูงๆฟังแล้วราวกับเป็นเด็ก เธอได้ยินมันดังออกมาจากหน้าอกของเมจิคัลเกิร์ลสีขาว และเมื่อเธอรู้ว่ามันเป็นไซเบอร์แฟร์รี่ประเภทมาสค็อท มันก็ทำให้เธอรู้สึกหมดกำลังใจ เมจิคัลเกิร์ลที่มีมาสค็อทนั้นเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่มีตำแหน่งสูงไม่ก็มีคนหนุนหลังอยู่
มันมีเหตุผลมากมายว่านี่คือคนที่มาริกะไม่ควรจะสู้ด้วย
มิมิยกมือขึ้นสูงเพื่อให้อีกฝ่ายเห็นว่าเธอยอมแพ้
“ฉันขอโทษเรื่องยัยบ้าตรงนั้นจริงๆนะ”
“เฮ้ นี่เธอเรียกใครว่ายัยบ้ากันห๊ะ?”
มิมิพูดต่อไปโดยไม่สนเสียงของยัยบ้า
“แม้มันจะเป็นความเข้าใจผิดสุดๆที่เข้ามาปะทะโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่พวกเราไม่ได้คิดจะสู้กับเธอเลยนะ ขอโทษจริงๆ”
“สู้สิ ชั้นอยากสู้กับเธอ ในที่สุดชั้นก็มีโอกาสได้เจอกับนักล่าเมจิคัลเกิร์ลแล้ว”
—นักล่าเมจิคัลเกิร์ล?
ชุดนักเรียนสีขาว ไซเบอร์แฟร์รี่รูปแบบมาสค็อต กระเป๋าเก่าๆ แล้วก็ท่าทางที่ไร้ซึ่งเสน่ห์ จริงสิ เธอดูเหมือนกับที่ข่าวลือบอกเลย และการมีฉายาว่านักล่าเมจิคัลเกิร์ลนั้น เธอจึงสามารถต้านทานการลอบโจมตีของมาริกะได้อยู่แล้ว
ว่ากันว่าเธอเปิดโปงเมจิคัลเกิร์ลที่ชั่วร้ายด้วยตัวคนเดียว และแค่ได้ยินชื่อของเธอมันก็ทำให้พวกอาชญากรตัวสั่นแล้ว
ฝ่ามือของมิมิยังคงยกขึ้นหันเข้าหาเด็กสาว จากนั้นมิมิก็ถอยหลังกลับไปสามก้าว เธอคิดแล้วว่าซักวันหนึ่งมันคงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น มันไม่มีทางที่มาริกะสามารถหนีไปได้ตลอดจากการที่เธอเป็นเมจิคัลเกิร์ลประเภทหัวรุนแรง คนที่ใช้ความรู้ของตัวเองเพื่อความชั่วร้าย คนที่เหยียบย่ำและทำลายผู้มีบุญคุณของตัวเอง คนที่เอาแต่ทะเลาะกับเพื่อนเก่า
คำพูดที่ว่า ‘ถึงเวลาชดใช้แล้ว’ เข้ามาในใจของมิมิ มันเป็นคำพูดโบราณคร่ำครึแต่ก็ถูกต้อง
ในตอนนี้มาริกะถูกตามล่าแล้ว
เธอนั้นเป็นคนที่น่ารังเกียจ เป็นตัวสร้างปัญหาให้ผู้อื่น เป็นบ่อเกิดแห่งความรุนแรง เป็นหมาบ้าที่กัดทุกคนที่เข้ามาใกล้ เป็นแกะดำในโรงเรียนกวดวิชามาโอ แต่ในตอนนี้เมื่อมันกลายมาเป็นแบบนี้แล้ว มิมิก็รู้สึกเสียใจกับเธอ ในหัวใจของกำลังบอกว่า ลาก่อนนะ มาริกะ ฟุคุโรอิ
มาริกะคงไม่รู้ความรู้สึกของมิมิ ในตอนที่ตานั้นยังคงมองสโนไวท์ มาริกะ ฟุคุโรอิก็พูดกับมิมิ
“อะไรเนี่ย? เธอจะไม่ห้ามหน่อยเหรอ?”
“ไม่ ฉันไม่ห้าม ฉันจะไม่ห้ามเธอหรอก”
“หวา ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วสินะ ชั้นล่ะอยากให้เธอเป็นแบบนี้ตลอดจัง”
มาริกะก้าวไปข้างหน้าอีกครึ่งก้าว ทำให้ระยะห่างระหว่างเธอกับสโนไวท์ลดลงเหลือแค่ห้าเมตร มิมินั้นยืนอยู่ด้านหลังทางขวาของเธอที่ที่เป็นอันตรายในตัวของมันเอง มิมิจึงก้าวไปทางขวาสองก้าว และในคราวนี้สโนไวท์ก็เริ่มขยับตัว ในที่สุดนักล่าเมจิคัลเกิร์ลจะเริ่มออกล่าแล้วงั้นเหรอ?
สโนไวท์เปลี่ยนท่าทางของเธอ จากนั้นเธอก็ทำเหมือนกับมิมิ คือหันฝ่ามือเข้ามาหาพวกเธอสองคน
“ฉันไม่อยากสู้หรอก”
“ทำไมล่ะ?” มาริกะตอบกลับพร้อมความสับสน
“หือ?” มิมิพูดขึ้นมาโดยไม่ได้ซ่อนความรู้สึกผิดหวังของเธอเอาไว้
ก่อนที่สโนไวท์จะตอบกลับมานั้น มันก็มีเสียงอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้น และตามองมิมิก็หันไปทางด้านขวาของสิ่งก่อสร้าง
จู่ๆเธอก็รู้สึกถึงตัวตนบางอย่าง มันไม่ได้ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่มันแค่อยู่ที่นั่นก่อนที่เธอจะรู้ตัว มีตัวตลกอยู่ที่อีกฝั่งหนึ่งของรั้วโซ่ เธอยืนยักไหล่อยู่ที่นั่น
☆ ฟาล
มันมีสามเหตุผลที่ทำให้ฟาลรู้สึกกระวนกระวาย
อย่างแรกคือเมจิคัลเกิร์ลที่ปรากฎตัวขึ้นมาพร้อมกับการตอบสนองบนเรดาห์ของฟาลอย่าง มาริกะ ฟุคุโรอินั้นมีความรวดเร็วอย่างมาก แม้จะใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวของการกระพริบตา แต่มันก็ยังมีเวลามากพอก่อนที่รูปลักษณ์และมีสิ่งบ่งชี้อย่างพลังงานของการกระโดดอย่างรุนแรงปรากฏขึ้น แต่กับเมจิคัลเกิร์ลคนนี้ ใบหน้าของเธอนั้นถูกปิดบังไว้ด้วยหน้ากากที่เหมือนกับภาพการ์ตูนระบายอยู่ ตาด้านขวานั้นปิดลง ตาซ้ายนั้นเปิดขึ้นและมีรูปหยดน้ำตาอยู่ เมจิคัลเกิร์ลตัวตลกคนนี้ปรากฎตัวขึ้นมาอย่างกระทันหันโดยไม่มีร่องรอยพลังงานของการเคลื่อนไหวปรากฏขึ้นมาเลย
อย่างที่สองคือตรงที่ตัวตลกยืนอยู่นั้นมันคือที่ที่ไม่มีอะไรตั้งอยู่ ดาดฟ้าทั้งสี่ด้านของสิ่งก่อสร้างแห่งนี้มันถูกล้อมไปด้วยรั้วโซ่ และที่ด้านบนมันก็ไม่มีอะไรเลย
และตัวตลกก็ยืนอยู่ด้านบนนั้น ยืนอยู่บนที่ที่ไม่มีอะไรเลย มันมีเมจิคัลเกิร์ลเพียงไม่กี่คนที่สามารถลอยอยู่บนอากาศหรือบินบนท้องฟ้าได้ แต่ตัวตลกคนนี้ไม่ได้ใช้วิธีธรรมดาๆเพื่อยืนอยู่ตรงนั้น เธอยืนอยู่บนไม้ต่อขาราวกับว่าเป็นตลกร้าย
อย่างที่สามคือสโนไวท์นั้นเหมือนว่าจะไม่สบอารมณ์เมื่อมองเห็นตัวตลก บางครั้งสโนไวท์เองก็รู้สึกโกรธ บางครั้งก็รู้สึกดีใจ แต่เธอเก็บความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ในใจไม่ได้แสดงออกมาให้ใครเห็น
ฟาลสามารถบอกอารมณ์ของสโนไวท์จากการเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆในท่าทางของเธอได้ เพราะริปเปิลนั้นเป็นคนที่บอกฟาลว่าควรจะมองไปที่จุดไหน ในตอนนี้สโนไวท์กำลังระวังตัวและพยายามจะถอยห่าง แต่ส้นเท้าด้านหลังของเธอนั้นก็ไปกระทบเข้ากับรั้วโซ่จนกันไม่ให้เธอถอยหนีได้ และสโนไวท์ก็หันหน้ามามองที่ด้านหลังก่อนที่จะหันกลับมามองด้านหน้าอีกครั้ง
สโนไวท์ไม่สบอารมณ์แล้วก็ล่าถอยแถมยังซ่อนมันเอาไว้ไม่ได้อีก นี่คือเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
มาริกะ ฟุคุโรอิจ้องไปที่ผู้บุกรุก ในขณะที่สไตล์เลอร์ มิมิตกใจจนอ้าปากออกครึ่งหนึ่ง เหมือนว่าทั้งสองคนไม่ได้คาดคิดเรื่องแบบนี้และยังไม่ใช่คนที่ตัวเองรู้จักเช่นกัน
ตัวตลกกระโดดลงมาจากไม้ต่อขาและยืนอยู่ด้านบนของรั้วโซ่ เธอจับไม้ต่อขาสองอันเอาไว้ด้วยมือซ้าย มันยาวและดูหนักมาก ที่ด้านบนของรั้วเกิดการโค้งงอขึ้น แต่เธอก็ยืนอยู่ได้โดยที่ไม่เสียสมดุลย์
ตัวตลกนั้นเอาไม้ต่อขาที่อยู่ในมือใส่เข้าไปในปลายแขนเสื้อด้านซ้าย เมื่อไม้ต่อขาที่ยาวมากกว่ายี่สิบเมตรนั้นหายเข้าไปในชุดของเธอ มาริกะ ฟุคุโรอิก็ผิวปากออกมา มันคงเป็นเวทมนตร์ของตัวตลกแน่ๆ
ฟาลไม่เคยเห็นหรือได้ยินเรื่องของเมจิคัลเกิร์ลคนนี้มาก่อน ถ้าเธอไม่อยู่ในฐานข้อมูลของคี๊ค แบบนั้นเธอก็เป็นเมจิคัลเกิร์ลหน้าใหม่ใช่ไหมนะ? แต่การเคลื่อนไหวของเธอมันดูเชี่ยวชาญมากเกินกว่าจะเป็นมือใหม่ เมื่ออยู่ต่อหน้านักสู้ที่เก่งกาจสามคนก็ยังไม่รู้สึกประหม่าอีกด้วย
ตัวตลกนั้นกางแขนออกมา จากนั้นก็ตบมือเข้าหากัน เสียงตบมือนั้นทำให้อากาศสั่นสะเทือน แล้วเมื่อเธอดึงมือออก มันก็มีธงชาตินานาประเทศร้อยเรียงเข้าด้วยกันเป็นแถวออกมา
“แล้วแกเป็นใครน่ะ?”
มาริกะ ฟุคุโรอิถามคำถามที่ทุกคนคิดอยู่นอกจากตัวของตัวตลกเองออกมา ตัวตลกนั้นเอียงหัว จากนั้นเธอก็กระโดดขึ้นจากรั้วด้วยการเตะเบาๆแล้วก็บินขึ้นไปในอากาศ เธอเตะกำแพงของสิ่งก่อสร้างที่อยู่ข้างๆ และใช้แรงนั้นทำการหมุนตัวครึ่งรอบเพื่อไปเตะป้ายไฟของร้านเซ็กส์ช็อปจนทำให้ป้ายไฟนั้นมืดลงชั่วขณะ แล้วก็เอามือของตัวเองวางลงบนราวเหล็กของสิ่งก่อสร้าง
ไม่ใช่แค่ชุดเท่านั้น แต่การเคลื่อนไหวของเธอก็ดูเหมือนตัวตลกด้วย ในตอนที่กระโดดไปมารอบๆนั้นเธอก็แสดงท่าทางโง่ๆอย่างการกางแขนออกแล้วก็ยักไหล่ออกมาด้วย เธอเคลื่อนไหวไปรอบๆราวกับเป็นการเต้นรำพร้อมกับดวงดาวที่ลอยอยู่บนฟากฟ้าอย่างเรือนลางก็กลายเป็นฉากหลังของเธอ
ตัวตลกนั้นหันหน้าเข้ามาหาพวกเธอ จากนั้นก็ชูนิ้วชี้มือขวาขึ้นมาแล้วก็ชี้ไปด้านหลัง จากนั้นเธอก็กระโดดเบาๆแล้ววิ่งออกไป
“เฮ้ แก! เดี๋ยวสิ!” มาริกะ ฟุคุโรอิตะโกนไล่หลังไป แต่อีกฝ่ายนั้นก็ไม่ได้หยุดวิ่งแล้วก็ทิ้งห่างออกไปในพริบตาเดียว มาริกะจึงวิ่งตามไป มิมิเองก็ตามเธอไปพร้อมพูดว่า “อย่าสร้างปัญหาเพิ่มสิยะ!” สโนไวท์เองก็ตามเธอไปเช่นกัน เมจิคัลเกิร์ลสี่คนกำลังวิ่งไปทั่ว ณ บริเวณใจกลางเมือง
ตอนนี้สโนไวท์กลับมาเป็นตัวเธอตามปกติแล้ว กลับมาเป็นคนที่กล้าหาญ ไร้เสน่ห์ และไม่เคยสั่นกลัวไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอจัดการทุกสิ่งทุกอย่างที่มีพฤติกรรมต่อต้านแม้มันจะเป็นเรื่องบ้าบิ่นก็ตาม
—ทำไมสโนไวท์ถึงไม่สบอารมณ์กันล่ะ?
“นี่ เธอดูเป็นยังไงเหรอ ปอน?”
“หมายความว่ายังไง?”
“เราไม่มีข้อมูลของเธอเลย ปอน ไม่รู้ว่าเธอกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลเมื่อไม่นานมานี้ หรือไม่ก็…”
ฟาลนึกความเป็นไปได้อย่างหนึ่งออกมา หากเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ไม่มีอยู่ในฐานข้อมูล แถมเธอยังเคลื่อนไหวเหมือนกับมืออาชีพ แล้วเธอเป็นเมจิคัลเกิร์ลแบบไหนกันนะ?
“ถ้าหากเธอเป็นเมจิคัลเกิร์ลประเภทที่ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนกับสาธารณะได้ล่ะ ปอน?”
เห็นได้ชัดว่ามันมีเมจิคัลเกิร์ลที่อยู่ในเมือง B ที่ชื่อว่าเรนโปวที่ถูกปั้นให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานสกปรกอยู่ หากเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ไม่ได้อยู่ในบันทึกอย่างเป็นทางการก็สามารถกลมกลืนไปกับเงามืดได้ ฟาลคิดว่าตัวตลกอาจจะเป็นแบบนั้น แต่ว่า…
“ฉันไม่คิดแบบนั้น”
สโนไวท์ปฎิเสธความคิดนั้นทันที
“หือ? จริงเหรอ ปอน? เราคิดว่าเราพูดตรงจุดแล้วนะ”
“เด็กสาวคนนั้นไม่มีความรู้สึกผิด”
“…เอ๊ะ”
เวทมนตร์ของสโนไวท์คือ “ได้ยินความคิดของคนที่ต้องการ” เธอบอกว่าเธอไม่ได้แค่ได้ยินเสียงคนที่กำลังเดือนร้อนเท่านั้น เธอยังรับรู้ถึงสิ่งที่จิตใต้สำนึกบอกอย่างเช่น ฉันอยากทำอย่างนี้ (แต่ถ้ามันเกินขึ้นล่ะก็ฉันต้องมีปัญหาแน่)
สโนไวท์อาจจะใช้เวทมนตร์ตอนที่เธอยกมือขึ้นเข้าไปหามาริกะ ฟุคุโรอิเพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่ได้มีความตั้งใจจะต่อสู้ สำหรับมาริกะ ฟุคุโรอิแล้ว การถูกปฎิเสธเรื่องการต่อสู้มันคงทำให้เธอมีปัญหายิ่งกว่าการต่อสู้แน่ แม้กระทั่งฟาลที่อ่านใจไม่ได้ก็ยังสามารถบอกเรื่องนี้ได้
“ได้ยินความคิดของเธอด้วยเหรอ ปอน?”
“เธอไม่ใช่เด็กเลวอะไรหรอก แต่มันมีบางสิ่งบางอย่างที่แปลกๆ เธอใสซื่อเกินไปด้วยซ้ำ”
“… หมายความว่ายังไงเหรอ ปอน?”
“ฉันไม่รู้หรอกนะ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินอะไรแบบนี้ด้วย เธอมีเป้าหมายอยู่ แต่ฉันไม่รู้สึกว่าเธอกระตือรือร้นที่จะทำมันเลย”
☆ ปริซึม เชอร์รี่
“เพราะดินสอของเควคเอาไว้ใช้วาดรูปนี่นะ” ดีลูจพูด
“พอพูดแบบนั้นมันก็ทำให้ชั้นนึกถึง” อินเฟอร์โนพูดเสริม “แล้วเรื่องรูปวาดที่จะให้ชั้นดูล่ะ เป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ตั้งแต่แรกมันก็ไม่มีอะไรอยู่แล้ว” เควคตอบ
“หือ? ภาพอะไรเหรอ?”
“ไม่เอาน่า อย่าพูดแบบนั้นสิ”
ที่กั้นเปิดออกและทุกคนก็มองไปทางนั้น มีเพียงเท็มเพรสคนเดียวเท่านั้นที่จะเข้ามาได้ในตอนนี้ แต่มันก็เร็วเกินไปที่เธอจะกลับมา
“แย่แล้ว! แย่แล้ว! แย่สุดๆเลย!”
เธอกลับมาพร้อมกับความตื่นตระหนก เธอออกไปเพราะว่าไส้ดินสอกดหมด ดังนั้นเธอจึงต้องกลับบ้านเพื่อไปเอามา แต่ในตอนนี้เธอกลับมาพร้อมกับความตื่นตระหนกด้วยเหตุผลบางอย่าง
แม้ปรินเซสเท็มเพรสจะอ้างว่าตัวเองนั้นเร็วที่สุดในหมู่ของเพียวเอเลเมนท์ แต่มันก็เร็วเกินไปที่เธอจะกลับมา และเธอออกไปโดยที่จะไปเอาไส้ดินสอกดเท่านั้น แต่เธอก็กลับมาพร้อมกับความตื่นตระหนกและพูดว่า “แย่มาก! แย่สุดๆเลย!” แถมเหมือนว่าเธอรอให้ที่กั้นห้องประชุมเปิดออกไม่ได้อีกด้วย เพราะเธอใช้ไหล่ดันประตูเข้ามา
“ทำไมเธอรีบแบบนี้ล่ะ?” ปรินเซสดีลูจที่กำลังคุยเรื่องความเร็วในการอ่านมังงะกับอินเฟอร์โนพูดขึ้นมาพร้อมกับเอียงหัว
อินเฟอร์โนเองก็เงยหน้าขึ้นจากนิตยสารมังงะแล้วหันไปหาเท็มเพรส “มีอะไรเหรอ?”
“แบบนี้มันหายนะแล้ว! แย่ของแย่สุดๆเลย!”
จากนั้นเสียงกริ่งก็ดังขึ้นทั่วห้องจนทำให้หัวใจของปริซึม เชอร์รี่แทบจะเด้งออกมาจากหน้าอก เธอมองไปรอบๆเพราะสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น และก็เห็นว่าปรินเซสทั้งหลายนั้นลุกเข้ามาจากเก้าอี้อย่างรวดเร็วและมองดูจอมอนิเตอร์
หลังจากนั้นครู่หนึ่งปริซึม เชอร์รี่ก็มองตามพวกเธอไป เธอมองจอมอนิเตอร์ข้ามหัวไหล่ของเควค เธอมองเห็นทางเข้าของห้องวิจับ มันมีภาพของคนมากกว่าหนึ่งคนแสดงอยู่ที่นั่น
มันคือคือกลุ่มคนสองคน คนหนึ่งนั้นสวมผ้าคลุมที่ดูงดงาม ส่วนอีกคนหนึ่งถือร่มขนาดใหญ่
หัวใจของเธอเต้นแรงอีกครั้ง คนพวกนี้คือเมจิคัลเกิร์ล
“อื้อ! ศัตรูล่ะ! มีคนหนึ่งเหมือนกับตัวตลก คนนึงสวมผ้าคลุม อีกคนนึงมีร่มใหญ่ๆเข้ามาโจมตี! เรื่องจริงนะ! เราไม่ได้โกหกด้วย!”
“ใจเย็นก่อน เท็มเพรส ชั้นไม่ได้พูดว่าเธอโกหกนะ”
“ศัตรูเพิ่มขึ้นงั้นเหรอ?”
“พวกนั้นตามมาไม่เลิกสินะ”
“มันต่างกับก่อนหน้านี้ใช่ไหม?”
“คราวนี้ชั้นจะสู้”
“คิดจะเอาเรื่องดีๆไปหมดคนเดียวงั้นเหรอ อินเฟอร์โน”
“ครั้งที่แล้วเธอก็เอาเรื่องดีๆไปหมดเลยนะ เท็มเพรส”
“ผู้หญิงต้องมาก่อนสิ”
“แต่พวกเราก็เป็นผู้หญิงกันทุกคนนะ”
เหล่าปรินเซสนั้นพูดออกมาอย่างสบายๆ แต่ท่าทางของพวกเธอนั้นตึงเครียดและตื่นตัวอยู่ตลอด
ปริซึม เชอร์รี่กดลงไปที่หน้าอกตตรงหัวใจของเธอ เมื่อคิดถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นแล้วมันก็ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด เธอเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองต้องทำ เธอตัดสินใจแล้ว ปริซึม เชอร์รี่คือหนึ่งในสมาชิกของเพียวเอเลเมนท์ และสิ่งที่เธอต้องทำคือปกป้องพวกเธอเอาไว้
☆ ฟาล
การตามตัวตลกไปนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ทั้งมาริกะ ฟุคุโรอิและสไตล์เลอร์ มิมิเองก็ไม่ได้เข้ามาแทรกแซงแถมตัวตลกก็ไม่ได้โจมตีเข้ามาด้วย เธอรักษาระยะห่างเท่านี้เอาไว้ในตอนที่วิ่งไปบนดาดฟ้า ความจริงแล้วตัวตลกนั้นหันกลับมามองอยู่เรื่อยๆด้วยความสงสัยว่าใครกำลังตามหลังมา
“พวกเราจะทำยังไงดี ปอน?”
“ตอนนี้ก็ตามเธอไปก่อน”
มาริกะ ฟุคุโรอิและสไตล์เลอร์ มิมิคุยบางอย่างกันในตอนที่วิ่งอยู่ ท่าทางของสไตล์เลอร์ มิมิดูเคร่งขรึม ในขณะที่มาริกะ ฟุคุโรอิมีสีหน้ายิ้มแย้ม
จากนั้นสไตล์เลอร์ มิมิก็เข้ามาหาสโนไวท์ ท่าทางที่ดูรุนแรงตอนที่คุยกับมาริกะ ฟุคุโรอิหายไปแล้ว ในตอนนี้ท่าทางของเธอดูเป็นเชิงขอโทษแทน
“เอ่อ สโนไวท์…ฉันเรียกเธอแบบนี้ได้ใช่ไหม?”
สโนไวท์ผยักหน้าในตอนที่วิ่งอยู่
“ที่เธอมาที่เมืองนี้เนี่ยเป็นเพราะได้อีเมลที่น่าสงสัยด้วยรึเปล่า?”
เธอพูดคำว่า “ด้วย” ออกมา อีกแง่หนึ่งคือเธอยอมรับว่าตัวเองก็ได้เช่นกัน
“เธอก็เหมือนกันเหรอ สไตล์เลอร์ มิมิ?”
“อ่า ฉันน่ะเป็นเหมือนตัวแถม จะพูดว่าเป็นผู้ดูแลก็ได้ แล้วฉันก็ถูกบังคับให้มาด้วย ถ้าพูดว่าเป็นเหยื่อที่โดนลักพาตัวมาก็คงไม่เกินไป แต่มันก็เห็นได้ชัดว่าเลยล่ะว่าทุกอย่างมันเริ่มจากการได้รับอีเมลที่น่าสงสัยที่ยัยบ้าตรงนั้นได้รับ”
เธอเชิดคางขึ้นเพื่อระบุตัวจองมาริกะ ฟุคุโรอิ คนที่กำลังวิ่งอยู่พร้อมกับยิ้มออกมา
“แถมเธอยังพูดเรื่องไร้สาระกับฉันออกมาอีกว่า หากมาที่นี่ล่ะก็จะได้เจอคนที่แข็งแกร่งดังนั้นไปสู้กันดีกว่าด้วย”
สไตล์เลอร์ มิมินั้นพยายามจะเลี่ยงความรับผิดชอบแล้วก็โยนความผิดให้กับคนอื่น ความจริงแล้วเป็นอะไรที่น่ายินดี เพราะคนที่มีเป้าหมายว่าเอาตัวเองให้รอดนั้นควบคุมได้ง่าย ต่างจากคนที่มุทะลุที่ไม่สนว่าตัวเองจะทำลายสิ่งต่างๆไปมากเท่าไหร่
แล้วตัวตลกที่วิ่งนำอยู่ข้างหน้าไปสิบเมตรนี่เป็นประเภทไหนกันนะ? แม้ว่าพวกเธอจะวิ่งไปพูดไปแถมไม่ได้พยายามในการไล่ตามมากมายอะไร แต่ตัวตลกนั้นก็ไม่ได้ทิ้งพวกเธอเอาไว้ข้างหลัง นั่นก็คือตัวตลกตั้งใจให้พวกเธอไล่ตามไป
“สโนไวท์ เหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังหลอกล่อเราไปที่ไหนซักแห่งนะ ปอน”
“คงจะเป็นแบบนั้น เธอคิดว่าตัวเองจะมีปัญหาแน่หากพวกเราไม่ตามไปด้วย”
“แบบนั้นมันไม่แย่เหรอ ปอน? มันคงไม่ตลกเลยหากพวกเราตามไปอย่างไม่ระวังแล้วปรากฎว่ามันกลายเป็นกับดักน่ะ ปอน”
“ฉันคงจะมีปัญหา ถ้ากับดักมันไม่ใช่…”
ในตอนนั้นส้นรองเท้าของตัวตลกก็ไปโดนกับป้ายไฟจนเกิดการแตก แล้วสโนไวท์ก็ใช้มือขวาของเธอปัดชิ้นส่วนที่แตกออกไป ตัวตลกนั้นหันร่างกายท่อนบนกลับมาหาพวกเธอแล้วก็ก้มหน้า
“…ไม่ใช่สิ่งที่เธอคิด”
“แต่ว่า”
เสียงแจ้งเตือนของฟาลดังขึ้น มันมีเมจิคัลเกิร์ลหลายคนเข้ามา หรืออาจจะไม่ได้เข้ามาแต่เป็นตัวตลกที่วิ่งเข้าไปหา
“สโนไวท์! มีเมจิคัลเกิร์ลหลายคนอยู่ตรงที่ที่เธอมุ่งหน้าไปล่ะ ปอน!”
สไตล์เลอร์ มิมิส่งเสียงครวญครางอย่างไม่พอใจออกมา ในขณะที่มาริกะ ฟุคุโรอิตะโกนออกมาอย่างดีใจว่า “วู้ววววฮู้ววววว” สโนไวท์ไม่ได้ตกอกตกใจอะไร เท้าของเธอยังคงไล่ตามตัวตลกต่อไป
ฟาลขยายระยะค้นหาศัตรูออกไปให้กว้างที่สุดในรัศมีสองร้อยเมตร ด้วยความเร็วในการวิ่ง ไม่ว่าจะอยู่บนดาดฟ้าหรือยืนอยู่ที่พื้น เมจิคัลเกิร์ลก็จะไม่สามารถเคลื่อนที่ในระยะสองร้อยเมตรในทันทีได้
ก่อนที่ฟาลจะพยายามหยุดตัวตลกอย่างจริงจังนั้น ตัวตลกก็กระโดดลงมาจากสิ่งก่อสร้างลงมาบนดาดฟ้าของอะไรซักอย่างที่ดูคล้ายโรงงาน จากนั้นก็เข้าไปด้านในผ่านหน้าต่างที่แตก
ป้ายชื่อของสิ่งก่อสร้างนั้นเต็มไปด้วยสนิมสีแดง จึงทำให้สิ่งที่เขียนอยู่อ่านไม่ออกอีกต่อไป แผ่นเหล็กทั้งหมดเองก็เต็มไปด้วยสนิมแถมยังเสื่อมสภาพแล้ว
บางทีอาจะเป็นเพราะแรงบันดาลใจที่เป็นตัวตลก จึงทำให้เธอมีความคล่องตัวและสัมผัสกับพื้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ สำหรับคนที่ขาดความคล่องตัวแล้ว แผ่นเหล็กที่อยู่บนดาดฟ้าคงบอบบางเกินไปและยังไม่มีแรงมากพอที่จะจับคนที่ลงมาจากที่สูงอีกด้วย
คนที่ตามหลังตัวตลกมานั้นคือ สโนไวท์ มาริกะ ฟุคุโรอิ แล้วก็สไตล์เลอร์ มิมิ พวกเธอไม่ได้พยายามเข้าไปผ่านทางหน้าต่างที่พัง แต่พวกเธอทำลายแผ่นเหล็กแล้วก็เข้าไปในสิ่งก่อสร้างตรงๆ
มันเป็นอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด แต่ก็ไม่ได้มากพอที่จะทำให้ไซเบอร์แฟร์รี่ตกใจ
เมจิคัลเกิร์ลที่ชำนาญการต่อสู้นั้นจะแข็งแกร่งยิ่งกว่ารถถังและว่องไวยิ่งกว่าแมว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องห่วงสโนไวท์จากการกระโดดลงมาจากสิ่งก่อสร้างผ่านทางหลังคา และถ้าทักษะการต่อสู้ของมาริกะ ฟุคุโรอิกับสไตล์เลอร์ มิมิ เป็นไปตามข่าวลือแม้เพียงครึ่งหนึ่ง พวกเธอก็จัดการเรื่องนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา
ฟาลนั้นมีเรื่องอื่นที่ต้องกังวล ม่านฝุ่นสีแดงลอยอยู่ในอากาศบดบังการมองเห็นของพวกเธอ ฟาลจึงลดรัศมีการค้นหาศัตรูเหลือห้าสิบเมตร ในตอนนี้ฟาลสามารถตรวจจับตำแหน่งของเมจิคัลเกิร์ลได้อย่างแม่นยำและมีขอบเขตความผิดพลาดไม่กี่เซ็นติเมตร
นอกจากจะใช้เวทมนตร์บางประเภท ในตอนนี้คู่ต่อสู้เองก็มองไม่เห็นด้วยเช่นกัน ดังนั้นถ้าฝ่ายเธอจับตำแหน่งของอีกฝ่ายได้มันก็จะได้เปรียบมาก
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ฟาลก็ตระหนักขึ้นมา ในการที่จะบอกตำแหน่งของศัตรูกับสโนไวท์ ฟาลต้องพูดออกมาเสียงดัง แต่เสียงสังเคราะห์ที่แหลมสูงของฟาลก็จะทำให้ศัตรูรู้ตำแหน่งของสโนไวท์เช่นกัน
“ใจเย็นก่อน ฟาล”
สโนไวท์พูดออกมาในขณะที่ม่านฝุ่นสีแดงยังคงลอยอยู่ทั่ว
หลังจากที่ลักเลว่าควรจะพูดออกมาดีไหมอยู่ครู่หนึ่งแล้ว ฟาลก็พูดตอบสโนไวท์
“… หมายความว่าไงเหรอ ปอน?”
“พวกเธอไม่ใช่ศัตรูตั้งแต่แรกแล้ว และนี่ก็ไม่ใช่กับดักด้วย”
ไม่ใช่ศัตรู อีกแง่หนึ่งมันหมายความว่าศัตรู… ไม่สิ อีกฝ่ายหนึ่งก็เห็นอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดเหมือนกันใช่ไหมนะ? ตำแหน่งในเรดาห์ของฟาลไม่ได้เปลี่ยนไป ตำแหน่งนั้นยังคงอยู่เหมือนเดิม เหมือนว่าอีกฝ่ายรอดูว่าสโนไวท์และคนอื่นจะทำอะไร
ในที่สุดม่านฝุ่นสีแดงก็จางหายไป สโนไวท์หรี่ตาลงแล้วก็ปิดปาก ท่าทางของเธอนั้นยังคงตั้งตรงแต่ก็ยังไม่ได้เอาอาวุธของเธอ รูลเลอร์ ออกมา เธอไม่ได้ระวังตัวเลย
มาริกะ ฟุคุโรอิกับสไตล์เลอร์ มิมิยืนเอาหลังชนกัน ไม่เหมือนกับสโนไวท์ พวกเธอนั้นระวังสิ่งรอบตัว ร่างกายและสายตาของพวกเธอบอกว่าพร้อมสู้ตลอดเวลา สไตล์เลอร์ มิมิตรียมกรรไกรแต่งผมพร้อมเอาไว้ในมือขวา ในขณะที่มือซ้ายของเธอจับคอเสื้อของมาริกะ ฟุคุโรอิเพื่อนกันไม่ให้เธอพุ่งเข้าไป มาริกะ ฟุคุโรอินั้นกุมมือสองข้างไว้ตรงหน้าอก
แม้ว่าตัวของพวกเธอจะเต็มไปด้วยฝุ่นเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้มีร่องรอยที่เหมือนการบาดเจ็บอะไร ฟาลรู้สึกโล่งอกที่ทั้งสองคนปลอดภัยตามที่คิด แต่เมื่อคิดใหม่อีกครั้ง ฟาลก็พบว่าตัวเองนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงพวกเธอเลย
และในตอนนี้พวกเธอก็มองเห็นเมจิคัลเกิร์ลที่อยู่ที่นี่ได้แล้ว
เมจิคัลเกิร์ลที่สวมผ้าคลุมที่ชวนให้นึกถึงปีกค้างคาว
เมจิคัลเกิร์ลที่สวมเสื้อกันฝนพร้อมกับถือร่มขนาดใหญ่ยืนในท่าป้องกันอยู่ด้านหน้า
ทั้งสองคนนั้นอยู่ในฐานข้อมูลของฟาล
คนที่มีปีกค้างคาวคือเลดี้พราว ส่วนคนที่ถือร่มขนาดใหญ่คืออัมเบรน ทั้งคู่มาจากกรมการต่างประเทศ พวกเธอนั้นรับผิดชอบงานที่ไม่อาจะเปิดเผยต่อสาธารณะได้ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งสองคนเก่งการต่อสู้
เมื่อรวมสโนไวท์ สไตล์เลอร์ มิมิ และมาริกะ ฟุคุโรอิเข้าไปแล้ว ทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็คือมืออาชีพเรื่องการสร้างความรุนแรง
มันมีคนรวมตัวอยู่กันที่นี่หลายคน ทำไมพวกเธอถึงมารวมตัวกันที่นี่ตั้งแต่แรกนะ? คนอื่นมีเป้าหมายเหมือนสโนไวท์รึเปล่า? สโนไวท์บอกว่านี่ไม่ใช่กับดักและพวกเธอไม่ใช่ศัตรูด้วย แล้วแบบนั้นพวกเธอจะทำอะไรกันล่ะ?
ฟาลรู้สึกลังเล โดยปกติในเวลาแบบนี้การบอกชื่อคู่ต่อสู้ เวทมนตร์ และสังกัดออกมากับคนที่รู้จักจะดีที่สุด คนที่ถูกบอกว่ารู้ทุกอย่างแล้วนั้น ปกติแล้วจะไม่สู้กลับ เว้นแต่เป็นพวกพิลึกแบบมาริกะ ฟุคุโรอิ
แต่การทำแบบนั้นกับคนที่ไม่ใช่ศัตรูมันจะดูกลายเป็นว่าไม่ชอบหน้ากันแล้วจะส่งผลเป็นตรงกันข้าม ถ้าฟาลผลักภาระให้สโนไวท์ด้วยการดึงเอาบางคนเข้าไปสู่การต่อสู้ที่ไม่จำเป็น กรณีเลวร้ายที่สุดมันก็อาจกลายเป็นอันตรายกับตัวสโนไวท์ และมันคือสิ่งที่ฟาลทนไม่ได้
ฟาลอยากคุยกับสโนไวท์ แต่มันก็ยากเช่นกัน หากฟาลพูดออกมา มันก็จะทำให้รู้ว่ามีมาสค็อทอยู่ที่นี่ด้วย
ถ้าเมจิคัลเกิร์ลที่รวมตัวกัน ณ ที่แห่งนี้ล้วนมีส่วนร่วมในเรื่องที่ทำให้เป็นทางการไม่ได้ล่ะก็ มันคงแย่หากรู้ว่ามีมาสค็อทที่เป็นสิ่งบ่งชี้ของความเป็นทางการอยู่ที่นี่ พวกเธออาจจะพยายามปิดปากฟาลทันทีเพื่อไม่ให้พูดเรื่องผิดกฎหมายออกมาก็ได้
ฟาลลังเล ในขณะที่สไตล์เลอร์ มิมิดึงมาริกะ ฟุคุโรอิเพื่อห้ามเอาไว้ เมจิคัลเกิร์ลคนอื่นเองก็ไม่ได้ขยับ พวกเธอมองกันและกันเพื่อสำรวจอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ
ฟาลได้ยินเสียงดังมาจากเพดาน ทุกคนนั้นหันหน้าขึ้นไปมองแต่ก็ยังคงระวังสิ่งรอบตัวอยู่ เรดาห์ของฟาลตรวจพบเมจิคัลเกิร์ล ตัวตลกนั้นกำลังนั่งอยู่บนคาน จากนั้นเธอก็โบกมือก่อนที่จะกระโดดลงมา
ในมือขวาของเธอนั้นถือลูกโป่งจำนวนมากเอาไว้กับเส้นเชือก เพราะการลอยตัวของลูกโป่งมันจึงทำให้เธอดูเหมือนกับลอยลงมาด้านล่างอย่างช้าๆ จากนั้นเธอก็จับลูกโป่งด้วยมืออีกข้างหนึ่งแล้วใส่มันเข้าไปในชุดอย่างนุ่มนวล จนมันหายไปโดยไม่สนจำนวนของลูกโป่งที่มีอยู่เลย
ในตอนที่เดินด้วยท่าทางโง่ๆนั้น เธอก็เดินเข้ามาหาสโนไวท์แล้วจับมือเอาไว้ ฟาลนั้นตกใจมากและตะโกนออกมาโดยไม่ทันคิดว่า “เฮ้!” และเมื่อเมจิคัลเกิร์ลทุกคนที่อยู่รอบๆได้ยินแบบนั้นก็ตั้งท่าต่อสู้พร้อมกัน
แต่สโนไวท์ก็ไม่ได้ตกใจอะไร และตัวตลกนั้นยังคงทำท่าทางตลกๆของเธอต่อไป ตัวตลกนั้นจับมือของสโนไวท์อย่างแน่นๆ เขย่าขึ้นและลง จากนั้นก็โอบกอดรอบไหล่ของสโนไวท์
จากนั้นเธอก็เข้าไปหาสไตล์เลอร์ มิมิโดยที่ไม่ได้สนใจสีหน้า แล้วก็จับมือที่ยังคงถือกรรไกรแต่งผมแล้วเขย่าขึ้นลง จากนั้นก็โอบกอดรอบไหล่เช่นกัน
เธอพยายามเข้าหามาริกะ ฟุคุโรอิด้วยเช่นกัน แต่มันดูเหมือนว่าถ้าสัมผัสไปโดนตัวล่ะก็จะถูกกัด เธอจึงสะดุดด้วยความประหม่า จากนั้นเธอก็ยักไหล่ออกมา
ตัวตลกนั้นดึงไพ่ออกมาจากแขนเสื้อแล้วก็เริ่มเล่นกล เธอโยนไพ่ขึ้นแล้วก็ส่งมันให้เมจิคัลเกิร์ล
ฟาลดูไพ่ที่สโนไวท์ได้จากด้านข้าง มันคือนามบัตรที่ดูเรียบง่ายมาก มันเขียนเอาไว้ว่า “รับทำทุกคำขอ สตันชิคกะ” ส่วนที่อยู่ เบอร์ติดต่อ และอื่นๆนั้นไม่มีเขียนอยู่เลย
เลดี้พราวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ราวกับตั้งใจอยากให้ทุกคนได้ยิน
“เธอคือสตันชิคกะงั้นเหรอ?”
ตัวตลกนั้นพยักหน้ารับพร้อมกับท่าทางที่เกินจริง
“เธอจะบอกว่าสามคนนี้คือเพื่อนของเธองั้นสิ?”
ตัวตลกนั้นยกกำปั้นพร้อมกับชูนิ้วโป้งขึ้นมา ฟาลรู้สึกได้ว่าบรรยากาศที่ตึงเครียดหายไปในทันที มาริกะ ฟุคุโรอิเดาะลิ้นอย่างไม่พอใจ ในขณะที่สไตล์เลอร์ มิมิดุเธออย่างเงียบๆว่า “เฮ้”
☆ ปรินเซสเควค
ในตอนที่พวกเธอได้เห็นสถานที่นี้เป็นครั้งแรก คนที่ตื่นเต้นที่สุดในหมู่พวกเธอก็คือปรินเซสอินเฟอร์โน รองลงมาก็คือปรินเซสเท็มเพรส คำพูดแบบว่า “ฐานลับ” “ที่ซ่อน” แล้วก็ “สถานที่ใต้ดิน” มันทำให้พวกเธอที่ยังเป็นเด็กรู้สึกตื่นเต้น เท็มเพรสนั้นยังเด็กมาก ส่วนอินเฟอร์โนที่แม้จะอยู่มัธยมปลายแล้วแต่ก็ยังคงมีจิตวิญญาณความเป็นเด็กอยู่ ที่แห่งนี้สำหรับพวกเธอคงมีเสน่ห์อย่างเหลือเชื่อแน่
และมันก็เป็นสถานที่ที่น่าสนใจจริงๆ ที่นี่มีห้องฝึกซ้อมห้าห้องและแต่ละห้องนั้นสร้างขึ้นเพื่อเติมเต็มเป้าหมายบางอย่าง แต่ละห้องเองก็มีการตั้งค่าเฉพาะตัว จึงทำให้พวกเธอสามารถฝึกฝนได้ในสถานการณ์ที่หลากหลาย จากในห้องประชุมนั้นก็สามารถสังเกตเห็นรายละเอียดที่เกิดขึนในห้องฝึกซ้อมได้ด้วย
มันไม่เหมือนกับตอนประถม มัธยมต้น แล้วก็มัธยมปลาย เมื่ออยู่ในมหาลัยแล้วชีวิตนั้นจะมีช่วงเวลาที่ยืดหยุ่น เมื่อใดก็ตามที่ปรินเซสเควค หรือจิโกะ ซาโต้นั้นมีเวลา เธอก็จะมาที่ห้องวิจัยในช่วงบ่ายโดยที่ไม่ได้มีเป้าหมายอะไรในใจ เพียงแค่เดินไปรอบๆห้องฝึกซ้อม เดินไปตามทางเดิน แล้วก็วาดรูปที่ห้องประชุม
เมจิคัลเกิร์ล เวทมนตร์ มันเป็นของจริง มันไม่ใช่โลกแฟนตาซีหรือเรื่องแต่ง สิ่งเหล่านี้มันมีอยู่จริง และตัวเธอก็กลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ส่วนหนึ่งของมันแล้ว
ตามทางเดินและกำแพงของฐานมันดูเป็นอะไรที่ไม่เข้ากับเมจิคัลเกิร์ลเลย หญิงชราที่นำทางเธอมาที่นี่ เธอเรียกตัวเองว่า ศาสตราจารย์ทานากะ และเรียกที่แห่งนี้ว่าห้องวิจัย เธอบอกว่ามันถูกสร้างขึ้นเพื่อฝึกฝนเมจิคัลเกิร์ลเพื่อปกป้องโลกจากผู้รุกรานที่เรียกว่าดิสรัปเตอร์ และนำดิสรัปเตอร์ที่จับได้มาวิจัย
แต่เมื่อมองดูไปรอบๆแล้ว มันก็ไม่มีใครที่ดูเหมือนเหมือนนักวิจัยอยู่เลย เมื่อเควคพูดถึงเรื่องนั้นเธอก็ตอบกลับมาว่า “ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ข้อมูลนั้นจะถูกส่งไปยังนักวิจัยที่อยู่ด้านนอกห้องวิจัยน่ะ”
การที่ได้ยินว่าที่นี่ถูกเรียกว่าห้องวิจัยนั้น มันก็มีบรรยากาศที่ชวนให้เควคคิดแบบนั้นจริงๆ นอกเหนือจากห้องฝึกซ้อมอันหลากหลายที่เป็นสีขาวล้วนและไร้ซึ่งฝุ่นแล้ว เมื่อเทียบกับที่ที่จิโกะรู้จักมันก็ดูเหมือนโรงพยาบาลมาก
ที่แห่งนี้ไม่ได้ต้องการหรือไขว่คว้าในสิ่งที่ไม่ได้เป็นประโยชน์ มันเป็นอะไรที่เข้าใจได้ง่าย แม้จะเป็นหนทางที่ไม่น่ารื่นรมณ์ เย็นชา และขาดมนุษยธรรมก็ตาม ดังนั้นการรวบรวมเมจิคัลเกิร์ลที่แต่งกายฉูดฉาดบาดตาเพื่อปฎิบัติการเอาไว้ที่นี่นั้น ถ้าให้พูดแล้ว มันเป็นอะไรที่เหนือจริงสุดๆ
จิโกะ ซาโต้ไม่เคยใฝ่ฝันถึงเรื่องการรวมกลุ่มของสังคม แทนที่จะเป็นแบบนั้น เธอยึดมั่นในความเป็นจริงมากกว่า
และเมื่อกลายเป็นการรวมกลุ่มของผู้หญิง มันก็เป็นการบังคับให้เธอมองเข้าใกล้ความเป็นจริง แม้บางคนอย่างเพื่อน A กับตัวเอง ถ้ามีกันอยู่แค่สองคนอาจจะเป็นคู่หูที่ดีมาก แต่เมื่อรวมตัวเข้ากับ คนสาม สี่ ห้า สิบ ยี่สิบคนแล้ว ไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์จะเปลี่ยนไป แต่มีบางคนที่จะเปลี่ยนบุคลิกไปด้วย
มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหากมีชมรมหรืองานอดิเรกที่เกี่ยวข้องกับการพบปะหรืออะไรบางอย่าง เพราะมันสามารถพูดคุยในเรื่องที่ตัวเองสนใจได้อย่างเป็นกันเอง แต่ถ้าเป็นการบังคับมาให้รวมตัวกัน อย่างเรื่องห้องเรียนหรือคณะกรรมการล่ะก็ แบบนั้นมันก็จะไม่มีทางที่ความสามัคคีจะเกิดขึ้นมาได้ เพราะมันไม่ใช่การมารวมตัวกันตามความสมัครใจนั่นเอง
A กับ B อาจจะซุบซิบเรื่องของ C แล้วเมื่อ A ไม่ได้อยู่ในห้องเรียน B กับ C ก็จะคุยเรื่องแย่ๆของ A
จิโกะเห็นอะไรแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว
เธอรู้สึกประหลาดใจที่มีเรื่องเช่นนั้น แทนที่จะโกรธแต่กลับรู้สึกประทับใจ เธอเองก็คิดว่าบางทีตัวเองไม่มีความสามารถที่จะทำอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องแบบนั้นได้เลย
จิโกะคิดว่ามันคงเป็นเรื่องแดกดัน หากถูกบอกว่าเธอและเด็กสาวที่อายุน้อยกว่าสามคนที่มีอายุต่างกันจะกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ล ใช่ แถมมันไปได้ดีอีกด้วย เธอมาที่นี่เพื่อหาคำตอบที่ชัดเจนในเรื่องนั้น คิดว่าถ้ามันออกมาไม่ดี เธอก็แค่ออกมาแล้วก็สนุกสนานไปกับการวาดภาพของตัวเอง แต่มันกลับตรงข้ามกับที่เธอคิด แถมยังไปได้ดีอย่างน่าประหลาดใจ
ทั้งปรินเซสอินเฟอร์โนและปรินเซสเท็มเพรสนั้นเป็นคนที่เธอสามารถพูดออกได้ว่าไม่ใช่คนประเภทตีสองหน้า หากพวกเธอสนุกก็จะหัวเราะ หากพวกเธอเศร้าก็จะร้องไห้ และหากพวกเธอไม่ชอบอะไรซักอย่างก็จะพูดกันซึ่งหน้า ไม่มีแอบไปต่อว่าลับหลัง
ปรินเซสดีลูจเป็นคนประเภทที่คล้อยตามในสิ่งที่คนอื่นต้องการได้อย่างรวดเร็ว และมันก็ทำให้ความสัมพันธ์นั้นเป็นไปอย่างราบรื่น ทำให้ศาสตราจารย์ทานากะที่เป็นอาจารย์นั้นยิ้มแย้มอยู่ตลอด
แม้เธอจะประเมินตัวเองอย่างเข้มงวดว่า นี่ปรินเซสเควคใช้การได้รึเปล่านะ? เธอคิดว่าคำตอบนั้นคือใช่ เธอรู้สึกว่าตัวเองสามารถทำในสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ก่อนที่จะกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลด้วยเช่นกัน ตอนที่เรื่องสนุกๆอย่างเท็มเพรสพยายามบินเข้าประตู แล้วหัวเกิดไปโดนเพดานจนร่วงลงมาเกิดขึ้น จากนั้นอินเฟอร์โนก็ไปรับตัวเธอเอาไว้แต่พวกเธอก็ล้มกลิ้งไปด้วยกัน ถ้าเควคยังคงเป็นจิโกะ ซาโต้เธอก็คงหัวเราะไม่ออก
ตัวตนของเธอซับซ้อน และเมื่อมองดูคนอื่นๆก็ยังมีความอิจฉา
แต่ปรินเซสเควคนั้นต่างออกไป เธอนั้นเป็นห่วงอยู่เสมอ แต่เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายไม่เป็นอะไร เธอก็หัวเราะออกมา เธอรู้ว่าตัวเองนั้นดูน่ารักและน่าหลงไหล ทั้งสามคนเองก็เช่นกัน มันไม่มีอะไรให้ต้องอิจฉาริษยาเลย เธอไม่ได้ยืนมองอีกฝ่ายจากด้านล่างด้วยท่าทางดื้อดึง แต่เธอยืนอยู่ในระดับเดียวกัน ในตำแหน่งที่เท่าเทียมกัน ด้วยความเสมอภาคกัน
ปริซึม เชอร์รี่ที่เป็นสมาชิกใหม่ที่ปรินเซสดีลูจพามานั้นเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่น่ารัก ในฐานะสมาชิกคนที่ห้าของเพียวเอเลเมนท์ เธอจึงต้องมีท่าโพสที่เข้ากันกับพวกเธอ ดังนั้นพวกเธอก็เขียนชื่อท่าไม้ตายหลายๆชื่อที่คิดออกมาได้ลงไปบนไวท์บอร์ด แล้วก็คุยกันว่าจะเลือกเอาอันไหนดี ในช่วงชีวิตของจิโกะ เธอไม่เคยรู้สึกสนุกมากแบบนี้มาก่อนเลย
ในสมุดวาดภาพของเธอนั้น จิโกะยังคงวาดรูปเมจิคัลเกิร์ลที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสนุกสนานลงไปรูปแล้วรูปเล่า และก็มีรูปของปรินเซสเควคอยู่ในหมู่ของพวกเธอด้วย
ปรินเซสเควคยิ้มกว้างราวกับว่าเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในหมู่ของทุกคน
แต่ในทันใดนั้นก็มีผู้บุกรุกเข้ามาในสรวงสวรรค์ของปรินเซสเควค
มันไม่ใช่มีเมจิคัลเกิร์ลหนึ่งหรือสองคนที่เข้ามาในห้องวิจัย หนึ่งคนมีดอกไม้เบ่งบานอยู่บนหัว หนึ่งคนสวมชุดนักเรียนสีขาว หนึ่งคนมีร่มคันใหญ่ หนึ่งคนมีผ้าคลุม และหนึ่งคนที่เป็นตัวตลก พวกนั้นมีความหลากหลายมาก ไม่ได้ดูคล้ายกันเหมือนกับเพียวเอเลเมนท์เลย
อินเฟอร์โนกับเท็มเพรสดูงุนงง ราวกับสงสัยว่าทำไมถึงมีมากขนาดนั้น ดีลูจถามเควคด้วยใบหน้าที่กังวลว่า “พวกเราควรจะทำยังไงดี?” และเควคก็หันไปมองปริซึม เชอร์รี่ ใบหน้าของเชอร์รี่นั้นว่างเปล่า และจ้องมองจอมอนิเตอร์พร้อมกับตัวสั่น
ปริซึม เชอร์รี่แนะนำตัวเองว่าเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ทำงานอยู่ในเขตอื่น เมจิคัลเกิร์ลที่อยู่บนจอมอนิเตอร์นั้นคงมาจากเขตอื่นเหมือนกัน
“ตอนนี้ก็ต้องติดต่อกันก่อน”
ก่อนอื่นเควคนั้นเสนอความเห็นของเธอออกมา บางทีอาจเป็นเพราะอายุจริงของเธอนั้นมากที่สุด เควคจึงต้องรับบทของผู้นำ แต่เรื่องความอาวุโสนี่มันมีอยู่ในโลกของเมจิคัลเกิร์ลด้วยงั้นเหรอ? ดินแดนแห่งความฝันและแฟนตาซีนี่มันช่างสมจริงไปหน่อยนะ
“แล้วพวกเราจะทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะ?”
“พวกเราจะไปหาอีกฝ่ายแล้วถามว่ามีเป้าหมายอะไร เพราะมันไม่ควรมีใครเข้ามาในพื้นที่แห่งนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต สิ่งที่อีกฝ่ายทำน่ะคือการบุกรุกเข้ามาอย่างผิดกฏหมาย ชั้นคิดว่าการบอกอีกฝ่ายไปว่าพื้นที่นี้ห้ามเข้าไปจะดีกว่า”
“เอาจริงดิ?” อินเฟอร์โนพูด “บุกรุกเข้ามาอย่างผิดกฏหมายเหรอ?”
“อาจารย์เองก็บอกว่าเรื่องแบบนั้นมันไม่ดี แม่ของเราก็พูดแบบนั้นด้วย”
ที่แห่งนี้คือสรวงสวรรค์ของเควค เธอจะไม่ยอมให้ใครมาทำลายหรือขโมยมันไปแน่
เธอดึงแผนที่ของห้องวิจัยขึ้นมาในใจ เมื่อเข้ามาจากทางเข้าแล้วเดินมาตามทางเดินมันก็จะมีทางแยกสองทาง ทางขวาจะมีห้องฝึกซ้อมสองห้อง ห้องฝึกซ้อมที่หนึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้ และอีกห้องฝึกซ้อมที่สองเต็มไปด้วยก้อนหิน และถ้าไปทางซ้ายก็จะมีห้องฝึกซ้อมที่สามที่เป็นทะเลทราย ไกลกว่านั้นอีกหน่อยคือห้องฝึกซ้อมที่สี่ที่เป็นพื้นที่น้ำ หากเดินผ่านห้องฝึกซ้อมที่หนึ่งและสี่จะมาถึงห้องประชุมได้ ทั้งหมดนั้นถูกสร้างขึ้นเป็นวงกลมอย่างสมบูรณ์แบบ
หากผู้บุกรุกเข้ามาทางประตู มันก็หมายความว่าเพียวเอเลเมนท์ต้องป้องกันทั้งสองทางเอาไว้ หากศัตรูมาถึงห้องประชุมได้ในขณะที่พวกเธอป้องกันด้านใดด้านหนึ่งเอาไว้ ใครจะรู้ล่ะว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น?
“พวกเราควรจะใส่รหัสผ่านไว้ที่ทางเข้านะ”
“ใส่รหัสผ่านไว้จะมีปัญหาเปล่าๆ แถมการตั้งค่าต้องใช้เวลาอีก”
เควคยืนขึ้นแล้วก็พูดคำแนะนำออกมา
“ปริซึม เชอร์รี่รออยู่ที่ห้องประชุมนะ คอยจับตาดูจอมอนิเตอร์เอาไว้ และถ้าเห็นอะไรล่ะก็ติดต่อมาหาพวกเราด้วย โอเคไหม? อินเฟอร์โนกับเท็มเพรสจะไปทางตะวันตก ส่วนดีลูจกับชั้นจะไปยังทางเข้าทางตะวันออกเพื่อทำการติดต่อและถามว่าเป้าหมายคืออะไร ในตอนนี้พวกเรายังคงไม่รู้เป้าหมายของอีกฝ่าย ดังนั้นขอให้หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้มากเกินไป แล้วก็ปิดที่กั้นทุกที่เอาไว้ด้วย”
เธออยากติดต่อกับศาสตราจารย์ทานากะ แต่สัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ไม่สามารถส่งออกไปจากใต้ดินได้เพื่อการรักษาความลับ ถ้าหากพวกเธอจะทำการติดต่อล่ะก็ มันคงจะเป็นตอนที่ออกไปได้อย่างปลอดภัยแล้ว
“ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง หากเกิดอะไรขึ้นล่ะก็ให้ถอย ตอนนี้ห้ามใช้ลักซ์ซูรี่โหมดด้วย”
เควคคิดว่านี่คือครั้งแรกที่เธอทำอะไรเหมือนกับผู้นำ มันทำให้เธอรู้สึกดีจริงๆ
☆ ฟาล
สโนไวท์นั้นเป็นที่เกรงกลัวในฐานะนักล่าเมจิคัลเกิร์ล หากมีเมจิคัลเกิร์ลชั่วร้ายอยู่ทางตะวันตกเธอก็จะรีบเข้าไปยับยั้ง และถ้ามีเมจิคัลเกิร์ลชั่วร้ายอยู่ทางตะวันออกเธอก็จะรีบเข้าไปจัดการ นักล่าเมจิคัลเกิร์ลไม่เคยปล่อยให้เมจิคัลเกิร์ลที่ชั่วร้ายไปไหนมาไหนได้ตามใจชอบ
ฟาลสงสัยว่าโดยทั่วไปแล้วสโนไวท์นั้นเกลียดเมจิคัลเกิร์ลรึเปล่า หรือจะรักเมจิคัลเกิร์ลกันนะ ฟาลเองก็ไม่รู้ มันรู้สึกไม่เหมือนว่าเธอมีบางสิ่งบางอย่างแบบคี๊ค หรือคลั่งการต่อสู้แบบแครนเบอร์รี่
ในเรื่องของตัวเอง สโนไวท์ปิดปากเงียบและไม่ได้พูดอะไรออกมา แม้กระทั่งริปเปิลที่เป็นคู่หูก็ยังไม่รู้ว่าสโนไวท์คิดอะไรอยู่ในใจ
โดยปกติแล้วสโนไวท์จะออกปฎิบัติการคนเดียว แต่มันก็ไม่ได้แปลกอะไรที่จะร่วมมือกับเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นเช่นนี้
เธอไม่ได้ค้านอะไรที่เลดี้พราวจะเป็นคนสั่งการ และยังคงมองสตันชิคกะที่เดินด้วยท่าทางแบบหุ่นยนต์อย่างตลกๆ สโนไวท์นั้นเป็นหมาป่าเดียวดายมาตลอด และตั้งแต่ที่ริปเปิลหายตัวไป เธอก็กลายเป็นคนที่โดดเดี่ยวไปอย่างสมบูรณ์ การได้เห็นสโนไวท์เข้ากันได้ดีพอสมควรกับการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มๆนี้ มันก็ทำให้ฟาลใจเย็นลงและรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
จากทางเดินลับพวกเธอก็ไต่ลงมาตามบันได มันเป็นชั้นใต้ดินกว้างประมานยี่สิบเมตร อย่างน้อยที่สุดมันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสร้างเอาไว้ใต้โรงงานด้วยเหตุผลที่ถูกกฎหมาย ยิ่งกว่านั้นในความลึกระดับนี้ มันไม่มีแสงอะไรเลย ไม่มีอะไรที่เหมือนสวิตช์และไม่มีอะไรแบบว่าไฟจะติดอย่างอัติโนมัติเช่นกัน ไกลออกไปด้านหน้าเพียงเล็กน้อยมันก็มืดสนิท มืดจนคนธรรมดามองไปข้างแค่นิดเดียวก็ไม่เห็น ที่แห่งนี้มันไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อให้คนธรรมดาใช้งานมาตั้งแต่แรกแล้ว
ปาร์ตี้ของเธอนั้นประกอบไปด้วยเมจิคัลเกิร์ลและมาสค็อท แม้จะไม่มีแสงพวกเธอไต่บันไดไปตามทางได้อย่าง
สบาย และเมื่อลงมาถึงด้านล่างก็มีประตูขนาดใหญ่ขวางเอาไว้ด้านหน้า แต่มันก็ส่งเสียงเหมือนกับเครื่องบดหินขนาดยักษ์แล้วก็เริ่มเลื่อนขึ้น เหมือนว่าจะเป็นประตูอัติโนมัติที่รับรู้น้ำหนักของร่างกาย
สโนไวท์มองดูฝ่ามือตัวเอง ถุงมือสีขาวของเธอนั้นไม่ได้สกปรก แม้จะไต่บันไดลงมามันก็ไม่มีฝุ่นหรือสนิมติดอยู่ มันไม่ได้เก่าหรือจะถูกบำรุงรักษากันนะ เหมือนกับประตูอัติโนมัติตรงนี้ มันเปิดออกและปิดลงอย่างนุ่มนวลซึ่งเห็นได้ชัดว่าถูกใช้เป็นประจำทุกๆวัน
ที่ทางเดินด้านหน้าประตูนั้นถูกแยกเป็นสองทาง ทั้งความกว้างและความสูงนั้นมีขนาดประมาณสามเมตรและสร้างมาจากวัตถุไม่ทราบชนิดที่ดูคล้ายเสื่อน้ำมัน สโนไวท์นั้นเอาส้นรองเท้าลงไปแตะสองสามครั้ง แต่ทางเดินนั้นก็ไม่ได้บุบ โค้ง หรือหักเลย มันสร้างมาเพื่อเมจิคัลเกิร์ลจริงๆ
“เอาล่ะ” เลดี้พราวพูด “แบ่งกันเป็นสองทีม ทีมนั้นเอาเป็นตามที่คุยกันแล้ว ทีม A จะไปทางขวา ส่วนทีม B จะไปทางซ้าย ติดต่อหากันด้วย”
“แบ่งกำลังต่อสู้นี่เป็นความคิดที่ดีเหรอ?” สไตล์เลอร์ มิมิถาม
“ถ้าเจอเรื่องอันตรายแล้วกลับมาทันทีก็คงไม่มีปัญหาหรอก”
เลดี้พราวกระแอมออกมาแล้วพูดต่อ
“ทางด้านขวาจะเป็นมาริกะ ฟุคุโรอิ สไตล์เลอร์ มิมิ แล้วก็สตันชิคกะ ส่วนด้านซ้ายคือดิฉัน อัมเบรน แล้วก็สโนไวท์”
มาริกะ ฟุคุโรอิบ่นว่า “ใครจะสนล่ะ รีบๆไปได้แล้ว” จากนั้นสไตล์เลอร์ มิมิก็ดุเธอ สตันชิคกะนั้นกำลังทรงตัวอยู่บนลูกบอลยักษ์แล้วก็เล่นกลโยนมีด อัมเบรนที่มองดูอยู่ด้านหลังของเลดี้พราวนั้นก็ตบมือออกมาเบาๆ
สโนไวท์ฟังแค่คำแนะนำเรื่องทิศทางเพียงอย่างเดียวอยู่ห่างๆ ฟาลลดเสียงของตัวเองให้เบาที่สุดแล้วคุยกับเธอ
“เราติดต่อด้านนอกไม่ได้เลย ปอน ต่ออินเตอร์เน็ทก็ไม่ได้เหมือนกัน ปอน”
“เพราะว่าพวกเราอยู่ใต้ดินเหรอ?”
“ไม่ ตั้งแต่พวกเราเข้ามาด้านในและประตูทางเข้าปิดลง ปอน”
เมื่อลงมาสู้ใต้ดินแล้ว ไม่ว่าจะพยายามซักกี่ครั้ง ฟาลก็ติดต่อกับด้านบนไม่ได้
“ฉันก็เหมือนกัน”
“หมายความว่าไงเหรอ?”
“ตั้งแต่ที่ประตูปิดลง ฉันก็ไม่ได้ยินเสียงจากภายนอกเลย”
แบบนี้ก็หมายความว่าเวทมนตร์เองก็ใช้การไม่ได้ด้วย
“พวกเราจะทำยังไงดี ปอน? ตอนนี้พวกเราควรจะออกไปไหม ปอน?”
สโนไวท์หันไปมองที่ทางเข้าราวกับว่าจะตอบคำถามของฟาล
“ถ้าออกไปได้แล้ว งั้นพวกเราจะทำอะไรล่ะ?”
“พวกเราจะทำอะไรงั้นเหรอ? ก็…”
ติดต่อหาใครบางคน อย่างเมจิคัลเกิร์ลที่คิดว่าเชื่อใจได้ หรือคนระดับสูงในหน่วยสืบสวน ไม่ก็คนสำคัญของดินแดนเวทมนตร์ ติดต่อหาคนพวกนั้น
อีเมลนั้นบอกว่าอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น หากทำแบบนั้นล่ะก็ความทรงจำจะถูกลบ แต่ฟาลนั้นก็ไม่รู้ว่าความจริงแล้วมันมีเวทมนตร์ร่ายเอาไว้ในอีเมลรึเปล่า เพราะท้ายที่สุดแล้วฟาลก็วิเคราะห์มันไม่ได้เลย หากเวทมนตร์นั้นอยู่เหนือกว่าความสามารถของฟาลที่จะวิเคราะห์ออกมาได้ แบบนั้นพวกเธอก็จะประมาทมันไม่ได้
สโนไวท์เริ่มเดินออกไปร่วมกับทีมที่อยู่ทางซ้าย
☆ ฟิรูรุ
กลุ่มของฟรีแลนซ์สามคน ฟิรูรุ อุตาคัทตะ และคาฟุเรียนั้นวิ่งอยู่ในเมืองภายใต้ความมืดมิด พวกเธอเริ่มจากบ้านร้างหลังแรก บ้านหลังนี้ตั้งอยู่เดียวๆห่างไกลจากย่านที่พักอาศัย บางทีมันอาจจะเอาไว้ใช้เก็บอุปกรณ์การเกษตร ฟิรูรุเปิดล็อคด้วยเข็มเย็บผ้า และเมื่อเข้าไปด้านในเธอก็ไอออกมาเพราะมันเต็มไปด้วยฝุ่น
“ดูแล้วไม่เห็นจะมีวี่แววของอะไรเข้ามาในบ้านหลายปีแล้วมั้งเนี่ย?” อุตาคัทตะสงสัย
“พื้นบ้านเองก็เสื่อมสภาพหมดแล้ว” คาฟุเรียพูด “เข้ามาด้านในมันอันตรายนะ ดูจากข้างนอกก็รู้แล้ว”
“ถ้ารู้แบบนั้นก็ควรบอกก่อนที่พวกเราจะเข้ามาสิ…” ฟิรูรุบ่นออกมา
“ฉันแค่ตกใจกับการที่เธอปลดล็อคน่ะ”
“เยี่ยมไปเลยใช่ไหมล่ะ?” อุตาคัทตะเห็นดวย “นี่เธอหากินด้วยการเป็นขโมยเพราะทักษะนี้ได้เลยนะ”
ฟิรูรุปัดฝุ่นแล้วเดินออกมาจากตัวบ้าน ชุดของเธอส่วนใหญ่แล้วเป็นสีขาวมันจึงมองเห็นความสกปรกได้ชัด แต่ชุดของอุตาคัทตะและคาฟุเรียส่วนใหญ่นั้นเป็นสีดำ แบบนั้นพวกเธอก็ควรรับงานที่ทำให้ตัวเองสกปรกไม่ใช่เหรอ? แต่เมื่อเธอถามแบบนั้นออกมา พวกเธอก็เอาแต่เลี่ยงเหมือนกับปลาไหล สุดท้ายแล้วฟิรูรุก็ต้องรับภาระอีกครั้ง
แต่อย่างน้อยเธอก็คิดว่าเมื่อจบเรื่องแล้วเธอก็จะได้เครดิทมากที่สุด จากนั้นพวกเธอก็มุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งที่สอง
ที่แห่งนี้คือโรงงานงานและมันก็ถูกล็อคเอาไว้เช่นกัน มันมีขนาดใหญ่กว่าบ้านร้างแห่งแรกมาก แถมยังถูกโซ่ขนาดใหญ่ตรึงเอาไว้อีก ดังนั้นฟิรูรุจึงรับหน้าที่เปิดมันอีกครั้ง
หวังว่าคราวนี้จะมีฝุ่นน้อยลงนะ ฟิรูรุคิดพร้อมกับพยายามปลดล็อคที่อยู่ในมือ แต่มือของอุตาคัทตะก็มาหยุดเธอเอาไว้
“เดี๋ยวก่อน”
“มีอะไรเหรอ?”
อุตาคัทตะนั่งลงไปและแหวกวัชพืชสูงๆที่ยังเปียกจากหยดน้ำค้างยามเย็นจนเห็นพื้นดิน มันเห็นชัดเลยว่ามีอะไรบางอย่างที่เหมือนรอยเท้าอยู่ตรงนั้น
“นี่มันรอยเท้าใช่ไหม?”
คาฟุเรียเองก็เข้าไปดูเช่นกัน จากนั้นไม่นานก็กลับออกมา
“จากรอยเท้าอย่างเดียว ฉันนับได้อย่างน้อยสามไม่ก็สี่รอยที่ต่างกันนะ คนนึงอาจสวมรองเท้าหนักๆ แล้วก็ยังมีคนสวมส้นสูงอีก ทุกรอยเท้านั้นเป็นรอยเท้าของผู้หญิงที่อายุไม่มาก พวกเธอคิดว่าผู้หญิงที่สวมส้นสูงมาทำอะไรที่โรงงานร้างกันล่ะ?”
“บางทีพวกคนเหลวไหลอาจจะมาที่นี่ก็ได้ แต่…มันน่าแปลกที่ไม่มีรอยเท้าของผู้ชายเลยซักคน รอยล้อยางของมอเตอร์ไซค์เองก็ด้วย มีแค่รอยเท้าของผู้หญิงอายุไม่มากอย่างเดียวใช่ไหม?”
“แบบนี้มันไม่ได้หมายความว่าพวกเราเจอเข้าแล้วงั้นเหรอ?” คาฟุเรียพูด
“แจ๊กพ็อตแตกหลังจากผ่านไปแค่สองที่เนี่ยโชคดีสุดๆ” อุตาคัทตะเห็นด้วย
ฟิรูรุรู้สึกประทับใจจนเกือบจะเป็นความทึ่ง ทักษะเรื่องการสังเกตและการสืบสวนของทั้งคู่นั้นดูเป็นมืออาชีพมาก เหมือนว่าในที่สุดเธอก็ได้เห็นแล้วว่าทั้งคู่ใช้ชีวิตในฐานะฟรีแลนซ์กันยังไง
เธอต้องแสดงให้เห็นว่าตัวเองมีประโยชน์ในเรื่องนี้เช่นกัน
เธอใช้เข็มเย็บผ้าสองอันแล้วก็เข็มหมุดสามอัน เธอแทงเข้าไปด้านในแล้วก็หมุนจนกระทั่งมีเสียงกริ๊กของล็อคดังขึ้นมาตามเข็บเย็บผ้าของเธอ มันเก่าจนเป็นสนิมก็จริงแต่ก็เปิดได้อย่างสมบูรณ์
ประตูเองก็ขึ้นสนิมด้วยเช่นกัน ถึงจะเป็นมนุษย์ที่แข็งแกร่งก็ยากที่จะเปิดด้วยตัวคนเดียวได้ มันไม่เพียงเป็นแค่ประตูโลหะขนาดใหญ่เท่านั้น แต่มันเต็มไปด้วยสนิมสีแดง สนิมสีแดงมันต้องร่วงลงมาตอนที่เธอเปิดประตูแน่ๆ สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องทำงานที่ทำให้ตัวเองสกปรกอีกครั้ง
“แหม”
“ตายจริง”
มีเมจิคัลเกิร์ลสองคนมาที่นี่ก่อนแล้ว
คนหนึ่งนั้นแต่งกายที่ชวนให้นึกถึงควีนออฟฮาร์ทจากอลิสในแดนมหัศจรรย์ ในขณะที่อีกคนหนึ่งทำให้นึกถึงทหารไพ่จากหนังสือเล่มเดียวกัน ควีนออฟฮาร์ทนั้นเอนกายอยู่บนบัลลังก์ของเธอ ในขณะที่ทหารไพ่อยู่ไม่เป็นสุขจนรู้สึกน่าเศร้า แถมยังมีน้ำตาคลออยู่ในดวงตาอีกด้วย
“สองคนนั่นใครเหรอ?”
“ไม่นึกเลยนะเนี่ยว่าจะมีคนอื่นมาก่อน”
อุตาคัทตะและคาฟุเรียพูดถึงคู่หูจากแดนมหัศจรรย์ ฟิรูรุเดินตามหลังพวกเธอไปแล้วก็ตรวจสอบสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบๆในตอนที่เข้าไปในโรงเรียน
สภาพด้านในนั้นเละเทะมาก
แต่ทุกอย่างมันไม่ได้เละเทะเพราะว่าถูกขายเพื่อเอาไปใช้หนี้ หรือเพราะถูกทิ้งมาเนิ่นนานจนเต็มไปด้วยฝุ่น รอยลึกๆตรงผนังนั้นเหมือนกับว่าโดนบางอย่างเฉือนออกไป กระจกแตกกระจายอยู่เต็มพื้น เครนเองก็ถูกตัดที่ฐานจนห้อยลงมา
มันรุนแรงเกินไปกว่าที่มนุษย์จะทำได้ คงต้องเป็นฝีมือของเมจิคัลเกิร์ลแน่ๆ
เมื่อฟิรูรุเข้าไปตามทั้งสองคนเข้าไปด้านในก็มองเห็นเครื่องจักร สายตาของอุตาคัทตะและคาฟุเรียเองก็มองไปที่มัน เมื่อฟิรูรุมองไปที่นั่นด้วยเธอก็ตกใจ
มันมีหลุมสี่เหลี่ยมเปิดอยู่บนพื้น มีอะไรอย่างบันไดติดตั้งเอาไว้ด้วย และหลุมนั้นเหมือนจะพาลงไปด้านล่าง
“ทั้งสองคนเจอนี่งั้นเหรอเนี่ย? โฮะโฮ่ นี่มันการค้นพบครั้งใหญ่เลย”
อุตาคัทตะยิ้มและไม่ได้แสดงความเป็นศัตรูออกมา ฟิรูรุไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ในใจ ภายในใจของฟิรูรุคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เธอมาที่นี่เพื่อรับเครดิท หากมีบางคนเจอมันไปก่อนแล้ว มันก็จะไม่ใช่เรื่องคุ้มค่ากับเธออีกต่อไป
ควีนออฟฮาร์ทนั้นยังคงนั่งอยู่บนบัลลังก์และไม่ได้มองมาที่พวกเธอ
“แล้วพวกเมจิคัลเกิร์ลประดิษฐ์ล่ะ?” อุตาคัทตะถาม
“เอามันไปตัดหัว”
ฟิรูรุหันกลับมาด้วยความตกใจ
ตัด…? หือ? อะไรนะ? เอามันไปตัดหัว?
ท่าทางของควีนนั้นดูจริงจัง เหมือนว่าเธอจะหงุดหงิดเล็กน้อยและอารมณ์ไม่ดี ทหารไพ่นั้นตื่นตระหนกและพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ฟิรูรุไม่เข้าใจสิ่งที่ออกมาจากปากของเธอ สิ่งที่เธอได้ยินมีเพียงเสียงร้องเหมือนกับสัตว์ตัวเล็กๆ
อุตาคัทตะถอยกลับมาครึ่งก้าวแล้วก็มาดึงแขนเสื้อของฟิรูรุ จนทำให้ฟิรูรุหันหน้าไปหา
“พวกเราต้องคุยกันซักหน่อยแล้วล่ะ”
อุตาคัทตะพูดกับควีนออฟฮาร์ท จากนั้นก็ดึงแขนเสื้อของฟิรูรุกับคาฟุเรียเพื่อพาออกไปนอกโรงงาน ถอยไปยังจุดที่ควีนอาจไม่ได้ยินเสียงพูดของพวกเธอแล้วก็กระซิบออกมา
“แบบนี้ไม่ดีเลย”
ฟิรูรุเองก็ลดเสียงลงแล้วกระซิบ
“ไม่ดียังไงเหรอ?”
“ชั้นเชื่อว่านั่นคือคนที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจส่วนกลางของดินแดนเวทมนตร์จากฝ่ายข้อมูล และภาษาที่ทหารไพ่ใช้ ชั้นเคยได้ยินมันมาก่อนจากจอมเวทของฝ่ายข้อมูล ส่วนอักขระที่สลักอยู่ที่บัลลังก์นั้นชั้นไม่เข้าใจความหมาย แต่มันก็คล้ายกับที่ฝ่ายข้อมูลของดินแดนเวทมนตร์ใช้”
“นี่เธอรู้เรื่องแบบนั้นได้ยังไงน่ะ?” คาฟุเรียถาม
“ชั้นเคยทำงานกับพวกนั้นมาก่อนครั้งนึง”
“ผู้มีอำนาจส่วนกลางจากฝ่ายข้อมูล…” ฟิรูรุพึมพำ “แบบนั้นเธอก็เป็นคนสำคัญน่ะสิ?”
“แน่นอน เธอเป็นคนที่สำคัญมากๆด้วย”
ฟิรูรุรู้สึกว่าจู่ๆก็ผ่านพ้นเป้าหมายของตัวเองไป เธอนั้นคิดว่ามันคงจะเป็นเรื่องดีหากเธอสร้างความคุ้นเคยกับคนที่สำคัญได้ และเธอก็ยังคงคิดแบบนั้น แต่มันก็มีข้อจำกัดอยู่
ถ้าเป็นคนจากทางกรมการต่างประเทศหรือหน่วยสืบสวนฟิรูรุก็ไม่เป็นไร แต่ฝ่ายข้อมูลของผู้มีอำนาจจากส่วนกลางนี่มันมากเกินไป
ทั้งกรมการต่างประเทศและหน่วยสืบสวนนั้นไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าหน่วยงานที่แจกจ่ายงานให้กับเมจิคัลเกิร์ลในโลกนี้ ฟิรูรุไม่รู้ว่าทางฝ่ายข้อมูลนั้นทำงานรูปแบบไหน แต่ผู้มีอำนาจจากส่วนกลางนั้นมีอำนาจเหนือกว่าเมจิคัลเกิร์ลและทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้
ครั้งหนึ่งเธอเคยได้ยินจอมเวทที่ทำงานเป็นหัวหน้าของฝ่ายๆหนึ่งบ่นว่า “ทำไมฉันต้องมาอยู่ที่นี่ด้วยเนี่ย?” สำหรับจอมเวทที่ทำงานกับผู้มีอำนาจจากส่วนกลางแล้ว แม้จะเป็นหัวหน้าหน่วยที่รับผิดชอบเรื่องเมจิคัลเกิร์ลมันก็ยังคือการลดขั้น
และนี่ก็คือส่วนกลาง คนพวกนี้คือคนในระดับสูง ต่อให้เงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าก็ยังไม่สามารถมองเห็นปลายเท้าของพวกนั้นได้ มันเหมือนกับว่าตัวเองนั้นทำงานอยู่ในศาลากลางของชนบทแล้วก็มีผู้พิทักษ์จักรวรรดิแห่งกาแล็กซี่อันยิ่งใหญ่ปรากฏตัวขึ้นมา
“แล้วพวกเราจะเอายังไงล่ะ? ถอยงั้นเหรอ?” คาฟุเรียถาม
“ไม่มีทาง” ฟิรูรุพูด “พวกเรามาไกลขนาดนี้แล้วนะ”
“ชั้นคงโกรธแน่ถ้าความพยายามของทุกคนที่มาไกลขนาดนี้กลายเป็นไร้ความหมาย” อุตาคัทตะพูด
“ฉันเองก็ไม่อยากถอยเหมือนกัน” คาฟุเรียเห็นด้วย “แต่การเอาชนะด้วยเล่ห์เหลี่ยมนี่ไม่ยากไปหน่อยเหรอ?”
“แทนที่จะเอาชนะด้วยเล่ห์เหลี่ยม” ฟิรูรุแนะนำ “พวกเราไปเสนอการร่วมมือไม่ดีกว่าเหรอ?”
“ใช่ แบบนั้นแหละ” อุตาคัทตะมองไปที่โรงงานแล้วก็พูดต่อ “ทั้งสองคนนั่นดูไม่เหมาะกับการทำงานที่ลำบากเลย”
“จริง” คาฟุเรียพูด “ฉันสัมผัสความแข็งแกร่งจากพวกนั้นไม่ได้ด้วย”
เพราะการปรากฏตัวของเมจิคัลเกิร์ลแปลกหน้าสามคน ทหารไพ่กับควีนออฟฮาร์ทคงต้องประมาทแน่ พวกนั้นไม่ได้แสดงให้เห็นผ่านทางภาษากายว่าเตรียมจะต่อสู้ ฟิรูรุเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าพวกเธอเคยฝึกฝนหรือมีประสบการณ์ในการต่อสู้ด้วย
“แต่ว่า” อุตาคัทตะพูด “ถ้าจะมาจับกุมพวกเมจิคัลเกิร์ลประดิษฐ์ มันก็ต้องใช้พลังต่อสู้นี่?”
“เราเข้าใจล่ะ” ฟิรูรุพูด “จะบอกว่าให้พวกเราควรขายตัวเองเป็นหน่วยต่อสู้เพื่อจับตัวศัตรูสินะ”
“แผนไม่เลวนะ แต่ว่า…ฉันไม่แน่ใจน่ะสิ” คาฟุเรียพูด “หากเธอเป็นคนสำคัญล่ะก็ แบบนั้นเธอต้องขโมยเครดิทจากเราไปแน่ พวกเราทำอย่างอื่นไม่ได้นอกจากทำใจใช่ไหม?”
“เดี๋ยวชั้นเจรจาเอง” อุตาคัทตะพูด
“นั่นจะได้ผลเหรอ?” คาฟุเรียพูด
“ไม่ต้องกังวลหรอก”
ตอนนั้นฟิรูรุก็คิด
แบบไหนจะดีกว่ากันนะ ทำให้สำเร็จด้วยตัวเอง หรือช่วยคนสำคัญจนได้รับความโปรดปรานและเครดิท? หากมันเป็นไปได้ด้วยดีอย่างหลังนั้นก็น่าจะดีกว่า หากคนสำคัญจากส่วนกลางจะผลักเธอไปทางนั้น แบบนั้นทางฝ่ายทรัพยากรบุคคลก็จะมาบ่นไม่ได้ แล้วฟิรูรุก็จะถูกจ้างเป็นพนักงานเต็มเวลาตามที่วางแผนไว้
ไม่สิ บางทีเธออาจจะได้อะไรที่ดีกว่านั้นอีก
ถ้าควีนออฟฮาร์ทได้เห็นฟิรูรุที่พิสูจน์ให้เห็นถึงประโยชน์ของตัวเองแล้ว บางทีฟิรูรุอาจจะถูกจ้างไปยังส่วนกลางก็ได้ แบบนั้นเธอก็จะกระโดดก้าวข้ามเมจิคัลเกิร์ลทุกคนที่เธอต้องก้มหัวให้ แล้วกลายเป็นคนสำคัญเองแน่ๆ มันเหมือนกับเป็นความฝันเลย
“เจรจากับเธอได้ใช่ไหม?” ฟิรูรุถาม
“ได้อยู่แล้ว เดี๋ยวชั้นจะทำให้ดูเอง” อุตาคัทตะตอบ
“แต่พวกนั้นดูไม่เหมือนอยากคุยด้วยเลยนะ” คาฟุเรียพูด
“มันมีทริคกับคนแบบนี้อยู่”
ทั้งสามคนเดินกลับเข้าไปในโรงงานด้วยกัน ควีนนั้นยังคงเอนกายอยู่บนบัลลังก์เช่นเดิม ส่วนทหารไพ่นั้นดูหวาดกลัวอย่างน่าสงสาร อุตาคัทตะยั้งรอยยิ้มตามปกติของเธอเอาไว้และยิ้มออกมาให้ดูธรรมดามากที่สุดเท่าที่ทำได้พร้อมกับเดินเข้าไปหาสองคนนั่น
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ชั้นชื่ออุตาคัทตะ แล้วนี่ก็คาฟุเรียกับฟิรูรุ พวกเราทุกคนทำงานเป็นฟรีแลนซ์ให้ดินแดนเวทมนตร์”
“เอามันไปตัดหัว”
“ความจริงแล้วเมื่อวานนี้พวกเรามีโอกาสได้ต่อสู้กับพวกเมจิคัลเกิร์ลประดิษฐ์ด้วย แม้จะน่าผิดหวังที่พวกเราปล่อยให้หนีไปได้ในตอนนั้น แต่พวกเราก็มาที่นี่เพื่อจับกุมพวกนั้น”
“เอามันไปตัดหัว”
“ก็นะ พวกนั้นค่อนข้างแข็งแกร่งแถมยังหัวรั้นด้วย แม้จะไม่มากเท่าพวกเราก็เถอะ ดังนั้นท่านหญิงแล้วก็ผู้รับใช้ก็คงไม่สูญเสียอะไร มากที่สุดอาจจะแค่บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย”
“เอามันไปตัดหัว”
“แต่ถ้าหากท่านอนุญาตให้พวกเราช่วย พวกท่านก็ไม่จำเป็นต้องสูญเสียอะไรเลย พวกท่านทำมันได้ง่ายๆเพียงแค่ให้พวกเราไปจับตัวอีกฝ่ายมาเท่านั้น”
ควีนออฟฮาร์ทพยักหน้า
“เอามันไปตัดหัว”
*คำพูดที่ว่า ‘เอามันไปตัดหัว’ นั้นเป็นคำพูดติดปากของควีนออฟฮาร์ทของอลิสในแดนมหัศจรรย์
“คำพูดของท่านมันน่าซาบซึ้งมาก แม้ว่าความสามารถของพวกเราจะมีอยู่อย่างจำกัด พวกเราก็จะช่วยเหลือท่าน”
อุตาคัทตะก้มหัวลงต่ำแล้วหันกลับมาหาคนอื่น
“พวกเราทำข้อตกลงกันแล้วล่ะ”
“เอ๋ จบแล้วเหรอ?” ฟิรูรุพูด
“ชั้นแค่ตามน้ำไปเอง”
ในตอนที่อุตาคัทตะคัยอยู่กับควีนออฟฮาร์ท คาฟุเรียก็เข้าไปหาทหารไพ่ เธอพยักหน้าให้กับเด็กสาวที่พูดออกมาเหมือนกับเสียงร้อง ปลอบโยนเธอ จับไหล่ของเธอ แล้วก็เอาผ้าเช็ดของตัวเองออกมาเช็ดน้ำตาให้ หลังจากที่คุยกันอยู่พักหนึ่งเธอก็กลับมา
“เธอบอกว่าตัวเองชื่อชัฟฟิน ส่วนควีนออฟฮาร์ทนั้นชื่อกริมฮาร์ท”
“หือ? นั่นเธอบอกชื่อด้วยเหรอ?” ฟิรูรุพูด “นี่คุยกันยังไงเนี่ย?”
“เรื่องแบบนี้น่ะมันเกี่ยวกับการตามน้ำ ไหลไปตามน้ำไงล่ะ”
การที่ต้องคุยกับคนที่ไม่เข้าใจว่าพูดอะไรอยู่ได้แบบนี้ เพราะอาจจะเป็นที่คนมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน แบบนี้มันแค่ตามน้ำงั้นเหรอ? บางทีมันอาจมีเทคนิคที่นอกเหนือจากการ “ตามน้ำ” มาเกี่ยวข้องด้วยก็ได้ แต่ไม่มีใครที่อยากบอกฟิรูรุเลย ดังนั้นพวกเธอจึงเรียกมันว่าตามน้ำ การที่ต้องใช้ชีวิตในฐานะฟรีแลนซ์มันจำเป็นที่พวกเธอต้องปิดบังเทคนิคนั้นไว้ และพูดออกมาเท่าที่จำเป็นก็เพียงพอแล้ว
“พูดอะไรไม่ระวังเลยนะ” คาฟุเรีย
“ชั้นพูดเท่าที่จำเป็นเท่านี้ก็พอแล้ว”
กริมฮาร์ทลุกขึ้นมาจากบัลลังก์ จากนั้นชัฟฟินก็เข้าไปในกระเป๋าเก่าๆที่ดูสกปรกที่ห้อยอยู่ตรงเอวของเธอ แม้จะคิดแบบไหนมันก็ไม่มีทางพอดีได้ ตัวชัฟฟินหายไปโดยสมบูรณ์และมันดูไม่มีตัวบ่งชี้ว่ากระเป๋านั้นบวมหรือมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นด้วย มันคงเป็นกระเป๋าเวทมนตร์แน่
อุตาคัทตะเป่าฟองสบู่ขนาดเท่ากำปั้นออกมา ในตอนที่ฟิรูรุรับฟองนั้นมาจากเธอแล้ว เธอก็ใส่ด้ายผ่านเข้าไปด้วยเข็มเย็บผ้าเพื่อทำปมฝรั่งเศส* เพราะเข็มเย็บผ้าและเส้นด้ายของฟิรูรุจะไม่สร้างความเสียหายกับเป้าหมายฟองจึงไม่แตกออกจากกัน แม้ฟิรูรุจะแทงเส้นด้ายผ่านเข้าไปก็ตาม
*ปมฝรั่งเศส (French knot) คือการปักผ้าชนิดหนึ่งที่ทำให้เส้นด้ายนั้นนูนจนมองเห็นได้อย่างชัดเจน ส่วนปมนั้นจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับเส้นด้ายที่ใช้ว่ามีขนาดเท่าไหร่
ฟองนั้นลอยลงไปที่ด้านล่างของหลุม เส้นด้ายที่ผูกติดกับฟองนั้นก็เลื่อนออกไปจากมือของฟิรูรุ
นี่คือหนึ่งในเทคนิคที่พวกเธอคิดขึ้นจากการร่วมมือกันในโรงแรม มันคือการผสานฟองของอุตาคัทตะเข้ากับเส้นด้ายของฟิรูรุเพื่อสร้างวัตถุบางอย่างที่สามารถตรวจตราได้ขึ้นมา หากฟองนั้นสัมผัสการสั่นสะเทือนในอากาศได้ มันก็จะส่งผ่านมาทางเส้นด้ายของฟิรูรุ
พวกเธอเอาฟองนั้นใส่ลงไปในหลุมก่อน แล้วฟิรูรุ คาฟุเรีย อุตาคัทตะก็ตามมันไป ส่วนชัฟฟินกับกริมฮาร์ทนั้นอยู่ด้านหลัง
คาฟุเรียเอาปากเข้ามาใกล้หูของฟิรูรุ
“ตั้งแต่ที่พวกเราเจอชัฟฟินกับกริมฮาร์ท ตอนนี้ลำดับก็เปลี่ยนไปแล้ว”
“ลำดับ? ลำดับอะไรเหรอ?”
“ลำดับการจากลาไงล่ะ หมายถึงคนแรกที่จะจากไปก็คือพวกนั้น”
ตอนนั้นเองฟิรูรุก็นึกถึงตอนที่คาฟุเรียบอกเรื่องเวทมนตร์ของตัวเอง หลังจากที่รู้เรื่องนี้แล้ว ฟิรูรุก็ลงมาจากบันไดพร้อมกับความรู้สึกที่ไม่ค่อยดี
☆ ฟาล
ทางแยกสองทางนั้นเหมือนว่าจะแยกออกห่างจากกัน และเมื่อสโนไวท์หันกลับไปมองด้านหลัง เธอก็มองไม่เห็นอีกทางหนึ่งแล้ว เมื่อเดินไปข้างหน้าอีกนิดมันก็โค้งไปทางขวา
เมื่อมาถึงตรงจุดหักเลี้ยว สโนไวท์ก็เอารูลเลอร์ที่เป็นอาวุธของเธอออกมาจากกระเป๋า เลดี้พราวกับอัมเบรนดูเครียดเล็กน้อย สโนไวท์นั้นยืนใบดาบออกไปข้างหน้า แล้วก็มองดูภาพสะท้อนบนใบดาบเพื่อตรวจสอบมุม มันเป็นทางเดินและก็ไม่มีอะไรอย่างอื่น
สโนไวท์เดินนำไปข้างหน้าอย่างช้าๆบนทางเดินสีขาวพร้อมกับถือรูลเลอร์อยู่ในมือ ด้วยเวทมนตร์ของเธอแล้ว เธอสามารถสัมผัสการลอบโจมตีได้ แต่กับดักกลไกแล้วนั้นทำไม่ได้ ซึ่งฟาลจะเป็นคนที่จัดการกับเรื่องอันตรายเหล่านั้น ฟาลนั้นจะค้นหาตามพื้น เพดาน ทิศทางทั้งสี่ ด้านหน้าและด้านหลัง ค้นหาอุปสรรคและกับดักอย่างต่อเนื่อง สโนไวท์ก้าวเองก็เดินให้เข้ากับความเร็วเซ็นเซอร์ของฟาล มันจึงทำให้เธอเดินช้ากว่าปกติ
ในตอนนี้มีเพียงเสียงของส้นรองเท้าของเลดี้พราวที่สัมผัสกับพื้นเท่านั้น
เมื่อเดินไปตามทางเดินที่ว่างเปล่าครู่หนึ่ง พวกเธอก็เจอเข้ากับผนัง แต่มันก็ดูเหมือนกับเป็นที่กั้นมากกว่าจะเป็นผนัง ที่ด้านข้างนั้นมีแผงควบคุมติดตั้งเอาไว้ เหมือนว่าถ้ากดมันก็จะเปิดที่กั้นได้
พวกเธอก็เริ่มต่ออย่างช้าๆอีกครั้ง บรรยากาศรอบข้างนั้นตึงเครียด กลุ่มของพวกเธอมาถึงด้านหน้าของที่กั้นแล้ว แต่ก่อนที่สโนไวท์ที่เดินนำอยู่ด้านหน้าจะกดปุ่มตรงแผงควบคุมที่ผนังนั้น…
…ที่กั้นก็เริ่มเลื่อนขึ้นไปด้านบน
ก่อนที่พวกเธอจะกดปุ่ม บางคนที่อยู่อีกฝากก็ทำแบบเดียวกัน รูปร่างของพวกเธอนั้นเริ่มมองเห็นจากด้านล่างของร่างกาย จากข้อเท้า ขึ้นมาที่เข่า จนมาถึงต้นขาและเอว แน่นอนว่าอีกฝ่ายนั้นย่อมมองเห็นพวกเธอจากอีกฝากเช่นกัน ทั้งสองกลุ่มจึงถอยกลับในทันที
มีบางคนร้องออกมาตามสัญชาติญาณ
ที่ด้านในที่กั้นนั้นไม่ใช่ทางเดินแต่เป็นห้อง ภายในนั้นมีต้นไม้เติบโตอยู่ และไม่ใช่ในระดับที่เติบโตอยู่ในร่มด้วย
ที่เท้าของพวกเธอนั้นคือดินของจริง มีต้นไม้สูงๆเติบโตอยู่ วัชพืชเองก็เช่นกัน มันดูคล้ายกับเป็นป่า แต่ถ้าไม่ได้มองดูเพดานที่เป็นสีขาวเหมือนกับทางเดินก็จะไม่ได้คิดว่าตัวเองอยู่ใต้ดินเลย
มีเมจิคัลเกิร์ลสองคนยืนอยู่ด้านในห้อง
“ที่นี่ห้ามไม่ให้คนภายนอกเข้ามา!”
หนึ่งในเด็กสาวประกาศออกมาเสียงดังพร้อมกับยกตรีศูลขึ้น ชุดของเธอนั้นเหมือนกับชุดว่ายน้ำที่ประดับไปด้วยเกล็ดปลา เมื่อมองดูเส้นผมสีฟ้าสดใสของเธอนั้นมันก็ทำให้นึกถึงท้องทะเล อัญมณีที่มงกุฎของเธอก็ส่องประกายเป็นสีฟ้าเช่นกัน
“ถ้าไม่ออกไปได้เจ็บตัวแน่!”
เด็กสาวที่ตะโกนขึ้นมานั้นแบกค้อนขนาดยักษ์เอาไว้บนไหล่ ที่ปลายค้อนนั้นเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต เธอนั้นมีหางของสัตว์เลื้อยคลาน อัญมณีที่มงกุฎของเธอส่องประกายเป็นสีเหลือง
นอกจากสีของอัญมณีแล้ว รูปแบบมงกุฎของพวกเธอนั้นเหมือนกัน บางทีนี่อาจจะเป็นลักษณะของเมจิคัลเกิร์ลประดิษฐ์งั้นเหรอ?
เลดี้พราวพูดกับเด็กสาวสองคนด้วยใบหน้าที่แข็งเกร็งเล็กน้อย
“พวกเธอสองคนคือเมจิคัลเกิร์ลประดิษฐ์งั้นเหรอ?”
“เมจิคัลเกิร์ลประดิษฐ์? อะไรล่ะนั่น?”
เด็กสาวตรีศูลไม่ได้เหมือนว่าแสดงอยู่ นี่พวกเธอไม่รู้ว่าตัวเองคือเมจิคัลเกิร์ลประดิษฐ์ หรือจริงๆแล้วพวกเธอไม่ใช่เมจิคัลเกิร์ลประดิษฐ์กันนะ?
เด็กสาวถือค้อนชูอาวุธของตัวเองขึ้นไปในอากาศ
“เลิกพูดแล้วตัดสินใจซะ! จะหนีหรือว่าจะยอมแพ้?!”
เด็กสาวตรีศูลก็ก้าวออกมาด้านหน้า
“อย่างที่ฉันพูด! ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ทำตามที่พวกเราบอกซะ!”
“เดี๋ยวก่อน” สโนไวท์พูดออกมา
“พวกเราไม่ได้ตั้งใจมาสู้”
“นั่นไม่จริงไม่ใช่เหรอ?”
คราวนี้อัมเบรนพูดออกมาโดยปฎิเสธคำพูดของสโนไวท์ไปเลย เธอเอาร่มที่ยังไม่ได้กางวางไว้บนไหล่
“บางทีถ้าปล่อยหมัดใส่กัน มันก็จะได้เพื่อนดีๆนะ”
ค้อนฟาดลงมาอย่างรุนแรง แต่อัมเบรนนั้นเร็วกว่า เธอโยนร่มออกไป
ร่มนั้นเข้าไปโดนกับวิถีการโจมตีของค้อน แต่ร่มนั้นไม่ได้พังและเด้งกลับออกมาแบบเบาๆ เด็กสาวที่เหวี่ยงค้อนเหมือนจะสับสน จากนั้นเธอก็ฟาดมันอีกครัง แต่อัมเบรนก็เข้าไปจับร่มของเธอแล้วพุ่งเข้าไปด้านในห้อง
“ถ้าเธอจะสู้ล่ะก็ ฉันก็จะสู้กลับ!”
เด็กสาวเหวี่ยงตรีศูลไปหาอัมเบรน แต่อาวุธของเธอนั้นก็ถูกป้องกันเอาไว้ได้อย่างนิ่มนวลเหมือนกับก่อนหน้านี้ แต่ในทันทีที่อาวุธทั้งสองเข้าปะทะกัน พื้นผิวของร่มนั้นก็ถูกแช่แข็ง อัมเบรนจึงรีบเว้นระยะห่าง และเมื่อเด็กสาวตรีศูลพยายามจะไล่ตาม ก็มีขวดเล็กๆที่เต็มไปด้วยของเหลวสีแดงขว้างมาหา
เด็กสาวตรีศูลคงคิดว่ามันจะถูกแช่แข็งเหมือนกับร่มของอัมเบรนก่อนหน้านี้ เธอจึงเหวี่ยงตรีศูลของเธอไปที่ขวด แต่ก่อนที่เธอจะทำได้นั้น ขวดก็เกิดระเบิดออก
ของเหลวที่อยู่ในขวดนั้นเกิดระเบิดขึ้น และเมื่อของเหลวหยดลงบนพื้น มันก็กลายเป็นควันสีขาวลอยพุ่งขึ้นมา เมื่อกลิ่นนั้นขึ้นไปถึงจมูกของเด็กสาวตรีศูล เธอก็ทำหน้าเหยเก
จากนั้นเธอก็ปิดปากแล้ววิ่งขึ้นไปบนต้นไม้ เด็กสาวถือค้อนเองก็ตามเธอไป
เลดี้พราวเข้าไปหาอัมเบรนที่เข้าไปในห้องคนเดียว ในขณะที่สโนไวท์เอาเมจิคัลโฟนเข้ามาใกล้ปากและกระซิบออกมา
“ฉันจะหยุดเรื่องนี้”
ฟาลหันมามองใบหน้าของเธอ ท่าทางของเธอนั้นว่างเปล่าแต่น้ำเสียงนั้นมีพลัง
“หยุดอะไรเหรอ?”
“ฉันไม่อยากสู้กับคนที่ไม่ใช่ศัตรู”
เธอไม่ได้จ้องมอง เธอไม่ได้มีท่าทางน่ากลัว มันไม่มีอะไรที่เรียกได้ว่าสีหน้าท่าทางอยู่บนใบหน้าของเธอเลยด้วย แต่ฟาลนั้นสัมผัสถึงความปรารถนาอันแรงกล้าจากเธอได้
ฟาลสรุปสิ่งที่สโนไวท์ต้องการจากฟาลแล้วก็ลงมือทำในทันที จากนั้นฟาลก็แจ้งเตือนด้วยเสียงที่ดังที่สุด
“เราสัมผัสถึงเมจิคัลเกิร์ลที่มาใหม่อีกสามคนได้! มันมากเกินไปแล้ว ปอน! ตอนนี้พวกเราควรถอยก่อนแล้วค่อยกลับมาทีหลัง ปอน!”
อัมเบรนกับเลดี้พราวหยุดเคลื่อนไหวทันที ก่อนหน้าที่พวกเธอจะหันกลับมามอง สโนไวท์ก็หันกลับไปยังทางที่เธอมาแล้วก็เริ่มวิ่ง แล้วก็กดแผงควบคุมที่กั้น
ทางกรมการต่างประเทศนั้นชำนาญการต่อสู้ หากเธอบอกไปว่าอีกฝ่ายมีจำนวนที่มากกว่า แบบนั้นพวกเธอก็จะไม่พยายามทำอะไรที่ไร้เหตุผลและไล่ตามศัตรูไป หลังจากที่แน่ใจว่าอัมเบรนและเลดี้พราวกลับมาแล้ว สโนไวท์ก็ผ่านที่กั้นและกลับไปยังทางเดิน
☆ ปรินเซสอินเฟอร์โน
กลุ่มของเมจิคัลเกิร์ลปริศนาเข้ามาโจมตีพวกเธอ พวกเธอไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ไม่ดีเลย แต่อินเฟอร์โนก็เรียกมันว่าโจมตี มันทำให้สิ่งต่างๆดูน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นไปอีก
ตั้งแต่ที่เธอกลายมาเป็นเมจิคัลเกิร์ล เธอก็รู้สึกสนุกสนานด้วยการวิ่งไปทั่วทุกที่ให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่ดิสรัปเตอร์นั้นไม่ได้ทำให้เธอได้สู้อะไรมาก แถมเธอก็เบื่อพวกมันสุดๆด้วย พวกเมจิคัลเกิร์ลกลุ่มนี้เข้ามาในจังหวะที่เหมาะเจาะมาก แบบนี้ก็คงน่าสนใจมากขึ้นซักหน่อย
เควคนั้นพูดว่าความปลอดภัยสำคัญที่สุด ในฐานะผู้นำ เธอจำเป็นต้องให้ทุกคนจำเรื่องนี้เอาไว้ในใจ ซึ่งมันคือเหตุผลว่าทำไมเธอถึงพูดอะไรแบบนั้นออกมา จากตำแหน่งของเธอนั้น มันไม่มีทางที่เธอจะพูดว่าให้ต่อสู้อย่างตื่นเต้นมากกว่าความปลอดภัยหรอก
ความจริงเช่นนั้นเธอคงพูดมันออกมาดังๆไม่ได้ ในฐานะผู้นำ เธอต้องทำให้แน่ใจว่าผู้ตามตีความและเข้าใจคำสั่งอย่างถูกต้อง
พวกเธอผ่านพื้นที่น้ำที่เป็นห้องฝึกซ้อมหมายเลขสี่ แล้วเปิดที่กั้นเพื่อเข้าไปยังทางเดิน จากนั้นพวกเธอก็เข้าไปที่ห้องฝึกซ้อมหมายเลขสามที่เป็นทะเลทราย เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่ พวกเธอก็มุ่งหน้าไปยังทางเข้าที่ที่กลุ่มของเมจิคัลเกิร์ลน่าสงสัยอยู่ ในตอนที่เดินอยู่นั้นอินเฟอร์โนก็ถามเท็มเพรสไปด้วย
“เธอคิดยังไงล่ะ เท็มเพรส?”
“คิดเรื่องอะไรเหรอ?”
“ไม่คิดว่าแบบนี้มันสนุกเหรอ?”
“สนุกเหรอ? สถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้มันจะไปสนุกได้ยังไงล่ะ?”
“ไม่หรอก จริงๆแล้วเธอพูดตรงๆได้นะ เพราะไม่ได้บันทึกอะไรเอาไว้”
เท็มเพรสปิดปากของตัวเอง เธอหมุนตัวไปมองที่เพดานในตอนที่ยังคงลอยอยู่ในอากาศ ผมทรงโพนี่เทลของเธอนั้นสะบัดสองครั้ง แล้วอินเฟอร์โนก็ได้ยินเสียงถอนหายใจออกมาเบาๆ
“…จริงๆแล้วเราก็คิดว่ามันสนุกแหละ”
“ใช่ไหมล่ะ? แบบนั้นใช่ไหม?!”
“แต่เราก็คิดว่ามันน่ากลัวด้วย รู้ใช่ไหมว่ามันเป็นคนละคนกับคนที่สู้เมื่อคราวก่อน? แถมยังมีมากกว่าเดิมอีก”
“อะไรเนี่ย นี่เธอขี้ขลาดงั้นเหรอ เท็มเพรส?”
“เราไม่ได้ขี้ขลาดซักหน่อย”
“ไม่ต้องห่วง ต่อหน้าเมจิคัลเกิร์ลแล้วไม่มีอะไรที่สู้ไม่ได้หรอก!”
เมื่อเทียบกับห้องฝึกซ้อมอื่นแล้ว ที่ห้องทะเลทรายมันจะแห้งแล้งกว่า ในห้องที่เต็มไปด้วยหินนั้นวิ่งเล่นได้อย่างสนุกสนาน การปีนต้นไม้ในป่าเองก็ไม่เลวเช่นกัน ในพื้นที่น้ำนั้นเย็นสบายแถมยังเป็นที่โปรดของเธอในฤดูร้อนด้วย ที่แห่งนี้มันต่างจากทะเลทรายตามปกติเพราะมันมีเพดานแถมยังไม่มีดวงอาทิตย์ แม้ห้องจะกว้างแต่มันก็มีผนังอยู่ด้วย อุณหภูมิเองก็ถูกควบคุมด้วยเครื่องจักร ทั้งหมดนี้ล้วนแต่น่าเบื่อ
ที่นี่มันไม่มีทั้งพืชและสัตว์ที่มองเห็นได้ในทะเลทรายอย่างตะบองเพชร อูฐ หรือแมงป่องอยู่เลย เดิมทีมันก็ไม่มีอะไรและต่อให้มองจนสุดสายตามันก็ไม่มีอะไรอยู่ด้วย ภาพของเนินทรายมันก็ไม่ได้มีความน่ามอง ที่นี่มันไม่มีอะไรดีๆอยู่เลยจริงๆ
ที่กั้นด้านหลังของพวกเธอปิดอยู่ สิ่งที่ได้ยินในตอนนี้มีเพียงเสียงฝีเท้าของอินเฟอร์โน เธอนั้นรู้สึกถึงความแปลกประหลาดของรองเท้าที่จมอยู่ในทราย มันรู้สึกราวกับว่าเธอดึงขาออกมาไม่ได้ บางทีอาจจะเป็นเพราะเธอรู้สึกตื่นเต้นก็เป็นได้
“อย่าประมาทเพราะตัวเองสนุกสิ” เท็มเพรสดุเธอ
“ถึงจะเด็กกว่าชั้น แต่เธอนี่ทำตัวเหมือนกับพวกสอนศีลธรรมเลยนะ ชั้นรู้น่าว่าเธอเองก็สนุกเหมือนกัน ชั้นไม่ลืมที่เธอโม้ว่าไล่ศัตรูออกไปได้อย่างยอดเยี่ยมยังไงหรอกนะ”
“อินเฟอร์โนเองก็เป็นเด็กเหมือนกันนั่นแหละ แค่อายุมากกว่านิดหน่อยก็ไม่เห็นเกี่ยวตรงไหนเลย เพราะแบบนี้แหละเราถึง—”
ตอนนั้นมีเสียงของที่กั้นเปิดขึ้น มันไมได้มาจากทางด้านหลังแต่มาจากทางด้านหน้า จากนั้นก็มีเสียงของที่กั้นปิดลงตามด้วยเสียงของฝีเท้าที่เดินอยู่บนทราย เท็มเพรสกับอินเฟอร์โนมองหน้ากันและกันแล้วมองตรงไปด้านหน้า เสียงนั้นเข้ามาใกล้เรื่อยๆ แต่เพราะทั้งคู่อย่าด้านหลังของเนินทรายจึงมองไม่เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
ชีพจรของอินเฟอร์โนเต้นเร็วขึ้น แม้เธอจะรู้ว่าคนที่เข้ามาคือใครและเข้ามาด้วยเหตุผลอะไร เธอก็ยังคงรู้สึกตื่นเต้น เธอบอกตัวเองว่าต้องมีสมาธิ ถ้าสมาธิของเธอหายไปตอนนี้ ความภาคภูมิใจในฐานะเมจิคัลเกิร์ลก็จะสูญสิ้นไปด้วย
เสียงฝีเท้าดังขึ้นโดยที่ไม่มีความลังเลผสมอยู่แม้แต่น้อย อีกฝ่ายไม่ได้ลังเลที่จะเข้ามาใกล้เลย อินเฟอร์โนหายใจออกมาอย่างเงียบๆและหยุดรอ แต่เท็มเพรสนั้นหายใจออกมา เธอสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดที่อยู่ในลมหายใจ ราวกับว่าเท็มเพรสนั้นทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว อินเฟอร์โนจึงใช้กำปั้นของเธอหยุดขาของเท็มเพรสเอาไว้
นี่ชั้นทำแบบนี้เพื่อให้ตัวเองผ่อนคลาย หรือว่าให้เท็มเพรสผ่อนคลายกันนะ?
แต่เธอก็ไม่รู้ว่ามันเป็นแบบไหนเหมือนกัน
เมจิคัลเกิร์ลที่โผล่ออกมาจากด้านหลังเนินทรายนั้นแตกต่างจากคนที่เท็มเพรสบอกว่าเคยเห็น
เธอมีดอกไม้ขนาดใหญ่อยู่บนหัว มันไม่ใช่ดอกไม้ธรรมดา แต่ปรินเซสอินเฟอร์โนนั้นไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่จดจำชื่อของดอกไม้ได้ เพราะสำหรับเธอแล้วดอกไม้มันก็คือดอกไม้เท่านั้น
เมื่อเมจิคัลเกิร์ลอีกฝ่ายเห็นอินเฟอร์โนและเท็มเพรสก็พูดขึ้นมาว่า “เฮ้” แล้วยิ้มออกมา “โฮ่ ถ้าเธอมาหาพวกเราเอง แบบนี้ก็ประหยัดเวลาไปเยอะ”
คนที่ปรากฏขึ้นมาหลังจากเมจิคัลเกิร์ลที่มีดอกไม้คนนี้ก็คือสไตล์ลิสต์และตัวตลก พวกเธอนั้นมีรูปแบบที่หลากหลายก็จริงแต่มันดูขาดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ในใจของอินเฟอร์นั้นคิดว่าตัวเองคือผู้ชนะอย่างที่คิดเอาไว้ พวกเราชนะคนที่อยู่ด้านหน้านี้แล้ว
“พวกคนภายนอกห้ามเข้ามาที่นี่นะ เราเองก็ไม่รู้จักพวกเธอ—” เท็มเพรสพูดออกมาแต่เด็กสาวดอกไม้ตัดบทสนทนาทิ้ง
“ช่างหัวมันเถอะ” สไตล์ลิสต์พยายามจะเอามือไปจับไหล่ของเธอไว้ แต่เด็กสาวดอกไม้ก็ปัดมันไปด้านข้างแล้วก็ก้าวมาข้างหน้า
“มาสนุกกันดีกว่า! มาเลย!”
การถอยไปตอนนี้มันคือความอัปยศ อินเฟอร์โนจึงก้าวไปข้างหน้าเช่นกัน เธอกลืนความกังวลลงไป การตัวสั่นนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่เหมาะกับเธอ
“ถ้านั่นคือสิ่งที่ต้องการล่ะก็เข้ามาเลย!”
“อาวววล่าาา!”
เด็กสาวดอกไม้ตะโกนออกมาอย่างดีใจ และเมื่ออินเฟอร์โนรู้ว่าเธอกำลังวิ่งเข้ามา เด็กสาวนั้นกลับมาอยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว เธอรวดเร็วกว่ารูปร่างตลกๆที่ตาเห็นซะอีก
สไตล์ลิสต์ตามเธอมา และเท็มเพรสก็ตะโกนออกมา
“เพราะแบบนี้ไงเราถึงเรียกเธอว่าเด็กน่ะ! ยัยมหาบ้าอินเฟอร์โน!”
“อย่าทำตัวน่าเบื่อนักสิ เท็มเพรส!”
อินเฟอร์โนแทงดาบโค้งของเธอเข้าไปหาเด็กสาวดอกไม้เพื่อทดสอบ แต่มันก็ถูกปัดออกมาด้วยดอกไม้บนหัวของเธอ เสียงนั้นเหมือนกับโลหะปะทะเข้าหาโลหะ แถมมันยังรู้สึกแบบนั้นอีกด้วย แน่นอนว่ามันไม่ใช่ดอกไม้ธรรมดา
อินเฟอร์โนถอยหลังกลับออกมาและโจมตีเข้าไปอีกครั้งแต่มันก็ถูกป้องกันไว้ได้ เธอจึงตัดสินใจถอยกลับอีกครั้งแล้วฟาดอาวุธลงมา แต่ก็ถูกสะท้อนกลับออกมาเช่นเดิม เมื่อเธอโจมตีจากด้านบนก็จะถูกดอกไม้บนหัวของเด็กสาวป้องกันเอาไว้ ดังนั้นเธอจึงคิดจะโจมตีจากด้านล่างแทน
เธอถอยกลับออกมาพร้อมะเหวี่ยงอาวุธลงพื้น จากนั้นก็หันอาวุธขึ้นเพื่อโจมตีขึ้นไปจากด้านล่าง แต่ใบดาบของเธอก็ถูกหยุดเอาไว้
เด็กสาวดอกไม้จับใบดาบของเธอเอาไว้ด้วยมือขวา ในขณะที่มือซ้ายจับด้ามจับเอาไว้ อินเฟอร์โนเคร่งเครียดและพยายามจะสลัดเธอให้หลุด แต่เด็กสาวนั้นไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเลย อินเฟอร์โนจึงกัดฟันแล้วใส่แรงทั้งหมดลงไป แต่เธอก็ขยับอาวุธของตัวเองไม่ได้เลยซักนิดเดียว เธอไม่รู้ว่าแม้แต่ดิสรัปเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดจะแข็งแกร่งเช่นนี้รึเปล่าด้วย
สไตล์ลิสต์นั้นเริ่มใช้กรรไกรของเธอโจมตี ตัวตลกเองก็เตะเข้ามาหา ทั้งคู่เคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว อินเฟอร์โนทิ้งดาบโค้งของตัวเองไป และมันก็ร่วงลงไปบนพื้นทราย จากนั้นอินเฟอร์โนถอยกลับไปด้านหลังเพื่อหลบการโจมตีที่เข้ามา
“นี่ไปตกหลุมพรางของศัตรูได้ไงเนี่ย?!”
เธอถูกเด็กชั้นประถมปีสองโกรธด้วย
“เอ่อ…ก็ บางครั้งบรรยากาศมันก็พาไปน่ะ รู้ไหม?”
“อย่ามาตัดสินใจเพราะบรรยากาศพาไปสิ ทำแบบนั้นเดี๋ยวชีวิตตัวเองก็ตกอยู่ในอันตรายพอดี โถ่เอ๊ย! ยัยโง่นี่!”
อินเฟอร์โนเอานิ้วของเธอสัมผัสกับปรินเซสเจเวล แล้วก็เรียกดาบโค้งของเธอกลับเข้ามาในมือขวา
“ลักซ์ซูรี่โหมด ออน!”
ศัตรูนั้นรวดเร็วกว่าดิสรัปเตอร์ แถมแรงที่จับดาบโค้งนั้นก็มากกว่าตัวอินเฟอร์โนเองด้วย มันคงจะหยิ่งเกินไปถ้าคิดว่าจะประมาทคู่ต่อสู้ในตอนนี้
พลังเวทมนตร์แล่นผ่านเลือดไปทั่วทั้งร่างกาย แสงที่เปล่งออกมานั้นคือเศษเสี้ยวของเวทมนตร์ที่ไม่สามารถห้ามมันเอาไว้ได้
เธอหมุนดาบโค้งสามครั้งแล้วชี้ไปที่คู่ต่อสู้ที่ยังคงยืนอยู่นิ่งๆ เธอไม่ได้ทำแบบนี้เพื่อข่มขู่ แต่มันเป็นการส่งข้อความไปยังปริซึม เชอร์รี่ในห้องประชุม
อินเฟอร์โนตะโกนออกมาในตอนที่พุ่งเข้าใส่อีกฝ่าย
เธอไม่ได้คิดยั้งมือกับคู่ต่อสู้เลย การโจมตีครั้งนี้เธอใส่จิตวิญญาณทุกสิ่งทุกอย่างลงไป มันไม่มีใครที่รับการโจมตีอย่างเต็มที่แบบนี้และรอดไปอย่างปลอดภัยได้
เด็กสาวดอกไม้นั้นป้องกันการโจมตีเอาไว้ด้วยดอกไม้บนหัว จากนั้นเธอก็ก้าวเข้ามาด้วย แต่เธอก็หยุดนิ่งไป กลีบดอกไม้ที่ใช้รับการโจมตีนั้นเหี่ยวแห้งลงอย่างโหดร้าย
ปรินเซสอินเฟอร์โนมีพลังแห่งไฟอยู่ภายในตัว หากเธอสู้ด้วยเวทมนตร์ของเธออย่างเต็มที่ในลักซ์ซูรี่โหมด ดาบโค้งของเธอนั้นจะร้อนขึ้นอย่างรุนแรง และทุกการโจมตีจะเผาศัตรูจนไหม้เกรียม เธอกวัดแกว่งดาบโค้งอีกครั้ง จากนั้นก็ตามด้วยครั้งที่สอง และเด็กสาวดอกไม้นั้นวิ่งออกไปจากระยะการโจมตี
ปรินเซสเท็มเพรสขว้างบูมเมอแรงลงมาจากด้านบน และตอนที่ตัวตลกขว้างมีดเข้าไปหาเพื่อพยายามจะหยุดนั้น มีดมันก็ถูกทำลายและร่วงลงสู่พื้นทราย วิถีของบูมเมอแรงไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่นิด จากนั้นบูมเมอแรงก็หมุนกลับเข้าไปในมือของเท็มเพรส
ร่างกายของปรินเซสเท็มเพรสเต็มไปด้วยพลังแห่งลม บูมเมอแรงที่เธอขว้างออกไปนั้นมันจะตัดทุกสิ่งทุกอย่างและฉีกกระชากให้กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วก็ย้อนกลับเข้าไปในมือของเธอเสมอ
ยิ่งกว่านั้นมันมีก้อนโคลนสีดำโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินเป็นรูปร่างมนุษย์ นี่คืองานของปริซึม เชอร์รี่ จากการที่เธอได้รับสัญญาณของอินเฟอร์โน
เมื่อจัดการดิสรัปเตอร์ได้แล้ว มันก็จะถูกเก็บและนำกลับมาใช้ใหม่เพื่อการฝึกฝนของเพียวเอเลเมนท์ การสั่งการจากห้องประชุมนั้นสามารถทำให้ดิสรัปเตอร์ปรากฏตัวขึ้นมาในห้องฝึกซ้อมได้ ในตอนนี้พวกเธอจะใช้มันเพื่อสู้กับผู้บุกรุก
“อะไรล่ะนั่น?!” สไตล์ลิสต์ตะโกนออกมาพร้อมกับกระโดดถอยหลัง ดิสรัปเตอร์ที่ใช้ฝึกฝนนั้นจะถูกตั้งค่าให้ใครคนใดคนหนึ่งคือศัตรู และปริซึม เชอร์รี่รู้ว่าต้องทำมันยังไง
สไตล์ลิสต์นั้นเหวี่ยงกรรไกรของเธอไปตัดแขนของดิสรัปเตอร์ แต่แค่นั้นก็ไม่มีเพียงพอที่จะฆ่าได้ ในชั่วพริบตาบาดแผลมันก็จะสมานกันและเข้าไปจับตัวผู้บุกรุกอย่างแข็งขัน
“พวกเรามาช่วยแล้ว!” เสียงดังมาจากทางเข้า
มีเมจิคัลเกิร์ลอีกสามคนเข้ามา หนึ่งคนมีที่เป่าฟอง หนึ่งคนมีลูกบอลด้าย และคนหนึ่งสวมชุดไว้ทุกข์ เป็นพวกที่ดีลูจและเท็มเพรสบอกเอาไว้
ที่ตามมาด้านหลังสามคนนี้คือทหารไพ่ คนอื่นไม่ได้พูดถึงคนๆนี้ในรายงาน และทันทีที่สายตาของทหารไพ่สบเข้ากับสายตาของอินเฟอร์โน เธอก็เริ่มตัวสั่นแล้วทิ้งตัวเองลงบนพื้นทราย เพราะแบบนั้นมันจึงทำให้ทรายฟุ้งขึ้นมาจนซ่อนตัวเธอเอาไว้
“แกนี่นา!” เท็มเพรสพูดออกมา “นี่ยังไม่ได้รับบทเรียนอีกรึไง?”
“แหม นั่นเธอคิดว่าชนะฉันแล้วงั้นเหรอ?”
เด็กสาวชุดไว้ทุกข์หัวเราะออกมาให้เท็มเพรสเห็น และใบหน้าของเท็มเพรสก็แดงเพราะความโกรธ
“ยัยอีกาโง่อย่าขยับจากตรงนั้นนะ! คราวนี้แหละเราจะจัดการให้จนลุกไม่ขึ้นเลย!”
เท็มเพรสบินเข้าไปหาเธอพร้อมกับใช้ลักซ์ซูรี่โหมด ในขณะที่เด็กสาวชุดไว้ทุกข์บินราบไปกับพื้นในระดับเหนือยอดของเนินทราย เหมือนว่าเท็มเพรสตกหลุมพรางการยั่วโมโหเข้าให้แล้ว และในตอนนี้พวกเธอก็ถูกแยกออกห่างจากกัน
ให้ตายสิ เท็มเพรสนี่อารมณ์เสียง่ายซะจริง —
ทหารไพ่เอาหอกออกมาจากกระเป๋าที่ห้อยอยู่ตรงเอว ที่ปลายของหอกนั้นแหลมคมคล้ายกับเครื่องหมายโพดำ
หือ? โพดำ?
อินเฟอร์โนสาบานได้ว่าก่อนหน้านี้เครื่องหมายนั้นเป็นรูปโพแดง เธอควรจะมีสามโพแดง แต่ในตอนนี้กลับเป็นสามโพดำ ทหารโพดำนั้นใช้หอกของเธอกำจัดดิสรัปเตอร์อย่างรวดเร็ว
เธอนั้นใช้หอกอย่างเชี่ยวชาญและเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว การเคลื่อนไหวของเธอ สัญลักษณ์ของเธอ แม้กระทั่งท่าทางเองก็ต่างออกไป ในตอนที่เธอมีสัญลักษณ์โพแดง เธอตัวสั่นอยู่ตลอด แต่ในตอนนี้สายตาของเธอมองตรงไปที่คู่ต่อสู้และท่าทางก็ดูเด็ดเดี่ยว
อินเฟอร์โนไม่เข้าใจจริงๆ แต่มันอาจจะเป็นเวทมนตร์ของเธอก็ได้ เธอคิดว่ามันคือเวทมนตร์ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ใช่แค่ปล่อยพลังงาน เหมือนกับปริซึม เชอร์รี่ที่สามารถเปลี่ยนแปลงภาพในกระจกได้ มันอาจจะเป็นเวทมนตร์ของเธอที่สามารถเปลี่ยนแปลงทักษะการต่อสู้ แล้วก็สิ่งอื่นๆได้ด้วยการเปลี่ยนชุด
สไตล์ลิสต์ ทหารไพ่ แล้วก็ตัวตลกสู้กับดิสรัปเตอร์ ในขณะที่เด็กสาวชุดไว้ทุกข์วิ่งออกไปพร้อมกับหลบบูมเมอแรง ฝุ่นและทรายกระจัดกระจายไปตามทางที่เธอวิ่ง ส่วนเท็มเพรสนั้นกำลังไล่ตามเธอไป
คู่ต่อสู้ของอินเฟอร์โนคือเด็กสาวดอกไม้ แม้ทุกอย่างรอบตัวจะเคลื่อนไหว แต่มือของเธอก็ไม่หยุดโจมตี ในตอนนี้กลีบดอกไม้สามกลีบของเธอเหี่ยวแห้งไป เส้นผมของเธอที่มีสีเขียวเหมือนกับใบไม้ถูกเผาจนกลายเป็นสีดำ ขนตายาวๆและปลายคิ้วของเธอถูกเผาจนสั้น ชุดของเธอก็ไหม้เกรียมเช่นกัน
การโจมตีของอินเฟอร์โนนั้นถึงจะหลบได้ก็ไม่เพียงพอ แค่อยู่ใกล้ๆก็จะถูกเผาด้วยความร้อนสูงจนกลายเป็นแผลพองอย่างน่าสยดสยอง แม้จะมีระยะห่างเท่าเส้นผมมันก็ไม่สามารถหลบได้เลย
แต่กระนั้นเด็กสาวดอกไม้ยังคงยิ้มออกมาอย่างร่าเริง
“ชั้นล่ะชอบจริงๆ! ไม่เลวเลย!”
เธอพูดออกมาอย่างตื่นเต้น พร้อมกับเอานิ้วม้วนเส้นผมที่ถูกเผาแล้วดึงออก
“เธอนี่มีความเร็วกับความแข็งแกร่งที่ดีเลย แต่เวทมนตร์นี่น่ารังเกลียดไปหน่อย ชั้นล่ะรักมันจริงๆ”
“ขอบคุณคำชมก็แล้วกัน ถ้าจะยอมแพ้ล่ะก็รีบๆหน่อยก็ดี”
“ยัยโง่นี่ คิดว่าตัวเองพูดอยู่กับใครกันห๊ะ? ช่วยแหกตามองคู่ต่อสู้ก่อนที่จะบอกอีกฝ่ายให้ยอมแพ้ด้วยเซ่”
อินเฟอร์โนเหวี่ยงดาบโค้งของเธอแทนคำตอบ เด็กสาวดอกไม้ลอดผ่านการฟันแนวขวางของอินเฟอร์โนด้วยการวิ่งก้มต่ำและเข้ามาในระยะเธอ แต่มันก็ไม่ได้มากพอที่จะลากเธอไปไหนได้ เมื่อเธอจับขาของอินเฟอร์โนได้ อินเฟอร์โนก็ส่งเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ
เปลวเพลิงปะทุออกมาจากทั่วทั้งร่างกายของเธออย่างรุนแรงจนเกือบจะเป็นการระเบิด มันพัดเด็กสาวดอกไม้จนกลิ้งไปด้านหลังตามพื้นทรายก่อนที่เธอจะลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วอีกครั้ง อินเฟอร์โนเห็นว่าเธอบาดแต่ก็ยังคงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เธอถูกเผาอย่างรุนแรงกว่าก่อนหน้านี้ แถมทั่วร่างของเธอก็มีควันสีขาวลอยขึ้นมา ที่ปลายเส้นผมนั้นไฟก็ยังคงไหม้อยู่อีกด้วย
“บางทีก็ไม่ต้องฝืนตัวเองก็ได้มั้ง”
อินเฟอร์โนพูดกับเธอพร้อมกับเหวี่ยงดาบโค้ง
สิ่งใดก็ตามที่เข้ามาใกล้เธอก็จะถูกเผาไหม้ ในเกมส่วนใหญ่นั้นมอนเตอร์ประเภทพืชจะแพ้ไฟ และเมจิคัลเกิร์ลดอกไม้ก็ต้องเกลียดไฟเช่นกัน
รีบๆยอมแพ้ซักทีสิ อินเฟอร์โนคิดเช่นนั้นพร้อมกับฟันเข้าไปอีกครั้งและอีกครั้ง เธอพยายามฟันต่อไปเรื่อยๆเพื่อเอาอีกฝ่ายออกไปจากเท้า แต่เมื่อพยายามทำแบบนั้น เด็กสาวดอกไม้ก็ใช้ขาขวาเตะขึ้นมา
อินเฟอร์โนนั้นไม่ได้อยู่ในระยะการเตะของอีกฝ่าย
สิ่งที่เด็กสาวดอกไม้เตะขึ้นมาก็คือทรายที่เท้าของเธอ
อินเฟอร์โนถอยกลับมาจนเท้าของเธอจมลงไปในทราย การเอาทรายมาสาดกันแบบนี้ก็เหมือนที่เด็กๆแกล้งกัน แต่มันก็มีผลมากเพียงพอที่จะทำให้มองไม่เห็นการเคลื่อนไหว
ก่อนที่ทรายจะหายไป อินเฟอร์โนก็วิ่งไปทางขวาเพื่อย้ายตำแหน่งไปยังที่สูงบนเนินทราย เธอกำด้ามจับของดาบโค้งเอาไว้แน่น
เธอจะไม่ปล่อยให้เด็กสาวดอกไม้ทำให้เธอตกใจได้อีก ตราบใดที่อินเฟอร์โนยังคงระวังตัว เด็กสาวดอกไม้ก็จะไม่สามารถใช้ทรายเพื่อทำให้ตกใจได้ ความจริงแล้วการทำให้ตัวเลือกของคู่ต่อสู้มีน้อยลง มันจะทำให้อ่านการเคลื่อนไหวได้ง่ายอีกด้วย
นี่คือสิ่งที่เธอเรียนรู้มาจากศาสตราจารย์ทานากะ โดยปกติแล้วอินเฟอร์โนจะไม่เก่งภาคทฤษฎีบนโต๊ะเรียน แต่กับภาคปฎิบัติโดยใช้ร่างการจดจำนั้นมันก็คืออีกเรื่อง
ฝุ่นทรายหายไปแล้ว เมจิคัลเกิร์ลดอกไม้เคลื่อนไหวไปด้านซ้ายสามก้าวจากตำแหน่งเดิม ฝ่ามือทั้งสองของเธอเปิดออกแล้วก้มตัวลงต่ำคล้ายกับท่าของสัตว์ แถมเธอยังแยกเขี้ยวอีกด้วย
ตอนที่เธอยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ อินเฟอร์โนนั้นมีความสนใจในเรื่องของสัตว์และแมลง แต่กับพวกสิ่งมีชีวิตที่แยกเขี้ยวใส่นั้นมันอยู่นอกเหนือความสนใจ อินเฟอร์โนจับอาวุธแล้วชี้ปลายของมันไปยังคู่ต่อสู้
“รู้สึกอยากยอมแพ้รึยัง?”
“ฟรามี่เองก็พูดแบบนั้นเหมือนกันนะ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ร้องไห้ออกมาแถมยังร้องขอชีวิตอีกด้วย”
อินเฟอร์โนขมวดคิ้วเล็กน้อย ดอกไม้บนหัวของเด็กสาวมันต่างจากก่อนหน้านี้ ดอกไม้ที่เหี่ยวแห้งกลับมาเป็นดอกไม้ที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาอีกครั้ง และไม่ใช่แค่นั้น มันยังเป็นคนละชนิดกันอีก
“เธอนี่เหมือนเฟรม ฟรามี่จริงๆ ร้อนแรงจนชั้นเข้าไปใกล้ไม่ได้ และยังทำหน้าเหมือนว่าจะครองโลกได้ด้วยเวทมนตร์ที่แสนน่าเบื่อแบบนี้ ปากเองก็เสียเหมือนกันอีกต่างหาก”
กลีบดอกไม้หนาๆแผ่ออกมาจากตรงกลาง มีเพียงตรงปลายกลีบเท่านั้นที่มีสีม่วงจางๆ ในขณะที่กลีบดอกไม้ที่เหลือเป็นสีขาว อินเฟอร์โนไม่ได้มีความสนใจในเรื่องดอกไม้ เธอจึงไม่รู้ว่ามันเป็นดอกไม้ชนิดไหน แต่ตอนนั้นเธอก็สัมผัสได้ว่ามีความรู้สึกบางอย่างแล่นผ่านกระดูกสันหลัง
เด็กสาวก้มหัวลงแล้วเอาดอกไม้ที่อยู่บนหัวชี้เข้ามาหาอินเฟอร์โน ตอนนั้นอินเฟอร์โนก็ขยับตัวเช่นกัน เธอยกดาบโค้งขึ้นมาตรงหน้าแล้วก็ทิ้งตัวเองไปด้านหลัง
ดอกไม้นั้นส่องแสง และส่วนใบดาบของดาบโค้งก็ปลิวขึ้นไปบนอากาศ
ลำแสง?!
เธอปล่อยลำแสงออกมาอีกครั้ง ฝุ่นทรายฝุ้งกระจายขึ้นตรงที่อินเฟอร์โนยืนอยู่ก่อนหน้านี้
สิ่งที่เหลืออยู่ของดาบโค้งมีเพียงดาบจับเท่านั้น ใบดาบนั้นหายไปจนหมด มันไม่ได้ถูกหลอมละลายด้วยความร้อนหรือถูกทำลายด้วยแรงกระแทก มันดูเหมือนกับว่าไม่เคยมีอยู่มาตั้งแต่แรกแล้ว
อาวุธทุกชิ้นของเพียวเอเลเมนท์นั้นถูกสร้างขึ้นมาอย่างพิเศษ แม้จะถูกโจมตีด้วยแรงของเมจิคัลเกิร์ล ใบดาบนั้นจะไม่แตกหัก แม้จะอยู่ในมือของอินเฟอร์โน ด้ามจับก็จะไม่ไหม้ ตัวใบดาบเองก็จะไม่ละลาย
การสร้างพลังงานขึ้นมาจากแสงเพื่อทำลายใบดาบนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จากนั้นเธอยิงลำแสงครั้งที่สามออกมา และม่านทรายก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ
การเสียเปรียบทางด้านพละกำลังนั้นมันทำให้รู้สึกสิ้นหวัง แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะทำลายจิตวิญญาณการต่อสู้ไป ตอนนี้จิตวิญญาณของเธอแตกสลายไปแล้วรึยังนะ? อินเฟอร์โนรู้สึกสับสน เธอไม่สามารถประเมินเรื่องของตัวเองได้เลย
เด็กสาวดอกไม้เองก็ไม่ได้ต่อสู้ในระยะประชิด เธอจึงเปลี่ยนกลยุทธ์ในทันที เวทมนตร์ของเธอนั้นยืดหยุ่น อินเฟอร์โนมันใจว่าระดับของศัตรูอยู่เหนือกว่าเธอไปแล้ว
ถ้าโดนลำแสงนั่นเธอคงถูกฆ่าตายแน่ แถมเด็กสาวดอกไม้ยังปล่อยมันออกมาโดยไม่ลังเลด้วย จะฆ่าหรือถูกฆ่านั้นไม่แปลกเลย ไม่ว่าจะถูกเผาไปมากแค่ไหน ตราบใดที่มันฆ่าเธอไม่ได้ เธอก็เห็นมันเป็นแค่บาดแผลเล็กๆแล้วก็จะไม่มีวันยอมแพ้
ลมพัดผ่านม่านทรายหายไป และอินเฟอร์โนรู้ว่าลำแสงนั้นหยุดยิงไปแล้ว ภาพของศัตรูอันสดใสที่ข้ามเนินทรายและชี้ดอกไม้บนหัวมาที่เธอปรากฏขึ้นมาในใจ เธอโปรยทรายออกมาจากมือที่เค้นมันอยู่ จากนั้นก็เตะทรายอย่างเต็มกำลังแล้ววิ่งออกไปอย่างเร็วที่สุด
อินเฟอร์โนพยายามเตะทรายขึ้นมาด้วยนิ้วเท้าให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ในใจของเธอยังคงคิดว่าจะมีลำแสงปล่อยออกมาจากด้านหลังอีก ไม่ว่าเธอพยายามลบความคิดไปแค่ไหนก็ไม่หายไปเลย
เมื่อเธอมาถึงที่กั้นตรงทางเข้าห้องฝึกซ้อม เธอก็กดปุ่มที่แผงควบคุมพร้อมกับยังคงเตะทรายขึ้นมา และทันทีเมื่อที่กั้นเปิดออก เธอก็ลอดเข้าไปข้างใต้ จากนั้นวิ่งผ่านทางเดินและห้องฝึกซ้อมหมายเลขสี่ จนมาถึงห้องประชุม ลมหายใจของเธอนั้นขาดห้วง หัวใจเองก็เต้นรัวราวกับว่าจะระเบิดออกมา
เธอรู้สึกว่าเวทมนตร์ในร่างกายมันลดลง เธอจึงเอายาออกมาจากลิ้นชักแล้วใส่เข้าไปในปาก จากนั้นก็เอาปากไปอยู่ใต้ก๊อกน้ำและเปิดน้ำ เธอกระชากลิ้นชักออกมาอย่างแรงจนทำให้ของที่อยู่ด้านในกระจัดกระจายไปทั่วพื้น แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ เธอก้มหน้าก้มตาดื่มน้ำอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะได้สัมผัสต่างๆกลับคืนมา
ยามันทำให้จิตใจของเธอสงบ มันทำให้ไม่มีความขี้ขลาดในตอนที่ท้าทายดิสรัปเตอร์ด้วยกันกับเพียวเอเลเมนท์คนอื่น และยังมอบความกล้าให้อีกด้วย
เธอยืดตัวแล้วเอามือวางลงบนโต๊ะ ปริซึม เชอร์รี่มองมาที่เธอด้วยท่าทางที่หวาดกลัวราวกับว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
“ขอโทษนะ แค่มีอะไรหลายๆเรื่องเกิดขึ้น ตอนนี้ชั้นไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
“เอ่อ……”
“หืม?”
“แล้วเท็มเพรสล่ะคะ?”
เมื่อรู้ว่าปริซึม เชอร์รี่พยายามจะพูดอะไร อินเฟอร์โนก็วิ่งออกไป
☆ สไตล์เลอร์ มิมิ
รูปร่างสีดำคล้ายกับมนุษย์บิดเบี้ยวต่อหน้าต่อตาเธอ มิมิเคยเห็นอะไรที่คล้ายกับแบบนี้มาก่อน แค่คิดมันก็ทำให้เธอขนลุก มันคือปีกของมาโอแพม หากมันแข็งแกร่งเหมือนๆกัน หากมันสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างอิสระเหมือนกับปีกของมาโอแพมแล้วล่ะก็ แบบนั้นมิมิก็มองไม่เห็นโอกาสชนะอยู่เลย
เธอแทบจะสิ้นหวังเมื่อหลบการโจมตีของศัตรู และคำพูดแบบว่า “อ๊ะ” ก็หลุดออกมาจากปากของเธอ นี่มันแตกต่างกับปีกของมาโอแพมอย่างสิ้นเชิง
ความเร็วและการตอบสนองนั้นอยู่ในระดับปานกลางที่มิมิสามารถสู้ได้ กรงเล็บที่แหลมคมที่โผล่ออกมาจากท่อนแขนใหญ่ๆนั้นต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่มันก็หลบหรือป้องกันได้ง่าย เธอหั่นมันด้วยกรรไกรแล้วก็เตะเพื่อสร้างระยะห่าง แล้วก็วิ่งวนเข้าไปด้านหลังเพื่อโจมตี เธอสามารถสู้กับสิ่งนี้ได้
รูปร่างสีดำนั้นเสียแขนไป หลังของมันก็โดนโจมตี แต่มันก็กำลังดิ้นไปมา และมีเนื้อสีดำถูกสร้างขึ้นตรงจุดที่ถูกตัดออกไปเพื่อพยายามฟื้นฟูรอยแผล การฟื้นฟูนั้นเหมือนกับปีกของมาโอแพมแต่ความเร็วนั้นช้ากว่า แถมยังดูเหมือนว่ายิ่งเธอโจมตีเข้าไปมากแค่ไหนพลังฟื้นฟูก็ยิ่งอ่อนแอลงเท่านั้น เมื่อเทียบกับการโจมตีครั้งแรก แผลจากการโจมตีครั้งที่สองนั้นจะใช้เวลารักษามากกว่าหลายวินาที
การโจมตีเพื่อจัดการมันในครั้งเดียวนั้นดีที่สุด หากเธอยังคงจัดการมันไม่ได้ แบบนั้นเธอก็ต้องคิดใหม่อีกครั้ง
ในตอนที่หลบการโจมตีอย่างว่องไวนั้น สตันชิคกะก็ขว้างมีด ไม่ก็เตะหรือต่อยออกมาเพื่อหลอกล่อรูปร่างสีดำอีกตัวด้วย เหมือนว่าเธอจะดูสบายๆ แม้การเคลื่อนไหวของเธอมันจะดูโง่ๆและสนุกสนาน บางครั้งเธอก็จะตีลังกาอย่างไม่มีเหตุผลเพื่อดึงดูดสายตาคนดูอย่างแปลกๆ
ทหารไพ่นั้นดูพอๆกันหรือน้อยไปกว่านั้น แม้ว่าเธอจะโจมตีได้ดีกว่าตอนที่ยังเป็นโพแดง แต่เธอก็ยังดิ้นรนและใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีกับคู่ต่อสู้รูปร่างสีดำ
เด็กสาวลูกบอลด้ายกับเด็กสาวฟองอากาศร่วมมือกันสู้กับศัตรูหลายตัว พวกเธอนั้นเป่าฟองออกมาราวกับพายุและใช้มันเป็นโล่ ไม่ก็บดบังการมองเห็น หรือใช้เป็นที่เหยียบเป็นครั้งคราวตอนต่อสู้ พวกเธอดูเหมือนจะแข็งแกร่งมาก ในตอนนี้พวกเธอมาช่วยดังนั้นคงจะเป็นพวกเดียวกัน มิมิต้องให้พวกเธอสู้ไปก่อนในตอนนี้
ความจริงแล้ว คนที่ยุ่งอยู่ตลอดก็คงจะเป็นมาริกะกับเด็กสาวชุดไว้ทุกข์ที่อาจจะกำลังสู้กับเมจิคัลเกิร์ลอยู่ หากมิมิเข้าไปยุ่งล่ะก็คงโดนมาริกะเล่นงานแน่ การปล่อยเธอไว้คนเดียวคงดีที่สุด เธอต้องจบการต่อสู้ของตัวเองให้เร็วแล้วก็ไปช่วยเด็กสาวไพ่ก่อน จากนั้นก็ตามด้วยเด็กสาวชุดไว้ทุกข์
มิมิตะโกนไปหาสตันชิคกะ “เน้นไปที่การโจมตี!”
สตันชิคกะผยักหน้าแล้วดึงเอาขวานออกมาจากแขนเสื้อ เธอโยนมันขึ้นไปในอากาศ จากนั้นก็ดึงอันที่สองออกมาและโยนขึ้นไปเหมือนกับอันแรก ตามด้วยอันที่สามและสี่ เธอเริ่มเล่นมายากล การผสมผสานระหว่างตัวตลกแล้วก็ขวานนั้น ทำให้มิมินึกถึงภาพยนตร์สยองขวัญมากกว่าละครสัตว์และการแสดงข้างถนนซะอีก มันออกจะน่ากลัวนิดๆ
มิมิมองดูมีดโกนขนาดใหญ่ที่อยู่ในมือซ้าย จากนั้นก็เอามันไปรวมกับกรรไกรในมือขวาเพื่อเฉือนศัตรู เธอเปลี่ยนเป้าหมายเป็นครั้งคราวกับสตันชิคกะเพื่อหลบเลี่ยงกรงเล็บของศัตรู ในขณะที่พวกเธอโจมตีเข้าไปยังจุดบอด พวกเธอทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกจนรูปร่างสีดำล้มลงไปกับพื้นจนกลายเป็นโคลน และซึมเข้าไปในทราย มิมิสัมผัสถึงอะไรที่ตามมาไม่ได้ เหมือนว่ามันจะจบลงแค่นี้
พวกโจมตีศัตรูที่ยังเหลืออยู่แบบสองต่อหนึ่ง พวกเธอฆ่ามันแล้วก็ไปช่วยทหารไพ่ทันที และในคราวนี้พวกเธอ
สามคนร่วมมือกันฉีกมันเป็นชิ้นๆ
ทหารไพ่ สตันชิคกะ และเมจิคัลเกิร์ลที่เป่าฟองกับลูกบอลด้ายที่จัดการรูปร่างสีดำเสร็จแล้วก็วิ่งไปยังทิศทางที่เด็กสาวชุดไว้ทุกข์ไป ตอนนี้มิมิคิดว่าอย่างน้อยเธอก็ต้องควรหาว่ามาริกะ ฟุคุโรอิอยู่ที่ไหนก่อน และเมื่อเธอมองออกไป มาริกะก็เดินเข้ามาหาเธอแล้ว
“เธอหนีไปแล้ว”
ในตอนที่เข้ามานั้นดอกคอสมอสยังคงเบ่งบานอยู่บนหัว แต่ในตอนนี้ดอกคอสมอสกลับเหี่ยวแห้งไปแล้ว ดอกไม้ที่อยู่บนหัวในตอนนี้คือดอกเดซี่ นั่นหมายความว่าคู่ต่อสู้แข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้ดอกคอสมอสเหี่ยวแห้ง หรือเธอเด็ดมันทิ้งไปแล้วใช้ดอกเดซี่แทน ยิ่งไปกว่านั้นการที่ปล่อยให้คู่ต่อสู้หนีไปได้ก็ไม่ใช่เรื่องดีด้วย
“นั่นเธอแข็งแกร่งเหรอ?”
“แข็งแกร่งสิ แถมชั้นประทับใจด้วยที่เธอยังมีทริคบางอย่างที่แขนเสื้ออยู่อีกด้วย”
“มันแปลกนะสำหรับคนที่วิ่งหนีไปโดยที่ไม่ได้ใช้ทริคออกมา”
“บางทีอาจจะใช้ในสถานการณ์นั้นไม่ได้ หรืออาจจะมีเหตุผลอื่น แต่ชั้นก็ไม่รู้หรอกนะ”
มาริกะหรี่ตาด้วยความรำคาญแล้วมองขึ้นไปบนเพดาน
“ไม่มีดวงอาทิตย์อยู่ก็จริง แต่นี่มันร้อนหยั่งกับอยู่ในนรก ผู้ใช้ไฟในอุณหภูมิแบบนี้มันโคตรน่ารำคาญเลย”
บรรยากาศของทะเลทรายมันไม่เข้ากับให้ดอกไม้เติบโต แถมเปลวเพลิงเองก็ไม่เข้ากันกับพืชด้วย หากดอกไม้ของมาริกะโตช้า กว่าจะเบ่งบานคงต้องใช้เวลานาน แต่ถ้าเร่งให้ดอกไม้เบ่งบานอย่างรวดเร็ว มันก็จะเหี่ยวแห้งเร็วตามไปด้วย ดอกไม้ที่ถูกบังคับให้เบ่งบานในขณะที่อยู่กลางทะเลทรายนั้นมันจะเหี่ยวเฉาอย่างรวดเร็วกว่าเดิมอีกด้วย
บางทีคำว่า “เธอหนีไปแล้ว” อาจหมายถึง “ชั้นพลาดแล้ว” ก็ได้
คราวจริงแล้ว บางทีมาริกะคงอยากจะสู้กับเธอที่อื่น ที่ที่เธอจะได้ต่อสู้อย่างสนุกสนานกับคู่ต่อสู้ที่ยังเก็บงำบางอย่างที่ทรงพลังเอาไว้ และเธอก็จะสามารถต่อสู้แบบเต็มกำลังได้ มาริกะ ฟุคุโรอิจะใช้หนทางอันบ้าคลั่งของเธอเพื่อก้าวไปสู่ชัยชนะ
“พวกเธอนี่ใช้เวลาสู้กับปีศาจนานจังนะ”
“ปีศาจ?”
“พวกมันคือสิ่งมีชีวิตที่สร้างขึ้นมาจากเวทมนตร์ จอมเวทน่ะจะสร้างมันขึ้นมาเพื่ออารักขาไม่ก็เป็นคนรับใช้ ชั้นได้ยินว่ามีเมจิคัลเกิร์ลที่สร้างมันได้เหมือนกัน แต่เรื่องแบบนั้นมันก็หายาก”
“นี่เธอรู้เรื่องแบบนั้นได้ยังไงน่ะ?”
“เพราะชั้นเก่งไงล่ะ”
สไตล์เลอร์ มิมิอยากคุยเรื่องนั้น เธอจึงเอาเท้าเอวแล้วนั่งลงไปบนพื้นทราย
“มันทำให้ฉันนึกถึงปีกของมาโอแพมเลย เพราะแบบนั้นถึงรู้สึกกลัวขึ้นมา”
“ใช่ เพราะมาโอแพมมีมันอยู่ ถึงได้ถูกเรียกว่ามาโอ หรือราชาปีศาจไงล่ะ เข้าใจใช่ไหม?”
“อ๊ะ เพราะแบบนั้นเองสินะ”
“จริงๆมันก็ไม่ใช่แบบนั้นทั้งหมดหรอก ยัยแก่นั่นแค่ชอบของแบบนั้นเท่านั้นเอง ย้อนกลับไปตอนที่แครนเบอร์รี่กลายเป็นเมจิคัลเกิร์ล เธอจัดการปีศาจนั่นได้ แถมมันยังตัวใหญ่มากด้วยนะ ดังนั้นพวกเธอก็ต้องจัดการเจ้าตัวเล็กๆให้มันเร็วกว่านี้หน่อยสิ”
“ขอล่ะนะ ช่วยอย่าเอาฉันไปเทียบกับนักดนตรีแห่งพงไพรเถอะ”
“คู่หูของมาริกะ ฟุคุโรอิเป็นแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย? …แต่ว่านะ”
สายตาของมาริกะมองไปที่เนินทรายที่อยู่ด้านซ้าย มันคือทิศทางที่เด็กสาวชุดไว้ทุกข์มุ่งหน้าไป สตันชิคกะและทหารไพ่ก็มุ่งหน้าเข้าไปช่วย
“มันเงียบแปลกๆนะ แต่เหมือนว่าจะเรียบร้อยกันดี”
พอมาริกะพูดออกมามันก็เงียบอย่างที่เธอว่าจริงๆ แต่มันก็ไม่ได้เงียบไปซะทั้งหมด สิ่งที่มิมิได้ยินไม่ใช่เสียงของการต่อสู้อย่างดุเดือดแต่เป็นของเสียงฝีเท้าบนพื้นทราย
ตอนนั้นสตันชิคกะก็ปรากฎตัวขึ้นมาจากอีกด้านของเนินทรายพร้อมกับทหารไพ่ที่ตามเธอมา ทหารไพ่นั้นส่งเสียงร้องออกมาเพื่อพยายามจะบอกอะไรบางอย่างกับพวกเธอ แต่มิมิไม่เข้าใจว่าเธอพูดอะไรอยู่ สตันชิคกะเองก็พยายามสื่อสารด้วยท่าทาง แต่มันก็เข้าใจได้ยากเหมือนกับการสื่อสารของทหารไพ่เลย
“หืมม? เด็กสาวชุดไว้ทุกข์หายไปแล้วงั้นเหรอ?”
“นี่เข้าใจสิ่งที่พวกเธอพยายามจะบอกได้ยังไงเนี่ย?”
“พวกเธอก็พูดมาชัดเจนแล้วนี่?”
เด็กสาวลูกบอลด้ายกับเด็กสาวฟองอากาศออกไปตามหา พวกเธอพยายามเรียกแล้ว แต่ก็เหมือนว่าไม่มีใครปรากฏตัวออกมาเลย
แม้ว่าที่นี่จะเป็นทะเลทราย แต่มันก็เป็นห้องที่อยู่ใต้ดินเท่านั้น ถึงจะเป็นห้องที่ใหญ่ขนาดหนึ่งร้อยตารางเมตร แต่ห้องยังไงมันก็คือห้อง เนินทรายมันบดบังสายตาของพวกเธอเอาไว้ก็จริงแต่มันก็แค่นั้น หากพวกเธอทั้งหกคนกระจายตัวแล้วออกตามหา พวกเธอก็คงจะหาเจอได้ในทันที แต่เด็กสาวชุดไว้ทุกข์ก็ไม่ได้กลับมา
“ถูกฝังอยู่ใต้ทรายรึเปล่า?”
“ฉันว่าถ้าแบบนั้นเธอคงออกมาเองได้อยู่แล้ว ก็เพราะเธอเป็นเมจิคัลเกิร์ลนี่นา”
“แบบนั้นก็หมายความว่า…”
ที่กั้นอีกฝั่งของทางเข้าเปิดขึ้นและทุกคนก็มองไปตรงนั้น ทหารไพ่นั้นวิ่งเข้าไปหลบด้านหลังของเด็กสาวฟองอากาศ ในตอนนี้เธอกลับไปเป็นสามโพแดงอีกครั้ง
สิ่งที่พวกเธอเห็นตรงที่กั้นก็คือเมจิคัลเกิร์ลที่มีดาบโค้งและหางแมงป่อง และปลายเส้นผมมีเปลวเพลิงลุกโชนอยู่ เธอไม่ได้เข้ามาในห้อง เพียงแค่มองซ้ายมองขวา และเมื่อมองมาที่พวกเธอ เธอก็ส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังออกมา ไม่รู้ว่ามาริกะนั้นคิดอะไรอยู่ เธอนั้นโบกมือให้อีกฝ่ายแล้วพูดว่า “เฮ้!” แต่เมจิคัลเกิร์ลคนนั้นก็เมินเธอแล้วปิดประตูไป
“หืม” มาริกะพูดกับตัวเองพร้อมกับเอามือจับที่ขากรรไกร
“เหมือนว่าเพื่อนของเธอจะถูกศัตรูลักพาตัวไปนะ”
“จริงเหรอเนี่ย…?”
“แหม แหม แบบนี้มันวิกฤติแล้วสิ”
ท่าทางของเด็กสาวลูกบอลด้ายนั้นจริงจัง แต่เด็กสาวฟองสบู่นั้นดูใจเย็น
“จะว่าไป…” มาริกะพูด “… พวกเธอเป็นใครกันน่ะ?”
“พวกเราคือเมจิคัลเกิร์ลผู้หวังดีที่ตั้งใจมาช่วยไงล่ะ” เด็กสาวฟองอากาศตอบ
สตันชิคกะก็ตบมือของเธอเข้ากับหน้าผากอย่างสนุกสนาน
☆ ฟาล
พวกเธอกลับมาที่ทางแยกเพื่อรวมตัวกับอีกกลุ่มหนึ่งที่แยกตัวกัน แต่ละทีมนั้นรายงานว่าได้เผชิญหน้ากับเมจิคัลเกิร์ลสองคน แต่อีกกลุ่มหนึ่งรายงานเรื่องที่น่าเบื่อหน่ายและท้อแท้มาด้วย
สไตล์เลอร์ มิมิพยายามหยุดมาริกะ ฟุคุโรอิที่ยืนกรานว่าพวกเธอต้องออกไปสู้ให้สงบลง ดอกไม้บนหัวของเธอนั้นเหี่ยวแห้งจนกลายเป็นสีน้ำตาลไปหมดแล้ว เธอบอกว่าตัวเองใช้พลังงานทั้งหมดเพื่อสู้กับเมจิคัลเกิร์ลอีกคนจนกระทั่งดอกไม้เหี่ยวแห้ง แต่สำหรับดอกไม้ที่เหี่ยวแห้งแล้วมันก็ดูดีพอสมควร
สโนไวท์ลุกขึ้นมาอย่างเงียบๆแล้วเดินไปทางที่กั้น เธอห้ามสตันชิคกะที่พยายามตามไปเอาไว้ด้วยมือขวา ทำไมสตันชิคกะถึงต้องพยายามตามสโนไวท์ไปด้วยนะ? ฟาลรู้สึกว่าสตันชิคกะนั้นพยายามจะทำตัวสนิทสนมกับสโนไวท์ จากนั้นตัวตลกก็ยักไหล่อย่างสนุกสนานแล้วนั่งกลับลงไปเหมือนเดิม
“นั่นเธอจะไปไหนน่ะ?” อุตาคัทตะถาม
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับมาสค็อทของฉัน อีกสามสิบวินาทีเดี๋ยวกลับมา”
สโนวไวท์ตอบกลับไป จากนั้นก็เปิดที่กั้นแล้วเข้าไปในห้องป่าแล้วก็เปิดเมจิคัลโฟนขึ้นมา ภาพของฟาลที่เป็นโฮโลแกรมก็พร้อมที่จะเริ่มการสนทนา
“การคุยกันอย่างลับๆก็เรื่องนึง แต่เราไม่รู้ว่ามันเป็นความคิดที่ดีรึเปล่าที่บอกคนอื่นไปน่ะ ปอน”
“พูดความจริงเอาไว้ดีกว่านะ ในตอนนี้ถ้ามีใครที่เดินออกไปจากที่กั้นโดยไม่มีเหตุผลล่ะก็ ถึงแม้ฉันโกหก อีกฝ่ายก็จะรู้”
อุตาคัทตะนั้นมีสายตาที่แหลมคมกว่าคนอื่น ซึ่งมันแตกต่างจากสิ่งที่คิดออกมาได้จากการมองรอยยิ้มของเธอ เธอนั้นไวต่อการสัมผัสพฤติกรรมของคนอื่น และในตอนนี้เองก็เช่นกัน เธอเรียกสโนไวท์ที่จะออกไปข้างนอกเอาไว้ อุตาคัทตะกับฟิรูรุ ฟาลมีข้อมูลของทั้งคู่อยู่
เมจิคัลเกิร์ลที่สวมชุดเอี๊ยมคืออุตาคัทตะ เธอนั้นคือคนที่เรียกได้ว่าเป็นเมจิคัลเกิร์ลรับจ้าง เธอจะถูกจ้างเมื่อมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการคนที่มีประโยชน์มาใช้งาน แน่นอนว่าเธอมักจะถูกจ้างในงานที่มีความยากลำบาก ซึ่งนั่นมันไม่ใช่การใช้ชีวิตที่คนอ่อนแอจะเลือกเลย
เด็กสาวลูกบอลด้ายคือฟิรูรุ ฟาลไม่รู้ว่าทำไมคนที่เป็นลูกจ้างของสถานจองจำเมจิคัลเกิร์ลในอเมริกาถึงมาอยู่ในที่แบบนี้ หน้าที่ของเธอคือการรักษาความปลอดภัย ป้องกันการโจมตีที่จะมาจากภายนอกเช่นเดียวกับไม่ให้คนที่อยู่ภายในหลบหนีไปได้ โดยทั่วไปแล้วเธอคือคนที่เก่งการต่อสู้
ทั้งสองคนบอกว่ามาที่เมืองแห่งนี้เพราะได้รับอีเมลเหมือนกับที่สโนไวท์ได้ คืนก่อนหน้าพวกเธอได้เจอกับเมจิคัลเกิร์ลประดิษฐ์ แม้ว่าจะต่อสู้กันแต่ก็ปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไปได้ และนั่นก็คือตอนที่พวกเธอเจอเข้ากับเมจิคัลเกิร์ลอีกคนหนึ่งที่สวมชุดไว้ทุกข์ชื่อว่าคาฟุเรีย ทั้งสามคนจึงรวมกลุ่มกันแล้วมายังที่แห่งนี้
จากเวทมนตร์ของสโนไวท์ อย่างน้อยที่สุดทั้งสองคนก็ไม่ได้โกหก
“แค่สองคนนะ”
“หมายความว่ายังไงเหรอ ปอน?”
“เพราะฉันไม่ได้ยินเสียงจากหัวใจของคาฟุเรีย”
นอกจากอุตาคัทตะกับฟิรูรุแล้ว ยังมีควีนออฟฮาร์ทที่ชื่อกริมฮาร์ท และทหารไพ่ที่ชื่อชัฟฟินอยู่ด้วย ทั้งสองคนนั้นไม่ได้อยู่ในข้อมูลของฟาล อุตาคัทตะบอกว่าบางทีพวกเธออาจมาจากส่วนกลางของดินแดนเวทมนตร์ และนั่นมันก็อธิบายว่าทำไมข้อมูลถึงไม่หลุดมาถึงมือคี๊ค
เมจิคัลเกิร์ลที่มาจากส่วนกลางนั้นน่ารำคาญมาก สโนไวท์เองก็เป็นสมาชิกผู้มีเกียรติคนหนึ่ง แต่เธอไม่ได้อาศัยอยู่ที่นั่น และถ้าเธออยาก บางทีพวกนั้นอาจจะไม่อนุญาตก็ได้
คี๊คเรียกคนพวกทั้งหมดนั้นว่าพวกช่างฝันอันหยิ่งยโส และการเจอกับคนเหล่านั้นบ่อยๆก็ทำให้ความโกรธและหงุดหงิดของเธอรุนแรงขึ้น ฟาลคิดว่าหนึ่งในเหตุผลที่เป็นรากฐานให้คี๊คทำเรื่องแบบนั้นขึ้นคือตัวของดินแดนเวทมนตร์ และฟาลเองก็ไม่ได้พูดเรื่องทั้งหมดแบบลำเอียงด้วย
กริมฮาร์ทนั้นใช้กระเป๋าสี่มิติเหมือนกับสโนไวท์ เธอดึงเอาบัลลังก์ ที่บังแดด ชั้นหนังสือ พรมหนาๆที่สร้างมาจากเวทมนตร์ และเฟอร์นิเจอร์อื่นๆอีกมากมาย เธอตั้งมันไว้อย่างกล้าหาญตรงหน้าทางเข้า ชัฟฟินนั้นหดตัวอยู่เล็กๆแถมยังตัวสั่นอยู่ตรงนั้นด้วย
“สองคนนั่นมีปัญหาอะไรรึเปล่า ปอน?”
สโนไวท์เอานิ้วกลางของเธอไปแตะที่กรามแล้วดูเหมือนว่าจะคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ฉันไม่ได้ยินความคิดของกริมฮาร์ท”
“หือ? ไม่ได้ยินงั้นเหรอ?”
“ฉันไม่ได้ยินอะไรเลย ฉันบอกไม่ได้ว่าเวทมนตร์ของเธอคืออะไร หรือใช้ไอเท็มแบบไหนป้องกันเอาไว้ด้วย”
เมื่อตอนที่พวกเธอไม่รู้ว่าจะเชื่อใจใครได้ เวทมนตร์ของสโนไวท์นั้นจะมีผลมาก แน่นอนว่ามันคือกรณีที่เวทมนตร์นั้นใช้การได้ตามปกติ
“เหมือนเธอจะดูไม่ได้คิดอะไรมากมายนะ…”
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพูดคุยกับกริมฮาร์ท คนที่เอาแต่ชี้ไปที่ชัฟฟินแล้วพูดว่า “เอามันไปตัดหัว” ส่วนชัฟฟินเองก็พูดอะไรที่พวกเธอไม่เข้าใจอีกด้วย
ฟิรูรุกับอุตาคัทตะบอกว่าทั้งคู่เป็นแบบนี้ตั้งแต่เจอกันแล้ว ขนาดสตันชิคกะ คนที่ใช้ท่าทางสื่อสารยังดีซะกว่า
“ระวังพวกเธอไว้จะดีกว่านะ ปอน แล้วชัฟฟินล่ะ ปอน?”
“เธอดูไม่เหมือนว่าจะคิดอะไรมาก แต่จริงๆแล้วดูเหมือนว่าเธอจะคิดอะไรไม่ได้มากกว่า”
“อ๊ะ…เหมือนกับเมจิคัลเกิร์ลที่แต่เดิมเป็นสัตว์รึเปล่า ปอน?”
“ประมาณนั้น ตอนนี้ฉันบอกได้ว่าเธอไม่ได้คิดอะไรที่เลวร้าย”
ในตอนนี้มันกลายเป็นกลุ่มขนาดใหญ่แล้ว แถมยังมีเมจิคัลเกิร์ลมากขึ้นอีก ส่วนใหญ่แล้วสโนไวท์นั้นจะออกปฎิบัติการคนเดียว เธอไม่เคยทำงานร่วมกับกลุ่มขนาดใหญ่ขนาดนี้มาก่อน ซึ่งส่วนนี้มันไม่เป็นไร แต่เรื่องรายงานคงจะแย่
ศัตรูนั้นใช้ปีศาจ
แรกเริ่มเดิมทีเมจิคัลเกิร์ลไม่ได้งานสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ การเรียกมันว่า “ปีศาจ” นั้นหมายถึงสิ่งมีชีวิตสังเคราะห์ทุกอย่างที่สร้างขึ้นมาจากเวทมนตร์โดยที่พวกมันไม่มีการรับรู้ถึงเรื่องของ “ตัวเอง” คำพูดนี้มันเป็นเหมือนกับคำเรียก เพราะตัวตนของพวกมันนั้นน่ารังเกียจ จนคำพูดนี้ถูกทุกคนใช้เรียก จอมเวทและเมจิคัลเกิร์ลเองก็เลิกใช้คำดั้งเดิมอย่าง “โฮมุนครูส” ไปเช่นกัน
และมันเห็นได้ชัดจากเหตุการณ์ในการทดสอบที่แครนเบอร์รี่กลายเป็นเมจิคัลเกิร์ล ที่ปีศาจอันทรงพลังออกอาละวาด หากใช้งานมันอย่างผิดพลาด ปีศาจนั้นจะอันตรายมากและจะสร้างโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ได้อีกด้วย ในการที่จะใช้พวกมันนั้นจำเป็นต้องได้รับการอนุญาตจากการตรวจสอบหลายชั้น และจำเป็นต้องมีจอมเวทคอยกำกับดูแลเพื่อให้สิ่งต่างๆเป็นไปอย่างถูกต้อง จึงจะอนุญาตให้ใช้งานได้
มันดูไม่เหมือนว่าจะมีระบบการตรวจสอบที่ถูกต้องเช่นนั้นอยู่ในสถานที่แห่งนี้ แม้ว่าการกำกับดูแลของดินแดนเวทมนตร์จะมีช่องโหว่มาก แต่มันก็จะแตกต่างออกไปเมื่อกลายเป็นเรื่องของการควบคุมปีศาจ เพราะมันเป็นสิ่งที่จอมเวทสร้างขึ้นและไม่มีทางที่เมจิคัลเกิร์ลจะใช้งานได้ ซึ่งมันหมายความว่าปีศาจที่นี่มันถูกใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต
เพียงแค่รายงานเรื่องนี้ไปมันก็เป็นข้ออ้างมากพอที่จะลงมาจัดการแล้ว แต่มันไม่มีใครที่พูดถึงเรื่องนี้เลย ฟาลนึกอย่างง่ายๆว่าแต่ละคนก็คงมีเหตุผลของตัวเอง
พวกนั้นคิดคงเรื่องผลประโยชน์ของฝ่ายตัวเอง คิดว่าต้องได้รับเครดิทมากที่สุด ในตอนนี้ความจริงที่ว่าสโนไวท์ไม่ได้ทำอะไร ก็อาจเป็นเพราะอีกฝ่ายมีตัวประกันอยู่
คาฟุเรียตกไปอยู่ในมือของศัตรูแล้ว
จากที่อุตาคัทตะกับฟิรูรุบอก เวทมนตร์ของคาฟุเรียคือ “รู้ว่าใครจะตายเป็นคนต่อไป” มันฟังแล้วค่อนข้างที่จะไม่รื่นหูเอาซะเลย และยิ่งกว่านั้นคาฟุเรียบอกพวกเธอว่าไม่ต้องเป็นห่วง เพราะเธอไม่ใช่คนที่จะตายเป็นรายต่อไป
เมื่อคาฟุเรียอยู่กับฟิรูรุและอุตาคัทตะ เธอก็พูดว่าเธอไม่ใช่คนที่จะตายเป็นรายต่อไป แต่เมื่อชัฟฟินกับกริมฮาร์ทเข้ามาร่วมด้วย เธอก็พูดออกมาว่า “ลำดับนั้นเปลี่ยนไปแล้ว”
ข้อมูลของฟาลก็บันทึกเรื่องเวทมนตร์ของคาฟุเรียเอาไว้ว่า “รู้ว่าใครจะตายเป็นคนต่อไป” เช่นกัน และมันไม่มีเหตุผลที่เธอจะโกหกเรื่องที่จะเธอไม่ใช่คนที่จะตายเป็นรายต่อไปด้วย หากเป็นเช่นนั้นจริง เธอก็คงจะตื่นตระหนกและทำตัวเอะอะมากกว่านี้ ตามที่ฟิรูรุกับอุตาคัทตะบอก เธอนั้นดูเหมือนโล่งใจจริงๆ
คนที่ไม่ได้จะตายในทันทีหายตัวไปในการต่อสู้พร้อมกับศัตรู โดยพื้นฐานแล้วคงถูกจับตัวไปใช่ไหมนะ? พวกเธอพยายามค้นหาในห้องทะเลทรายที่เป็นจุดที่เธอหายตัวไปแล้วแต่ก็ไม่เจอตัว มันเลยทำให้ฟาลรู้สึกไม่สบายใจ
หากในตอนนี้ศัตรูใช้คาฟุเรียเป็นโล่เพื่อสร้างข้อต่อรอง เหล่าเมจิคัลเกิร์ลก็คงไม่ทำตามที่บอก ที่แห่งนี้มันดูเหมือนว่าจะไม่มีใครยอมอ่อนข้อเรื่องเป้าหมายของตัวเองเพื่อชีวิตของใครซักคนที่เพิ่งจะเจอหน้ากัน แม้แต่อุตาคัทตะและฟิรูรุที่เรียกตัวเองว่าเป็นพวกเดียวกันกับเธอ ก็เพิ่งจะเจอกับคาฟุเรียเมื่อวันก่อนด้วยเช่นกัน
เลดี้พราวกับอัมเบรนนั้นเป็นสมาชิกขององค์กรยักษ์ใหญ่อย่างกรมการต่างประเทศ พวกเธอให้ความสำคัญกับองค์กรมากกว่าความเมตตา เพราะนั่นคือแนวทางการปฎิบัติของสมาชิกในองค์กร
สำหรับมาริกะ ฟุคุโรอิและสไตล์เลอร์ มิมินั้น มันน่าแคลงใจตั้งแต่แรกแล้วว่าพวกเธอมีสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นความเห็นอกเห็นใจอยู่ด้วยรึเปล่า หากสัตว์ร้ายผู้มีความสุขในการต่อสู้สูญเสียสิ่งนั้นไปล่ะก็ เธอจะหันเขี้ยวมาใส่ทั้งมิตรและศัตรูไหมนะ?
กริมฮาร์ทนั้นพูดแต่ “เอามันไปตัดหัว” แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรเลย พวกเธอไม่รู้ว่าเธอนั้นจะแสดงออกยังไงเมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้น ชัฟฟินที่คอยรับใช้เธอก็เป็นเหมือนกัน
ส่วนสตันชิคกะนั้น เป็นคนที่พวกเธอแทบไม่รู้จักแถมยังไม่เข้าใจว่าคิดอะไรอยู่อีกด้วย เธอนั้นดูไม่ได้กลัวอะไร แต่มันก็มีข้อจำกัดในการสื่อสารด้วยท่าทางอยู่
เมื่อชีวิตถูกใช้ต่อรอง สโนไวท์นั้นจะจัดลำดับความสำคัญเรื่องชีวิตมาก่อน เธอรังเกียจเรื่องแบบนี้มากกว่าอะไรทั้งสิ้น ฟาลเองก็อยากให้เธอให้ความสำคัญกับชีวิตเช่นกัน ถ้าเป็นไปได้ฟาลก็หวังว่าเมจิคัลเกิร์ลทุกคน
จะเป็นแบบนี้ด้วย
แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้น เมื่อเป็นการเจรจา หากทุกคนเว้นแต่สโนไวท์พูดออกมาว่า “มันเป็นความผิดของคาฟุเรียเองที่ถูกจับไป ดังนั้นไม่ต้องเจรจา” แบบนั้นมันจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ?
สโนไวท์ไม่ใช่เมจิคัลเกิร์ลประเภทที่จะนิ่งเงียบแล้วปล่อยให้ความเห็นของตัวเองถูกเพิกเฉย เธอจะพูดออกมา ยืดหยัดสิ่งที่พูด และไม่ปล่อยมันให้ตกไป
เมจิคัลเกิร์ลนั้นมีความปรารถนาอันแรงกล้า คี๊คนั้นไม่ใช่คนเดียวที่คิดว่าการทำลายหรือการประนีประนอมมันเทียบได้กับการเอาชนะ
การพูดคุยในตอนนี้มันยังไม่ไปถึงจุดนั้น ฟาลเต็มไปด้วยความกังวลหากมันไปถึงจุดนั้นเข้าจริงๆ
“พวกเธอไม่ได้เป็นคนเลวเหมือนที่คิดหรอกนะ ฟาล”
“พูดถึงใครอยู่เหรอ ปอน?”
“ที่นี่น่ะ ไม่มีใครคิดจะทิ้งคาฟุเรียไปหรอก แต่ว่า…”
ดวงตาของสโนไวท์หันไปมองอีกด้านของที่กั้น
“ฉันไม่รู้ว่ากริมฮาร์ทคิดอะไรอยู่ และก็ไม่รู้ว่าชัฟฟินจะทำอะไรภายใต้คำสั่งของเธอด้วย คงต้องระวังเอาไว้จะดีกว่า”
ก่อนที่จะเดินออกจากที่กั้นออกมานั้น กริมฮาร์ทอ่านหนังสือเล่มเล็กๆแล้วก็หาวออกมา เธอดูไม่เหมือนว่าจะเป็นคนที่ต้องใช้ความระมัดระวังอะไรมาก แต่เพราะสโนไวท์บอกว่าไม่ได้ยินความคิดของเธอ ซึ่งก็ทำความเข้าใจไม่ได้เหมือนกับสิ่งที่เธอพูด
“แล้วก็…นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของคนที่อยู่ที่นี่เท่านั้น”
“แบบนั้น…มันหมายความว่ายังไงเหรอ ปอน?”
“ฉันหมายถึงตอนนี้ทุกคนน่ะติดอยู่ใต้ดิน”
สโนไวท์เปิดที่กั้นพร้อมกับเมจิคัลโฟนที่ยังคงอยู่ในมือ กริมฮาร์มคนที่นอนอยู่อย่างเกียจคร้านตอนนี้ลุกขึ้นมาตัวตรงและพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เป็นสีแดง ชัฟฟินหมอบกราบเธออยู่ตรงหน้าโซฟาพร้อมกับตัวสั่น นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ?
สโนไวท์เดินกลับไปตามทางเดินอย่างเงียบสงบ เธอเดินผ่านด้านหน้าของสตันชิคกะแล้วยืนอยู่ตรงหน้าโซฟาของกริมฮาร์ท หรือก็คือที่ที่ทุกคนรวมตัวกันอยู่ ทุกคนที่เคยมองไปยังกริมฮาร์ทที่โกรธและชัฟฟินที่ตัวสั่นก็หันกลับมามองที่สโนไวท์ ชัฟฟินเองก็เงยหน้ามามองสโนไวท์เช่นกัน
“มาคุยกันดีกว่า”
ข้อเสนอที่จู่ๆก็พูดออกมาของสโนไวท์นั้นทำให้มาริกะ ฟุคุโรอิมองเธออย่างสงสัย แม้คนอื่นจะไม่มากเท่ามาริกะ แต่มันก็คือการสงสัยเหมือนกัน
“เวทมนตร์ของฉันทำให้ฉันสามารถได้ยินความคิดของคนอื่นได้”
นอกจากริมฮาร์ทแล้วที่ไม่ได้มองมาที่สโนไวท์แล้ว ทุกคนล้วนตกใจในระดับหนึ่ง ฟาลนั้นไม่ได้มีฟังก์ชั่นของการเปลี่ยนแปลงท่าทางอยู่ก็จริง แต่ถ้ามีล่ะก็ ตาและปากของฟาลคงจะเบิกกว้างตอนที่มองไปยังสโนไวท์มากกว่าใครแน่
เมจิคัลเกิร์ลที่อยู่ในสนามรบไม่ควรจะเปิดเผยเวทมนตร์ของตัวเองออกมา เพราะการปล่อยให้คนอื่นรู้เวทมนตร์นั้นมันเท่ากับทิ้งชีวิตของตัวเอง แม้ในวันนี้จะเป็นพวกเดียวกัน แต่พรุ่งนี้อาจจะกลายเป็นศัตรูก็ได้
อย่างน้อยที่สุดถ้าจะให้พูดคือ กลุ่มคนเจอหน้ากันในคราวนี้นั้นมากหน้าหลายตา และในกรณีเลวร้ายที่สุดคือไม่ต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้ เพียงแค่สิบนาทีหลังจากนี้กลายเป็นศัตรูมันก็ไม่แปลกอะไร
และมันก็ยังเป็นกลุ่มคนที่สโนไวท์เปิดเผยเวทมนตร์ของตัวเองให้รู้อีก การพูดว่า “ฉันได้ยินความคิดของคนอื่น” มันก็เท่ากับการพูดว่า “ฉันรู้ว่าเวทมนตร์ของทุกคนคืออะไร” และไม่ใช่เพียงแค่เวทมนตร์เท่านั้น เป้าหมาย ความรู้ ทักษะลับ เธอบอกไปว่ารู้มันทั้งหมด
มาริกะ ฟุคุโรอิหัวเราะออกมาเสียงดัง จนกลีบดอกไม้ที่เหี่ยวแห้งบนหัวของเธอร่วงลงมาบนพื้น
“โอ้ววว งั้นเหรอเนี่ย! เมจิคัลเกิร์ลคนนี้แข็งแกร่งซะจริง! แบบนี้การสู้กับเธอคงก็สนุกแน่! ชั้นเข้าใจแล้ว!”
สไตล์เลอร์ มิมิหน้าบึ้งเพราะความไม่พอใจ ในขณะที่เลดี้พราวมองมาที่สโนไวท์ ฟิรูรุก็ก้มหน้าลงพร้อมกับแก้มของเธอที่กลายเป็นสีแดง สตันชิคกะเอียงหัว และอุตาคัทตะหลับตาลงหนึ่งข้างพร้อมกับส่งรอยยิ้มแดกดันออกมา
“ตามที่มาริกะพูด เวทมนตร์อ่านใจมันเป็นอะไรที่น่ากลัวมากนะ” อุตาคัทตะพูด “แล้วความสามารถอ่านใจมันเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงล่ะ?”
“ฉันอ่านใจไม่ได้ ฉันแค่ได้ยินเสียงความคิดของคนอื่นเท่านั้น”
“อ๊ะ โทษทีนะ แล้วการได้ยินความคิดคนอื่นมันเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงล่ะ?”
“เมจิคัลเกิร์ลที่อยู่ในที่แห่งนี้ ฉันเองก็ได้ยินความคิดด้วยเหมือนกัน”
“โอ้โห”
“พวกนั้นไม่ได้อยากสู้กับเรา ยังมีโอกาสในการเจรจาอยู่”
ท่าทีของเลดี้พราวดูผ่อนคลายลง
“…ถ้าอีกฝ่ายอยากทำแบบนั้น มันก็ควรจะเจรจากันตั้งแต่แรกสิ นี่เธอลืมไปแล้วเหรอว่าใครชักอาวุธออกมาก่อนน่ะ?”
“พวกเธอไม่ได้คิดจะสู้เพราะอยากทำแบบนั้นมาตั้งแต่แรกแล้ว”
สโนไวท์พูดต่อโดยไม่สนคำถามของเลดี้พราว การที่ฟาลได้เห็นสโนไวท์พูดมากขนาดนี้ตอนอยู่ในร่างของเมจิคัลเกิร์ลนั้นมันหาได้ยาก สโนไวท์นั้้นจริงจังมากกับการพูดเรื่องนี้ เธออาจจะดูใจเย็นก็จริงแต่ว่าเธอนั้นก็เลือกคำพูดที่จะพูดออกมาอย่างระมัดระวัง
ทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะสโนไวท์พยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้นั่นเอง ฟาลยั้งความรู้สึกที่จะพูดว่า “นี่พวกเธอไม่คิดแบบนั้นเหรอ?” เอาไว้
สโนไวท์เกลียดความขัดแย้ง แม้จะอยู่ในการทดสอบของแครนเบอร์รี่ เธอก็หลีกเลี่ยงการฆ่าฟันจนถึงท้ายที่สุด เธอใช้ฉายานักล่าเมจิคัลเกิร์ลเพื่อให้เกิดผลดี เพื่อทำให้ผู้คนหวาดกลัวเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่ไร้ความหมาย
กริมฮาร์ทมองและชี้มาที่สโนไวท์พร้อมกับพูดว่า “เอามันไปตัดหัว”
“จากมุมมองของอีกฝ่ายมันก็เห็นได้ชัดว่าพวกเราคือผู้บุกรุก แล้วก็เพราะว่าพวกเราเข้ามาเพราะจะต่อสู้ อีกฝ่ายจึงตอบโต้มาแบบนั้น”
สไตล์เลอร์ มิมิพยักหน้าให้กับคำพูดของสโนไวท์
“ก็จริง เพราะยัยบ้าของฉันดันไปยั่วอีกฝ่ายก่อน แถมอีกฝ่ายก็ดันเล่นตามด้วย ฉันคิดว่าถ้าไม่มีเรื่องนี้ พวกเราก็คงเข้าหากันอย่างสงบสุขได้”
“เฮ้! ‘ยัยบ้าของฉัน’ นี่มันหมายความว่าไงน่ะ?”
“อย่างน้อยที่สุด ถ้าอีกฝ่ายมีคาฟุเรียอยู่ด้วย แบบนั้นก็คงจะพยายามเจรจากับเรา” ฟิรูรุพูด
“ใช่ ฉันมีความรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้พยายามสู้เลยด้วย” สไตล์เลอร์ มิมิเห็นด้วย
“ชั้นเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน”อุตาคัทตะพูด
“แต่ว่า… มันก็…”
“เอามันไปตัดหัว!”
“เดี๋ยวก่อนสิ”
เลดี้พราวยื่นมือมาข้างหน้า ตาของเธอหันไปมองทุกทิศทาง
“อัมเบรนไปไหนเนี่ย?”
เธอมีร่มคันใหญ่ที่ทำให้มองเห็นได้ชัด ดังนั้นมันไม่มีทางที่เธอจะซ่อนตัวในทางเดิน แถมที่ทางเดินเองก็ไม่มีที่ให้ซ่อนด้วย ทุกคนมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่มีใครเห็นอัมเบรนเลย
“อัมเบรนไปไหนน่ะ?! มีใครเห็นเธอบ้างไหม?!” เลดี้พราวตะโกนออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ซีดเซียว
“ฉันไม่ได้ยินความคิดของเธอด้วย…”
สโนไวท์นั้นไม่สบอารมณ์ เธอไม่รู้ตัวเลยว่าจำนวนเสียงที่เธอได้ยินมันเปลี่ยนแปลงไปในตอนที่เธอออกไปข้างนอกกับตอนที่เธอกลับเข้ามาข้างในว่ามันต่างกัน ฟาลตรวจสอบการแสกนศัตรูของตัวเองและยืนยันว่ามีคนหายไปหนึ่งคน ในตอนที่ออกไปจากที่กั้น อัมเบรนยังคงอยู่ที่นี่
ถ้าสโนไวท์ไม่สบอารมณ์ แบบนั้นฟาลก็จะเป็นคนรับหน้าที่เอง เพราะมันก็คืองานของมาสค็อท
“ก่อนที่สโนไวท์จะออกไป เลดี้พราวก็คุยอยู่กับอัมเบรนนี่ ปอน”
ในตอนที่เลดี้พราวเหมือนจะยืนนิ่งอยู่นั้น เธอมองมาที่ฟาล
“ดิฉัน…ดิฉัน… ใช่ ดิฉันคุยกับอัมเบรนอยู่ พวกเราคุยกันว่าจะทำอะไรกันต่อไป ถ้าจะเขียนรายงานเรื่องนี้ไปมันก็คงดีที่สุด”
“เมื่อสโนไวท์กลับมา อัมเบรนก็หายไป ปอน”
“ใช่ มัน…อาจจะเป็นแบบนั้น”
“ตอนที่สโนไวท์ไม่อยู่เกิดอะไรขึ้นเหรอ ปอน?”
เลดี้พราวมองไปที่กริมฮาร์ทจากนั้นก็หันไปมองที่ชัฟฟิน กริมฮาร์ทนั้นเอาแต่บ่นกับตัวเองราวกับว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันไม่เกี่ยวข้องกับเธอ แต่ชัฟฟินนั้นตัวสั่นอย่างรุนแรง เธอกดหน้าผากของตัวเองลงกับพื้นแล้วก็หดตัวอีกครั้ง
“กริมฮาร์ท…สั่งให้ชัฟฟิน…เอาปากกาไปให้…”
เลดี้พราวพูดออกมาแบบทีละคำราวกับว่านึกไปพูดไป
“ชัฟฟินเอาปากกาออกมาจากกระเป๋า… ก่อนที่เธอจะเอาไปให้กริมฮาร์ทเธอก็ทำตก… ปากกานั้นกลิ้งไปบนพื้น… เธอตกใจแล้วหยิบมันขึ้นมา…. แต่กริมฮาร์ทก็โกรธเธอ… จากนั้นชัฟฟินก็หมอบลงกับพื้น”
ปากกานั้นอยู่บนพื้น กระเป๋าที่ชัฟฟินแบกไปรอบๆก็ถูกขว้างออกไปไกลๆ มันสอดคล้องกับเรื่องที่เลดี้พราวพูด
“นั่นคือเรื่องที่เกิดขึ้นน่ะ” สไตล์เลอร์ มิมิพูดเสริมพร้อมพยักหน้า ไม่มีใครปฎิเสธเรื่องนี้เช่นกัน
ฟาลถามสโนไวท์ด้วยเสียงเบาๆ
“คนที่อยู่ที่นี่ มีใครทำอะไรกับอัมเบรนรึเปล่า ปอน?”
“ไม่ ที่นี่ไม่มีใครคิดอะไรแบบนั้น… ถ้าถูกเจอว่าทำอะไรกับเธอไปล่ะก็คงจะมีปัญหาแน่”
หากจะมีใครเป็นแบบนั้นก็คงจะมีเพียงกริมฮาร์ทที่สโนไวท์ไม่ได้ยินเสียงจากหัวใจของเธอ แต่ถ้ากริมฮาร์ททำอะไรบางอย่างมันก็ต้องมีคนอื่นที่รู้ตัว อัมเบรนนั้นหายตัวไปในขณะที่กริมฮาร์ทกำลังโมโหและทุกคนเองก็เพ่งความสนใจไปที่เธอ
“แบบนั้นก็หมายความว่าเธอเปิดที่กั้นแล้วออกไปด้านนอกคนเดียวงั้นเหรอ ปอน?”
“ทำไม่ได้หรอก เพราะว่า…”
อุตาคัทตะชี้ไปที่ฟิรูรุที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ฟิรูรุน่ะขึงเส้นด้ายเอาไว้ที่ทางเข้าทั้งสองทาง แม้พวกเราถูกศัตรูโจมตีตอนที่คุยกันอยู่เธอก็จะรู้ตัวแน่”
พวกเธอคงไม่ได้บอกเรื่องกับคนอื่นเพราะไม่ได้เชื่อใจใคร เธอไม่เพียงแค่ตรวจสอบคนที่เข้ามาด้านในจากด้านนอก แต่ยังตรวจสอบคนที่ออกไปด้านนอกจากด้านในด้วย ตอนที่สโนไวท์จะออกไปด้านนอก คนที่เรียกเธอก็คืออุตาคัทตะ
ฟิรูรุเอานิ้วชี้และนิ้วโป้งมาแตะกัน ราวกับว่าทำท่าหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมา
“เราเชื่อมต่อเส้นด้ายนี้ไว้กับทางเข้า หากมีอะไรเคลื่อนไหวเราก็จะรู้ด้วยการสั่น”
จู่ๆอัมเบรนก็หายตัวไปโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว เธอไม่ได้ใช้ทั้งประตูหรือขึ้นบันไดออกไป และยิ่งกว่านั้นคือมันไม่มีใครเห็นหรือมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลย
“มันเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ของอัมเบรนรึเปล่า?”
“เวทมนตร์ของอัมเบรนไม่ใช่แบบนั้นซักหน่อย!”
เลดี้พราวตะโกนออกมา ที่ด้านหลังของเธอคือกำแพง สายตาของเธอมองไปทางซ้ายและขวา ผ้าคลุมของเธอที่คั่นกลางระหว่างหลังของเธอกับกำแพงสะบัดจนเกิดเสียงออกมา
“ไม่มีใครทำ แถมอัมเบรนก็ไม่ได้หายตัวไปเอง แบบนี้มีแต่พวกมันที่ทำแน่ พอกันที ไม่ต้องเจรจาแล้ว พวกมันไม่เห็นจะอยากเจรจาเลยซักนิด”
“แต่มันก็แปลกไม่ใช่เหรอ ปอน? ถ้าอีกฝ่ายลบเมจิคัลเกิร์ลออกไปแบบนั้นได้ แบบนั้นก็ต้องกำจัดบุกรุกได้เร็วกว่านี้สิ ปอน”
“บางทีอาจจะมีเงื่อนไข…เงื่อนไขบางอย่าง…ไปกระตุ้นมันก็ได้…”
เลดี้พราวเอามือปิดปากแล้วพึมพำกับตัวเอง เห็นได้ชัดว่าเธอสูญเสียความเยือกเย็นไปแล้ว เธอรับมือการความช็อคที่อัมเบรนหายตัวไปไม่ได้
“เฮ้ ปัญหานี้น่ะพวกเรามันแก้ได้ง่ายๆเลยนะ”
มาริกะ ฟุคุโรอิที่เอนตัวพิงกำแพงอยู่คนเดียวพร้อมกับมีสีหน้าที่ดูเบื่อหน่ายในตอนที่ฟังนั้นยิ้มออกมา
“พวกเราไม่จำเป็นต้องทำอะไรน่าเบื่ออย่างการพูดคุยไม่ก็เจรจาหรอก แค่จัดการให้พวกมันให้หมด และไม่ว่าใครที่เหลืออยู่เป็นคนสุดท้ายคนๆนั้นก็คือคนที่แข็งแกร่งที่สุด เป็นวิธีเรียบๆที่เข้าใจได้ง่ายดีใช่ไหมล่ะ”
เธอกระทุ้งที่กั้นที่อยู่ด้านหลังด้วยนิ้วโป้งแล้วก็พูดว่า “เอาล่ะ ไปกันดีกว่า”
เหตุผลของมาริกะ ฟุคุโรอินั้นคล้ายคลึงกับแครนเบอร์รี่ โดยพื้นฐานแล้วมันก็คือสิ่งเดียวกัน และมันก็ทำให้สโนไวท์ที่เกลียดชังเมจิคัลเกิร์ลที่ทำการทดสอบแบบแครนเบอร์รี่อยากจะฉีกกระชากมันออกเป็นชิ้นๆ ฟาลรู้สึกตื่นตระหนกและคิดว่าต้องทำให้สโนไวท์สงบลง แต่สโนไวท์นั้นก็มองลงบนพื้นและไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร
“ก็ได้ จัดการพวกมันก่อนแล้วค่อยถามเหตุผลแล้วกัน”
เลดี้พราวกระแทกส้นรองเท้าของเธอแล้วเดินไปยังห้องป่า ในขณะที่มาริกะ ฟุคุโรอิตามเธอไปอย่างกระตือรือร้นพร้อมกับลากสไตล์เลอร์ มิมิไปด้วย
กริมฮาร์ทที่ปกติแล้วเอาแต่บ่นครวญครางเหมือนกับเพลงประกอบฉากก็ตะโกนขึ้นมาว่า “ทำไมยังไม่ตามไปอีก?! ไอ้พวกขี้เกียจต้องถูกตัดหัว!” จากนั้นชัฟฟินก็กระโดดขึ้นมาแล้วรีบตามไป
อุตาคัทตะเข้ามาหาสโนไวท์แล้วถามว่า “แล้วเธอจะทำยังไงล่ะ?”
“ตามไป ฉันจะไม่ปล่อยให้พวกนั้นสร้างความขัดแย่งอย่างไม่มีความหมายขึ้นมา”
ใบหน้าของเธอนั้นว่างเปล่า ดวงตาจ้องมองไปที่หลังของเลดี้พราวกับคนอื่นที่มุ่งหน้าไปยังห้องป่า ฟาลไม่เห็นว่าสโนไวท์จะรู้สึกไม่สบอารมณ์แล้ว ตอนนี้เธอกลับไปเป็นสโนไวท์คนเดิมตามปกติ
“เยี่ยมเลย แล้วเธอคิดว่าพวกเราควรทำอะไรดีล่ะ?”
“แค่ตามฉันมา พอถึงเวลาแล้ว ฉันจำเป็นต้องให้ช่วยเพื่อหยุดพวกนั้น”
“รับทราบ” อุตาคัทตะพูดว่าเธอและฟิรูรุจะตามสโนไวท์ไป
“เธอโอเครึเปล่า ปอน?”
“อื้อ คิดว่านะ” ฟิรูรุพูดออกมาอย่างคลุมเครือ แต่โดยรวมแล้วเธอก็เห็นด้วย
จากนั้นอุตาคัทตะก็พูดตามมา
“แม้พวกเราจะเคยคุยเรื่องนี้กันก่อนแล้ว… เธออาจจะมองหาเครดิทอยู่ก็จริง แต่อย่างที่พูด มันไม่มีอะไรที่คนตายจะเอาไปได้ ชั้นสาบานว่าจะทำงานให้สมกับเงินที่ได้รับมานะ แต่เงินมันก็ซื้อชีวิตไม่ได้ แถมชั้นเองก็ไม่ได้สนใจงานที่มาพร้อมกับความเสี่ยงด้วย”
เธอเชิดคางขึ้นไปทางเลดี้พราว
“เหมือนว่าพราวจะสูญเสียความเยือกเย็นไปแล้ว มาริกะเองก็ไม่ได้มีความเยือกเย็นมาตั้งแต่แรก ทริคในการเอาชีวิตรอดน่ะคือต้องตามคนที่ดูใจเย็นที่สุดไป ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ”
คราวนี้ฟิรูรุพยักหน้าอย่างหนักแน่น “เราจะร่วมมือด้วย”
“ขอบคุณนะ” สโนไวท์พูด “ฉันเสนองานให้ไม่ได้ก็จริง แต่ฉันจะให้ฟาลหาตำแหน่งงานว่างให้เอง”
ฟิรูรุถึงกับพูดไม่ออก เธอเลียริมฝีปากแล้วก็ก้มหัวลง จากนั้นเธอกับอุตาคัทตะก็วิ่งตามเลดี้พราวและคนอื่นไป
ฟาลมองไปที่กริมฮาร์ทที่อ่านหนังสืออยู่อย่างโมโหแล้วก็พูดกับสโนไวท์ ตอนนี้ฟาลไม่ได้นึกถึงการลดระดับเสียงแล้ว
“ไม่มีใครรู้ว่าอัมเบรนหายไปเลย ปอน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องรู้สึกกังวลหรอก ปอน”
“ทำไมถึงคิดว่าฉันกังวลเรื่องนั้นงั้นเหรอ?”
“สโนไวท์ไม่ได้รู้สึกไม่สบอารมณ์นิดๆเหรอ ปอน?”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ?”
“คิดว่าเราเฝ้ามองเธอมานานขนาดไหนแล้วล่ะ ปอน? มาสเตอร์คนก่อนน่ะให้เรามองดูเธออยู่ตลอดจนเราแทบจะรับมันไม่ไหว แล้วเราเองก็เฝ้าดูเธอมาตลอดตั้งแต่ตอนนั้นด้วย ปอน อย่างน้อยเราก็รู้ว่าเธอรู้สึกยังไงนะ ปอน”
ฟาลไม่เคยพูดถึงคี๊คต่อหน้าสโนไวท์มาก่อนเลยซักครั้ง แต่ครั้งนี้ฟาลเลือกที่จะพูดออกมา
สโนไวท์ถอนหายใจออกมาเบาๆ “ฟาลนี่ดูเหมือนสตอร์คเกอร์ดีนะ”
“เราไม่คิดว่ามันเหมือนกันนะ ปอน”
ในสถานการณ์ฉุกเฉินมันทำให้ฟาลพูดเรื่องที่โดยปกติแล้วฟาลจะไม่พูดมันออกมา ทุกอย่างที่ออกมาจากปากของคี๊คคือเรื่องเหลวไหลไร้สาระ แต่ฟาลก็คิดว่าคี๊คพูดถูกในเรื่องนี้
พวกเธอตามสตันชิคกะที่กำลังขี่จักรยานล้อเดียวไป ฟาลและสโนไวท์เปิดที่กั้นขึ้นเพื่อไปยังห้องป่า
☆ ปรินเซสดีลูจ
อินเฟอร์โนไม่ได้พยายามปัดทรายที่ติดอยู่ตามเส้นผมและเสื้อผ้าออกไป เธอนั่งก้มหน้าอยู่บนเก้าอี้ของเธออย่างเงียบๆ เควคนั้นขยับเข่าซ้ายของเธอ
ปริซึม เชอร์รี่กำลังร้องไห้อยู่และพูดว่า “ขอโทษค่ะ… ถ้าฉันมองอย่างระวังกว่านี้ก็คง…”
เหมือนว่าปรินเซสเท็มเพรสจะถูกศัตรูลักพาตัวไป เหมือนว่ามันจะเป็นแบบนั้นเพราะมันเป็นเรื่องเดียวที่พวกเธอสรุปออกมาได้จากสถานการณ์
ปรินเซสเท็มเพรสนั้นควรจะออกไปสู้กับศัตรู แต่ไม่ว่าพวกเธอจะรอนานขนาดไหน เธอก็ไม่ได้กลับมา พวก
เธอมองดูทุกซอกทุกมุมของห้องฝึกซ้อมหมายเลขสามแล้ว แต่ก็หาเท็มเพรสไม่เจอ นอกจากเมจิคัลเกิร์ลที่บุกเข้ามาแล้วมันก็ไม่มีอย่างอื่นเลย
พวกเธอจึงคิดได้อย่างเดียวว่าถูกพาตัวไป
ปรินเซสอินเฟอร์โนโทษตัวเอง เธอเสียใจที่ตัวเองทนการโจมตีที่รุนแรงของศัตรูไม่ได้จนต้องหนีมาคนเดียว
ปริซึม เชอร์รี่ก็โทษตัวเองเช่นกัน เธอเสียใจที่มองดูสถานการณ์อย่างถี่ถ้วนด้วยจอมอนิเตอร์ในห้องประชุมไม่ได้ เนื่องจากว่ามันมีจอมอนิเตอร์อยู่เพียงแค่จอเดียว เธอจึงมองดูภาพของรวมของสถานที่และสับเปลี่ยนระหว่างกล้องหลายๆตัวไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้เธอตรวจดูทุกอย่าง
ปรินเซสเควคดูเป็นห่วงมาก แต่ถ้าจะแสดงความเป็นห่วงออกมา มันก็จะเป็นการโทษทั้งสองคนที่ตัวโทษเองมากขึ้นไปอีก เธอรู้ว่าเควคแสดงความเป็นห่วงออกมาไม่ได้ ดังนั้นเควคจึงขยับเข่าของตัวเองแทน
ปรินเซสดีลูจเกลียดตัวเองที่วิเคราะห์อะไรแบบนี้ออกมา มันไม่ใช่เรื่องที่แย่หากเธอเป็นคนเดียวที่ใจเย็น แต่มันก็อดคิดไม่ได้ว่าการใจเย็นนั้นมันหมายถึงเธอไม่ได้คิดมากเรื่องปรินเซสเท็มเพรสด้วย
ดีลูจมองดูที่จอมอนิเตอร์ หากมีศัตรูที่พยายามจะเข้ามาที่นี่ พวกนั้นก็ต้องผ่านห้องฝึกซ้อมมาก่อน ที่ตรงทางเข้าห้องฝึกซ้อมนั้นมีกล้องอยู่ แบบนั้นก็เป็นข้ออ้างให้เธอมองดูการบุกรุกของศัตรูได้
เธอต้องทำอะไรซักอย่างไม่งั้นจะแบกรับความรู้สึกนี้ไปไม่ได้ แม้การแสร้งว่าเธอทำอะไรบางอย่างอยู่มันจะดีกว่าก็ตาม เมื่อดีลูจรู้ตัวว่าเธอกำลังกอดอกอยู่ เธอก็คลายมันออก เธอจำว่าได้ว่าเคยได้ยินเรื่องการกอดอกคือหลักฐานของความไม่มั่นคงทางอารมณ์
เธอคิดว่าการที่อยู่ที่นี่มันทำให้เธอจะพูดถึงเรื่องอะไรก็ได้ แต่สุดท้ายแล้ว แม้จะเป็นที่นี่เธอก็ยังคงเป็นคนเดียวที่เย็นชาและโดดเดี่ยว แม้จะรู้ว่าตัวเองควรจะปลอบคนอื่นแต่เธอก็ไม่ได้ทำแบบนั้น เธอหลีกเลี่ยงการทำให้ปัญหามันใหญ่ขึ้น
การถอยของอินเฟอร์โนเป็นการตัดสินใจที่ฉลาด ถ้าเกิดทั้งคู่เกิดถูกจับไปแบบนั้นมันคงจะกลายเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุด แถมหลังจากนั้นเธอก็ออกไปช่วยในทันที มันจึงไม่ได้เป็นตัวเลือกที่ผิดอะไรเลย
ปริซึม เชอร์รี่ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีเช่นกัน เธอนั้นควบคุมเครื่องจักรในที่แห่งนี้ได้ดีกว่าคนอื่นด้วย ถ้ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับเธอ แบบนั้นคนอื่นก็เป็นไปไม่ได้เช่นเดียวกัน พวกเธอสี่คนแยกย้ายออกไปต่อสู้ มันจึงไม่มีทางที่เธอจะช่วยสนับสนุนได้ทุกคนอยู่แล้ว
ดีลูจกังวลว่าถ้าเธอพูดเรื่องนี้ออกไปดังๆ มันจะกลายเป็นเรื่องที่ไม่ดีมากยิ่งขึ้น แม้ว่าเธอควรจะกังวลเรื่องเท็มเพรสมากที่สุด แต่ความปรารถนาของเธอที่อยากจะรักษาตำแหน่งของตัวเองไว้มันป้องกันไม่ให้เธอทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการได้
เธอถูกผูกติดไว้กับห่วงโซ่แห่งความเกลียดชังของตัวเองจนไม่สามารถขยับไปไหนได้ มันเหมือนกับก่อนที่เธอจะกลายมาเป็นเมจิคัลเกิร์ลไม่มีผิด
ดีลูจดึงขวดยาออกมาจากลิ้นชักแล้ววางเม็ดยาลงบนฝ่ามือ
พวกเธอถูกบอกไว้ว่าไม่ควรทานยาหลายครั้งในหนึ่งวัน แต่สองครั้งคงไม่ถูกนับว่าเป็น “หลายครั้ง” แน่ เมื่อทานมันไปพร้อมกับน้ำเย็น เธอก็รู้สึกได้ว่าพลังเวทมนตร์ของเธอมันเพิ่มขึ้น หัวใจของเธอสงบลง เมื่อเธอวางขวดลงบนโต๊ะ อินเฟอร์โนและเควคก็หยิบยาไปอย่างเงียบๆ
มันมีอะไรอีกหลายสิ่งที่พวกเธอต้องคิด เมื่อดีลูจหันกลับไปมองที่จอมอนิเตอร์ คำว่า ‘อ๊ะ’ ก็หลุดออกมาจากปากของเธอ มันมีเมจิคัลเกิร์ลบุกเข้ามาในห้องฝึกซ้อมหมายเลขสอง
เมจิคัลเกิร์ลที่มีดอกไม้อยู่บนหัว คนหนึ่งมีผ้าคลุมขนาดใหญ่ คนหนึ่งมีกรรไกร และอีกคนหนึ่งดูเหมือนทหารไพ่กำลังมองดูสภาพแวดล้อมรอบตัวอย่างระมัดระวังพร้อมกับค่อยๆเดินผ่านป่าอย่างช้าๆ
อินเฟอร์โนยืนขึ้นอย่างรวดเร็วจนเก้าอี้ล้มลง “พวกมัน! พวกมันเอาเท็มเพรสไปไว้ที่ไหน?!”
ปริซึม เชอร์รี่ขยับกล้อง เธอเลื่อนจากมุมหนึ่งของป่าไปอีกมุมหนึ่งด้วยความเร็วสูง แต่มันก็ไม่มีอะไรที่ดูเหมือนจะเป็นเท็มเพรสอยู่เลย ไม่มีแม้กระทั่งกระเป๋าหรือกล่องที่เธออาจจะอยู่ข้างในด้วย
“ฉันหาไม่เจอเลยค่ะ บางทีเธออาจถูกจับตัวอยู่ที่ทางเดิน ไม่ก็อาจถูกพาตัวออกไปข้างนอกแล้วก็ได้?”
“ไอ้พวกเวรนั่น…ชั้นจะจัดการมันจนกว่าคายว่าเท็มเพรสอยู่ที่ไหนออกมาให้ได้!”
“เดี๋ยวก่อน อินเฟอร์โน!”
สายตาของเควคและเชอร์รี่สบเข้าหากัน ทั้งคู่มองมาที่ดีลูจและเธอก็พยักหน้าตอบ ทุกคนคิดแบบเดียวกันกับอินเฟอร์โน เควคกับดีลูจยืนขึ้น จากนั้นปริซึม เชอร์รี่ก็เข้าไปยังตำแหน่งแผงควบคุม
“ระวังให้มากเรื่องระยะเวลาในตอนที่ใช้ลักซ์ซูรี่โหมดด้วย” เควคพูด
“กรณีที่เลวร้ายที่ พวกเราสองคนสามารถใช้ ‘อัลติเมท ปรินเซส เอ็กซ์โพลชั่น’ ได้ ตราบใดที่ไม่โดนพวกเดียวกันเอง”
“…รับทราบ!”
แม้เธอจะร้องไห้จนดวงตากลายเป็นสีแดง ปริซึม เชอร์รี่ก็ยังคงพยายามทำทุกอย่างที่ตัวเองทำได้ อินเฟอร์โนกับเควคก็เช่นกัน หากเป็นแบบนั้นดีลูจเองก็จะทำมันด้วย เรื่องกังวลค่อยคิดมันทีหลังก็ได้
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ!”
“อื้อ!”
“ไว้ใจได้เลย!”
บทคั่น
มีเอกสารวางซ้อนกันเป็นชั้นๆอยู่บนโต๊ะตรงหน้าเธอที่มีผ้าปูโต๊ะลายลูกไม้บัทเทินแบร์ค*ปูอยู่ มันคือข้อมูลที่ริปเปิลเตรียมเอาไว้เพื่อเธอ ซึ่งมันมีทั้งข้อมูลโปรไฟล์และรูปถ่าย
*ลายลูกไม้ชนิดหนึ่งของอเมริกันที่ได้รับเลือกให้ใช้ในงานแต่งงานของตระกูลบัทเทินแบร์คhttps://en.wikipedia.org/wiki/Battenberg_lace
ผลจากการที่เฟรเดริก้าสั่งสอนอย่างเคร่งครัดและมีวินัยที่มาจากใจจริงของเธอ มันทำให้ริปเปิลในตอนนี้สุกงอมแล้ว
มันเป็นเวลาพักนึงแล้วที่พวกเธอออกมาจากสถานที่ที่เฟรเดริก้าทำการสอนเธอ แต่ความรู้สึกยินดีที่ลูกศิษย์เติบโตขึ้น ความรู้สึกยินดีที่ไม่สามารถเอาไปแลกเปลี่ยนกับอะไรได้นั้น มันทำให้เฟรเดริก้ารู้สึกปลาบปลื้มอย่างถึงที่สุด
เฟรเดริก้าวางคริสตัลบอลเอาไว้ที่ขอบโต๊ะ จากนั้นเธอก็หันมาอ่านเอกสาร สำหรับเฟรเดริก้าแล้ว ทุกคนและรวมถึงตัวของเธอเองยอมรับว่าเฟรเดริก้าคือผู้คลั่งไคล้เมจิคัลเกิร์ล และเธอก็ใช้ช่วงเวลาที่มีความสุขนี้ ใช้ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณของเธอที่หลอมละลาย ทำให้ตัวของเธอนั้นเต็มไปด้วยความสุข
เมจิคัลเกิร์ลแต่ละคนนั้นต่างก็มีนิสัยของตัวเอง บางคนก็แสวงหาความแข็งแกร่ง บางคนก็แสวงหาพลังในรูปแบบอื่น กลุ่มก้อนแห่งความทะเยอทะยานหรือความอยากรู้ที่ระงับเอาไว้ไม่ได้นั้น มันคือสิ่งที่เต็มไปด้วยพลัง
เธอมักจะวางเอกสารลงเป็นครั้งคราวเพื่อจิบชาและกัดแคร๊กเกอร์ จากนั้นก็หยิบเอกสารขึ้นมาอ่านอีกครั้ง
เมื่อก่อนนั้น เฟรเดริก้ามีคอลเลคชั่นเส้นผมของเมจิคัลเกิร์ล คอลเลคชั่นก่อนหน้านี้ของเธอถูกเจ้าหน้าที่ยึดเอาไป แต่เธอก็รู้สึกดีใจที่มีโอกาสได้รวบรวมอีกครั้ง เธอนั้นเป็นคนที่คิดในแง่บวกมากพอที่จะทำให้เธอคิดแบบนี้ออกมาได้
น่าเศร้าที่เอกสารของริปเปิลไม่ได้มีเส้นผมติดมาด้วย แต่มันก็ช่วยไม่ได้ เพราะทุกคนนั้นล้วนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ต้องใช้ความระมัดระวังสูงมาก มันมีทริคที่จะดึงเส้นผมออกมาอยู่ บางทีเฟรเดริก้าน่าจะสอนทักษะนี้ให้ริปเปิลด้วย
เธอจิบชาแล้วก็กัดแคร๊กเกอร์ จากนั้นก็มองไปที่คริสตัลบอลเพื่อตรวจดูว่าเกิดอะไรขึ้น เธอทำงานหลายๆอย่างไปพร้อมกัน
ด้านนอกหน้าต่างนั้นมีผ้าปูที่นอนและชุดยูกาตะพริ้วไหวไปตามลม การมองเห็นภาพที่เหมือนกับเป็นราวตากผ้าจากห้องรับแขกแบบนี้ มันทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจเอาซะเลย
เธอปัดเศษแคร๊กเกอร์ที่หล่นอยู่บนโต๊ะออกไป จากนั้นก็พลิกหน้าเอกสาร
สโนไวท์นั้นเข้มแข็งมากขึ้น เธอไม่ได้ดูไร้เดียงสาเหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว ซึ่งมันคือเรื่องดี
มาริกะ ฟุคุโรอิคือใบหน้าที่คุ้นเคย เธอไม่ใช่รสนิยมของเฟรเดริก้าก็จริง แต่ความไร้เดียงสาของเธอนั้นก็น่าหลงไหล
เมื่อเธอจะเปิดเอกสารไปหน้าถัดไปมือของเธอก็หยุดลง มันมีเส้นผมเส้นหนึ่งติดอยู่ระหว่างหน้ากระดาษ มันถูกติดเอาไว้อย่างระวังระวังด้วยเทปใส
งั้นเหรอ เธอจำกัดวงให้แคบลงแล้วเอาเส้นผมมาจากคนที่ง่ายที่สุดสินะ หืมมม?
สตอร์คเกอร์ที่ไม่ได้รับการฝึกฝนที่พยายามจะเก็บเส้นผม คงจะหลีกเลี่ยงคนที่ระมัดระวังตัวแบบทหารรับจ้างที่ต้องใช้ความระมัดระวัง นักล่าที่มีประสาทสัมผัสอันแหลมคม และเมจิคัลเกิร์ลที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายบางฝ่ายไป จากนั้นก็คงจำกัดวงให้แคบลงกับคนที่ไม่ได้ระมัดระวังตัว แล้วก็เอาเส้นผมของเธอมา วิธีรอบคอบแบบนี้เฟรเดริก้าไม่ได้สอนเธอไป แต่มันคือนิสัยของริปเปิลตามธรรมชาติรึเปล่า? แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร เฟรเดริก้าสัมผัสได้ถึงความจริงใจของเธอว่าเธอนั้นพยายามทำอย่างดีที่สุดแล้วในขอบเขตที่สามารถทำได้
เฟรเดริก้าใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้ของมือขวาลอกเส้นผมที่ติดกับเทปใสออกมาอย่างระมัดระวัง เธอพยายามไม่ทำให้มันเสียหายแล้วก็ยกขึ้นไปส่องกับไฟ
เธอจ้องมันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หายใจออกมาพร้อมส่งเสียง โอ้ ออกมา
จากนั้นเธอก็เอาเส้นผมวางลงบนฝ่ามือ แม้เธอจะไม่ได้ยกมันขึ้นไปส่องกับไปแต่มันก็เปล่งประกายออกมา เส้นผมเส้นนี้ไร้ซึ่งข้อบกพร้อง แม้จะเป็นเส้นผมเพียงเส้นเดียวมันก็มีการไล่เฉดสีขาว น้ำเงิน และม่วงอยู่ด้วย
เธอรีบมองดูที่เอกสารทันทีอีกครั้ง เธอสงสัยว่าเจ้าของเส้นผมเส้นนี้เป็นเมจิคัลเกิร์ลประเภทไหนกันนะ?
เฟรเดริก้านั้นรักเส้นผมของเมจิคัลเกิร์ล แต่มันก็ยากที่เธอจะมีการตอบสนองเช่นนี้ เส้นผมอันงดงามนั้นมีเรื่องราว ซึ่งแต่ละเรื่องราวก็มีเส้นผมเกี่ยวข้องด้วยเสมอ
แครนเบอร์รี่มีใช้ชีวิตอย่างน่าสยดสยองไปครึ่งชีวิต
มาโอแพมที่มีชีวิตอันแน่วแน่และกล้าหาญ
สโนไวท์ที่มีอนาคตอันสว่างไสว
เมจิคัลเกิร์ลทุกคนล้วนมีแสงสว่างและความมืดที่เฟรเดริก้าไม่มี
เธอจะลิ้มรสเส้นผมนั้นด้วยดวงตา จมูก แล้วก็ลิ้น เพื่อรับรู้ถึงชีวิตของพวกเธอ นี่คือความสนุกสนานสำหรับความรักที่เธอมีต่อเส้นผมของเมจิคัลเกิร์ล
เส้นผมเส้นนี้มันแตกต่างออกไป ก่อนที่เธอจะรู้ว่าใครคือเจ้าของเส้นผมนั้น มันก็ถูกสลักลงไปในหัวใจของเธอแล้ว โซ่ตรวนมันโอบร่างของเฟรเดริก้าเอาไว้และไม่มีวันปล่อยเธอไป สำหรับเส้นผมที่ไม่ธรรมดาเส้นเดียวนี้ เรื่องราวมันจึงไม่มีความจำเป็นใดๆอีกต่อไป
มันส่องประกายราวกับเป็นอัญมณี แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้มันมีคุณค่า หากเธอชอบอัญมณีเธอก็สามารถขโมยมันได้ง่ายๆ เวทมนตร์ของเฟรเดริก้าสามารถทำอะไรแบบนั้นได้เช่นกัน สำหรับเส้นผมเส้นนี้มีเรื่องราวที่เหนือกว่าโลกทั้งใบ แค่การมีอยู่ของมันก็คือความงดงามแล้ว ทำให้ผู้ที่มองมองเกิดการหลงรักและถูกขโมยหัวใจไป
เธอมองเส้นผมนั้นจากด้านบนและด้านล่าง เธอวางมันลงไปบนโต๊ะแล้วเอาจมูกเข้าไปใกลๆเพื่อสูดดมกลิ่นของมัน หากเป็นไปได้เธอก็อยากกินมัน แต่มันมีเส้นผมเพียงแค่เส้นเดียวเธอจึงทำอะไรแบบนั้นไม่ได้ หากเธอกินมันอย่างไม่ยั้งคิด แล้วถูกบอกว่าเธอนั้นจะไม่มีวันได้เส้นผมนี้อีกต่อไป แบบนั้นเส้นผมเส้นนี้ก็คือมื้ออาหารที่หรูหราเกินกว่าจะกินมันได้ หากเธอเหลือเส้นผมเอาไว้เธอก็จะสนุกสนานกับมันได้มากกว่านี้
เมื่อเธอพยายามจะเปลี่ยนมุมมองที่ดูเส้นผม เธอก็ค้นพบความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงอีกด้วย แค่เปลี่ยนมุมมองเล็กน้อย ภาพที่เธอมองเห็นมันก็ดึงดูดเธอและนำพาอารมณ์ความรู้สึกใหม่เข้ามาหาอย่างท่วมท้นจนเธอต้านทานไม่ไหวและล้มตัวไปด้านหลัง เมื่อหัวของเธอไปกระแทกเข้ากับเสื่อทาทามิ เธอก็นอนแผ่อยู่ที่พื้น
จะว่าไปแล้ว เธอคิดเช่นนั้นและลุกขึ้นมา เอกสารไม่ได้มีเพียงแค่เส้นผมแต่ยังมีรูปภาพด้วย ใบหน้าที่งดงามแบบไหนกันนะที่ทำให้เส้นผมอันงดงามขนาดนี้งอกขึ้นมา? เส้นผมมันเรียงตัวกันแบบไหนนะ? แล้วทรงผมล่ะ? เธออยากจะมองดูมันจริงๆ ตอนนี้มีเพียงแค่เส้นผมที่ส่วนหนึ่งที่เป็นสิ่งงดงามของร่างกายที่มองเห็น แต่ทั้งตัวของเธอนั้นก็ควรจะงดงามเช่นกัน
เธอลุกขึ้นมาที่โต๊ะพร้อมกับตื่นเต้นเรื่องความหลงไหลเรื่องใหม่นี้ มีเสียงถอนหายใจหลุดออกมาจากริมฝีปากของเธอ เมจิคัลเกิร์ลคนนี้ยังไม่ได้ถูกค้นพบในเมืองนั้นงั้นเหรอ? แถมยังไม่มีใครต้องคำถามอีกด้วย? “โลกใบนี้มันมีแต่ความผิดพลาดไปหมดแล้ว” เธอส่งเสียงครวญครางออกมา
แค่เห็นรูปภาพก็สัมผัสได้ถึงพลังทำลายล้างมากมายขนาดนี้ หากเฟรเดริก้าไปเจอเธอเข้าจริงๆล่ะก็ เธอคงตายแน่ๆ ไม่ได้ล้อเล่นด้วย
มันไม่ใช่ว่าเธออยากตาย เธอไม่ได้รู้สึกว่าการตายนั้นจะเป็นเรื่องที่เหมาะกับเธอ โลกใบนี้มันเต็มไปด้วยความสุขสนุกสนาน เธออยากลิ้มรสมันมากขึ้นกว่านี้ มากยิ่งขึ้นกว่านี้อีก
แต่กระนั้น เฟรเดริก้าก็หยุดตัวเองไม่ได้อีกแล้ว
เธอเอาเส้นผมนั้นพันไว้ที่นิ้วก้อยของมือขวา แล้วเอาปลายเส้นผมใส่เข้าไปในปาก
Chapters
Comments
- ตอนที่ 9.1 Arc 9 - ตอนที่ 10 - นักล่าเมจิคัลเกิร์ล [จบภาคสโนไวท์] พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 9.09 Arc 9 - ตอนที่ 9 - ห้อง 2-F พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 9.08 Arc 9 - ตอนที่ 8 - เมจิคัล ดันเจี้ยน บัสเตอร์ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 9.07 Arc 9 - ตอนที่ 7 - เลือดล้างเลือด พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 9.06 Arc 9 - ตอนที่ 6 - พวกเราไม่ยอมแพ้ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 9.05 Arc 9 - ตอนที่ 5 - หุ่นเชิดผู้เงียบงัน พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 9.04 Arc 9 - ตอนที่ 4 - แค่เพียงข้างหน้า พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 9.03 Arc 9 - ตอนที่ 3 - เหล่าผู้บงการรวมตัว พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 9.02 Arc 9 - ตอนที่ 2 - กาลครั้งหนึ่ง ณ ที่แห่งนี้ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 9.01 Arc 9 - ตอนที่ 1 - THE LIGHTING TIME พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 8.512 Arc 8.5 - ตอนที่ 12 - ควีน พรีฟลอป [จบภาค] พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 8.511 Arc 8.5 - ตอนที่ 11 - งานแข่งทำข้าวกล่องของห้อง 2-F พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 8.509 Arc 8.5 - ตอนที่ 9 - เจ้าหญิงตัวน้อย โนโซมิ ฮิเมโนะ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 8.508 Arc 8.5 - ตอนที่ 8 - ปาร์ตี้คริสต์มาสจากนรกของโรงเรียนกวดวิชามาโอ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 8.507 Arc 8.5 - ตอนที่ 7 - ชัฟฟินเรียนเต้น พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 8.506 Arc 8.5 - ตอนที่ 6 - สโนไวท์ไรซิ่งโปรเจค [แปลใหม่ 2024] พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 8.505 Arc 8.5 - ตอนที่ 5 - วันเทศกาล พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 8.504 Arc 8.5 - ตอนที่ 4 - เมจิคัลเกิร์ลชุดดำและอัศวินสาว พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 8.503 Arc 8.5 - ตอนที่ 3 - เมจิคัลเกิร์ล VS ฉลาม พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 8.502 Arc 8.5 - ตอนที่ 2 - เมจิคัล☆ทดสอบความกล้า พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 8.501 Arc 8.5 - ตอนที่ 1 - เส้นทางของมาโอ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 8.51 Arc 8.5 - ตอนที่ 10 - ผู้สังเกตการณ์ในรั้วโรงเรียน พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 8.1 Arc 8 - ตอนที่ 10 - ไพตี้ เฟรเดริก้า [จบภาค] พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 8.09 Arc 8 - ตอนที่ 9 - วิธีการของผู้คน วิถีทางของสนามรบ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 8.08 Arc 8 - ตอนที่ 8 - งานปาร์ตี้ตอนเที่ยงวัน พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 8.07 Arc 8 - ตอนที่ 7 - สิ่งที่ควรเปิดเผยและสิ่งที่ไม่ควรเปิดเผย พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 8.06 Arc 8 - ตอนที่ 6 - โอกาสในการพบพาน พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 8.05 Arc 8 - ตอนที่ 5 - เตรียมการอย่างระมัดระวัง พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 8.04 Arc 8 - ตอนที่ 4 - ไปงานเทศกาล พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 8.03 Arc 8 - ตอนที่ 3 - ร่วมด้วยได้ไหม? พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 8.02 Arc 8 - ตอนที่ 2 - สงสัยจังว่าพวกเราจะเข้ากันได้รึเปล่า พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 8.01 Arc 8 - ตอนที่ 1 - นักล่าเมจิคัลเกิร์ลไปโรงเรียน พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.525 Arc 7.5 - ตอนที่ 25 - ENDING [จบภาคปลาย] พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.524 Arc 7.5 - ตอนที่ 24 - แสงสว่างท่ามกลางความโกลาหล พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.523 Arc 7.5 - ตอนที่ 23 - TUMBLIN’ DICE พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.522 Arc 7.5 - ตอนที่ 22 - จุดจบได้มาถึง พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.521 Arc 7.5 - ตอนที่ 21 - ไม่ยอมหักไม่ยอมงอ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.519 Arc 7.5 - ตอนที่ 19 - พลังแห่งชีวิต พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.518 Arc 7.5 - ตอนที่ 18 - ด้วยการรวมพลังของพวกเรา! พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.517 Arc 7.5 - ตอนที่ 17 - ดวงดาวกับเทพธิดา พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.516 Arc 7.5 - ตอนที่ 16 - พวกเราจะไม่ยอมแพ้ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.515 Arc 7.5 - ตอนที่ 15 - จุดไฟในใจฉัน พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.514 Arc 7.5 - ตอนที่ 14 - ตอนนี้ในฐานะมนุษย์ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.513 Arc 7.5 - ตอนที่ 13 - ด้วยการรวมพลังของพวกเรา…? พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.512 Arc 7.5 - ตอนที่ 12 - ความปรารถนาที่จะปกป้องและช่วยเหลือ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.511 Arc 7.5 - ตอนที่ 11 - จากหายนะสู่หายนะที่ร้ายแรงยิ่งกว่า พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.509 Arc 7.5 - ตอนที่ 9 - จงสู้ จงยืนหยัด จงต่อต้าน พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.508 Arc 7.5 - ตอนที่ 8 - เทพธิดา พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.507 Arc 7.5 - ตอนที่ 7 - สารอาหาร สารอาหาร สารอาหาร สารอาหาร สารอาหารไม่เพียงพอ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.506 Arc 7.5 - ตอนที่ 6 - แยกไปทุกแห่งหน พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.505 Arc 7.5 - ตอนที่ 5 - ปัญหาแล้วปัญหาเล่า พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.504 Arc 7.5 - ตอนที่ 4 - เมจิคัลเกิร์ลในชุดธรรมดา พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.503 Arc 7.5 - ตอนที่ 3 - ทักทายกันจากนั้นก็เกิดเรื่อง พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.502 Arc 7.5 - ตอนที่ 2 - บนเกาะซาตาบอร์น พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.501 Arc 7.5 - ตอนที่ 1 - เหล่าคนที่มารวมตัว พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.52 Arc 7.5 - ตอนที่ 20 - ไม่ได้วางแผน ไม่ได้คาดคิด พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.51 Arc 7.5 - ตอนที่ 10 - ทุกอย่างเป็นดั่งโคลนตม [จบภาคต้น] พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.09 Arc 7 - ตอนที่ 9 - โรงเรียนแห่งสงคราม [จบภาค] พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.08 Arc 7 - ตอนที่ 8 - วันนี้ไม่อยากกลับบ้าน พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.07 Arc 7 - ตอนที่ 7 - HEART VS. HEART พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.06 Arc 7 - ตอนที่ 6 - กับดักแสนหวาน พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.05 Arc 7 - ตอนที่ 5 - สถานที่ที่ฉันอยู่ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.04 Arc 7 - ตอนที่ 4 - โรงเรียนแห่งการต่อสู้ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.03 Arc 7 - ตอนที่ 3 - วิ่ง วิ่งไป วิ่งเข้าไป นักเรียนแลกเปลี่ยน พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.02 Arc 7 - ตอนที่ 2 - ยืนตรง! เคารพ! นั่งได้! พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 7.01 Arc 7 - ตอนที่ 1 - ระฆังโรงเรียนคือสัญญาณแห่งการเริ่มต้น พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 6.513 Arc 6.5 - ตอนที่ 13 - บทเพลงไว้อาลัยแด่เมจิคัลบอย [จบภาค] พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 6.512 Arc 6.5 - ตอนที่ 12 - เมจิคัลเกิร์ลแอสแซสซิเนชั่นโปรเจ็ค พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 6.511 Arc 6.5 - ตอนที่ 11 - ปฎิบัติการหนีจากแพททริเซีย พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 6.509 Arc 6.5 - ตอนที่ 9 - เจ้าหญิงแห่งชายหาด พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 6.508 Arc 6.5 - ตอนที่ 8 - ปีใหม่และเต่า พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 6.507 Arc 6.5 - ตอนที่ 7 - เมจิคัลเกิร์ลในวันคริสต์มาสอีฟ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 6.506 Arc 6.5 - ตอนที่ 6 - เพจิกะกับการครุ่นคิดถึงความสุขในฤดูใบไม้ร่วง พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 6.505 Arc 6.5 - ตอนที่ 5 - บันทึกการสร้างเมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 6.504 Arc 6.5 - ตอนที่ 4 - ทริค ออร์ เมจิคัลเกิร์ล พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 6.503 Arc 6.5 - ตอนที่ 3 - ไม่มีเมจิคัลเกิร์ลในงานชมดอกไม้นี้เลย พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 6.502 Arc 6.5 - ตอนที่ 2 - เมจิคัล ช็อปปิ้ง พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 6.501 Arc 6.5 - ตอนที่ 1 - แม่มด กล่องข้าว และการแสดงความรัก พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 6.51 Arc 6.5 - ตอนที่ 10 - เซอร์ไววัลเกมแห่งนรกของโรงเรียนกวดวิชามาโอ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 6.1 Arc 6 - ตอนที่ 10 - ทุกสิ่งเพื่อเธอ [จบภาค] พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 6.09 Arc 6 - ตอนที่ 9 - นักล่าเมจิคัลเกิร์ล พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 6.08 Arc 6 - ตอนที่ 8 - โจมตีมันด้วยทุกอย่างที่เรามี พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 6.07 Arc 6 - ตอนที่ 7 - แม้เพียงปลายนิ้วก็มิอาจแตะต้อง พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 6.06 Arc 6 - ตอนที่ 6 - ประกายแสงอันเป็นนิรันดร์ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 6.05 Arc 6 - ตอนที่ 5 - ของขวัญอันแสนคิดถึง พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 6.04 Arc 6 - ตอนที่ 4 - สนามเด็กเล่นขององค์ราชินี พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 6.03 Arc 6 - ตอนที่ 3 - มาเป็นเพื่อนกันเถอะ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 6.02 Arc 6 - ตอนที่ 2 - สโนไวท์กับเด็กเลี้ยงแกะ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 6.01 Arc 6 - ตอนที่ 1 - การต่อสู้ครั้งสุดท้ายในมือคู่นี้ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 5.711 Arc 5.2 - ตอนที่ 11 - สัมภาษณ์กับสวิมสวิม [จบภาค] พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 5.709 Arc 5.2 - ตอนที่ 9 - อลิส อิน ฮาร์ดกอร์แลนด์ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 5.708 Arc 5.2 - ตอนที่ 8 - Guns or Roses? พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 5.707 Arc 5.2 - ตอนที่ 7 - เงื่อนไขในการดัดแปลงเป็นอนิเม พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 5.706 Arc 5.2 - ตอนที่ 6 - เจ้าชายของชมรม พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 5.705 Arc 5.2 - ตอนที่ 5 - ความกังวลของท่านผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 5.704 Arc 5.2 - ตอนที่ 4 - งานของนางฟ้ายากูซ่า พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 5.703 Arc 5.2 - ตอนที่ 3 - รูปแบบของเมจิคัลเกิร์ล พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 5.702 Arc 5.2 - ตอนที่ 2 - ท็อปสปีดของท็อปสปีด พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 5.701 Arc 5.2 - ตอนที่ 1 - การต่อสู้ของอัศวินสาวผู้โดดเดี่ยว DIRECTOR CUT พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 5.611 Arc 5.1 - ตอนที่ 11 - เมจิคัลเกิร์ลสีฟ้ายุ่งชะมัดเลย [จบภาค] พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 5.609 Arc 5.1 - ตอนที่ 9 - เอลฟ์แห่งหน่วยสืบสวน พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 5.608 Arc 5.1 - ตอนที่ 8 - ชีวิตจริงของพวกเราถูกเติมเต็มแล้วงั้นเหรอ? พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 5.607 restart พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 5.606 Arc 5.1 - ตอนที่ 6 - พริมูล่า ฟาริโนซ่า พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 5.605 Arc 5.1 - ตอนที่ 5 - ยิ่งกว่าสามเศร้า พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 5.604 Arc 5.1 - ตอนที่ 4 - มิตรภาพแห่งสายรุ้ง พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 5.603 Arc 5.1 - ตอนที่ 3 - เพราะพวกเราอยากโค่นล้มมาโอ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 5.602 Arc 5.1 - ตอนที่ 2 - บทเพลงอันรวดเร็ว พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 5.601 Arc 5.1 - ตอนที่ 1 - แว่นกันลมและเต่า พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 5.71 Arc 5.2 - ตอนที่ 10 - บางครั้งทามะก็เป็นแบบนี้ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 5.61 คดีสังหารจอมเวท พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 5.5 Arc 5 - ตอนที่ 5 - ลาก่อนเพื่อนของฉัน [จบภาค] พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 5.4 Arc 5 - ตอนที่ 4 - พุ่งทะยานผ่านเมืองใหญ่ ข้ามผ่านเหนือเทือกเขา พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 5.3 Arc 5 - ตอนที่ 3 - จับมือกับฉัน ณ สวนสนุก พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 5.2 Arc 5 - ตอนที่ 2 - ช่วงชิงโชคชะตา พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 5.1 Arc 5 - ตอนที่ 1 - เริ่มต้นอย่างเร่าร้อน พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 4.6 Arc 4 - ตอนที่ 6 - นักล่าเมจิคัลเกิร์ล [จบภาค] พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 4.5 Arc 4 - ตอนที่ 5 - โป๊กเกอร์เกม พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 4.4 Arc 4 - ตอนที่ 4 - ฉันคือคนร้าย พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 4.3 Arc 4 - ตอนที่ 3 - การพบพานอันแสนมหัศจรรย์ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 4.2 Arc 4 - ตอนที่ 2 - ทุกคนรวมพล พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 4.1 Arc 4 - ตอนที่ 1 - เหนือกว่าปริซึม พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 3.12 Arc 3 - ตอนที่ 12 - เมจิคัลเกิร์ลในตัวคุณ [จบภาคปลาย] พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 3.11 Arc 3 - ตอนที่ 11 - เพื่อนของฉัน พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 3.1 Arc 3 - ตอนที่ 10 - ก้าวเดินบนสายรุ้ง พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 3.09 Arc 3 - ตอนที่ 9 - ปีศาจท่ามกลางเปลวเพลิง พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 3.08 Arc 3 - ตอนที่ 8 - การมาเยือน พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 3.07 Arc 3 - ตอนที่ 7 - การจู่โจมของแม่มด พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 3.06 Arc 3 - ตอนที่ 6 - จุดเริ่มต้นของจุดจบ [จบภาคต้น] พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 3.05 Arc 3 - ตอนที่ 5 - เผชิญหน้า พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 3.04 Arc 3 - ตอนที่ 4 - ฮีโร่หรือไอดอล? พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 3.03 Arc 3 - ตอนที่ 3 - เด็กสาวที่หวนกลับมาจากคุกที่ลึกที่สุด พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 3.02 Arc 3 - ตอนที่ 2 - จมอยู่ในหัวใจและความรัก พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 3.01 Arc 3 - ตอนที่ 1 - ก่อตั้งหน่วยเมจิคัลเกิร์ล พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 2.515 Arc 2.5 - ตอนที่ 15 - เพื่อนของคุณแคลนเทล [จบภาค] พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 2.514 Arc 2.5 - ตอนที่ 14 - ความทรงจำของเมจิคัลเกิร์ลสีฟ้า พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 2.513 Arc 2.5 - ตอนที่ 13 - เมจิคัลเกิร์ลนอกรีต พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 2.512 Arc 2.5 - ตอนที่ 12 - คดีเนื้อวัวที่หายไป ~ แต่คุณเมดเห็นนะ ~ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 2.511 Arc 2.5 - ตอนที่ 11 - อัศวินในวันหยุด พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 2.509 Arc 2.5 - ตอนที่ 9 - มาเล่นกับท็อปสปีดกันเถอะ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 2.508 Arc 2.5 - ตอนที่ 8 - @เนี๊ยวเนี๊ยวในเมือง N พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 2.507 Arc 2.5 - ตอนที่ 7 - วอนเดอร์ดรีม พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 2.506 Arc 2.5 - ตอนที่ 6 - เชอร์น่า คริสต์มาส พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 2.505 Arc 2.5 - ตอนที่ 5 - เมจิคัลเดซี่ ตอนที่ 22 พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 2.504 Arc 2.5 - ตอนที่ 4 - ซอมบี้ เวสเทิร์น พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 2.503 Arc 2.5 - ตอนที่ 3 - ผลแห่งนางฟ้า พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 2.502 Arc 2.5 - ตอนที่ 2 - หุ่นยนต์กับแม่ชี พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 2.501 Arc 2.5 - ตอนที่ 1 - การผจญภัยของเนมุริน พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 2.51 Arc 2.5 - ตอนที่ 10 - อาคาเนะและครอบครัวเมจิคัลเกิร์ลอันแสนสุข พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 2.11 Arc 2 - ตอนที่ 11 - และอื่นๆอีกมากมาย [จบภาคปลาย] พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 2.1 Arc 2 - ตอนที่ 10 - เพจิกะในโลกแห่งการสรรสร้าง พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 2.09 Arc 2 - ตอนที่ 9 - เหล่าเด็กสาว พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 2.08 Arc 2 - ตอนที่ 8 - ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 2.07 Arc 2 - ตอนที่ 7 - ความฝันของลาซูไลน์ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 2.06 Arc 2 - ตอนที่ 6 - ลบและบวก พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 2.05 Arc 2 - ตอนที่ 5 - สาวจีนกับมังกรยักษ์ [จบภาคต้น] พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 2.04 Arc 2 - ตอนที่ 4 - แคนดี้ลึกลับ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 2.03 Arc 2 - ตอนที่ 3 - นักสืบและคดีฆาตกรรม พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 2.02 Arc 2 - ตอนที่ 2 - อาหารอร่อยๆ ทำให้ทุกคนมีความสุข พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 2.01 Arc 2 - ตอนที่ 1 - สวัสดีเดซี่ พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 1.5 Arc 1.5 - Snow White Raising Project [จบภาค] พฤษภาคม 26, 2025
- ตอนที่ 0.1 Arc 0.1 - unripe duet พฤษภาคม 26, 2025
MANGA DISCUSSION