ตอนที่ 5
สาวจีนกับมังกรยักษ์
☆ เพจิกะ
เชอร์น่าเมาส์ที่ขาดใจตายนั้นดูเหมือนกับไม่มีใครสนใจมาก
มีบางคนไปตรวจดูเมจิคัลโฟนของเชอร์น่าเมาส์
และตะโกนบอกมาว่าเชอร์น่าเมาส์มีแคนดี้น้อยกว่าคนอื่น 1 ชิ้น
บางคนก็โทษพีเฟิลที่ทำหน้าที่ตรวจดูเมจิคัลโฟน บางคนก็เข้าข้างเธอ
ทุกคนนั้นดูกระวนกระวาย ฟาลเองก็ยืนยันว่าปลอดภัยแล้ว แต่ทำไมมันถึงล้มเหลวแบบนี้ล่ะ?
พวกเธอคุยกัน ตะโกน กล่าวโทษคนอื่น
เกิดอะไรขึ้น? ทำไมมันถึงเกิดอะไรแบบนี้ได้?
แม้จะถกเถียงกันแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป ถึงพวกเธอจะถามฟาลไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หมอนั่นก็ไม่พูดอะไร
ปาร์ตี้ของดีเทคเบลฝังศพของเชอร์น่าเมาส์ไว้ที่ด้านนอกของลานเมือง
ปาร์ตี้อื่นๆก็แยกตัวกันออกไป ความกังวงที่มองไม่เห็นด้วยตานั้นสุมอยู่ในอก
เพจิกะเองก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่เธอรู้ว่าชีวิตของพวกเธอนั้นถูกขโมยไปแบบไร้เหตุผล
แม้เธอจะถูกดึงเข้ามาในเกมนี้ แม้ว่าในหัวของเธอจะวนเวียนอยู่กับการคิดว่าถูกบังคับมาให้อยู่ในเกมที่สามารถตายเอาที่ไหนก็ได้ง่ายๆ แม้กฎของเกมจะคลุมเครือ เธอเองก็ยังไม่รู้เหตุผลว่าทำไมพวกเธอถึงต้องตาย
สองชั่วโมงหลังจากที่เชอร์น่าเมาส์ตายไป พวกเธอก็กลับคืนสู่สภาพปกติ ริโอเน็ตต้ากับมิโยคาตะ โนนาโกะ โต้เถียงกันเช่นเคย แคลนเทลย่ำกีบเท้าตัวเองด้วยความรำคาญ เพจิกะมองขึ้นไปบนฟ้า มันไม่มีดวงดาว ดวงจันทร์ หรือเมฆ มีเพียงผืนฟ้าที่ดำสนิทเท่านั้น
เมื่อ ริโอเน็ตต้าและมิโยคาตะ โนนาโกะ เห็นเพจิกะมองท้องฟ้าที่ว่างเปล่า พวกเธอก็หยุดโต้เถียงและมองขึ้นตาม แคลนเทลเองก็หยุดย่ำกีบเท้าของเธอและมองขึ้นไปเช่นกัน
ริโอเน็ตต้าพึมพำ
“แบบนี้…การล่าก็ง่ายขึ้นแล้วสิ”
เชอร์น่าเมาส์เป็นยามเฝ้าพื้นที่จุดสนามล่าที่ดี
หากเธอหายไปแล้ว แบบนั้นปาร์ตี้ของเพจิกะก็เข้าไปในนั้นได้โดยที่ไม่มีใครบ่น
ตรงกันข้าม ตอนนี้ปาร์ตี้ของเพจิกะเป็นปาร์ตี้เดียวที่มีสมาชิก 4 คนโดยไม่สูญเสียใครไปเลย
แบบนี้ก็หมายความว่าเป็นปาร์ตี้ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้ ใช่ไหมนะ?
เพจิกะรู้สึกเศร้าเมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้ เธอมองไปยังสมาชิกคนอื่นในปาร์ตี้
ริโอเน็ตต้า คนที่เปิดปากพูดอยู่ ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอพูดอะไร แต่โนนาโกะกับแคลนเทลนั้นพยักหน้า
ดูเหมือนว่าทั้งคู่คิดอะไรเหมือนกัน
เพจิกะยิ่งเศร้ามากขึ้นไปอีก
เมื่อเพจิกะกลับสู่ความเป็นจริง เธอมองขึ้นไปบนท้องฟ้า สองในสามของจันทร์เสี้ยวนั้นซ่อนอยู่ในกลุ่มเมฆ ดวงดาวระยิบระยับถูกเมฆสีเทาเข้มบดบัง ทำให้เธอมองไม่เห็น
แต่มันก็เป็นท้องฟ้ายามค่ำคืนเหมือนกับคืนอื่นๆ เธอกลับมาได้อย่างปลอดภัยและรู้สึกดีใจที่ได้เห็นท้องฟ้าแบบนี้อีก
หลังจากเธอตื่นขึ้นมาตอนเช้าและล้างหน้า ก่อนอาหารเช้านั้นเธอจุดธูปที่แท่นบูชาของครอบครัวและยกมือขึ้นพนม จนถึงเมื่อเร็วๆนี้ เธอไม่เคยทำสิ่งเหล่านี้เลย เพราะเธอไม่ใช่คนที่มีศรัทธาอะไร แต่มันไม่มีอะไรที่เธอทำได้อีกแล้ว
น้องชายของเธอหัวเราะ พ่อแม่ของเธอนั้นกังวล ส่วนคุณปู่นั้นยกย่องเธอด้วยความชื่นชม
การตอบสนองที่เธอได้จากด้านซ้ายและขวานั้นบางทีคงมาจากที่จิกะยกมือขึ้นพนม
เธอรู้ตัวดีว่ามันดูน่าตลก แต่ถ้าหากมีอะไรที่เธอสามารถพึ่งพามันได้ เธอก็อยากทำมันทุกอย่าง
ที่โรงเรียนนั้นมีอะไรหลายๆเรื่องที่เธออาย อย่างตอนที่เดินมาโรงเรียนเธอก็เดินไปชนกับเสา
ตอนที่กำลังเรียนอยู่ก็ถูกอาจารย์ชี้ คนที่อยู่รอบๆตัวก็หัวเราะกันสนุกสนาน
จิกะ คนที่พยายามทำตัวไม่ให้สะดุดตาใครอยู่ตลอดเวลามักถูกหัวเราะเยาะอยู่เสมอ
ก่อนหน้านี้เธอคงจะรู้สึกแย่ไปเป็นสัปดาห์ แต่ตอนนี้เธอไม่สนใจอีกแล้ว
ความคิดของเธอวนเวียนอยู่กับเรื่องเกมอยู่เสมอ
จะเปิดพื้นที่ใหม่ได้ยังไงกันนะ? มอนเตอร์ที่เหมาะกับการล่าอยู่ตรงไหนนะ?
เธอไม่ได้อยากทำแบบนี้เพื่ออยากเคลียเกม
ส่วนหนึ่งเพราะอยากย้ำให้แน่ใจว่าตัวเองปลอดภัย
อีกส่วนหนึ่งจมอยู่กับจินตนาการเรื่องความตายของตัวเอง
ตอนที่อยู่ชมรมการอ่านนั้น เธอลุกขึ้นหลังจากที่เริ่มชมรมได้ 30 นาทีแล้ว เพื่อนของเธอรู้สึกสงสัย แต่เธอบอกกลับไปว่า “ไม่มีอะไรจ้ะ” พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูฝืนๆ จากนั้นเธอก็รีบกลับบ้านและแปลงร่างเป็นเพจิกะ
เธอขุดดินจากในสวนของเธอแล้วเอาไปใส่ลงในหม้อ จากนั้นเธอก็เปลี่ยนให้มันข้าวกล่อง คราวนี้เธอทำ ไข่ม้วน, หน่อไม้, เบคอน, ไส้กรอกที่ทำเป็นรูปปลาหมึก, ข้าวที่โรยด้วยผงรสสาหร่าย, ไก่ทอด, มะเขือเทศจิ๋ว และบางครั้งก็ใส่ผักโขมลงไปด้วย ส่วนผลไม้นั้นแยกอยู่อีกกล่อง
เธอคิดว่าแบบนี้มันดูเด็กไปหน่อยไหมนะ
จิกะคิดว่า ได้กินข้าวกล่องแบบนี้มันจะดีไหมนะ? เธอแค่ทำขึ้นมาตามงานอดิเรกของตัวเอง
บางทีเธอก็ควรเรียนรู้จากเว็บไซท์ต่างๆเพิ่มบ้างแล้วสิ
เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปยังสนามกีฬา ระหว่างทางเธอช่วยชายแก่เอาหัวไชเท้าขึ้นรถบรรทุกของเขา ชายคนนั้นขอบคุณเธอและเธอก็ยิ้มตอบกลับไป ในหัวใจของเธอนั้นการที่ได้ช่วยเหลือผู้คนในเวลาแบบนี้มันรู้สึกเหมือนได้หลอกตัวเอง ได้หนีจากความเป็นจริง
หลังจากที่ดูการฝึกซ้อมจบแล้ว เธอก็วิ่งไปที่สวนสาธารณะ อีกาเองก็ส่งเสียงร้อง
ในเวลาที่ท้องฟ้ายามเย็นเป็นสีแดงเหมือนกำลังจ้องมายังดวงตาของเธอแบบนี้
อีกไม่นานก็คงจะมืดแล้ว
นิโนมิยะคุงวิ่งมาหาเธอจริงๆ
ที่สนามกีฬานั้นอีกไม่นานก็จะมืด พวกเขาเลยซ้อมพร้อมกับเปิดไฟไปด้วย แมลงหลายตัวกำลังตอมแสงไฟ บางครั้งก็มีตัวด้วงมา ในฤดูร้อนนั้นมันก็ดึงดูดเด็กๆและคนที่ไม่ได้สนใจเบสบอลมาด้วยเหมือนกัน
นิโนมิยะคุงที่ซ้อมตอนเย็นเสร็จแล้ว มากินอาหารตามที่สัญญาไว้ เมื่อทั้งคู่กินอาหารเสร็จแล้ว เขาก็ขยับมาใกล้เพจิกะ และพูดว่า “ขอบคุณสำหรับอาหารอีกครั้งนะครับ” อย่างดีอกดีใจกับเธอ เมื่อนิโนมิยะคุงขอบคุณเธอแบบนั้น เพจิกะก็รู้สึกดีใจและอายหน่อยๆ
ตอนที่นิโนมิยะคุงกินอยู่นั้น เพจิกะก็นั่งอยู่บนม้านั่งตัวเดียวกับเขา คอยมองดูเขาอยู่
ถ้าเกิดสบตากัน เขาต้องรู้แน่ๆว่าเธอแอบมองเขาอยู่ตลอด บางครั้งเธอก็เลยมองไปทางอื่น
แต่พอเขาเริ่มกินอาหารอร่อยๆอีกครั้ง เธอก็กลับมองมามองดูเขาเช่นเดิม
เขามีรูปหน้าที่เกลี้ยงเกลา บางครั้งก็มีรอยหนวดอยู่บ้าง
แม้จะอยู้ชั้นปีเดียวกันแต่เพจิกะคิดว่าตัวเองเหมือนเด็ก นิโนมิยะคุงนั้นเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก
กล้ามหน้าอกของเขาขยับขึ้นลงพร้อมกันกับแก้มและขากรรไกรตอนเคี้ยวอาหาร
ที่แก้มของเขานั้นมีรอยสิวอยู่นิดหน่อย ก็ยังเป็นนักเรียนม.ต้นนี่นะ
หลังจากฝึกซ้อมเสร็จแล้วเขาก็วิ่งมาที่นี่ด้วยร่างกายที่ชุ่มเหงื่อ เมื่อได้กลิ่นเหงื่อแก้มของเพจิกะก็เริ่มกลายเป็นสีแดง แม้เขาจะกินอาหารอย่างคล่องแคล่วแต่ก็ยังใช้ตะเกียบได้อย่างถูกต้อง ดูเป็นคนที่ถูกอบรมมาดี เพจิกะชอบที่เขาเป็นแบบนั้น
มีข้าวติดอยู่ที่แก้มเขา เพจิกะควรจะบอกเขาดีไหมนะ? ควรจะเอามันออกรึเปล่า?
ถ้าเธอหยิบมาเข้าปากตัวเองคงดูไม่ดีใช่ไหม? เธอควรจะห่อมันด้วยทิชชู่แล้วเอาไปทิ้งดีไหม?
ในขณะที่เธอกังวลอยู่นั้น นิโนมิยะคุงก็หยิบข้าวที่ติดอยู่ด้วยนิ้วของเขาแล้วก็กินไป
วันแรกนี้เพจิกะสังเกตุใบหน้าและท่าทางการกินของนิโนมิยะคุง เธอไม่ได้พูดอะไรมาก แค่คิดว่าจะพูดอะไรก็ทำให้เพจิกะรู้สึกประหม่าแล้ว เธอไม่อยากกวนนิโนมิยะคุงด้วย แก้มที่ดูใสซื่อบริสุทธ์ของเขากำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารของเพจิกะอยู่
แต่ในวันที่ 2 นิโนมิยะคุงก็เริ่มคุยกับเธอ เพจิกะเองก็ชอบที่จะฟังเรื่องที่เขาพูด เร็วๆนี้เขาตีลูกได้สวยมาก บางครั้งโค้ชของเขาก็พาหมามาด้วย เจ้าหมานั่นหน้าตาก็ดูน่ากลัว เขาโกรธที่ซ้อมนัคเคิลบอล*ไม่ได้ซักที จักรยานของเขาก็พังเลยต้องวิ่งมาโรงเรียนแทน
*นัคเคิลบอลคือการขว้างลูกด้วยการรอบหมุนที่ต่ำทำให้วิถีของลูกบอลคาดเดาได้ยาก
เขาพูดเรื่องทั้งหมดด้วยความสนุกสนาน เพจิกะเองก็มีความสุขที่เห็นนิโนมิยะคุงแบบนี้
“แล้วเธอเป็นยังไงบ้างเหรอ?” นิโนมิยะคุงถาม
เพจิกะพยายามคิดคำตอบ
เธอรู้ตัวว่า เพจิกะพูดเรื่องตัวเองไม่ได้ พูดเรื่องตัวเองเป็นเมจิคัลเกิร์ลไม่ได้ พูดเรื่องเกมที่เธอถูกบังคับให้เล่นอย่างไร้เหตุผลไม่ได้ และแนะนำตัวเองว่าชื่อจิกะไม่ได้เช่นกัน
เธอบอกว่าอยู่โรงเรียนเดียวกับเขาได้ แต่เมื่อเธอเป็นจิกะ เธอก็ไม่ใช่เพจิกะ แม้ไม่ใช่คำโกหกแต่มันก็เป็นคำโกหก แม้จะมองหน้ากันที่โรงเรียน แต่ก็ทำอาหารอร่อยๆให้เขาไม่ได้เพราะเธอไม่ใช่เพจิกะ
เธอบอกว่าตัวเองทำอาหารให้เพื่อนอยู่เสมอ และเพื่อนของเธอก็บอกว่าอร่อย
นิโนมิยะคุงนั้นก็พูดกับเธอว่าถ้ามีใครบอกว่าอาหารของเธอไม่อร่อยล่ะก็คนๆนั้นก็ไม่ใช่มนุษย์แล้ว
เขาหัวเราะ เพจิกะเองก็หัวเราะ แต่ภายในใจของเธอเริ่มดำดิ่งอย่างช้าๆ
ในวันที่ 3 เมื่อวันนี้สิ้นสุดลง เธอก็ต้องกลับเข้าไปในเกมอีกครั้ง และต้องเอาตัวรอดในนั้นอีก 3 วัน
ฉันเกลียดมัน อยากจะร้องไห้ อยากยอมแพ้ แต่อย่างน้อยที่สุดฉันอยากจะทำทุกอย่างที่ตัวเองทำได้ที่นี่ แม้ว่าเขาจะช่วยอะไรไม่ได้แต่ฉันคงสัมผัสได้ถึงความเห็นอกเห็นใจบ้าง
ถึงเธอจะคิดเรื่องเหล่านั้นเธอก็พูดมันออกมาไม่ได้ เธอตายแน่ถ้าทำแบบนั้น
เพจิกะพูดเรื่องของตัวเอง ไม่ใช่จิกะ ทาเทฮาระ และไม่ใช่เมจิคัลเกิร์ลเพจิกะ
เธอพูดถึงเรื่องเด็กผู้หญิงที่สมมติขึ้นมา
เด็กคนนั้นเรียนที่มัธยมปลายใกล้บ้าน รักการทำอาหารและชอบดูเบสบอล
เธอเรียนรู้วิธีการทำอาหารจากแม่ของเธอ แม่ของเธอนั้นทำอาหารอร่อยกว่าเพจิกะซะอีก
ไม่นานมานี้ ตอนที่แมวอึในสวนของเธอ คุณปู่ของเธอนั้นโกรธใหญ่เลย
เพื่อนของเธอเหยียบเปลือกกล้วยลื่นล้ม เหมือนกับในมังงะตลกไม่มีผิด
ตอนที่เธอไปร้องคาราโอเกะ เธอดันใส่เลขเพลงผิด มันไม่ใช่เพลงที่เธอรู้จัก แต่เธอก็ร้องตั้งแต่ต้นยันจบได้
นิโนมิยะคุงหัวเราะกับเรื่องแย่ๆที่เธอพูดขี้นมา เพจิกะเองก็ยิ้มเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องรู้สึกเจ็บปวดจากความเศร้าในใจ
หลังจากที่กินอาหารเสร็จแล้ว นิโนมิยะคุงก็ขยับเข้ามาใกล้เพจิกะเช่นเคย คืนกล่องข้าวให้เธอ ตอนนั้นนิ้วก้อยของทั้งสองคนเกี่ยวกัน นิโนมิยะคุงดูเหมือนตื่นเต้น หลังจากนั้นเขาก็วิ่งออกไป
เพจิกะมองไปที่นิ้วก้อยของตัวเอง เธอเอามือมาโอบมันไว้ และกำมันไว้อย่างแน่นๆ
______________________________________________________________________
☆ ชาโดว์เกล
คาโนเอะจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองบ่อยขึ้น เธอไม่พยายามปกปิดมันเลย มันดูผิดปกติ
จนพ่อแม่และพี่ชายของเธอเป็นห่วง
เมื่อเธอถามไปว่า “กังวลอะไรอยู่งั้นเหรอ?” แต่คาโนเอะก็ยิ้มตอบกลับมาและพูดว่า
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” นั่นทำให้เธอเป็นห่วงมากกว่าเดิมอีก
มีคนอื่นถามมาโมริเรื่องคาโนเอะเช่นกัน แต่เธอไม่รู้จะตอบพวกเขายังไง
ถ้าจะตอบ เธอคงตอบว่า นายหญิงของบ้านเราเป็นเมจิคัลเกิร์ลและกำลังเล่นเกมที่แพ้ก็
เท่ากับตายอยู่
ตอนนี้คาโนเอะยังคงคิดเรื่องอะไรบางอย่างอยู่ แบบนี้ก็ไม่เป็นไร เพราะมาโมริเองก็เต็มไปด้วยความคิดเช่นกัน ถ้าหากมาโมริจะคิดอะไรซักอย่างก็จะกลับไปยังห้องของตัวเอง
เธอจะไม่ยึดห้องของคนอื่นเป็นของตัวเองแบบที่คาโนเอะทำ เธอจะไม่เอาไวน์และแครกเกอร์วางไว้บนถาด ไม่ดื่มหรือกินอะไรบนโต๊ะเรียนของคนอื่น และไม่กินแครกเกอร์หกเลอะเทอะด้วย
มาโมริยืนขึ้นเปิดผ้าม่านและหน้าต่าง สายลมของฤดูใบไม้ร่วงนั้นช่างเย็นสบาย อากาศที่ร้อนอบอ้าวที่อยู่ภายในห้องก็ถ่ายเทออกไปด้านนอก อากาศสดชื่นเข้ามาแทนที่ มองเห็นสนามหญ้าสีเขียวที่แผ่อยู่ด้านนอก ความมืดในเวลากลางคืนได้ย้อมมันจนกลายเป็นสีม่วงเข้ม มีพุ่มไม้สูงอยู่รอบๆสวน มีเสียงของแมลงคอยปรอบประโลมหูของเธอ
พวกเขาบอกว่าซื้อจิ้งหรีดต้นสนมาปล่อยไว้ เธอได้ยินว่าพวกมันราคาตัวละ 1 พันเยน แต่คิดว่าคงพูดเกินจริงกันไปหน่อย
มาโมริผละจากหน้าต่าง เดินกลับไปที่เตียงของเธอและนั่งลง มองไปที่คาโนเอะ เธอยังคงคิดอะไรอยู่เหมือนเดิมพร้อมหมุนเก้าอี้ไปด้วย มาโมริหวังว่าอย่างน้อยก็ไปคิดในห้องตัวเองสิยะ
ตระกูลโทโทยามะเองก็เป็นสมาชิกในครอบครัวของตระกูลฮิโตโคจิ อาศัยอยู่ด้วยกัน ห้องของมาโมริก็อยู่ในบ้านของฮิโตโคจิ แบ่งปันห้องกัน มาโมริเองก็บ่นได้ยากถ้าคาโนเอะจะเดินเข้าห้องไหนตามใจของเธอ
แต่สำหรับเก้าอี้นั้นต่างกัน มาโมริเก็บเงินตัวเองซื้อมา เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ทำในยุโรปที่สั่งมาจากหนังสือแคตตาล็อก มันเป็นเก้าอี้ที่สวยและนั่งสบายมาก ถึงเธอจะอยู่ภายในบ้านฮิโตโคจิเหมือนกัน แต่การที่ไม่สนใจข้าวของส่วนตัวของมาโมริแบบนี้ ถึงเป็นเธอก็ไม่มีสิทธิ์ทำ
“อย่างน้อยก็ขอเก้าอี้ฉันคืนได้ไหม?”
“มาโมริ เธอคิดอะไรอยู่รึเปล่า?”
ตอยคำถามด้วยคำถามงั้นเหรอ ช่างเถอะ เธอพูดถูก มาโมริคิดเรื่องบางอย่างอยู่
มีอะไรรบกวนจิตใจของมาโมริอยู่และเธอก็หาคำตอบให้มันไม่ได้
ทำไมเชอร์น่าเมาส์ถึงมีแคนดี้น้อยที่สุดกันล่ะ?
เธอไม่เข้าใจเลย ไม่แม้แต่ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงในตอนแรก
ก่อนช่วงล็อกเอาท์ หลังจากกิจกรรมที่เชอร์น่าเมาส์ตาย ดีเทคเบลกับเมลวิลล์พยายามช่วยชีวิตเธอ ทั้งการหายใจแบบปากต่อปากและนวดหัวใจ แม้จะใช้ยาฟื้นพลังเธอก็ไม่ฟื้นกลับมา
สาเหตุการตายคือหัวใจล้มเหลวตามที่ฟาลอธิบายกฎของกิจกรรมไว้ ผู้เล่นที่มีแคนดี้น้อยที่สุดจะถูกกำจัด
เงื่อนไขที่ว่า “น้อยที่สุด” และ “ผู้เล่นหนึ่งคน” ถ้าไม่เป็นไปตามเงื่อนไขเหล่านี้ก็จะไม่มีใครถูกกำจัดทิ้ง
พีเฟิลคิดว่าถ้ามีคนที่มีแคนดี้น้อยที่สุดหลายคน ก็จะไม่มีใครถูกกำจัดออกไป ซึ่งฟาลเองก็ยืนยันด้วยตัวเองแล้ว
ถ้ามีคนที่มีเมจิคัลแคนดี้น้อยที่สุดสองคนหรือมากกว่านั้น กิจกรรมก็จะจบลงโดยที่ไม่มีใครตาย
ทุกคนร่วมมือกันทำให้มีแคนดี้เท่ากันตามที่พีเฟิลสั่ง
พวกเราคิดว่าจะเอาชนะด้วยวิธีการนี้ได้
แล้วเชอร์น่าเมาส์ก็ขาดใจตายไป ฟาลก็ขานชื่อของเธอออกมา เมื่อพวกเธอตรวจดูเมจิคัลโฟนของเชอร์น่าเมาส์ก็พบว่าจำนวนเมจิคัลแคนดี้ที่แสดงอยู่บนหน้าจอนั้นมีน้อยกว่าทุกคนหนึ่งชิ้น
ทุกคนเริ่มกล่าวโทษพีเฟิลเพราะเหมือนว่าเธอไม่ได้ตรวจดูแคนดี้ดีพอ แต่หลายคนก็ปฎิเสธ
พีเฟิลเสียวีลแชร์ของไปตอนสู้กับเชอร์น่าเมาส์ ดังนั้นเธอจึงต้องขี่หลังของชาโดว์เกลเพื่อเคลื่อนไหวแทน พวกเธอเดินไปรอบๆน้ำพุที่เมจิคัลเกิร์ลอยู่กันเป็นวงกลม ด้วยเหตุผลนี้จึงไม่ได้มีแค่พีเฟิลคนเดียวที่ยืนยันแคนดี้ของทุกคน ชาโดว์เกลเองก็ยืนยันด้วยอีกคนเช่นกัน
ชาโดว์เกลนั้นไม่ได้แค่เดินเฉยๆ แต่เธอมองไปที่เมจิคัลโฟนของทุกคน
และทุกคนก็มีแคนดี้เท่ากันจริงๆ ไม่มีใครมีจำนวนแตกต่างจากคนอื่นเลย
เมจิคัลเกิร์ลคนอื่นๆก็เป็นพยานว่าพีเฟิลนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีใครเคลื่อนไหวอะไรแปลกๆ
เมจิคัลเกิร์ลทุกคนนั้นจับตาดูกันและกัน เพราะไม่มีใครเชื่อใจใครเลย หรืออาจจะอยากเชื่อใจคนอื่นเลยจับตามองกันก็ได้
ด้านขวาของเชอร์น่าเมาส์คือดีเทคเบล ด้านซ้ายคือเมลวิลล์ ทั้งคู่ยืนยันว่าแคนดี้ของเชอร์น่าเมาส์มีเท่ากับพวกเธอ
แล้วทำไมเชอร์น่าเมาส์ถึงตายล่ะ? มีเหตุผลอะไรที่ทำให้เธอมีแคนดี้น้อยกว่าเมจิคัลเกิร์ลคนอื่น 1 ชิ้นกันล่ะ?
ไม่มีคำตอบอะไรออกมา
ถ้าใช้เมจิคัลโฟนก็จะสามารถโอนย้ายแคนดี้ได้ แต่นั่นมันทำได้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
ในขณะที่ทำการเกลี่ยแคนดี้ให้เท่ากันนั้น ที่ลานในเมืองนั้นมีเสียง บี๊บบี๊บบี๊บบี๊บ ดังอยู่ตลอด
ตอนนี้ไปยุ่งเรื่องจำนวนแคนดี้ก็ไม่มีความหมายอะไร หลังจากนั้นพีเฟิลกับชาโดว์เกลเองก็ตรวจดู
เมจิคัลโฟนทั้งหมด และคนที่อยู่ข้างๆเชอร์น่าทั้งคู่ก็ทำแบบเดียวกัน หากตัวเลขเปลี่ยนไปก็จะถูกจับได้
มีใครควบคุมเมจิคัลโฟนโดยใช้เวทมนตร์รึเปล่า? แบบนั้นเป็นไปไม่ได้แน่ แม้เมจิคัลโฟนจะเป็นสิ่งของที่ถูกทำลายได้ แต่มันก็ไม่มีอะไรอยู่ข้างใน
แม้จะควบคุมมันด้วยเวทมนตร์จากภายนอก มันก็จะพัง ชาโดว์เกลลองมากับตัวแล้ว
“แคนดี้ของเชอร์น่าเมาส์…”
คาโนเอะพูดเรื่องที่มาโมริคิดอยู่
คาโนเอะหยับสมุดคณิตศาสตร์ของมาโมริจากโต๊ะของเธอขึ้นมา ฉีกมันออก
และเขียนชื่อของเมจิคัลเกิร์ล ปาร์ตี้ที่คนๆนั้นอยู่ และความสามารถของพวกเธอลงไป
“สมุดของฉัน…ปากกาก็ของฉัน…”
“อื้อ ขอฉันยืมเดี๋ยวนึงนะ”
ปาร์ตี้ A
พีเฟิล – วีลแชร์พลังสูง
ชาโดว์เกล – เพิ่มพลังจักรกล
ปาร์ตี้ B
แคลนเทล – เปลี่ยนครึ่งล่างเป็นสัตว์
ริโอเน็ตต้า – ควบคุมตุ๊กตา
มิโยคาตะ โนนาโกะ – เป็นเพื่อนกับสัตว์
เพจิกะ – ทำอาหารอร่อยๆได้
ปาร์ตี้ C (ปาร์ตี้ของเชอร์น่าเมาส์)
ดีเทคเบล – พูดคุยกับสิ่งก่อสร้างได้ ในเกมนั้นใช้ได้จำกัด (ด้านขวาของเชอร์น่าเมาส์)
เมลวิลล์ – พรางตัว (ด้านซ้ายของเชอร์น่าเมาส์)
ลาพิส ลาซูไลน์ – ใช้เจ็มเทเลพอร์ต
เชอร์น่าเมาส์ – ขยายร่างใหญ่ (เหยื่อ)
ปาร์ตี้ D
นกโกะจัง – กระจายความรู้สึกตัวเองได้
@เนี๊ยวเนี๊ยว – ทำวัตถุต่างๆให้อยู่ในรูปคัมภีร์
ยูเมโนะชิม่า จีโนไซโค – สูทอมตะ (มีแค่เมจิคัลโฟน)
ตารางการวิเคราะห์ที่เธอเขียนมีข้อมูลมากกว่าที่มาโมริคาดไว้ซะอีก
“ทำไมรายละเอียดถึงเยอะแบบนี้เนี่ย? รู้แม้กระทั่งความสามารถของคนที่ไม่เคยบอกอีกด้วย”
“ก็เหมือนที่เธอรับหน้าที่ล่ามอนเตอร์นั่นแหละ มาโมริ ฉันเองก็มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลเหมือนกัน
แถมฉันเองก็รู้จักคนเยอะด้วยนะ ในตอนที่พวกเราอยู่ที่ลานเมืองน่ะ ฉันก็ถามคนที่อยู่รอบๆไปทั่ว
แม้สุดท้ายแล้ว คนร้ายนั้นอาจจะเป็นเมจิคัลเกิร์ลซามูไรคนนั้น ฆาตกรที่ฆ่าพวกพ้องของเรา คนที่ฆ่าและชิงไอเท็มของมาสก์วอนเดอร์ไปไม่มีเปลี่ยน ฉันแน่ใจว่าทุกคนไม่อยากถูกสงสัยเพียงเพราะว่าซ่อนความสามารถอะไรไว้หรอกนะ”
พอพูดแบบนั้น มาโมริก็เพิ่งรู้เป็นครั้งแรก
“แล้วข้อมูลนี้เชื่อได้เหรอ?”
“ฉันถามเมจิคัลเกิร์ลของปาร์ตี้อื่นด้วย ถ้าพวกเธอโกหกมันก็ต้องมีการตอบสนองบางอย่าง แม้ฉันจะไม่ได้โทษว่าพวกเธอโกหก แต่การตอบสนองที่ไม่เป็นธรรมชาตินั้นมันจะแสดงออกมาอยู่เสมอ แต่ถ้าใครโกหกเรื่องเวทมนตร์ของตัวเองนั่นก็เป็นอีกเรื่องนึงล่ะ”
ถ้ามีคนโกหกเรื่องความสามารถ แบบนั้นคนๆนั้นก็คือคนร้าย
“แล้วเธอรู้ตัวคนร้ายแล้วเหรอ?
แบบนี้ก็มีคนที่สามารถใช้เวทมนตร์เปลี่ยนแปลงแคนดี้ของเชอร์น่าเมาส์อยู่ด้วยสินะ?
“ฉันไม่สนใจหรอก”
“ไม่สนใจ? เดี๋ยว-”
“ฉันคิดว่าเคยบอกเธอไปแล้วนะ ว่าฉันไม่ต้องการหลักฐาน ขอแค่มองคนๆนั้นก็เพียงพอแล้ว
โน๊ตนั่น ฉันให้เธอด้วยความปรารถนาดีนะมาโมริ ฉันจะไม่พยายามระบุตัวคนร้ายที่มีฐานจากโอกาสหรือแรงจูงใจหรอกนะ แต่เธอคิดต่างออกไปใช่ไหมล่ะ มาโมริ? เพราะงั้นไอ้นี่จึงมีประโยชน์กับเธอไง”
คาโนเอะยื่นโน๊ตให้มาโมริ หยิบตุ๊กตาหมีที่อยู่ข้างเตียงขึ้นมาอุ้ม และนั่งกลับลงไปที่เก้าอี้ของเธอและจมดิ่งกับความคิดตัวเองอีกครั้ง เธอไม่รู้ว่าแคนดี้ของเชอร์น่าเมาส์ลดลงได้ยังไง
เรื่องคนร้ายก็เช่นกัน
มาโมริรู้สึกผิดหวัง เธอไม่เข้าใจเลย ในขณะที่สีหน้าของเธอเป็นสีหน้าที่ผิดหวังอยู่นั้น
เธอก็นั่งลงบนเตียงของเธอ หลังจากนั้นเธอก็เอนตัวนอนลงไป
รู้ความสามารถเวทมนตร์ของทุกคน เป็นไอเท็มที่นอกเหนือจากในเกม
เธอเริ่มคิดว่าแคนดี้ของเชอร์น่าเมาส์ลดลงได้ยังไง
ไม่ไหว เธอคิดอะไรไม่ออกเลย
มันเป็นไปไม่ได้
ถึงจะทำลายเมจิคัลโฟนได้ แต่ก็ไม่สามารถควบคุมเมจิคัลโฟนตามที่ต้องการได้
ทำให้จอไม่แสดงผลหรือทำให้เสียงบี๊บเงียบลงก็ทำไม่ได้เช่นกัน
คนที่จะทำเรื่องแบบนั้นได้ก็คงจะมีแต่ชาโดว์เกล เวทมนตร์ของเธอใช้งานได้หลายอย่าง
เธออาจจะปรับแต่งเมจิคัลโฟนไม่ให้เกิดเสียงหรือจะแสดงผลอะไรตอนโอนย้ายแคนดี้ได้ก็ได้
แต่มาโมริรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเป็นคนร้าย เพราะเธอไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้น
แน่นอนว่ามาโมริรู้เรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องของตัวเอง ทุกคนคงคิดเธอว่าไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์
เพราะมีแรงจูงใจว่า “ทีมของฉันแพ้การดวลกับเชอร์น่าเมาส์” อยู่ ถ้าทุกคนเริ่มสงสัยมาโมริแบบนี้คงไม่ดีแน่
“ฉันไม่ได้ทำนะ”
“รู้อยู่แล้วล่ะว่าไม่ใช่เธอ”
คาโนเอะ อ่า เธอ คงพูด แบบนี้แหละ ถ้าคนอื่นถามคาโนเอะ แม้มาโมริจะไม่รู้ แต่เธอคงจะปกป้องมาโมริเหมือนกัน ไม่ว่าคนอื่นจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม
“ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครสงสัยเธอหรอก.”
“ไม่ ลองคิดแบบปกติดูนะ ฉันว่าตัวเองถูกสงสัยมากกว่าคนอื่นอีก”
“ไม่มีใครสงสัยหรอก เพราะฉันบอกทุกคนไปแล้วว่าเวทมนตร์ของเธอคือ ‘สร้างยานเกราะ’ น่ะ”
มาโมริมองคาโนเอะอย่างหน่ายใจ คาโนเอะเองก็จ้องกลับมาด้วยสีหน้าว่างเปล่า
“เพราะแบบนี้แหละ ถึงไม่มีใครสงสัยเธอใชไหมล่ะ?”
“คงงั้น”
“ก่อนหน้านั้น…” มาโมริพูดพร้อมลุกขึ้นมาจากเตียง
“คนที่ฆ่ามาสก์วอนเดอร์และขโมยไอเท็มของเธอไป พวกเรายังหาตัวไม่เจอเลย”
“ใช่”
มาสก์วอนเดอร์ถูกฆ่า และไอเท็มของเธอ มิราเคิลคอยน์ นั้นถูกขโมยไป ไม่ได้อยู่ในเมจิคัลโฟนของใคร สถานะไอเท็มบอกว่า 1(1) แสดงว่าใครบางคนครอบครองมันอยู่
ใครกันที่มีมันอยู่?
มิราเคิลคอยน์, เชอร์น่าเมาส์ ทั้งสองสถานการณ์มันเป็นไปไม่ได้เลย ทั้งสองเรื่องเกี่ยวข้องกับเมจิคัลโฟนด้วย แบบนี้ก็หมายความว่า…
“… คนร้ายคือคนเดียวกัน?”
“เป็นไปได้นะ”
แต่แรงจูงใจคืออะไรล่ะ?
สำหรับคนที่ฆ่ามาสก์วอนเดอร์ บางทีอาจจะต้องการขโมยมิราเคิลคอยน์ มันเป็นแรร์ไอเท็มก็จริงแต่จะฆ่าคนเพื่อของที่มีประโยชน์แบบไม่ชัดเจนงั้นเหรอ? แถมตอนนั้นเรื่องของความตายในเกมที่เชื่อมโยงไปยังความเป็นจริงก็ยังไม่ได้เปิดเผย ในเกมก็ควรมีแค่เมจิคัลเกิร์ลแห่งความยุติธรรมสิ
ส่วนเชอร์น่าเมาส์… อาจเป็นเพราะเธอขวางทางเหรอ? เธอทำหน้าที่ขวางปาร์ตี้อื่นไม่ให้เข้ามาในสนามล่าจุดที่ดีๆ เจออุปสรรคแบบนี้เข้าไปเล่นเกมไม่สนุกแน่นอน
การฆ่ามาสก์วอนเดอร์และเชอร์น่าเมาส์ แรงจูงใจของทั้งสองนั้นเกี่ยวข้องกับเกม ทุกคนไม่ได้มีแรงจูงใจที่จะเล่นเกม แต่เล่นเพื่อที่จะหนีจากเกมนี้ต่างหาก
ปาร์ตี้ของเชอร์น่าเมาส์นั้นเห็นแก่ตัว แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดที่ต้องฆ่าทิ้ง ไม่มีใครรู้ว่าจะมีกิจกรรมอะไรมาต่ออีก เพราะว่าเชอร์น่าเมาส์ไม่อยู่แล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีมอนเตอร์ไร้พ่ายปรากฏตัวขึ้นมา
หากราชาปีศาจเป็นสัตว์ประหลาดสูง 100 เมตร หนัก 150,000 ตัน เชอร์น่าเมาส์จะล้มมัน
ได้ไหมนะ? หากเชอร์น่าเมาส์แพ้ล่ะ? แบบนั้นชีวิตของพวกเธอก็จบสิ้นกันหมด
มีบางคนอยากให้เชอร์น่าเมาส์หายไป…ใช่ไหม?
หรือบางทีเชอร์น่าเมาส์อาจไม่ใช่เป้าหมาย แต่เป็นการตายโดยบังเอิญล่ะ?
หรือบางที…
“…ตอนนี้ ฉันคิดเรื่องที่ตัวเองไม่อยากจะคิดออกมาจนได้ อยากฟังไหม?”
“พูดมาเลย”
“ถ้าหากมาสเตอร์เป็นคนทำล่ะ?”
“เหตุผลล่ะ?”
“ขโมยมิราเคิลคอยน์ แทรกแซงกิจกรรม พยายามขัดขวางเราจากการเคลียเกม ไม่ก็กำจัดความหวังในการหนีออกไปให้หมด เธอขัดขวางไม่ให้เราเคลียเกม ไม่คิดบ้างเหรอว่าบางทีเธออาจจะนั่งดูพวกเราที่กลัวจนตัวสั่นแล้วนั่งหัวเราะอยู่ที่ไหนซักที่ก็ได้? ถ้ามาสเตอร์นั่นพาเราเข้ามายังโลกของเกมได้ เวทมนตร์ของเธอคงต้องเป็นสามารถทำอะไรกับจักรกล อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ก็อะไรซักอย่างใช่ไหม? ตราบใดที่พวกเราอยู่ในเกมมันก็เป็นไปได้ใช่ไหม? ทำอะไรบางอย่างกับเมจิคัลโฟนของพวกเราน่ะ?”
ถ้ามันเป็นจริงก็ไม่มีความหวังอะไรเหลือแล้ว เป็นคนสร้างเกมและในเวลาเดียวกันก็เป็นเกมมาสเตอร์ด้วย ถ้าเธอเลือกที่จะแทรกแซงก็ไม่มีผู้เล่นคนไหนเคลียเกมได้
ถ้ามาสเตอร์คิดจะทรมาณพวกเธอ พวกเธอก็จะทรมาณ
หากมาสเตอร์อยากฆ่าพวกเธอ พวกเธอก็จะตาย
“คิดว่ามาสเตอร์ไม่ใช่คนร้ายจะดีกว่านะ”
“ทำไมล่ะ?”
“ถ้ามาสเตอร์อยากจะฆ่าพวกเรา พวกเราทั้งหมดก็จะถูกฆ่าโดยที่ต่อต้านไม่ได้เลย และไม่มีทางที่พวกเราจะหลีกเลี่ยงได้ด้วย”
“จะบอกว่าพวกเราไม่ควรต่อต้านงั้นเหรอ?”
“ผิดแล้ว”
รอยยิ้มบางๆที่ใบหน้าของคาโนเอะนั้นบอกสิ่งที่มาโมริคิดว่าใช้ไม่ได้ แต่เหมือนจะไม่ใช่สินะ
“ถ้ามาสเตอร์รู้สึกแบบนี้ก็ไม่มีอะไรที่พวกเราทำได้แล้วล่ะ การมีเมจิคัลเกิร์ล 16 คนติดอยู่ในเกมและเธอสามารถทำให้เราตายได้อย่างอิสระเนี่ย เวทมนตร์ของเธอแข็งแกร่ง การที่จะฆ่าหรือทำให้พวกเรายอมแพ้นั้นมันดูไม่มีเหตุผล”
“แล้วจะให้ยอมแพ้งั้นเหรอ? ”
“รอให้ฉันพูดจบก่อน”
เธอวางตุ๊กตาหมีไว้บนเข่า หมุนเก้าอี้และมองตรงมาที่มาโมริ
“ถ้ามาสเตอร์ต้องการจะฆ่าเราเพราะอยากกลั่นแกล้งล่ะก็ แม้พวกเราจะเล่นตามเกมไปก็ไม่เห็นจะสมเหตุสมผลอะไรเลยนะ พวกเราคิดว่าหากเคลียเกมได้เธอจะปล่อยพวกเราเป็นอิสระ เธอใส่คนที่มีเจตนาร้ายเข้ามาในหมู่เมจิคัลเกิร์ล และใช้วิธีการบางอย่างเพื่อขโมยเหรียญของมาสก์วอนเดอร์และแคนดี้ของเชอร์น่าเมาส์ไป ทำไมเธอไม่ลองคิดแบบนี้ดูบ้างล่ะ”
” เอ่อ ฉันหมายถึง…”
ไม่ว่าเธอจะคิดยังไงมันก็ไม่เห็นจะสมเหตุสมผลเลย ด้วยเหตุนี้เธอจึงเบนหน้าหนี ถ้าเธอไล่ตามความเป็นไปได้ที่ดูต่ำนั่นไปล่ะก็ ถึงจะมีความเป็นไปได้อยู่ก็จริงแต่เธอก็แค่หนีจากความเป็นจริง
“จากมุมมองของผู้เล่น ถ้ามาสเตอร์คือคนร้ายล่ะก็ยอมแพ้ไปซะยังดีกว่า มันไม่มีทางต่อกรด้วยได้หรอก ถึงพวกเราอยากจะท้าเธอสู้แต่ควรก็พักเอาไว้ก่อน ในระหว่างนี้พวกเราควรยึดทฤษฎีที่ว่านอกจากมาสเตอร์มันมีคนอื่นที่เป็นคนร้ายอยู่ นี่คือจุดที่พวกเราควรให้น้ำหนัก มาสเตอร์มันเตรียมเกมที่ความยากสูงเอาไว้ หากพวกเรามีสติพอก็ยังจะตรวจจับช่องโหว่ได้นะ ตัวอย่างก็คือ กรณีเรื่องที่มีคนที่มีแคนดี้จำนวนน้อยที่สุด หรือการซื้อสมุดภาพมอนเตอร์จากในเมืองใกล้กับที่มีมอนเตอร์สะท้อนการโจมตีระยะไกลปรากฏตัวออกมา มาสเตอร์มันเป็นคนประเภทที่ทำทางออกไว้ให้ แล้วก็หัวเราะเยาะเย้ยเมื่อมีคนตายเพราะไม่รู้เรื่องนั้น ขโมยไอเท็มด้วยกำลังและควบคุมจำนวนแคนดี้ ขนาดมาสค็อตยังไม่เอาด้วยเลย ตอนนี้พวกเราเห็นแล้วว่ามีคนอื่นนอกจากมาสเตอร์เคลื่อนไหวอยู่ ดังนั้นพวกเราต้องทำมันบ้าง”
คาโนเอะก็ยิ้มอย่างที่เคยทำ พร้อมกับใช้แขนบีบคอตุ๊กตาหมีแรงจนตุ๊กตานั้นแทบจะระเบิด
“คนร้ายมันต้องชดใช้”
มาโมริรู้ว่าคาโนเอะโกรธ
เธอไม่เคยยกโทษให้ใครที่มาแตะต้องครอบครัวของเธอ ครอบครัวของคาโนเอะนั้นไม่ได้หมายถึงความสัมพันธ์ทางสายเลือดแต่หมายถึงคนที่ใกล้ชิดกับเธอ
ตอนที่พวกเธอสองคนเข้าเรียนม.ปลายใหม่ๆ มีบางคนเรียกมาโมริว่าเป็นปรสิตเกาะก้นคาโนเอะ
แม้แต่ตัวมาโมริเองก็ได้ยินเรื่องนี้ นักเรียนที่เรียนมัธยมต้นมาด้วยกันนั้นจะไม่นินทาเธอแบบนี้
แต่นักเรียนมัธยมปลายส่วนใหญ่จะมาจากต่างโรงเรียนกันจึงนินทามาโมริอย่างสนุกปาก
ไม่นานหลังจากนั้นพวกเธอก็ขาดเรียนไปราวหนึ่งสัปดาห์
เมื่อกลับมาแล้ว เธอกลับกลายเป็นเด็กดีที่ไม่เคยนินทาว่าร้ายเธออีกเลย
พวกเธอทั้งหมดตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อคาโนเอะเข้าใกล้ บางทีเธอคงทำอะไรไปซักอย่าง
มาสก์วอนเดอร์เองก็เป็นเพื่อนของพวกเธอ
มาโมริประสานนิ้วของเธอไว้ด้วยกันและวางลงที่เข่าและก้มหน้าลง
เมื่อเธอเห็นคนที่บาดเจ็บ ก็จะวิ่งเข้าไปช่วยโดยไม่ลังเล แม้ศัตรูของเธอจะตัวใหญ่กว่า 30 เมตร หากเธอคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำเป็นสิ่งที่ถูก เธอก็จะไม่เสียใจ เป็นฮีโร่แห่งความยุติธรรมตัวจริง
มาโมริไม่ควรค่าที่จะเรียกตัวเองแบบนั้น เพียงแค่มองดูจากข้างๆ ไม่ว่าเธอจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน เธอก็จะทำสิ่งที่ถูกต้องด้วยพลังทั้งหมดที่มี ไม่มีการหัวเราะเยาะเย้ย มีแค่ตรงไปข้างหน้าเท่านั้น
มาโมริกัดริมฝีปากตัวเองและเงยหน้าขึ้น มองไปที่คาโนเอะ คาโนเอะนั้นยังคงยิ้มอยู่ ตุ๊กตาหมีนั้นก็กลับสู่สภาพปกติแล้ว
“ฉันจะมองดูผู้คนเอง ส่วนเธอก็ค้นหาแรงจูงใจนะ มาโมริ พวกเราจะหาคนร้ายด้วยกัน”
มาโมริพยักหน้าในขณะที่ยังคงกัดริมฝีปากอยู่
______________________________________________________________________
☆ ดีเทคเบล
เชอร์น่าเมาส์ถูกฝังอยู่ที่ด้านนอกของลานเมือง พวกเธอวางเม็ดทานตะวันยักษ์ที่เธอชอบไว้ด้านบนหลุมศพและกลบหลุม เม็ดทานตะวันที่ตั้งอยู่บนเนินดินนั้นกลายเป็นป้ายหลุมศพของเธอไป
แน่นอนว่าเม็ดทานตะวันยักษ์นั้นไม่ใช่ของจริง เป็นเพียงส่วนหนึ่งของชุดเชอร์น่าเมาส์ สามารถกินได้ เธอเองก็ทำแบบนั้นบ่อยๆตอนที่รู้สึกเบื่อ เธอเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ซื้อเสบียงอะไรที่ร้านค้า
ลาพิส ลาซูไลน์ อิจฉาเธอมาก
ตอนนี้พวกเธอกำลังหารือเรื่องแผนในอนาคต ส่วนลาพิส ลาซูไลน์นั้นก็ยังสะอึกสะอื้นอยู่
ดีเทคเบลหันไปหาเมลวิลล์ เมลวิลล์มองมาที่ดีเดทเบล เมื่อตอนที่เธอจะพูด เธอก็หยุดมันไว้ก่อนที่เสียงจะออกมา ในตอนนั้นเมลวิลล์ก็พูดขึ้น
“ฉานจาออกจากปาเต้เน้”
“…หือ?”
เมลวิลล์ดูไม่แยแสกว่าปกติ
“พวกราวยางม่ายรู้วว่าคายเปนโคนทอระยด เชอน่าเองก้อถูกฆ่า ฉานเชื่อคายม่ายด้ายอีกแล้ว ขออาพัยด้วย”
“เมลวี่พูดว่า…’พวกเรายังไม่รู้เลยว่าใครคือคนทรยศ แต่มันยังอยู่กับเรา เชอร์นี่เองก็ถูกฆ่า ฉันเชื่อใจใครไม่ได้อีกแล้ว ขออภัยด้วย แต่ฉันจะออก…’ เดี๋ยวสิ เมลวี่!?”
ลาซูไลน์เช็ดน้ำตากับน้ำมูกของเธอด้วยแขนเสื้อ และเอามือไปแตะไหล่ของเมลวิลล์
“จะออกจากลุ่มงั้นเหรอ!? แต่ตอนนี้ทุกคนต้องร่วมมือกันนะ! ออกไปไม่ได้นะ เมลวี่!”
“เทอจาปายด้วยหมาย? ถ้าปาย ฉานก็ม่ายห้ามหรอกนะ”
“เค้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น! แต่ถ้าเมลวี่จะไปอ่ะ เค้าคัดค้านสุดตัวเลย!”
เมลวิลล์ปัดมือของลาซูไลน์ออก แต่ลาซูไลน์เองยังคงพยายาม เมลวิลล์จึงเตะเบาๆที่พื้น และยืนอยู่เหนือหลุมศพเม็ดทานตะวัน เป็นไปไม่ได้ที่ลาซูไลน์ที่จะเดินข้ามป้ายหลุมศพนั่นไป เธอจึงเดินอย่างระมัดระวัง
ดีเทคเบลพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง เธอปล่อยให้เมลวิลล์ออกจากปาร์ตี้ไปไม่ได้ มันต้องมีอะไรซักอย่าง ซักอย่างที่เธอพูดแล้วทำให้เมลวิลล์เปลี่ยนใจได้ ทำให้เธออยู่ที่นี่
เธอคิดแล้วคิดอีกแต่ก็นึกอะไรไม่ออกเลย
“ที่เธอพูดแบบนั้นหมายความว่าไม่เชื่อใจฉันงั้นเหรอ?”
คำพูดที่ออกจากปากดีเทคเบลนั้นเป็นอะไรที่เย็นชาอย่างที่สุด
ดีเทคเบลเลียริมฝีปากตัวเอง แต่มันแห้งมากเพราะไม่มีน้ำเลย
“เธอไม่ห้ามลาซูไลน์ที่จะไปด้วยกับเธอเลย แถมเธอยังจะออกจากปาร์ตี้อีก แบบนี้มันหมายความว่าไม่เชื่อใจฉันใช่ไหม?”
“มั่ย”
ร่างกายของเมลวิลล์จางหายไป เสื้อผ้า ธนู ฉมวก ทุกอย่างหลอมละลายเข้ากับสีของทุ่งร้างแห่งนี้
“อย่าข้าวจายผิดศิ ฉานเชื่อเทอ เบล พ้อแบบนี้ฉานถึงฝากเลื่องอื่นห้ายเทอ
ฉานจาปายล้างแค้นห้ายเชอน่า”
“เมลวี่…พยายามบอกว่า…’อย่าเข้าใจผิดสิ ฉันจะตามหาคนที่ฆ่าเชอร์น่าแล้วล้างแค้นให้เธอ ในตอนนี้ช่วยพยายามเคลียเกมด้วย’”
“คนที่ฆ่าเชอร์น่าไม่ใช่มาสเตอร์หรอกเหรอ?”
ไม่ว่าเธอจะคิดยังไงมันคงไม่มีทางอื่น ตอนนั้นจำนวนแคนดี้ในเมจิคัลโฟนของเชอร์น่าเมาส์เปลี่ยนไปในทันที ซึ่งก่อนหน้านั้นจำนวนมันยังเท่ากับคนอื่นอยู่เลย
ดีเทคเบลยืนอยู่ข้างๆเธอดังนั้นไม่ผิดแน่ เมื่อพวกเธอหยิบเมจิคัลโฟนของเชอร์น่าขึ้นมาดู
ด้วยเหตุอะไรก็ไม่ทราบได้ เธอกลับมีแคนดี้น้อยกว่าทุกคนอยู่ 1 ชิ้น
ไม่ต้องพูดถึงเลย ทั้งเรื่องที่ของแคนดี้และไอเท็มที่เกิดอะไรแบบนี้ขึ้นมันเป็นไปไม่ได้
แต่เรื่องเป็นไปไม่ได้นั้นก็เกิดขึ้น มีเพียงคนเดียวที่สามารถทำแบบนี้ได้
มาสเตอร์
“แม้กิจกรรมนี้จะจัดขึ้นเพื่อทำให้เกิดคนแพ้ แต่พีเฟิลก็เจอช่องโหว่และใช้ช่องโหว่นั้นให้เป็นประโยชน์ แบบนั้นจึงทำให้มาสเตอร์โกรธ เธอจึงเปลี่ยนกฎของเกม กำจัด 1 คนตามแผนเดิม
โดยการเอาเมจิคัลแคนดี้ 1 ชิ้นออกไปเลยทำให้ไม่มีใครพูดอะไรได้เลย”
“เผดแล้ว นึกเถิงฟาลศิ หมอน่านลู้ความเจง”
“ผิดแล้ว นึกถึงฟาลสิ หมอนั่นรู้ความจริง”
“มานม่ายช่ายช่องโหว่ หมอน่านพายายามช่วยโผ้เล่ง”
“มันไม่ใช่ช่องโหว่ หมอนั่นหาทางออกให้ผู้เล่น ใช่ไหม?”
” มาสเต้อน่านวางแผนว้ายแล้ว เทอม่ายโกดหรอก”
“ในตอนเริ่มต้น มาสเตอร์วางแผนให้พวกเราหาคำตอบที่ถูกอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลที่เธอต้องโกรธเลยซักหน่อย”
“ตอนน้าน เท่ทูกโคนกำลางกัว แต่บางโคนกาบยิ้ม”
“ย้อนกลับไป ตอนที่พวกเราทุกคนรู้สึกกลัวกันอยู่มีบางคนกลับยิ้มแทน”
“ตอนเท่เชอน่าโล้ม แต่บางโคนกาบยิ้ม”
“ตอนที่เชอร์น่าล้มลง มีบางคนกลับยิ้มแทน”
“เจโนซายโกบอกว่าห้ายลาวังโคนทอระยด”
“จีโนไซโคส่งข้อความบอกพวกเราว่าให้ระวังคนทรยศ เธอบอกว่ามีคนทรยศอยู่ในหมู่พวกเรา”
“โคนโคนน้านคือโคนร้าย ฉานจาไปหามานห้ายเจอ”
“ไม่ว่าจะเป็นใคร มันก็คือคนร้าย และฉันจะไปหามันให้เจอ”
เมื่อเมลวิลล์พูด ลาซูไลน์ก็จะแปลสิ่งที่เมลวิลล์พูดซ้ำอีกครั้ง เมลวิลล์ค่อยๆหายตัวไปช้าๆจนมองไม่เห็น เธอหยุดพูด ลาซูไลน์กำลังรอที่จะแปลสิ่งที่เธอพูดอยู่ แต่เมลวิลล์ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก”
“หือ… เมลวี่หายไปแล้ว!”
เธอวิ่งข้ามหลุมศพ โบกมือทั้งสองข้างของเธอออกกว้าง แต่ก็ไม่ได้สัมผัสกับอย่างอื่นนอกจากอากาศ เมลวิลล์หายไปและมุ่งหน้าไปไหนซักที่
ดีเทคเบลเปิดเมจิคัลโฟนของเธอ ดูที่หน้าข้อมูลปาร์ตี้ ชื่อของสมาชิกในปาร์ตี้นั้นจะแสดงอยู่ตรงนี้
มีชื่อของดีเทคเบล, ลาพิส ลาซูไลน์ และเชอร์น่าเมาส์อยู่
ชื่อของเมลวิลล์หายไปแล้ว
ตามที่ฟาลบอก มันง่ายที่จะเข้าหรือออกจากปาร์ตี้ แน่นอนว่าง่ายมากๆ
“ลาซูไลน์”
“อะไรอ่ะ? เจอวิธีที่จะเรียกเมลวี่กลับมาแล้วเหรอ?”
“ขอยืมเมจิคัลโฟนหน่อยได้ไหม?”
“ก็ได้นะ แต่เพื่ออะไรเหรอ?”
ลาพิส ลาซูไลน์ยืนเมจิคัลโฟนของเธอมาให้ โดยปกแล้วมันก็ไม่มีอะไรต่างกัน
ดีเทคเบลวางนิ้วของเธอลงบนหน้าจอรูปหัวใจ และหน้าจอก็แสดงผลขึ้นมา
จากตรงนั้นเธอก็เลื่อนไปเห็นที่อยู่ของลาซูไลน์
“โทษที กดผิดน่ะ”
เธอกดย้อนกลับไป และเข้าไปยังหน้าจัดการปาร์ตี้ ตรงนี้ก็เหมือนกับเมจิคัลโฟนของดีเทคเบล
มีชื่อของคนสามคนอยู่ ยกเว้นเมลวิลล์
เธอคลิกไปที่ชื่อของเชอร์น่าเมาส์ และเลือกลบเธอออกไป ทีนี้ทีมก็เหลือกันแค่ 2 คนเท่านั้น เหมือนว่าผู้รอดชีวิตต้องคอยลบผู้เสียชีวิตออกจากปาร์ตี้
ดีเทคเบลคืนเมจิคัลโฟนกลับไปให้ลาซูไลน์ และดึงหมวกนักสืบของตัวเองลงเล็กน้อย เธอรู้สึกเหมือนอยากร้องไห้ แต่ไม่อยากให้ใครเห็น
“เมลวี่…เธอบอกว่าจะไปหาคนร้ายใช่ไหมนะ? มันมีคนร้ายอยู่จริงเหรอ?”
นั่นเธอคุยกับดีเทคเบลรึเปล่า? หรือว่าคุยกับตัวเองกันนะ?
แต้ดีเทคเบลก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ลาซูไลน์เองก็ไม่ได้พูดอะไร ดังนั้นคงเป็นอย่างหลัง
ดีเทคเบลขบฟันตัวเอง ขยับกรามไปมา ความเศร้าเสียใจและอับจนหนทางเริ่มปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ตราบใดที่เชอร์น่าเมาส์ยังอยู่ที่นี่ เธอจะยืนหยัดปกป้องทุกคน ดีเทคเบลก็ไม่ได้คิดว่าจะมีเรื่องอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น ถึงเธอจะใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองขับไล่ปาร์ตี้อื่นออกไป แต่เธอก็ยังเป็นมิตรที่ไว้ใจได้อยู่ดี
เชอร์น่าเมาส์ถูกฆ่าโดยไร้เหตุผล ตรงกันข้ามกับความแข็งแกร่งของเธอ
แม้ดีเทคเบลจะเป็นผู้นำปาร์ตี้ แต่เชอร์น่าเมาส์นั้นเป็นแกนหลักของปาร์ตี้ถึงคนที่จะสั่งเธอได้มีแต่เมลวิลล์ก็ตาม ตอนนี้ไม่มีเชอร์น่าเมาส์อีกแล้ว เมลวิลล์เองก็ออกไป เหลือแค่เพียงดีเทคเบล
เหมือนว่าลาซูไลน์เองก็ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังด้วย แต่เธอก็แตกต่างจากดีเทคเบล เมลวิลล์นั้นชวนเธอให้ออกไปด้วยกัน เธอบอกว่าจะไม่ห้ามหากมาด้วยกัน นั่นหมายความว่าไปตั้งปาร์ตี้ใหม่กับเธอก็ได้
ซึ่งมันหมายความว่า เหตุผลที่เมลวิลล์ออกไปจากปาร์ตี้คือดีเทคเบล
เธอไม่เชื่อใจดีเทคเบลงั้นเหรอ? หรือว่าดีเทคเบลไม่สำคัญกับเธอกันแน่นะ? เมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้มันทำให้เธออยากจะร้องไห้
ดีเทคเบลนั้นเป็นผู้นำเพียงแค่ในนาม เธอไม่ได้ทำอะไรสำเร็จเลย ไม่เคยเปิดพื้นที่ใหม่ซักครั้ง ทั้งหมดนั่นถูกปาร์ตี้อื่นทำไปแล้ว
ภายในเกมเองเวทมนตร์ของดีเทคเบลก็ไร้ประโยชน์ ถึงเธอจะมีประสบการ์การเป็นนักสืบก็จริง แต่นั่นก็เป็นเพียงความรู้ที่เธออ่านมาจากนิยายสืบสวน
แม้จะใช้เวทมนตร์ของตัวเองไม่ได้ ตัวฉันเองก็ยังคงมีประโยชน์
แต่เมื่อเกมเริ่มขึ้น เธอเปิดพื้นที่ใหม่ไม่ได้ ไม่มีทักษะความเป็นผู้นำอีก สิ่งที่เธอแนะนำเชอร์น่าเมาส์กับเมลวิลล์ไปเองก็ถูกเมินเฉย
“ถ้าคนที่ฆ่าเชอร์นี่อยู่ข้างนอกนั่น เค้าจะไม่ปล่อยไปหรอก! มันอันตรายมากๆเลยนะที่ปล่อยให้คนแบบนั้นอยู่โดยไม่มีการลงโทษ ใช่ไหม?”
ดีเทคเบลมองไปที่ลาพิส ลาซูไลน์ คนที่ไม่รู้จักเกรงกลัวอะไร เมลวิลล์ชวนลาซูไลน์ไปด้วย
เธอชวนลาซูไลน์ออกจากปาร์ตี้ของดีเทคเบล
ภายใต้หมวกนักสืบของเธอ ดีเทคเบลนั้นจ้องไปที่ลาซูไลน์ เด็กสาวชุดสีฟ้าทุบอกด้วยมือขวาของตัวเองแล้วพูดย้ำกับเธอว่า
“ไม่ต้องห่วงอะไรหรอกนะ! ตราบใดที่เค้า ลาพิส ลาซูไลน์ อยู่ที่นี่ เบลซี่จะปลอดภัยแน่นอน!”
______________________________________________________________________
อีกไม่นานก็จะถึงช่วงพักเกม ดีเทคเบลต้องกลับสู่ความเป็นจริง กลับไปเป็นชิโนบุ ฮิโอกะ
ไม่ใช่เมจิคัลเกิร์ล แต่เป็นมนุษย์อีกครั้ง กระนั้นภายในใจของเธอยังคงอัดอั้น
เธอต่อยกำแพงของอพาร์ทเมนท์ แล้วก็ติดต่อไปที่ออฟฟิสของเธอ ขอลาหยุด 10 วัน เธอทำแบบนี้ติดกัน 2 ครั้งจะถูกไล่ออกไหมนะ? หรือว่าจะกังวลว่าเธอไปไหนกันแน่? เธอบอกแค่เรื่องสำคัญและปิดมือถือตัวเองไป
เธอเอาเมจิคัลโฟนออกมา เข้าอินเตอร์เน็ต เธอจำรหัสพื้นที่จากเมจิคัลโฟนของลาพิส ลาซูไลน์เอาไว้ สืบจากเรื่องนั้นและชื่อเมืองของเธอที่อาศัยอยู่ก็ปรากฎออกมาทันที
ดีเทคเบลเขียนลงไปในสมุดจด และค้นหาตารางเดินรถ
ดีเทคเบลใช้เวทมนตร์ของเธอในเกมไม่ได้ แต่ในความเป็นจริงนั้นกลับกัน
ก่อนอื่น ลาพิส ลาซูไลน์ ต้องหาพื้นที่ที่เธออยู่ แบบเดียวกับที่เธอทำตอนสืบหาตัวจริงของเมจิคัลเดซี่
เพื่อเข้าใกล้ความจริงนั้นดีเทคเบลก็ต้องเสาะหาข้อมูลในความเป็นจริง อย่างที่เมลวิลล์พูด
หากมีเมจิคัลเกิร์ลที่ติดต่อกับมาสเตอร์ ดีเทคเบลต้องหาให้เจอว่าเป็นใคร
เธอหันหลังกลับไม่ได้
หากคนๆนั้นเป็นเมจิคัลเกิร์ลที่ใสซื่อบริสุทธิ์ก็จะเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์แน่
และเธอก็จะเพิ่มคนที่สามารถเชื่อใจได้อีก 1 คน
แต่เรื่องของลาพิส ลาซูไลน์ต้องมาก่อน คนในปาร์ตี้ถูกฆ่าตาย แถมอีกคนในปาร์ตี้ก็แยกตัวออกไปอีก แต่ตัวเธอก็ยังดูไม่เป็นอะไร ตัวตนของเธอเป็นแบบนั้นหรือมีอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลังกันแน่?
ดีเทคเบลต้องหาคำตอบให้ได้
______________________________________________________________________
☆ เพจิกะ
เกมเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในพื้นที่ทุ่งร้าง ไม่ว่าจะล็อกเอาท์ตรงจุดไหนในเกม เมื่อเริ่มเกมอีกครั้งก็จะมาเริ่มที่พื้นที่ทุ่งร้างเหมือนกันหมด สั้นๆคือพวกเธอกลับมาสู่จุดเริ่มต้นเกมอยู่ตลอด หลังจากนั้นเธอก็เปิดแผนที่ขึ้นมาเพื่อยืนยันตำแหน่งของสมาชิกในปาร์ตี้ เหมือนกับคราวที่แล้วที่เธอมาที่นี่
ตัวของพื้นที่ทุ่งร้างนั้นไม่ได้เปลี่ยนไป ท้องฟ้านั้นยังคงเป็นสีฟ้า แสงแดดก็แรงกว่าปกติ พื้นดินแห้งแล้ง สิ่งก่อสร้างที่พังทลาย บางครั้งก็มีลมพัดจนฝุ่นควันฝุ้งกระจาย และทุกครั้งเพจิกะก็ต้องขยี้ตาตัวเอง
เพจิกะเจอกับแคลนเทลก่อน คนที่โผล่ออกมาจากเส้นขอบฟ้าและในที่สุดก็ปรากฎตัวต่อหน้าเธอ
แม้ความเร็วของเธอนั้นจะสู้วีลแชร์ของพีเฟิลไม่ได้ แต่ถ้าแคลนเทลวิ่งด้วยความเร็วเต็มที่ล่ะก็
จะเร็วกว่าสัตว์ที่เธอแปลงร่างเลยล่ะ
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ” เพจิกะพูด
“อื้อ”
เธอพูดน้อยอย่างเคย แคลนเทลก้มตัวลงและหันหลังให้เพจิกะขึ้นขี่ หน้าท้องของเธอ…ไม่ใช่ของสัตว์นี่นา เพจิกะกำลังจับหน้าท้องของมนุษย์อยู่
ตอนที่พวกเธอเจอกันครั้งแรก เพจิกะจำได้ว่าเธอถูกมัดอยู่บนหลังของแคลนเทลและมีใยแมงมุมมัดอยู่ด้วย ในวันนั้นเป็นเรื่องปกที่เพจิกะจะกลัวรูปลักษณ์ของมอนเตอร์ แต่ตอนที่สู้กับมังกรเพจิกะก็เคยชินกับมันแล้ว
เธอนั่งอยู่บนส่วนที่สัตว์ของแคลนเทล แต่เมื่อเธอเอื้อมมือไปด้านหน้าสัมผัสกับส่วนที่เป็นมนุษย์ เธอก็พบเรื่องที่น่าสนใจว่าส่วนที่เป็นสัตว์กับส่วนที่เป็นมนุษย์นั้นมีอุณหภูมิต่างกัน
“แคลนเทล”
“หืม?”
“ส่วนที่เป็นมนุษย์กับส่วนที่เป็นสัตว์นี่อุณหภูมิต่างกันสินะคะ?”
เธอไม่ได้ตอบอะไร เพจิกะที่นั่งอยู่บนตัวของแคลนเทลมองไปที่ใบหน้าของเธอ แก้มของเธอกลายเป็นสีชมพู นี่ทำให้เธอโกรธเหรอเนี่ย? แค่อยากสนิทกับเธอมันก็ไม่ได้หมายความว่าจะพูดอะไรก็ได้
เพจิกะรีบขอโทษเธออย่างรวดเร็ว แต่อยู่ดีๆแคลนเทลก็กระโดด เพจิกะที่ทรงตัวไม่ได้จึงยิ่งจับเธอแน่นเข้าไปอีก
เมื่อเพจิกะมองจากด้านหลังของแคลนเทล เธอก็เห็นหินก้อนใหญ่ 3 ก้อน เพจิกะคิดว่าเธอต้องกระโดดข้ามไปแน่ๆ
ถึงจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เพจิกะก็เกือบจะพลัดตกลงมา เธอคงทำให้แคลนเทลโกรธแน่ๆเลย
“เอ่อ…ขอบคุณนะคะที่ให้ฉันขี่หลังทุกครั้งที่รวมตัวกันเลย”
“ไม่มีปัญหา”
เสียงของแคลนเทลนั้นฟังดูเบา
“ขอบคุณเธอเหมือนกัน…ที่คอยทำอาหารให้พวกเราตลอด…”
คำพูดของเธอเหมือนจะถูกกลบด้วยเสียงกีบเท้า แต่เธอก็พูดขอบคุณ
แสดงว่าไม่ได้โกรธใช่ไหมนะ?
แคลนเทลชูหอกขึ้นและชี้ไปด้านหน้า
“ทางนี้”
คนที่โบกมืออยู่คือมิโยคาตะ โนนาโกะ กับมังกรเพื่อนของเธอนั่นเอง
“ฮ่าฮ่าฮ่า! เหมือนพวกเราไม่ได้เจอกัน นาน เป็นร้อยปีเลยเนอะ!”
โนนาโกะจับมือของแคลนเทลเขย่าขึ้นลง และมือของเพจิกะที่ยังอยู่บนหลังม้าด้วยเช่นกัน
เพราะแรงนั้นเพจิกะจึงถูกดึงลงมาจากหลังม้า ถึงจะลงมาแล้วโนนาโกะก็ยังไม่ปล่อยมือของเธอ
เธอจับเพจิกะหมุนไปมาเป็นวงกลม
“ฮะฮะฮะฮะฮะฮ่า! ตื่นเต้นสุดๆเลย!”
คงเป็นการแสดงอารมณ์ของเธอตอนนี้สินะเนี่ย
หลังจากที่หมุนเพจิกะจนพอใจ ในที่สุดเธอก็ปล่อยเพจิกะ เพราะเธอหายใจหอบจนไหล่สั่น
มังกรของเธอก็มองด้วยความเป็นห่วง
“โอ๊ะ…สงสัยจะตื่นเต้น เกินไปหน่อย”
“โอเคไหมคะ?” เพจิกะถามเธอ
“โอเคจ้า โอเค… ไม่มีปัญหา อะไรหรอก เอาล่ะ ไปกันเถอะ! ยัยตุ๊กตานั่นมาสายอีกแล้ว
ดิฉันจะ บ่น ให้หูชาเลยคอยดูสิ”
ทั้งสามคนเริ่มมุ่งหน้าไปที่จุดที่ริโอเน็ตต้าอยู่ ในขณะที่วิ่งไปนั้น โนนาโกะก็หัวเราะ บางครั้งเธอก็หัวเราะไปพร้อมๆกับมังกรของเธอ
เพราะเธอดูสดใสร่าเริงมาก จึงทำให้เพจิกะรู้สึกดีไปด้วย แม้แต่แคลนเทลที่เดิมทีเป็นคนเงียบๆ
ก็ยังยิ้มให้กับการกระทำของเธอ
จากเรื่องเมื่อคราวแล้ว มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับพวกเธอที่จะรู้สึกมีความสุข แต่ในคราวนี้ทุกคนนั้นรู้สึกตรงกันข้าม ราวกับว่าถ้าทำตัวสนุกสนานเข้าไว้ มันก็จะกลายเป็นความสนุกสนานจริงๆขึ้นมาก็ได้
ในตอนที่เพจิกะตกอยู่ในห้วงความที่หม่นหมอง พวกเธอก็มาถึงจุดที่ริโอเน็ตต้าอยู่ เธอยืนกอดอก นิ้วชี้ของเธอแตะอยู่ที่ต้นแขน
“สายย่ะ!”
เธอเป็นคนเดียวเลยที่ไม่แอบซ่อนอารมณ์ไม่ดีของตัวเองไว้
“ทำไมต้องให้ฉันรอจนถึงป่านนี้ด้วยเนี่ย? มัวทำอะไรกันอยู่ถึงใช้เวลานานขนาดนี้น่ะหา? ช่วยอธิบายมาด้วยจะเป็นพระคุณมาก!”
“เห็นไหมล่ะ? อย่างที่ดิฉันพูดเลยใช่ไหม ต่อให้วิ่งมาระดับความเร็วเสียง ยัยนี่ก็ ยังคง บ่นอยู่ดี!”
“โฮ่? นี่ฉันได้ยินอะไรกันล่ะเนี่ย? นี่เธอถึงขนาดนินทากันลับหลังแล้วเหรอ? อ่า ช่างสมกับเป็นวัฒนธรรมปรับตัวได้ยอดเยี่ยมสุดๆ! ในที่เธอก็เรียนรู้สิ่งสำคัญของวัฒนธรรมญี่ปุ่นแล้วสินะ น่าประทับใจจริงๆ”
“ดิฉันแค่พูดความจริง! ถ้าเธอไม่พอใจล่ะก็ ควรกลับเนื้อกลับตัวซะไม่ใช่รึไง?”
“เธอนี่ผีเจาะปากมาพูดรึไงเนี่ย”
“เก็บคำพูดนั้นไว้บอกตัวเองเถอะ!”
พวกเธอโต้เถียงกันไม่เคยเหนื่อยเลย
แคลนเทลหันกลับไปอย่างเงียบๆและวิ่งตรงไปที่เมืองทุ่งร้าง ริโอเน็ตต้ากับแคลนเทลนั้นยังคงโต้เถียงกันในขณะที่วิ่งตามหลังไป มังกรก็บินตามไปด้วยเช่นกัน เพจิกะเองก็วิ่งไล่หลังตาม แต่อยู่ดีๆเธอก็หยุดเท้าทันที
ฟุดฟิด
เธอดมกลิ่นด้วยจมูกของตัวเอง
ฟุดฟิด ฟุดฟิด
เธอดมกลิ่นอีกครั้งและอีกครั้ง พยายามจะดมกลิ่นนั่น มันเป็นกลิ่นดอกไม้จางๆที่ลอยอยู่ในอากาศ เป็นสิ่งที่ดูไม่เข้ากับดินแดนทุ่งร้างเลย มันไม่ใช่กลิ่นดอกไม้หายากก็จริง แต่บอกได้ว่ามันเป็นดอกไม้ที่หาได้ทั่วไป มันคือดอกไม้คืออะไรกันนะ?
“เพจีก่าาาา…เดี๋ยววว.. ก็.. ถูกกก…ทิ้งงงงง…หรอกกก… มาเร็ววว!”
เพจิกะกลับสู่ความเป็นจริง ด้านหน้าของเธอมองเห็นเด็กผู้หญิง 3 คนและสัตว์หนึ่งตัวอยู่ไกลๆ ทั้งหมดหยุดเท้าและหันกลับมามองเธอ มิโยคาตะ โนนาโกะนั้นเอามือป้องปากไว้แล้วพยายามตะโกนเสียงดัง แต่เพจิกะได้ยินเสียงขาดๆหายๆเพราะระยะห่าง เพจิกะวิ่งเข้าหาพวกเธออย่างรวดเร็ว
______________________________________________________________________
“ทางนี้! แดงหนึ่ง, เขียวหนึ่ง!” ริโอเน็ตต้าพูด
เธอหลอกล่อมังกรที่เป็นศัตรูเข้าหาแคลนเทล และแคลนเทลนั้นแทงหอกของเธอรวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาด มังกรแดงนั้นถูกเผาและไปกระแทกเข้ากับผนังหิน
พวกเธอล่ามังกรกันในพื้นที่ใต้ดิน ต้องขอบคุณพฤติกรรมของมังกรที่ทำอะไรซ้ำๆจนพวกเธอจำรูปแบบของมันได้ หมายความว่าพวกเธอสามารถล่าพวกมันซ้ำๆได้เรื่อยๆ
พวกเธอใช้ยาฟื้นพลังที่เพจิกะเก็บเอาไว้ไม่มาก
เหมือนอย่างที่ริโอเน็ตต้าพูดไว้คราวที่แล้ว เมื่อเชอร์น่าเมาส์ไม่มีกวนพวกเธอแล้วมันเป็นอะไรที่ดีมาก ถึงไม่มีเชอร์น่าเมาส์ หากเมลวิลล์ไม่ก็ลาพิส ลาซูไลน์พยายามจะทำแบบเดียวกัน ก็ไม่จำเป็นต้องกังวล ตอนนี้พวกเธอจะไปล่าที่ไหนก็ได้แล้ว
สนามล่าที่ปาร์ตี้ของดีเทคเบลยึดครองไว้นั้นคือ ห้องโถงสมบัติมังกร ที่ๆมีมังกรสามสีอยู่ พวกเธอฆ่ามันตัวแล้วตัวเล่าเพื่อสะสมไอเท็มและแคนดี้
“ฉันอยากได้อาวุธใหม่” ริโอเน็ตต้าพูด “อาวุธปัจจุบันสู้กับมังกรได้ก็จริง แต่มันต้องคิดเผื่ออนาคตด้วย ที่ร้านค้าใต้ดินพวกเราซื้ออะไรไม่ได้เลยเพราะมันแพงเกินไป”
“พวกเราซื้อไอเท็ม R ได้ไหม?” โนนาโกะถาม “ถ้าพวกเราได้ไอเท็มที่สวมใส่ล่ะก็ ดิฉัน แน่ใจ ว่าต้องดีแน่ๆ”
เพจิกะเองก็เสริมว่า “ถ้าพวกเราหาชุดปฐมพยาบาลเจอล่ะก็ พวกเราก็จะใส่ยาฟื้นพลังลงไปเยอะๆด้านในได้ค่ะ ฉันอยากจะตุนยาฟื้นพลังไว้เยอะๆด้วย”
ซื้อไอเท็มมากขึ้น เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม และล่ามังกรมากขึ้นอีก แล้วหลังจากนั้นเพจิกะก็ทำอาหารให้ทุกคน
ริโอเน็ตต้ากับโนนาโกะทั้งคู่ตกตะลึงกับมื้ออาหาร แคลนเทลเองก็เช่นกัน แต่เธอแสดงความรู้สึกผ่านทางหางตัวเองเท่านั้น
ตอนที่เปิดไอเท็ม R พวกเธอได้ช้อนกับส้อม จานและชาม ไม่ใช่แค่อาหารแต่อุปกรณ์การกินก็ด้วยเช่นกัน เพราะแบบนี้มันจึงกลายเป็นมื้ออาหารที่สมบูรณ์แบบ
ต่อสู้, ติดตั้งไอเท็ม, กิน พวกเธอทั้งหมดหนีจากความเป็นจริง พวกเธอเดินหน้าไปเรื่อยๆเพราะถ้าไม่ทำแบบนั้นพวกเธอจะกลายเป็นบ้ากันหมด
เชอร์น่าเมาส์ที่ตายโดยไร้เหตุผล มันเป็นเหตุผลที่มากพอที่จะยอมแพ้เกมนี้ กลุ่มของเพจิกะนั้นไม่มีทางเลือกนอกจากเล่นเกมต่อไป เพจิกะหลับตาลง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถึงจุดจบที่ไร้เหตุผลของเธอ เธอไม่มีทางเลือกนอกจากไม่คิดถึงมัน
พวกเธอเดินหน้าต่อ สำรวจทุกตารางนิ้วในพื้นที่ใต้ดิน และค้นหาคำใบ้ ในพื้นที่ใต้ดินนี้มันกว้างพอที่จะใส่พื้นที่ทุ่งร้างกับพื้นที่ทุ่งหญ้ามาทั้งคู่ มันมีพื้นที่ให้สำรวจอยู่มากแต่มันก็ทำได้เชื่องช้าเพราะต้องกำจัดมังกรไปด้วย
“ตามที่ข้อความบนหินสีแปลกๆบอกไว้ว่า มันมีราชามังกรอยู่ที่ไหนซักแห่งด้วยค่ะ” เพจิกะพูด
“ราชา? หมายความว่าจะดรอปแคนดี้เยอะๆใช่ไหม?” โนนาโกะพูด
“บอกว่าอยู่แถวๆบังลังค์สีแดงของมันน่ะ” ริโอเน็ตต้าเสริม
จนถึงตอนนี้ พวกเธอยังไม่เคยเจอทางที่เปิดไปยังพื้นที่ใหม่ซักครั้ง เพราะว่าปาร์ตี้ของเธอไขปริศนาไม่เก่ง แม้ว่าเพจิกะไม่ใช่สายต่อสู้แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอหัวดี ริโอเน็ตต้ากับโนนาโกะเองเมื่อเจอรหัสก็ร้องโอดโอย ส่วนแคลนเทลก็บอกตั้งแต่ต้นว่าเธอไม่เก่งเรื่องนี้
“เหล่ามังกรมีราชา” “ที่ด้านข้างบัลลังค์เป็นสีแดง” “ใต้เมือง” “34,41,16” “น้ำและโล่ขนาดใหญ่”
“แว่นตาแห่งอดีต” “สิ่งที่จะได้รับจากความตาย” “ให้ผู้เชี่ยวชาญจัดการ”
พวกนั้นคือคำใบ้ที่ไม่คุ้นเคยที่พวกเธอรวบรวมมาได้ และพวกเธอก็ยังคิดคำตอบไม่ออก พวกเธอฝากการเปิดพื้นที่และรวบรวมคำใบ้ให้ปาร์ตี้อื่นจัดการ ส่วนเป้าหมายหลักของพวกเธอก็คือการล่ามังกร
“มัน…ช้าจังแหะ” ริโอเน็ตต้าพึมพำขณะกินอาหาร
“ช้าอีกแล้วงั้นเหรอ? เธอ นี่เอาแต่พูดเรื่องเวลาจังนะ!”
ริโอเน็ตต้าไม่สนโนนาโกะที่กำลังจิบชาและพูดต่อไป
“มันควรได้เวลาที่ใครซักคนจะเปิดพื้นที่ใหม่แล้วไม่ใช่เหรอ? จนถึงตอนนี้ พื้นที่ใหม่มันถูกเปิดเร็วกว่านี้นี่นา”
“อ่า ใช่ค่ะ” เพจิกะเห็นด้วย “มันช้าจริงๆนั่นแหละ”
“ฉันไม่อยากทนอยู่ในที่ทั้งชื้นทั้งมืดแบบนี้เลย แต่ก็ช่างมันเถอะ
อ๊ะ เพจิกะ ในสเต็กซาลิสเบอรี่นี่ใส่อะไรลงไปเหรอ?”
(tlkun แฮมเบอร์เกอร์/yenpress สเต็กซาลิสเบอรี่)
“ฉันคิดว่าน่าจะเป็นเกล็ดขนมปังน่ะค่ะ”
“ยอดเลย” ริโอเน็ตต้าชม
“อย่างที่เธอพูดมัน ช้า จริงๆนั่นแหละ”
“คนโง่อย่างเธอนี่ ถ้าฉันไม่พูด คงไม่เข้าใจสินะ ใช่ไหม?”
“ประธาาานโทษ?”
“นี่ฉันกำลังชมอยู่นะ ทำไมเธอถึงไม่พอใจเนี่ย?”
“เอ่อ มีใครอยากได้อาหารเพิ่มไหมคะ?”
“เอา!”
“ฉันด้วย!”
เพจิกะเสิร์ฟอาหารให้โนนาโกะและริโอเน็ตต้า และส่งให้แคลนเทลอย่างเงียบๆด้วย เธอทำให้ตัวเองด้วยเช่นกัน เธอเริ่มใช้ช้อนของตัวเอง ตอนนี้เพจิกะรู้สึกเหมือนเป็นแม่คนยังไงก็ไม่รู้
พวกเธอเริ่มเคลื่อนไหวติดต่อกันมาหลายชั่วโมงแล้ว พอเมจิคัลโฟนของแคลนเทลเริ่มดังขึ้นทุกคนก็หยุดเดิน แคลนเทลตรวจดูเมจิคัลโฟนของเธอ ในขณะที่เพจิกะและที่เหลือชะโงกหน้ามองหน้าจอ เธอได้รับข้อความจากพีเฟิล
มันเป็นข้อความสั้นๆ
“พวกเราเจอภารกิจเคลียพื้นที่แล้ว แต่ตัวคนเดียวมันยากเกินไปที่จะเคลียได้
ฉันต้องการความร่วมมือจากพวกเธอ”
“ในที่สุดพวกเราจะได้ไปพื้นที่ใหม่แล้วสินะ” ริโอเน็ตต้าพูดพร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุข
______________________________________________________________________
☆ นกโกะจัง
ไม่มีใครสามารถระบุสาเหตุการตายของเชอร์น่าเมาส์ได้เลย นกโกะจังเองก็ไม่ได้เข้าไปเอี่ยวด้วย
อย่างน้อยบางทีคงจะมีบางทำแทน แม้จะมีคนคิดว่ามาสเตอร์อยู่เบื้องหลัง แต่จากบุคลิกของมาสเตอร์จนถึงตอนนี้ มันไม่มีทีท่าว่าเธอจะเอาความเสียเปรียบมาลงที่ผู้เล่นฝั่งที่ไม่เคารพกฎ
บางทีเชอร์น่าเมาส์คงถูกเกลียดราวกับเป็นตัวประหลาดในสายตาทุกคน ไม่มีใครชอบเมจิคัลเกิร์ลไปขวางไม่ให้คนอื่นเข้าสนามล่าดีๆแบบนี้หรอก บางทีเชอร์น่าเมาส์อาจจะแค่ทำตามคำสั่ง เป็นแค่สัญลักษณ์ของการกระทำ อีกอย่างก็พูดได้ว่าร่างกายกับความสามารถของเธอเอื้ออำนวยให้ทำการผูกขาดสถานที่แบบนี้ได้ตั้งแต่แรก
ชัยชนะในการดวลกับพีเฟิลนั้นก็ชัดเจน ขนาดวีลแชร์ของพีเฟิลที่ถูกดัดแปลงเป็นยานเกราะโดยการรวบรวมชิ้นส่วนมาเป็นจำนวนมากก็ยังเอาชนะเธอไม่ได้ ไม่มีใครสามารถเอาชนะเชอร์น่าเมาส์ได้ตราบใดที่เชอร์น่าเมาส์ยังอยู่ ดีเทคเบลก็จะได้ครอบครองสนามล่าจุดที่ดีต่อไป
ในการที่จะหยุดพวกเธอจากการครอบครองสนามล่านั้น มันเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องกำจัดเชอร์น่าเมาส์ทิ้ง แต่การใช้กิจกรรมเพื่อกำจัดผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดแบบนี้ไม่เหมือนกับสิ่งที่ผู้เล่นคนอื่นจะทำ ถ้าชีวิตนั้นถูกแขวนไว้กับการเคลียเกม การที่ผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดตายไปแบบนี้มันจะเกิดปัญหาแน่
ไม่มีทางที่ใครจะฆ่าเพียงเพราะเป็นอุปสรรคชั่วคราวหรอก
แต่ใครเป็นคนทำกันล่ะ?
ไม่มีผู้เล่นคนไหนที่จะได้ประโยชน์จากการฆ่าเธอเลย ไม่ใช่เรื่องที่ต้องโกรธเกลียดกันโดยไม่ต้องใช้ความคิดอะไรอีกด้วย เหตุผลที่มาสเตอร์ต้องฆ่าก็ไม่มี นกโกะจังรู้ว่าเธอไม่ใช่คนร้าย ไม่มีใครที่จะเรียกว่าคนร้ายได้เลย
มันเป็นกิจกรรมที่น่าขยะแขยงมาก ขนาด @เนี๊ยวเนี๊ยวก็ยังรู้สึกเหมือนกัน หากมีอะไรเกิดขึ้นเพียงนิดเดียวก็ทำให้กลายเป็นเหตุการณ์ที่สิ้นหวังกันได้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้น @เนี๊ยวเนี๊ยวก็ยังล่ามังกร,รวบรวมคำใบ้ และค้นหาจีโนไซโคต่อไป เธอให้เบอร์โทรกับปาร์ตี้อื่นไว้ หากเจอจีโนไซโคให้ติดต่อเธอด้วย
“มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่เลย รูว, เกิดสถานการณ์บางอย่างที่เธอออกมาไม่ได้ และเธอก็มาหาพวกเราไม่ได้ด้วยแน่ๆ รูว”
“เอ่อ…ใช่ค่ะ พูดถูก”
@เนี๊ยวเนี๊ยวเหมือนว่าจะพูดกับตัวเอง แต่หากเทียบกับคราวที่แล้ว ตอนนี้เธอก็ดูโอเคขึ้นเยอะ
ล่ามังกร, รวบรวมแคนดี้, ซื้ออุปกรณ์และไอเท็มต่างๆ ปาร์ตี้อื่นเองก็ทำเหมือนกันใช่ไหมนะ?
นกโกะจังไม่อยากเล่นเกมอีก เกมนี้เป็นสถานที่เดียวที่พวกเธอจะระบายอารมณ์โดยใช้พลังของเมจิคัลเกิร์ลออกมา นกโกะจังจึงโจมตีมังกรด้วยความโกรธแค้นและขุ่นเคืองของเธอ
จากนั้นพีเฟิลก็ส่งข้อความมา
“พวกเราเจอภารกิจเคลียพื้นที่แล้ว แต่ตัวคนเดียวมันยากเกินไปที่จะเคลียได้
ฉันต้องการความร่วมมือจากพวกเธอ”
ข้อความนั้นบอกว่าปาร์ตี้ของพีเฟิลรออยู่ในเมืองใต้ดิน หากพวกเธอช่วยได้ล่ะก็ช่วยมาด้วย
“แบบนี้พวกควรจะทำยังไงต่อเหรอคะ?”
“แน่นอน พวกเราต้องร่วมมือกันสิ รูว”
@เนี๊ยวเนี๊ยวนั้นไร้ซึ่งความกลัว ดวงตาของเธอก็ส่องประกายไปด้วยพลัง แต่เธอก็ยังคงมีความกังวล ที่เท้าของเธอมันดูไม่มั่นคง ต้องเผชิญหน้ากับวิกฤต เชื่อในตัวเพื่อน ไม่เคยถูกสยบ ไม่เคยถูกทำลาย นั่นคือแบบแผนของเมจิคัลเกิร์ล และเป็นสิ่งที่เรียกว่า “เมจิคัลเกิร์ลที่แท้จริง” ด้วยเช่นกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะรู้สึกทรมาณและหมดหวัง
@เนี๊ยวเนี๊ยวรู้อะไรรึเปล่านะ? ก่อนที่เธอจะกลับมาเป็นปกติ เธอพูดพึมพำอะไรบางอย่าง
เธอรู้สิ่งที่ทำให้ตัวเองต้องลุกขึ้นสู้ใช่ไหม?
______________________________________________________________________
ที่เมืองใต้ดิน หากเทียบพื้นที่เมืองอื่นแล้วก็ไม่ได้ต่างกันมาก สิ่งก่อสร้างนั้นทำมาจากหินและดูเก่า ไม่มีการสัญจรไปมา ไม่มีผู้คนอยู่ ถึงจะมีหน้าต่างแต่ก็ไม่มีกระจกหน้าต่าง มีเพียงข้อความของร้านค้าที่ต้อนรับพวกเรา
หากจะให้พูดถึงความแตกต่างล่ะก็ ที่นี่มีความชื้นสูง มีกลิ่นเชื้อราด้วย แถมมันมีอยู่ทุกที่
ไม่มีใครอยากอยู่ที่นี่นักหรอก
มีเมจิคัลเกิร์ลหลายคนอยู่ที่จุดนัดพบ
เซ็นทอร์, มิโกะ, เชฟ แล้วก็ตุ๊กตา ทุกคนอยู่ในปาร์ตี้ของแคลนเทล มิโกะกับตุ๊กตานั้นกำลังจ้องหน้ากันอยู่ เหมือนว่าจะทะเลาะกันแบบนี้จะเป็นอะไรไหมนะ?
ปาร์ตี้ของดีเทคเบลก็อยู่ที่นี่โดยไม่มีเชอร์น่าเมาส์ มีเพียงลาพิส ลาซูไลน์ แล้วก็ดีเทคเบล ส่วนเมลวิลล์…เธออยู่ไหนกันนะ? นกโกะจังหันมองไปรอบๆและพบว่าเธอนั่งอยู่บนหิน ห่างออกไปจากปาร์ตี้คนเดียว
ชาโดว์เกลนั้นแบกพีเฟิลไว้บนหลัง นกโกะจังกับ @เนี๊ยวเนี๊ยวเข้าหาพีเฟิลและเรียกเธอก่อน
“อ๊ะ ในที่สุดก็มา”
“ยังไม่ได้ซ่อมวีลแชร์อีกเหรอ รูว?”
“ไม่ใช่ซ่อมหรอก จริงๆมันต้องสร้างใหม่เลยน่ะ เปิดไอเท็ม R แล้วได้เก้าอี้บ้างรึเปล่า?”
“ขอโทษค่ะ” นกโกะจังพูด “พวกเราไม่ได้ซื้อไอเท็ม R เลย”
“งั้นเหรอ…ฉันถามทุกคนแล้วแต่ก็ไม่มีใครมีเก้าอี้เลย ถ้าเกิดพวกเธอได้เก้าอี้ล่ะก็
ช่วยเอามันมาให้ฉันเถอะ จะเป็นพระคุณมากเลย”
เมื่อพีเฟิลไม่มีวีลแชร์ ก็มีเพียงแค่ชาโดว์เกลคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำงานได้
แค่คิดดูก็เหมือนมีปัญหาแล้ว
เธอรู้เหตุผลที่พีเฟิลรวบรวมสมาชิกคนอื่นมาเพื่อเปิดพื้นที่ใหม่ ท่าทางของพีเฟิลนั้นไม่ได้ดูเจ็บปวดหรือทรมาณอะไร ที่เสื้อผ้าของเธอก็ไม่ได้มีร่องรอยสกปรกหรือบาดแผลตรงไหน แต่ถ้าเธอถูกชาโดว์เกลแบกอยู่แบบนี้มันก็ควรจะมีบาดแผลอะไรสิ
แต่คนที่ดูเหนื่อยจริงๆนั้นคือคนที่แบกเธออยู่ต่างหาก น้ำหนักของเด็กผู้หญิงหนึ่งคนนั้นไม่ควรจะเป็นภาระอะไรให้กับเมจิคัลเกิร์ลมากสิ แต่ทั้งต้องแบกเด็กผู้หญิง ต้องให้แน่ใจว่าเธอปลอดภัย ต่อสู้กับมอนเตอร์ ถ้าเธอไม่เหนื่อยก็คงแปลก
“เอาล่ะ ทุกคนมารวมตัวกันแล้ว”
ณ ทางเข้าของเมืองใต้ดิน มีเมจิคัลเกิร์ลทุกคนนอกจากยูเมโนะชิม่า จีโนไซโคมารวมตัวกันอยู่ พีเฟิลมองไปรอบๆ และสบตาไปกับทุกคน จนมาถึงคนสุดท้ายคือนกโกะจัง
“งั้นก็ตามฉันมาเลย ฉันจะอธิบายภารกิจเคลียพื้นที่ให้ฟังเอง”
พอพีเฟิลพูดจบ ชาโดว์เกลก็เดินออกไป ทุกคนก็เริ่มเดินตาม พื้นที่ใต้ดินนี้โดยธรรมชาติแล้วก็คือถ้ำ พื้นดินเป็นหินแข็งและลื่น มีน้ำหยดลงมาจากด้านบน ทำให้หลายๆที่ชื้นแฉะ ถ้าไม่ระวังตัวล่ะก็จะลื่นเอาได้ ตอนนี้ก็ได้ยินเสียงรองเท้าของคนอื่นด้วย เพราะมีคนเยอะจึงทำให้เสียงฟังดูอึกทึก มีเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ใส่รองเท้าคือแคลนเทล เสียงกีบเท้าของเธอส่งเสียงดังกว่าคนที่ใส่รองเท้าซะอีก
เมื่อเทียบกับพื้นที่ทุ่งร้าง, ทุ่งหญ้า และภูเขาแล้ว ถนนของที่นี่นั้นแคบกว่า เพราะแบบนั้นพวกเธอไม่ได้เดินกันแบบหน้ากระดานแต่เดินเป็นแถวตอนเรียงหนึ่งแทน
นกโกะจังมองตรงไปด้านหน้าจากตำแหน่งรองสุดท้ายจากด้านหลัง มองเห็นหลังของเมจิคัลเกิร์ลที่ดูไร้การป้องกันมาก ในหมู่พวกเธอมีคนที่มีเจตนาร้ายแผงอยู่ เธออาจโจมตีเข้าข้างหลังก็ได้ มีคนคิดแบบนี้บ้างไหมนะ? หรือว่าจะทำแบบนี้เพื่อพยายามหลอกล่อคนร้ายให้ออกมากันนะ?
หลังจากเดินไปได้ซักระยะขบวนก็หยุดเดิน และพีเฟิลก็พูดขึ้นมา
“จากนี้ไป พวกเราจะเข้าสู่เวทีเพื่อเปืดพื้นที่ถัดไปแล้ว! มีศัตรูที่อันตรายมากรออยู่ข้างหน้า! ทุกคนระวังตัวด้วย!”
พีเฟิลหยิบเอาแว่นออกมาจากเมจิคัลโฟนของเธอ เป็นดีไซน์สีเงินเรียบง่ายไม่มีอะไรตกแต่ง ดูไม่เหมือนของเท่าเมจิคัลเกิร์ลใส่กัน พีเฟิลใส่แว่นนั้นแต่มันดูไม่เข้ากับเธอเลย
“เอาล่ะ ตามฉันมา”
เมื่อพีเฟิลสั่ง ชาโดว์เกลก็เริ่มเดิน
“ขวาอีกนิดนึง ใช่ๆ ตรงนั้นแหละ” เธอพูดแนะนำแล้วดินตรงเข้าไปยังกำแพง และเมื่อสัมผัสกับกำแพงก็ถูกดูดเข้าไปด้านใน ในขณะที่เมจิคัลเกิร์ลส่งเสียงด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าของพีเฟิลก็โผล่ออกมาจากกำแพง
“จากตรงนี้ต้องเข้าไปด้านใน มันไม่กว้างมาก ระวังกันด้วย”
แคลนเทลที่เป็นคนที่สองเดินเข้าไป เธอเอามือสัมผัสกับกำแพงด้วยความกลัว นิ้ว ข้อมือ และแขนของเธอผ่านเข้าไปในกำแพงแล้วก็หายไป เหมือนว่ากำแพงนี้เป็นภาพสามมิติ แสดงว่านี่คือกำแพงลวงตาที่ด้านในมีทางเดินอยู่ และแว่นของพีเฟิลนั้นก็สามารถมองเห็นกำแพงแบบนี้ได้
เมื่อแคลนเทลผ่านเข้าไปในกำแพงแล้วแถวเริ่มขยับ คนที่เหลือก็เริ่มตามเข้าไป นกโกะจังเองก็สัมผัสกำแพงด้วยมือของเธอและก็ข้ามไปอีกฝั่งอย่างง่ายดาย
“ยอดเลย รูว, ดูเหมือนกำแพงของจริงเลย รูว”
เมื่อผ่านเข้าไปสายตาก็มองอะไรไม่เห็น มันเป็นสีดำสนิท และในความมืดนั้นก็ปรากฏทางออกมา มันต่างกับถ้ำก่อนหน้า ที่นี่มันดูเหมือนสถานที่แกะสลัก ที่ผนัง เพดาน และพื้น ทั้งหมดดูขนานกัน ผนังกับพื้นเองก็ทำมุม 90 องศา ที่ผนังนั้นดูเรียบเนียนกว่าหากเทียบกับผนังหินก่อนหน้า
มีคบเพลิงติดอยู่ด้วย ถ้าเอามือไปใกล้ๆก็จะสัมผัสได้ถึงความร้อนด้วย มันคือไฟของจริง
เมจิคัลเกิร์ลนั้นไม่จำเป็นต้องใช้แสง แต่พวกเธอก็ยังรู้สึกอุ่นใจ
ทางเข้าลับนี้ยาวประมาณ 500 ก้าว เสียงสะท้อนของฝีเท้าที่เธอได้ยินจากด้านหน้าเปลี่ยนไป
ด้วยส่วนสูงของนกโกะจังจึงทำให้เธอมองไม่เห็นด้านหน้าเลยต้องมองจากด้านข้างแทน
เธอพบว่าตำแหน่งของคบเพลิงนั้นเริ่มต่ำลงเรื่อยๆ และที่ตรงหน้านั้นมีบันไดอยู่
บันไดนี้ก็ถูกสร้างเหมือนกับทางเดิน ไม่ใช่สิ่งที่เกิดได้ขึ้นตามธรรมชาติ
ไม่ใช่ทางบันไดตรงแต่มันโค้งไปขวาเล็กน้อย
พวกเธอไปทางขวา ขวา และขวาอีกครั้ง นี่เป็นบันไดก้นหอยที่หมุนตามเข็มนาฬิกา
หากอยู่บนพื้นดินและเดินลงมา 200 ก้าวแบบนี้ก็จะเท่ากับเข้าสู่ที่พื้นที่ใต้ดินแล้ว บางทีเธออาจจะคิดไปเอง แต่อุณหภูมิของที่นี่กำลังลดลง จนเธอเริ่มหายใจไม่ออก ที่ด้านล่างของบันไดนั้นเป็นพื้นที่โล่งกว้าง กว้างยิ่งกว่าสนามล่ามังกรในพื้นที่ใต้ดินซะอีก 2 เท่า…ไม่สิ กว้างกว่า 3 เท่าเห็นจะได้ (tlkun อุณหภูมิลดลง/yenpress อุณหภูมิเพิ่มขึ้น)
ที่พื้นนั้นถูปูด้วยหินเป็นทางเท้า ไม่เหมือนกับกำแพงที่ทางเดินและบันได มันดูแข็งแรง และก็มีเพดานที่สูงราวๆ 100 เมตร
ที่ตรงใจกลาง มีบางสิ่งที่สูงกว่าหน้าผายืนขึ้น และเมื่อนกโกะจังเห็นมันถึงกับอ้าปากค้าง เมจิคัลเกิร์ลก็เช่นกัน บางคนก็ส่งเสียงตกใจออกมา บางคนขึ้นไปที่สูงเพื่อดู หลากคนหลากการตอบสนอง แต่ทุกคนตกใจเหมือนกันหมด
“นี่แหละคือเหตุผล”
พีเฟิลหันกลับมาพร้อมยักไหล่ เป็นเพราะแว่นของเธอที่ทำให้ดูตลกมากกว่าจริงจัง
นกโกะจังหายใจเข้าลึกๆและหายใจออก
ตรงใจกลางนั้นเป็นพื้นที่วงกลมเส้นผ่านศูนย์กลางราวๆ 10 เมตร และสิ่งที่นอนหลับอยู่ตรงนั้นคือ
สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ หากวัดความยาวจนถึงหางของมันล่ะก็จะได้ประมาณ 15 เมตร เกล็ดของมันใหญ่มากพอที่จะเห็นจากจุดทึ่อยู่ตรงนี้ เกล็ดสีแดงส่องประกายเหมือนกับโลหะ เขี้ยวของมันทั้งใหญ่และยาวพอที่จะเห็นจากตรงนี้เช่นกัน มองแล้วก็รู้เลยว่ามันคมขนาดไหน ปีกของมันก็ใหญ่ตามตัว
ตัวใหญ่ขนาดนี้จะบินบนท้องฟ้าได้เหรอเนี่ย? กรงเล็บของมันขนาดเท่ากับความสูงของนกโกะจัง หากเธอโดนมันล่ะก็คงขาดเป็นชิ้นๆแน่
มันคือมังกรยักษ์ สิ่งมีชีวิตที่พวกเธอล่าที่ใต้ดินจนถึงตอนนี้เอามาเทียบกับมังกรนี่ไม่ได้เลย ขนาดต่างกัน รูปร่างของมังกรก็ต่างกัน ดวงตาของมันเป็นตั้งสีดำยาว ที่กำลังเบิกกว้างจ้องมองมาทางนี้
จากที่มองนั้นเธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอความตาย นกโกะจังกลัวจนเท้าสั่น
“เธอเห็นเส้นแดงตรงนั้นไหม?”
เธอมองลงไปยังเส้นแดงที่พีเฟิลชี้ มันอยู่ห่างราวๆ 30 เมตร เหมือนว่าจะล้อมรอบพื้นที่ที่มังกรอยู่
“ถ้าเธอข้ามเส้นแดงนั้นไป…”
ชาโดว์หยิบหินก้อนใหญ่ที่ตกลงมาแล้วโยนเข้าหามังกร ในเวลาเดียวกันมังกรก็เปิดปากออกกว้าง
ทำให้เห็นฟันอันแหลมคมของนักล่าที่เรียงรายอยู่ ภายในส่วนลึกของปากที่สีแดงนั้น มันพ่นลูกไฟขนาดยักษ์ออกมา ลูกไฟโดนหินแบบจังๆและถูกกลืนหายไปจนหมด ลูกไฟนั้นยังพุ่งตรงมายังที่ที่พวกเธออยู่
นกโกะจังกระโดดหนี เมจิคัลเกิร์ลคนอื่นหมอบลง บางคนก็ถือโล่ขึ้นมา แต่เมื่อลูกไฟไปถูกเส้นสีแดงมันก็หายไปในอากาศทันที ทุกคนหายใจออกมาอย่างโล่งอกและลุกขึ้นยืน
หินนั้นหายไป ถูกลบหายไปอย่างสิ้นเชิง
“นี่แหละการโจมตีของมัน โชคดีหน่อยที่การโจมตีมันไม่ผ่านเส้นแดงออกมา”
นกโกะจังไม่ใช่คนเดียวที่คิดว่าแบบนี้ไปไหวแน่ๆ ทุกคนมองไปที่พีเฟิล คนที่กำลังพูดจาฉะฉาน
“แล้วฉันอยากให้เธอดูนี่ด้วย”
ที่ๆพีเฟิลชี้ไปอยู่เหนือที่มังกรอยู่ ที่นั่นมีบันไดลิงห้อยไว้ บันไดลิงมันเชื่อมกับเพดานที่มีรูเปิดอยู่
รูนั้นใหญ่พอที่จะให้ 1 คนผ่านเข้าไป
“ตามคำใบ้ที่รวบรวมมา หลุมนั่นคือประตูที่เราต้องผ่านไปสู้พื้นที่ถัดไป ส่วนทางหนีนั้น…”
พีเฟิลชี้ลงไปด้านล่าง ตอนนี้นิ้วของเธอชี้ไปที่มังกร
“พวกเราต้องพยายามกำจัดมังกรนั่นให้ได้”
“พวกเราจะไปเอาชนะได้ยังไงล่ะ!”
ริโอเน็ตต้าตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
“นี่เธอไม่เห็นเหรอว่าเกิดอะไรขึ้น? ถ้าไอ้นั่นโดนเราล่ะก็ได้กลายเป็นขี้เถ้ากันหมดแน่! ไม่ต้องพูดถึงไซซ์ยักษ์ขนาดนั้นเลย! เกล็ดแข็งๆอีก! ฉันนึกไม่ออกเลยว่าอาวุธของพวกเราจะไปทำอะไรมันได้!”
“ถ้าเชอร์น่าอยู่ที่นี่…” ดีเทคเบลพึมพำ
“พูดถึงคนที่ไม่อยู่แล้วไปทำไมเนี่ย? ตอนนี้พวกเราทุกคนอยู่ที่นี่แล้วนะ พวกเราควรจะพูดกันเรื่องสถานการณ์ปัจจุบันสิ!”
“ไม่ใช่แบบนั้น เหมือนว่าทางเคลียจะถูกเตรียมไว้แล้วด้วย”
พีเฟิลเปิดเมจิคัลโฟน และเลื่อนหน้าจอด้วยนิ้วของเธอ
“ทุกคน เปิดหนังสือภาพมอนเตอร์ของตัวเองหน่อย ที่นั่นมีข้อมูลบอกอยู่”
นกโกะจังเปิดสมุดภาพมอนเตอร์แล้วก็เห็นข้อมูลของมัน
มันชื่อว่า เกรทดราก้อน เป็นชื่อที่เรียบง่ายที่ไม่ได้มีความหมายอะไร แม้จะมีข้อมูลอยู่บนสมุดภาพ แต่ส่วนใหญ่ก็ยังมีเครื่องหมาย ??? อยู่ ทั้งวิธีการโจมตี ไอเทมที่ดรอป และอื่นๆนั้นถูกซ่อนเอาไว้
“เจ้านี่คือ บอสกลางเกม ข้อมูลส่วนใหญ่นั้นถูกซ่อนเอาไว้ แต่ก็มีบางอย่างแสดงให้เห็นอยู่”
ชื่อมอนเตอร์ จุดเกิด ธาตุไฟ นี่คือข้อมูลที่บอกไว้
“มอนเตอร์ธาตุไฟดังนั้นหมายความว่าถ้าพวกเราใส่ เครื่องรางธาตุน้ำ ก็จะสามารถสร้างความเสียหายเพิ่มได้และยังลดความเสียหายที่ได้รับลงอีกด้วย แต่ถ้าโดนมันตรงๆล่ะก็ยังมีสิทธิ์ตายทันทีได้อยู่ดี”
“แล้วประเด็นของเธอคือ?” ริโอเน็ตต้าถามกลับ
“ถ้าเธอใส่ เครื่องรางธาตุน้ำ กับ โล่+5 ขณะที่โดนโจมตีล่ะก็จะไม่โดนมันโจมตีทีเดียวตาย ยังบาดเจ็บเหมือนเดิมแต่อยู่ในระดับที่ทนได้”
ชาโดว์เกลพยักหน้า นี่พวกเธอลองด้วยตัวเองมางั้นเหรอเนี่ย?
“แล้วก็อีกอย่างนึง”
เธอหยิบอาวุธออกมาจากเมจิคัลโฟน มันเป็นมีดสั้น ใช้งานง่ายแต่พลังโจมตีเหมือนจะต่ำ
“อาวุธฆ่ามังกร สร้างความเสียหายมากกับมอนเตอร์ประเภทมังกร ถ้าโจมตีมันด้วยเจ้านี่ตามที่สมุดภาพไอเท็มบอกก็ฆ่ามันได้แน่ พวกเราลำบากสุดๆกว่าจะได้มันมา แต่ก็ไม่สำคัญหรอก”
พีเฟิลพูดต่อ
“ว่าแต่ @เนี๊ยวเนี๊ยว”
“อะไรเหรอ รูว?”
“คัมภีร์ของเธอมันมีระยะเท่าไหร่ได้เหรอ? ถ้าโจมตีเจ้า เกรทดราก้อน นั่นด้วยสิ่งก่อสร้าง เธอคิดว่าจะจัดการได้ไหม?”
ท่าทาง @เนี๊ยวเนี๊ยวนั้นดูอึมครึม บางทีเธออาจจะนึกถึงตอนที่เมจิคัลเกิร์ลซามูไรถูกสิ่งก่อสร้างบดขยี้ขึ้นมาก็ได้
“…ฉันแค่ขว้างคัมภีร์ออกไปน่ะ รูว, ไม่จำเป็นต้องเข้าใกล้หรอก รูว”
“อ่า งั้นเหรอ งั้นพวกเราจะโจมตีจากทั้งสองด้าน ด้านขวาจะเป็นฝั่งฆ่ามังกร
ส่วน @เนี๊ยวเนี๊ยวนั้นอยู่ด้านซ้าย หากด้านใดด้านหนึ่งไปถึงตัวมังกรได้ พวกเราชนะแน่”
นกโกะจังกำลังประมานผลสิ่งที่พีเฟิลพูดอยู่ในหัว การโจมตีไม่ถึงตาย โอกาศชนะสูง มังกรมันตัวใหญ่แสดงว่าหันตัวไปมายาก ถ้าพวกเราล้อมมันไว้ได้คงได้ผลแน่ โจมตีสองรูปแบบ ไม่ว่าฝั่ง
ไหนทำได้ก็มีโอกาสชนะ แต่มันก็ยังอันตราย พวกเธอจะผ่านไปยังพื้นที่ถัดไปไม่ได้ยังยังไม่กำจัดมังกร
แบบผู้เล่นก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสู้เท่านั้น
“ขอพูดอะไรอย่างนึงได้ไหม?”
แคลนเทลยกมือขึ้น
“พวกเรามี เครื่องรางธาตุน้ำ ก็จริงแต่พวกเราไม่มี โล่+5 พอสำหรับทุกคน ในปาร์ตี้ก็มีแค่ชั้นคนเดียวที่มี”
“ปาร์ตี้เค้าก็ไม่มีเหมือนกัน” ลาซูไลน์พูด “ก็โล่มันหนักจะตายอ่ะ!”
“พวกเราเองก็มีแค่อันเดียวเอง รูว”
“ไม่เป็นไร พวกเรามีเหลือเฟือ”
พีเฟิลยกเมจิคัลโฟนของตัวเองขึ้นมา
“ฉันไม่ใช่คนขี้เหนียวที่จะบอกว่าให้ยืมหรอก ฉันให้พวกเธอไปเลยไปคิดเงิน”
“ใจดีจังนะ แต่มีเงื่อนไขอะไรล่ะ?” ริโอเน็ตต้าพูด
“ฉันอยากได้รางวัลปลดล็อคพื้นที่ใหม่ อยากได้ทั้งแคนดี้และเงินจริงเป็นของตัวเองทั้งหมด”
เธอพูดออกมาอย่างชัดเจน เสียงของทุกคนหยุดลง จนไม่มีเสียงอย่างอื่นนอกจากเสียงหายใจดังๆของมังกร
“ไม่แฟร์เหรอ? คนที่เจอเส้นทางนี้คือฉันกับชาโดว์เกลนะ”
“เยอะไปแล้วนะนั่น”
“เงินสด 1 ล้านเยน? มันก็ไม่ใช่เงินมากมายอะไรหรอก เพราะที่นี่พวกเราตายได้ตลอดอยู่แล้ว”
“เอาแคนดี้ ทั้งหมด นี่มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ?”
“เพลาๆลงหน่อยก็ดี…”
หลายคนไม่พอใจมาก พีเฟิลจึงพูดขึ้นมา
“พื้นที่ถัดไปจะเปิดใชไหม? แล้วแบบนั้นเงินมันสำคัญตรงไหนล่ะ?”
“ถ้าเงินมันไม่สำคัญ ก็อย่าเอาไปหมดคนเดียวสิ! เอาแคนดี้มานะ!” ลาซูไลน์บ่นอย่างไม่พอใจ
ริโอเน็ตต้าพูดเสริมต่อว่า “นี่จะให้คนทำงานโดยไม่มีค่าตอบแทนรึไง! แบบนี้ผิดกฎหมายชัดๆ!”
“ถ้างั้น…รางวัลเคลียพื้นที่จะแบ่งให้ทุกคน แต่ไอเท็มที่มังกรดรอปจะเป็นของฉัน แบบนี้เป็นไง?”
หากมังกรดรอปไอเท็มอย่างเดียว ก็จะมีคนๆเดียวที่ได้มันไป และคนๆนั้นก็คือพีเฟิล?
ปาร์ตี้อื่นมองไปยังพวกของตัวเอง
“ก็ได้”
“ตามนั้น”
“เอาแบบนี้แหละ” แคลเทล @เนี๊ยวเนี๊ยว และดีเทคเบลเห็นพ้องกัน
ความไม่พอใจของพีเฟิลหายไปทันทีและถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้ม
“เอาล่ะมาเริ่มโจมตีกันเลยดีกว่า ใครไม่มีโล่ก็มาเอาเลยนะ ต้องรักษาตำแหน่งเข้าไว้ คงไม่มีใครว่าอะไรนะถ้าคนที่กล้าหาญจะได้รับส่วนแบ่งมากกว่าคนที่เหลือน่ะ? ส่วนคนที่จะถืออาวุธฆ่ามังกรคือ…”
พีเฟิลให้คำแนะนำทุกคนอย่างมีความสุข
______________________________________________________________________
ทุกคนอยู่ประจำตำแหน่ง รออยู่ด้านหลังเส้นแดง คอยระวังไม่ให้เท้าตัวเองเข้าไปแตะ
นกโกะจังไม่คุ้นเคยกับการถือโล่และเหมือนว่าน้ำหนักจะมากกว่าปกติด้วย
แต่อย่างน้อยเมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้ มันก็คงปกป้องตัวเธอได้
ข้างๆนกโกะจังคือเมจิคัลเกิร์ลสีขาวของปาร์ตี้แคลนเทล… เพจิกะ คนที่กำลังตัวสั่น
นกโกะจังคิดว่าโชคชะตาของตัวเองพาให้มาเจอคนๆนี้อีกแล้วเหรอเนี่ย อยู่ใกล้กันในเวลาแบบนี้ตลอดเลย อาจจะมีเหตุผลบางอย่างก็ได้ จากที่นกโกะจังมองดู เธอไม่เห็นจะน่าวางใจได้ตรงไหนเลย
แคลนเทลเป็นคนที่ถืออาวุธฆ่ามังกรอยู่ในมือขวาและถือ โล่+5 อยู่ในมือซ้าย @เนี๊ยวเนี๊ยวอยู่ตรงหน้าของมังกร เมจิคัลเกิร์ลคนอื่นก็สวมใส่ โล่+5 แล้วเช่นกัน มีเมลวิลล์คนเดียวที่เป็นหน่วยสนับสนุนระยะไกลด้วยธนูและฉมวกของเธอ ทุกคนมี เครื่องรางธาตุน้ำ ห้อยไว้ที่คอ ในขณะที่ทุกคนเตรียมตัวอยู่รอบๆมังกรนั้น เหมือนว่ามันจะรู้สึกเบื่อ ไม่ได้สนใจอะไรกับพวกเธอมาก แถมมองพวกเธอมาด้วยดวงตาแค่ครึ่งดวง ราวกับไม่ว่าพวกมนุษย์จะยกพวกมามากแค่มันก็จะไม่แพ้
ชาโดว์เกลวางพีเฟิลลงที่ก้อนหินใกล้ๆ และกลับไปประจำตำแหน่งตัวเอง
“เอาล่ะ ประจำตำแหน่ง…”
เพียงแค่ไม่นานหลังจากที่พีเฟิลให้สัญญาณประจำตำแหน่ง
“เอ๋?”
ริโอเน็ตต้ายืนขึ้น อ้าปากกว้าง มองไปยังทางเข้า นกโกะจังเองก็มองไปเช่นกัน
ที่นั่นมี…จีโนไซโคยืนอยู่
“จีโนไซโค!”
@เนี๊ยวเนี๊ยวตะโกนแล้วยืนขึ้น ท่าทางของเธอเปลี่ยนจากประหลาดใจกลายเป็นดีใจ
ตัวเธอนั้นเปล่งประกายด้วยความดีอกดีใจเพราะในที่สุดก็เจอคนที่ตามหาแล้ว
จีโนไซโคเอาที่บังหน้าขึ้นจึงทำให้มองเห็นใบหน้าของเธอ ตัวเธอนั้นไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ไม่เหมือนที่ปาร์ตี้ของดีเทคเบลบอก เธอไม่มีรอยแผลอะไรซักนิด รักษาตัวมาแล้วงั้นเหรอ? หรือว่าตัวเธอไม่มีแผลมาตั้งแต่แรกกันแน่?
จีโนไซโคยิ้มกว้าง และกางแขนสองข้างและวิ่งเข้าหาไปกอด @เนี๊ยวเนี๊ยวเองก็กอดเธอกลับ
แต่ทั้งคู่ก็ข้ามผ่านเส้นแดงไป และมังกรก็เริ่มโจมตีไปที่พวกเธอ
ก่อนที่นกโกะจังจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น มังกรมันก็พ่นลูกไฟออกมาอีกลูกไปโดนทั้งสองคน แล้วก็พ่นลูกที่สามออกมาต่อ เมลวิลล์ยิงฉมวกเข้าไปที่คอของมังกร เลือดของมันนั้นไหลทะลักออกมา
มังกรเงยหัวขึ้นชนกับเพดาน และร้องคำราม จนทุกอย่างเริ่มสั่นสะเทือน
“หย่าหยูด! โจมตีต่อปาย!”
ทุกคนเริ่มขยับตามที่นัดแนะกันไว้
______________________________________________________________________
ฝั่งมาสเตอร์ #5
“ฟาล?”
ไม่มีเสียงตอบรับจากที่เด็กสาวเรียกไป
“ฟาาาาาล?”
ภายในห้องนั้นเงียบกริบ เมจิคัลโฟนนั้นปิดอยู่ มีรอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กสาว
ใกล้เคียงกับรอยยิ้มที่ดูขมขื่น
เธอเอื้อมมือไปหยิบเมจิคัลโฟน แต่เธอก็หยุดก่อนที่จะจับมัน จากนั้นเธอก็หยิบแว่นตาที่อยู่ข้างๆมาแนบกับใบหู
“ชั้นนี่ยุ่งจริงๆ ต้องแก้มันตลอดเลย แต่ทำไมกันนะ ทำไมนายถึงไม่ตอบคำถามของชั้นล่ะ ฟาล?”
เมจิคัลโฟนนั้นยังคงเงียบ ตรงข้ามกับแสงสว่างจากหน้าจอภายในห้อง
“นี่นายทรยศมาสเตอร์ตัวเองเลยเหรอเนี่ย? อ๋า ปวดใจจัง แต่ชั้นไม่คิดอะไรหรอกนะ!”
เด็กสาวห่อตัวเองด้วยแขนเสื้อสีขาว ไซซ์ของเสื้อโค้ทสีขาวนั้นใหญ่กว่าตัวเธอสองเท่า และต้องพับแขนเสื้อถึงสามครั้ง ถึงจะใช้คลิปหนีบได้
“เพราะแบบนี้แหละนายถึงเข้าตาฉัน, ว่าแต่ ฟาล นายรู้รึเปล่า? ถึงพวกเขาจะบอกว่าไซเบอร์แฟร์รี่น่ะสมบูรณฺ์แบบแล้ว แต่รุ่น FA น่ะระบบรักษาความปลอดภัยมันบกพร่อง ตั้งแต่ปล่อยแพทช์อัพเดทมาก็ไม่เจอปัญหาอีก แต่ฟาล นาย ยังไม่ได้ อัพเดทแพทช์ใช่ไหมล่ะ? เพราะแบบนี้แหละทำไมนายถึงยังมีความเป็นไปได้ที่จะทรยศมาสเตอร์อยู่ หนึ่งในรุ่นพี่ของนายเองก็อุกอาจมากไม่ใช่เหรอ? หมอนั่นอยากเห็นเมจิคัลเกิร์ล 16 คนฆ่ากันเอง แถมยังแนะนำมาสเตอร์ของตัวเองอีกด้วยนี่? พอเทียบกับหมอนั่นแล้ว ฟาล นายนี่ใจดีมากนะ ต่อต้านคำสั่งของมาสเตอร์ รายงานเรื่องของชั้นไปยังดินแดนเวทมนตร์อีกด้วย ตามปกติแล้วนายจะไม่ทำอะไรนี่? นายพยายามเกลี้ยกล่อมชั้น แถมยอมรับว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด…”
ทันใดนั้นประตูห้องถูกเตะเปิดออกอย่างรุนแรง ที่ตรงนั้นมีเมจิคัลเกิร์ลสีขาวยืนอยู่
เด็กสาวยิ้มให้เมจิคัลเกิร์ลสีขาว ชักชวนเธอเข้ามาด้วยแขนเสื้อที่ม้วนอยู่ของเธอ
“ยินดีต้อนรับสู่โลกของชั้น แล้วก็ยินดีที่ได้รู้จักนะ สโนไวท์ ”
MANGA DISCUSSION