Love Code at the End of the World - LCEW เล่มที่ 2 ตอนที่ 2 – กลมกลืนไปกับผู้คนของเมืองโนอาห์
- Home
- Love Code at the End of the World
- LCEW เล่มที่ 2 ตอนที่ 2 – กลมกลืนไปกับผู้คนของเมืองโนอาห์
เล่มที่ 2 ตอนที่ 2 – กลมกลืนไปกับผู้คนของเมืองโนอาห์
ฉันมองไปที่เขาและมองชุดยูนิฟอร์มของตนเองก่อนจะมองกลับไปหาเขาอีกที “ฉันเข้าร่วมกองกำลังสอดแนมและจะต้องออกทุกๆวัน” เขายังคงมองฉันขณะที่ฉันเดินไปที่หลังของพี่สอง เธอกางแขนกว้างให้ฉันเข้าไปนอนในอ้อมแขนของเธอ จากนั้นเธอก็คลุมตัวของฉันด้วยปีก มันอุ่นซะยิ่งกว่าผ้าห่มอีก
“ราฟเฟิล”ฉันเรียกชื่อของเขาขณะที่เขายังคงยืนอึ้ง “นายไม่ทำงานต่อเหรอ?”
ราฟเฟิลสะดุ้งและหน้าแดง เขารีบหันกลับไปมองแผงวงจรแสนซับซ้อน “ผมรบกวนเธอหรือเปล่า? ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะนอน เอ่ออ ผม ผม….”
“ไม่เป็นไร”ฉันต้องมองเขาที่ยืนแข็งทื่อ “ยิ่งมีคนอยู่มากฉันก็ยิ่งปลอดภัย” ใช่แล้วล่ะ ฉันจะยิ่งหลับเร็วขึ้นถ้าหากได้ยินเสียงของราฟเฟิลที่คุยกับตัวเอง ในโลกที่แสนแปลกประหลาด การจะข้ามวันแต่ละวันไปได้เป็นเรื่องที่ยากมาก ดังนั้นในช่วงเวลากลางคืนของวันสิ้นโลก ฉันไม่ได้ต้องการความเงียบ แต่ต้องการเสียงของคนที่มีชีวิตอยู่ใกล้ๆฉัน ซึ่งบังเอิญว่าราฟเฟิลก็มักจะทำงานจนดึกดื่นๆอยู่ตลอดเวลา
“โอเค”
“ฉันจะย้ายออกทันทีที่ปรับตัวได้ ขอโทษด้วยนะที่มารบกวนนาย”ฉันกล่าวก่อนจะเริ่มหลับตา
ทั้งโกดังเงียบกริบ มีเพียงแค่เสียงช็อตของกระแสไฟฟ้าที่วิ่งผ่านสายเคเบิล แต่แล้วราฟเฟิลก็เปิดปากพูดอีกครั้ง “เอ่ออ…ผมซักเสื้อผ้าให้แล้ว”
“ฮะ?!”ฉันโผล่หน้าออกมาจากข้างใต้ปีกพี่สอง
เขาหันกลับมาด้วยความเร่งรีบและจ้องมองฉันด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ไม่ได้หรอ? ผมเห็นว่าพวกมันสกปรกมาก และผมเองก็เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ ผมทนเห็นเสื้อผ้าสกปรกไม่ได้จริงๆ ผมก็เลยคุมตัวเองไม่ได้”
ในขณะที่เขารีบอธิบาย ฉันก็สูญเสียความคิด ราฟเฟิลที่กำลังวิตกกังวลก็พรั่งพรูทฤษฎีมากมายออกมาเพื่ออธิบายเรื่องเล็กๆ
ฉันมองดูใบหน้าอันแสนวิจิตรของราฟเฟิล ใบหน้าที่แทบจะแยกไม่ออกระหว่างผู้ชายหรือผู้หญิง ขณะที่เขาหน้าแดงอยู่ แก้มอมชมพูของเขายิ่งทำให้เขาดูเหมือนเด็กผู้หญิงขี้อาย ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกได้ว่าพฤติกรรมของเขามันเป็นเรื่องปกติ ถ้าหากเป็นคนอื่นบ่นว่าเสื้อผ้าของฉันสกปรก ฉันก็คงด่าพวกเขาไปแล้วว่า “มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของนาย!!”
แต่สำหรับราฟเฟิลที่เป็นกระต่ายน้อยไร้พิษภัย ฉันคงพูดกับเขาแบบนั้นไม่ได้แน่เพราะเขาเป็นคนดูแลฉันมาตลอด นับตั้งแต่ที่พี่สองและฉันมาอยู่ที่นี่ เขาก็เหมือนคนที่ได้รับหน้าที่มาเพื่อดูแลพวกเรา ตัวอย่างเช่น ตอนที่ฉันเดินเข้ามา เขาเข้าใจผิดว่าฉันคือแฮรี่ เขาแทบจะไล่ฉันออกทันที
“ผมนั่งดูเสื้อผ้าด้วยความลังเลเป็นเวลา 1 ชั่วโมงเต็ม อย่างไรก็ตาม คราบสกปรกมาทำให้ผมอึดอัดใจจริงๆ”เขาพูดขณะที่หน้ายังคงแดง ดวงตาสีฟ้าอมเทาของเขาเป็นไปด้วยความเจ็บปวดเมื่อพูดถึงเสื้อผ้าสกปรกของฉัน
“ขอบคุณ”ฉันรีบพูดแทรกขัดจังหวะ ไม่งั้นเขาก็คงจะคุยไปเรื่อย
ฉันมองเขาด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณจริงๆนะราฟเฟิล” จากนั้นฉันก็เอนตัวนอนต่อ ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องขอบคุณเขา เพราะชุดนักเรียนของฉันสกปรกมอมแมมมากจริงๆ
เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก “แต่เธอต้องซักชุดชั้นในของเธอด้วยตัวเอง” เขาทำหน้ามุ่ย ฉันแทบไม่ต้องมองเลยก็รู้ว่าเขาหน้าแดงแค่ไหน
“ตกลง”ฉันเองก็หน้าแดงเหมือนกัน
ราฟเฟิลทำงานอย่างหนัก แม่เขาจะยุ่งอยู่กับการซ่อมแผงวงจรจะสวยหลบหนีแต่เขาก็ยังแบ่งเวลาไปซักผ้าให้ฉัน ถึงมันจะเป็นความรู้สึกที่น่าอึดอัด แต่ก็รู้สึกอบอุ่นไปในตัว ฉันอยากจะขอบคุณที่เขาดูแลทุกคน มันให้ความรู้สึกเหมือนความอบอุ่นของครอบครัวใหญ่
*ซ่าาา* ในโกดังยังคงเงียบ ราฟเฟิลกลับไปเชื่อมต่อวงจรและบ่นพึมพำอยู่กับตัวเอง
หลังจากที่ฉันมอบเมล็ดทานตะวันให้กับราฟเฟิล ในวันรุ่งขึ้นฉันก็เริ่มเข้าสู่วัฏจักรวงจรชีวิตประจำวันของเมืองโนอาห์
นับตั้งแต่ที่ฉันถูกเอามาทิ้งไว้ในโลกใบนี้ ฉันตื่นตระหนกหวาดกลัวและหลงทาง ฉันได้แต่ย้ำกับตัวเองว่า หลัวปิง เธอจะต้องมีชีวิตรอด การร้องไห้ไม่ช่วยให้เธอได้กลับบ้านหรือกลับไปเจอครอบครัว มันไม่มีทางเกิดปาฏิหาริย์ได้แน่ๆ
ดังนั้นจิตใจของฉันต้องเข้มแข็งเพื่อที่จะได้เผชิญหน้ากับความจริง ฉันจะต้องปรับตัวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดให้ได้ ฉันจะต้องเหนื่อยเพื่อให้ลืมความทุกข์ทรมานจากการคิดถึงคนในครอบครัวที่อยู่อีกโลกนึง พ่อของฉันสอนให้เข้มแข็งไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นจะมีชีวิตรอด
ฉันต้องขอบคุณพี่สาวเช่อชื่อที่มอบตำแหน่งครูฝึกทหารให้ฉัน ในฐานะครูฝึกทหาร ฉันจะได้จดจ่ออยู่กับการสอนทุกคนให้รู้จักวิธีการต่อสู้ระยะประชิด ฉันต้องขอบคุณลุงเมสันที่มอบโอกาสให้ฉันได้เข้าร่วมกองกำลังสอดแนมเผื่อได้ฝึกซ้อม กองทหารสอดแนมเปิดโอกาสให้ฉันได้เรียนรู้วิธีการใช้ปืนเช่นเดียวกับวิธีการขับอากาศยานและยานอวกาศ ฉันจะได้ไม่เหลือเวลาให้มานั่งว้าวุ่นใจ
ฉันต้องขอบคุณแฮรี่ที่คอยทำตัวน่ารำคาญ เมื่อใดก็ตามที่ฉันว่างและเริ่มจะฝันกลางวัน เขาก็มักจะมาปรากฏตัวเพื่อทำให้ฉันโกรธ ฉันจะได้ด่าว่าทุบเขา ฉันจึงไม่มีเวลาเหลือให้กับความเศร้าและความสิ้นหวัง
ชีวิตของฉันค่อยๆเปลี่ยนไปจนกลายเป็นกิจวัตร
ฉันตื่นตอนตีห้าทุกเช้าเพื่อพาพี่สองออกไปเข้าห้องน้ำ เธอจะไปห้องน้ำเพียงแค่วันละ 2 ครั้ง ทุกครั้งที่เธอออกไปข้างนอก เธอจะส่งเสียงร้องโหยหวนราวกับว่าเธอเรียกร้องหาเพื่อน ฉันก็ใช้เวลานี้ในการสูดอากาศบริสุทธิ์ และวิ่งเหยาะๆหรือไม่ก็วิ่งจ๊อกกิ้งเพื่อให้ลืมความกังวล
จากนั้นฉันก็จะไปรับเสบียงประจำวันในตอน 7 โมง และเริ่มฝึกตอน 8 โมงเช้า ในตอนกลางคืน การฝึกฝนที่เข้มข้นทำให้ฉันหลับสนิท ไม่มีโอกาสได้ฝันถึงบ้าน หรือไม่ก็คืนที่มืดมิด
เมื่อการฝึกฝนก้าวหน้า ความปรารถนาที่จะได้ออกไปสำรวจโลกกว้างของฉันก็ยิ่งแรงกล้า
อย่างไรก็ตาม แฮรี่และกองทหารไม่ได้ออกไปค้นหาทรัพยากรทุกวัน
พวกเขาจะต้องวางแผนเตรียมการมากมายมหาศาลก่อนจะเริ่มภารกิจ ก่อนอื่น พวกเขาจะต้องเดินทางผ่านพรมแดนเขตรังสีซึ่งอาจจะอยู่ไกลกว่า 100 กิโลเมตรหรือไม่ก็ไกลกว่านั้น มันเหมือนกับการเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งในโลกใบเก่าฉัน นอกจากนี้ พวกเราก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถเข้าถึงสถานที่ทางประวัติศาสตร์ได้หรือไม่ ในบรรดาเพื่อนร่วมทีม มีเพียงแค่แฮรี่คนเดียวที่มีความสามารถในการต้านรังสีระดับ 5 ส่วนคนอื่นๆอยู่เพียงแค่ระดับ 4 เท่านั้น
เมื่อพวกเขาพบสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่พวกเขาสามารถเข้าไปได้ พวกเขาก็ต้องมุ่งเน้นในการค้นหาสิ่งจำเป็น จากนั้นก็ค้นหาสถานที่ประวัติศาสตร์ใหม่หรือไม่ก็ใหญ่กว่าเดิม กระบวนการเหล่านี้กินเวลานานมาก ปกติมันต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 วันถึงครึ่งเดือน ถ้าหากจะตามหาสถานที่ทางประวัติศาสตร์แห่งใหม่ก็ต้องใช้เวลาอีกประมาณ 1 เดือน
ดังนั้น ราฟเฟิลจะต้องตรวจสอบ ซ่อมแซมยานบิน ยานอวกาศและเตรียมทรัพยากรให้พร้อม ถึงกระนั้น ทรัพยากรในปัจจุบันของพวกเขาก็ใช้งานได้ไม่เกินครึ่งเดือน พวกเขาจะต้องรีบกลับมาก่อนทรัพยากรจะหมด ระหว่างทางไม่มีปั๊มน้ำมันหรือสถานที่แวะซื้อ ที่จะหาทรัพยากรเพิ่มเติมได้