ตอนที่ 4:
แคนดี้ลึกลับ
☆ ชาโดว์เกล
“เมื่อผู้เล่นตาย ไอเท็มของคนๆนั้นจะไม่หายไป แต่เมื่อเมจิคัลโฟนถูกทำลาย จะเกิดอะไรกับไอเท็มที่อยู่ด้านในเหรอ?”
“เมื่อเมจิคัลโฟนใช้การไม่ได้ ไอเท็มที่อยู่ด้านในจะกลับไปสู่ที่ที่เคยอยู่น่ะ ปอน, ไอเท็มจากกิจกรรมก็จะสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้งหากมีกิจกรรมนั้นเกิดขึ้นอีกรอบ และไอเท็มจากร้านค้าก็จะกลับไปสู่ร้านค้าที่ซื้อมา ปอน”
“ถ้าพวกเราไม่ติดตั้งไอเท็ม แล้วจะถือมันแบบเป็นชิ้นได้ไหม?”
“ไอเท็มทั้งหมดคือข้อมูล ต้องติดตั้งก่อนถึงจะใช้งานได้ แม้จะเป็นอาวุธและชุดเกราะ หรือจะเป็นเครื่องมืออย่างหม้อทำอาหาร หากไม่ติดตั้งก็จะใช้ไม่ได้ ปอน”
แม้จะประกาศว่าความตายในเกมเท่ากับความตายในชีวิตจริง สิ่งนี้แยกตัวออกมาจากดินแดนเวทมนตร์และพวกมันรู้ว่าไม่ถูกต้อง
ตอนนี้มาสค็อตอย่างฟาลนั้นถูกทุกคนเกลียดยิ่งกว่าแมลงสาบหรือตัวเห็บซะอีก
พีเฟิลกดปุ่มช่วยเหลือและถามคำถามกับมาสค็อตไป
แต่มันไม่ใช่คำถามแบบที่ว่า ”มีเป้าหมายอะไรกันแน่?” หรือ “เกลียดอะไรพวกเรารึไง?”
มันเป็นคำถามเชิงบวกที่จะช่วยผู้เล่นในการจบเกม
เธอไม่ปกติจริงๆนั่นแหละ ชาโดว์เกลยืนยันความคิดเรื่องเธออีกครั้ง
แม้จะเป็นเพียงแค่ 3 วัน มิตรที่ช่วยเหลือพวกเธอในเกมด้วยกันอย่างมาสก์วอนเดอร์ก็ถูกฆ่าตายไปแล้ว
และแม้จะถูกบอกว่าความตายไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ในเกม แต่เธอก็ไม่ได้ดูเศร้าหรือตกใจอะไรเลย
เหล่าเด็กสาวพูดคุยกันถึงคิดเห็นที่หลากหลาย
บางคนพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นนี้กับดินแดนเวทมนตร์ได้ยังไง บางคนพูดถึงเมจิคัลเกิร์ลคนที่จะมาช่วย
หลายความเห็นก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี บางความเห็นก็ไม่สร้างสรรค๋
แต่พวกเธอจะทำอะไรนอกจากเต้นรำอยู่บนฝ่ามือของมาสเตอร์ผู้ทรงพลังในเกมนี้ได้ล่ะ?
มีเพียงต้องเดินหน้าต่อ ทุกปาร์ตี้ร่วมมือกันและกัน หัวหน้าปาร์ตี้ทั้ง 4 คุยกันที่ในเมือง
แต่พีเฟิลจบการสนทนาแล้วก็กลับมาก่อน
ตอนนี้พวกเธออยู่ที่ชั้นหนึ่งของสิ่งก่อสร้างในเมืองภูเขา
พีเฟิลคุยกับชาโดว์เกลข้ามโต๊ะที่กั้นกลางระหว่างพวกเธอ
ที่นี่ดูกว้างกว่าที่อื่น แม้พีเฟิลจะนั่งอยู่บนวีลแชร์ เธอก็เคลื่อนที่ไปมาได้สะดวก
แถมที่นี่ยังไม่มีเจ้าของ ไม่มีใครจะมาดุด่าหากเธอด้วย
“ฉันมีคำถามเท่านี้ ขอบคุณนะ ฟาล”
หลังจากที่เธอพูดขอบคุณจบ หน้าจอเมจิคัลโฟนของพีเฟิลเริ่มเปลี่ยนไป หน้าจอช่วยเหลือหายไปและถูกแทนที่ด้วยหน้าจอไอเท็ม
“มีอย่างนึงที่แปลก”
“ยังไม่ได้บอกฉันเลยนี่ ว่าไปคุยกันแล้วเป็นยังไง มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ?” ชาโดว์เกลพูด
“ก่อนที่ฉันจะบอกเธอ มันมีบางเรื่องที่สำคัญกว่าที่ฉันต้องพูดนะ”
“หมายความว่ายังไงน่ะ? “
ก่อนหน้านี้ ฟาลรวมทุกคนมาอยู่ในเมืองทุ่งร้าง และประกาศอะไรที่น่าเหลือเชื่อออกมา
ในขณะที่ทุกคนกำลังกังวลว่าจะทำยังไงต่อดี พีเฟิลก็ทิ้งระเบิดลงมา การตายของมาส์กวอนเดอร์ ไอเท็มและแคนดี้ของเธอถูกขโมยหายไปจนหมด
ใครคือคนร้ายกันแน่?
แค่จำเรื่องความตายที่ทรมานนั่นก็ทำให้ชาโดว์เกลเจ็บปวดแล้ว แม้มาสก์วอนเดอร์จะเป็นคนพิลึกแต่เธอก็เป็นคนดี
เธอเป็นคนที่ถูกพีเฟิลคนที่พันผ้าพันแผลล่อลวงมา เธอเป็นคนแข็งแกร่งที่คอยปกป้องผู้อ่อนแอ เป็น เมจิคัลเกิร์ลแห่งความยุติธรรม
ไม่มีเหตุผลที่เธอจะถูกฆ่าเลย
ถ้าพวกเธอไปถึงหลังจากมาสก์วอนเดอร์ตาย นั่นแสดงว่าคนร้ายต้องมีมิราเคิลคอยน์อยู่
ดังนั้นพวกเธอจึงร่วมมือกันเพื่อหาคนร้าย ตรวจดูเมจิคัลโฟนกันแบบตัวต่อตัว แต่คนสุดท้ายปฎิเสธที่จะให้ความร่วมมือ
เมจิคัลเกิร์ลซามูไรปฎิเสธที่จะให้ดูเมจิคัลโฟนของเธอ และเมื่อเมจิคัลเกิร์ลชุดไซไฟเข้าไปหา เธอก็ถูกฟัน
การฟันนั่นมันฆ่าเธอ
แต่เพราะเด็กสาวที่ถูกฟันนั้นอยู่ดีๆก็หายไป สมาชิกในปาร์ตี้ทั้งสองของเธอดูเหมือนกำลังตามหาตัวอยู่
ไม่ว่าเธอจะเป็นหรือตายพวกนั้นก็ติดต่อไม่ได้
เจ้าซามูไรมันคลั่ง ฟันทุกสิ่งในสายตา
เธอฟัน, ฟัน, และฟันเพื่อสังหารทุกสิ่ง
เธอตัดได้แม้กระทั่งสิ่งก่อสร้างจนแยกออกเป็นครึ่ง หากพีเฟิลไม่ถูกชาโดว์เกลช่วยไว้ เธอคงถูกฟันตายไปแล้ว
ชาโดว์เกลช่วยพีเฟิลเป็นปกติอยู่แล้ว มันไม่ได้มีรางวัลอะไรตอบแทน
เพราะการที่ได้ช่วยนั้นบางทีอาจจะได้เตะเธอแทนรางวัลก็ได้
ในที่สุด เธอก็ถูกฝังด้วยสิ่งก่อสร้างจากทุ่งร้างจากการสู้กับเมจิคัลเกิร์ลชุดจีน
เมื่อเธอเห็นเมจิคัลเกิร์ลชุดเมดว่าต้องโดนฆ่าทิ้งแน่ๆ
เธอก็ทิ้งสิ่งก่อสร้างลงมาจากด้านบนเพื่อบดขยี้เมจิคัลเกิร์ลซามูไรนั่น
ชาโดว์เกลถึงกับตะลึง ว่ามีเมจิคัลเกิร์ลที่สามารถสร้างความอันตรายกับโลกมากมายแค่ไหนกันนะ
เมจิคัลเกิร์ลชุดจีนนั้นเอาสิ่งก่อสร้างกลับเข้าไปในคัมภีร์ ที่ใจกลางหลุมลึกบนพื้นนั้น…
…คือร่างของเมจิคัลเกิร์ลที่ชาโดว์เกลไม่อยากจดจำ
เมจิคัลโฟนของเธอหน้าจอแตกละเอียด ใช้การไม่ได้อย่างสมบูรณ์
ไม่มีทางที่จะยืนยันว่าเธอมีไอเท็มอยู่รึเปล่าได้อีกแล้ว เธอปฎิเสธไม่ให้ดูเมจิคัลโฟน เมื่อถูกถามก็ฟันทุกคนทิ้ง และคนอื่นก็ไม่มีมิราเคิลคอยน์ ดังนั้นเธอจึงคือคนร้าย
และการสืบสวนหาคนร้ายก็จบลงตรงนี้
หลังจากนั้น พวกเธอคิดว่าจะทำยังไงต่อไป และหัวหน้าทีมก็เตรียมสถานที่เพื่อพูดคุยกัน
ในขณะที่เมจิคัลเกิร์ลกำลังคุยกันเรื่องสิ่งที่จะทำอยู่ มันมีคำพูดแบบ “พวกเราควรทำแบบนี้” หรือ
“พวกเราควรทำแบบนั้น” ออกมาเสมอ ในหัวของชาโดว์เกลเริ่มสับสน
เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไงนะ? คนตายไป 3 คนแล้ว อีกอย่างทุกคนถูกบังคับให้เล่นเกมแห่งชีวิตและความตาย หลายๆคนคงทั้งร้องไห้และสับสน
มันไม่แปลกเหรอที่จู่ๆทุกคนก็ใจเย็นมาคุยหาความคิดดีๆในสถานการณ์แบบนี้? ทุกคนพยายามจะหลอกเธอรึเปล่า?
พีเฟิลเป็นคนที่จบบทสนทนาก่อนและกลับมาหาเธอ ชาโดว์เกลพยายามโต้ตอบพร้อมกับความรู้สึกเดือดที่อยู่ในหัว
“มาโมริ ทุกคนไม่ได้ใจเย็นเหมือนที่เธอคิดเลย แต่ว่าฉันใจเย็นมากนะ”
“ฉันรู้ค่ะว่านายหญิงใจเย็น…”
“แน่นอนว่าเธอรู้ มาโมริ หากเธอใจเย็นฉันก็จะใจเย็นตามไปด้วย เหมือนอย่างที่ผู้ทดสอบตอนที่พวกเรากลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลพูดไว้…. เธอชื่ออะไรแล้วนะ? แต่ก็ไม่สำคัญหรอก ช่างมันเถอะ เหมือนที่คนๆนั้นพูดนั่นแหละ เมื่อกลายเป็นเมจิคัลเกิร์ลแล้วไม่ได้มีเพียงร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้น แต่จิตใจเองก็เช่นกัน แม้แต่ความกลัวก็จะจางหายไปเช่นกัน”
“ไม่เห็นรู้สึกว่าอะไรมันหายไปเลย… “
“ฉันพูดถึงเมจิคัลเกิร์ลในอุดมคติที่ดินแดนเวทมนตร์ต้องการน่ะ เมื่อเวลามาถึงพวกนั้นคงเป็นนักบุญที่ไม่ลังเลที่จะสละชีวิตตัวเอง ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะทำแบบนั้นได้หรอกนะ”
พีเฟิลพูดอย่างมีเหตุผล แต่จะโน้มน้าวชาโดว์เกลได้หรือไม่นั่นเป็นอีกปัญหานึง
“ฉันซื้อ สมุดภาพไอเท็ม ในเมืองนี้มา มันเหมือนกับ สมุดภาพมอนเตอร์ ที่ซื้อในเมืองทุ่งหญ้านั่นแหละ แต่มันเป็นเวอร์ชั่นไอเท็ม”
เมื่อเธอส่งมันให้กับชาโดว์เกล ชาโดว์เกลก็เห็นรายชื่อไอเท็มอยู่ในหน้าจอเมจิคัลโฟนของเธอ
“นี่คือชื่อไอเท็ม ถ้าเธอคลิกเข้าไปดูล่ะก็มันก็จะแสดงภาพของไอเท็มนั้นออกมา ถ้าชื่อไอเท็มเป็น ??? นั่นก็คือไอเท็มนี้ยังไม่พร้อมใช้งาน ถ้าเลื่อนไปด้านขวาจะเห็นวิธีการหาไอเท็มนั้น ราคาขายเท่าไหร่ และอื่นๆ นอกจากนี้ยังมี- ”
“ตัวเลขนี้คืออะไรน่ะ?”
มันเป็นตัวเลขจำนวนมาก และมีตัวเลขจำนวนน้อยอยู่ในวงเล็บด้านข้าง ตัวอย่างเช่น ด้านข้างบัตรผ่านมีตัวเลข 10000 (4) แสดงอยู่
ในครั้งแรกที่เห็นไม่เข้าใจเลยว่ามันคืออะไร
“อ๊ะ ตาเธอนี่ดูถูกจุดดีนะ ตรงนั้นน่ะสำคัญเลย ตัวเลขที่มากกว่าคือจำนวนไอเท็มทั้งหมดที่สามารถหาได้ในเกม ส่วนตัวเลขที่น้อยกว่าคือจำนวนที่มีการถือครองอยู่ในตอนนี้โดยใครบางคนในเกม จากนี้ไปดูให้ดีๆนะ
พีเฟิลชี้นิ้วของเธอไปที่มิราเคิลคอยน์ เลื่อนนิ้วของเธอไปด้านขวา และหยุดที่ตำแหน่งที่แสดงตัวเลขไอเท็มทั้งหมดและตัวเลขที่มีการถือครอง
ตัวเลขนั้นคือ
1 (1)
“หือ? นี่มัน… อะไรเนี่ย?”
ชาโดว์เกลเอียงคอ
“ยังมี 1 อัน….อยู่ข้างนอกเหรอ?”
“ใช่แล้ว 1 อัน แปลกดีใช่ไหมล่ะ?”
เสียงของพีเฟิลเร่าร้อนขึ้น ดูเหมือนว่าเธอกำลังสนุกอยู่
“ถ้าเมจิคัลโฟนถูกทำลาย ไอเท็มที่อยู่ภายในต้องกลับไปยังที่ๆมันมา ไอเท็มจากกิจกรรมจะสร้างขึ้นใหม่หากมีกิจกรรมเดิมอีกรอบ ฟาลพูดไว้แบบนี้ ดังนั้นถ้าผู้หญิงที่เหวี่ยงคาตานะนั่นเป็นคนฆ่าและขโมยไอเท็มของมาสก์วอนเดอร์ไป ตอนที่เมจิคัลโฟนของเธอถูกทำลาย จำนวนของเหรียญที่ถือครอง ต้องกลายเป็นศูนย์ ใช่ไหม? ไอเท็มจากกิจกรรมจะสร้างใหม่อีกครั้งต่อเมื่อมีกิจกรรมเดิมซ้ำ ถูกต้องไหม? “
“ถ้าไม่ได้ติดตั้งลงในเมจิคัลโฟน แบบนั้นก็ต้องพกไว้เองใช่ไหม? ไม่ก็ต้องเอาไปซ่อนที่ไหนซักที่แน่ๆ”
“เป็นไปไม่ได้หรอก เพราะฟาลยืนยันแล้วว่าจะใช้ไอเท็มไม่ได้ถ้าไม่ติดตั้งลงไปก่อน”
“ถ้างั้นฟาลก็โกหกอีกน่ะสิ”
“ฟาลไม่พูดโกหกหรอก หมอนั่นบอกไว้แล้วว่าจากนี้ไปจะพูดแต่ความจริง”
“เชื่อจริงๆงั้นเหรอ? ถ้านั่นก็เป็นคำโกหกด้วยล่ะ ถ้าเป็นแบบนั้นจะทำยังไง?”
“ฉัน?”
อุณหภูมิความร้อนเพิ่นขึ้นอย่างช้าๆ พีเฟิลเอามือวางบนล้อของวีลแชร์ เมื่อเธอทำแบบนั้นก็รู้สึกว่ายางเบี้ยวผิดรูปเล็กน้อย
อากาศภายในนั้นไม่มีที่ระบาย ดังนั้นมันจึงเริ่มอึดอัด
“ไม่เหมือนกับยอดนักสืบดีเทคเบลตอนหาตัวคนร้าย ฉันไม่มองหาหลักฐาน
ไม่พยายามทำลายข้อแก้ต่าง แต่ฉันรับฟัง ”
“นี่อยากพูดเรื่องอะไรน่ะ?”
“น้ำเสียง รูปลักษณ์ การแต่งกาย ท่าที กลิ่น น้ำลาย เหงื่อ บุคลิกของฟาลนั้นไม่มีสิ่งพวกนี้
แต่อย่างไรมันก็ง่ายที่จะดึงบุคลิกออกมา ฟาลนั้นต่อต้านมาสเตอร์ เกลียดเกมนี้ และอยู่ฝั่งเดียวกับผู้เล่น”
“แล้วทำไมถึงบอกว่าตัวเองต่างจากยอดนักสืบล่ะ?”
“ต่างกันตรงวิธีที่ตรวจสอบว่าคนๆนั้นเป็นคนร้ายรึเปล่ายังไงล่ะ ฉันไม่ต้องการหลักฐานหรือข้อแก้ต่าง เมื่อฉันคิดว่าใครคือคนร้ายนั่นก็เพราะฉันมั่นใจว่าคนๆนั้นคือคนร้าย มีเพียงเงื่อนไขเดียวเท่านั้นที่เผด็จการต้องทำให้สำเร็จเพื่อให้ตนอยู่เหนือหลักนิติธรรม นั่นคือผู้นำต้องไม่ทำผิดพลาด และฉันคนนี้ก็ไม่เคยทำผิดพลาด ฟาลน่ะอยากจะร่วมมือกับผู้เล่น”
พีเฟิลเอามือออกจากล้อของวีลแชร์ มือสีขาวของเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นสีดำ
พีเฟิลยื่นมือตัวเองไปให้ชาโดว์เกล และชาโดว์เกลก็ปัดมันออกด้วยผ้าเช็ดหน้า
“ฟาลพูดความจริง เหรียญยังมีอยู่ นั่นหมายความว่าฆาตกรที่ขโมยไอเท็มของมาสก์วอนเดอร์ยังมีชีวิตอยู่”
ในขณะที่ชาโดว์เกลกำลังปัดฝุ่นออกจากมือของพีเฟิล ความเร่าร้อนในคำพูดของพีเฟิลก็เริ่มเย็นลง
พีเฟิลกลับมาเป็นพีเฟิลตามปกติอีกครั้ง
“เหมือนว่า ยูเมโนะชิม่า จีโนไซโคจะหายตัวไป มีใครซักคนทำอะไรบางอย่างแน่”
“ถ้างั้นหากนายหญิงเป็นผู้ที่ไม่ทำผิดพลาดจริง ตอนนี้รู้รึยังคะว่า ใคร เป็นคนทำ?”
ชาโดว์เกลถามด้วยน้ำเสียงประชดประชัน พีเฟิลก็ยักไหล่ด้วยใบหน้านิ่ง
“ตอนนี้ยังไม่รู้หรอก ไม่รู้ว่าควรจะเว้นการร่วมมือกับปาร์ตี้อื่นตอนนี้ด้วยรึเปล่า หากพวกเราเป็นมิตรกับทุกคน แบบนั้นก็มีความเป็นไปได้ว่าศัตรูคือหนึ่งในพวกนั้นด้วย เธอคิดแบบนี้ไหม?”
______________________________________________________________________
☆ ดีเทคเบล
ตอนที่ดีเทคเบลนั้นบอกผลลัพธ์การสืบสวนเรื่องเมจิคัลเดซี่กับทุกคน
เธอรู้สึกดีเหมือนเป็นนักสืบจริงๆ
แม้ชีวิตเธอจะตกอยู่ในอันตราย แต่เธอก็รู้สึกปลาบปลื้ม
ปัญหาที่ตามมาคือหลังจากที่นักฆ่าถือคาตานะนั้นสงบลงแล้ว
ผู้นำทีมต่างๆที่คุยกันไม่ได้ข้อสรุป และจบลงด้วยการไม่คืบหน้าไปไหนเลย
นกโกะจังนั้นรีบจบการสนทนา และบอกคนอื่นว่าเธอจะไปตามหา ยูเมโนะชิม่า จีโนไซโค
ที่หายตัวไปให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
พีเฟิลบอกว่า “ถ้าตัดสินใจได้แล้ว ช่วยบอกฉันด้วยนะ” ราวกับไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการพูดคุย
เธอหันหน้าและออกไป
ส่วนคนที่เหลืออยู่นั้น ดีเทคเบลบอกว่าแม้จะออกไปคนเดียว ที่เหลือก็ควรพยายามร่วมมือกัน
ดีเทคเบลไม่รู้ว่าการที่แคลนเทลเงียบนั้นเธอคิดอะไรอยู่ และด้วยการที่ครึ่งล่างของเธอคือม้า
ทำให้แม้เธอจะนั่งอยู่ พอเวลามองหน้ากันเธอจะมองลงมาที่ดีเทคเบลตลอด
แรงกดดันจากความเงียบของเธอช่างหนักหน่วง สุดท้ายเธอก็พยักหน้า บางทีอาจจะเป็นการบอกว่ายอมรับของเธอ แต่พวกเธอก็ไม่ได้ติดสินใจอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ดังนั้นการบอกยอมรับนั้นก็ไร้ความหมาย
ปาร์ตี้ที่แสนเหน็ดเหนื่อยของเธอกลับไปที่ร้านค้าของเมืองทุ่งร้าง
แต่ที่นี่ก็มีเรื่องเหน็ดเหนื่อยเกิดขึ้นอีก
“เธออยู่นี่ล่ะ! ไม่อยากจะเชื่อเลย!”
ลาพิส ลาซูไลน์ส่งเสียงดัง
เธอมีผมสีดำตัดสั้นเสมอไหล่ และดวงตาสีน้ำตาล ทำให้ดูใจดีมาก
แต่การชอบทำเสียงดังบ่อยๆของเธอมันทำให้ตรงกันข้ามกันเลย
“อะไรเหรอ?” ดีเทคเบลถาม
“ยูเมโนซีม่า จีโนวซายโกว” เมลวิลล์พูด
ตรงกันข้าม รูปลักษณ์ของเมลวิลล์นั้นดูโดดเด่นกว่า ผมสีส้มของเธอม้วนไปมา มีดอกกุหลาบสีม่วงเลื้อยอยู่รอบๆเธอ ตรงกันข้ามกับความโดดเด่น เธอนั้นเงียบๆ และพูดเอื่อยๆยานๆ
“นายเมือทู่งล้างพวกราวเหน ยูเมโนซีม่า จีโนวซายโกว อยู่โตงมูมนู้นน”
เมลวิลล์ชี้ไปที่เงาอาคาร
“เป็นไปไม่ได้ ก็ยูเมโนะชิม่า จีโนไซโคน่ะ-“
ดีเทคเบลพยายามจะบอกว่า เธอถูกฆ่าตรงถนนในเมืองทุ่งร้างไปแล้วนี่ นกโกะจังกับ @เนี๊ยวเนี๊ยวก็ค้นหาเธอไปทั่ว เพราะไม่รู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่หรือตาย
ดีเทคเบลคิดว่ามีบางคนเอาร่างของเธอไปซ่อน สำหรับคนที่คิดว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ เธออยากบอกพวกนั้นจริงๆว่า “ไม่มีทางที่คนตายจะฟื้นขึ้นมาได้หรอก”
“เธอมีแผลใหญ่มากจากแก้มยาวไปจนถึงกรามนี่นา!? แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าเธอถูกฆ่าตายใช่ไหม? “
เมลวิลล์พยักหน้าให้กับคำพูดของลาซูลิน
“แต่ว่านะ แต่ว่า รู้ไหม! แผลถูกเย็บแบบนั้นทำให้เธอดูเหมือน แฟรงเกนสไตล์ เลย”
ใบหน้าของลาซูไลน์รู้สึกประหลาดใจ เมลวิลล์พยักเช่นเดิม
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นเหรอ? ได้เรียกเธอรึเปล่า? เธอพูดอะไรบ้างไหม? “
“เธอหันมาหาเรา แต่เหมือนว่าจะพูดหรือทำอะไรไม่ได้เลย แม้แต่ปากของเธอก็ถูกเย็บด้วยนะรู้ไหม?
แถมก็ไม่ใช่ที่ที่พวกเราจะพูดอะไรแบบว่า ‘เฮ้ ‘หวัดดี’ ออกมานะ!’”
คนที่จะพูดแบบนั้นก็มีแต่เป็นลาซูไลน์แล้วก็เชอร์น่าเมาส์นั่นแหละ จะให้เมลวิลล์ตะโกนนี่คงยาก
“อ๊ะ จะว่าไป แล้วเชอร์น่าล่ะ?”
“ตั้งแต่จีโนไซโควิ่งออกไป เชอร์น่าก็ไล่ตามไปน่ะ! ถ้าเชอร์น่าพาจีโนไซโคกลับมาได้ล่ะก็
เบลซี่ก็จะรู้ไงว่า ‘ว้าว, นี่พวกเธอพูดความจริงเหรอเนี่ย?’ ไงล่ะ!”
“ฉันไม่เคยบอกนะว่าเธอพูดโกหก”
“จริงอ่ะ!? ว้าว เบลซี่ เค้านึกว่าเบลซี่อ่ะปล่อยออร่าน่าสงสัย วู้ม วู้ม รอบตัวอยู่ซะอีก!”
พวกเธอไม่ได้โกหก แต่พวกเธอคงเห็นอะไรผิดไปแน่ๆ
ลาซูไลน์ที่ใจร้อนกับเชอร์น่าที่ก้าวร้าวคงต้องทำอะไรพลาดแน่ แต่ถ้าเมลวิลล์อยู่ที่นี่
แสดงว่าสิ่งที่เธอเห็นคงไม่ผิดพลาด
นั่นหมายความว่าจีโนไซโคยังอยู่ที่ไหนซักที่
เย็บแผลเข้าด้วยกัน นั่นเธอทำเอง หรือมีบางคนทำกับเธอแบบนั้นนะ
ทำไมถึงทำแบบนั้นโดยไม่ใช้ยาฟื้นพลังล่ะ? ทำไมเธอทำอะไรอิสระแบบนี้โดยไม่บอกสมาชิกในปาร์ตี้ล่ะ? ดีเทคเบลไม่เข้าใจเลย
ดีเทคเบลจับคอเสื้อของเธอแล้วมองไปทางลาซูไลน์ เธอมองไปที่เมลวิลล์ เมลวิลล์ก็พยักหน้าตอบและเงนคางขึ้นไปทางร้านค้า
“เทอกับมาแล้ว”
จากขอบเขตระหว่างสิ่งก่อสร้าง มีบางอย่างสี่ขาวิ่งออกมาเข้าหาพวกเธอ ก่อนที่จะชนเมลวิลล์
เธอก็หยุดแบบทันทีทันใด ทิ้งรอยเท้าไว้บนพื้นดินและเริ่มมีฝุ่นควันเกิดขึ้น
ดีเทคเบลกับลาซูไลน์ไอในทันที
คนที่กระโดดก่อนจะถึงตัวพวกเธอคือ…เชอร์น่าเมาส์ เธอยกมือขวาขึ้น
“หายไปแล้วอ่ะ!” เชอร์น่าเมาส์รายงาน
“หายไป? หมายถึงจีโนไซโคเหรอ?” ดีเทคเบลถาม
“อื้อ อยู่ดีๆเธอก็หายไปเลย! เชอร์น่าคิดว่าเธอต้องวิ่งแบบเร็วสุดๆแน่ๆ!
แล้วก็ แล้วก็ น่าตกใจสุดๆเลยนะ เธอไม่ทิ้งกลิ่นอะไรไว้ด้วย! ”
“บางทีพวกเธออาจเห็นภาพลวงตากันยกกลุ่มก็ได้นะ”
“ไม่ใช่ภาพลวงตาซักหน่อย! เธออยู่ที่นั่นนะ!”
เชอร์น่าเมาส์ เหวี่ยงแขนเสื้อของเธอไปรอบๆ และมีอะไรบางอย่างกลิ้งออกมาบนพื้น
ที่ๆตามปกติเธอมักจะเก็บเมล็ดทานตะวันยักษ์ไว้ด้านใน
เมลวิลล์ ลาซูไลน์ และดีเทคเบล มองไปที่สิ่งที่กำลังกลิ้งอยู่
มันคือหินที่ห่อด้วยกระดาษ หินนั้นกลิ้งไปตามพื้น จนกระดาษที่ห่อไว้ก็เปิดออกมา
พวกเธอมองไปที่กระดาษ มันเขียนอะไรบางอย่างอยู่
ระวังคนทรยศ
“หือ? ใครเขียนเนี่ย?”
ไม่มีใครตอบคำถามที่ดูใสซื่อของเชอร์น่าเมาส์
เมลวิลล์เตะหินนั่นทิ้ง กระดาษที่ไม่มีอะไรทับก็ปลิวไปกับสายลม
“อ๊าาา! ปลิวไปแล้ว!” เชอร์น่าเมาส์ตะโกนและวิ่งตามไปเก็บ
“ตอนปาชุมกานพูดอาไรกานบ้างเหลอ?”
“โอ๊ะ ก็ พวกเราอยากให้ทุกคนร่วมมือกันน่ะ”
“อ่า ตงกานข้ามนะ”
เมลวิลล์ยังคงมองหินที่อยู่ตรงเท้าตัวเอง
“เลาม่ายรู้ว่าคายทามแบบเน้เน่นา? โคนเท่ทามเรื่องเรวล้ายเน้น่า? เพื่อนของเลางั้นเหลอ? แบบเน้มานอันตาลายนะ แถมลามบากด้วย”
“แต้ถ้าเราไม่รวมตัวกันในเวลาแบบนี้… “
“ม่าย พวกเลาอยู่แบบเน้แหละ”
นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เธอพูด และเธอก็ไม่พูดอะไรต่ออีก
______________________________________________________________________
☆ นกโกะจัง
นกโกะจังไปมาหลายที่ แต่ก็หาจีโนไซโคไม่เจอเลย
ปาร์ตี้ของดีเทคเบลบอกว่าพวกเธอเห็นจีโนไซโค หมายความว่าเธอยังมีชีวิตอยู่เหรอ? แต่จีโนไซโคไม่ปรากฏตัวให้นกโกะจังเห็นเลยนี่นส
เมื่อพวกเธอพยายามหาตำแหน่งของจีโนไซโคโดยใช้แผนที่ ปรากฎว่ามีเพียงตำแหน่งของ @เนี๊ยวเนี๊ยวที่แสดงอยู่บนแผนที่ เห็นได้ชัดว่ามันไม่แสดงตำแหน่งของคนแต่แสดงตำแหน่งของเมจิคัลโฟนแทน
แบบนี้มันไม่มีประโยชน์
ถ้ายังมีชีวิตอยู่ อย่างน้อยก็ช่วยโผล่หน้ามาให้เห็นหน่อยสิ
นกโกะจังคิดแบบนั้นแต่ไม่ได้พูดออกมาเสียงดัง
ตั้งแต่เกิดการต่อสู้ในเมือง @เนี๊ยวเนี๊ยวไม่ค่อยพูดอะไรเลย และไม่ว่าเมื่อไหร่ที่นกโกะจังมองเธอ มันดูเหมือนว่าเธอจะมองออกไปไกลๆตลอด
นกโกะจังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อกระจายอารมณ์ที่มีความสุขไปให้เธอ แต่เธอก็ไม่รู้ว่ามันได้ผลมากแค่ไหน
เกมที่ความตายเชื่อมต่อกับชีวิตจริง, จีโนไซโคที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ศัตรูคือฆาตกรและหัวขโมย และในที่สุด @เนี๊ยวเนี๊ยวก็ฆ่าเธอได้
แม้เธอจะเป็นฆาตกร แต่มันทำให้ @เนี๊ยวเนี๊ยวรู้สึกแย่รึเปล่านะ?
ถ้าจีโนไซโคปรากฎตัวออกมาก็คงดี
ว้าว @เนี๊ยวเนี๊ยว เนี่ยแข็งแกร่งสุดๆเลย
ทุกคนควรจะร่วมมือเพื่อให้รอดไปด้วยกันนะ
นกโกะจังพูดแบบนั้นไม่ได้ ถ้าเธอพูดออกมาล่ะก็ @เนี๊ยวเนี๊ยว ต้องมีความทรงจำที่เลวร้าย และการจำเรื่องเหล่านี้ก็จะตัวเธอแย่ลงเรื่อยๆ
“ฉันเลิกเป็นเมจิคัลเกิร์ลแล้วล่ะ รูว”
ตอนกินอาหารอยู่ดีๆ @เนี๊ยวเนี๊ยวก็พูดออกมาแบบนั้น
@เนี๊ยวเนี๊ยวไม่ได้พูดอะไรเลยนกโกะจังเองก็ด้วย ทั้งสองคนต่างก็เงียบ แค่กินอาหารที่น่าสะอิดสะเอียนของตัวเอง
หนึ่งสิ่งที่ทำลายความเงียบคือคำพูดของ @เนี๊ยวเนี๊ยวที่จู่ๆก็พูดออกมา มันก็พักนึงแล้วที่นกโกะจังไม่ได้ยินเสียงของเธอ
เลิก? หมายความว่ายังไงคะ?”
“ตามที่พูดไปน่ะ รูว, เกษียณตัวเองจากการเป็นเมจิคัลเกิร์ล รูว”
“ใครคะ?”
“ฉันเอง”
“หือ? @เนี๊ยวเนี๊ยว เป็นเมจิคัลเกิร์ลที่เกษียณแล้วเหรอคะ? แบบนั้นทำไมถึงเข้าร่วมเกมนี้ล่ะ?”
“เป็นคำถามที่ดีนะ ว่าไหม?”
นกโกะจังลังเลที่จะปลอบใจเธอ ไม่เหมือนว่า @เนี๊ยวเนี๊ยวพูดขึ้นมาเพราะต้องการความเห็นใจ
และไม่เหมือนว่าจะเป็นการคร่ำครวญเช่นกัน
เหมือนว่าเธอพยายามจะสื่อใจให้รู้ ใบหน้าของ@เนี๊ยวเนี๊ยวนั้นดูสงบนิ่ง
“มันมีเรื่องอะไรบางอย่างที่เลวร้ายเกิดขึ้นน่ะ ดังนั้นฉันก็เลยเลิกเป็นเมจิคัลเกิร์ล รูว”
“เรื่องเลวร้าย…”
เธอหยุดพูดตรงนี้ หาก @เนี๊ยวเนี๊ยวนึกถึงเรื่องเลวร้าย ความรู้สึกของเธออาจแย่ไปกว่านี้
“ฉันเองก็จำอะไรไม่ได้มากหรอก รูว, รู้แค่ว่าตัวเองเลิกเป็นเมจิคัลเกิร์ลเพราะมีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้น แต่ฉันจำไม่ได้ว่ามันคืออะไร…”
@เนี๊ยวเนี๊ยวเคี้ยวเสบียงของเธออย่างช้าๆ
“เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น… ฉันถึงเลิกเป็นเมจิคัลเกิร์ล… แต่ก็เข้าร่วมเกมนี้…โดยปกติแล้ว… ฉันคิดว่ามันแปลกหน่อยๆ”
ดูเหมือนเธอจะทุกข์ใจ ชัดเจนว่าตัวเธอดูไม่ปกติ
@เนี๊ยวเนี๊ยวยังคงพึมพำต่อไป
“ก่อนหน้านี้ที่ด้านบนสิ่งก่อสร้าง ฉันร้องไห้จนน้ำตาไหลพรากออกมา ฉันเศร้า เพราะตัวเองฆ่าคนตาย
ฉันสู้กับบางคน คนที่หันหลังกลับให้ไม่ได้ ฉันรู้…แต่…”
เธอมองขึ้นไป ท้องฟ้านั้นไม่มีเมฆ ไม่มีดาว ไม่มีดวงจันทร์ ไม่มีอะไรเลย
มีเพียงความมืดที่แผ่ออกกว้าง และความมืดนั้นก็สะท้อนในดวงตาของ @เนี๊ยวเนี๊ยว
“ครั้งที่สอง… ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2…? ถ้าเป็นครั้งที่ 2 จริงก็ต้องดีขึ้นสิ…”
พุ่มไม้ขยับ ใบไม้เสียดสีกัน นกโกะจังยืนขึ้น มือของเธอถูก @เนี๊ยวเนี๊ยวกุมอยู่
“ใครน่ะ รูว?”
ดวงตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความจริงจัง
เสียงของเธอเองก็เต็มไปด้วยความระแวดระวัง
นกโกะจังประหลาดใจว่า ทำไม @เนี๊ยวเนี๊ยวถึงกลับเป็นปกติได้รวดเร็วแบบนี้นะ
“ฉันเอง”
เมจิคัลเกิร์ลวีลแชร์ ส่วนคนที่อยู่เข็นวีลแชร์ของเธออยู่ด้านหลังคือเมจิคัลเกิร์ลชุดพยาบาล
เมจิคัลเกิร์ลวีลแชร์นั้นชื่อว่าพีเฟิล เธออยู่ในปาร์ตี้เดียวกับมาสก์วอนเดอร์ผู้ที่เป็นเหยื่อของการฆาตกรรม
ส่วนนางพยาบาลสีดำ… เธอชื่ออะไรกันนะ?
เมจิคัลเกิร์ลที่มาพร้อมกับพีเฟิล คนที่กระโดดมาช่วยชีวิตเธอก่อนจะถูกฟัน… แต่นกโกะจังจำชื่อเธอไม่ได้
“จำพวกเราได้ไหม? ฉันชื่อพีเฟิล ส่วนนี่คือชาโดว์เกล”
ใช่แล้ว พีเฟิลกับชาโดว์เกล
“ฉันมาที่นี่เพราะมีเรื่องขอร้องน่ะ ช่วยรับฟังได้ไหม?”
“พวกเราคุยเรื่องร่วมมือกันไปแล้วนี่ รูว? ถ้าเป็นเรื่องเดิมล่ะก็ฉันไม่มีเหตุผลที่ต้องฟังนะ”
นกโกะจังมองไปที่ @เนี๊ยวเนี๊ยว คิ้วของเธอนั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
เธอดีใจที่เห็น @เนี๊ยวเนี๊ยว กลับมาเป็นปกติแล้ว
ในขณะที่เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงแบบกระทันหันนั้นทำให้นกโกะจังกังวล
“ทีมของดีเทคเบลนั้นเหมือนว่ายังทำการฮุบเขตแดนเป็นของตัวเองอยู่
ทุกครั้งที่พวกเราเข้าไปใกล้ เจ้ายักษ์ 30 เมตร เชอร์น่าเมาส์ก็จะปรากฏตัวมาขู่ตลอด”
ในเกมนี้ เมจิคัลแคนดี้คือสิ่งจำเป็นสำหรับทุกอย่าง
เพื่อที่จะเคลียเกมเอง พวกเธอก็จำเป็นต้องรวบรวมให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันนั้นเป็นเพียงการชะลอเวลาของเป้าหมายหลัก การเคลียพื้นที่เท่านั้น
ตอนนี้การร่วมมือกันของผู้เล่นนั้นพังทลาย
และเพราะการพังทลายนี้เอง ใครกันที่จะได้รับประโยชน์ในตอนท้ายกันนะ?
มันชัดเจนมากเลย…
“คิดอะไรอยู่น่ะ รูว!? ไม่ได้คิดจะสู้กันใช่ไหม รูว…?”
ตอนนี้นกโกะจังได้ยินเสียงขบฟันของ @เนี๊ยวเนี๊ยวด้วย
“ถ้าจะทำล่ะก็หยุดซะ รูว, ฉันรู้ว่าเคลียเกมนั้นมันสำคัญ แต่กับเรื่องสนามล่าน่ะมันไม่ใช่ รูว! ”
“ใช่ เธอพูดถูก แต่พอเมื่อฉันขอให้คนอื่นหยุดก็ไม่มีใครฟังเลย”
“อย่างที่พูด ฉันจะไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงในการต่อสู้หรอก รูว”
“ที่ฉันมาที่นี่ไม่ได้มีจุดประสงค์แบบนั้นหรอกนะ ที่ฉันต้องการจริงๆน่ะคือพลังของเธอต่างหาก”
______________________________________________________________________
☆ ชาโดว์เกล
ตอนนี้พื้นที่ที่ถูกเปิดล่าสุดคือพื้นที่ในเมือง ถึงจะสามารถเรียกมันว่าเมืองที่ล้ำยุคได้ แต่มันก็ไม่มีใครอาศัยอยู่เลย
จริงๆมันรู้สึกเหมือนกับพวก ไซเบอร์พังค์ มากกว่า มีสายเคเบิลระโยงระยางอยู่ทั่วไปหมด
ขนาดทางเข้ายังดูน่าโมโหที่อื่นหน่อยๆ
ไม่เหมือนกับพื้นที่ทุ่งร้าง, ทุ่งหญ้า หรือภูเขาที่เป็นพื้นที่โล่งกว้าง พื้นที่ในเมืองนี้คือเขาวงกต มันต้องใช้เวลาเพื่อให้คุ้นชินกับพื้นที่
ที่ร้านค้ามีอาวุธและชุดเกราะขายเช่นเดิม จนถึงตอนนี้ร้านค้าก็เพิ่มค่าพลังโดยการ เพิ่มบวก เสมอ ซึ่งคราวนี้คือ +5
ชาโดว์เกลซื้ออาวุธ+5 มา และเมื่อเธอติดตั้งลงไปแล้วมันก็กลายเป็นประแจ เธอลองเหวี่ยงมันดูรอบๆ มันดูเหลือเชื่อ เห็นได้ชัดว่าอาวุธสร้างมาจากความคิดในใจของผู้เล่น
เมื่อเธอลองเอามันกลิ้งอยู่บนฝ่ามือ ตัวเธอหนีความรู้สึกนั้นไปไมได้เลย
มอนเตอร์ที่ปรากฎตัวมาคือ การ์ดโรบ็อต พวกมันดูเหมือนแอนด์ดรอยที่อยู่ในอนิเมหุ่นยนต์
จากหนังสือภาพมอนเตอร์ พวกมันมีด้วยกัน 4 ชนิด
แบบโจมตี, แบบป้องกัน, แบบยิง และ แบบผู้บัญชาการ
พวกมันโจมตีด้วยการช็อตไฟฟ้า, ยิงมิสไซล์ลูกเล็ก, เอาตัวกระแทก และอื่นๆ
เมื่อเทียบกับก็อบลินและสเกเลตันแล้วพวกมันแข็งแกร่งกว่ามาก และเพราะแบบนั้นพวกมันถึงดรอปแคนดี้มากกว่า นอกจากนี้ยังมีโอกาสดรอปแรร์ไอเท็ม 1% ด้วย
ตัวอย่างก็ ชิ้นส่วนแขน, ชิ้นส่วนขา, ชิ้นส่วนร่างกาย และ ชิ้นส่วนหัว เป็นต้น
ชิ้นส่วนพวกนี้สามารถเอาไปขายที่ร้านค้าได้ในราคาสูง แต่สำหรับผู้เล่นอย่างชาโดว์เกลนั้นเห็นว่าการเอาขายชิ้นส่วนพวกนี้ไปขายมันไม่มีความหมาย
เวทมนตร์ของชาโดว์เกลคือ การปรับแต่ง โดยใช้กรรไกรและประแจของเธอ
เธอสามารถเพิ่มพลังได้เกือบทุกอย่าง เช่น คุณภาพของภาพในทีวี, อัตราการกินน้ำมันของรถ, หน่วยความจำของ PC เธอใช้พลังเวทของตัวเองกับสิ่งง่ายๆพวกนี้ได้
ตอนนี้ชาโดว์เกลกำลังขยับมือทั้งสองข้าง เอาชิ้นส่วนต่างๆที่ได้มาจากการที่พวกเธอไปขอร้องให้ปาร์ตี้อื่นช่วยรวบรวม เอามาปรับแต่งวีลแชร์ของพีเฟิล
เมื่อพวกเธอประกาศว่าจะดวลกับเชอร์น่าเมาส์ เกือบทุกคนก็เห็นด้วย
ชาโดว์เกลจึงได้รู้ว่ามีคนเกลียดปาร์ตี้นั่นมาก
นอกจากการรวบรวมชิ้นส่วนแล้ว พวกเธอยังเข้าหา @เนี๊ยวเนี๊ยวเพื่อขอให้เธอช่วยในการขนย้าย
วีลแชร์ของพีเฟิลรุ่นปรับปรุงใหม่ เนื่องคำขอร้องที่ฟังดูประหลาดของเธอ จึงทำให้ความคล่องตัวนั้นลดลงมาก อีกอย่าง เธอรีบทำแบบนี้เพราะมันจะได้ประหยัดเวลาและง่ายกับทุกคนที่ต้องขนย้าย
ชิ้นส่วนค่อยๆรวมเข้าด้วยกันอย่างช้าๆโดยไม่มีส่วนไหนขาดหาย
งานของชาโดว์เกลดูเหมือนจะไม่จบไม่สิ้นเลย
พีเฟิลมองดูเมจิคัลโฟนของเธอ ดูเหมือนกำลังอ่านอะไรบางอย่าง
“เอ่อ…”
“อะไรเหรอ มาโมริ?”
“นี่ฉันต้องทำแบบนี้อีกนานแค่ไหนเหรอ?”
“จนกว่าจะพอใจ”
ใครพอใจล่ะนั่น? เธอไม่รู้สึกว่าพีเฟิลจะตอบคำถามของเธอได้เลย
“ฉันมีอะไรอยากพูดเรื่องนึง”
“อะไรล่ะ?”
“ตอนที่ทำเจ้านี่ ฉันก็คิดเรื่องๆนึงไปด้วย”
“แหม แหม ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าทำงานหลายพร้อมกันได้”
“เรื่องคนที่ฆ่ามาสก์วอนเดอร์”
“โฮ่?”
“เธอคิดว่าใช่ @เนี๊ยวเนี๊ยว รึเปล่า?”
ชาโดว์เกลคิดว่า @เนี๊ยวเนี๊ยว เป็นอะไรที่ค่อนข้างพิเศษ
แต่พีเฟิลก็ยังมองเมจิคัลโฟนของตัวเองอย่างใจเย็น ตรงข้ามกับความคาดหวังของเธอ
ชาโดว์เกลจึงทำงานต่อ จนเวลาผ่านไปซักพักก่อนที่พีเฟิลจะตอบ
“มาโมริ…เมื่อเธอสงสัยใครซักคนเนี่ย เธอมีหลักฐานอะไรไหม? เธอน่ะเป็นคนประเภทที่แตกต่างกับฉันนะ”
คนส่วนใหญ่นั้นแตกต่างจากพีเฟิล หากอยากจะอวดดีเหมือนเธอ ก็จำเป็นต้องมีพลังพิเศษ
“ก็จริง”
“ทำไมเธอถึงคิดว่า @เนี๊ยวเนี๊ยว เป็นคนร้ายล่ะ? ฉันอยากรู้จัง”
“เพราะตอนที่เธอสู้กับเจ้าซามูไรนั่นในเมือง เธอโจมตีโดยการขว้างหินใส่”
“อ๊ะ งั้นเหรอ นั่นดูเป็นพลังเวทย์ที่มีประโยชน์ดีนะ”
เธอขว้างหินออกมาจากคัมภีร์ของเธอ ขว้างได้แม้กระทั่งสิ่งก่อสร้าง ไม่เพียงแค่นั้นยังเอากลับเข้าไปได้ด้วย พวกสิ่งก่อสร้างและก้อนหินนั่นเป็นสิ่งที่ชาโดว์เกลเห็นอยู่ในเกม
พลังเวทของ @เนี๊ยวเนี๊ยว คือ ทำให้วัตถุต่างๆกลายเป็นคัมภีร์ ใช่ไหมนะ?
“เพราะมาสก์วอนเดอร์โดนหินบดขยี้ที่หัวจนตาย ไม่ใช่เหรอ?”
“…นั่นคือการสันนิษฐานของเธอสินะ? เพราะ @เนี๊ยวเนี๊ยว ใช้หินเป็นอาวุธ? ใช่ไหม?”
“แน่นอนว่าไม่ นั่นน่ะเป็นแค่สิ่งเดียวที่ทำให้เธอดูน่าสงสัย”
“โฮ่? แล้วอะไรคือเหตุผลหลักกันล่ะ?”
“เหรียญน่ะ”
ชาโดว์เกลหมุนประแจของเธอและตัดชิ้นส่วนบางส่วนออกด้วยกรรไกรของเธอ
เพราะไม่ใช่รูปแบบที่ต้องการ บางทีเธอก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรอยู่เหมือนกัน
“@เนี๊ยวเนี๊ยวมีสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่อยู่ในคัมภีร์ของเธอ ถ้าเป็นแบบนั้น การที่เธอจะเก็บข้อมูลลงในคัมภีร์โดยไม่ต้องติดตั้งในเมจิคัลโฟนก่อนก็มีความเป็นไปได้ ถ้าเธอไม่ได้ติดตั้งลงไปในเมจิคัลโฟนก็แสดงว่าต้องพกติดตัวอยู่ ใช่ไหมล่ะ?
อารมณ์ของชาโดว์เกลจริงจัง เหมือนกับเด็กประถมที่คิดคำตอบออก เธอมองไปที่พีเฟิลคนที่ยังจ้องหน้าจอเมจิคัลโฟนอยู่
“เหตุผลของเธอนี่ไม่เลวนะ”
“ใช่ไหมล่ะ?”
“บางทีฉันอาจจะประเมินเธอต่ำไปหน่อยก็ได้ มาโมริ”
ชาโดว์เกลคิดว่า นี่พีเฟิลคิดว่าตัวเธอเป็นคนแบบไหนกันเนี่ย
______________________________________________________________________
☆ ดีเทคเบล
การกลายเป็นเมจิคัลนั้น โดยทั่วไปมันก็มีความเป็นไปได้ที่จะพบเจอสิ่งแปลกๆ เป็นปกติ
แต่สายตาของดีเทคเบลที่มองไปอยู่ตอนนี้
นี่มันเป็นไปไม่ได้
แม้จะอยู่ห่างกันหลายกิโลเมตร แต่ก็ยังเห็นเปลวเพลิงจากการต่อสู้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เห็นแล้วจะรู้สึกสบายอกสบายใจ แม้จะขยับเพียงนิดเดียว มันก็สร้างเสียงและฝุ่นควันจนน่าประหลาด
เชอร์น่าเมาส์ที่สูง 30 เมตร และบางอย่างด้านหน้าเธอซึ่งสูง 30 เช่นกัน… ควรเรียกเจ้านี่ว่าอะไรดีนะ?
ครั้งแรกที่เห็นมันดูเหมือนกับปู แต่มันไม่ใช่ปูแน่นอน มันเป็นจักรกล
พีเฟิลเรียกมันว่า ยานเกราะแมงมุม 10 ขา ใช่ไหมนะ?
ฝุ่นตลบและแผ่นดินก็สั่นสะเทือน เมื่อเชอร์น่าเมาส์วิ่งเข้าหาและจับยานเกราะ 10 ขานั่น
ขนาดยืนอยู่ตรงนี้ยังสัมผัสได้ถึงเสียงและแรงกระแทกจากการปะทะ
แขนของทั้งคู่ดันกันอย่างรุนแรง แต่ขาของยานเกราะที่เหลืออยู่ 8 นั้นเปิดฉากโจมตีไปที่ด้านข้างของเชอร์น่าก่อน ทำให้เชอร์น่าเมาส์เสียการทรงตัวและล้มลงไป
ทั้งคู่นั้นถูกควันพรางตัวอยู่ เชอร์น่าเมาส์กลิ้งถอยออกมาจนโดนสิ่งก่อสร้างของทุ่งร้าง
มันถูกทำลายไปครึ่งหนึ่งและถล่มลงมา โดยไม่มีตัวของเชอร์น่าเมาส์ขนาดยักษ์อยู่ตรงนั้น
แม้เชอร์น่าเมาส์จะออกจากการต่อสู้ไปแล้ว แต่เจ้ายานเกราะแมงมุมนั่นก็ไม่ได้ไล่ตามไป
มันยืนอยู่ที่จุดเดิม มีบางอย่างยื่นออกมาตรงจุดที่ปกติคือตาของปูและส่องแสงจ้า
เกิดการระเบิดขึ้นที่ด้านหน้าของยานเกราะ มันยิงเลเซอร์บีมออกมา
เชอร์น่าเมาส์ถูกเป่าปลิวจนกลิ้งไปไกลกว่าเดิม จนสิ่งก่อสร้าง 3 ที่พังถล่มลงมา
หลังจากเงาของยานเกราะนั่นอยู่เหนือเศษซาก พวกเธอทั้งหมดก็หายไป
แม้ดีเทคเบลจะมองดูอยู่ด้านบนของสิ่งก่อสร้างห่างออกมาจากการต่อสู้ เธอก็ยังคงเห็นระดับของการทำลายล้าง
เมลวิลล์ย่นตาขวาเล็กน้อย ส่วนลาพิส ลาซูไลน์ ทุกครั้งที่เชอร์น่าเมาส์ถูกโจมตีเธอก็จะส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย
ดีเทคเบลเห็นการต่อสู้ด้านหน้าชัดมากขึ้นแล้ว เจ้ายานเกราะ 10 ขาได้เปรียบ มันโจมตีเชอร์น่าเมาส์ด้วยหลากหลายวิธี แถมมันมีทั้งความเร็วและความสามารถในการกระโดดอีกด้วย
ไม่มีใครคิดว่าเชอร์น่าเมาส์ เมจิคัลเกิร์ลที่ดูเหมือนจะชนะได้ทุกอย่างจะมาแพ้แบบนี้
ทั้งเมลวิลล์และลาซูไลน์ไม่อยากให้เธอแพ้ ส่วนดีเทคเบลนั้นไม่คิดอะไรมาก แถมหวังว่าอยากเธอจะแพ้จริงๆอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ในตอนเช้า เธอได้รับข้อเสนอมา
______________________________________________________________________
“ฉันอยากจะท้าดวล โดยไม่มีการสูญเสียชีวิต”
ในตอนที่ทีมของดีเทคเบลนั้นกำลังกินอาหารเช้ากันอยู่ ก็มีเมจิคัลเกิร์ลวีลแชร์กับนางพยาบาลสีดำ… พีเฟิลและชาโดว์เกลเข้ามาหา สิ่งแรกที่พวกเธอพูดคือท้าสู้
ในหัวของดีเทคเบลนั้นเต็มไปด้วยคำถามทันที แต่เธอก็เข้าใจความหมายของคำที่เธอพูด
“ถ้าฉันชนะการท้าดวล เธอต้องเลิกยึดครองสนามล่าซะ การกระทำของเธอใช้แต่กำลัง แต่ถ้าฉันพิสูจน์ได้ว่าพวกเราแข็งแกร่งกว่า แบบนั้นพวกเธอต้องออกไปอย่างไม่มีข้อแม้ เข้าใจไหม? เมลวิลล์พูดไว้แล้วนี่? มีเพียวผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะกำหนดกฎเกณฑ์ได้”
ดีเทคเบลสัญญาว่าจะตอบกลับทีหลัง พีเฟิลกับชาโดว์เกลก็กลับไป เมื่อดีเทคเบลถามสมาชิกในปาร์ตี้ก็เกิดการเถียงกันขึ้นมาทันที
“จริงเหรอที่เธอยึดสนามล่าเอาไว้ไม่ให้ปาร์ตี้อื่นเข้าน่ะ?”
“อื้อ! จริงสิ!”
เชอร์น่าเมาส์ไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไรเลย
“ทำไมถึงทำแบบนั้นล่ะ? พวกเราต้องร่วมมือกันกับทุกคนไม่ใช่เหรอ? “
“ไม่รู้สิ”
ในการที่จะเปิดประตูไปสู่พื้นที่ต่อไปนั้นพวกเธอต้องแทรกซึมเข้าไปยัง ศูนย์บัญชาการกลางรักษาความปลอดภัยของพื้นที่ในเมือง ในการที่จะทำแบบนั้นได้ พวกเธอจำเป็นต้องมีรหัสผ่าน เธอพยายามคุยเรื่องวิธีการหากับสมาชิกในปาร์ตี้อื่นแล้ว แต่การแสดงออกของแต่ละปาร์ตี้นั้นไม่ดีเลยซักนิด ราวกับว่าไม่อยากพูดถึง
ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าทำไม
“อย่ามา ‘ไม่รู้สิ’ กับฉันนะ! ตอนนี้เธอต้องไปขอโทษคนอื่นสิ เชอร์น่า!”
“ไม่เอา! เชอร์น่าไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย! เชอร์น่าไม่แพ้การดวลหรอก!”
เธอไม่ฟังเหตุผลเลย เป็นคนจำพวกที่คุยด้วยกำลังแทนที่จะใช้เหตุผลงั้นสิ
ลาซูไลน์เองก็กอดอกแล้วพูดว่า ‘สู้กันไม่ดีนะ!’ พร้อมพยักหน้าไปด้วย
ไม่ไหว
ดีเทคเบลหันหน้าไปหาเมลวิลล์
“หยุดเถอะ”
“มั่ยด้ายหรอก”
เธอหลับตา ขนตาของเธอนั้นสั่นไหวไปตามแรงลม
ใช่แล้ว ตัวเชอร์น่าเมาส์น่ะไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก เธอต้องการคำอนุญาต และเชอร์น่าเมาส์เองก็ฟังแต่เมลวิลล์คนเดียวเท่านั้น
“ฟางนะ ด้านนอกน้านยางมีโคนร้ายอยู่นายหมู่พวกเลา กานหยูดเจิงเป็นปายไม่ด้าย พวกเลาต้องทามต่อปาย”
“เมลวี่บอกว่าเราร่วมมือกับคนอื่นไม่ได้หรอก เพราะมันยังมีคนเลวซ่อนตัวอยู่น่ะ!” ลาซูไลน์แปลคำพูดของเมลวิลล์
“ถ้าเธอพูดแบบนั้น งั้นก็…”
ถ้าพวกเธอพูดแบบนั้น มันก็ไม่มีอะไรมายืนยันว่า แม้แต่ ใน ปาร์ตี้นี้เองก็อาจมีคนร้ายรวมอยู่ด้วยน่ะสิ… แต่เธอพูดแบบนี้ออกไปไม่ได้ มันไม่ใช่สิ่งที่จะพูดได้ในตอนนี้
ดีเทคเบลขบริมฝีปาก และสัมผัสได้ถึงรสชาติของเลือดตัวเอง
พลังเวทของเชอร์น่าเมาส์คือ ขยายร่างให้ใหญ่ขึ้น เป็นพลังเวทที่เรียบง่าย เรียบง่ายแต่ทรงพลัง
ไม่ว่าใครสามารถบาดเจ็บได้ง่ายจากการโจมตีของศัตรูตัวใหญ่ แต่เจ้าศัตรูตัวใหญ่นั้นจะไม่บาดเจ็บจากการโจมตีของตัวเอง
พวกมอนเตอร์นั้นทำให้พวกเธอลำบากอยู่ตลอด ถ้าหนึ่งในสี่ของพวกเธอ หากเชอร์น่าเมาส์อยู่ที่นั้นด้วย เธอสามารถจัดการมันได้ทั้งหมด
ในตอนนี้ อีกฝ่ายเลือกพื้นที่ทุ่งร้างเป็นพื้นที่ในการดวล เชอร์น่าเมาส์นั้นจะเก่งเมื่ออยู่ในพื้นที่เปิดโล่ง แม้ที่นี่จะมีอาคารที่กระจัดกระจายอยู่ทั่ว ก็ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด
เชอร์น่าไม่ฟังคำพูดของดีเทคเบลที่ห้ามเธอ และหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่พวกเธอตกลงต่อสู้ เชอร์น่าขยายร่างกลายเป็นยักษ์ ดีเทคเบล เมลวิลล์ และลาซูไลน์ทั้งหมดต่างก็มองเธอจากยอดสิ่งก่อสร้างที่ห่างออกไป
ในสนามรบทุ่งร้างแห่งนี้ ใครกันที่จะสู้กับมอนเตอร์แบบเธอได้นะ?
ในตอนนั้น @เนี๊ยวเนี๊ยวก็มุ่งหน้าตรงมาที่พื้นที่ดวล
นั่นเธอแข็งแกร่งเหรอ? แน่นอนว่าแข็งแกร่ง แต่ปัญหาคือแข็งแกร่งพอรึเปล่านี่สิ?
เธอขว้างคัมภีร์ออกมาหนึ่งม้วน มันลอยขึ้นไปในอากาศและมีเสียงระเบิดดัง ตูม! ตามมา
หลังจากที่ควันจางหายไปหมดแล้ว ก็มีปูยักษ์ที่เหมือนเป็นจักรกลยืนตระหง่านอยู่
รูปร่างเป็นทรงกระบอก มีเซ็นเซอร์ที่ดูเหมือนจะเป็นดวงตาส่องแสงอยู่ ที่ด้านข้างเหมือนว่าจะมีแผ่นเกราะซ้อนกันหลายชั้น โดยรวมแล้วมันดูมีน้ำหน้ามาก
ที่ตัวนั้น มีขางอกออกมา 10 ขา และเริ่มเคลื่อนไหวเร็วขึ้นทีละนิด
ขาแต่ละข้างมีข้อต่อ 2 ชิ้น และที่ตรงปลายนั้นคมกริบ ที่ผิวนั้นปกคลุมด้วยแผ่นเกราะหนา
เมื่อมันขยับ
เอี๊ยด, กึง, วูม
มีเสียงจักรกลดังออกมา ตัวของมันนั้นเป็นสีดำเมทัลลิค ตัวของมันกลม ไม่มีมุมเลยซักนิด
ไม่เหมือนกับปูของจริง เพราะไม่มีชิ้นส่วนที่ดูเป็นก้ามปูเลย
นอกจากจำนวนขาแล้ว มันก็ดูเหมือนแมงมุมจริงๆ
ส่วนขนาดนั้นก็ใหญ่พอๆกับเชอร์น่า แต่น้ำหนักคงมากกว่าเพราะขนาดตัวที่ใหญ่
ในขณะที่แบกพีเฟิลอยู่บนหลัง ชาโดว์เกลก็ปีนขึ้นไปจากตรงขา และเปิดฝาบนตัวถังของยานเกราะ เธอเตะพีเฟิลเข้าไป ปิดฝา แล้ววิ่งหนีออกมา
“เอาล่ะ มาเริ่มการดวลกันดีกว่า”
เสียงที่ออกมาจากลำโพงมันฟังดูหนักแน่นและดังมาก นั่นคือพีเฟิลไม่ผิดแน่ๆ
ในขณะที่เชอร์น่าเมาส์นั้นแปลกใจ แต่ไม่ได้รู้สึกกลัว
และการต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้น
______________________________________________________________________
เชอร์น่าเมาส์เสียเปรียบ ดูไม่ดีเลย ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเธอไม่ชนะแน่
ใจจริง ดีเทคเบลนั้นอยากให้เธอแพ้ เพราะในขณะที่ดีเทคเบลพยายามร่วมมือกับคนอื่น แต่ในปาร์ตี้เธอไม่ให้ความร่วมมือเลย
ถ้าเชอร์น่าแพ้ ความไม่พอใจของอีกฝ่ายก็จะหยุด และในที่สุดความร่วมมือก็จะเกิดขึ้น
ตาของยานเกราะมันส่องแสงอีกครั้ง และเกิดระเบิดขึ้นอีก จนเชอร์น่าเมาส์ปลิวถอยหลังไป
ร่างกายของเธอสั่นเหมือนกับเป็นไข้ เธอหดตัวลง และไขว้แขนไว้ที่หน้าเพื่อป้องกันการโจมตี
จาก เห็นได้ว่าเธอเกลียดการถูกโจมตีชัดเจนมาก
“พอเถอะ! เชอร์น่าแพ้ไปแล้วนะ!” ดีเทคเบลพูดพร้อมกับหันไปที่เมลวิลล์
เมลวิลล์นั้นมองสนามรบอย่างสงบนิ่ง
“ถ้าเป็นแบบนี้ เชอร์น่าได้ถูกฆ่าแน่! ฉันรู้ว่าพวกนั้นบอกว่าจะไม่ฆ่าเธอ แต่ดูสิ่งที่เกิดขึ้นสิ!”
“ปิดหูวซ้า”
เชอร์น่าเมาส์อ้าขาออกกว้าง พร้อมกับยกเอวขึ้นแและงอข้อศอกไปในเวลาเดียวกัน
เธอกางแขนออกและอ้าปากกว้าง กว้างจนกินพื้นที่ไปราวๆ ⅓ ของใบหน้า ภายในคอของเธอเริ่มสั่น
เธอตะโกนออกมาอย่างรุนแรง
ยานเกราะที่ดูเหมือนหนักมากก็เริ่มสั่น กรงเล็บของมันยึดอยู่ติดกับพื้นดิน สิ่งก่อสร้างใกล้เคียงพังทลาย
กลุ่มควันทั้งหลายก็ปลิวหายไป
ก่อนที่เชอร์น่าเมาส์จะตะโกน ดีเทคเบลนั้นก็เอามืออุดหูตัวเอง อ้าปาก และก็ล้มลง
ทุกอย่างสั่นสะเทือนด้วยเพียงอันดังก้อง เป็นการตะโกนที่บ้าคลั่งมาก
จนถึงตอนนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย
เชอร์น่าเมาส์หันหน้าตรงมาที่ยานเกราะ และวางมือสองข้างของเธอไว้ตรงปาก
ดีเทคเบลขยี้ตาตัวเอง มันมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น
เชอร์น่าคนที่น่าจะไม่เคลื่อนไหวแล้ว กลับเข้าไปใกล้
ตาของยานเกราะส่องแสงและเกิดระเบิดขึ้นอีกครั้ง แต่หากเทียบกับระเบิดครั้งล่าสุดแล้ว
ครั้งมันดูเล็กกว่าและทำได้แค่ให้เชอร์น่าตัวสั่นเบาๆ
ชุดแฮมเตอร์ของเชอร์น่าเมาส์นั้นเปื้อนไปด้วยเขม่าควันสีดำ
และดีเทคเบลก็รู้ตัว เชอร์น่าเมาส์นั้นไม่ได้เข้าไปใกล้ และการระเบิดก็ไม่ได้เบาลงแต่อย่างใด
แต่เป็นเพราะเชอร์น่าตัวใหญ่ขึ้น
เธอตัวใหญ่กว่ายานเกราะนั่น…สองเท่า…สามเท่า และยังขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
มีจุดดำๆเล็กๆ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางราว 2 เมตร ดีดออกมาจากตัวกลมๆของยานเกราะ
พุ่งออกไปทางด้านหลัง และหล่นลงสู่พื้นและกลิ้งไปมา
นั่นอะไรน่ะ?
ก่อนที่เธอจะคิดออกว่าคืออะไร เชอร์น่าเมาส์ก็ร่นระยะของตัวเธอกับยานเกราะภายในครึ่งก้าว
และบดขยี้ยานเกราะนั้นด้วยเท้าของเธอ
(tlkun ใช้ร่างกาย/yenpress ใช้เท้า)
ส่วนดีเทคเบลนั้นมองขึ้นไปบนฟ้า
______________________________________________________________________
☆ เพจิกะ
เพจิกะโดนหลอก ถ้าตายในเกมก็เท่ากับตายในชีวิตจริง แต่ตัวเธอเองหนีไปไหนไม่ได้ เธอเล่นเกมต่อก็ไม่ได้ เธอทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง
พื้นที่ถัดไปจากพื้นที่ในเมืองคือพื้นที่ใต้ดิน เมื่อพวกเธอเดินผ่านประตูไปแล้วก็เข้าสู่ห้องเล็กๆ จากนั้นพวกเธอก็เปิดฝาที่พื้นและเข้าไปด้านใน
จากนี้ไปพวกเธอเข้าสู่โลกใต้ดินแล้ว
มันไม่ใช่ดันเจี้ยนที่สร้างโดยมนุษย์ มันดูเหมือนถ้ำตามธรรมชาติมากกว่า พื้นของมันทั้งชื้นแฉะแล้วก็ลื่นด้วย
เพจิกะยกขาขวาของตัวเองขึ้น แต่เธอลื่นและล้มลงไป โนนาโกะพยายามช่วยอุ้มเธอขึ้นมาแต่ก็ร่วงตามลงไปด้วย เมื่อหลังของเธอกระแทกกับพื้นเหมือนว่าน้ำตาก็เริ่มไหลออกมา
ทั้งความกว้างและความลึกนั้นแตกต่างกันไปตามพื้นที่ที่พวกเธออยู่ เหมือนถ้ำตามธรรมชาติ
มันทั้งเย็นและลื่นมาก ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ควรใช้เวลาอยู่นานๆเลย
______________________________________________________________________
การต่อสู้ของพีเฟิลและมอนเตอร์ยักษ์เชอร์น่าเมาส์ จบลงด้วยชัยชนะของเชอร์น่าเมาส์
โชคดีที่แคปซูลดีดตัวของพีเฟิลช่วยชีวิตเธอไว้ หากมันไม่ทำงานล่ะก็เธอคงตายไปแล้ว
แม้ว่าเพจิกะจะมองไม่เห็น แต่เธอก็ยังกลัวหากตัวเองต้องอยู่ท่ามกลางเรื่องเหล่านั้น เธอได้ยินเรื่องมาจาก มิโยคาตะ โนนากะ กับริโอเน็ตต้า และเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
พีเฟิลทำได้ดีแล้ว หากเป็นเมจิคัลเกิร์ลคนอื่นนอกจากเธอ คงถูกเชอร์น่าเมาส์ฆ่าตายในทันทีไปแล้ว
การรวบรวมชิ้นส่วนที่พวกเธอต้องการนั้นถือว่าลำบาก แต่ไม่มีใครโทษพีเฟิลเลย
เธอทำได้ดีแล้ว ทุกคนบอกเธอว่าทำได้ดี และก็แยกย้ายกันออกไป ปาร์ตี้ของดีเทคเบลนั้นไม่ได้หยุดสิ่งที่พวกเธอทำอยู่ แต่เพจิกะคิดว่าอย่างน้อยเธอก็ได้สวนกลับไปบ้างแล้ว
วันต่อมา พื้นที่ใต้ดินได้ถูกเปิดขึ้น เห็นชัดว่าพีเฟิลนั้นเป็นคนไขปริศนาของการเปิดพื้นที่ใหม่เอง
ซึ่งทำไปพร้อมๆกับการเตรียมต่อสู้กับเชอร์น่าเมาส์
แก้ปริศนาเพื่อเปิดพื้นที่ถัดไปพร้อมกับเตรียมตัวพร้อมสู้ในเวลาเดียวกัน
คงไม่มีใครพยายามอย่างหนักเท่ากับเธออีกแล้วล่ะ
______________________________________________________________________
เพจิกะกับโนนาโกะที่เป็นหน่วยลาดตระเวณนั้นตัดสินใจไปด้วยกันกับหน่วยต่อสู้ ไม่ใช่ว่าหน่วยลาดตระเวณนั้นใช้การไม่ได้แต่อย่างใด แค่เพราะพวกเธอนั้นทำกิจกรรมเคลียพื้นที่ไม่สำเร็จเลย
พวกเธอเลยจึงทำภารกิจเสริมเพื่อรวบรวมไอเท็มและแคนดี้แทน
พูดง่ายๆเลย หากแบ่งกำลังตอนนี้จะกลายเป็นผลเสียกับพวกเธอซะเอง เพราะศัตรูในพื้นที่ใต้ดินนั้นแข็งแกร่งขึ้น แค่ริโอเน็ตต้ากับแคลนเทลนั้นไม่เพียงพอแล้ว ในตอนที่เพจิกะยืนอยู่นิ่งๆ นาโนกะนั้นก็เข้าร่วมต่อสู้ด้วย
อาวุธที่พวกเธอซื้อที่ในเมืองนั้น แม้มันจะแข็งแกร่งและใช้งานง่ายก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเธอจะพึ่งพาความแข็งแกร่งของอาวุธอย่างเดียวได้
ริโอเน็ตต้านั้นเป็นคนที่ผลักดันแผนนี้ ในการที่จะเคลียเกม ผู้เล่นทุกคนต้องร่วมมือกัน
แต่ว่าก็มีบางคนที่ปฎิเสธ
อย่างน้อยในปาร์ตี้ตัวเองก็ร่วมมือกันเข้าไว้ ริโอเน็ตต้าพูดอย่างเร่าร้อน และแคลนเทลเองก็ส่ายหัวไปมา
อยู่ดีๆ ริโอเน็ตต้าก็มากระซิบที่หูของเพจิกะ
“เพจิกะ เธอไม่ต้องกังวลอะไรหรอกนะ ฉันจะปกป้องเธอเอง”
มิโยคาตะ โนนาโกะหันกลับมาทันทีและพูดโพล่งออกมา
“เกิดดดอะไรขึ้น น่ะ?”
“โอ๊ะ ไม่เกี่ยวกับเธอหรอก รับรองได้เลย”
“เพจิกะอยู่หน่วยลาดตระเวณ เดียวกัน กับดิฉันนะ นั่นหมายความว่าพวกเราเหมือนเป็น พี่น้อง กันไงล่ะ!”
“ตรรกะโลกไหนของเธอล่ะนั่น?”
พวกเธอเถียงกันไปเถียงกันมาตามปกติ ทุกคนรู้สึกฉุนเฉียวเมื่อรู้ว่าตัวเองตายได้ตลอด
ไม่มีใครอยากเล่นเกมนี้ และรู้สึกเศร้าเพราะทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้
แต่หลายๆอย่างเหมือนว่าจะดีกว่าเมื่อก่อน พวกเธอรู้ว่ามีเพจิกะอยู่ด้วย ได้กินอาหารสามมื้อต่อวัน
เพจิกะเป็นคนสำคัญเสมอ
แม้จะเป็นตอนที่ไม่ใช่มื้ออาหาร ทุกคนก็เอาใจใส่เพจิกะ
ริโอเน็ตต้าหยิกแก้มของเพจิกะ
มิโยคาตะ โนนาโกะก็ชื่นชมเธอด้วยประโยคที่มีภาษาฝรั่งเศสปนมาด้วย
ความสนุกสนานของพวกเธอ ทำให้เพจิกะรู้สึกกระตือรือร้น
พวกเธอเดินไปตามทางใต้ดิน จนมาถึงพื้นที่โดมแบบเปิดโล่ง
ทันใดนั้นก็มีมังกรปรากฎตัวขึ้น
มังกรขนาดประมาณ 2 เมตร ระยะของปีกราวๆ 4 เมตร รูปร่างมันดูเหมือนกับหลุดมาจากเรื่องราวแนวแฟนตาซี แต่คิดว่าตัวมันดูเล็กกว่ามังกรในแบบที่คิดเอาไว้
สำหรับพวกเธอแล้ว เจ้านี่ไม่เป็นมิตรแน่นอน
แคลนเทลยิงอะไรบางอย่างคล้ายเชือกใสออกมาจากด้านหลัง และพันเข้ากับปีกของมังกร
มังกรนั้นส่งเสียงออกมาเหมือนกับนกที่พยายามหนีออกจากใยแมงมุม
ทุกครั้งที่มังกรพยายามจะหนี แคลนเทลก็จะดึงมังกรเข้าหาตัวเอง
ทั้งสองคนนั้นแข่งกันว่าฝ่ายไหนแข็งแกร่งกว่า และเมื่อทั้งคู่หยุดเคลื่อนไหว
ริโอเน็ตต้าตำนวนจังหวะแล้วก็กระโดดทันที กางแขนและกวัดแกว่งกรงเล็บของเธอ
แม้เกล็ดมังกรนั้นจะแข็งแกร่ง เธอก็ยังฉีกคอของมันจนขาด
มีเกล็ดสีฟ้าหลุดออกมา ตามด้วยเลือดสีแดงฉานพุ่งออกมาเหมือนน้ำพุ
เพราะพวกเธอสู้กันอยู่ในพื้นที่ใต้ดิน แคลนเทลจึงใช้ครึ่งล่างเป็นแมงมุมยักษ์
แถบสีเหลืองตรงช่วงท้องของเธอนั้นหมายความว่ามีพิษ
ทุกครั้งที่เธอขยับขาจะมีเสียง จิ๊กจิ๊ก ตลอดทาง ร่างกายที่เป็นแมงมุมเองก็ใหญ่
มีขนปกคลุมอยู่ทั่วดูน่าสยอง แค่เข้าใกล้ก็ทำให้เพจิกะนั้นยืนแทบไม่ไหวแล้ว
ตอนเป็นกวางหรือโพนี่ดูน่ารักกว่าเยอะเลย
เพราะพื้นผิวในพื้นที่ใต้ดินมันลื่น ดังนั้นการเป็นแมงมุมจึงดีกว่าสัตว์เท้ากีบ
มังกรร่วงลงมาจากด้านบน กระแทกกับพื้นดินจนแตกละเอียด
เมื่อริโอเน็ตต้ากับแคลนเทลจัดการมังกรเสร็จแล้วพวกเธอก็เปลี่ยนอาวุธ
และเข้าไปหาตัวที่มิโยคาตะ โนนาโกะเผชิญหน้าอยู่
มังกรตัวสุดท้ายที่พวกเธอสู้นั้นเป็นการต่อสู้กันในอากาศ แต่ก็ไม่ได้คณามือเมจิคัลเกิร์ลทั้ง 3 คน
สุดท้ายมังกรก็ถูกโค่นลง
ทุกคนไร้ร้อยขีดข่วน แน่นอนว่าเพจิกะก็ด้วย เพราะเธอไม่ได้สู้ตั้งแต่แรก
พวกเธอเอายาฟื้นพลังที่ฝากไว้ที่เพจิกะมารักษาบาดแผล
โนนาโกะใช้มันเพื่อรักษามังกรที่ร่วงลมมา
สัตว์เลี้ยงก็อบลินแสนน่ารักของเธอนั้นถูกทิ้งทันทีจากที่ได้มังกรมา
ริบบิ้นที่เคยผูกอยู่กับก็อบลินตอนนี้นั้นผูกอยู่กับมังกรแล้ว
ก็อบลินใช้การไม่ได้อีกต่อไป มันจึงเริ่มวิ่งหนี แต่ก็ถูกมังกรจัดการในครั้งเดียว
เมื่อเห็นอย่างนั้นโนนาโกะก็พูดว่า
“โอ้! , แข็งแกร่ง! , ทรงพลัง!, น่ารักที่สุด!”
เธอดูดีใจมาก แต่ดูเหมือนเธอไม่ได้ผูกพันธ์อะไรกับก็อบลินที่น่ารักจริงๆเลย
ไม่รู้เพราะเหตุผลอะไรเหมือนกัน เพจิกะไม่เข้าใจเลย
พวกเธอเดินหามังกรต่อไป และพบกับสนามล่าที่ยังไม่ถูกเชอร์น่าเมาส์มายึดครอง
จากที่นั่น พวกเธอมองหามังกร ฆ่ามัน เก็บแคนดี้และแรร์ไอเท็มที่ดรอป และใช้แคนดี้ซื้อไอเท็มฟื้นพลังและสิ่งของที่จำเป็น
ที่เมืองใต้ดินนั้นมีเครื่องรางขายอยู่ เครื่องรางสีแดงนั้นสามารถป้องกันการโจมตีธาตุไฟจากศัตรูได้
พวกเธอจำเป็นต้องหาเทคนิคในการจำแนกประเภทของมังกร
ตอนนี้พวกเธอยุบหน่วยลาดตระเวณทิ้ง ทั้งสี่คนตั้งใจไปที่การล่ามากกว่าการลาดตระเวณ เพราะมันมีผลดีมากกว่า
พวกเธอทิ้งการเปิดพื้นที่ใหม่ให้ปาร์ตี้อื่นจัดการ แม้ว่าจะไม่มีใครพูดอะไร
แต่อย่างน้อยเพจิกะก็คิดว่าทุกคนคงคิดเหมือนกันแน่ๆ
พวกเธอปล่อยให้การเคลียเกมนั้นเป็นของผู้เล่นคนอื่น ตั้งแต่มีคนที่ยึดพื้นที่ล่าดีๆเอาไว้เองและไม่ยอมร่วมมือด้วย การรวบรวมแคนดี้นั้นดีกว่าไม่ได้ทำอะไร
หากจะมีใครซักคนถูกจัดอยู่ในประเภท “ไม่ทำอะไรเลยซักอย่าง” นั่นก็คือเพจิกะ
เธอมีประโยชน์อย่างเดียวคือการเป็นที่เก็บของ แต่ก็ไม่มีใครบ่นอะไร
ทุกคนฝากความหวังไว้กับมืออาหารเสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ถึงเวลาอาหาร อารมณ์ของทุกคนก็จะดูสดใสขึ้น ตั้งแต่พวกเธอได้ไอเท็มจำพวกกล่องใส่มาอาหารมาจากไอเท็ม R อาหารที่เพจิกะทำได้นั้นก็หลากหลายขึ้น
ทุกคนบอกว่ามันอร่อย
ถ้ามันอร่อยล่ะก็ เพจิกะก็ดีใจ
…ไม่เป็นไร ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นล่ะก็ ไม่เป็นไร… ไม่เป็น…
ทันใดนั้นเมจิคัลโฟนของเธอก็ดังขึ้น
เธอลืมไปว่าก่อนการล็อกเอาท์จะมีการบังคับเทเลพอร์ตไปแล้ว
______________________________________________________________________
☆ นกโกะจัง
3 วันผ่านไป
เมจิคัลเกิร์ลมารวมตัวกันอีกครั้งในเมืองทุ่งร้าง บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด
พีเฟิลแพ้เชอร์น่าเมาส์ก็จริง แต่ดูเหมือนว่าปาร์ตี้ของดีเทคเบลนั้นไม่ได้รู้สึกดีใจเลย ความจริงแล้วดีเทคเบลนั้นแยกตัวออกมาจากทีมของเธอ พวกเธอจึงรู้สึกไม่ดีกัน
พีเฟิลเสียวีลแชร์ของตัวเองไป นกโกะจังได้ยินว่ายานเกราะแมงมุมนั่นคือวีลแชร์ของพีเฟิลที่ปรับปรุงใหม่ และตอนนี้ก็ถูกทำลายไปแล้ว
พีเฟิลซุบซิบกับชาโดว์เกล ทั้งสองคนคุยอะไรบางอย่างกันอยู่
คนที่เปิดพื้นที่ใต้ดินนั้นคือพีเฟิล เธอทำไปพร้อมๆกับเตรียมการต่อสู้ เรื่องนั้นทำให้นกโกะจังตัวสั่นด้วยความกลัว
ปาร์ตี้ของแคลนเทล… มิโยคาตะ โนนาโกะและริโอเน็ตต้านั้นกำลังโต้เถียงกันอยู่ เธอมองเห็นว่าพวกนั้นกำลังโต้เถียงแต่นึกไม่ออกว่ามันเป็นเรื่องอะไร แคลนเทลกับเพจิกะเองก็ดูปกติดี
@เนี๊ยวเนี๊ยวนั้นเหมือนว่าฟื้นเป็นปกติแล้ว แต่จีโนไซโคนั้นไม่ได้แสดงตัวออกมา แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอจะยังมีชีวิตอยู่ บางทีเธออาจจะปลอดภัยก็ได้
ปาร์ตี้ของดีเทคเบลบอกพวกเธอว่าเห็นจีโนไซโค
แม้อาจจะเป็นการเข้าใจผิด แต่ก็เป็นเหตุผลที่ควรเชื่อมั่น
“มันต้องมีเหตุผลที่ยูเมโนะชิม่าออกไปแบบนั้นสิ, รูว” @เนี๊ยวเนี๊ยวพูด
ตอนนี้เธอฟื้นพลังแล้ว ไม่ได้เศร้าเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป
มอนเตอร์ในพื้นที่ใต้ดินนั้นแข็งแกร่ง
นกโกะจังนั้นก็มีเครื่องรางที่เปลี่ยนการโจมตีของตัวเองได้
ถึงไม้ถูพื้นของเธอนั้นจะ +5 แต่ก็สู้กับพวกมันลำบาก ในขณะที่ @เนี๊ยวเนี๊ยวนั้นกำจัดมอนเตอร์ด้วยการใช้คัมภีร์และศิลปะการต่อสู้ แม้พวกเธอจะปาร์ตี้กันแค่ 2 คนนั้น แต่ก็สามารถเอาชนะหลายๆอย่างได้
นกโกะจังมีความคิดอยู่ ปาร์ตี้ 2 คนและปาร์ตี้ 2 คน เธอควรรวมปาร์ตี้กับพีเฟิล
หากพวกเรารวมเป็นปาร์ตี้เดียวกัน…
ความคิดของเธอหยุดอยู่แค่นั้น เมื่อเธอนึกถึงจีโนไซโค เธอก็ล้มเลิกแผนทั้งหมด
เธอยังมีชีวิตอยู่ พวกเธอทำตามแผนนี้ไม่ได้ หากพวกเธอทำล่ะก็ จีโนไซโคก็จะถูกลบออกจากปาร์ตี้ ใช่ไหม?
แบบนี้เป็นไปไม่ได้
ไม่มีทางที่จะโน้มน้าวใจ @เนี๊ยวเนี๊ยว คนที่ยังคิดเรื่องจีโนไซโคได้อยู่หรอก
ณ น้ำพุตรงใจกลางเมือง เมจิคัลโฟนของทุกคนจะหงายขึ้นเป็นภาพที่คุ้นเคย แต่นกโกะจังไม่อยากทำแบบนั้นเลย
หลังจากเปิดเมจิคัลโฟนขึ้นมาครู่หนึ่ง ภาพสามมิติก็ปรากฎขึ้นมา
“ขอบคุณที่มารวมตัวกันนะ ปอน”
ฟาล คราวที่แล้วถูกตะโกนด่าไปมากมาย แต่ครั้งนี้เจ้านี่ก็เหมือนเดิม
ใบหน้าไร้อารมณ์เวลาพูด และลอยไปลอยมา
ไม่มีคนที่ตะโกนจะทำร้ายอีกแล้ว เพราะพูดไปแล้วก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย
พวกเธอไม่รู้สึกเฉยๆ ไม่ยินดียินร้ายอะไร
“วันนี้คือวันล็อกเอาท์ของทุกคนล่ะ ปอน, ทุกคนจะล็อกเอาท์ตอนอาทิตย์ตกดิน และเช่นเคยจะใช้เวลา 3 วันในการปิดปรับปรุงก่อนที่จะเข้ามาอีกรอบได้ ปอน”
ฟาลหมุนตัวแนวตั้งและหลังจากนั้นก็มีประกายสีทองหล่นลงมา
“เหมือนกับครั้งที่แล้ว กิจกรรมพิเศษแบบสุ่มจะเริ่มแล้ว ปอน, กิจกรรมวันนี้คือ…”
เสียงของฟาลหยุดอยู่ตรงนี้ ทุกคนกำลังรอฟาลพูดให้จบอย่างเงียบๆ
ฟาลเงียบและหยุดเคลื่อนไหว
ในกิจกรรมครั้งที่แล้ว พีเฟิลชนะไปแบบขาดลอย คราวนี้จะเป็นกิจกรรมอะไรกันนะ?
ภาพของฟาลนั้นเกิดการบิดเบี้ยว แล้วก็ยืดออก พร้อมเสียงดังแปลกๆ
แม้ฟาลจะไม่แสดงอารมณ์บนใบหน้า แต่เหมือนว่าฟาลนั้นรู้สึกเศร้า
“…ทุกคน ช่วยดูจำนวนเมจิคัลแคนดี้บนเมจิคัลโฟนของตัวเองด้วย ปอน”
นกโกะจังดูเมจิคัลโฟน เธอมีแคนดี้ 2,651 ชิ้น ตั้งแต่ที่ปาร์ตี้มีกันแค่สองคน พวกเธอเลยหารครึ่งกัน
แต่ประสิทธิภาพในการกำจัดมอนเตอร์นั้นน้อยกว่าปาร์ตี้ 4 คนแน่นอนอยู่แล้ว
ยาฟื้นพลัง, สมุดภาพมอนเตอร์, เครื่องรางเปลี่ยนรูปแบบการโจมตี, บัตรผ่าน, อาวุธส่วนตัว,
เทเลพอร์ตเตอร์ และไอเท็มอื่นๆที่พวกเธอจำเป็นต้องซื้อ
เมื่อเทียบกับปาร์ตี้อื่น บางทีพวกเธอคงไม่ได้มีมากมายอะไร
“15 นาทีจากนี้ไป ผู้เล่นที่มีแคนดี้น้อยที่สุดจะตาย ปอน”
ทั้งเมืองปกคลุมไปด้วยความเงียบอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เสียงกรีดร้องและเสียงตะโกนอย่างโกรธแค้นก็เริ่มขึ้น
มิโยคาตะ โนนาโกะและริโอเน็ตต้าเริ่มเถียงกันอีกครั้ง
“ฉันบอกเธอแล้วไงว่าอย่าเอาแคนดี้ไปซื้อไอเท็ม R ให้มันเปลืองนัก!”
“ประทานโทษ! ใครกันนะที่พูดว่า ‘ข้าวน่ะ อร๊อยอร่อย! อร่อยสุดๆเลย!’ ”
คนในปาร์ตี้นั้นไม่ได้กังวลอะไร ส่วนปาร์ตี้อื่นก็ตะโกนใส่ฟาล
แต่ฟาลก็พูดซ้ำคำพูดเดิมอีกครั้งและอีกครั้ง
“เปลี่ยนไม่ได้หรอก ปอน, เราจะพูดอีกครั้ง ปอน,
15 นาทีจากนี้ไป ผู้เล่นที่มีแคนดี้น้อยที่สุดจะตาย ปอน”
นกโกะจังกำลังคิด แคนดี้สามารถโอนย้ายไปยังคนอื่นได้
หรือนั่นก็คือสามารถขโมยจากคนอื่นได้นั่นเอง
15 นาทีจากนี้ไป ผู้แข็งแกร่งจะขโมยจากผู้อ่อนแอไหมนะ?
เธอมองดูไปรอบๆตัว แม้จะมีคนที่มีท่าทีโกรธ แต่โดยทั่วไปทุกคนจะคุยกับปาร์ตี้ตัวเอง บางทีอาจจะวางแผนขโมยแคนดี้กันอยู่ก็ได้ แถมปาร์ตี้ของนกโกะจังก็มีคนน้อยจึงอยู่ในจุดที่เสียเปรียบอีก
เธอรู้สึกกลัว แต่นกโกะจังก็เลิกคิดเรื่องนี้โดยเร็ว เธอหลับตาลงและคิดว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น
นกโกะจังไม่อยากกระจายความรู้สึกแย่ๆออกไปเลย
เหมือนว่าจะไม่มีใครทำอะไรเลย
ปาร์ตี้ของพีเฟิลก็มีสองคน แต่ตอนนี้พีเฟิลเสียอาวุธตัวเองไปแล้ว แถมตอนนี้ชาโดว์เกลก็แบกเธออยู่บนหลังอีก
นกโกะจังมองไปที่ปาร์ตี้ของพีเฟิล และพีเฟิลก็มองไปยังฟาล
“ฟาล”
แม้จะมีความเอะอะวุ่นวาย แต่เสียงของพีเฟิลนั้นสามารถกลบมันได้ทั้งหมด
ถึงตัวของนกโกะจังจะอยู่ห่างจากพีเฟิล แต่ก็ยังได้ยินคำถามของเธอ
“นายพูดว่าผู้เล่นที่มีจำนวนแคนดี้น้อยที่สุดสินะ ถ้าหากมีคนที่มีแคนดี้เท่ากันมากกว่าหนึ่งคนล่ะ?
แบบนั้นจะสุ่มเอางั้นเหรอ? หรือจะตายหมดเลยล่ะ?”
ฟาลหายใจเข้า
“ถ้ามีคนมากกว่าหนึ่งคนที่มีแคนดี้เท่ากันก็จะไม่มีใครถูกเลือก ปอน!
กิจกรรมนี้จะจบลงโดยการไม่มีคนตาย ปอน!”
เมื่อพีเฟิลได้ยินคำพูดนั้น ใบหน้าของเธอก็มีรอยยิ่มที่ดูน่ารังเกียจพุดขึ้นมา
“นายโล่งอกใช่ไหมล่ะ เมื่อฉันชี้โพรงให้ดูว่าอาจจะมีคนที่มีแคนดี้เท่ากันมากกว่าหนึ่งก็ได้
ใช่ไหมล่ะ?”
ฟาลไม่สนใจพีเฟิลและประกาศซ้ำต่อไป
“เราขอย้ำ ปอน, หากมีคนมากกว่าหนึ่งคนที่มีแคนดี้เท่ากัน ก็จะไม่มีใครถูกเลือก ปอน, และกิจกรรมนี้จะจบลงโดยที่ไม่มีคนตาย ปอน!”
ดูเหมือนจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้น
“ถ้างั้น พวกเราก็แค่ทำแคนดี้ของทุกคนให้เท่ากันชั่วคราว ใช่ไหม รูว?”
“เอ๋!? เชอร์น่าไม่อยากถูกลดแคนดี้อ่ะ!”
“เมื่อกิจกรรมนี้จบ พวกเราก็แบ่งแคนดี้กลับตามเดิม ไม่เป็นไรหรอก ใช่ไหมล่ะ?” ดีเทคเบลตอบกลับ
“แน่นอน ปอน! เมื่อกิจกรรมจบ จำนวนแคนดี้ก็ไม่ได้สำคัญอีกต่อไปแล้วล่ะ ปอน!”
“แบบง่ายที่สุดเลยก็คือทำให้ทุกคนมี 0 แคนดี้เท่ากัน” ลาพิส ลาซูไลน์พูด
“นี่เธอบอกว่าจะให้ซื้อไอเท็มจากร้านจนแคนดี้เหลือ 0 งั้นเหรอ? โยนมันทิ้งให้หมดเลยงั้นสิ? ฉันไม่ยอมรับหรอกนะ!” ริโอเน็ตต้าพูดอย่างเย้ยหยัน
“ถ้ารวบรวมแคนดี้ ทั้งหมด ไปอยู่ในเมจิคัลโฟนของคนๆเดียวล่ะ?”
มิโยคาตะ โนนาโกะเสนอความคิด
“แบบน้านม่ายดีหรอก หากโคนๆน้านเว่งเหน่ปายล่า? คายกานเท่พวกเลาจาฝากแคนดี้ด้ายน่า?”
“เมลวี่จะบอกว่า ‘แบบนั้นไม่ดีหรอกถ้าคนๆนั้นวิ่งหนีไปล่ะ ใครกันที่พวกเราจะฝากแคนดี้ได้น่ะ?’
ซึ่งเค้าก็เห็นด้วยกับเมลวี่นะ ตอนนี้เราเชื่อใจใครให้ฝากแคนดี้ของทุกคนไม่ได้ ถ้าหากเอาออกมานอกเมจิคัลโฟนจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ?”
“เอ่อ เมจิคัลแคนดี้เป็นแค่จำนวนน่ะ ไม่ใช่ไอเท็มจริงๆ ปอน,
เอาออกมานอกเมจิคัลโฟนไม่ได้หรอก ปอน”
“ถ้างั้น พวกเราก็เฉลี่ยแคนดี้ของทุกคนให้เท่ากันไหม?” ริโอเน็ตต้าเสนอความคิด
“ถ้าเป็นแบบนั้นทุกคนก็ต้องบอกจำนวนแคนดี้ของตัวเองก่อน ต้องนับให้ตรงไปตรงมา อย่าบอกว่ามีมากกว่าหรือน้อยกว่าที่ตัวเองมีอยู่ อย่าลืมตรวจดูเมจิคัลโฟนของคนข้างๆให้ดีด้วย” พีเฟิลพูด
คำพูดที่พีเฟิลเสริมมาตอนท้าย ‘ตรวจดูเมจิคัลโฟนของคนข้างๆให้ดีด้วย’ นั้นนกโกะจังคิดว่า เหมือนมีเจตนาร้ายอะไรบางอย่างแฝงอยู่
โล่งอกจังที่ไม่มีใครคิดจะขโมยจากคนอื่น ความรู้สึกโกรธ, เกลียด และเศร้าหายไป ทุกคนเริ่มขยับตัวอย่างช้าๆ นกโกะจังไม่จำเป็นต้องควบคุมอารมณ์ของพวกเธอ
เมจิคัลเกิร์ลนั้นเป็นอะไรที่มีอยู่จริง มีพลังเวทที่น่าเหลือเชื่อ แม้ว่าจะถูกบังคับให้อยู่ใน
เกมแห่งความตายก็ตาม
ไม่ว่าเมื่อไหร่ ไม่ว่าที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นเมจิคัลเกิร์ลคนใด
หากมีทางที่จะแก้ปัญหาได้โดยสันติแล้วล่ะก็ ทุกคนก็จะพร้อมใจร่วมมือกัน
หลังจากที่บอกจำนวนแคนดี้ที่ตัวเองมีแล้ว พีเฟิลก็คำนวนค่าเฉลี่ยนในใจ มันมีเศษ 3 เหลืออยู่
ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจว่าตัวเองจะมีเศษ 3 มากกว่าค่าเฉลี่ยคนอื่น เพราะแบบนี้ก็มีจำนวนคนที่มีแคนดี้น้อยที่สุดมากกว่า 1 คนแล้ว
น่าแปลกใจที่ @เนี๊ยวเนี๊ยวและนกโกะจังมีแคนดี้มากกว่าค่าเฉลี่ย พวกเธอไม่เหมือนกับปาร์ตี้อื่นที่ฟาร์มแคนดี้แข่งกันในสนามล่า พวกเธอไม่เคยล่ามอนเตอร์แบบจริงจังเลย
พวกเธอไม่เคยซื้อไอเท็ม ‘R’ เลย เพราะคิดว่าบางทีอาจต้องใช้แคนดี้ในกิจกรรมก็ได้
@เนี๊ยวเนี๊ยวเอาเมจิคัลโฟนของจีโนไซโคออกมา แคนดี้ในเมจิคัลโฟนนั้นไม่ได้เปลี่ยนไป เป็นจำนวนเดียวกันตั้งแต่พวกเธอกิจกรรมเคลียพื้นที่ และในตอนนี้แคนดี้ที่ดรอปจากมอนเตอร์ก็เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่จำนวนที่ต้องแบ่งแคนดี้ด้วยกันนั้นกลับลดลง
นกโกะจังช่วยจัดการเมจิคัลโฟนของจีโนไซโค ทำการเพิ่มและลดแคนดี้จากเมจิคัลเกิร์ลคนอื่น
เมจิคัลเกิร์ลทุกคนนั้นสร้างวงกลมขนาดใหญ่ขึ้นที่น้ำพุ ทำการแลกเปลี่ยนแคนดี้ด้วยกัน
แบบนี้ก็ไม่มีใครทำอะไรน่าสงสัยกับคนอื่นได้แล้ว
ดังนั้นแคนดี้ของทุกคนจะเท่ากันยกเว้นพีเฟิล ทุกคนมีแคนดี้น้อยที่สุดเหมือนๆกัน
ตามที่ฟาลบอกเหลืออีกเพียง 3 นาทีเท่านั้นก่อนถึงเส้นตาย
พีเฟิลที่อยู่บนหลังของชาโดว์เกลนั้นมองดูเมจิคัลโฟน
และเมื่อยืนยันว่าไม่มีใครแอบซ่อนอะไรอยู่ เธอก็ยกนิ้วโป้งขึ้นมาและพูดว่า “โอเคแล้ว!”
เสียงของเมจิคัลโฟนนั้นหลายไป บางคนก็คุยกับคนที่อยู่ข้างๆ
“ตรวจดูเมจิคัลโฟนของคนข้างๆต่อด้วย!” แม้พีเฟิลจะสั่งแบบนั้น บรรยากาศก็ดูผ่อนคลายแล้ว
นกโกะจังสบตากับ @เนี๊ยวเนี๊ยวที่อยู่ข้างๆเธอ
“พวกเราทำได้แล้วล่ะ รูว”
“…อื้อ ทำได้แล้ว”
เมจิคัลโฟนของทุกคนมีเสียง บี๊บ ได้เวลาที่ฟาลจะประกาศแล้ว
“และคนที่มีแคนดี้น้อยที่สุดคือ…เอ๋?”
เมจิคัลโฟนหล่นลงพื้นและเด้งขี้นมา ตามด้วยเจ้าของที่ล้มลงตามไป
ตอนที่เธอล้มลงไปนั้นมันเหมือนกับสโลโมชั่น
ชายเสื้อขยับไปมา เส้นผมพริ้วไหวไปตามลม และร่วงลงในเวลาเดียวกับเม็ดทานตะวันของเธอ
เมจิคัลโฟนของเธอกระแทกเจ้าของร่าง และหยุดเคลื่อนไหวที่ข้างๆใบหน้า
ใบหน้าของเธอถูกสะท้อนด้วยแสงจากเมจิคัลโฟน
ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยความสับสน เธอไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง
“คนที่มีแคนดี้น้อยที่สุดคือ…เชอร์น่าเมาส์…ปอน….”
______________________________________________________________________
ฝั่งมาสเตอร์ #4
“พอซักที ปอน! มีคนตายอีกแล้ว ปอน! หยุดได้แล้ว ปอน!”
เสียงของฟาลเคร่งเครียดขึ้น
“หาาาา? แต่เกมกำลังสนุกเลยไม่ใช่รึไง?”
อีกฝั่งหนึ่ง เด็กสาวพูดอย่างเชื่องช้าและผ่อนคลาย เด็กสาวผละมือขวาตัวเองออกจากแว่น
และดีดนิ้ว และภาพที่หน้าจอก็เปลี่ยนไป
ทั้งพื้นห้อง กำแพง และเพดานเต็มไปด้วยจอภาพจำนวนมหาศาล
ที่กำลังแสดงภาพของเมจิคัลเกิร์ลอยู่
หนึ่งคนไม่ได้สติ เชอร์น่าเมาส์
หนึ่งคนถูกบดขยี้ด้วยสิ่งก่อสร้าง อาคาเนะ
หนึ่งคนศรีษะถูกบดขยี้ และมีหินอยู่ใกล้กับร่างของเธอ มาสก์วอนเดอร์
หนึ่งคนร่างกายแหลกเป็นชิ้นๆ เมจิคัลเดซี่
ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอใหญ่หรือเล็ก ก็แสดงภาพร่างของเมจิคัลเกิร์ลอยู่ทั้งหมด
ดวงตาสีแดงและดำของฟาลจ้องไปที่หน้าจอ ร่างสามมิติเริ่มสั่น และเริ่มมีเสียงแปลกๆออกมาจากตัว
“ไม่อีกแล้ว… ใคร… นี่วางแผนฆ่าใครเป็นรายต่อไปอีก?”
ไม่ใช่แค่รูปร่างของฟาลที่บิดเบี้ยวไป แต่เสียงเองก็เริ่มเป็นตามไปด้วย
เสียงสูงมากขึ้นและลดต่ำลงโดยทันที เด็กสาวได้ยินแล้วก็หัวเราะ
“ชั้นน่ะเหรอ? ทำไมถึงโทษ ชั้นล่ะ? ชั้นไปฆ่าคนตอนไหนกัน? เรื่องของเมจิคัลเดซี่น่ะ เธอก็แค่โดนอุบัติเหตุที่โชคร้ายจนตายแค่นั้น แล้วพวกเธอก็เริ่มฆ่ากันเองใช่ไหมล่ะ? ชั้นน่ะแค่เป็นคนสร้างเวที ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับพวกเธอว่าจะฆ่ากันหรือเป็นเพื่อนกัน”
เสียงรบกวนที่ออกมาจากฟาลนั้นหยุดลงแล้ว ฟาลมองลงมาที่เด็กสาว
“เลิกแกล้งโง่ได้แล้ว ปอน! อยาก ให้พวกนั้นฆ่ากันเองใช่ไหมล่ะ ปอน! ถึงได้สร้างสภาพแวดล้อมแบบนี้ขึ้นมาน่ะ มาสเตอร์!”
“แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายของการทดสอบนี้ซักหน่อยนี่? พวกเธอบาดเจ็บอะไรไม่ได้หรอกเนอะ?
เมจิคัลเกิร์ลทีดีต้องร่วมมือกันหนีออกจากสถาการณ์แบบนี้ไม่ใช่เหรอ~?”
“แต่เรื่องเมจิคัลเดซี่…มาสเตอร์เอาศัตรูที่สะท้อนการโจมตีระยะไกลได้มาวางไว้ตอนต้นเกมเลยนะ
แบบนี้มันไม่ใช่เจตนาดีหรอก ปอน! เรื่องนั้นมัน ไม่ใช่ อุบัติเหตุ ปอน! ”
“หืม ตอนนี้นายกล่าวหาชั้นอยู่นะ ฟาล เมจิคัลเดซี่น่ะมันโง่เองต่างหาก!”
เหมือนกับลูกบอลที่ร่วงลงพื้น ร่างกายของฟาลนั้นแบนและผิดเพิ้ยนไปจากเดิม เดี๋ยวยิดเดี๋ยวหด
เสียงสังเคราะห์ของฟาลนั้นเหมือนรู้สึกปวดร้าว
เด็กสาวเห็นฟาลทรมาณแล้วก็ยิ้ม
“…ก่อนหน้านี้เราส่งข้อความไปที่ดินแดนเวทมนตร์แล้ว ปอน,
เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ เรื่องเกมแห่งความตายนี้ เรารายงานทุกอย่างไปหมดแล้ว ปอน!”
เมื่อเด็กสาวได้ยินคำพูดของฟาล เธอก็ตอบกลับแบบง่ายๆ
“งั้นเหรอ?”
แล้วเธอก็แสยะยิ้มต่อไป
MANGA DISCUSSION