ตอนที่ 11:
เพื่อนของฉัน
☆ เท็ปเซเคเมย์ (เหลือเวลาอีก 7 ชั่วโมง 10 นาที)
เมย์ไม่รู้ว่าใครคือศัตรู ใครคือเพื่อน แต่เพื่อนนั้นควรจะเป็น เว็ดดิ้น คุรุคุรุ ฮิเมะ เรนโปว โพสตาร์รี่ กัปตันเกรซ ฟันนี่ทริค แล้วก็โทโกะ แต่เว็ดดิ้นนั้นกลับอยู่กับคนที่เธอคิดว่าเป็นศัตรู จากนั้นก็หนีออกมาจากคนที่คิดว่าเป็นศัตรู เท็ปเซเคเมย์ไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เธอคิดว่าเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นอาจจะเข้าใจก็ได้ แต่เมื่อถามจากเว็ดดิ้นกับฟันนี่ทริค เธอก็ไม่ได้คำตอบแบบที่ชัดเจน และไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนว่าทำไมเว็ดดิ้นถึงอยู่กับศัตรูด้วยเช่นกัน เธอเข้าใจว่าคงถามคำถามที่ยากมากออกไป
“ก่อนอื่นก็ไปรวมตัวกับใครซักคนก่อนเถอะ”
เท็ปเซเคเมย์นั้นขึ้นไปบนอากาศเพื่อมองหาใครบางคน แต่เธอก็บอกไม่ได้ว่าใครคือมิตรใครคือศัตรู หากจะไปพบกับใครซักคน แล้วคนๆนั้นคือใครกันล่ะ?
ใบหน้าของฟันนี่ทริคกับเว็ดดิ้นเองก็ต่างไปจากปกติ เมื่อเท็ปเซเคเมย์ถามว่าทำไมพวกเธอก็ตอบว่า ‘นี่คือใบหน้าของคนที่กำลังกังวลน่ะ’ เท็ปเซเคเมย์ไม่เข้าใจว่าคำว่า ‘กังวล’ นั้นคืออะไรเช่นกัน ทุกอย่างมันยากไปหมดแล้วเธอก็ไม่ชอบมันเลย
“พูคิน โซเนีย เฟรเดริก้า แล้วก็ท็อตป๊อป ไม่ว่ายังไงก็ตามทั้งสี่คนนี้คือศัตรู”
“แล้วหูกระต่ายกับนินจา?”
“หากสิ่งที่เฟรเดริก้าและคนอื่นคุยกันเป็นเรื่องจริง ทั้งสองคนนั้นก็อยู่ในหน่วยสืบสวน ดิฉันคิดว่าพวกเธอคงประเมินพวกเรามากเกินไป แต่พวกเราอาจจะร่วมมือกันได้…ไม่สิ พวกเราควรจะร่วมมือกันต่างหาก”
“โทโกะ?”
“เธอไม่ใช่ พวกเฟรเดริก้าบอกดิฉันว่าเธอนั้นหลอกลวงพวกเรา”
“แต่…คำพูดนั้นเชื่อได้เหรอ?”
“หืม…ตรงจุดดีนะ…แต่ย้อนกลับไปตอนนั้นดิฉันถูกควบคุมอยู่ ฟันนี่ทริคเองก็ถูกมัดไว้ พวกนั้นโกหกในสถานการณ์แบบนั้นรึเปล่า? ดิฉันคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้นะ แต่มันก็เชื่อว่าเป็นแบบนั้นไม่ได้ด้วยเหมือนกัน ในตอนนี้ แทนที่จะไล่ตามความเป็นไปได้ที่ไม่แน่นอนแบบนั้น พวกเราควรคิดเรื่องที่เป็นไปได้มากที่สุดจะดีกว่า”
“แบบนั้นทั้งหมดที่เหลือก็คือคุรุคุรุ ฮิเมะ เรนโปว แล้วก็โพสตาร์รี่…ใช่ไหม?”
“เธอคิดว่าคู่หูของโทโกะคือหนึ่งในพวกเราไหม? หรือคิดว่าจะเป็นคนอื่น?”
“ใครจะรู้ล่ะ…”
เท็ปเซเคเมย์ฟังคำอธิบายของเว็ดดิ้น หูกระต่ายกับนินจานั้นเป็นมิตร พวกเธอเคยเป็นศัตรูกันแต่ในตอนนี้เป็นมิตรแล้ว คนที่ฆ่ากัปตันเกรซกับพวกอีกสามทั้งหมดนั้นคือศัตรู เว็ดดิ้นเคยเป็นเพื่อนกับพวกนั้นแต่ในตอนนี้เป็นศัตรู โทโกะคือศัตรู ส่วนโพสตาร์รี่ เรนโปว แล้วก็คุรุคุรุ ฮิเมะทั้งหมดนั้นไม่แน่นอนแต่ก็เป็นมิตร เท็ปเซเคเมย์ไม่เข้าใจความหมายของคำว่า ‘ไม่แน่นอน’ และเมื่อเธอถามออกไป คำตอบที่ได้กลับมานั้นก็เข้าใจได้ยาก สำหรับคนอื่นแล้ว คงตัดสินว่าใครเป็นเพื่อนใครเป็นศัตรูจากการดูว่าคนๆนั้นอยู่กับใคร
“ใครคือศัตรูเหรอ?”
“เมจิคัลเกิร์ลที่ฆ่ากัปตันเกรซแล้วก็พวกอีกสามคน โทโกะเองก็ด้วย”
“แล้วพวกเดียวกัน?”
“กระต่ายแล้วก็นินจา ส่วนเรนโปว โพสตาร์รี่ แล้วก็คุรุคุรุ ฮิเมะนั้น ‘ไม่แน่นอน’”
“เธอรู้จักไหมว่าเมจิคัลเกิร์ลที่ชื่อโพสตาร์รี่นั้นเป็นยังไง?”
“คนที่ใช้ริบบิ้น”
เว็ดดิ้นกับฟันนี่ทริคถอนหายใจออกมายาวๆ
สุดท้ายแล้วพวกเธอตัดสินใจว่าถ้าเท็ปเซเคเมย์มองเห็นเมจิคัลเกิร์ล ให้จำตำแหน่งแล้วก็ลักษณะเอาไว้ จากนั้นก็กลับมาที่ภูเขาที่ๆเว็ดดิ้นกับฟันนี่ทริคอยู่ แล้วก็ต้องพยายามไม่ไปสัมผัสกับบาเรียด้วย
เท็ปเซเคเมย์คิดว่าเมื่อกลายเป็นมนุษย์แล้วจะทำให้เธอเป็นอิสระมากขึ้น เธอคิดว่าเมจิคัลเกิร์ลที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์คงจะมีอิสระมากกว่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วมันมีแต่ข้อจำกัด เธอต้องไปช่วยเพื่อน แลวก็ต้องทำตามคำสั่งของผู้นำ แถมศัตรูเองก็ทรงพลัง ไม่มีใครวิ่งหนีถ้าเธอกัดด้วย
เมจิคัลเกิร์ลที่มีปีกสีดำที่เธอสู้ด้วนบนอากาศนั้นแข็งแกร่ง เท็ปเซเคเมย์เกือบจะถูกแช่แข็งไปแล้ว หากสู้แบบนั้นต่อไป เธอก็คงถูกฆ่าตาย
เมจิคัลเกิร์ลที่ฆ่ากัปตันเกรซเองก็แข็งแกร่ง ทุกคนที่สู้ด้วยยกเว้นเท็ปเซเคเมย์คงต้องตาย แม้จะเป็นเท็ปเซเคเมย์ หากโดนโจมตีอีกครั้งเดียวเธอก็จะตายเช่นกัน
เท็ปเซเคเมย์ตัดสินใจว่าเธอจะไม่สู้กับสองคนนั้นอีกแล้ว ไม่ว่าเว็ดดิ้นจะพูดอะไรออกมา หรือแม้เว็ดดิ้นจะโกรธเธอ เท็ปเซเคเมย์ก็จะไม่สู้กับพวกนั้นแน่นอน หากเธอต้องสู้อีก เธอก็จะแบกเว็ดดิ้นหนีไป
ร่างกายของเท็ปเซเคเมย์ที่ดูผอมบางทำให้ตัวของเธอดูผอมบางไปด้วยเช่นกัน การบินอยู่บนท้องฟ้ามันทำศัตรูหาเธอเจอได้ยาก หากเธอทำให้ร่างกายของตัวเองบางมากเกินไปมันก็จะถูกพัดไปกับลมได้ ดังนั้นเธอจึงบินให้สูงในอากาศตอนที่มองลงมายังโลกเบื้องล่าง
หลายๆสถานที่นั้นเกิดความปั่นป่วนขึ้น ผู้คนรวมตัวกัน ‘รถ’ รวมตัวกัน มองเห็นคนที่กำลังพูด มองเห็นคนที่กำลังฟัง บางคนก็ขยับตัว บางคนก็ไม่ขยับ ไม่มีเมจิคัลเกิร์ลเลย เมจิคัลเกิร์ลอยู่ที่ไหนนะ? เท็ปเซเคเมย์บินตรงไปที่โรงเรียน
ในระหว่างทางนั้น เธอมองเห็นหลุมขนาดใหญ่อยู่บนถนน ที่นั่นมีคนรวมตัวกันอยู่มาก รอบๆหลุมมีเชือกอยู่เต็มไปหมด ไม่มีเมจิคัลเกิร์ลอยู่เช่นกัน
ด้านบนสิ่งก่อสร้าง ด้านบนหอคอยเหล็ก ด้านบนดาดฟ้า เธอมองดูทั่วทุกที่จะบนฟ้า มันทำให้ดวงตาของเธอล้า เธอไม่เจออะไรที่สำคัญเลย
ไม่มีใครอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนเช่นกัน มีคนกำลังวิ่งอยู่ที่ลู่วิ่งบนสนาม แต่ที่นี่เองก็ไม่มีเมจิคัลเกิร์ล
เท็ปเซเคเมย์ร่อนลงมาบนดาดฟ้าแล้วเอนตัวพิงเข้ากับกำแพง เธอบีบดั้งจมูกด้วยนิ้วแล้วก็ถูมันเบาๆ ดวงตาของเธอรู้สึกล้าเพราะใช้มันตลอดเวลา
การไม่ได้ทำอะไรบนอากาศกับการไม่ได้ทำอะไรตอนที่นั่งอยู่นี้ มันไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างกันมาก ดังนั้นเท็ปเซเคเมย์จึงนั่งอยู่ที่นั่นแล้วก็เงยหน้ามองขึ้นไปบนเมฆสีเทา มันไม่มีอะไรที่แตกต่างจากวันก่อน เมฆนั้นหนาจนเธอมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่สูงขึ้นไปบนฟ้า เมฆนั้นบดบังดวงอาทิตย์เอาไว้จนทำให้รู้สึกเย็น ในตอนที่เธอมองนั้นเธอก็คิดไปด้วยว่า ลมมันไม่ได้พักพาเมฆไปเลยใช่ไหมนะ? ตอนนั้นเองมันก็มีบางสิ่งที่ไม่ใช่เมฆบินเข้ามาหาเธอ มันดูเหมือนนกแต่ก็ไม่ใช่นก มันเป็นอะไรเล็กๆที่บินมาทางนี้ด้วยปีกแต่ก็ไม่ใช่นก เธอจ้องมองมันและดูเหมือนว่าสิ่งนั้นกำลังบินตรงมาหาเธอ มันดูน่าสนใจกว่าการนั่งมองดูเมฆเยอะเลย
เท็ปเซเคเมย์ยังคงมองดูสิ่งที่บินอยู่ และเธอก็รู้ว่ามันมุ่งหน้าเข้ามาหาเธอจริงๆ รูปร่างของมันค่อยๆเห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
มันคือตะเกียงที่มีปีกเหมือนนกงอกออกมาและกำลังบินเข้ามาหา เธอรู้จักตะเกียงนี้ มันคืออันเดียวกับที่กัปตันเกรซให้เธอ จะว่าไปแล้วเธอทำมันหล่นหายไปที่ไหนซักที่นี่นา
เธอไม่รู้ว่าอะไรมันทำให้ตะเกียงใช้งานได้ แต่การอยู่ภายในตะเกียงนั้นมันทำให้เธอผ่อนคลาย ดังนั้นเธอคิดว่าตะเกียงมันมีไว้เพื่อทำแบบนั้น
ตะเกียงเข้ามาใกล้ๆอย่างช้าๆจนกระทั่งหล่นลงบนมาบนมือของเท็ปเซเคเมย์อย่างแผ่วเบา ปีกนกหลอมละลายหายไปในอากาศ เธอใช้มือจิ้มไปที่ตะเกียงแล้วก็พยายามดมกลิ่น ไม่ผิดแน่ มันคือตะเกียงอันนั้น เพราะกลิ่นของมันเหมือนกับกลิ่นของเท็ปเซเคเมย์
“อ๊ะ กลับมาที่โรงเรียนงั้นสินะ”
มีเมจิคัลเกิร์ลสองคนกระโดดข้ามรั้วเหล็กมา เท็ปเซเคเมย์ยืนยันว่าทั้งคู่ไม่ใช่ศัตรู แต่ในใจของเธอนั้น ชื่อของพวกเธอนั้นมันครุมเครือจนจำไม่ได้ เธอเพิ่งจะแยกตัวออกมาจากฟันนี่ทริคและเว็ดดิ้น ดังนั้นหนึ่งในพวกเธอคือเรนโปว ส่วนอีกคนก็คุรุคุรุ ฮิเมะใช่ไหมนะ?
“รู้ไหมว่าคนอื่นอยู่ที่ไหนน่ะ?”
แฟร์รี่ตัวเล็กๆโผล่หัวออกมาจากหน้าอกของเด็กสาว เท็ปเซเคเมย์ไม่ลืมแน่ โทโกะ โทโกะคือศัตรู
“โทโกะคือศัตรู”
เท็ปเซเคเมย์พูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาเสียงดัง เมื่อเธอทำแบบนี้ หากเธอเข้าใจผิดคนอื่นก็จะแก้ไขมันให้ถูกต้อง แล้วบางคนก็จะอธิบายสิ่งที่เธอไม่เข้าใจออกมา คราวนี้เองก็เช่นกัน เด็กสาวสองคนตอบสนองกับคำพูดของเท็ปเซเคเมย์ แล้วก็บอกเท็ปเซเคเมย์ว่าสิ่งที่เธอเข้าใจนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิด
สายรุ้งพุ่งเข้ามาหาเท็ปเซเคเมย์จากด้านหน้าและด้านหลัง หั่นตัวของเธอออกเป็นสองท่อน เท็ปเซเคเมย์พยายามเป่าศัตรูให้ปลิวออกไปจากรั้วเหล็กด้วยการใช้ลมกรรโชกแรง เท็ปเซเคเมย์ทิ้งร่างกายครึ่งล่างของเธอไว้ ใช้ร่างกายครึ่งบนบินขึ้นไปบนฟ้า แล้วก็พ่นลมเข้าใส่เด็กสาวสองคนและโทโกะอีกครั้ง เด็กสาวที่ชุดมีสีสรรเยอะๆนั้นต้านแรงลมเอาไว้ได้ แต่อีกคนหนึ่งต้านเอาไว้ไม่ได้จนถูกพัดปลิวไปด้านหลัง ก่อนที่เธอจะปลิวออกไปนอกรั้ว เด็กสาวอีกคนหนึ่งก็ยื่นมือเข้าไปหา แล้วจับแขนของเพื่อนเอาไว้ด้วยมือซ้ายในขณะที่ตัวเองจับรั้วไว้ด้วยมือขวา แต่เพราะเด็กสาวนั้นเคลื่อนไหวอย่างทันทีทันใด มันจึงทำให้โทโกะโผล่ออกมาจากเสื้อ ดังนั้นเท็ปเซเคเมย์จึงตั้งใจเล็งลมไปที่โทโกะ พัดแฟร์รี่นั้นออกไปจนมองไม่เห็นอีกเลย
เท็ปเซเคเมย์ปล่อยเมจิคัลเกิร์ลสองคนที่กำลังส่งเสียงร้องออกมาทิ้งเอาไว้ ก่อนที่เธอจะบินขึ้นสูง สูงขึ้นไปบนท้องฟ้า
☆ โพสตาร์รี่ (เหลือเวลาอีก 6 ชั่วโมง 35 นาที)
เพราะโทโกะไม่สามารถกลับมาเองได้ มันจึงต้องใช้ความพยายามมากในการค้นหาตัวหลังจากที่ถูกพัดปลิวออกไป สุดท้ายโทโกะก็ไปติดอยู่ที่กิ่งของต้นซากุระที่ปลูกอยู่ตรงมุมสนามโรงเรียนที่ปลูกขึ้นเพื่อฉลองพิธีจบการศึกษา และกำลังส่งเสียงออกมาอย่างโกรธเคือง โพสตาร์รี่กลับไปเป็นร่างมนุษย์เพื่อไม่ให้นักเรียนคนอื่นที่อยู่ในชมรมกีฬาสังเกตเห็น จากนั้นก็เดินเข้าหาต้นไม้อย่างเงียบๆ แล้วก็แปลงร่างเป็นเมจิคัลเกิร์ลอีกครั้งทันทีเพื่อปีนขึ้นไปบนต้นไม้และเอาโทโกะลงมา เมื่อเธอลงมาแล้วก็คลายการแปลงร่างอีกครั้ง ตรวจดูรอบๆว่าไม่ได้มีใครกำลังมองเธออยู่ แล้วก็วิ่งออกมาด้วยความรวดเร็ว เธอโล่งใจจริงๆ
ที่บนดาดฟ้านั้น เรนโปวกับโทโกะกำลังเถียงกันอยู่
“ตอนนี้ทุกคนรู้กันหมดเลยว่าเธอเป็นคนเลวนะ โทโกะ”
“หือ? ทำไมเธอพูดเหมือนมันเป็นความผิดของเราล่ะ?”
“ก็มันเป็นความผิดของเธอไม่ใช่รึไง ทุกคนล้วนระแวงพวกเราหมด เพราะรู้ว่าเธอมันเลวไงล่ะ!”
“แต่เธอเองก็เป็นคนเลวเหมือนกันนะ เรนโปว!”
“ยังไม่มีใครรู้เรื่องของเราซักหน่อย”
“แล้วทำไมเธอถึงทำเหมือนเป็นความผิดเราคนเดียวล่ะ?”
“มันเป็นความผิดของเธอทั้งหมดนั่นแหละ โทโกะ ตอนนี้พวกเราไปรวมตัวกับใครไม่ได้แล้ว”
เหมือนว่าทั้งคู่กำลังโทษว่าเป็นความผิดของอีกฝ่าย แม้จะตะโกนใส่กันแต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้โกรธอะไรจริงจัง แค่มองดูพวกเธอก็บอกได้ง่ายๆ ในตอนที่เถียงกันนั้น สีหน้าท่าทาง แล้วก็น้ำเสียงล้วนแต่อยู่ในขอบเขตการล้อเล่น เห็นได้ว่าทั้งคู่กำลังสนุกกันอยู่
เพื่อนคือสิ่งที่เป็นแบบนี้สินะ โทโกะกับเรนโปวเป็นเพื่อนกัน แล้วพวกเธอคิดยังไงกับโพสตาร์รี่กันนะ? เรนโปวบอกว่าโพสตาร์รี่คือเพื่อน โพสตาร์รี่เองก็ตัดสินใจว่าจะไม่คิดถึงเรื่องนั้นว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง
ไม่เคยมีเพื่องร่วมห้องคนไหนต้องการทัตสึโกะ ซากากิมาก่อน เธออยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่สมัยอนุบาล ชั้นประถม จนถึงชั้นมัธยม เมื่อออกไปทัศนศึกษา เธอก็กินข้าวปั้นที่แม่ทำมาให้เธออยู่คนเดียว เมื่อทุกคนเลือกกลุ่มตอนทัศนศึกษา หลังจากที่ทุกคนเลือกกันเสร็จแล้ว เธอก็จะถูกกำหนดให้ไปอยู่ในกลุ่มที่คนไม่พอ
เธอคิดว่าการใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมันง่ายกว่ามาก การอยู่ตัวคนเดียวนั้นเป็นเรื่องธรรมดาในขณะที่อยู่กับคนอื่นมั้นต้องใช้ความพยายาม มันเจ็บปวดที่ต้องระวังไม่ให้แยกตัวจากคนอื่น ต้องยิ้มเพื่อประจบคนอื่น ต้องดูรายการทีวีที่ไม่ได้อยากดูเพื่อตามบทสนทนาให้ทัน หากมีคนที่ไม่อยากยุ่งกับเธอ ทัตสึโกะเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ตราบใดที่มันไม่ได้กลายเป็นการกลั่นแกล้ง แบบนั้นก็ไม่เป็นไร หากมีคนหัวเราะใส่เธอเพราะว่า “ยัยนี่อยู่ตัวคนเดียวตลอดเลยใช่ไหม?” เธอก็ทนมันได้
หลังจากที่กลายเป็นเพื่อนกับคาโอริ ทัตสึโกะก็สรุปได้ว่าเพื่อนทุกคนนั้นน่ารำคาญ ต้องคุย ต้องยิ้ม ต้องไปไหนมาไหนด้วยกัน และทำอะไรด้วยกัน มันล้วนมีปัญหากว่าการอยู่คนเดียว แต่มันก็สนุกจริงๆ
เพื่อนนั้นคือคำสาป ทัตสึโกะไม่อยากให้คาโอริทิ้งเธอไป ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าการไม่มีเพื่อนมันเป็นเรื่องปกติ แต่ในตอนนี้มันเป็นเรื่องปกติที่เธอจะมีเพื่อน เธอทักทายคนอื่นได้แบบปกติ กินมื้อเที่ยงด้วยกันแบบปกติ แล้วก็ยังชวนไปบ้านของอีกฝ่ายหลังเลิกเรียนแบบปกติ
หากไม่มีคาโอริ เธอคงสูญเสียความปกติเหล่านี้ไปแล้ว
โทโกะเป็นคนโกหก และเรนโปวก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเธอ เรนโปวพูดว่าเธอจะไม่ฆ่าโพสตาร์รี่ตอนนี้เพราะจะใช้โพสตาร์รี่เป็นตัวประกัน สิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่สิ่งที่คนเป็นเพื่อนกันจะพูดออกมา
แต่โพสตาร์รี่ก็ช่วยเรนโปวเอาไว้ เธอเข้าใจว่านินจานั้นอาจจะอยู่ฝ่ายที่ถูกต้องและเรนโปวกับโทโกะอาจจะเป็น ‘แม่มดผู้ชั่วร้าย’ ตัวจริง แต่เธอก็ช่วยเรนโปวไว้ เมื่อเธอเห็นนินจาพยายามจะฆ่าเรนโปว ร่างกายของโพสตาร์รี่จึงขยับ เธอไม่ได้อยากให้เรนโปวตาย
และผลก็คือ โพสตาร์รี่ฆ่านินจาตาย เธอฆ่าคนที่อยู่ฝ่ายที่ถูกต้องไปแล้ว
โพสตาร์รี่ไม่ได้ตกใจเรื่องที่ตัวเองฆ่าคนตายมาก จริงๆแล้วเธอก็รู้สึกดีใจเล็กน้อยที่ได้ทำบางสิ่งที่ชั่วร้าย บางสิ่งที่เหมือนกับเรนโปวและโทโกะ คนที่เป็นตัวร้ายทำ และเธอก็ตกใจตัวเองที่ดีใจกับเรื่องแบบนี้ด้วย
โพสตาร์รี่ยึดความเป็นไปได้ที่ว่า ตอนที่เรนโปวบอกว่าจะใช้โพสตาร์รี่เป็นตัวประกันนั้นคือการทำให้เธอสะดวกในเวลานั้น เป็นสิ่งที่เรนโปวพูดออกมาเพื่อทำให้แน่ใจว่านินจาจะไม่โจมตีโพสตาร์รี่ เธอยึดติดกับเรนโปวมาก ทำแม้กระทั่งพยายามหลอกตัวเองด้วยเรื่องในจินตนาการแบบนี้ อย่างน้อยก็อยากจะเชื่อว่าเธอนั้นไม่ได้เลือกตัวเลือกที่ผิด
โทโกะกับเรนโปวยังคงถกเถียงกันว่าใครเป็นคนผิด โพสตาร์รี่หวังอย่างยิ่งว่าเธอจะเป็นเพื่อนกับทั้งสองคนได้ด้วย เพราะแบบนั้นเธอถึงยิ้มออกมา
☆ 7753 (เหลือเวลาอีก 6 ชั่วโมง 17 นาที)
“ชั้นรู้ว่าทุกคนมีความเชื่อไม่ก็หลักการที่ไม่สามารถโอนอ่อนได้ แต่ในตอนนี้เธอต้องทำมันให้ได้”
มานาบอกเธอแบบนี้ เธอพูดแบบนี้ในฐานะคนที่ทอดทิ้งความเชื่อและหลักการของตัวเองไป และเธอก็ไม่ได้พูดอะไรผิดด้วย
“นี่คือคำสั่งในฐานะหัวหน้า ใช้แว่นกันลมนั่นใส่ทุกคนซะ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครก็ตาม”
“…เข้าใจแล้ว”
“แม้จะเป็นคนที่เคยเจอหน้ากันมาก่อนก็ห้ามประมาท พวกเราไม่รู้ว่าสถานการณ์มันเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหนแล้ว คนที่อยู่ที่นี่บางคนมีความตั้งใจดีแต่อาจทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง ห้ามยกเว้นใครแม้แต่คนเดียวเด็ดขาด”
“รับทราบ”
“แม้จะเป็นชั้นก็ตาม”
“เดี๋ยวสิ นั่นมัน—”
“เธอจะเชื่อชั้นไม่ได้เพียงเพราะว่าเป็นชั้น อย่าลืมว่ามันมีความที่มีความสามารถควบคุมจิตใจอยู่ ไม่มีใครจะช่วยเธอหากถูกแทงข้างหลังหรอกนะ”
“อื้อ…เข้าใจแล้ว”
7753 มองตัวเองผ่านแว่นกันลมไม่ได้ นั่นหมายถึงหากเธอรายงานแบบโกหกออกไป มันก็จะไม่มีใครจับเธอได้ มานารู้เช่นนั้นและยังคงสั่งให้เธอใช้แว่นกันลมโดยที่ไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งมันไม่ต่างกับการพูดว่าตั้งใจจะตายพร้อมกับ 7753 เลย มานาพูดแบบนี้ออกมาเพราะเชื่อใจว่า 7753 จะไม่หักหลังเธอ ดังนั้นเธอก็ควรจะจัดการเรื่องต่างๆให้ง่ายที่สุด
มานานั้นไม่ถูกกับพวกเธอ เธอทั้งโกรธ ตะโกน สาปแช่ง จับคอเสื้อแล้วก็ด่า 7753 และริปเปิลในฐานะคนนอก แต่ในตอนนี้เธอเชื่อใจ 7753
หากเหตุผลของมานาที่ทำแบบนี้เป็นเพราะ ฮานะบอก 7753 เรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับมานา แบบนั้นก็หมายความว่า 7753 หลอกลวงมานา ทั้งๆที่ความจริงแล้วหัวหน้าของเธอส่งข้อมูลมาให้ และเธอก็ถูกสั่งให้พูดออกมาตามนั้น นี่คือเรื่องทั้งหมด ฮานะไม่เคยเชื่อใจ 7753 จนถึงขั้นที่พูดเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวออกมา
ตรงกันข้ามกับความรู้สึกแย่ของ 7753 มานานั้นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ฮานะถูกพูคินฆ่าตาย และหลังจากที่ 7753 หยุดมานาที่จะออกไปล้างแค้นไว้ได้ มานาก็ยับยั้งตัวเองไว้ได้ เธอคำนวนไว้แล้วว่าหาก 7753 ทรยศเธอ เธอก็จะพ่ายแพ้ไม่ว่าจะดิ้นรนขนาดไหน ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจเชื่อ 7753 แล้วตั้งใจว่าจะใช้พลังของ 7753 ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ฮานะนั้นตายในการต่อสู้และการที่ฮานะเชื่อใจตัวของ 7753 นั้นคือเรื่องสำคัญ 7753 ช่วยอะไรไม่ได้เลย มีแต่จะรู้สึกแย่มากขึ้นเท่านั้น
มานาไม่ใช่เมจิคัลเกิร์ล การที่เธอไม่ได้นอนหลับซักงีบเลยมันคงทำให้เธอเหนื่อยแน่ แต่เธอก็ไม่ได้แสดงมันออกมาให้เห็น ผมของเธอยุ่งเหยิงและเต็มไปด้วยฝุ่น แว่นตาของเธอก็แตก แต่กระนั้นเธอก็ยังคงยืนหยัด เมื่อเธอมอบคำสั่งให้ 7753 ในน้ำเสียงของเธอนั้นมีพลังอยู่และ 7753 มองไม่เห็นความลังเลจากเธอแล้ว
7753 คิดว่ามานาไม่ไว้ใจเธอยังดีกว่า ใช่ว่า 7753 นั้นอยากจะทรยศมานา แต่เธอก็ทรยศมานาไปแล้ว 7753 นั้นได้รับคำสั่งมาจากหัวหน้าของเธอและซ่อนมันเอาไว้ เธอซ่อนความจริงที่ว่ามาโอแพมตายแล้วเอาไว้ เธอไม่ได้บอกว่าการตายของมาโอแพมทำให้กรมการต่างประเทศตกอยู่ในความโกลาหล เธอไม่ได้บอกว่าอาวุธทำลายล้างสูงอาจจะโจมตีมาที่เมืองนี้ เธอปิดบังเรื่องนี้กับมานาที่เป็นหัวหน้าหน่วยไม่ให้รู้
7753 อยากคุยกับมานา อยากจะบอกมันกับมานา แต่หัวหน้าของเธอสั่งว่า ‘ห้ามคุยกับเธอ’ และ ‘ห้ามบอกเธอ’ ไม่ว่า 7753 พยายามโน้มน้าวหัวหน้ายังไงเธอก็ไม่รับฟัง มานากับหัวหน้าของเธอคล้ายคลึงกัน ทั้งคู่เชื่อว่าตัวเองทำในสิ่งที่ถูก ในจุดนี้ 7753 พยายามปกป้องอะไรอยู่กันล่ะ?
พวกเธอพบกับคุรุคุรุ ฮิเมะอีกครั้งบนดาดฟ้าของสถานีวิทยุ 7753 ไม่จำเป็นต้องใช้แว่นกันลมของเธอเพื่อมองดูก็รู้ได้ว่าตัวของเธอนั้นซีดเซียว 7753 รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรออกมา
คุรุคุรุ ฮิเมะยื่นสมาร์ทโฟนของเธอมาให้
“มีคนโทรมาหาฉัน เธอพูดว่าให้โทรกลับด้วย…”
“โทรมาหา? จากใครเหรอ? พวกนักเรียน?”
คุรุคุรุ ฮิเมะส่ายหัวของเธออย่างช้าๆ แล้วยื่นสมาร์ทโฟนเข้ามาหาอีกครั้ง ราวกับว่าเธอไม่อยากพูดมันออกมา
เมื่อ 7753 ตรวจดูประวัติการโทร เธอก็เห็นว่ามีสายโทรเข้ามาจากมือถืออีกเครื่อง หมายเลขนี้รึเปล่านะที่เธอจะต้องโทรกลับ? 7753 กดปุ่มโทรออก และก่อนที่เสียงสัญญานครั้งแรกจะเงียบไป อีกฝ่ายก็รับสาย
“นั่นคุรุคุรุ ฮิเมะเหรอ?”
มันเป็นเสียงของเด็กสาว เสียงนั้นฟังดูเด็ก แต่มีบางสิ่งในน้ำเสียงฟังดูเป็นผู้ใหญ่ บางทีก่อนการแปลงร่างเป็นเมจิคัลเกิร์ลเธออาจจะเป็นผู้ใหญ่อยู่แล้ว ไม่ก็คนที่ยังเป็นเด็กแต่ทำงานมาอย่างยาวนาน ในพวกเดียวกันกับคุรุคุรุ ฮิเมะมันไม่มีคนแบบนี้อยู่ด้วย
7753 มองมาที่มานา มานานั้นหรี่ตาและฟังอย่างตั้งใจ 7753 ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับไป
“ไม่ นี่คือ 7753”
“7753? จากฝ่ายทรัพยากรบุคคลน่ะเหรอ?”
“…ใช่ ตอนนี้ฉันอยู่ในหน่วยสืบสวน”
อีกฝ่ายรู้จัก 7753 แต่เสียงของเธอนั้นฟังแล้วไม่คุ้นเคย เธอโทนเข้าไปหาสมาร์ทโฟนของคุรุคุรุ ฮิเมะได้ 7753 คิดไม่ออกว่าใครเป็นคนทำแบบนี้
“นี่ฉันพูดอยู่กับใครน่ะ?”
“ฉันชื่อไพตี้ เฟรเดริก้า”
7753 เอาหน้าตัวเองออกห่างจากสมาร์ทโฟนแล้วหลับตาลง สมาร์ทโฟนที่เป็นยี่ห้อดังในตอนนี้กลายเป็นวัตถุที่ดูน่าขยะแขยง เธอมองไปที่มานาแล้วก็เห็นท่าทีน่ารังเกียจบนใบหน้าอย่างชัดเจน มานาหลับตาลงข้างหนึ่งแล้วแย่งสมาร์ทโฟนออกมาจากมือของ 7753
“แกต้องการอะไรจากพวกเรากันห๊ะ เฟรเดริก้า?”
“นี่ใครน่ะ?”
“มานา หัวหน้าหน่วยสืบสวน”
“อ๊ะ หัวหน้ามานางั้นเหรอ? เยี่ยมเลย”
ถ้าเฟรเดริก้าเป็นคนพูด นั่นก็อธิบายได้ว่าทำไมคุรุคุรุ ฮิเมะถึงไม่อยากแตะสมาร์ทโฟน
“เธอกับฉันมาร่วมมือกันไหม?”
น้ำเสียงของเฟรเดริก้านั้นฟังดูร่าเริงไม่เข้ากับสถานการณ์เลย
“ร่วมมือ? หมายความว่ายังไง?”
“มาโอแพมตายแล้ว และฉันก็ยืนยันศพของริปเปิลด้วยตัวเอง ฉันรู้จักหน้าตาของเธอก่อนแปลงร่าง ดังนั้นไม่ผิดแน่นอน”
ริปเปิลตายแล้ว เธอควรรู้สึกยังไงกันนะ? เธอควรตอบสนองยังไงดี? เธอรู้ว่าเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วเธอไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไง ดังนั้น 7753 จึงหลับตาลง
“เกโคคุโจเป็นยังไงบ้าง?”
7753 รีบเอามือวางบนไหล่ของมานา เธอคิดว่าถ้ามานาโกรธแล้วเขวี้ยงสมาร์ทโฟนลงบนพื้นจนพังมันคงแย่แน่ แต่แทนที่มานาจะทำแบบนั้นเธอก็ถอนหายใจออกมาลึกๆ
“ฮานะถูกพูคินฆ่าตาย”
แม้ 7753 จะยืนฟังอยู่ข้างๆ แต่เธอก็บอกได้ว่ามานานั้นพยายามอย่างเต็มที่แล้วในการควบคุมน้ำเสียง เฟรเดริก้าเองก็ลดเสียงลงเล็กน้อยเช่นกัน
“พวกเราเองก็สูญเสียไปมากเหมือนกัน นักฆ่า…หรือนักเรียนมัธยมต้นที่ใช้สายรุ้งน่ะ มันฆ่าท็อตป๊อป มาโอแพมเองก็ฆ่าโซเนียบีน ส่วนพูคินยังมีชีวิตอยู่ก็จริง แต่…เธอก็โจมตีใส่ฉันน่ะนะ เธอเป็นเหมือนกับแมวที่ถูกราดน้ำเย็นใส่ ควบคุมอะไรไม่ได้แล้วล่ะ”
สิ่งที่พูดออกมาอย่างไม่ตั้งใจนั้นมันน่าเหลือเชื่อมาก นักฆ่าคือคนใช้สายรุ้งที่อยู่ในหมู่นักเรียนมัธยมต้น เธอตั้งใจปล่อยข้อมูลออกมาเพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวเธอมีประโยชน์รึเปล่า? หรือจะพยายามทำให้พวกเธอสับสนด้วยคำโกหกกันแน่? หรือบางทีเธออาจจะไม่เห็นมันเป็นข้อมูลสำคัญก็ได้
มานาตอบกลับไปโดยที่ไม่ได้แสดงความไม่พอใจอะไรออกมา
“…แล้ว?”
“เธอจะมาร่วมมือกับฉันไหมล่ะ? พวกเราทั้งคู่มาที่เมืองนี้ด้วยเป้าหมายจับตัวนักฆ่าเหมือนกัน เพราะว่ามีเป้าหมายเหมือนกัน พวกเราก็ควรจะร่วมมือกันไม่ใช่รึไง? โดยส่วนตัวแล้ว ฉันไม่ค้านอะไรหรอกนะหากคนที่มีปัญหาจะได้เจอการพิพากษาที่ถูกต้อง แต่ถ้าเป็นไปได้ ฉันตั้งใจจะเป็นพยานที่มีชีวิตเพื่อยืนยันในการกระทำผิดนะ หากไม่ใช่แบบนั้นพวกเราก็ต้องประนีประนอมกัน ถ้าต้องถูกลงโทษ ก็ให้ลงโทษผ่านกระบานการยุติธรรม เท่านี้ล่ะที่ฉันอยากพูด”
“แต่…หน่วยต่อต้านพาเธอออกมาจากคุกใช่ไหมล่ะ? ถ้าให้พูดคือเธอน่ะถูกพวกนั้นว่าจ้าง นี่เธอตัดสินใจอะไรสำคัญๆแบบนั้นได้ด้วยตัวเองรึไง?”
“โชคร้ายหน่อยนะที่ตอนนี้ฉันอยู่คนเดียวแล้ว หากไม่มีคำสั่งอะไรมา ทหารที่เหลืออยู่ต้องรับบทนำใช่ไหมล่ะ”
“เธอใช้เวทมนตร์ติดต่อกับภายนอกได้ไม่ใช่รึไง?”
“เพราะเรื่องนี้แหละคือเหตุผลที่ทำให้ฉันอยากร่วมมือกันกับเธอ ความจริงแล้ว ถ้าให้พูดออกมามันก็น่าอายอยู่หรอก แต่เมจิคัลเกิร์ลที่ชื่อฟันนี่ทริคขโมยคริสตัลบอลของฉันไป ถ้าเป็นไปได้ ฉันหวังว่าบางทีคุรุคุรุ ฮิเมะจะไปบอกเธอให้เอามาคืนน่ะนะ”
มือของ 7753 ที่อยู่บนไหล่ของมานาเกิดสั่น ยัยบ้านี่ฆ่าพ่อของคุรุคุรุ ฮิเมะไปแล้ว คราวนี้ยังจะมีหน้ามาขอให้ลูกสาวช่วยเหลือแบบโจ่งแจ้งอีกงั้นเหรอ
“ฉันสามารถใช้เวทมนตร์ของตัวเองทำให้ทุกคนหนีออกไปจากเมืองได้ แต่ว่ายังไงก็ตามมันจำเป็นต้องมีคริสตัลบอลของฉัน เพราะแบบนั้นถึงมาขอความช่วยเหลือจากพวกเธอ”
มานาบอกเฟรเดิก้าไปว่า “พวกเราจะคุยกันก่อน” จากนั้นก็วางสายไป เธอใจเย็นยิ่งกว่า 7753 ซะอีก
“ขอชั้นยืมมือถือซักพักได้ไหม?”
มานายื่นสมาร์ทโฟนเป็นแนวทแยงมุมเป็นการขออนุญาต คุรุคุรุ ฮิเมะก็พยักหน้าตอบกลับแบบเบาๆ 7753 รู้ตัวว่ามือของเธอยังคงอยู่บนไหล่ของมานาจึงรีบชักมันออก เธอใส่แรงเข้าไปที่มือ ขา และปอดมากเกินความจำเป็น จากนั้นเธอก็หายใจเอาอากาศทั้งหมดที่มีอยู่ออกมา
มานาใส่สมาร์ทโฟนเข้าไปในกระเป๋าของเธอ จากนั้นก็ดึงขวดแก้วใสออกมา เธอพลิกขวดแล้วเขย่าเอาเม็ดที่อยู่ด้านในลงมาบนฝ่ามือ จากนั้นก็โยนมันเข้าไปในปาก เคี้ยวมันด้วยฟันจนส่งเสียงดัง 7753 ไม่คิดจะถามว่ามันคือยาประเภทไหน
ตอนนั้นเองสมาร์ทโฟนก็ดังอีกครั้ง มานาวางขวดลง แล้ว 7753 ก็รับมันเอาไว้ด้วยมือ มานาเอาสมาร์ทโฟนออกมาจากกระเป๋าอีกครั้ง เธอมองไปที่หน้าจอแล้วขมวดคิ้ว 7753 มองดูมันจากด้านข้าง สิ่งที่แสดงอยู่บนหน้าจอนั้นคือหมายเลขที่ไม่ได้ทำการลงทะเบียนเอาไว้ มันแตกต่างจากหมายเลยที่โทรมาก่อนหน้านี้ มานาจ้องไปที่สมาร์ทโฟน รอให้มันส่งเสียงดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะรับสาย
“…ฮัลโหล?”
“นั่นคุรุคุรุ ฮิเมะใช่ไหม? นี่เว็ดดิ้นกับฟันนี่ทริคเองนะ พวกเราได้เบอร์คุณฮิเมโนะมาจากเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนน่ะ แม้พวกเราจะควรคิดมันออกตั้งแต่ก่อนหน้านี้ก็เถอะ เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ปลอดภัยรึเปล่า? เท็ปเซเคเมย์อยู่กับพวกเรานะ แต่ว่าเธอออกไปลาดตระเวนแล้วยังไม่กลับมาเลย แต่พวกเรารู้ว่าเท็ปเซเคเมย์เป็นใคร คิดว่าพวกเราคงไม่ต้องห่วงมากนักก็ได้ แม้ว่า… ฮัลโหล? ได้ยินรึปล่าเนี่ย?”
มานายื่นมือถือไปให้คุรุคุรุ ฮิเมะ
☆ พูคิน (เหลือเวลาอีก 5 ชั่วโมง 45 นาที)
เวลานั้นทำให้ความโกรธของเธอสงบลงก็จริง แต่ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเมื่อเวลาผ่านไปมันกลับทำให้เธอหิว พูคินระงับความโกรธไว้ได้ก็จริงแต่มันทำให้เธอหิว และยิ่งหิวเธอก็ยิ่งโกรธ ยิ่งโกรธก็ยิ่งทำให้หิว
เพราะแบบนั้นเธอจึงออกไปที่ร้านค้าเล็กๆที่อยู่ใกล้กับอพาร์ทเมนท์แล้วก็หยิบอาหารที่พร้อมกินอย่าง ขนมปังสอดไส้ ลูกอมช็อคโกแลต เนื้อแดดเดียว ซาลาเปา ไก่ทอด เฟรนช์ฟรายส์ ออกมา เมื่อมีพนักงานมาพูดจาหยาบคายใส่ เธอก็ฟันมันทิ้งในดาบเดียว จากนั้นก็กลับไปที่อพาร์ทเมนท์เพื่อดื่มด่ำกับมื้ออาหาร การกินอาหารคนเดียวนั้นน่าเบื่อหน่ายและมันทำให้เธอรู้ว่าสูญเสียโซเนียไปแล้ว และตั้งแต่พูคินใช้เวทมนตร์ของเธออีกครั้ง เว็ดดิ้นจึงหนีไปเช่นกัน ท็อตป๊อปก็ตายแล้ว เฟรเดริก้าเองก็หนีไป ตอนนี้พูคินคือคนเดียวที่เหลืออยู่
เธอกัดกระดูกไก่ เคี้ยวมันด้วยฟันจนแตก แล้วก็ดูดไขกระดูกที่อยู่ด้านใน เธอยังยัดขนมปังแล้วก็ช็อคโกแลตลงไปในคอราวกับดื่มมันลงไปโดยไม่เคี้ยว สิ่งเหล่านี้มันให้พลังงานแก่เธอ เธอจำเป็นต้องมีพลังงานเพื่อที่จะโกรธ และเธอต้องการพลังงานยิ่งกว่านั้นในการทำสิ่งต่างๆ
หีบห่อและเศษอาหารหล่นอยู่เกลื่อนพื้น เธอหยุดพักด้วยการเอนตัวพิงกับโซฟาแล้วก็ลูบจมูก มองดูใบหน้าของตัวเองในกระจกเงา จมูกของเธอกลับมาสวยงามได้รูปอีกครั้ง ร่างกายของเมจิคัลเกิร์ลนั้นมีทักษะฟื้นฟูอันทรงพลัง กระดูกที่หักเองก็สามารถรักษาตัวเองได้โดยไม่ต้องทำอะไร หากเธอเป็นมนุษย์ เธอก็คงจะตายจากบาดแผลเพราะเสียเลือดมาก แต่ด้วยการกินและพักผ่อนเธอก็สามารถรักษาร่างกายตัวเองได้ เมจิคัลเกิร์ลที่แข็งแกร่งอย่างพูคินนั้นมีความสามารถในการรักษาสูง และใช้เวลาในการรักษาตัวเองเพียงแค่สั้นๆ ไม่ใช่แค่บาดแผลทางกายเท่านั้น กระทั่งชุดที่สวมใส่ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมก่อนที่จะทันรู้ตัว
จมูกที่หักเพราะโดนมาโอแพมเอาหัวกระแทกนั้นหายไปแล้ว เลือดเองก้หยุดไหลเช่นกัน แต่บาดแผลที่ท้องที่เกิดจากสายรุ้งยังไม่หายสนิท พูคินยังไม่มีพลังพอที่จะรักษาให้หายได้
พูคินนั้นหลีกเลี่ยงการคิดสิ่งต่างๆไม่มากก็น้อย แต่เมื่อเธออยู่คนเดียวเช่นนี้ เธอกลับถูกบังคับให้ต้องคิด ก่อนที่จะเคลื่อนไหว เธอก็คิดว่าจะระบายความโกรธออกมายังไง
เฟรเดริก้านั้นเป็นหนึ่งในข้ารับใช้ของเธอ ความเกียจคร้านของเธอนั้นยกโทษให้ไม่ได้ เธอต้องถูกลงทัณฑ์ แต่การจัดการกับข้ารับใช้ไม่ใช่เรื่องที่มีความสำคัญมาก
มาโอแพมคือศัตรูที่ยกโทษให้ไม่ได้มากที่สุดในหมู่ศัตรูทั้งหมด มันฆ่าโซเนียและทำให้พูคินหวั่นเกรง ทำให้เธอต้องหนีออกมาอย่างน่าเกลียด พูคินจำเป็นต้องลบความอัปยศนี้ทิ้งให้เร็วที่สุด แต่มาโอแพมก็ถูกฆ่าไปแล้ว ไปจัดการกับศพของมันก็เป็นความคิดที่ดี แต่ว่ามันมีความสำคัญค่อนข้างต่ำ
หากเป็นเรื่องเล็กๆแล้ว เรื่องของเว็ดดิ้นนั้นอยู่ในอันดับสูง การต่อต้านพูคินอย่างอวดดีมันคือความตายสถานเดียว การล่ากระต่ายเพียงตัวเดียวมันไม่สาแก่ใจพูคิน แต่เรื่องเล็กมันก็คือเรื่องเล็ก เธอจัดการมันภายหลังได้
เรื่องที่เหลือก็คือแฟร์รี่โทโกะกับเมจิคัลเกิร์ลสายรุ้ง ทั้งสองคนนั่นคือสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุดของพูคิน เธอบาดเจ็บหนักเกินไปที่จะสู้กับพวกนั้นจึงตัดสินใจในตอนนั้นว่าการหนีออกมาชั่วคราวคือเรื่องที่ดีกว่า เธอมั่นใจในการตัดสินใจของตัวเอง แต่กระนั้นความอับอายที่ต้องหนีมันทำให้พูคินโกรธเกรี้ยว
เธอลุกขึ้นจากโซฟา เปิดก๊อกน้ำที่อ่างล้างจานแล้วก็ใช้ปากดื่มตรงๆจากด้านล่าง สารอาหารที่เธอดูดซึมผ่านกระเพาะอาหารและลำไส้ไหลเวียนไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว เลือดเองก็สูบฉีดอย่างแรง เธอดึงริมฝีปากขึ้นมาจากก๊อกน้ำ แล้วก็ปล่อยให้น้ำไหลชโลมเส้นผมแทน และเมื่อมันเพียงพอแล้วเธอก็สะบัดหัวและปิดก๊อกน้ำไป เธอมองเห็นภาพของตัวเองสะท้อนอยู่ในกระจกที่แขวนอยู่ตรงทางเข้าห้องครัว เมื่อพึงพอใจกับความงดงามและความสูงศักดิ์ของตัวเองแล้ว เธอก็เอาขนนกน้ำมาประดับไว้ที่เส้นผม
เธอเติมพลังงานเรียบร้อยแล้ว และยังคิดว่าศัตรูคนไหนที่ควรให้ความสำคัญในการล่า เมื่อบาเรียหมดเวลา เธอก็จะติดต่อกับหน่วยต่อต้าน ก่อนที่จะถึงเวลานั้น เธอก็จะทำในสิ่งที่ตัวเองพอใจ
พูคินนั้นรักแฟร์รี่ เพราะมันเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการทรมาณ การที่มันตัวเล็กทำให้ต้องระมัดระวังอย่างมากที่จะไม่ทำให้พวกมันตายจากการเสียเลือดมากในตอนที่ดึงเล็บของพวกมันออก ลอกผิวหนังของมันออก คว้านรูที่หน้าท้องของมัน เมื่อเธอตระหนักถึงปฎิกิริยาตอบสนองของแฟร์รี่ก็พบว่ามันน่าสยดสยอง การที่เธอเจอสิ่งที่ฟื้นคืนไม่ได้นั้นมันน่าสนใจมากกว่ามนุษย์หรือเมจิคัลเกิร์ลเสมอ ความแตกต่างของใบหน้ายามปกติกับใบหน้ายามที่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดนั้น มันอยู่เหนือกว่าที่มนุษย์และเมจิคัลเกิร์ลจะทำได้
ทุกวันนี้มันมีมาสค็อตหลากหลายรูปแบบ และพูคินได้ยินว่ามันไม่มีร่างกายทางกายภาพอีกแล้ว มันเป็นเรื่องยากที่พูคินจะทำความเข้าใจว่าทำไมถึงสร้างอะไรที่น่าเบื่อขึ้นมา สิ่งเรียบง่ายและคลาสสิคแบบโทโกะนั้นดีที่สุดแล้ว
ย้อนกลับไปตอนที่พูคินยังทำงานอยู่นั้น เธอต้องจ่ายเงินเพื่อให้ได้ทรมาณพวกแฟร์รี่ ทำร้ายมัน เฉือนมัน แยกชิ้นส่วนมัน ในการที่จะทำให้แฟร์รี่มีชีวิตอยู่ได้ตอนที่ถูกทรมาณนั้น มันจำเป็นที่พูคินต้องศึกษาชีววิทยาและโครงสร้างร่างกายของแฟร์รี่อย่างจริงจัง เรียนรู้ราวกับเป็นนักศึกษา ดังนั้นพูคินจึงมีความรู้เรื่องแฟร์รี่มากกว่าใคร
แฟร์รี่นั้นเต็มไปด้วยพลังงาน พวกมันเป็นยารักษา ยาชูกำลัง ยาระงับปวดชั้นเลิศ แฟร์รี่นั้นจะรักษาบาดแผลของพูคินอย่างสมบูรณ์ และทำให้เธอมีพลังมากยิ่งกว่าที่มีในปัจจุบัน ในการที่จะรักษาแผล ในการที่จะระบายความโกรธออกมา พูคินจำเป็นต้องมีแฟร์รี่
☆ เรนโปว (เหลือเวลาอีก 5 ชั่วโมง 15 นาที)
เธอกลับมายังอพาร์ทเมนท์ในตอนแรกเพื่อรวบรวมข้อมูล
เรนโปวกำจัดศัตรูที่เป็นภัยคุกคามมากที่สุดไปแล้ว และทำลายแนวหน้าในการต่อสู้ของศัตรูไปอีกด้วย การทำแบบนี้ทำให้เมืองมีความอันตรายสำหรับเธอลดลง แต่เพราะว่าแม้แต่เท็ปเซเคเมย์ก็ยังรู้ว่าโทโกะเป็นคนเลว ทำให้แผนของเธอที่จะไปรวมกลุ่มกับเว็ดดิ้นและคนอื่นเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้นจึงล้มเหลวไป ดังนั้นเธอจึงออกรวบรวมข้อมูลแทน พวกเธอไม่รู้การกระทำชั่วร้ายของโทโกะมันมาจากที่ไหน มันเป็นไปได้ว่าในเมืองนี้มีเครือข่ายการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่เรนโปวไม่รู้อยู่
ในตอนที่รวบรวมข้อมูลอยู่นั้น พวกเธอก็คุยกันถึงแผนการที่จะซ่อนตัวจนกว่าบาเรียจะหมดเวลาเอาไว้ โทโกะกับเรนโปวคุยกันถึงเรื่องนั้น ในขณะที่จับตามองหาศัตรูตอนกลับมายังอพาร์ทเมนท์
เมื่อทั้งสามคนมองเข้าไปในอพาร์ทเมนท์ โพสตาร์รี่ก็เจอสมาร์ทโฟนเข้า เรนโปวคว้าสมาร์ทโฟนออกมาจากมือของเธอทันที โพสตาร์รี่เหมือนว่าจะประหม่าและกังวล แต่เธอก็พึมพำบางอย่างกับเรนโปวราวกับว่าอยากเตือนเรื่องมารยาท
“พวกเราควรดูสมาร์ทโฟนคนอื่นแบบนี้เหรอ…?”
“ไม่เป็นไรน่า ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่ต้องมากังวลเรื่องมารยาทซักหน่อย แล้วนี่ของใครล่ะเนี่ย…? ชิฮาบาระ? ได้รับข้อความงั้นเหรอ”
“ข้อความเหรอ? ขอดูหน่อย ขอดูหน่อย!”
“ไม่มีอะไรหรอก มันมาจากพ่อแม่ของเธอน่ะ บอกว่าให้ติดต่อกลับด้วย… เดี๋ยวสิ ใช่แล้วล่ะ!”
“อะไรเหรอ เรนโปว?”
“พวกเราใช้เมจิคัลโฟนไม่ได้ แต่พวกเราใช้สมาร์ทโฟนได้ไงล่ะ!”
เธอคลายการแปลงร่างกลับไปเป็นคาโอริ นิโนะสึกิ เธอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าของเสื้อโค้ทแล้วดึงเอาสมาร์ทโฟนออกมา มันมีข้อความเข้าอยู่เหมือนกัน แต่มันไม่ได้มาจากครอบครัวแน่ พี่สาวของเธอไม่ได้พยายามจำกัดการกระทำของเธออีกแล้ว
“เราได้ข้อความแปลกๆด้วยแหะ”
ไม่ทราบชื่อผู้ส่ง มันน่าสงสัยอย่างชัดเจน ไม่มีอะไรแนบมาด้วย ส่วนหัวข้อนั้นคือ ‘งานด่วน’
“แสปมเหรอ?”
“เหมือนว่าจะใช่นะ แต่เราก็ไม่รู้เหมือนกัน… คงต้องดูซักหน่อย”
เธอเปิดข้อความขึ้นมามองดูตัวอักษร และก็รู้ทันทีว่ามาจากใคร
‘เพราะติดต่อไปที่เมจิคัลโฟนแล้วแต่ก็ไม่มีอะไรตอบสนอง เราเลยตัดสินใจส่งข้อความมาทางนี้แทนน่ะ เนี๊ยว บางคนบอกเราว่ามาโอแพมตายแล้วล่ะ เนี๊ยว ในที่สุดเธอก็ทำได้สินะ เนี๊ยว ดีมากเลย เนี๊ยว อยากลูบหัวจังเลย เนี๊ยว เธอจะได้โบนัสพิเศษเพราะเรื่องนี้ด้วยนะ เนี๊ยว แต่มันไม่ได้หมายความว่าปัญหาหายไปแล้วหรอกนะ เนี๊ยว นักดาบพูคิน แล้วก็เด็กสาวชุดรอยเย็บโซเนีย คนที่ถูกเฟรเดริก้าปล่อยออกมา เราได้ยินจากพวกหัวรุนแรงในกรมการต่างประเทศว่าอยากจะกำจัดพวกนั้นด้วยทุกวิธีการที่จำเป็นด้วยล่ะ เนี๊ยว แถมยังมีข่าวลือว่าพวกนั้นจะใช้อาวุธทำลายล้างสูงกับนักโทษพวกนี้เพื่อไม่ให้หนีไปได้ด้วยล่ะ เนี๊ยว เราอยากให้เธอฆ่าพูคินแล้วก็โซเนียก่อนเพื่อทำไม่ให้เรื่องมันบานปลายขึ้นนะ เนี๊ยว เราสัญญาว่าตบรางวัลพิเศษให้เหมือนกับมาโอแพมด้วยล่ะ เนี๊ยว พวกเราจะให้มากจนเธอใช้เล่นได้สองชาติเลยล่ะ เนี๊ยว ฝากด้วยล่ะ เนี๊ยว’
ลงท้ายประโยคด้วยเนี๊ยวแบบนี้ เนื้อหาที่ส่งมา แถมยังรู้เบอร์ของคาโอริ เป็นใครคนอื่นไม่ได้เลยนอกจากนายจ้างของเธอ
“โบนัสล่ะ! ฟังดูยอดสุดๆเลย!”
“ได้กำไรแบบนี้ชอบใช่ไหมล่ะ โทโกะ?”
“โซเนียบีนถูกจัดการไปแล้ว แบบนี้หมายความว่าเหลือพูคินอยู่แค่คนเดียวใช่ไหมล่ะ? แถมเป็นพวกหัวรุนแรงด้วย เราคิดว่าควรทำอะไรให้แน่ใจก่อนไปกำจัดดีกว่า”
“เธอก็แค่อยากได้โบนัสไม่ใช่รึไง โทโกะ”
“แหะแหะ”
“อย่ามา ‘แหะแหะ’ กับเรานะ ให้ตายสิ”
เพราะแบบนี้พวกเธอถึงโดนบังคับให้เปลี่ยนแผนที่จะซ่อนตัวจนกว่าบาเรียจะหมดเวลาไป เรนโปวต้องฆ่าพูคิน หากมีอย่างอื่นที่จะมาขัดขวางสถานการณ์นี้ การกำจัดมันออกไปคือสิ่งที่ดีที่สุด
โพสตาร์รี่บีบมือเธอด้วยความกังวล ในเมื่อกลายเป็นแบบนี้ โพสตาร์รี่ต้องอยู่กับเรนโปวจนถึงท้ายที่สุด จากนั้นเรนโปวก็ตบเข้าไปที่หลังของโพสตาร์รี่
“ไม่ต้องกังวลนะทาจัง เมื่อถึงเวลาเราจะปกป้องทาจังเอง!”
เรนโปวให้กำลังใจโพสตาร์รี่ เธอไม่ได้โกหก เธอจะปกป้องโพสตาร์รี่เอาไว้ เพราะโพสตาร์รี่นั้นเป็นตัวเบี้ยที่มีประโยชน์ และสามารถใช้เป็นตัวประกันได้หากเธอต้องการ
☆ เว็ดดิ้น (เหลือเวลาอีก 4 ชั่วโมง 45 นาที)
ตอนนี้เท็ปเซเคเมย์กลับมาแล้ว และคุรุคุรุ ฮิเมะกับหน่วยสืบสวนอีกสองคนก็อยู่ที่นี่เช่นกัน เมจิคัลเกิร์ลหกคนอัดกันอยู่ในหอดูดาวเล็กๆ ทำให้รู้สึกคับแคบน่าดู
คุรุคุรุ ฮิเมะโล่งอกที่ได้เจอนักเรียกของเธออีกครั้งจนน้ำตาไหลออกมา ฟันนี่ทริคตกใจที่เห็นอาจารย์ร้องไห้ แต่เพราะเว็ดดิ้นรู้เหตุผลของน้ำตานั้น เธอจึงขมวดคิ้วอย่างหนัก
พวกเฟรเดริก้าคืออาชญากรของแท้อย่างไม่ต้องสงสัย เป็นคนเลวพอที่จะทำให้เว็ดดิ้นที่ชอบคิดคำนวนเรื่องเห็นแก่ตัวได้เรียนรู้เรื่องความขุ่นเคืองอย่างชอบธรรมขึ้นมาเลย และในตอนนี้เรื่องความขุ่นเคืองนั้นก็ลดน้อยลงไป เพราะเธอมีความรู้สึกผิดผสมอยู่ในนั้นด้วย แม้ว่าเธอจะอยู่ภายใต้การควบคุมของพูคิน แต่เว็ดดิ้นเองก็อยู่กับพวกนั้นตอนที่ไปบ้านคุณฮิเมโนะ โนโซมิ แค่จำมันได้เธอก็อยากจะอาเจียนออกมาแล้ว
เธอไม่รู้ว่าคนในหน่วยสืบสวนเป็นคนแบบไหน แต่ถ้าเป็นคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับพวกเฟรเดริก้า แบบนั้นแน่นอนว่าคงเป็นคนดีกว่า จากการที่หูกระต่ายนั้นชอบแกล้งโง่ และนินจาที่มีทักษะที่ยอดเยี่ยม แต่กลับหลีกเลี่ยงการฆ่าและตรึงเว็ดดิ้นเอาไว้บนดาดฟ้าแทน เว็ดดิ้นคาดการณ์ได้ว่าพวกเธอคงออกปฎิบัติการณ์ภายใต้กฏ ดังนั้นเธอควรจะร่วมมือกับพวกเธอไม่ใช่ร่วมมือกับพวกเฟรเดริก้า คนที่ออกปฎิบัติด้วยกฎที่เธอไม่เข้าใจ
เด็กสาวสองคนจากหน่วยสืบสวนที่สวมชุดนักเรียนชายแนะนำตัวเองว่าชื่อ 7753 ส่วนคนที่สวมหมวกทรงแหลมนั้นชื่อมานา มานานั้นดูเหมือนเป็นแม่มดมากกว่า ส่วนแว่นกันลมนั้นทำให้ 7753 ดูเหมือนเป็นนางเอกนักต่อสู้ ทั้งคู่นั้นอยู่ห่างไกลจากเรื่องเมจิคัลเกิร์ลตามแบบที่เว็ดดิ้นคิด 7753 นั้นดูกังวลอยู่เล็กน้อย ส่วนมานานั้นเอาเม็ดยาออกมาจากขวดแล้วเคี้ยวมันทุกๆห้านาที ทั้งคู่ไม่ได้ดูน่าเชื่อถืออะไร ดูน่าสงสัยมากกว่าอีก แต่กระนั้นก็ยังดีกว่าพวกเฟรเดริก้าและพูคิน
หน่วยสืบสวนนั้นเข้ามาที่เมืองนี้เพื่อจับตัวนักฆ่าที่ฆ่าเจ้าหน้าที่ของดินแดนเวทมนตร์ไป พวกเธออธิบายว่านักฆ่านั้นคือคู่หูของโทโกะ ซึ่งเหมือนกับที่เฟรเดริก้าพูดก่อนหน้านี้
ทุกคนแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ตัวเองมี
“กัปตันเกรซเพื่อนของพวกเรา ถูกโซเนียบีนฆ่าตาย”
เว็ดดิ้นรู้สึกเสียใจทันทีที่พูดมันออกมาจากปาก อย่างน้อยเธอก็ควรเลือกใช้คำให้ดีกว่านี้ คุรุคุรุ ฮิเมะมองมาที่เว็ดดิ้นด้วยตาที่เบิกกว้าง น้ำตาของเธอยังไม่ทันแห้งเลย เธอไม่รู้ว่ากัปตันเกรซตายไปแล้วด้วยซ้ำ
ฟันนี่ทริคเองก็คงจะอยากจะช่วย เธอจึงพูดตามหลังเว็ดดิ้นออกมา แม้ความตายของกัปตันเกรซจะเป็นเรื่องช็อคสำหรับเธอก็ตาม
“เอ่อ นักฆ่าคือเมจิคัลเกิร์ลที่ชื่อเรนโปว…คิดว่านะ เท็ปเซเคเมย์เองก็บอกว่าถูกเรนโปวตัดร่างกายออกเป็นสองท่อนด้วย”
“โพสตาร์รี่ทำให้ตะเกียงของเมย์บินได้”
“แล้วก็คนที่ชื่อโพสตาร์รี่เองก็เป็นนักฆ่าเหมือนกัน…ใช่ไหม?”
“ก็ไม่รู้นะว่าพวกนั้นร่วมมือกันตั้งแต่แรกหรือโพสตาร์รี่ถูกข่มขู่ แต่ในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนร่วมมือกัน เรนโปวสร้างสะพานสายรุ้ง แล้วก็โพสตาร์รี่ใช้เวทมนตร์ของตัวเองเพื่อให้สิ่งของต่างๆมีปีกงอกขึ้นมาแล้วบินกลับไปหาเจ้าของ”
“โอ๊ะ เด็กสาวคนนั้นสินะทำให้รถตู้บินเข้ามาหาพวกเรา…”
“จริงด้วย…”
“พวกเราควรเตรียมตัวหลบให้พร้อมนะ มันอาจจะมีโต๊ะหรือตู้ล็อคเกอร์บินมาหาตอนไหนก็ได้”
“ตะเกียงของเมย์สวยนะ”
“มีข่าวลือในเมืองเรื่องนักฆ่าคอสเพลย์อยู่ด้วย บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าพวกพูคินเป็นบ้าไปแล้วก็ได้ มีศพคนตายเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด แถมรถตำรวจเองดูเหมือนจะไม่เพียงพอด้วย โรงพยายาลก็เต็มไปด้วยผู้คนที่บาดเจ็บ บริการฉุกเฉินต่างๆก็ล่าช้าไปหมด”
“ดังนั้นหากผู้คนเห็นเราในชุดนี้ พวกเราก็จะถูกรายงานทันทีใช่ไหม?”
“จะว่าไป เฟรเดริก้าติดต่อมาหาพวกชั้นด้วย เธอพูดว่าเธอทิ้งพูคินไปแล้ว และตอนนี้ก็กระทำการต่างๆด้วยตัวเอง และยังพูดว่าถ้าคืนคริสตัลบอลของเธอให้ เธอก็จะร่วมมือกับพวกชั้นด้วย… แล้วใครมีมันอยู่ล่ะ?”
“อ๊ะ ใช่ ฉันมีอยู่ล่ะ ฉันขโมยมันตอนที่หนีออกมาน่ะ”
“แล้วจะเอาไง? พวกเราจะร่วมมือกับเธอไหม?”
มานาถามทุกคน และฟันนี่ทริคกับคุรุคุรุ ฮิเมะก็ส่ายหัวออกมา
“…ถ้าเป็นเป็นได้ ฉันก็ไม่อยากนะ”
“ฉันด้วย…”
เว็ดดิ้นเองก็เช่นกัน เธอไม่อยากเห็นหน้าเฟรเดริก้าอีกแล้ว แม่้แต่ชั่วโมงเดียวก็ไม่อยากเรียกว่าพวกเดียวกัน
“ดิฉันไม่เอาด้วย ดิฉันไม่อยากเห็นหน้ามันอีกแล้ว”
“เมย์ยังไงก็ได้”
“อีกอย่าง การคืนคริสตัลบอลไปนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย การคืนกลับไปน่ะก็เหมือนคืนตัวประกันใช่ไหมล่ะ?”
“แต่เธอบอกว่าสามารถพาพวกเราออกไปจากบาเรียนี่ได้ถ้าเธอมีคริสตัลบอลนะ แบบนั้นพวกเราควรทำยังไงล่ะ?”
“พวกเราไม่จำเป็นต้องยืมพลังของเฟรเดริก้าเพื่อทำแบบนั้นหรอกนะ เพราะพวกเราพิสูจน์มาเรียบร้อยแล้วว่าสามารถใช้เวทมนตร์ของฟันนี่ทริคเพื่อออกไปจากบาเรียได้ แต่ตัวฟันนี่ทริคไม่สามารถออกไปได้ ดังนั้นพวกเราจึงหนีออกไปทั้งหมดไม่ได้ แต่ว่า…เมื่อมีคนออกไปข้างนอกแล้ว ก็บอกให้คนอื่นรู้เพื่อให้ส่งคนมาช่วยได้ใช่ไหม?”
“อย่างน้อยในตอนนี้ พวกเราก็ออกจากเมืองนี้เพื่อหากำลังเสริมได้ แต่ว่า…ชั้นอยากทำให้แน่ใจว่าคนธรรมดาจะปลอดภัยด้วย พวกเราเสียหน่วยต่อสู้ส่วนใหญ่ไปแล้ว พวกเราแทบจะทำอะไรไม่ได้เลยรวมถึงปกป้องพวกเธอด้วย จนกว่าบาเรียจะหมดเวลาพวกเราจำเป็นต้องมีพลังต่อสู้ เพราะมาโอแพมตายแล้ว ชั้นคิดว่าคงยากมากถ้าจะถามหากองหนุนน่ะ…”
เว็ดดิ้นสงสัยว่าคนธรรมดานั้นหมายถึงใคร จากนั้นเธอก็ตระหนักได้ว่ามันคือพวกเธอนั่นเอง เธอถอนหายใจออกมาอย่างแรง เธอเป็นเมจิคัลเกิร์ลมาได้เพียงวันเดียวเท่านั้นและลืมไปว่าตัวเองคือคนธรรมดาไปแล้ว
☆ ไพตี้ เฟรเดริก้า (เหลือเวลาอีก 4 ชั่วโมง 19 นาที)
เธอมองดูที่โทรศัพท์ พลิกแล้วก็หมนุมันไปรอบๆ แต่ไม่ว่าเธอจะรอนานแค่ไหนก็ไม่มีใครโทรมาหา
เธอรู้ดีว่าการขอคริสตัลบอลคืนมานั้นมันเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของพวกเธอ ความคิดของเธอคือการเสนอสิ่งที่ยากที่สุดออกไปเป็นอย่างแรกเพื่อให้อีกฝ่ายคิดแล้วก็เริ่มเจรจาจากจุดนั้น แต่มันก็ล้มเหลว เหมือนว่าพวกนั้นจะเกลียดเฟรเดริก้ามากกว่าที่คิดไว้ซะอีก
เฟรเดริก้าไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นที่รักของเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นอยู่แล้ว แต่ในจุดนี้บางที เธออาจโดนรังเกียจยิ่งกว่าหนูหรือแมลงสาบซะอีก พูคินเป็นคนฆ่าพ่อของคุรุคุรุ ฮิเมะ ส่วนโซเนียบีนเป็นคนฆ่ากัปตันเกรซ พูคินเป็นคนควบคุมจิตใจเว็ดดิ้น และท็อตป๊อปก็เป็นคนรับผิดชอบปฎิบัติการครั้งนี้ แต่เหมือนว่าจะไม่มีใครเอาเรื่องเหล่านี้ไปพิจารณาเลย
เธออยู่ตัวคนเดียวโดยไม่มีพวกซักคน และทุกคนล้วนคือศัตรู
เป็นสถานการณ์ที่น่าตื่นเต้นอะไรแบบนี้นะ แบบนี้มันก็เหมือนเรื่องราวของตัวเอกเลยใช่ไหม?
แม้ว่าการแขวนแผ่นพลาสติกสีฟ้าไว้บนดาดฟ้าของสิ่งก่อสร้าง แล้วก็พักผ่อนอยู่ด้านล่างนั้นมันจะดูเหมือนคนไร้บ้านมากกว่าตัวเอกก็ตาม เธอหมดหนทางแล้ว เธอควรไปคืนดีกับพูคิน หรือก้มหัวขอร้องหน่วยสืบสวนว่า “ฉันไม่ต้องการคริสตัลบอลแล้ว ดังนั้นให้ฉันช่วยไหม?” แต่ไม่ว่าเธอจะเลือกอย่างไหน การไม่มีคริสตัลบอลหรือหน่วยต่อสู้มาสนับสนุน มันก็จำกัดสิ่งที่เธอสามารถทำได้เอาไว้
จากนั้นโทรศัพท์ก็เกิดสั่นขึ้นมา เธอสงสัยว่าจะเจรจากับพวกเธอได้ไหมนะ? แต่เมื่อมองดูที่หน้าจอแล้ว เธอก็มองเห็นเบอร์ที่ไม่รู้จักโทรเข้ามา มันคือเจ้าของเครื่องโทรเข้ามารึเปล่านะ? เธอรู้สึกผิดหวังแต่ก็เลือกที่จะรับสาย
“นั่นใช่ไพตี้ เฟรเดริก้ารึเปล่า?”
เสียงสูงๆนั่นพูดชื่อเธอออกมา เฟรเดริก้าใช้นิ้วกลางกดที่ไปตรงหน้าผาก เสียงสังเคราะห์งั้นเหรอ? หรือใช้เครื่องเปลี่ยนเสียง? เธอไม่คิดว่าจะเป็นพวกไซเบอร์แฟร์รี่โทรมาหาด้วยเช่นกัน
“ใช่ ไพตี้ เฟรเดริก้า นั่นใครน่ะ?”
“พวกเดียวกันกับเธอ”
ใครล่ะเนี่ย? รู้เบอร์นี้ได้ยังไง? เสียงลึกลับนี่ข้ามบทนำทุกอย่างและกระซิบบอกว่าเป็นพวกเดียวกัน เรื่องแบบนี้มันน่าสงสัยและเป็นสิ่งที่เฟรเดริก้ารักด้วย
“ชั้นจะมอบคำแนะนำเรื่องที่เธอควรจะทำ ที่ที่เธอควรจะไป และก็วิธีที่จะทำมันยังไง ให้กับเธอ แต่ชั้นจะพาเธอไปทำเรื่องนอกกฏหมาย”
“…นี่ใช่คนที่อุปถัมภ์ท็อตป๊อปรึเปล่า?”
“อาจจะใช่ และอาจจะไม่ใช่”
หากเป็นผู้อุปถัมภ์ของคณะปฎิวัติ แบบนั้นก็จะมอบคำสั่งออกมาให้เธอตรงๆ พวกเขามีสิทธิ์จะทำแบบนั้น และยิ่งกว่านั้นคือ เฟรเดริก้าไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้เบอร์โทรศัพท์เครื่องนี้ได้ยังไง เธอแค่ขโมยมันมาจากคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเท่านั้น แล้วอีกฝ่ายรู้ได้ยังไงกันนะ?
ผู้อุปถัมภ์คนนี้คงเป็นพวกแปลกประหลาดที่ชอบยุ่งกับคนอื่น เฟรเดริก้าสามารถเข้าใจได้ เฟรเดริก้ารักอะไรแบบนั้นเช่นกัน
“ก็นะ ตอนนี้ฉันมืดแปดด้านแล้วล่ะ คงไม่ได้มีตัวเลือกอะไรมากนัก”
“เร็วเข้าสิ พร้อมรึยังล่ะ?”
“อย่าเร่งฉันนักสิ นี่กำลังตัวสั่นเพราะดีใจที่เจอพวกเดียวกันอยู่เลย”
คนๆนี้พยายามจะใช้งานเธอ แต่เธอปฎิเสธไปไม่ได้เพราะเธอนั้นจนมุมแล้ว แถมยังค่อยๆรู้สึกน่าสนุกกับการที่จะถูกคนๆนี้ควบคุมด้วย
“แล้วฉันต้องทำตามทำสั่งไปตลอดไหม?”
“ชั้นไม่เคยพูดว่าไปตลอดหรอกนะ แค่อยากให้เธอช่วยซักพัก”
“หืม?”
“อีกอย่างนึง คนที่ปฎิเสธเธอน่ะ จะกลายเป็นว่าอยากเป็นเพื่อนกับเธอแน่นอน”
☆ 7753 (เหลือเวลาอีก 3 ชั่วโมง 18 นาที)
เธอคิดว่าผมของตัวเองนั้นไม่ได้ทรง ดังนั้นเธอจึงใช้มือไปสัมผัสเส้นผมแทนที่จะเป็นเสื้อผ้า มันรู้สึกแตกต่างจากหมวกของเธอ ส่วนของผ้าพันคอที่เหลือนั้นมันติดอยู่ในเส้นผม ผ้าพันคอที่เธอยืมมาจากริปเปิลนั้นฉีกขาด เธอเอาไปคืนริปเปิลไม่ได้อีกแล้ว
7753 ไม่ได้ตั้งใจฟังคนอื่นที่กำลังคุยกันอย่างจริงจังเลย
มานาที่สูญเสียฮานะไปดูเหมือนว่าจะใจเย็นลงแล้ว เธอไม่ได้บังคับให้หน่วยของเธอจับตัวอาชญากรอีกต่อไป เธอเอียงเอนเข้าหาความคิดที่ว่าจะปล่อยพวกเด็กมัธยมต้นไป เพราะพวกเธอแค่ตกเป็นเหยื่อเท่านั้น แล้วก็การเรียกหากองหนุน แม้มันจะใช้เวลาพอสมควรแต่มันก็ไม่ควรหยุดเรื่องเอาไว้
กลุ่มของเด็กมัธยมต้นที่เป็นเพียงแค่เด็กธรรมดาจนมาถึงเมื่อวานนี้ กำลังพูดคุยอย่างกล้าหาญกับคนอื่น
มีเด็กสาวคนหนึ่งที่เพื่อนตัวเองถูกฆ่าตายต่อหน้า แล้วก็อาจารย์สอนภาษาญี่ปุ่นที่พ่อถูกฆ่าตาย พวกเธอถูกโทโกะหลอกลวง และยังมีคนทรยศอยู่ในหมู่พวกเธออีก เด็กสาวอีกคนหนึ่งที่ถูกนักโทษที่หลบหนีออกมาจับตัวได้และสามารถถูกฆ่าได้ตลอดเวลาก็อยู่ที่นี่ด้วย
แม้พวกเธอเข้าใจว่าสถานการณ์แบบนี้มันสามารถบดขยี้พวกเธอได้ แต่พวกเธอก็ยังคงพูดคุยกันและกัน พูดว่าพวกเราควรทำแบบนี้ดีไหม พวกเราควรทำแบบนั้นดีไหม พวกเธอนั้นไม่ได้คุยสิ่งเหล่านี้เพื่อตัวเองแต่มันเพื่อทุกคน
ฮานะถูกแทงเข้าที่หน้าอกจนตาย มันเห็นได้อย่างชัดเจนจน 7753 ไม่ต้องมองดูผ่านแว่นกันลมว่าฮานะนั้นไปถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้ว เธอยังคงพยายามต่อสู้ จนถึงวินาทีสุดท้ายก่อนล้มลงไป
มาโอแพมช่วยฮานะหนีออกมา จากนั้นเธอก็ถูกฆ่าตาย หากเธอคิดถึงเรื่องของตัวเองคนเดียว เธอก็จะไม่นึกถึงความปลอดภัยของฮานะเช่นกัน เธอคิดถึงคนอื่นจนตัวเองถูกฆ่าตาย
7753 จับผ้าพันคอที่อยู่ในฝ่ามือของตัวเองแน่น ตอนนี้ริปเปิลเองก็ตายไปแล้วเช่นกัน
7753 ยังคงมีชีวิตอยู่ ยังคงเชื่อฟังคำสั่งจากหัวหน้าทุกๆอย่าง เธอปิดบังข้อมูลที่ควรจะแลกเปลี่ยนกับคนอื่นเอาไว้ในใจ ทำตัวเงียบ ไม่บอกมันกับใคร เพราะมันคือสิ่งที่หัวหน้าของเธอบอกให้ทำ ทำไมเธอต้องเชื่อฟังหัวหน้าด้วยล่ะ? เธอขายวิญญาณของตัวเองเพื่อให้ได้เงิน การทำงานมันเป็นแบบนี้เสมอ 7753 ปฎิเสธมันไม่ได้
7753 จับผ้าพันคอขาดๆของริปเปิลแน่นขึ้นไปอีก
จากนั้นก็มีข้อความปรากฏขึ้นมาบนแว่นกันลมของเธอข้อความแล้วข้อความเล่า
‘ตอนนี้แม้กระทั่งฝ่ายอื่นก็ซุบซิบกันว่า ทางกรมการต่างประเทศคลั่งไปแล้วยิ่งกว่านั้น ยังมีข่าวลืออีกว่าพวกนั้นเตรียมอาวุธทำลายล้างสูงไว้เรียบร้อยแล้ว และจะใช้มันในขณะที่บาเรียยังคงทำงานอยู่หากฟันนี่ทริคบอกว่าเธอสามารถช่วยให้หนีออกมาได้ ก็รับข้อเสนอของเธอซะเธออยู่ที่นั่นไปก็ทำอะไรไม่ได้อีกแล้วเธอเป็นเมจิคัลเกิร์ลจากฝ่ายทรัพยากรบุคคล ไม่ใช่นักสู้ ผู้ตรวจการณ์ หรือนักฆ่าใครมันจะมาโทษคนที่หนีเพราะต่อสู้ไม่ได้กันล่ะ?ฉันต้องไปประชุมฉุกเฉินแล้ว คงจะตอบกลับไม่ได้ซักพักหลังจากประชุมจบแล้ว ฉันจะตรวจสอบว่าพวกนั้นตั้งใจจะใช้อาวุธทำลายล้างสูงจริงรึเปล่าถ้าจริงล่ะก็ ฉันจะพยายามหยุดมันเอาไว้ แต่ก็รับประกันไม่ได้ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดของเธอก็คือการหลบหนี’
หลบหนีโดยการใช้เวทมนตร์ของฟันนี่ทริค กรมการต่างประเทศตั้งใจจะใช้อาวุธทำลายล้างสูง แล้วแบบนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับเมือง B ล่ะ? มันก็จะไม่มีอะไรเหลือเลย ดินแดนเวทมนตร์ตั้งใจจะทำลายเมืองทั้งเมืองเพื่อฆ่านักฆ่าเพียงแค่คนเดียว พวกเขาคงทำให้มันดูเป็นภัยธรรมชาติ แล้วใช้เวทมนตร์เปลี่ยนความทรงจำ เปลี่ยนบันทึกของเหตุการณ์เพื่อสร้างความจริงขึ้นมา นั่นคือสิ่งที่ดินแดนเวทมนตร์ทำ
หาก 7753 ไม่พูดอะไรออกมา มันก็จะไม่มีใครรู้ แล้วมันก็จะไม่มีใครโทษเธอ
จากหอดูดาวนี้ เธอสามารถมองออกไปทั่วเมืองได้ ที่นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเมือง B แต่กระนั้นมันก็ยังกว้างใหญ่เกินกว่าระยะสายตาของ 7753 ในพื้นที่การเกษตรนั้นมีคนอยู่มากมาย วันนี้ชายชราจะไปจับปลาในสระอีกไหมนะ? จะจับได้บ้างไหมนะ? เธออยากจะลองไปร้านเสริมสวย เหตุผลที่เมืองนี้มีตรอกซอกซอยมากมายเป็นเพราะว่าเคยเป็นเมืองที่สร้างล้อมรอบปราสาทมาก่อนรึเปล่านะ? มีร้านค้ามากมายในตัวเมืองที่ปิดอยู่ด้วย ร้านปาจิงโกะที่หน้าสถานีเองก็ใหญ่มาก ไฟถนนก็พังโดยไม่ซ่อมแซม ยางมะตอยเองก็แตก ราวเหล็กเองก็โค้งงอ เธอมีแต่ความทรงจำแย่ๆ ในเมืองที่ทรุดโทรม หดหู่ ถูกทิ้งร้าง เมืองที่ทุกอย่างพังพินาศ
คำสั่งของหัวหน้าที่ให้หนีไปนั้นไม่ได้ผิด พวกเธอไม่มีใครที่ต่อสู้ได้เหลืออยู่อีกแล้ว จอมเวทมานา ผู้ชำนาญการของฝ่ายทรัพยากรบุคคล 7753 แล้วก็หน้าใหม่อีกสี่คนที่เพิ่งกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ล ไม่ว่าจะต่อสู้แบบไหนก็ไม่มีทางชนะ การทิ้งเมืองนี้แล้วหนีไปจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
7753 บีบเศษผ้าอย่างรุนแรงแล้วก็เอาหมัดของเธอมาไว้ที่หน้าผาก
นี่เธอควรจะทำยังไงดี? เธอควรจะหยุดคิดเรื่องพวกนี้แล้วทำในสิ่งที่ถูกสั่งให้ทำ หากเธอต่อต้านหัวหน้าล่ะก็ แบบนั้นคงจะไม่ถูกจ้างงานอีกแล้ว เธอจะไม่ได้รับเงินอีกต่อไป แล้วก็ถูกโยนไปสู่โลกที่ไม่มีเวทมนตร์ โลกที่ไม่มีอะไรเลย หากเธอทำตามคำสั่งของหัวหน้าต่อไป เธอก็จะยังคงรักษาตำแหน่งนี้เอาไว้ได้ง่ายๆ และไม่มีใครมาตำหนิเธอ
เศษผ้านั้นมาสัมผัสกับหน้าผากของเธอ แล้วมันก็พริ้วไหวไปตามลม
ชีวิตของเธอกลายมาเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ? เธอคิดว่าตัวเองจะทนนิ่งเงียบหากต้องมีใครมาถูกฆ่าตายเพื่อเงินได้ยังไง ? แบบนี้มันไม่ใช่เมจิคัลเกิร์ล แบบนี้มันไม่ใช่ลูกจ้างอะไรอีกแล้ว แต่นี่คือขยะอันแสนเน่าเหม็น
โคโทริ นานายะ นับถือคิวตี้ฮีลเลอร์มาตั้งแต่สมัยประถม เธอบอกกับทุกคนว่าเธอจะเป็นคนน่ารักแบบนั้น เป็นเมจิคัลเกิร์ลแห่งความยุติธรรมที่มีหัวใจอันแข็งแกร่ง เป็นอย่างคิวตี้ฮีลเลอร์
7753 ถอดแว่นกันลมของตัวเองออก
“ทุกคน ฉันมีบางอย่างที่ยังไม่ได้บอก”
เธอเตรียมใจแล้วจับผ้าพันคอ เธอย้อนกลับไปอย่างที่เป็นไม่ได้อีกแล้ว ดังนั้นอย่างน้อย เธอก็จะเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ทำให้ริปเปิล ฮานะ และมาโอแพมต้องไม่รู้สึกอับอาย
“เหมือนจะมีข่าวลือว่า ตอนนี้ทางกรมการต่างประเทศกำลังคลั่งเพราะสูญเสียมาโอแพม คนที่ควรจะเป็นอาวุธสุดยอดไป แถมยังซุบซิบกันอีกว่า…ถ้าพวกเราจับอาชญากรไม่ได้ก่อนที่บาเรียจะหมดเวลา พวกนั้นจะปล่อยอาวุธทำลายล้างสูงมายังเมืองนี้”
ทุกคนมองมาที่เธอ ในตอนนี้เธอย้อนกลับไปไม่ได้อีกแล้ว
เธอเองก็มองกลับไปที่ทุกคนเช่นกัน มีนกภูเขากำลังส่งเสียงมาจากที่ไหนซักที่ และก่อนที่เสียงร้องของนกอย่างยาวนานจะหยุดลง มานาก็ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ
“เมจิคัลโฟนของพวกเราใช้การไม่ได้ แล้วเธอไปได้ข้อมูลมาจากไหนน่ะ?”
“ฉันได้รับข้อความจากหัวหน้าผ่านทางแว่นกันลม”
“…ข้อความอะไร?”
“ตอนที่ฉันบอกเธอข้อมูลเรื่องของพวกพูคิน ตอนที่ฉันเธอเรื่องให้ระวังมาโอแพม และตอนที่ฉันแนะนำว่าให้พวกเราร่วมมือกัน ทุกอย่างมันเป็นคำสั่งมาจากของหัวหน้า”
มานาพุ่งไปด้านหน้าและจับคอเสื้อของ 7753
มีบางคนกำลังกลั้นเสียงกรีดร้องเอาไว้
“สุดท้ายแกมันก็แค่ไอ้ขยะเน่าๆตัวนึง! ฮานะตายเพราะเชื่อใจคนอย่างแก! สุดท้ายทุกอย่างมันก็เสียเปล่า!”
7753 มองไปที่มานาที่ยังคงจับคอเสื้อของตัวเองอยู่ นี่คือมานาที่โกรธที่สุดเท่าที่ 7753 เคยเห็นมา
“ขอโทษ”
“ชั้นไม่อยากได้ยินคำขอโทษ!”
เด็กสาวชุดแต่งงานยืนขึ้นหลังจากมานา
“เดี๋ยวก่อนนะ มันหมายความว่ายังไงน่ะ? อาวุธทำลายล้างสูงนั่น?”
“แผนของพวกนั้นคือทำลายเมืองทั้งเมืองไปพร้อมกับนักฆ่า”
“จะบ้ารึไง! มันเห็นพวกเราเป็นตัวอะไรเนี่ย?! นี่เรื่องมันบ้าอะไร?! คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่มาจากไหนน่ะ?!”
ใบหน้าของฟันนี่ทริคนั้นดูเหมือนจะหัวเราะไม่ก็ร้องไห้ หรือบางทีเธออาจจะร้องไห้อยู่จริงๆก็ได้ แต่เมื่อเธอพึมพำว่า “ฉันไม่เข้าใจเลยว่าแบบนี้มันหมายความว่ายังไง” พร้อมกับกุมหัวตัวเองไปด้วย 7753 จึงรู้ว่ามันคือการร้องไห้ ส่วนคุรุคุรุ ฮิเมะนั้นหน้าซีด ตะลึงจนพูดไม่ออก จากนั้นเว็ดดิ้นก็ตะโกนออกมา
“นี่คือดินแดนเวทมนตร์ใช่ไหม!? ดินแดนแห่งความฝันและแฟนตาซีใช่ไหม!? ทำไมถึงมีแต่คนโง่กันหมดล่ะ!? กล้าลากพวกเราทุกคนมาเกี่ยวข้อง แล้วก็เขี่ยทิ้งเมื่อไม่มีประโยชน์แบบนี้ได้ยังไง!? แถมคนที่ถูกลากเข้ามาก็ไม่ได้เห็นด้วยอะไรซักนิด!? พวกเราเป็นเมจิคัลเกิร์ลใช่ไหม!? พวกเราควรจะมีเมตตาและน่ารักยิ่งกว่าใครๆใช่ไหม!? แต่ทุกคนกลับเป็นพวกสวะ! พูคิน เฟรเดริก้า แล้วก็ดินแดนเวทมนตร์ด้วย! ทุกคนมันเป็นพวกสวะกันทั้งนั้น! รู้งี้ดิฉันไม่น่าเป็นแฟนของเมจิคัลเกิร์ลเลย! ไม่น่าดูอนิเมและมังงะของเมจิคัลเกิร์ลเลย! ทุกอย่างล้วนมีแต่คำโกหก! ทุกอย่างมันเลว มันสวะกันทั้งนั้น! ไม่ใช่รึไง!”
เว็ดดิ้นพูดไปได้เพียงแค่ครึ่งทางก็เริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา มานาคนที่โกรธอยู่ก็กัดริมฝีปากแล้วก็ก้มมองต่ำ ส่วน 7753 ก็จับเศษผ้าพันคอแรงขึ้นอีก
มานาปล่อยมือจากคอเสื้อ 7753 อย่างช้าๆ
“เธอพูดถูก พวกเราน่ะมันก็สวะกันทั้งนั้น ทั้งชั้นแล้วก็พวกเธอทุกคน… ชั้นคิดแล้วว่าคนที่มาช่วยเหลือจากภายนอกน่ะ ล้วนทำเพื่อประโยชน์ของหน่วยตัวเองทั้งนั้น หากเธออยากเล่นการเมืองน่ารังเกียจอะไรล่ะก็ เชิญตามสบาย”
คำพูดของมานานั้นเป็นการตำหนิตัวเองแถมยังรู้สึกเหมือนว่าเธอยอมแพ้แล้วอีกด้วย เธอพูดราวกับว่าตัวเองนั้นโง่ที่เชื่อใจ 7753 แบบนี้มันรุนแรงกว่าการโดนตะโกนใส่อีก
“ชั้นคิดแล้วเชียวว่าเธอบอกข้อมูลมาแบบแปลกๆ แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีของเล่นแบบนี้ด้วย”
“…ขอโทษ”
“ชั้นบอกแล้วนะว่าอย่าขอโทษ ชั้นน่ะเกลียดเธอเอาแต่นิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรเลยจนถึงตอนนี้ แต่ใช่ว่าคำแนะนำของเธอจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีอะไร มันช่วยพวกเราได้ในบางจุดด้วย ดังนั้นพวกเราหายกันแล้ว”
“…อื้อ”
“แต่อย่ามาขวางทางชั้นอีก จากนี้ไปคืองานของชั้น 7753 เธอพาเด็กนักเรียนมัธยมต้นออกจากเมืองนี้ไปซะ ชั้นจะไปจัดการคนเลวเอง”
7753 มองไปที่เธอราวกับจะถามว่า ‘นั่นเธอพูดเรื่องอะไรน่ะ?’ มานาเองก็มองตรงกลับมาที่ 7753 ดวงตาของเธอนั้นบ่งบอกว่าตัดสินใจแล้ว เธอตั้งใจทำแบบนี้อย่างจริงจัง แม้ว่าเธอจะไม่มีทางทำมันได้ก็ตาม
“เธอทำแบบนั้นไม่ได้นะ!”
“พวกเราไม่มีเวลาเหลือแล้ว แม้จะเรียกหากำลังเสริมไปตอนนี้ พวกเราก็ไม่รู้ว่าจะมาก่อนที่บาเรียจะหมดเวลารึเปล่า ชั้นจะคุยกับเฟรเดริก้าเพื่อให้ร่วมมือด้วย ชั้นจะให้ทุกคนรวมถึงตัวของฟันนี่ทริคออกไปนอกบาเรีย จากนั้นชั้นจะล่อให้เฟรเดริก้าให้เข้ามา แล้วจะหาทางทำอะไรบางอย่าง ชั้นจะทำมันให้ได้ แม้ว่าตัวเองจะต้องตายก็ตาม”
☆ ไพตี้ เฟรเดริก้า (เหลือเวลาอีก 3 ชั่วโมง 45 นาที)
“เอาล่ะ พร้อมรึยัง?”
“ก็พร้อมแล้วล่ะ แต่ว่า… ทำแบบนี้เพื่ออะไรกันล่ะ?”
“เธอไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอกนะ”
“เลือกที่นี่เพราะเหตุผลบางอย่างใช่ไหม?”
“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องกังวลหรอก”
เฟรเดริก้ามองลงไปยังโลกเบื้องล่างจากดาดฟ้าของโรงแรมธุรกิจ มันผ่านช่วงเที่ยงมาแล้ว มันจึงไม่มีคนเดินถนนมากเท่าตอนชั่วโมงเร่งด่วน หากเทียบกันแล้วมันมีรถผ่านไปผ่านมามากกว่า ที่ตรงหน้าสถานีเหมือนจะมีการก่อสร้างอะไรบางอย่าง เหมือนกับจะเป็นท่อก๊าซ ทำให้การจราจรลดลงเหลือแค่เลนเดียว จึงทำให้ถนนดูแออัดไปหมด
เฟรเดริก้าวางโทรศัพท์ของเธอลงที่มุมดาดฟ้า เมื่อคิดถึงงานที่เธอต้องทำแล้ว เธอก็คิดว่าช่างมันดีกว่า มันคงมีปัญหาถ้าเธอไปเผลอทำมันพัง
จะว่าไป อีกฝากของโทรศัพท์เธอคุยกับใครกันนะ? รู้เบอร์มือถือที่เฟรเดริก้าเพิ่งจะขโมยมา แถมยังรู้ว่าเฟรเดริก้าเป็นคนใช้มันอีก พวกนั้นคงต้องใช้เวทมนตร์บางอย่างเพื่อทำแบบนี้แน่ แต่เฟรเดริก้าก็ไม่รู้ว่าใครกันที่ทำมันได้
หากเป็นคนที่โดนใช้ อย่างน้อยเธอก็อยากรู้ว่าคนที่ใช้เธอเป็นใครและเพื่ออะไร
“ไม่ต้องห่วง ชั้นไม่ได้จะทำร้ายอะไรเธอหรอก”
ราวกับว่าอีกฝ่ายอ่านใจเธอได้ ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกขนลุกแต่ก็สนุกเล็กน้อยเช่นกัน ไหล่ของเฟรเดริก้าสั่นเพราะเธอหัวเราะ หากเธอเป็นคนที่ถูกใช้ล่ะก็ การที่คนแบบนี้มาใช้เธอคงดีที่สุดแล้ว
“ได้ยินแล้วอุ่นใจดีจัง ฉันจะตั้งความหวังรอเลย”
เฟรเดริก้าวางสาย จากนั้นก็วิ่งลงไปตามกำแพงของสิ่งก่อสร้าง
ในตอนที่รักษาความเร็วเอาไว้ เธอก็เปลี่ยนทิศทางการวิ่งไปทางด้านขวา จากนั้นก็เตะรถบรรทุกขนาดกลางที่จอดรอสัญญาณไฟเพื่อพลิกมันไปด้านข้าง ฉีกกระชากประตูของรถขนาดเล็กที่อยู่ด้านหลังแล้วกระชากคนขับออกมาจากด้านในแล้วโยนทิ้งไปด้านข้าง คนขับแท็กซี่ที่อยู่ด้านหน้ารถคันเล็กที่กำลังรอสัญญาณไฟอยู่นั้นกลิ้งออกมาจากรถแล้ววิ่งหนีไป เฟรเดริก้าจับรถขนาดเล็กเอาไว้แล้วยกขึ้นไปในอากาศ เธอหมุนมันแล้วทุ่มเข้าไปหาแท็กซี่ที่อยู่ด้านหน้า กระจกแตกละเอียดออกมานับล้านชิ้น มันกระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศทาง
เฟรเดริก้าแค่โจมตีและทำลายรถทุกคันที่อยู่ในระยะสายตา บิดกันชน ทุบกระจกหน้ารถ แล้วก็ฉีกประตูออก เธอวิ่งแล้วก็เตะรถสามคันที่จอดเรียงกันอยู่ด้านข้างจนกระทั้งพลิกคว่ำ จากนั้นก็คันที่สี่ที่เป็นรถบรรทุกของบริษัท เธอกลิ้งมันไปที่ด้านข้างทางเข้าร้านสะดวกซื้อ และให้ความสำคัญกับการทำลายรถต่างประเทศที่มีสัญลักษณ์แฟนซีติดอยู่เป็นพิเศษเพราะมันเป็นรถราคาแพง
เสียงกรีดร้อง เสียงตะโกน และเสียงกระจกแตกกระจัดกระจายดังไปทั่วทุกทิศทาง รถยนต์บางคันหักเลี้ยวไปทางอื่น ผู้คนละทิ้งรถของตัวเองแล้ววิ่งหนี ทุกคนหนีห่างจากเฟรเดริก้าให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
การรู้สึกเหมือนได้เป็นมอนเตอร์ขนาดยักษ์แบบนี้มันรู้สึกเหลือเชื่อ แต่เธอก็ไม่สามารถไปไหนมาไหนได้นาน หากมีตำรวจหรือ JSDF มา แต่ถ้ามีอย่างอื่นมาแทนล่ะก็…
…โอ๊ะ แบบนี้เองสินะ
การสร้างสถานการณ์แบบนี้จะทำให้เมจิคัลเกิร์ลมาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น จากนั้นเมจิคัลเกิร์ลที่อันตรายที่อยู่ใกล้ๆก็จะต่อสู้กับอีกคนหนึ่งเอง เธอเข้าใจเหตุผลแล้วว่าทำไมถึงต้องอาละวาด แล้วก็รู้ถึงนิสัยน่ารังเกียจของคนที่สั่งเธอมาเช่นกัน
เฟรเดริก้าออกจากสถานที่เกิดเหตุไปพร้อมกับความสุขในหัวใจ ในตอนที่ออกไปนั้นเธอก็จัดการรถอีกสามคันด้วย
☆ เรนโปว (เหลือเวลาอีก 3 ชั่วโมง 30 นาที)
เมื่อเรนโปวได้ยินเสียงความปั่นป่วนเกิดขึ้น เธอก็วิ่งขึ้นไปด้านบนของโรงแรมทันที แต่ว่าคนร้ายก็หายไปแล้ว เหลือไว้แค่เพียงผลลัพธ์ของการกระทำที่โลกเบื้องล่าง เห็นได้ชัดว่าบางคนนั้นคลั่งไปแล้ว จำนวนของรถที่ถูกทุบทำลาย บางคันถึงขนาดถูกขว้างเข้าไปในร้านค้า มีเพียงแค่เมจิคัลเกิร์ลเท่านั้นที่สามารถทำอะไรแบบนี้ได้
แต่กระนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่หน่วยสืบสวนหรือกลุ่มนักเรียนมัธยมต้นจะทำ คนร้ายที่ทำแบบนี้ได้มีเพียงพูคินไม่ก็เฟรเดริก้า รูปแบบการทำลายมันดูเต็มไปด้วยการระบายอารมณ์โกรธเคืองพร้อมกับส่งเสียงออกมาตอนอาละวาด เฟรเดริก้าเป็นที่รู้จักกันว่าเจ้าเล่ห์และมีไหวพริบ ดังนั้นวิธีการแบบนี้จึงไม่น่าจะใช่เธอ
…พูคินงั้นเหรอ?
รถระเบิดจนไฟลุกท่วมพร้อมกับเสียงดัง ราวกับว่ามันติดไฟด้วยน้ำมันเบนซินที่รั่วออกมา
“โพสตาร์รี่ระวังหลังให้ด้วย ส่วนโทโกะระวังด้านบนให้หน่อย”
ตามข้อมูลที่ได้มา หากโดนเวทมนตร์ของพูคินโจมตีเพียงแค่ทีเดียวก็คือจบเกม แม้พูคินจะบาดเจ็บหลังจากที่เรนโปวฆ่ามาโอแพม แต่เธอก็รู้ว่าการรีบเร่งไล่ตามไปนั้นเป็นอันตราย เรนโปวเตรียมพร้อม ลับสัมผัสของตัวเองให้คมพร้อมรับการโจมตีมาจากทุกทิศทาง สิ่งที่เกิดขึ้นนี้บ่งบอกว่าพูคินนั้นโกรธเกรี้ยว และถ้าความโกรธเกรี้ยวนั้นพุ่งเป้ามาที่เรนโปว แบบนั้นเธอจะยิ่งประมาทไม่ได้
หลังของเธอแนบเข้ากับหลังของโพสตาร์รี่ แล้วก็มีโทโกะคอยระวังอยู่ด้านบน วางใจทั้งสองคนเรื่องต่อสู้ไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องคอยระวังล่ะก็ยังพอใช้การได้
เรนโปวค่อยๆเอนตัวมองลงไปจากดาดฟ้าอย่างช้าๆ มันไม่มีวี่แววของคนอยู่เลย หมายความว่าหนีกันไปหมดแล้วงั้นเหรอ? มันคงใช้เวลาซักพักก่อนที่รถตำรวจกับรถดับเพลิงจะมาถึง เพราะมันมีเมจิคัลเกิร์ลหลายคนอาละวาดอยู่ทั่วทั้งเมือง หน่วยฉุกเฉินคงมีงานมากมายที่ต้องทำ แม้จะขอความช่วยเหลือจากภายนอกก็คงไม่มาในทันที… เหมือนกับดินแดนเวทมนตร์—
เรนโปวกระโดดไปด้านข้างแล้วหันกลับมา มีเมจิคัลเกิร์ลนักดาบอยู่ด้านหลังโพสตาร์รี่ จ้องด้วยสายตาอาฆาตมาที่พวกเธอ โพสตาร์รี่ทรุดตัวลงกับพื้น ความกระหายเลือดของพูคินนั้นเหมือนกับการถูกดาบแทงทะลุหัวใจ มันไม่ใช่สิ่งที่เด็กหน้าใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวจะทนทานได้
โทโกะบินอยู่ด้านบนหัวในทิศทางตรงกันข้าม เธอรู้ว่าตัวเองต้องทำอะไร
เรนโปวปล่อยสายรุ้งเข้าหาพูคิน แล้วก็สร้างกำแพงจากสายรุ้งหลายชั้นที่ด้านบนของสิ่งก่อสร้าง พูคินนั้นไม่เหมือนกับริปเปิล เธอไม่ได้ขว้างอาวุธมาจากระยะไกล ไม่ว่าเธอจะเร็วแค่ไหนก็จะโจมตีตรงๆด้วยดาบเสมอ ซึ่งมันคุ้มค่าพอที่จะยับยั้งการเคลื่อนไหวของเธอเอาไว้
สายรุ้งพุ่งเข้าหาพูคินจากทุกทิศทาง และเธอก็หลบและปัดป้องพวกมันไปด้านข้าง ด้วยเรเปียที่อยู่ในมือขวากับมีดสั้นที่อยู่ในมือซ้าย เมื่อเรนโปวเหลือบมองไปที่ปากของพูคินผ่านเส้นผมที่ปิดบังใบหน้าและกำลังพริ้วไปตามลม เธอก็เห็นพูคินกำลังยิ้ม
เรนโปวเตรียมตัวไว้แล้ว แม้รอยยิ้มของพูคินจะทำให้เธอเกิดความสงสัยขึ้น แต่เธอก็ไม่หยุดโจมตี การเคลื่อนไหวของนักฆ่านั้นไม่มีสูญเปล่า
พูคินปัดป้องสายรุ้งจนไปกระแทกเข้ากับสายรุ้งอีกสายด้วยทักษะดาบอันยอดเยี่ยม กระทืบสายทุ้งที่โผล่ขึ้นมาจากด้านล่าง จากนั้นก็กระโดดขึ้นไปกลางอากาศจากราวเหล็กของดาดฟ้าก่อนที่มันจะพังลง ความกังวลของเรนโปวเพิ่มมากขึ้นเหมือนกับตอนที่ได้เห็นรอยยิ้มแต่ว่าบางสิ่งมันรู้สึกรุนแรงขึ้น มีเหตุผลมากมายว่าทำไมเธอถึงควรจะทำตามรู้สึกแทนที่จะเป็นความคิด พูคินสร้างสถานการณ์แบบนี้ขึ้นเพื่อล่อให้เรนโปวออกมาใช่ไหมนะ?
อย่าประมาทเด็ดขาด ต้องไม่ประมาทไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ห้ามประมาทเด็ดขาด
เธอเฝ้าบอกตัวเองเช่นนี้พร้อมกับจับคอเสื้อของโพสตาร์รี่เพื่อบังคับให้ลุกขึ้นยืน พูคินนั้นเป็นนักต่อสู้ระยะประชิด เรนโปวเองก็เข้ากันได้ดีกับเรื่องแบบนี้ ไม่ว่าเธอจะรวดเร็วแค่ไหน ไม่ว่าคมดาบนั้นจะรุนแรงยังไง เรนโปวก็ป้องกันไม่ให้เข้ามาใกล้ได้ แต่พูคินก็คงรู้เช่นกัน ถ้าหากเธอล่อเรนโปวออกมาที่นี่เพราะรู้แบบนั้น บางทีอาจจะเตรียมกับดักบางอย่างเอาไว้ อย่างเช่นเฟรเดริก้า เธอยังไม่เผยตัวออกมา แต่บางทีเธอกับพูคินอาจคิดไล่ต้อนเรนโปวให้จนมุมด้วยกันก็ได้ พูคินอาจจะวางระเบิดหรือทำอะไรบางอย่างเอาไว้บนดาดฟ้าโรงแรมแล้วออกไปอย่างถูกจังหวะ
เรนโปวมักจะเยอะเย้ยศัตรูด้วยคำพูดอยู่บ่อยครั้ง แต่เธอไม่เคยประเมินค่าอีกฝ่ายต่ำ
เรนโปวจับโพสตาร์รี่ที่กำลังตัวสั่นไว้ในอ้อมแขน จากนั้นก็กระโดดลงมาจากดาดฟ้าของโรงแรมไปยังโรงเรียนกวดวิชา แล้วก็วิ่งขึ้นไปด้วยสายรุ้ง เธอปล่อยสายรุ้งขนาดเล็กจิ๋วระดับไมครอนออกมา มันบางยิ่งกว่าเส้นด้าย เธอปล่อยมันไปทั่วพื้นที่เพื่อให้รับรู้เรื่องการโจมตี หากถึงเวลาแล้ว เธอจะให้สัญญาณกับโพสตาร์รี่เพื่อเอาพรมเช็ดเท้าออกมาเพื่อหลบหนี แต่ถ้าเป็นไปได้เธออยากจะกำจัดพูคินมากกว่าการที่จะหลบหนี ไม่ใช่ว่ามันเกี่ยวกับเรื่องโบนัส แต่มันจะดีกว่าถ้าพูคินและเฟรเดริก้าหายไป
เรนโปวใช้สัมผัสทั้งหมดเพื่อตรวจจับการโจมตี เฝ้าระวังเพื่อให้จัดการกับอะไรก็ตามที่มาจากทิศต่างๆได้ เธอได้ยินเสียงโทโกะร้องออกมาจากด้านบนทำให้เธอไม่มีสมาธิ และเมื่อมองขึ้นไป เธอก็เห็นโทโกะถูกฝูงสีดำเล่นงานอยู่ อีกานั่นเอง พวกมันแหย่เธอด้วยจงอยปากแล้วก็ข่วนเธอด้วยเล็บ โทโกะร้องออกมาแล้วพยายามหนี เรนโปวอยากไล่พวกมันออกไปด้วยสายรุ้งแต่ไม่แน่ใจว่ามันอาจจะไปทำร้ายโทโกะแทนก็ได้ ในช่วงเวลาสั้นๆที่เธอลังเลนั้น มันก็มีอะไรบางอย่างเข้าไปในฝูงอีกาแล้วจับตัวโทโกะเอาไว้จากนั้นก็ยืนอยู่บนขอบของสิ่งก่อสร้าง
“เมื่อเจ้าสู้กับคู่ต่อสู้ที่โจมตีจากระยะไกล เจ้าจะเอาแฟร์รี่ใส่ไว้ในเสื้อ เมื่อเจ้าไม่ได้สู้กับศัตรูที่โจมตีจากระยะไกล เจ้าจะปล่อยให้แฟร์รี่บินอยู่ในอากาศ มันเป็นกลยุทธ์เชิงตรรกะ แต่มันก็ทำให้อ่านออกได้ง่าย”
โทโกะอยู่ในมือของเธอ พูคินมองลงมาที่เรนโปว เพราะมีแสงอาทิตย์ส่องมาจากด้านหลัง เรนโปวจึงมองไม่เห็นหน้าของเธอ แต่จากน้ำเสียงแล้ว เรนโปวบอกได้เลยว่าเธอกำลังยิ้มอยู่ เธอพูดออกมาช้าๆ บางทีอาจจะเป็นเพื่อทำให้เรนโปวเข้าใจภาษาอังกฤษง่ายขึ้น
“แค่ควบคุมจ่าฝูงเพียงตัวเดียวก็สามารถควบคุมฝูงอีกาได้ทั้งหมด ง่ายดีใช่ไหมล่ะ?”
เรนโปวเดาะสิ้นในใจ เธอพยายามไม่แสดงมันออกมาบนใบหน้าหรือในน้ำเสียง และมันยากกว่าที่เธอคิดหากจะแปลการดูถูกเหยียดยามเป็นภาษาอังกฤษแล้วทำให้พูคินเข้าใจ
ตัวของโพสตาร์รี่ที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอนั้นกำลังสั่น แต่กลับกันแล้ว การที่ตัวของเธอสั่นนั้นมันทำให้เรนโปวใจเย็นขึ้น
“เอาคนอย่างเธอเป็นตัวประกันแล้วมันได้อะไรงั้นเหรอ? หากพูคินผู้ชั่วร้ายจะจับตัวประกันล่ะก็ เราคิดว่าเอาคนที่มีความหมายกับเราดีกว่านะ จริงไหม?”
“เดี๋ยวก่อนสิ เรนโปว! เราน่ะเป็นผู้มีพระคุณของเธอไม่ใช่รึไง!?”
“จริงเหรอ? ให้ตายสิ เราเนี่ยคิดว่าเธอมันน่ารำคาญสุดๆเลยล่ะ”
“พอได้แล้ว! อย่าทำอะไรแปลกๆสิ! เรายังไม่อยากตาย! ทำตามที่พูคินพูดสิ!”
“ไม่ล่ะ ไม่เอาน่า โทโกะ อย่างน้อยก็ตะโกนอะไรแบบว่า ‘ไม่ต้องสนใจเรา ฆ่าเธอเลย!’ ออกมาหน่อยสิ”
เรนโปวไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งโทโกะไปจริงๆ และโทโกะเองก็เข้าใจเรื่องนี้ พวกเธอแค่เล่นละครกันเท่านั้น
พูคินชูดาบในมือขวาขึ้น แล้วชี้มันไปที่ท้องของโทโกะที่เธอจับอยู่ด้วยมือซ้าย เธอยิ้มออกมาอย่างสนุกสนาน
“แหม แหม! แบบนี้มันงดงามสุดๆไม่ใช่รึไง? ข้าเหม็นเบื่อที่จะเห็นพวกที่ขายสหายของตนเพราะทนทรมาณไม่ไหวมาพอมากแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นมิตรภาพอันแสนงดงามเยี่ยงนี้!”
พูคินกุมท้องของเธอแล้วหัวเราะออกมาราวกับว่าเรื่องนี้มันตลกสำหรับเธอ เธอหัวเราะออกมาจริงๆซึ่งมันหมายความว่าเธอกำลังประมาทอยู่
โทโกะถกเถียงกับเรนโปวเสียงดัง จากนั้นเธอก็อ้าปากออกกว้างแล้วก็กัดลงไปที่ปลายนิ้วของพูคินที่สวมถุงมืออยู่ พูคินก็ส่งเสียงร้องออกมาแล้วพยายามป้องกันมือซ้ายเอาไว้ โทโกะหลุดออกมาจากระหว่างนิ้วตอนจังหวะที่พูคินคลายมือออกและบินเข้ามาหาเรนโปวด้วยความเร็วสูงสุด พูคินแทงดาบมาด้านหน้าตรงเข้าหาแฟร์รี่ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเจ็บปวดหรือเพราะเร่งรีบจึงทำให้เธอเคลื่อนไหวทื่อ
เรนโปวปล่อยสายรุ้งออกไปเพื่อป้องกันดาบและปกป้องโทโกะเอาไว้ จากนั้นก็โจมตีเข้าไปอีก พูคินที่อยู่บนดาดฟ้าโรงแรมกลิ้งไปยังตำแหน่งที่เรนโปวมองไม่เห็น หากเธอจะกำจัดพูคินล่ะก็ ตอนนี้มันคือเวลาแล้ว
เรนโปววิ่งขึ้นไปบนสายรุ้งไปรวมตัวกับโทโกะที่อยู่กลางทาง จากนั้นก็เอาตัวโทโกะใส่ไว้ในเสื้อ
“โดนอีการุมจิกแบบนั้นเหมือนเกมสยองขวัญดีใช่ไหมล่ะ?”
“เราไม่อยากเจอแบบนั้นอีกแล้วนะ”
โทโกะอยู่ในเสื้อแล้วก็โพสตาร์รี่ที่อยู่ในอ้อมแขน เรนโปววิ่งตามสายรุ้งกลับไปที่ดาดฟ้าโรงแรม พูคินนั้นยืนอยู่บนราวฝั่งตรงข้าม
นั่นเธอจะกระโดดลงไปอีกรอบเหรอ? เรนโปวไม่ปล่อยให้หนีเป็นรอบที่สองแน่
เรนโปวปล่อยสายรุ้งผ่าอากาศออกไปเพื่อจับพูคินเอาไว้ เธอสร้างสายรุ้งขึ้นมาอีก แต่เธอก็รู้สึกเจ็บที่หน้าอกและหยุดเคลื่อนไหวไป มันเป็นความเจ็บปวดที่ไม่รุนแรงมาก ราวกับว่าเธอถูกแทงด้วยปลายเข็ม
เธอมองลงไปที่หน้าอกตรงที่โทโกะควรจะอยู่ แต่มันกลับกลายเป็นว่ามีมืออยู่แทน
…มือ?
มันไม่ใช่ว่ามีบางคนยื่นมือเข้ามามาหาเธอ แต่มันมีแค่มือซ้ายที่อยู่ตรงหน้าอกของเธอ มันไม่ได้ถูกตัด มันไม่ได้มีเลือดไหล แล้วมันก็ไม่ได้เย็น แต่มันมีความรู้สึกร้อน ความรู้สึกอบอุ่นอยู่ แถมมันยังพยายามจะขยับด้วย เธอจึงจับมันแล้วก็ทุบมันไป
…เฟรเดริก้างั้นเหรอ?
นี่คือเวทมนตร์ของเฟรเดริก้าตามที่โทโกะบอกเอาไว้ เรนโปวใช้สายรุ้งหั่นมือออกเป็นสองท่อนอย่างไม่ลังเล มีเลือดพุ่งออกมาจากมือ จากนั้นเรนโปวก็เหยียบมือที่กำลังกระตุกลงไปด้วยเท้า โทโกะบอกเธอว่าหากเฟรเดริก้าเอามือของตัวเองใส่เข้าไปในคริสตัลบอล เธอก็จะสามารถแทรกแซงสถานที่ต่างๆที่สะท้อนอยู่บนคริสตัลบอลได้ ซึ่งมันหมายความว่า เธอลักพาตัวโทโกะไปด้วยวิธีนี้งั้นเหรอ? เรนโปวสัมผัสถึงเฟรเดริก้าไม่ได้เลย เมื่อรู้ตัวโทโกะก็หายไปเรียบร้อยแล้ว และมีเพียงมือซ้ายที่อยู่ตรงนั้น
เธอหันไปทางโพสตาร์รี่เพื่อเตือนให้เธอระวังตัว จากนั้นเธอก็ป้องกันตัวเองแล้วปล่อยสายรุ้งออกไป โพสตาร์รี่ไม่ได้อยู่ที่นี่ คนที่ยืนอยู่ไม่ใช่โพสตาร์รี่แต่กลับเป็นพูคินที่กำลังฟาดดาบลงมา เรนโปวสร้างกำแพงสายรุ้งขึ้นแล้วปล่อยสายรุ้งออกไปหาพูคินจากทุกทิศทาง แต่กระนั้นเรนโปวกลับอยู่ในระยะโจมตีของพูคินด้วยเหตุผลบางอย่าง พูคินแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ได้หลบหนีหรือไม่ได้โจมตี สายรุ้งทุกสายพุ่งเข้าไปโดนเธอ สับเธอขาดเป็นท่อนๆ จนเธอร่วงลงไปกับพื้น
ความสับสนพุ่งเข้ามาหาเธอก่อนที่จะเป็นความดีใจหรือความยินดี พูคินนั้นเข้าหาเรนโปวจากด้านหลัง พูคินซึ่งสามารถฆ่าเธอตอนไหนก็ได้ถ้าเธออยากทำใช่ไหม? แล้วทำไมเธอถึงไม่โจมตีมาล่ะ? ทำไมเธอถึงยืนอยู่เฉยๆจนเรนโปวรู้ตัวล่ะ? แถมหลังจากที่ถูกเห็นแล้วทำไมถึงไม่ขยับตัวล่ะ? ทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองโดนฆ่าตายล่ะ?
แล้วโพสตาร์รี่หายไปไหน? เรนโปวตั้งใจมองไปรอบตัว เธอเอามือสัมผัสกับพื้น เธอสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือน ความชื้น ความอบอุ่น แล้วก็การเคลื่อนไหวในอากาศ เธอสัมผัสได้ถึงทุกๆอย่าง แม้ว่าเฟรเดริก้าจะลักพาตัวโทโกะไป โพสตาร์รี่ก็จะไม่วิ่งหนีไปเองแน่ หากตรงนี้พูคินเป็นคนที่ได้เปรียบแบบนั้นก็คงไม่ทำให้เธอตาย มีคนอื่นนอกจากพูคินไม่ก็เฟรเดริก้าโจมตีเข้ามางั้นเหรอ?
“บางทีเจ้าก็ควรระวังเรื่องตัวประกันจะหนีไปเองบ้างนะ”
เสียงของพูคินเข้ามาที่หูของเธอ เมื่อเรนโปวหันไปรอบๆ แต่ก็พบว่าพูคินก็ยังคงนอนอยู่ที่เดิมและไม่ได้กระตุกอีกแล้ว เธอถูกหั่นเป็นท่อนๆด้วยสายรุ้ง เลือดนั้นยังคงไหลออกมาจากร่าง
“ตอนที่ข้าจับแฟร์รี่แสนสำคัญของเจ้ามาได้น่ะ ข้าทำให้มันบาดเจ็บและกลายมาเป็นพวกของข้าแล้ว ตอนที่แฟร์รี่นั่นเถียงกับเจ้าด้วยเสียงดังแล้วกัดนิ้วของข้าเพื่อหนีออกไป นั่นคือคำสั่งของข้าเอง ในการที่จะโจมตีคนที่ไม่ประมาทอย่างเจ้า ข้าจึงส่งสายลับไปยังหน้าอกของเจ้า ข้าให้แฟร์รี่นั้นเอาเศษปลายดาบเล็กๆที่หักออกมาติดไปด้วย และด้วยคำสั่งของข้า แฟร์รี่จึงใช้ปลายดาบนั้นแทงเข้าไปที่หน้าอกของเจ้า ในตอนนี้เจ้าอยู่ใต้การควบคุมของข้าแล้ว การรับรู้ของเจ้ากำลังบิดเบี้ยว”
เธอได้ยินเสียงที่น่าภาคภูมิใจของพูคิน ใช่แล้ว พูคินยังคงอยู่ที่พื้น เธอตายแล้ว
…เธอสั่งโทโกะ? สั่งให้เข้ามาแทง? นี่พูดเรื่องอะไรน่ะ?
“ข้าบอกแล้วว่าการรับรู้ของเจ้ามันบิดเบี้ยวเพราะเวทมนตร์ของข้ามิใช่รึ? แบบนั้นก็จงมองดูสิ่งที่เจ้าทำลงไปให้ดี มองดูอย่างใกล้ชิดว่าด้วยมุมมองที่ถูกต้องว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
เมื่อเธอได้ยินเสียงบางอย่างในหู สายตาของเธอก็บิดเบี้ยวแล้วกลับมาเป็นปกติ พูคินที่เธอหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกลายเป็นร่างของทัตสึโกะ ซากากิ เลือดและบาดแผลนั้นไม่ได้เปลี่ยนไป มือที่เคยเป็นของเฟรเดริก้า กลับกลายเป็นร่างของโทโกะที่ขาดเป็นสองท่อน
เรนโปวคิดอย่างใจเย็นมาก เธอมองดูสิ่งรอบข้างแล้วคิดว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นคือสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องจริง เธอสับสนตัวเองที่ใจเย็นอย่างแปลกประหลาด และเมื่อเอานิ้วมือขึ้นมาเช็ดแก้ม เธอก็พบว่ามันมีเลือดติดอยู่
“ข้าเปลี่ยนเวทมนตร์บนร่างของเจ้าใหม่แล้ว ในตอนนี้เจ้าคือข้ารับใช้ของข้า”
งั้นเหรอ เธอคิดแล้วก็ยอมรับมัน นี่อธิบายว่าทำไมเธอถึงใจเย็นอยู่ได้ พูคินนั้นยืนอยู่ใกล้ๆ เธอเอนตัวพิงกับราวเหล็ก เวทมนตร์ของพูคินนั้นป้องกันไม่ให้เธอรู้สึกถึงการมีตัวตนอยู่ของพูคินได้ด้วย
พูคินยิ้มออกมาอย่างร่าเริงแล้วก็ปัดผมหน้าของเรนโปว
“เอาล่ะ นี่คือคำสั่งแรก หั่นศพของสองคนนั่น หั่นให้มันกลายเป็นชิ้นๆให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้”
เรนโปวปล่อยสายรุ้งออกมา เธอไม่ได้คิดจะต่อต้านคำสั่งของพูคินเลย แน่นอนว่าเธอต้องเชื่อฟังอยู่แล้ว เธอค่อยๆปล่อยสายรุ้งออกมา แล้วใช้ปลายที่แหลมคมหันเข้าไปทางศพของทัตสึโกะกับโทโกะ
เมื่อเรนโปวคิดถึงเรื่องพวกเธอสองคนอย่างซื่อตรง ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าจริงๆเธอนั้นรู้สึกกับทั้งสองคนยังไง
หากไม่มีโทโกะ เธอก็คงยังต้องเป็นทาสของพี่สาวอยู่ แฟร์รี่ที่เห็นแก่ตัว เลวทราม ต่ำช้า บอกกับเธอด้วยเสียงที่สนุกสนานว่า “ด้วยพรสวรรค์ของเธอแล้ว พวกเราครองโลกนี้ได้เลย!” การที่เธอมายืนอยู่ตรงนี้ได้มันเป็นเพราะโทโกะ เธอขอบคุณโทโกะมากเท่าไหร่มันก็ไม่เพียงพอ โทโกะนั้นเป็นคนแรกในชีวิตที่เธอสามารถยิ้มและมึความสุขไปด้วยกันได้
โพสตาร์รี่เองก็ช่วยเรนโปวเอาไว้ เรนโปวจึงฆ่าโพสตาร์รี่ไม่ได้ เธอน่าจะฆ่าโพสตาร์รี่ทิ้งก่อนที่จะเข้าไปโจมตีมาโอแพม แต่เธอก็ทำมันไม่ได้ เธอสร้างข้อแก้ตัวให้ตัวเองว่าจะใช้โพสตาร์รี่เป็นตัวประกันเพื่อทำให้โพสตาร์รี่มีชีวิตอยู่ เพราะเธอไม่คิดว่าตัวเองจะฆ่าโพสตาร์รี่ได้
…แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันจบสิ้นแล้ว
เรนโปวหั่นศพของพวกเธอด้วยสายรุ้ง หั่นมันจนกว่าพูคินจะพอใจ
พูคินยิ้มออกมา
“เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก เมื่อทุกอย่างจบแล้ว ข้าจะคืนจิตใจของเจ้าให้เป็นปกติ และในตอนที่ข้าจะฆ่าเจ้านั้น ในใจของเจ้าจะจำได้ว่าเจ้านั้นฆ่าเพื่อนของตัวเองยังไง นี่จะเป็นการให้อภัยครั้งแรกที่เจ้าจะได้รับนะ ข้ารับใช้เอ๋ย”
MANGA DISCUSSION