[LN] ใครกันที่เป็นคนตัดสินว่าผมมีเลิฟคอมเมดี้ในชีวิตจริงไม่ได้ - ตอนที่ 2
“คุณคิโยซาโตะ เมย์ ผ-ผมชอบคุณ! ช่วยคบกับผมด้วยเถอะครับ”
หลังจากหันหลังกลับไปผมก็ได้ตะโกนลั่นพร้อมกับก้มศีรษะลงอย่างแรงกล้า
คำสารภาพรักที่ผมทุ่มลงแรงไปทั้งหมดได้เลือนหายราวกับถูกกลืนกินโดยท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ตก
ผมเฝ้ารอเธอตอบกลับ เสียงหัวใจของผมดังกึกก้องไปทั่วทั้งร่างราวกับจะระเบิดได้ทุกเมื่อ
เธอหยุดอยู่ตรงทางเข้าดาดฟ้าอย่างเงียบๆ และงงๆ
หลังจากหยุดนิ่งไปเล็กน้อยเธอก็ได้เอ่ยกล่าวขอโทษ
“…คือเอ่อ จะพูดว่าไงดี ขอโทษนะ”
คำปฏิเสธแบบพื้นๆ แต่แจ่มชัดได้กึกก้องไปยังทั่วชั้นดาดฟ้าที่มีแค่เราสอง
งั้นเหรอ… เสียงพูดอันแหบแห้งได้ออกมาจากปากของผม
ผมมองไม่เห็นอะไรเลย ทัศนวิสัยของผมบิดเบี้ยวไปหมด
ผมเพิ่งจะถูกเธอคนนั้น…
ปฏิเสธ
เธอที่ถูกกล่าวขานกันว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในชั้นปีของเรา
เครื่องหมายการค้าของเธอก็คือเส้นผมสีดำเรียบและไฝที่ใต้ตาขวา นางฟ้าที่ร่าเริงใจดีอยู่ตลอดและมีรอยยิ้มดุจดั่งดวงอาทิตย์
ด้วยความบังเอิญทางกลับบ้านของเราจึงอยู่ในทางเดียวกัน และผมกับเธอมักจะขึ้นรถเมล์คันเดียวกัน ระหว่างพูดคุยไร้สาระเราก็ได้รู้ว่าอีกฝ่ายมีงานอดิเรกเป็นการอ่านหนังสือเหมือนกัน และด้วยโชคชะตาบางอย่างจึงดูเหมือนจะเป็นหนังสือเล่มเดียวกันอีก ผมเอาแต่พูดคุยติดลมกับเธอจนเกือบลืมลงป้ายรถเมล์
และเมื่อถึงเวลากล่าวอำลา
ท่ามกลางฉากหลังของเมืองที่ถูกย้อมไปด้วยอาทิตย์อัสดง เธอโบกมือให้ผมแล้วก็กล่าวออกมาว่า “แล้วเจอกันพรุ่งนี้น้า” เมื่อได้เห็นรอยยิ้มนั้นเข้าไป—ผมก็ตกหลุมรักเธอเข้าเสียแล้ว
ผมใฝ่ฝันที่จะใช้ชีวิตในช่วง ม.ปลาย ร่วมกับเธอแบบนั้น
ผมอยากจะเห็นเธอยิ้มให้จากใกล้ๆ ยิ่งกว่าใครคนไหน นั่นคือสิ่งที่อยู่ในหัวของผม
ด้วยความต้องการที่จะถ่ายทอดความรู้สึกดังกล่าว…
ผมจึงได้ใส่จดหมายไว้ในตู้รองเท้าและเรียกเธอขึ้นมายังบนชั้นดาดฟ้าแห่งนี้
เยี่ยม! นี่มันยอดเยี่ยมมาก!
บทแบบนี้มันอย่างกับเลิฟคอมเมดี้เลยนี่นา!
ไม่สิๆ จะรีบตื่นเต้นตอนนี้มันยังเร็วไปหน่อย อีเวนต์ยังไม่จบเลย ผมจะรีบวางใจไปไม่ได้
ต่อจากนี้ต้องบรรยายอะไรต่อหว่า…
ผมแหงนหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อระงับน้ำตาที่จู่ๆ มันก็ไหล
ผมได้เตรียมตัวเตรียมใจสำหรับเหตุการณ์นี้มาแล้ว เธอใจดีกับทุกคนไม่ใช่แค่กับผม
ผมรู้เรื่องนี้ดีมาตั้งแต่แรก
ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่มีทางยอมแพ้เพราะได้สารภาพความรู้สึกออกไปแค่ครั้งเดียวหรือว่าถูกปฏิเสธเพียงหนึ่งครั้งหรอก
“…ขอโทษนะที่กะทันหันแบบนี้ จู่ๆ ก็สารภาพรักเธอคงลำบากใจสินะ”
“เดี๋ยว รอก่อนสิ”
ต่อให้มันจะน่าอาย ต่อให้มันจะไม่เท่ ผมก็อยากจะอยู่ใกล้เธอต่อไป
“…แต่ผมน่ะ ไม่อยากให้เธอทำเหมือนกับความสัมพันธ์ของเราจนถึงตอนนี้ไม่มีอยู่”
“ไม่ใช่แล้ว ก็บอกแล้วไงว่า…”
ไม่แน่ว่าวันหนึ่งเธออาจจะหันกลับมามองผม… ราวกับหวังลมๆ แล้งๆ แบบนั้น
“ผมรู้ดีว่าที่พูดมันเห็นแก่ตัว แต่ผมก็ยังหวังว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีกันต่อ… ไม่ได้สินะ”
“นายช่วยหยุดพูดสักแป๊บจะได้ไหม”
เอ๊ะ? ผมเพิ่งเข้าสู่ช่วงที่ดีที่สุดไปเองนะ ทำไมปฏิกิริยามันต่างจากที่คิดเอาไว้
จากข้อมูลบุคลิกของเธอแล้วต้อง “…อื้ม เข้าใจแล้ว เก็บไว้เป็นความลับระหว่างเราสองคนนะ นากาซากะคุ—ไม่สิ โคเฮย์คุง” (ยิ้มแบบนางฟ้า) ผมควรจะได้คำตอบแบบนี้สิ
ผมเหลือบมองเธอที่ถูกย้อมไปด้วยแสงตะวัน ผมสีดำเรียบกำลังถูกย้อมไปด้วยสีแดงอัสดงของดวงอาทิตย์… ไม่สิ เดี๋ยวนะ มันไม่แดงไปหน่อยสำหรับผมดำเรอะ
“มองมาทางนี้ได้แล้วย่ะ”
ผมได้หันกลับไปตามที่เธอบอกและหรี่ตาลงเพราะแสงอาทิตย์
ผมจ้องไปยังรูปลักษณ์ของคนที่อยู่ตรงหน้า
กระโปรงสั้น ชุดเครื่องแบบไม่ค่อยเรียบร้อย ผมยาวประบ่าและปลายผมถูกดัดย้อมเป็นสีน้ำตาล
ไฝใต้ตาที่เป็นเครื่องหมายการค้าของเธอนั้น…
ไม่มีอยู่ไม่ว่าตรงไหน
ค-ใครฟะ!?
“ดูท่านายจะจำผิดคนแล้ว… และฉันก็ไม่คิดว่านายควรสารภาพรักออกมาในสถานการณ์แบบนี้ด้วย ให้พูดกันตามตรงแล้วนายดูหวังมากเกินไปแล้วก็น่าขยะแขยงน่ะ”
“ข-ขยะแขยง!? นี่มันอีเวนต์สารภาพรักสุดเพอร์เฟกต์เลยนะ!”
เดือนเมษายน ณ ฤดูใบไม้ผลิปีแรกของโรงเรียน ม.ปลาย ท้ายที่สุดแล้วดูเหมือนว่าความเป็นจริงของ นากาซากะ โคเฮย์ (ผม) จะไม่ได้กลายเป็นเลิฟคอมเมดี้อย่างที่คาดหวังเอาไว้