มาเล่นกับท็อปสปีดกันเถอะ
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นก่อนที่การแข่งขันรวบรวมเมจิคัลแคนดี้
ในเมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจคจะเริ่มต้นขึ้น
อายานะ ซาคานากิ อายุเจ็ดปี เป็นนักเรียนประถมปีหนึ่ง ตอนนี้เธอทำหน้าที่รับใช้เจ้าหญิงอยู่
เจ้าหญิงนั้นเป็นคนที่สุดยอดมาก ไม่มีใครปฎิเสธคำสั่งของเธอได้ วันหนึ่งเจ้าหญิงก็พูดว่า “เห็นหน้าพวกเธอทุกวันแล้วมันเหม็นเบื่อซะจริง ไปดูอะไรที่มันเจริญหูเจริญตากันดีกว่า พวกเราจะไปปิคนิคดูใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วงกัน” และไม่มีใครที่เห็นต่างจากเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เธอนั้นกำหนดวันทั้งวันเอาไว้แล้ว พวกเธอซื้อขนมมากันมากมาย และตื่นเต้นกับสิ่งที่จะนำมาแล้ว
นางฟ้าทั้งสองคนนั้นบ่นเรื่องที่จะไปดูใบไม้ร่วงว่ามันเหมือนสิ่งที่ป้าแก่ๆทำกัน แต่นี่เป็นครั้งแรกของอายานะ โดยทั่วไปแล้วมันก็เหมือนกับทัศนศึกษาใช่ไหมนะ? เธอตั้งตารอคอยมันจริงๆ เธอมองท้องฟ้ายามค่ำคืนและอธิษฐานว่าขอให้วันรุ่งขึ้นมีแดดจ้าด้วยเถิด ตอนนั้นเมจิคัลโฟนของเธอดังขึ้น
ใครโทรมากันนะ? เธอสงสัยและหยิบมันขึ้นมาดูหน้าจอ เธอพบว่าทามะโทรมาหา
“อะไรเหรอ?”
“ หือ?…สวิมจัง เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?”
“หมายความว่ายังไงเหรอ?”
“สวิมจังอยู่ไหนเหรอ? ทุกคนอยู่ที่นี่แล้วนะ”
เธอไม่เข้าใจว่าทามะพูดถึงเรื่องอะไรอยู่
“รูลเลอร์บอกว่าพวกเราจะมาดูใบไม้ร่วงกันวันนี้นะ”
“…ไม่ใช่วันพรุ่งนี้เหรอ?”
“หือ? วันนี้นะ จุดนัดพบอยู่ที่ร้านขายของฝากตรงตีนเขาเมย์โช”
เธอตัดสายไป นี่เธอทำให้เกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่ขึ้นได้ยังไงกันนะ?
____________________________________________________________________________
เธอไม่ชอบพูดว่า “ตอนเด็กๆ ฉันเล่นโน้นเล่นนี่ไปทั่ว”
เธอเล่นไปทั่วเมื่อตอนเป็นเด็ก ในตอนนี้เธอเองก็ยังคงเล่นอยู่ ไม่ว่าเธอจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม แม้จะล่วงเลยไป 40 ผ่านไป 60 หรือ 80 เธอก็ยังคงเล่นไปทั่วอยู่ มันไม่ได้หมายความว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วจะจบลงซักหน่อย
สำหรับสึบาเมะ มุโรตะแล้วนั้น ‘การเล่น’ หมายถึงการผ่อนคลายหัวใจ ไม่ใช่แค่ทำงานเพื่อกินแล้วมีชีวิตอยู่
สามีของสึบาเมะ โชอิจินั้นทำงานอยู่ที่แผนกประชาสัมพันธ์ของศาลากลางจังหวัด โชอิจิเองก็ไม่ได้ชอบคำพูดนั้น แต่สำหรับสึบาเมะ เหตุผลมันต่างออกไป
“โดยทั่วไปแล้วเหตุผลนั่นมันเป็นข้ออ้างไม่ก็การคุยโม้โอ้อวดมากกว่านะ หาเหตุผลเป็นข้ออ้างแล้วก็พูดว่า ‘มันเป็นเพราะฉันเล่นไปทั่วเมื่อตอนเป็นเด็ก ฉันถึงได้กลายเป็นแบบนี้ ถ้าฉันไม่ทำล่ะก็ชีวิตก็คงดีกว่านี้ไปแล้ว’ ไม่ก็โอ้อวดแบบว่า ‘ตอนเด็กๆฉันเอาแต่เล่นไปทั่ว แต่ในตอนนี้ฉันเป็นคนที่เจ๋งสุดๆเลย ใช่ไหมล่ะ?’ มันเป็นแค่การพูดเรื่องเกี่ยวกับบทเรียนที่ได้มาจากการใช้ชีวิตส่วนใหญ่ออกมา เธอเป็นแค่คนแปลกๆคนเดียว ที่ต้องการเอาเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตไปใช้อย่างเสียเปล่าไงล่ะ”
เมื่อสึบาเมะถามว่า ถ้าเขาพูดสิ่งที่ดูไม่มีมารยาทแบบนี้ในที่ทำงานจะเป็นยังไง เขานั้นก็ส่งเสียง ฮึ ออกมาแล้วก็ตอบว่า “ก็มันจริงนี่นา”
นั่นคือสิ่งที่เขาตอบกลับมา ย้อนกลับไปสมัยประถม ตั้งแต่เขานั้นย้ายมาอยู่ใกล้บ้านของเธอ แม้เธอจะเห็นหน้าเขาแต่ก็ไม่รู้สึกชอบเลย แม้แต่ในตอนนี้เธอก็สงสัยว่าทำไมตัวเองถึงแต่งงานกับชายคนนี้กันนะ เธอคิดว่ามีแต่คนพิลึกๆเท่านั้นที่จะมาขอให้เธอเป็นภรรยาของเขา พวกเธอเกลียดขี้หน้ากันเหมือนกับเด็กๆ สึบาเมะเห็นเขาเป็น “พี่ชายขี้จุกจิกปากมากน่ารำคาญ” มาตลอด ส่วนสำหรับเขานั้นเห็นสึบาเมะเป็น “ยัยเด็กบ้าที่เป็นตัวอย่างไม่ดีให้น้องสาวของเขา” ทั้งคู่นั้นเคยทะเลาะกันแบบว่า “อย่างซื้อขนมและกินนอกโรงเรียนสิ” และเธอก็สวนกลับไปว่า “อย่าคิดว่าจะทำตัวเหนือกว่าได้ เพราะอายุมากกว่าฉันแค่ 7 ปีนะ เจ้าสี่ตา!”
ใช่ แต่ในตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว เมื่อสึบาเมะเห็นสามีของเธอคุยโม้ มันก็ทำให้เขาดูน่ารักมาก จนเธออยากกอดเขาแน่นๆ
“บางทีความรักอาจทำให้ฉันเป็นบ้าก็ได้…”
“หือ? เธอพูดอะไรรึเปล่า?”
“ไม่ ไม่มีอะไรหรอก จะว่าไปแล้ว วันนี้คุณกลับบ้านดึกรึเปล่า?”
“อ๊ะ ผมเองก็ไม่อยากไปดื่มหรอก แต่มันปฎิเสธไม่ได้น่ะ”
โชอิจินั้นบอกเธอว่า เขาต้องออกไปดื่มกับนักข่าวที่สำนักงาน ครั้งแรกที่เธอได้ยินแบบนั้น เธอก็ตะโกนออกมาว่า “โอ้ รัฐบาลกับสื่อมวลชนนี่ใกล้ชิดกันดีจัง!” แล้วสามีของเธอก็ตอบกลับว่าอย่างใจเย็นและสับสนหน่อยๆว่า “พูดอะไรของเธอน่ะ?”
“ผมรู้ว่าไม่ต้องบอกคุณ แต่ตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาสำคัญ-”
“มีพวกแคมเปญอะไรอย่างนั้นเหรอ? หรือว่าเป็นงานประกวดการออกแบบมาสค็อต ที่มีคนเข้าร่วมจากทั่วประเทศอะไรแบบนั้นรึเปล่า? มาสค็อตของเมืองเราเป็นแบบนั้นใช่ไหมนะ? คนตัวสูงๆที่แต่งตัวประหลาดเหมือนกับอะไรบางอย่างน่ะ?”
“ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น ผมพูดถึงเรื่องของคุณอยู่นะ”
โชอิจิมองไปที่ท้องของสึบาเมะพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้าของเขา มีเพียงคนที่รู้จักพวกเขาเท่านั้นที่จะเข้าใจ สึบาเมะอายเล็กน้อย แล้วก็กระแอมออกมา
“แหม เข้าใจอยู่หรอก คุณไม่ต้องบอกก็ได้ ฉันแค่ต้องทำตายสบายๆ ใช่ไหมล่ะ?”
“อื้อ คุณต้องทำตัวสบายๆเข้าไว้นะ”
“จ้า จ้า รู้แล้ว”
โชอิจินั้นเหมือนว่าอยากจะพูดอะไรต่อ แต่เธอจูบลาและผลักเขาออกไปที่ประตู
เขากังวลเรื่องเล็กๆน้อยๆมากเกินไป เห็นได้ชัดเจนว่าเขาเป็นห่วงเธอมาก เพราะแทนที่เขาจะตรงไปดื่มหลังจากเลิกงงานแล้ว เขากลับมาบ้านเพื่อมาหาเธอก่อน เขาบอกเธอว่าเจ้านายแกล้งเขา เรื่องที่เพิ่งจะแต่งงานด้วย แต่ก็เป็นเหตุผลที่เข้าใจได้น่ะนะ
ไม่ใช่แค่สามีของเธอ แต่ทุกๆคนก็เป็นห่วง แม่ของเธอ เพื่อนบ้าน ทุกคนกังวลเรื่องเด็กในท้องของสึบาเมะ แม้กระทั่งผู้จัดการของร้านที่เธอทำงานอยู่ก็ยังพูดว่า “ทำไมถึงจะมีลูกในช่วงเวลายุ่งๆแบบนี้เนี่ย?” แล้วเขาก็พูดต่อว่า “ฟังนะ ชั้นวางเก้าอี้ไว้อยู่ตรงนี้ ดังนั้นอย่าฝืนตัวเอง ห้ามเด็ดขาด” และเมื่อเดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ใกล้เขามา เขาสัญญากับเธอว่าจะให้เธอลาคลอด แม้จะเพียงงานพาร์ทไทม์ แต่เขาก็ดูแลเธอดีมากๆ
ทุกคนนั้นเป็นห่วงสึบาเมะ แต่เธอก็ไม่ได้มีอาการแพ้ท้องเลย และก็ไม่ได้แสดงอะไรออกมามากด้วย เธอยังเคลื่อนไหวไปมาได้สบาย แต่ทุกคนก็ทำราวกับว่าเธอป่วยหนัก ทุกคนก็บอกว่าให้เธอนั้นอยู่เฉยๆ อย่าเคลื่อนไหวมาก นี่คือลูกคนแรกของเธอ ดังนั้นเธอจึงมีความกังวล ทุกๆครั้งที่เธอได้ยินเรื่องราวของความเจ็บปวดหรือความลำบาก เธอก็จะคิดว่า “ฉันไม่อยากเป็นอย่างนั้นเลย” “ฉันกลัว” แต่อย่างไรการพยายามควบคุมเธอให้ทำแบบนั้นแบบนี้ มันก็ยิ่งทำให้เธอต่อต้านมากขึ้น
สำหรับสึบาเมะแล้ว การ ‘เล่น’ ที่ดีที่สุดในเวลาเช่นนี้คือ เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค มันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นกว่าสิ่งต่างๆที่เธอเล่นจนถึงตอนนี้ซะอีก ไม่ใช่ว่าการแตะหน้าจอแบบนี้มันสนุกกว่าการโดนรถตำรวจไล่ล่าบนท้องถนน แต่เป็นเพราะนี่คือโซเชียลเกมที่มีเหตุการณ์ปริศนาเกิดขึ้น แล้วมันทำให้สึบาเมะนั้นหลงใหลมันมาก
หลังจากที่ส่งสามีของเธอออกไปแล้ว เธอก็ทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า ล้างจาน ใช้ทักษะที่เธอได้มาจากงานพาร์ทไทม์ เธอเตรียมข้าวกล่องให้สามีและตัวเธอเองเช่นกัน ส่วนมื้อเช้านั้นคือขนมปัง นม และกะหล่ำปลีหั่นฝอย ใส่มะเขือเทศ และไข่ดาวลงไปด้วย ตอนนี้เธอมีเวลาว่างที่จะทำอะไรก็ได้ที่ชอบจนกว่าจะถึงบ่ายวันถัดไป
เธอดึงเอาสมาร์ทโฟนออกมา นั่นไม่ใช่สมาร์ทโฟนธรรมดา แต่มันเป็นเมจิคัลโฟนที่มีลักษณะเป็นหัวใจ ตอนนี้เธอไม่ใช่แม่บ้านที่ชื่อ สึบาเมะ มุโรตะ อีกแล้ว ในตอนนี้มันถึงเวลาที่เมจิคัลเกิร์ล ท็อปสปีด จะออกโรง เธอฮัมเพลงพร้อมกับกดปุ่มแปลงร่าง เธอใส่หมวกปีกกว้างและสวมชุดของแม่มด และมีไม้กวาดบินได้ ผมสีบลอนด์ส่องประกายของเธอถูกรวบเป็นเปีย ผิวของนั้นเปล่งปลั่ง ใบหน้าเองก็งดงาม และที่สำคัญที่สุดก็คือ เธอดูเหมือนกับเป็นเด็ก
ตามข่าวลือของ เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค ที่ว่า “หากเล่นมันก็อาจจะกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลจริงๆได้” มันเป็นเวลาแปดเดือนแล้วที่สึบาเมะกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ล ในตอนแรกนั้นเธอกังวลจริงๆเมื่อตัวเองกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลว่า “ไม่มีทางที่คนอายุ 19 ปีที่แต่งงานแล้ว จะกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลได้หรอก”
ในตอนที่สึบาเมะอยู่มัธยมปลาย เธอนั้นเป็นผู้นำของ เอ็มเพรส แก๊งซิ่งที่ตระเวณขับรถไปทั่วเขตคิตายาโดะของเมือง N แม้จะเป็นตอนมัธยมต้น ไม่สิ ตั้งแต่ตอนประถม เพื่อนของเธอก็เป็นแบบเดียวกัน ทุกคนถูกเรียกว่าเด็กเลว ใช้ชีวิตห่างไกลจากอนิเมหรือในมังงะมาก เหตุผลที่เธอเล่น เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค นั้นเพราะว่า
“มันฟรี” สึบาเมะรู้ว่าโดยปกติแล้วเมจิคัลเกิร์ลน้ันจะเป็นเด็กประถมไม่ก็เด็กมัธยมต้น บางครั้งก็อาจจะมีเด็กมัธยมปลายบ้าง
สึบาเมะกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลเหมือนกับที่ข่าวลือว่า สิ่งแรกที่เธอเจอก็คือใบหน้าของภาพสามมิติที่แนะนำตัวเองว่าคือ “มาสค็อต” ในทันใดนั้นเธอก็ประสานมือเข้าด้วยกัน
“ขอโทษนะ แต่ชวนคนอื่นที่อายุน้อยกว่าซักนิดแทนได้ไหม?”
“โอ๊ะ นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอก ปอน, ลองมองดูในกระจกแล้วจะรู้เองล่ะ ปอน”
เธอมองดูตัวเองด้วยกระจกที่อยู่ในมือ หลังจากนั้นเธอก็เข้าไปที่ห้องน้ำเพื่อใช้กระจกบานใหญ่มองดูตัวเองทั้งตัว สึบาเมะยกนิ้วโป้งให้มาสค็อตและตะโกนออกมาว่า “เจ๋งมาก!”
หลังจากนั้นเธอก็ตั้งครรภ์ และเธอก็พบว่าการตังครรภ์นั้นไม่ได้มีผลกับการแปลงร่าง ไม่ว่ายังไงเมื่อเธอคลายการแปลงร่างแล้ว เธอก็รู้สึกได้ว่าลูกของเธอที่อยู่ในท้องนั้นยังคงปลอดภัยดี นั่นหมายความว่า เมื่อเธอแปลงร่างแล้ว ไม่ว่าเธอจะบินหรือกระโดดมันก็ไม่ส่งผลกับทารก ฟาฟเองก็ยืนยันเรื่องนี้แล้ว เธอชูกำปั้นขึ้นเล็กน้อย ในตอนนี้เธอสามารถเล่นได้ตลอดเวลาในฐานะเมจิคัลเกิร์ลแล้ว
นี่คือการที่เมจิคัลเกิร์ล ท็อปสปีด ได้ถือกำเนิดขึ้นมา เธอขี่ไม้กวาดของตัวเองแล่นผ่านฝากฟ้าของเขตคิตายาโดะ ไม้กวาดของเธอนั้นอิสระยิ่งกว่ามอเตอร์ไซค์ แถมยังรวดเร็วกว่ารถยนต์อีกต่างหาก
“เอาล่ะ ก่อนอื่นก็ โทรหาริปเปิล…”
แต่เมื่อท็อปสปีดเปิดดูข้อความของเธอ เมจิคัลโฟนของเธอก็ดังขึ้นทันที
ริปเปิลเคยโทรหาเธอก่อนด้วยเหรอ? เธอสงสัย และคิดย้อนกลับไปตั้งแต่แรกเริ่มที่ได้พบกัน แต่ริปเปิลนั้นก็ไม่เคยโทรหาเธอมาก่อน เบอร์โทรที่แสดงอยู่บนหน้าจอนั้นก็เป็นเบอร์แปลกๆด้วย
“เมจิคัลเกิร์ลไม่โทรมาแกล้งกันใช่ไหม…ฮัลโหล?”
เงียบสนิท
“อยากให้ช่วยหน่อย”
แล้วเธอก็ได้ยินเสียง มันเป็นเสียงของเด็ก
“หือ? อะไรนะ?”
“อยากให้ช่วยหน่อย อยากให้พาฉันไปที่ภูเขาเมย์โช”
“ใครเนี่ย?”
“สวิมสวิม”
สวิมสวิม เธอเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน มันเป็นชื่อเมจิคัลเกิร์ลที่เป็นลูกน้องของรูลเลอร์
หากเธอเป็นลูกน้องของรูลเลอร์ มันก็แสดงว่าคงเป็นการขอความช่วยจากรูลเลอร์ที่เป็นหัวหน้าของเธอ แต่การที่จะติดต่อใครบางคนที่ไม่เคยเจอหน้ากันเลยอย่างท็อปสปีดนั้น มันไม่ใช่สิ่งที่รูลเลอร์จะทำ หรือเธอไม่อยากให้รูลเลอร์รู้กันนะ?
เธอไม่ควรคิดอะไรมากแบบนั้น เพราะคือสไตล์ของสึบาเมะ และสไตล์ของท็อปสปีดนั่นเอง
กฎของการเล่นไปทั่วคือการช่วยเหลือผู้อื่น เพราะแบบนั้นทำไมเธอถึงทำอะไรแบบนี้ เธอไม่เคยช่วยเหลือเมจิคัลเกิร์ลด้วยกันมาก่อน เธอจะได้แคนดี้เท่าไหร่กันนะ? แน่นอนว่าคงไม่น้อยแน่ๆ
“เอาล่ะ! เดี๋ยวฉันจะมุ่งหน้าไปหานะ เธออยู่ไหนล่ะ?”
“นิชิมอนเซ็น…อยู่บนดาดฟ้าอพาร์ทเมนต์ ที่ชั้นหนึ่งเป็นร้านสะดวกซื้อ”
“อ๊ะ…แถวหัวมุมสี่แยกตรงสถานีรถไฟเหรอ?”
“ใช่ นั่นแหละ”
“โอเค เดี๋ยวฉันจะซิ่งไม้กวาดไปหาเอง ขอเวลานิดนึง”
เธอเปิดหน้าต่างออกมา ขึ้นขี่ไม้กวาดของเธอแล้วบินออกไป เธอบินออกไปได้ราวๆ 50 เมตรแล้วก็คิดได้ว่า “อ๊ะ คงแย่แน่ๆหากเปิดหน้าต่างชั้น 5 ทิ้งไว้” เธอคิดเช่นนั้นแล้วรีบบินกลับมาปิด “แต่มันไม่ล็อคก็ไม่ได้ด้วยใช่ไหมนะ? ได้ยินว่ามีหัวขโมยที่เข้ามาในอพาร์ทเมนต์จากทางระเบียงด้วย” เธอคิดเช่นนั้นแล้วกลับมาล็อคหน้าต่าง แล้วก็ล็อคประตูด้วย ก่อนที่จะกระโดดจากทางหน้าต่างตรงทางบันได
ตัวเธอนั้นแตกต่างจากตอนที่ยังเป็นเด็กที่มีเวลาเอาไปผลาญ ในตอนนี้เธอเป็นแม่บ้าน เธอต้องระวังหลายสิ่งหลายอย่าง
คนที่รอเธออยู่บนดาดฟ้านั้นสวมชุดว่ายน้ำโรงเรียน ผิวของเธอดูสวย ผมของเธอก็ดูเรียบเนียน และใบหน้านั้นก็สวยงามเช่นกัน เพราะมันเป็นสัญญาที่เธอให้ไว้กับเมจิคัลเกิร์ล การที่เธอรู้ว่าคนๆนั้นเป็นใครก่อนที่จะเจอกันแบบนี้ มันทำให้เธอแปลกใจน่าดู
ภายนอกของเธอนั้นดูเหมือนกับนักเรียนมัธยมปลายปีสอง เติบโตได้ดีจริงๆ ขนาดหน้าอกและก้นของเธอนั้นชนะท็อปสปีดไปแล้วชุดว่ายน้ำโรงเรียนสีขาวล้วนนั้นเข้ากับเธอมาก จนท็อปสปีดถึงขนาดส่งเสียงโอดโอยอยู่ในใจ นั่นเธอพยายามทำอะไรที่แตกต่างโดยใช้อะไรที่ไม่เข้ากันสองอย่างมารวมกันงั้นเหรอ? ชุดของเธอนั้นอธิบายได้ว่า “เก๋” “สะดุดตา” ไม่ก็ “เป็นตัวของตัวเอง” ล่ะนะ
แม้เธอจะพูดแบบนั้น แต่ท็อปสปีดเองก็มีเซนส์ทางแฟนชั่นของเธอเช่นกัน
เธอสวมเสื้อโค้ทสมัยตอนยังเป็นแก๊งค์ซิ่งที่มีตัวอักษร “ไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็น” ทับลงบนชุดเมจิคัลเกิร์ลของเธอ และมีเครื่องรางเอาไว้ปกป้องเรื่องอุบัติเหตุและคลอดลูกแขวนอยู่ที่คอ ไม้กวาดเวทมนตร์ของเธอนั้นเปลี่ยนรูปร่างเป็นมอเตอร์ไซค์ มันเป็นเซนส์ทางแฟชั่นของเธอที่อยากตะโกนออกมาว่า “ฉันไม่ใช่แม่มดที่เอาแต่ขี่ไม้กวาดซักหน่อย!” ตัวละครใน เมจิคัลเกิร์ลไรซิ่งโปรเจค นั้นมันปรับแต่งได้เยอะมากๆ
นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่เธอพบเมจิคัลเกิร์ลที่มีเซนส์ทางแฟชั่นแบบเดียวกัน เธอลดระดับความสูงของไม้กวาดลงพร้อมๆกับความตื่นเต้นของตัวเองที่เพิ่มมากขึ้น
“ไง ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันท็อปสปีดเองนะ มาช่วยแล้วล่ะ”
“สวิมสวิม”
“หวา เป็นชื่อที่เท่จริงๆนะ อ๊ะ ก่อนหน้านี้เธอบอกฉันนี่ ที่เรียกฉันมาเพราะ ‘ต้องการให้ช่วย’ ใช่ไหมล่ะ? เธออยากให้พาไปที่ภูเขาเหรอ? ”
สวิมสวิมพยักหน้า และเธอเริ่มอธิบานสถานการณ์ของตัวเอง
เธอพูดถึงรูลเลอร์ที่จัดงานชมใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วงขึ้นมา แต่ด้วยเข้าใจผิดหรือสื่อสารกันผิดพลาด จึงทำให้สวิมสวิมนั้นเข้าใจวันผิด เธออยากเข้าร่วมเพราะเธอนั้นตั้งความหวังเรื่องชมใบไม้ไว้มาก แต่อย่างไรหากเธอไปตอนนี้คงไม่ทันเวลา เธอไม่รู้ว่าจะไปเข้าร่วมได้รึเปล่า เธอไม่อยากขัดคำสั่งเจ้าหญิงของเธอ หรือรูลเลอร์ด้วย
“เข้าใจล่ะ เพราะแบบนี้ถึงโทรมาหาฉันเพื่อขอให้ช่วยสินะ”
“รูลเลอร์บอกว่า ถ้าอะไรมีประโยชน์ก็ให้ใช้น่ะ”
“ฮะฮะฮะ แล้วเธอจะพูดแบบนั้นต่อหน้าคนที่จะใช้งานด้วยงั้นเหรอ? ไม่เอาน่า! พวกเราเป็นเพื่อนกันดีกว่า!”
“รูลเลอร์บอกว่า หัวหน้ากับลูกน้องนั้นมีความสัมพันธ์กัน แต่มิตรภาพนั้นไม่ใช่”
“พรืดฮ่าฮ่าฮ่า”
ท็อปสปีดชอบเซนส์ทางแฟชั่นกับความขวานผ่าซากของเธอจริงๆ ในตอนที่เธออยู่ที่นั่น บุคลิกของเธอก็ไม่สั่นคลอนเลย
บุคลิกเดิมของเธอนั้นคืออยากเล่นไปทั่ว และเธอต้องการเพื่อนมาเล่นด้วย หากมีใครซักคนขอความช่วยเหลือ เธอจะตอบสนองสิ่งนั้น หากเป็นคนที่เธอสนใจด้วยล่ะก็มันจะเป็นอะไรที่ดีมาก นั่นคือการใช้ชีวิตของท็อปสปีด
“โอเค! รับทราบคำขอ ไปภูเขาเมย์โช ใช่ไหม?”
“อื้อ”
ท็อปสปีดเอาเมจิคัลดฟนออกมา แล้วส่งข้อความไปหาริปเปิล
เอ็มเพรส นั้นเป็นแค่กลุ่มคนเล็กๆห้าคน แต่เธอก็รักษาตำแหน่งราชินีแห่งความเร็วของเมือง N ไว้ได้ จนกระทั่งเธอรีไทร์ออกมา การที่จะรวดเร็วกว่าคนอื่นได้นั้น มันไม่ใช่แค่ต้องมีเทคนิคในการขี่ เส้นทางที่ขี่เองก็สำคัญเช่นกัน การสื่อสารแบบไร้สาย, การแลกเปลี่ยนข้อมูลกับทีมอื่น, การเลือกถนนเพื่อให้เร่งความเร็วได้ดี หากจัดการเรื่องเหล่านั้นได้ ก็สามารถเป็นผู้ที่เร็วที่สุดได้
แม้ท็อปสปีดจะออกมาจากแก๊งแล้ว แต่เธอก็ยังคงทำอะไรเหมือนเดิม นั่นคือเลือกเส้นทางที่สั้นที่สุด
จากนิชิมอนเซ็นไปภูเขาเมย์โช เธอต้องผ่านเขตโจนันที่เป็นพื้นที่ของคาลามิตี้แมรี่ แม้เธอจะเผลอเหยียบเท้าเข้าไป มันก็คงไม่มีประโยชน์กับใครแน่
การเลือกอ้อมน่ะมีแต่พวกมือสมัครเล่นจะทำกัน ก่อนอื่นท็อปสปีดติดต่อไปหาริปเปิล
เมื่อวันก่อน ริปเปิลนั้นเดินออกมาจากการต่อสู้กับคาลามิตี้ แมรี่ จนมันเกือบจะกลายเป็นการฆ่ากันตายแล้ว ท็อปสปีดจึงอยากให้ริปเปิลเอาของขวัญไปขอโทษคาลามิตี้ แมรี่ ในเรื่องนั้น ในขณะที่ ท็อปสปีดกับสวิมสวิมจะผ่านเขตโจนันและพุ่งตรงไปยังภูเขาเมย์โช
แผนเยี่ยม แถมมีประโยชน์กับทุกคนด้วย
“หวัดดี ริปเปิล?”
“…อะไร?”
“ก็ อยากให้เธอไปขอโทษคาลามิตี แมรี่ให้หน่อยน่ะ”
เธอได้ยินเสียงเดาะลิ้นก่อนที่ริปเปิลจะวางสายไป เธอพยายามโทรไปหาอีกครั้ง แต่ริปเปิลก็ไม่ตอบ เธอจึงก็ส่งข้อความไปหา เมื่อผ่านไป 30 วินาที เธอก็ได้รับข้อความตอบกลับมา ข้อความนั่นพิมพ์มาว่า “…ชิ”
ท็อปสปีดมองไปข้างๆตัว สวิมสวิมเองก็จ้องท็อปสปีดกลับโดยไม่ได้พูดอะไร หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง ท็อปสปีดก็ใช้เมจิคัลโฟนโทรหาใครบางคน
“อ๊ะ เมจิคัลรอยด์เหรอ? อื้อ ใช่ ฉันเอง เอ่อ คือมีอะไรอยากจะถามน่ะ เธอติดต่อคาลามิตี้ แมรี่ได้ไหม? อื้อ อยากจะให้สร้างโอกาสให้หน่อย…ฉันรู้ เดี๋ยวฉันจะจ่ายทีหลังเอง ห้าพัน? ไม่ล่ะ เต็มที่ก็สามพัน…โอเค สี่พันก็ได้ โทษทีนะ ขอบคุณมาก ติดหนี้เธอแล้วสิ”
ท็อปสปีดปิดเมจิคัลโฟนของเธอแล้วส่มันลงไในกระเป๋าหน้าอก เอาขาขึ้นไปบนไม้กวาด แล้วก็ชี้ไปด้านหลังของตัวเอง
“แผนสุดเจ๋ง! เอาล่ะ บินไปภูเขาเมย์โชกันเถอะ! อย่าตกก็แล้วกัน!”
ตัวของพวกเธอนั้นลอยขึ้น มันรู้สึกเหมือนกับอวัยวะภายในลอยขึ้นเช่นกัน มันรู้สึกแปลกจนกระทั่งเธอนั้นชินกับมัน เธอโน้มตัวไปด้านหน้า มองผ่านที่บังลมและเร่งความเร็ว ในพริบตาเดียวพื้นที่รอบตัวเธอก็เปลี่ยนแปลงไป โรงเรียนขนาดใหญ่ที่เธอรู้สึกรำคาญมันตอนเป็นเด็ก ในตอนนี้ขนาดเล็กนิดเดียว แม้จะมีลดพัดผ่านหูของเธอ แต่เธอก็ไม่รู้สึกถึงแรงต้านจากลมแต่อย่างใด ไม่ว่าจะมีประสบการณ์แบบนี้กี่ครั้ง เธอก็ยังคงรู้สึกดี
“คิดว่าไง? สุดยอดเลยใช่ม๊า?”
“งั้นงั้น”
ไม้กวาดที่ท็อปสปีดควบคุม ราพิท สวอลโลว์ นั้นเร็วยิ่งกว่าเสียง ถ้าตกจากราพิทสวอลโลว์ในขณะใช้ความเร็วเต็มที่ล่ะก็ แม้จะเป็นเมจิคัลเกิร์ลก็ยังคงบาดเจ็บหนักอยู่ดี
สวิวสวิมคนที่นั่งอยู่ด้านหลังนั้น เอามือจับเอวของท็อปสปีดอย่างแน่นๆ ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าเธอจะตกลงไป และสัมผัสที่มาโดนหลังของท็อปสปีดนั้น มันเป็นอะไรเหนือคำบรรยาย
“บางที ฉันก็ควรจะสร้างอวาตาร์ของตัวเองให้ใหญ่กว่านี้…”
“…อะไรเหรอ?”
“ไม่มีอะไร แค่คุยกับตัวเองน่ะ”
ท็อปสปีดควรจะคิดถึงงานของตัวเองก่อน ไม่ใช่คิดอะไรวอกแวก
ภูเขาเมย์โชนั้นกว่าใหญ่ แม้จะใช้สายตาของเมจิคัลเกิร์ลมองหากลุ่มของรูลเลอร์ บางทีพวกเธออาจจะไม่ทันเวลาที่ปิคนิคเริ่มก็ได้ ดังนั้นท็อปสปีดจึงคิดถึงเส้นทางที่รูลเลอร์จะใช้ โดยบุคลิกของเธอแล้วบางทีเธออาจจะเลือกใช้จุดที่สูงที่สุดก็ได้
“คนมักพูดกันว่า คนบ้า, ควัน แล้วก็ผู้ยิ่งใหญ่ มักจะชอบที่สูงนี่นะ”
“อันไหนคือรูลเลอร์เหรอ?”
“ก็…ชัดเจนว่าเธอเป็นคนบ้าที่อยู่บนที่สูงน่ะนะ”
ไม่ต้องพูดถึงเลย สวิมสวิมนั้นบางทีคงจะถูกตำหนิเรื่องที่นั่งไม้กวาดของท็อปสปีดมาแน่ๆ เธอคงถูกตำหนิแน่ๆ เธอจินตนาการภาพของรูลเลอร์พูดว่า “ดูเข้าสิ ขี่ไม้กวาดเด่นมาแต่ไกล แถมยังมาสายอีก!” ได้ง่ายๆด้วย
ตราบใดที่แสดงความนอบน้อมกับรูลเลอร์ ตราบนั้นก็จัดการเธอได้ง่าย บางทีท็อปสปีดอาจจะเอาของขวัญมอบให้กับเธอ อาหารกลางวันที่เธอเอาออกจากบ้านมาด้วยนั้น จริงๆแล้วมันเป็นของสามี เธอแอบนำเอามาด้วย และในตอนนี้มันซ่อนอยู่ตรงที่บังลม
ท็อปสปีดนั้นมั่นใจในรสชาติที่ตัวเองทำ ซึ่งมันดีพอที่จะทำให้แก้มของริปเปิลดูยิ้มได้ มันคงเหมาะกับการดูใบไม้ร่วงแบบนี้ อารมณ์ของรูลเลอร์คงดีขึ้นแน่
“หมายความว่าพรุ่งนี้ก็ไม่มีข้าวกล่องตอนกลางวันสินะ”
ท็อปสปีดพึมพำอย่างแผ่วเบา แต่สวิมสวิมนั้นอาจะคิดว่าท็อปสปีดคุยกับเธออยู่ เพราะเธอตอบกลับมาว่า
“ไม่เป็นไร มีอาหารกลางวันที่โรงเรียนอยู่แล้ว”
“อาหารกลางวันที่โรงเรียน?”
“พวกเขาทำให้ทุกวันเลย ไม่ต้องทำอาหารกลางวันให้ฉันหรอก”
สถานที่ที่ทำอาหารกลางวันของโรงเรียน บางทีเธออาจจะทำงานที่โรงเรียนก็ได้ หรือว่าเธอยังเรียนอยู่กันนะ? เมจิคัลเกิร์ลที่อยู่ด้านหลังเธอไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าพนักงานเลย
“กังวลเรื่องกลางภาคไหม?”
“ ‘กลางภาค’ คืออะไรเหรอ?”
นักเรียนประถมนี่นา
ท็อปสปีดคิดว่าสวิมสวิมนั้นตอบคำถามของเธอมาแบบโง่ๆ แต่ตอนนี้มันก็สมเหตุสมผลแล้ว เธอรู้สึกเสียใจที่โลกใบนี้ทำให้เด็กประถมต้องมานั่งเล่นเกมมือถือ แต่มันฟรีแบบนั้นก็ไม่เป็นอะไรมาก อีกอย่าง เธอรู้สึกว่าเด็กประถมอย่างสวิมสวิมนั้นเหมาะกับการเป็นเมจิคัลเกิร์ลมากกว่าคนที่แต่งงานแล้วตั้งครรภ์ตอนอายุ 19 อย่างเธอซะอีก
ท็อปสปีดจับไม้กวาดของเธอแล้วก็พูดขึ้นมา
“ก่อนหน้านี้น่ะ เธอพูดว่าไม่ต้องการเพื่อนใช่ไหม?”
“รูลเลอร์พูดแบบนั้นน่ะ”
“แต่การมีเพื่อนมันสำคัญนะ รู้ไหม”
หากอยากจะเล่นสนุก ก็จำเป็นจะต้องมีเพื่อนที่สนุกๆอยู่ด้วย ในอดีตนั้นเธอมีเพื่อนสมาชิกในแก๊ง แต่ในตอนนี้คือริปเปิลกับ…สามี? ไม่สิ สามีของเธอนั้นต่างออกไป
“รูลเลอร์บอกว่าไม่ต้องมีเพื่อน”
“จริงเหรอ? แต่รูลเลอร์เองก็มีเพื่อนนะ”
“…ใครเหรอ?”
“เมจิคัลเกิร์ลสุดน่ารัก ที่ชื่อว่าท็อปสปีดยังไงล่ะ”
เธอยิ้มออกมา แต่ไม่นานก็รู้สึกตัวว่าสวิมสวิมนั้นไม่ได้มองมาที่เธอเลย
“ก็ ช่างเถอะ สนิทกันเข้าไว้ล่ะ โอเคนะ? อีกไม่นานก็จะถึงภูเขาแล้ว แล้วจะได้หาพวกนั้นกัน”
“เธอเป็นเพื่อนของรูลเลอร์เหรอ?”
“เดี๋ยวฉันจะพิสูจน์ให้เห็นทีหลังเอง อย่าพูดเยอะนะ เดี๋ยวก็ได้กัดลิ้นหรอก”
“เครื่องรางนั่นเอาไว้ทำอะไรเหรอ?”
“เธอนี่มีคำถามเยอะจังเลยนะ? มันเอาไว้สำหรับคลอดลูกกับอุบัติเหตุ…ในอีกแง่หนึ่งคือ การขอพรจากพระเจ้า ให้ลูกนั้นเกิดมาสุขภาพแข็งแรง และให้ห่างไกลจากอุบัติเหตุน่ะ”
“เธอกำลังจะมีลูกเหรอ?”
“อื้อ!”
เธอรู้สึกอาย เพระเรื่องนี้เธอเก็บไว้เป็นความลับกับริปเปิล แต่เธอก็เผลอพูดออกมา บางทีตัวเธออาจจะหลุดพูดอะไรออกมาง่ายๆเพราะอีกฝ่ายเป็นเด็กงั้นเหรอ?
ที่ภูเขาเมย์โชนั้นมีความเขียวขจีอยู่จนถึงสิ้นสุดฤดูร้อน แต่ในตอนนี้มันกลายเป็นสีเหลือง, สีแดง และสีน้ำตาลไปแล้ว มีเพียงบางส่วนที่ยังคงเป็นสีเขียว แม้จะเป็นในเวลากลางคืน แต่เมจิคัลเกิร์ลก็สามารถทำอะไรอย่างชมใบไม้ร่วงได้อยู่ดี
เธอคิดถึงเรื่อเส้นทางของรูลเลอร์ ตาของเธอมองที่รอบๆยอดเขา มันสูงมาก ไม่ใช่เส้นทางปีนเขาตามปกติเลย มันสูงชันพอที่จะมีแต่เมจิคัลเกิร์ลเท่านั้นที่จะปีนขึ้นไปได้ ท็อปสปีดมองดูรอบๆ ในขณะที่บินเป็นวงกลมอยู่เหนือใบไม้ และเธอก็เห็นรูปร่างบางอย่างลอยอยู่กลางอากาศ
“บิงโก!”
สิ่งนั้นมีวงแหวนและปีกของนางฟ้า พวกเธอคือพี๊คกี๊แองเจิล เธอไม่รู้เป็นมินาเอลหรือยูนาเอล แต่นั้นก็ไม่สำคัญหรอก
“ฉันบอกว่ายังไงล่ะ? อีกไม่นานก็จะเจอใช่ไหม นี่แหละ คือพลังของผู้ใหญ่”
เมื่อเธอพูดกับคนที่อยู่ด้านหลัง พวกเธอก็มาถึงจุดหมายปลายทางก่อนที่ใครๆจะได้หายใจซะอีก มินาเอลกับยูนาเอลเบิกตากว้างและมองมาที่พวกเธอ ในขณะที่มีอีกคนหนึ่งชี้มาที่พวกเธอ รูลเลอร์นั่นเอง คนที่มีหูหมาและตะโกนอย่างตกใจนั้นก็คือทามะ เหมือนว่าพวกเธอกำลังปูเสื่อปิคนิคกันอยู่
“สวิมจัง เกิดอะไรขึ้นเหรอ!” ทามะถาม
“ทิ้งหน้าที่เหรอ?” “ทิ้งหน้าที่สินะ?”
รูลเลอร์ยืนขึ้น และเอาปลายคฑาของเธอแทงลงไปที่พื้น
“สายมาก! อย่ามาสายสิยะ ยัยโง่โตแต่ตัวเอ๊ย! แล้วทำไมถึงพา ยัยนี่ มาด้วยเนี่ย?”
“รู้ไหม เรียกฉันว่า ‘ยัยนี่’ เนี่ยมันดูใจร้ายจัง ”
ท็อปสปีดส่งสวิมสวิมลงไปบนพื้น เธอเองก็ลงมาจากไม้กวาด เธอยิ้มและเอามือวางบนไหล่ของรูลเลอร์
“ก็ฉันเป็นเพื่อนของรูลเลอร์นี่นา!”
“หวา-เฮ้ อย่ามาจับชั้นแบบนี้นะ!”
“ไม่เอาน่า ก็พวกเราเป็นเพื่อนกันนี่!”
“ใคร เป็นเพื่อนเธอกันยะ?”
“ก็ฉันกับรูลเลอร์ไง อ๊ะ จริงด้วย ฉันเอาข้าวกลางวันมาด้วยล่ะ ทุกคนมากินกันเถอะ”
เธอเอากล่องข้าวออกมา ทามะกับพี๊คกี๊แองเจิลก็เข้ามาหาทันทีพร้อมกับใบหน้าที่ดูมีความสุข รูลเลอร์เองก็ทำหน้าเขินอายพร้อมกับหมุนตฑาของเธอ ท็อปสปีดนั้นมองกลับไปที่สวิมสวิมพร้อมกับขยิบตาให้ เธอไม่ได้ตองสนองอะไร แต่เหมือนว่าเธอจะเข้าใจ
“เอาล่ะ มาเริ่มงานดูใบไม้ร่วงกันเถอะ ไม่ต้องอายหรอกน่า พวกเราทุกคนเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น!”
MANGA DISCUSSION