ตอนที่ 68 Volume 3 Chapter 5 ความต่างชั้นของกลยุทธ์
Chapter 5 – ความต่างชั้นของกลยุทธ์
พาร์ท 1
ณ ค่ายหลักของกองทัพกบฏ ศูนย์บัญชาการ ถูกครอบงำไปด้วยความเงียบ
เหตุผลที่เงียบกันหมดเพราะกองทัพที่หนึ่งถูกทำลายจนย่อยยับ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาดูถูกพวกมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกอาสาสมัครที่พร้อมใจกันบุกมาแนวหน้าอย่างไม่เกรงกลัวและแสดงความแข็งแกร่งให้เห็นทั้งๆที่ไม่เคยผ่านการฝึก
“รายละเอียดการรบกำลังถูกรวบรวม แต่มากกว่าครึ่งหนึ่งของกองทัพที่หนึ่งไม่สามารถเข้าร่วมได้”
“ไม่คิดเลยว่าพวกมันจะยั่วยุเราแบบนั้น.”
“กองทัพที่หนึ่งเต็มไปด้วยพวกอาชญากรนั่นแหละ มันเลยไม่มีระเบียบแบบแผนอะไรทำตามใจตนเอง”
“แล้วเราจะจัดทัพใหม่ยังไง การเสียทัพที่หนึ่งไปมันเป็นเรื่องใหญ่มากเลยนะ?”
ใจกลางห้องพวกเขาต่างกำลังถกเถียงถึงวิธีการรับมือด้วยความขมขื่น แม้ว่าพวกเขาจะต้องการจัดทัพใหม่ด้วยทัพที่หนึ่งแต่ผู้บัญชาการหลักอย่างกาอุสก็ถูกฆ่าตายไปแล้ว
“ดูเหมือนเห็นทีจะต้องอัพแรงค์ชั่วคราวให้พวกเจ้าหน้าที่ระดับล่างแล้วล่ะ.”
“แม้ว่าจะทำแบบนั้นแล้วใครจะรับผิดชอบดูแลทัพแรกล่ะ?”
“มีแต่พวกไม่มีประสบการณ์การรบทั้งนั้น ถ้าทำแบบนั้นครั้งต่อไปได้แตกทัพจริงๆแน่”
อาณาจักรเลเวอริ่งตอนนี้ซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มครองของจักรวรรดิแกรนด์เป็นเวลานาน ไม่เคยทำสงครามด้วยตัวเองเลยสักครั้ง ดังนั้นเลยไม่ค่อยมีคนมีประสบการณ์การรบเลย
“ถึงแบบนั้นในสถานการณ์แบบนี้ท่านบาอัลอยู่ที่ไหน แค่พวกเรารับมือไม่ไหวหรอกนะ”
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งถามออกมาและมีปีศาจคนหนึ่งพูดขึ้น
“เขาหายหัวไปตั้งแต่ที่ทัพแรกโดนเล่นงานแล้ว”
“แล้วเขาไปไหนกันล่ะ?”
“อืม เขาทำตัวแปลกๆตั้งแต่ที่เห็นทายาทเทพสงครามแสดงการต่อสู้ของเขาให้เห็น”
“ทายาทเทพสงคราม ความจริงที่ว่าเขาไม่ได้หนีไปและเข้าร่วมกับทัพภาคใต้ช่างเป็นปัญหาจริงๆ เหนือสิ่งอื่นใดความแม่นยำในการยิงธนูจากระยะไกลแสนไกลนั่นมันเหนือมนุษย์ไปแล้ว”
“ได้ข่าวว่าเขายังเอาหัวของท่านกาอุสไปด้วย…”
“เฮ้อ ยังไงเขาก็เป็นแค่มนุษย์ไว้ค่อยหาวิธีรับมือในภายหลัง แต่ก่อนอื่นเราต้องจัดทัพใหม่”
เมื่อพูดเช่นนั้นภายในเต็นท์ก็เกิดความเงียบ
หลังจากนั้น――.
“ทัพแรกตอนนี้จะย้ายไปเป็นกำลังรบสำรอง หลังจากนั้นพวกเราจะใช้ความแตกต่างด้านจำนวนในการบดขยี้พวกมัน ไม่ก็เอาพวกมันไปผสมกับหน่วยอื่นๆ แต่คงไม่มีใครอยากได้พวกอาชญากรมาร่วมหน่วยของตัวเองหรอกใช่ไหม?”
ชายคนหนึ่งที่เข้ามานั้นคือบาอัล ทุกคนต่างแสดงความเคารพ บาอัลพยักหน้าเล็กน้อยเดินไปใจกลางห้องและมองไปบนแผนที่ ฮู้ดยังคงคลุมใบหน้าของเขา
“ไปไหนมาครับ?”
“ไปรายงานให้กับเจ้าชายเฟลาต์ที่กำลังนอนซมไง.”
“ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เหรอครับ?”
เมื่อพวกเขาพูดเช่นนั้นบาอัลก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
“ทัพแรกจำเป็นต้องเสียสละเพื่อการที่ให้ทัพของเรามีความสามัคคีมากขึ้น มันจะไม่ส่งผลต่อทัพที่สอง นอกจากนี้ยังไม่จำเป็นต้องมีคำสั่งของข้า แถมยังไม่จำเป็นต้องมีข้าด้วย แค่การตัดสินใจของพวกเจ้าก็เพียงพอแล้ว.”
“คาดการณ์ไว้แล้วงั้นเหรอครับ”
“ใช่ แต่ไม่คิดเลยว่ากาอุสจะถูกฆ่า แต่ผลกระทบมันก็แค่ส่วนน้อย ยังไงเขาก็ไม่ใช่พวกชอบทำสงครามแต่วัดกำลังกันมากกว่า”
“ทัพแรกประกอบไปด้วยพวกอาชญากรและพวกทหารปกติเองก็ไม่ค่อยขี้หน้าพวกมันอยู่แล้ว”
“สิ่งที่เหนือความคาดหมายก็คือการที่ทายาทเทพสงครามไม่ได้หนีไปและเข้าร่วมกับทัพทางใต้ นอกจากนั้นสิ่งที่เราวางแผนเอาไว้กำลังดำเนินไปด้วยดี.”
เจ้าหน้าที่บางคนก็ลูบเคราของคนเองพร้อมมองไปที่บาอัล
“แล้วต่อจากนี้จะเอายังไงต่อไปดีครับ?”
“หลังจากนี้คงไม่มีใครโง่พอที่จะเข้าชาร์จศัตรูแบบโง่ๆอีก กลยุทธ์ของเราจะไม่แตกต่างจากเดิม พวกเราต้องบดขยี้พวกมันให้ได้ก่อนก็พอ”
“ถ้างั้นก็ทำเช่น――.”
ราวกับไม่รอให้พูดจบประโยคเสียงกลองดังขึ้น
“ศัตรูบุกงั้นเหรอ?”
พวกเจ้าหน้าที่ต่างกระซับกระซ่ายและออกไปข้างนอก
“เดี๋ยวก่อนถ้าพวกเรารีบออกไปได้สูญเสียความไว้วางใจจากเหล่าทหารแน่ ในฐานะเจ้าหน้าที่ระดับสูงแล้วอย่าตื่นตระหนก”
เมื่อพูดเช่นนั้นบาอัลเริ่มเดินเข้าหาเจ้าหน้าที่
ด้านนอกของเต็นท์ดวงอาทิตย์ลับฟ้าอย่างสมบูรณ์ ความมืดปกคลุมทั่วทุกด้าน แต่ท้องฟ้ายามค่ำคืนยังคงสดใส กองไฟยังคงส่องแสงสว่างไปทั่วเต็นท์ ในสายตาของพวกเขายังเห็นเหล่าทหารที่กำลังร่ำสุรากันอย่างเพลิดเพลิน
อย่างไรก็ตามไม่มีไฟมาจากจุดไหนในค่ายหลักและไม่มีสัญญาณของการบุกโจมตีด้วย
“หืม งี้เองเหรอ คิดจะเล่นแบบนี้สินะ”
บาอัลหยุดหนึ่งในผู้บัญชาการที่เดินผ่านเขา
“ไม่จำเป็นต้องจริงจัง ก่อนอื่นหยุดทำตัวเอะอะโวยวาย เห็นแล้วมันน่าสมเพช”
เขาประเมินสถานการณ์อย่างสงบและให้คำแนะนำ
“นอกจากนี้ให้เพิ่มรั้วหนาขึ้นสามชั้นและสุมกองไฟให้มากขึ้นไปอีก ผลัดเปลี่ยนกันเป็นระยะ หากได้ยินเสียงจากตรงไหนให้ยิงลูกธนูไปทางนั้นได้เลย”
“ในคราวเดียวเหรอครับ!”
ขณะที่ทหารเดินจากไปเจ้าหน้าที่ก็เข้ามาหาบาอัล
“ท่านคิดว่าพวกนั้นวางแผนจะทำอะไรครับ?”
“ทั้งยามและการป้องกันของพวกเราล้วนแน่นหนา พวกนั้นคิดจะใช้กลยุทธ์ที่ทำให้พวกเราไม่ได้พักผ่อนเอาแรง ใช้ประโยชน์จากการแทรกซึมก่อความวุ่นวาย”
คำพูดของเขาไม่มีความลังเล
“ไปพักกันได้แล้วตราบใดที่ไม่ไปติดการยั่วยุของพวกมันก็ไม่มีการบุกโจมตีกลางดึกหรอก”
บาอัลดึงฮู้ดเข้ามาปิดใบหน้าก่อนที่จะหันหลังให้กับเหล่าเจ้าหน้าที่
“แล้วท่านจะไปไหน?”
“ไปหาเจ้าชาย บางทีเขาอาจจะกังวลเพราะความปั่นป่วนที่เกิดขึ้น.”
หลังจากตอบคำถามบาอัลก็เริ่มเดิน
“มันมีบรรยากาศแปลกๆสองแห่ง นั่นหมายความว่า “เขา” จะปรากฏตัวขึ้นแน่นอน ดูเหมือนว่าสายเลือดของเทพสงครามจะไม่ได้ลดลง” (TN: เผื่อคนงงตอนนี้บาอัลเรื่มที่จะเชื่อว่า ฮิโระกับเทพสงครามคือคนเดียวกัน)
บาอัลกลืนน้ำลายและเริ่มขุดคุ้ยความทรงจำของเขา
“และการยั่วยุของเขาไม่ต่างอะไรจากฝ่าบาทชวาร์ตชรช ในที่สุดก็ถึงเวลาแล้วที่จะได้ล้างแค้นความเสียใจที่สั่งสมมานับพันปี ทายาทเทพสงครามจะต้องตายลงที่นี่เพื่อเติมเต็มความปรารถนาของราชารุ่นแรก”
เมื่อถึงเวลาบาอัลก็มาถึงเต็นท์ของเฟลาต์
ภายใต้ความมืด บรรยากาศนั้นมืดมนอย่างน่ากัลว
“ตอนนี้เป็นไงบ้าง?”
เขาถามถึงมวลความมือที่กระจุกตัวอยู่――.
“ไม่เลว”
บาอัลพยักหน้าพอใจกับคำตอบสั้นๆ
“อดทนได้ดีมาก ตอนนี้ท่านคือราชันของกองทัพแห่งความตาย.”
“นี่ข้าตายแล้วจริงๆงั้นเหรอ?”
“ใช่ และ ประชาชนถึงหนึ่งหมื่นสามพันนายที่เสียสละชีวิตเพื่อให้ท่านยังคงมีชีวิตต่อไป”
มันเป็นวิญญาณของพวกมนุษย์ นอกจากนี้เฟลาต์ยังหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
“ฟุวะฮะฮะฮะฮะ ช่างหัวแม่มสิ มนุษย์มันก็แค่เศษสวะให้ข้าก้าวผ่าน ตราบใดที่พวกมันตายไปเพื่อข้าก็ไม่สำคัญหรอก เพื่อได้รับพลังจากยุคสมัยแห่งพระเจ้าแล้วมีอะไรน่ายินดีไปกว่านี้อีกเหรอ?”
คำพูดของเขาทำให้บาอัลยิ้มเล็กน้อย แต่เขาไม่ตอบสนองและยังคงลังเลอยู่ในความมืด
“เป็นอะไรไป?”
เมื่อเฟลาต์ถามบาอัลส่ายหัว
“ไม่มีอะไร แต่มีรายงานถึงท่าน เจ้าชายลำดับที่สองของจักรวรรดิแกรนด์รวมทัพมาประมาณห้าหมื่นนาย มากกว่านั้น เจ้าชายลำดับที่สี่ได้ขอกำลังเสริมซึ่งจะมาถึงในแปดวันข้างหน้า.”
“…พวกเรามีสามหมื่นนาย น้อยกว่านั้นสินะ ตั้งแต่ทัพแรกเกือบแตกพ่าย.”
“ไม่ต้องกังวลไปข้าอ่านขาดทุกกลยุทธ์ที่จะเล่นงานใส่พวกเราเอาไว้แล้ว สิ่งที่พวกเราต้องทำก็คือรอว่าพวกมันจะทำอะไรต่อไป.”
เสียงหัวเราะอันสนุกสนานยังคงดังก้องไปทั่วความมืดมิด
***
ดวงดาวส่องประกายบนท้องฟ้ายามค่ำคืนราวกับว่าเป็นอัญมณีบนฟากฟ้า แสงจันทร์อันอ่อนโยนสาดส่องลงมาท่ามกลางหิมะที่หนาวเหน็บ ด้วยแสงสว่างของมันฮิโระอ่านจดหมาย นี่คือจดหมายอีกฉบับที่ผู้ส่งสารนำมาพร้อมกับจดหมายของเจ้าชายลำดับที่สอง
ผู้ส่งก็คือเจ้าหญิงลำดับที่หกซึ่งกำลังเดินทางไปเฟลเซ็นต์ด้วยกองทัพสองหมื่นนาย
ถนนที่ได้รับการบำรุงรักษาเป็นอย่างดีทำให้ศัตรูบุกเข้ามาได้อย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ตรงกันข้ามก็คือลิซสามารถเข้าร่วมกับทัพของออร่าได้อย่างรวดเร็ว
(ค่อนข้างกังวลกับพวกแตกรังในเฟลเซ็นต์ซะด้วยสิ รีบจัดการงานของชั้นให้เสร็จโดยเร็วจะดีกว่า.)
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังไม่กระจ่าง มันยากที่จะจัดการเรื่องพวกนั้นในวันเดียว ถ้าเป็นไปได้ตามแผนก็คงจะเป็นวันรุ่งขึ้น หรือวันมะรืนนี้
(พวกมันคงจะบุกเข้ามาพร้อมกับแผนจำนวนมากนั่นแหละ)
ฮิโระกลับเต็นท์และนั่งลงเปิดแผนที่กระจายไปทั่วโต๊ะ
(เห็นทีคงจะต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง แต่จะทำอะไรดีล่ะ?)
หลังจากดูแผนที่แล้วฮิโระก็สังเกตเห็นชายแดนของอาณาจักรที่เจ้าชายลำดับที่สองรวมกำลังพลเอาไว้ แต่การจะเดินทัพแบบนั้นมันอันตรายเกินไป เพราะมันจะลบอาณาจักรนี้ให้หายไปโดยสิ้นเชิง
(แต่ถึงแม้จะมีแรงกระตุ้นมากมายขนาดไหน ศัตรูเองก็คงมั่นใจในแผนการรบของตัวเองมาก)
ฮิโระกรนออกมาเล็กน้อย พร้อมกับลูบผ้าปิดตาของเขาอย่างช้าๆ
(ถ้างั้นก็ต้องสร้างแรงกระตุ้นกันหน่อย เช่นนั้นเราจะหาทางออกจากสถานการณ์นี้ได้)
หากพวกมันข้ามเส้นมาทางนี้ก็เป็นการดีที่จะบดขยี้ในคราวเดียว ฮิโระพยายามคิดหลายๆสิ่ง พร้อมกับวางหมากจำนวนมากลงบนแผนที่
“พี่ชาย”
ฮุกินเรียกเขาและเมื่อเห็นเธอก็นั่งคุกเข่าข้างหนึ่ง
เมื่อฮิโระสงสัยว่าเธออยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้วฮุกินก็พูดขึ้นมา――.
“ในที่สุดก็รู้สึกตัวสักทีแล้วนะคะ เรียกพี่ชายไปตั้งห้ารอบแหนะ.”
ฮิโระตกใจที่เขาดูจดจ่ออย่างหนักจนไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
“เกิดอะไรขึ้นมีมือสังหารมาอย่างงั้นเหรอ? เพียงเพราะอยู่ใกล้กันมันคงไม่คิดจะข้ามขั้นถึงขนาดนั้นหรอกใช่ไหม”
อย่างที่คิด ดูเหมือนจะมีมือสังหารปรากฏตัวขึ้น แม้ว่าจะจัดการกับพวกมันไปแล้ว แต่แบล็คคามิเลียก็จะคอยคุ้มกันให้อยู่ดี
“แล้วมีอะไรกันล่ะดึกดื่นป่านนี้แล้วนะฮุกิน?”
“ก็เห็นเต็นท์ยังสว่างอยู่ก็เลยคิดจะเอาอาหารมาให้ค่ะ”
สถานที่ๆฮุกินพักอยู่ไม่ไกลจากฮิโระ เนื่องจากมีผู้หญิงไม่มากในกองทัพ ฮิโระเลยกังวลใจเรื่องการตั้งแคมป์ให้ห่างออกไปหน่อยเพื่อความปลอดภัยของตัวพวกเธอเอง
“เป็นซุปและขนมปังค่ะ”
“ขอบคุณนะ เอาจริงๆผมก็กำลังหิวอยู่พอดี” (TN: ขอเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวจาก ชั้น เป็น ผม ก็แล้วกัน แต่ตอนที่ฮิโระใช้ความคิดคนเดียว จะยังใช้ “ชั้น” เหมือนเดิมครับ)
ฮุกินนั่งอยู่หน้าฮิโระเธอมองไปยังแผนที่ๆถูกกางออก ซึ่งดูเหมือนเธอจะไม่มีอะไรทำจริงๆ
“พี่ชาย นี่พี่ใช้เวลาจำนวนมากกับการคิดกลยุทธ์ขึ้นมางั้นเหรอคะ?”
“ไม่หรอก ไม่ได้คิดอยู่ที่โต๊ะตลอดเวลาถึงขนาดนั้นหรอกนะ ตอนที่อยู่บนเตียงผมเองก็พยายามคิดอยู่น่ะ”
“งั้นวันนี้มันก็แปลกน่ะสิคะ?”
“ตอนนี้ผมยังหลับไม่ลง เพราะมีบางอย่างกวนใจ”
“ถ้างั้นให้หนูนอนเป็นเพื่อนพี่ชายเอาไหมคะ?”
ฮิโระไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงมาที่ข้อสรุปนี้ได้ล่ะ
“…..ไม่ล่ะ ทานอาหารมื้อดึกแล้วด้วย เดี๋ยวก็จะไปนอนแล้วล่ะ.”
“อ๊ะ ถ้างั้นให้หนูกล่อมพี่ชายให้หลับจะดีไหมคะ!”
ฮิโระรู้สึกปวดหัวหนักกว่าเดิม เอามือก่ายหน้าผากทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ได้ฟะ
“ไม่เอาน่า อย่าทำแบบนั้นเลย มันจะทำให้พวกทหารอิจฉากันเปล่าๆ.”
ฮิโระยักไหล่และตอบปฏิเสธ แต่ฮุกินทำหน้าบึ้งและจ้องไปที่ฮิโระ
“โกหกอ่า พี่ชายเอ๋ย ผู้บัญชาการบางคนก็มีสาวรายล้อมรอบกาย ทำให้เขาแสดงศักยภาพในการทำศึกได้อย่างเต็มที่นะ.”
ฮิโระพยักหน้าอยากจะต่อยหน้ากาด้าซักหมัด สอนอะไรไม่เข้าเรื่องไอ้เวรนี่ คิดว่าผู้บัญชาการทุกคนมันเป็นเสือผู้หญิงรึไงฟะ ยังไงก็ตามสิ่งนั้นมันจะส่งผลเสียต่อเหล่าทหารทำให้พวกเขาต่างอิจฉาเป็นประเพณีที่ไม่ควรมีการสืบทอดมาเลย
“เอาล่ะวันนี้จะนอนแล้ว ฮุกินกลับเต็นท์ของเธอไปซะ”
“ไม่อาวววว ก็หนูมานี่เพราะเป็นห่วงพี่ชายนะ!”
พูดอะไรไปก็คงไม่ฟังแล้วสิเนี่ยอีหรอบนี้
ฮิโระถอนหายใจและคิดไอเดียแปลกๆขึ้นมา
“เอาล่ะ ถ้ายืนกรานถึงขนาดนั้นมาช่วยกันคิดกลยุทธ์ไหมล่ะ”
มีกลยุทธ์หลายๆอย่างที่จะช่วยผลิกสถานการณ์ได้จากการฟังความเห็นของผู้อื่น
“แน่ใจเหรอคะ?”
ฮิโระพยักหน้าให้เธอขณะที่เขาวางชิ้นส่วนบนแผนที่ ดวงตาของเธอเปล่งประกายไปด้วยความสุข
พาร์ท 2
วันรุ่งขึ้นกองทัพทิศใต้นำโดยฮิโระเผชิญหน้ากับกองทัพกบฏอีกครั้ง ไม่มีการหยุดชะงักในการเดินทัพ กองทัพของพวกเขาตอนนี้ไม่มีใครกลัวตายและกลัวเรื่องความต่างของจำนวนเลยแม้แต่น้อย
กองทหารศัตรูเองที่เข้าเผชิญหน้าเองก็เต็มไปด้วยพลังรบเต็มเปี่ยมและตะโกนข่มขวัญกันตั้งแต่เช้าตรู่ พวกนั้นพยายามจะลดแรงจูงใจในการรบของพวกเรา
“…ในสถานการณ์เช่นนี้ท่านฮิโระคิดจะทำอะไรงั้นเหรอคะ?”
เมื่อลมแรงพัดผ่านก็ได้ยินเสียงไพเราะเช่วยดึงสติเขา
“…หืมม?”
ฮิโระที่นั่งอยู่ในรถม้ากำลังเอียงคอด้วยความสงสัยและมองไปด้านข้างก็พบกับคลอเดียที่กำลังมองไปยังกองทัพศัตรู ซึ่งศัตรูก็ยังคงจัดทัพแบบเดิมเช่นเดียวกับเมื่อวาน
“ท่านฮิโระจะทำยังไงคะถ้าหากท่านอยู่ในมุมมองของฝ่ายตรงข้าม?”
ฮิโระพยักหน้ากับคลอเดียที่ถามคำถามออกมาแล้วเริ่มพูด
“ถ้าผมอยู่ฝ่ายศัตรูผมจะพยายามเปิดช่องว่างเล็กน้อยและดูว่าฝ่ายศัตรูจะชิงบุกมาหรือไม่ มีโอกาสที่พวกเขาจะเผลอโจมตีเข้ามาก็ได้ แต่มันก็คงสนุกกว่าการที่มายืนมองกันและกันแบบนี้ครับ”
“แล้วคิดว่าเหตุผลใดที่ทำให้พวกเขาไม่ทำเช่นนั้นล่ะคะ?”
“พวกนั้นก็คงจับตาดูพวกเราอยู่หรือบางทีก็คงมีแผน”
เมื่อฮิโระตอบกลับคลอเดียเธอพยักหน้าราวกับว่าเข้าใจ
“ซุ่มโจมตีสินะคะ บางทีพวกนั้นอาจจะอ้อมมาด้านหลังพวกเราค่ะ”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงพวกนั้นยิ่งต้องเผยช่องว่างให้เราเป็นฝ่ายบุกไปติดกับมากกว่าเดิมครับ นอกจากนี้นี่เป็นจุดได้เปรียบทางยุทธศาสตร์สำหรับการลอบโจมตีด้วย”
หากมีกองทหารที่น่าสงสัยเคลื่อนทัพภายใต้ทุ่งหิมะเช่นนี้ พวกหน่วยสอดแนมก็คงจะเห็นก่อนที่พวกนั้นจะมาปิดล้อมเรา ถ้าคิดจะทำแบบนั้นจริงศัตรูจะต้องหลอกล่อและทำให้ทัพของเราแตกเสียก่อน
“ไม่มีร่องรอยของกองทหารซ่อนอยู่ ดังนั้นพวกนั้นไม่คิดจะทำอะไรหรอกครับ.”
“แต่ว่าถ้าเอาแต่จ้องอีกฝ่ายแบบนี้ก็ไม่มีทางชนะสิคะ”
คลอเดียมองไปที่กองทัพศัตรูอย่างสงสัย
ฮิโระยักไหล่และพูดว่า――.
“มันไม่ใช่ธุระอะไรของพวกเราเลย พวกเราก็แค่ทำสิ่งที่ควรทำเท่านั้นก็พอครับ”
จากนั้นเขาก็เรียกผู้ส่งสาร
“ท่านเรียกกระผมงั้นเหรอครับ?”
“อยากให้ช่วยบอกกองกำลังที่ล่วงหน้าไปก่อนว่าให้บุกไปได้เลย ส่วนกองกำลังที่เหลือให้ทำตามแผน”
“ครับท่าน!”
ผู้ส่งสารทักทายเสร็จก็ออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นฮิโระก็เรียกมุนินพร้อมกับพูดสองสามประโยคและมีจดหมายบางอย่างถูกส่งไปถึงเขา
มุนินซ่อนจดหมายไว้ในหน้าอกอย่างระมัดระวังและโค้งคำนับ
“อย่าบุ่มบ่ามล่ะ”
“ฮ่ะฮะ ผมมั่นใจในฝีมือของตัวเอง แค่นั้นไม่พอนะครับยังมั่นใจในฝีเท้าตัวเองมากๆอีกด้วย”
“แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ ช่างหัวแผนการซะ และให้ความสำคัญกับชีวิตตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก”
“เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นขอตัวก่อนนะครับ”
มุนินเคารพและออกตัวไป
ทัพแรกยังคงเคลื่อนตัวออกไปเหมือนเดิม ท่ามกลางสถานการณ์นี้คลอเดียขี่ม้าและเข้าหาฮิโระ
“ดิฉันเองก็จะดำเนินการตามแผน ทุกอย่างโอเคดีใช่ไหมคะ?”
คลอเดียดูค่อนข้างกังวลเป็นอย่างมาก ฮิโระยักไหล่และมองไกลออกไป
“ทุกอย่างโอเคดี ที่สำคัญอย่าลืมว่าตัวองค์หญิงสำคัญมากกว่าผมนะครับในแผนการนี้”
“นั่นก็จริงค่ะ ถ้าพวกนั้นสังเกตเห็น ทุกอย่างก็จบ”
“ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราจะทุ่มทุกอย่างที่มีและออกจากที่นี่ให้ได้แหละครับ”
“ถ้าเป็นแบบนั้นคงตลกน่าดูเลยนะคะ”
หลังจากหัวเราะคิกคักคลอเดียก็หันกลับไป
“เอาล่ะถึงเวลาแล้วค่ะ ถ้างั้นดิฉันขอตัวไปทำตามแผนก่อนนะคะ”
ขั้นตอนแรกดำเนินไปได้ด้วยดี
หลังจากที่เธอจากไปฮิโระมองไปรอบข้างทุ่งหิมะ
“ขั้นตอนแรกเรียบร้อยดี ที่เหลือก็ปล่อยให้มันดำเนินต่อไป”
ฮิโระพึมพำอย่างมีความสุขและส่งสัญญาณให้ผู้ถือธงชูธงขึ้น จากนั้นกองทัพทั้งหมดจึงเริ่มเคลื่อนไหว
พวกเขาไม่ได้มุ่งไปด้านหน้าและไม่ได้กระจายไปทางไหน แต่พวกเขาเริ่มล่าถอยอย่างช้าๆ ในขณะนั้นผู้ส่งสารก็เริ่มเข้ามาหาเขาพร้อมกับหิมะที่ห่อหุ้มสนามรบ
“ฝ่าบาทดูเหมือนว่าจะไม่มีวี่แววการเคลื่อนไหวของศัตรูนอกจากนี้กองกำลังที่ล่วงหน้าไปก็ได้เข้าร่วมปีกซ้ายกับขวาของทัพแรกแล้วครับ”
“ถ้างั้นก็บอกให้พวกเขาถอยกลับมา เมื่อเปิดระยะห่างได้ที่พวกเราจะตั้งค่ายกันตรงนั้นแหละ”
ไม่จำเป็นต้องผลาญพลังงานไปมากกว่านี้ อย่าสร้างภาระหนักให้กับทหารโดยไม่จำเป็น
เมื่อเห็นกองทัพของเราห่างไกลออกไปพวกมันก็เริ่มย่นระยะทางเข้ามาหา พวกมันคิดว่าหากปล่อยให้ห่างมากเกินไปคงไม่ดีแน่ แต่อย่างไรก็ตามพวกนั้นก็เอาแต่ตั้งรับอยู่ท่าเดียว
แน่นอนว่ามีการยั่วยุและอีกมากมาย แต่ฮิโระไม่ได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้นและทิ้งระยะห่างไว้พอสมควร กองทัพทั้งสองยังคงขับเคลื่อนเว้นระยะห่างกันต่อไปตลอดทั้งคืน
***
“เข้าใจแล้วดูเหมือนวันนี้เองก็เล่นใหญ่ไฟกระพริบอีกแล้วสินะ”
บาอัล หัวหน้าของทัพกบฏพูด
“เฮ้อก็เหมือนดั่งเมื่อวาน มาแค่เสียงเท่านั้น”
ตอนนี้เขาอยู่ในเต็นท์กลางค่าย รอบตัวเขายังมีเหล่าเจ้าหน้าที่กำลังกังวลเกี่ยวกับการซุ่มโจมตีและไม่กล้าจะกลับไปยังเต็นท์ของตัวเอง
“ช่วยทำอะไรบางอย่างกับเสียงรบกวนนั้นหน่อยได้ไหมครับท่านบาอัล ถ้ายังเป็นแบบนี้มันจะทำให้พวกเราอดหลับอดนอน และระแวงกันตลอดทั้งคืนนะครับ.”
ก็พอเข้าใจได้ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงได้บ่นระงม ศัตรูแค่สร้างเสียงรบกวนเช่นใช้เสียงกลองและแตร แต่ไม่มีการบุกโจมตีใดๆยามดึก สิ่งนี้มันจะลดทอนกำลังใจและไม่สามารถฟื้นตัวจากการอดนอนได้
“ก็เตรียมมาตราการโต้กลับไว้แล้วไง ไม่ต้องกังวลไปหรอก กลับไปหลับพักผ่อนให้สบายเถอะ.”
แม้ว่าจะใช้ประโยชน์จากความตั้งใจของศัตรู แต่พวกนั้นก็สามารถหนีไปได้
“อย่ามาเปลืองพลังงานเปล่ากับเรื่องหยุมหยิมแค่นี้ กลับไปพักซะ”
“แต่…”
แม้ว่าจะเข้าใจก็เถอะ แต่พวกเขาก็ไม่อยากจะเชื่อว่าทุกอย่างมันจะราบรื่น แม้ว่าจะโดนสั่งให้ไปพักก็ตามที แต่สถานการณ์ที่ไม่สงบเหล่านี้ก็ทำให้พวกเขาหลับไม่ลง
กล่าวได้ว่าไม่มีทางทำอะไรกับสถานการณ์นี้ได้นอกจากต้องอุดหูนอน
“ไม่มีโอกาสให้พวกนั้นลอบโจมตีพวกเรากลางดึกหรอก หากมีปัญหาเรื่องการนอนหลับก็ใช้ผ้าฝ้ายทำที่อุดหูแล้วก็หลับตาลงไปซะ”
บาอัลพูดและมองลงไปบนแผนที่บนโต๊ะ วันนี้มีการเคลื่อนไหวผิดธรรมชาติจำนวนมากเกิดขึ้นกับฝ่ายศัตรู ครั้งแรกก็คือพวกนั้นสร้างเมฆหมอกจำนวนมากและกองทหารนับพันคนก็หายไปในคราวเดียว
แน่นอนว่าเขาส่งหน่วยสอดแนมไปยังป่าโดยรอบเพื่อตรวจสอบการซุ่มโจมตีแล้ว แต่ไม่มีวี่แววที่จะซุ่มโจมตีเลย ระยะห่างระหว่างพวกเขายิ่งเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นฝ่ายนี้จึงต้องตามศัตรูไปเพื่อไม่ให้คลาดสายตา แต่แล้วมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
ไม่ใช่ว่าพวกนั้นไม่มีหลักการใดๆ มันเป็นเพียงแค่การกระทำที่ไร้ซึ่งจุดประสงค์ แต่เมื่อเช้านี้เห็นได้ว่าทัพศัตรูพยายามจะเว้นระยะห่างให้มากขึ้น
“ถ้าพวกนั้นคิดจะถ่วงเวลาและเข้าร่วมกับกองทัพจักรวรรดิที่ห้าใกล้กับชายแดนมันก็คงจะง่ายสำหรับเรา”
ถ้าพวกนั้นเข้าร่วมกับกองทัพที่นำโดยเจ้าชายลำดับที่สองศัตรูจะมีจำนวนมากกว่า หากพวกนั้นทำเพื่อถ่วงเวลาไปแค่นั้นเฉยๆมันก็คงดูไร้สาระเกินไป
“ถ้ามันคิดจะทำแบบนั้นจริงๆก็แค่บดขยี้พวกมันก่อนจะได้เข้าร่วมกันก็พอ”
ยังไม่แน่ใจเลยว่าทายาทเทพสงครามมีความสามารถเพียงใด แต่มันคงจะลำบากที่จะให้เขาเป็นผู้บัญชาการกองทัพขนาดใหญ่ บาอัลกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น แต่ดวงตาของเขาก็จับจ้องไปบนแผนที่
“…ฟุมุถ้าพวกเรายังไปทางใต้ต่อไปก็จะใกล้กับป้อมปราการชินี(Schnee)”
เมื่อดูจากการถ่วงเวลาแล้ว ดูเหมือนว่าคิดวางแผนประกบแซนวิชกองทัพกบฏกับกองทัพจักรวรรดิที่ห้า ไม่เช่นนั้นพวกเขาไม่มีโอกาสชนะหรอก ที่สำคัญกว่านั้นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดของพวกเขาที่มีในมือมันก็อยู่ในความคิดของบาอัลหมดแล้ว
“ท่านบาอัลดูเหมือนว่าหน่วยสอดแนมจะพบสิ่งนี้ครับ”
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเอาจดหมายให้เขา บาอัลหยุดคิดและตรวจสอบเนื้อหาจดหมายขอกำลังเสริม
“อืม พวกนั้นได้จดหมายนี่มาได้ยังไง?”
“พวกเขาพบคนน่าสงสัยและพยายามจับเขา แต่ก็วิ่งหนีไปโดยทิ้งสิ่งนี้ไว้ครับ”
“อืม จังหวะมันคงจะเหมาะเจาะเกินไปละมั้งที่ทำจดหมายสำคัญหล่นแบบนี้.”
บาอัลยิ้มกว้างขึ้น เรียกได้ว่าเป็นความผิดพลาดที่บังเอิญมาก บาอัลอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“ไอ้โง่ เจ้านี่มันต้องการให้เอาสิ่งนี้มาให้ข้าต่างหาก ซึ่งมันให้ผลตรงกันข้ามเลย”
เขาอาจจะวางแผนเบี่ยงเบนความสนใจจากกองทัพจักรวรรดิที่ห้าโดยจงใจส่งจดหมายให้เขา หรือบางทีพวกเขาพยายามจะเปลี่ยนเป้าหมายของกองทัพจักรวรรดิที่ห้า
“แต่ต้องขอบคุณเจ้านี่แหละนะที่ทำให้ไม่ต้องกังวลกับกองทัพจักรวรรดิที่ห้า.”
แม้ว่าจะไม่เคลื่อนไหวแต่กองทัพจักรวรรดิที่ห้าเองก็จะไม่ทำอะไรเช่นกัน ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ
“คิดจะเอาชนะด้วยกองทัพเพียงสามพันนายงั้นเหรอ ช่างหยิ่งผยองเหลือเกินนะไอ้เด็กเหลือขอ”
บาอัลปรับกลยุทธ์ที่เขาคิดมาให้แคบลง และพยายามหากลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยมองจากมุมมองฝ่ายตรงข้าม
“…พวกมันคงจะท้าทายให้พวกเราไปชี้ศึกตัดสินที่ป้อมชินีสินะ.”
ต้องมีการซุ่มโจมตีอย่างแน่นอนโดยใช้กองกำลังที่แยกตัวออกไปดึงดูดความสนใจและใช้กองกำลังจำนวนน้อยที่สุดในการบุกเข้ามาในตอนกลางคืน
“ราวกับแนะนำให้พวกเราบุกไปยามดึก คิดพยายามจะเบี่ยงเบนความสนใจสินะ.”
บาอัลตัดสินใจได้แล้ว หลังจากนั้นเขาจะฆ่าทายาทเทพสงครามและจัดการกองทัพของเจ้าชายลำดับที่สองในคราวเดียว
“อีกไม่นานเผ่าปีศาจจะขึ้นไปยังตำแหน่งสูงสุดอีกครั้ง หลังจากที่ถูกทำให้อับอายในอดีต”
ก่อนหน้านั้นจะต้องทำให้เป็นปึกแผ่น จนกว่าจะถึงตอนนั้นจะย้อมใบหน้านั่นสู่ความสิ้นหวังเอง
พาร์ท 3
25 ตุลาคม ปีจักรวรรดิที่ 1023 ในวันนี้กองทัพทั้งสองก็ยังเผชิญหน้ากันเหมือนเดิม
ฮิโระที่อยู่แคมป์หลักถอนหายใจและมองไปยังกองทัพกบฏที่กระจายออกไปข้างหน้าเขา
“วันนี้เองก็ไม่มีการเคลื่อนไหวงั้นเหรอ แบบนี้มันก็ง่ายสำหรับเรา แต่พวกเราเองก็ไม่ว่างมาผ่อนคลายขนาดนั้น”
แม้ว่าจะเป็นสนามรบแต่ไม่มีการนองเลือด ไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้น สิ่งเดียวที่เกิดขึ้นคือกองทัพทั้งสองเผชิญหน้ากัน ในอนาคตอันใกล้มันก็กลายเป็นเหมือนสงครามประสาทว่าใครจะเสียสติก่อนนั่นละ มีทหารคนหนึ่งเข้ามาใกล้ฮิโระ
“ฝ่าบาทท่านคิดจะทำอะไรเมื่อถึงเวลา?”
“ถอยทัพและไปพักผ่อนตามเดิม ถ้าศัตรูคิดจะดึงดันมาก็อาบเลือดพวกมันด้วยลูกธนูซะ.”
ในสถานการณ์เช่นนี้เป็นไปได้ที่จะใช้ประโยชน์สักเล็กน้อย หากเหยื่ออ่อนแอกว่าตนเองการโจมตีเพียงเล็กน้อยก็สามารถบดขยี้ศัตรูได้จำนวนมาก
สิ่งนี้จะสร้างระลอกคลื่นทางการทหาร หากสิ่งนี้เกิดขึ้นจะส่งผลต่อสายบัญชาการของฝั่งศัตรูและต้องจัดตั้งขบวนทัพใหม่
“หากพวกมันมีจำนวนมากเกินไป ก็เรียกได้ว่าหยิ่งผยองว่าตนเก่ง ยามถึงเวลานั้นคำสั่งก็จะไร้ซึ่งคนฟังวินัยทางทหารจะใช้ไม่ได้ผลและกองทัพจะแตกพ่ายในทันที”
หากพวกมันคิดว่าการทำร้ายผู้บริสุทธิ์และการเผาหมู่บ้านนั่นคือชัยชนะของพวกมัน มันก็จะยิ่งหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี
“ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเราควรจะถอยตามแผนใช่ไหมล่ะ”
ฮิโระบอกผู้บัญชาการส่งสัญญาณให้ล่าถอยดังเมื่อวานนี้ กองทัพกบฏเองก็ไม่คิดไล่ตาม ทางกองทัพเราก็เปิดระยะทางเว้นห่างไว้พอสมควร
เป็นอีกครั้งที่ทั้งสองฝ่ายต่างจ้องมองกันและกัน พระอาทิตย์เองก็ตกลงโดยที่พวกเราไม่ได้แลกดาบกันสักครั้งเดียว เมื่อพระอาทิตย์ตกดินทุกๆอย่างก็เป็นไปตามลำดับ
กองทัพของเราตั้งค่ายและพักผ่อนอย่างระมัดระวัง ทหารทุกนายได้รับอนุญาตให้สังสรรค์อย่างเต็มที่
ในใจกลางของค่ายนั้น มีแคมป์หลักที่เป็นศูนย์บัญชาการและหน่วยหัวกะทิรวมตัวกันบนโต๊ะยาวเรียบง่าย พวกเขาทั้งหมดต่างมองมาที่ฮิโระที่นั่งอยู่ด้านบนสุดพร้อมกับสีหน้าเคร่งเครียด
“ผมเฝ้าดูศัตรูตลอดทั้งวันในวันนี้และตอนนี้ก็พอคาดการณ์สถานการณ์ได้บ้างแล้ว”
เมื่อฮิโระพูดแบบนี้ ผู้บัญชาการทุกคนต่างประหลาดใจ
“หมายความว่าท่านอ่านแผนการรบของฝ่ายนั้นออกแล้วยังงั้นเหรอครับ?”
หนึ่งในผู้บัญชาการกล่าว ฮิโระพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มมั่นใจ
“ก็พูดได้ไม่เต็มปากแต่ก็คิดว่าไม่ผิดแน่”
“ถ้างั้นพวกเราควรเปลี่ยนแผนการรบดีไหมครับ?”
“ไม่จำเป็น พวกเราจะทำตามแผนดั้งเดิมและเราจะใช้กลยุทธ์ที่ทุกคนคิดค้นขึ้นมาฟันฝ่าไปให้ได้”
ฮิโระไม่คิดจะทำลายข้อตกลงที่ได้ทำร่วมกัน เขาต้องการแสดงให้เห็นว่าแผนการของทุกคนที่ระดมความคิดกันมาสามารถใช้งานได้จริง
“…แต่ถ้าเรายึดติดกับแผนมากเกินไปเป็นไปได้ที่พวกเราจะถูกจัดการนะครับ”
“ผมคืออีกตัวแปรหนึ่งที่จะไม่ให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นยังไงล่ะ ผมจะนำพาทุกคนไปสู่ชัยชนะอย่างแน่นอน”
ฮิโระยกมือขึ้นไปที่แผนที่บนโต๊ะแล้วหยิบหมากตัวหนึ่งขึ้นมา
“พรุ่งนี้พวกเราจะถอยทัพไปที่ป้อมชินี พวกเราจะล่าถอยไปพร้อมแสร้งทำเป็นว่าวางกับดักเอาไว้”
ฮิโระหยิบหมากขึ้นมาและมุ่งหน้าไปยังตะวันตกจนในที่สุดมันก็มาถึงป้อมปราการ
“และที่นี่คือจุดที่พวกเราจะใช้ในการชิงชัยในครั้งนี้แผนทั้งหมดของพวกเราจะสำเร็จลง ณ ตรงนี้”
ในขณะนั้นพื้นดินเปลี่ยนเป็นสีแดง มันสดใสราวกับดอกไม้ที่เพิ่งเบ่งบาน
“จนกว่าจะถึงตอนนั้นพวกเราจะถอยทัพแบบนี้ต่อไปหลีกเลี่ยงการต่อสู้ที่ไม่จำเป็น เช่นเดียวกับเมื่อวานพวกเราจะส่งกองกำลังไปก่อกวนสมาธิพวกนั้นยามค่ำคืน กระตุ้นให้พวกนั้นคิดมากและบุกมาโดยเร็วที่สุด”
เหล่าผู้บัญชาการต่างกลืนน้ำลายพร้อมแรงกดดันอันมุ่งมั่นของฮิโระ
“เข้าใจแล้วครับท่านฮิโระพวกเราจะทำตามคำแนะนำของท่าน”
“ถ้ามีใครมีข้อสงสัย ผมยินดีจะตอบคำถามอย่างเต็มที่ หากรู้สึกไม่สบายใจให้ระบายมันออกมา ณ ที่แห่งนี้ หรือถ้ากังวลจนปรึกษาใครไม่ได้ให้มาที่เต็นท์ส่วนตัวของผม ผมจะบอกไพ่ตายบนมือทั้งหมดแบบไม่มีกั๊ก”
ฮิโระมองใบหน้าทุกคนอย่างช้าๆพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าเล็กน้อย
“ถ้างั้นพวกเรามายุติการประชุมในวันนี้กันเถอะครับ?”
ด้วยคำพูดเหล่านั้น ทหารทั้งหมดลุกขึ้นและทำความเคารพก่อนที่จะออกไป
ฮิโระนั่งลงบนเก้าอี้เอนตัวลงพร้อมกับตั้งข้อศอกไว้บนโต๊ะ เอามือเท้าคางในขณะจ้องมองไปบนแผนที่
“ถ้าแกมั่นใจในแผนของตนเองขนาดนั้น ก็เข้ามาซะ ผมจะพิสูจน์ให้ดูเองว่าแกน่ะคิดผิด”
ฮิโระยิ้มเล็กน้อย หลังจากลูบผ้าปิดตาของเขาและวางหมากหลายตัวบนแผนที่ แผนการบางอย่างผุดขึ้นมาในใจของเขาและตาซ้ายของเขาเริ่มกระตุกเป็นจังหวะราวกับรอให้ฝั่งตรงข้ามมาท้าทาย
“เมื่อเสร็จธุระจากที่นี่ ยังมีหลายที่ๆต้องจัดการอีก ทั้งเฟลเซ็นต์ แกรนดัชชีดัลล์ รัฐสไตน์เฉิน และอีกหลายประเทศทางตะวันตก ไม่ใช่ว่าพวกเขาเป็นศัตรูแต่มันแค่เกะกะขวางทาง…”
เมื่อไม่มีใครเหลือวให้เป็นคู่ต่อสู้ในศูนย์กลางแล้ว เขาจะก้าวข้ามเข้าสู่ตอนเหนือข้ามทะเลไป หรือไม่ก็มุ่งไปยังทิศตะวันตก อย่างไรก็ตามมันต้องมีการรุกรานมาอย่างแน่นอน
“อ่าาาา ―…นอกจากนี้ยังมีหมู่เกาะตะวันออกอีกสินะ”
เป็นดินแดนที่อาศัยโดยมนุษย์สัตว์และเป็นดินแดนเวทมนตร์ที่มีมอนสเตอร์ออกอาละวาดจำนวนมาก พวกมนุษย์สัตว์เองก็เป็นพวกชอบทำสงคราม แต่ตอนนี้พวกเขาไม่เคลื่อนไหวเพราะเหตุผลบางอย่าง
ดังนั้นถ้าไม่ไปกระตุกหนวดเสือ พวกเขาก็จะไม่เข้ามายุ่งกับพวกเรา
“ตอนนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่เลยทำให้กังวลใจโดยใช่เหตุ”
ถึงกระนั้นก็มีตัวเลือกมากมายและโอกาสในการทดสอบความสามารถก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อฮิโระล้มตัวหมากทั้งหมดก็มองดูชิ้นส่วนที่ยังเหลืออยู่
“…จักรวรรดิแกรนด์”
หนึ่งพันปีก่อนเป็นประเทศที่เติบใหญ่เป็นอย่างมาก มีอำนาจและพละกำลังโดดเด่นที่สุดในทวีปกลางมากกว่าที่ฮิโระจินตนาการเอาไว้ หากไม่มีประเทศโดยรอบรวมพลังกัน ป่านนี้ก็คงไม่มีใครหยุดจักรวรรดิแกรนด์ได้เลย อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าไม่มีความกังวลอยู่เลย
“จะไม่พูดหรอกนะว่าจักรพรรดินั้นไร้ซึ่งพลัง แต่ขุนนางและลอร์ดมีอำนาจมากเกินไปต่างหาก”
หากไม่ได้มองจากภายในแต่มองจากภายนอกก็จะเห็นได้ชัดว่าขุนนางและลอร์ดส่วนใหญ่ เป็นคนรักษาสมดุลของจักรวรรดิแทนที่จะเป็นจักรพรรดิ ห้าตระกูลผู้ยิ่งใหญ่นั้นคอยทำหน้าที่ในการรักษาสมดุล แต่เกิดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพังทลายจะเกิดสงครามกลางเมืองแน่นอน
“เพื่อทำลายอำนาจขุนนางส่วนกลาง เป็นการดีที่จะสร้างกลุ่มก้อนพลังใหม่ที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดและปล่อยให้พวกนั้นแข่งขันกัน แต่นั่นจะชักนำไปสู่ยุคที่พลังเป็นใหญ่.”
การจะเกิดกองกำลังใหม่เป็นสิ่งที่น่ากลัว มันสามารถกลืนขั้วลูกเก่าได้ภายในพริบตา
หากการวางเดิมพันผิดพลาดเพียงครั้งเดียวประเทศจะล่มสลาย เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นมีแต่ต้องทำตามขั้นตอนเท่านั้น เพื่อที่จะทำเช่นนั้นต้องเสริมอำนาจให้กับขุนนางตะวันออกจนปีกกล้าขาแข็งขึ้นมาได้
“มีหลายอย่างที่ต้องสะสาง จะมามัวเสียเวลาอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว”
ฮิโระเคาะหมากที่เหลือทั้งหมดและยืนขึ้น เขาพลิกชายเสื้อคลุมสีดำและเริ่มเดินออกไป
“สิ่งแรกที่ต้องทำคือหยุดสงครามที่ไร้แก่นสารนี่ ตัวผมนั้นไม่อยากจะโดนความตั้งใจในอดีตมาเป็นข้อผูกมัด.”
ด้วยเสียงเท้าอันดังฮิโระก้าวออกมาข้างนอก เสียงเดียวที่เหลืออยู่คือเสียงของสายลม
จากนั้น—– เงาที่เฝ้าคอยอยู่จากทั้งสี่มุมก็ก่อตัวอย่างน่าขนลุก
ในที่สุดมันก็กลายเป็นรูปร่างของบุคคลและเต้นไปรอบๆอย่างมีความสุขด้วยรอยยิ้มอันน่าหวาดกลัว ความมืดยังคงแพร่กระจายไปอย่างเงียบๆโดยไม่มีใครสังเกตเห็น
***
26 ตุลาคม ปีจักรวรรดิที่ 1023 ในตอนเย็นกองทัพทิศใต้มีการเคลื่อนไหวที่แตกต่างไปจากเดิม
“โฮววว…..ไม่เห็นอย่างนั้นรึ”
มีรถม้าที่ไม่มีหลังคาอยู่ใจกลางค่ายหลักของกองทัพกบฏ คนหนึ่งที่นั่งมันอยู่คือบาอัล ผงหิมะจำนวนมากกำลังลอยอยู่ต่อหน้าต่อตา และมันเพียงพอที่จะปกคลุมกองทัพทิศใต้ทั้งหมด
“ดูเหมือนจะชอบเล่นหิมะมากเลยสินะ แต่กับดักไร้รูปลักษณ์เช่นนี้ไม่มีทางหลงกลหรอก”
บาอัลหยิบแผนที่เข้ามาใกล้ จากนั้นก็จ้องมองหมากที่อยู่บนมือทั้งสอง ป้อมปราการชินีอยู่ใกล้ๆและเขาได้ส่งหน่วยสอดแนมไปแล้ว แต่มันก็ไม่แน่นอนเสมอไป
“พวกเราเองก็ได้สร้างแรมส์ที่ทำลายปราสาทสักสองสามอัน มันน่าจะพอที่จะทำลายกำแพงป้อมปราการอ่อนๆนั่น”
ตอนนี้ถ้าศัตรูทำตามที่คิดเอาไว้ทุกสิ่งที่ทำมาจะไม่ไร้ประโยชน์
บาอัลคาดว่าพวกนั้นจะมุ่งหน้าออกจากทุ่งหิมะ หากพยายามไล่ล่าพวกนั้นมันก็จะโจมตีกลับมา
มันก็พอจะมีเวลาให้จัดการล้างบางศัตรูได้ แต่นี่ไม่ใช่เวลามาสนใจกองทัพสามพันนาย นี่เป็นเพราะหลังจากนั้นจะมีการต่อสู้กับกองทัพเจ้าชายลำดับที่สองด้วย
“ท่านบาอัล! ศัตรูเริ่มเคลื่อนไหวเต็มกำลังแล้วครับ!”
ผู้ส่งสารกล่าวเช่นนั้น รอยยิ้มของบาอัลกว้างขึ้นไปอีก หลังจากหนีเข้าไปในป้อมปราการชินีและซ่อนตัวเหมือนกับพวกเต่าแล้ว
“แต่ถ้าพวกเรารีบตามพวกมันไปในตอนนี้พวกมันจะต้องบุกมาจากด้านหลังแน่นอน.”
กองทัพประมาณหนึ่งพันนายน่าจะซุ่มอยู่ที่ไหนสักแห่ง มันจะทำให้พวกเราลำบากแน่นอนหากโดนประกบหน้าหลัง
“ทิ้งหน่วยสกัดกั้นไว้ด้านหลังด้วย”
แต่ถ้ามันอ่านการเคลื่อนไหวนั้นออก เท่ากับเราทิ้งกองทัพเอาไว้ด้านหลังไว้ฟรีๆ พวกเราไม่ควรเสียกำลังพลโดยเปล่าประโยชน์
“ถ้างั้นก็เข้าไปทำลายแผนของพวกมัน ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร วันนี้มันจะจบลงที่นี่”
บาอัลกวักมือเรียกผู้ส่งสาร
“แจ้งกองทหารทั้งหมด บอกให้พวกนั้นคอยระวังหลังเอาไว้และเข้าล้อมป้อมปราการชินี.”
“ฮ่ะ เข้าใจแล้วครับท่าน!”
หลังจากมองศัตรูที่ถอยทัพไปยังป้อมปราการแล้ว บาอัลก็คิดไตร่ตรอง
(สิ่งเดียวที่เหลือให้พวกเขาทำในตอนนี้คือการซุ่มโจมตีกลางดึก)
มีการวางหินจำนวนหนึ่งเพื่อการนั้น บาอัลพยายามมุ่งหน้าไปโดยพยายามบ่งบอกว่าพวกเขาจะบุกตอนกลางคืน แนวทัพเองก็ค่อยๆร่นระยะทางลงเรื่อยๆ
หากพวกเขาจะเปิดศึกซุ่มโจมตีกลางดึกมันก็ง่ายที่จะทำให้พวกนั้นล่มสลาย
(แหม ถ้าไม่อ่านการณ์ล่วงหน้า ก็คงจะจัดการไม่ได้นะเนี่ย.)
ศัตรูมีมาตราการมากมายในการรับมือพวกเรา ราวกับว่ากำลังเปิดตำราเรียนยังไงยังงั้น ในทางกลับกันทางฝั่งนี้กลับอ่านออกได้อย่างง่ายเหมือนทบทวนตำราเรียน
(เฮ้อ น่าเบื่อจริงๆ สุดท้ายก็แค่ทายาท ยังก้าวข้ามเทพสงครามตัวจริงไม่ได้ด้วยซ้ำ)
เมื่อเริ่มการบุกโจมตีกลางดึกขวัญกำลังใจของศัตรูจะลดลงและเมื่อหนีเข้าป้อมปราการไปก็จะเป็นหลุมฝังศพของพวกมัน
“ได้ยินมาว่ากองทัพทิศใต้หนีไปยังป้อมปราการชินี ทุกอย่างนี่เป็นไปตามแผนของเจ้างั้นเหรอ?”
เฟลาต์ที่สังเกตเห็นการปรากฏตัวของบาอัลพูดขึ้นมา
“ใช่แล้ว แม้ว่าจะเป็นทายาทเทพสงครามแต่ก็เป็นเพียงแค่มนุษย์จิตใจตื้นเขิน”
“นั่นสินะ แล้วข้าควรจะปรากฏตัวเมื่อไหร่ล่ะ ขวัญกำลังใจไม่ได้ลดลงกันเลยรึ?”
เฟลาต์ชี้ให้เห็นว่าขวัญกำลังใจกำลังน้อยลง
ศัตรูจำนวนมากกว่า นอกจากนี้ยังมีการบุกมากลางดึก การกลั่นแกล้งอื่นๆจนไม่ได้หลับได้นอน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ขวัญกำลังใจลดลง
“ขวัญกำลังใจจะเพิ่มขึ้นไปตามธรรมชาติ นอกจากนี้ ช่วงเวลาเปิดตัวของท่านใกล้จะมาแล้ว ขอให้อดทนรอจนถึงตอนนั้น”
เมื่อการบุกโจมตีกลางดึกไร้ผลพวกเราจะขับไล่พวกมันจนกลับป้อมปราการไป สิ่งที่เหลืออยู่ก็จะเป็นไปตามต้องการ ณ จุดนั้น เฟลาต์จะเป็นคนต่อสู้กับทายาท
นี่เป็นผลลัพธ์ที่จะถูกทดสอบวัดความสามารถ ถ้ามันล้มเหลวก็แค่ยอมแพ้และหนีกลับบ้านเกิด หากอยู่รอด พวกสหายที่กบดานอยู่จะต้องเห็นด้วยกับแผนของเขาอย่างแน่นอน
“เผ่าปีศาจจะกลับมายิ่งใหญ่ในทวีปกลางอีกครั้ง อย่างแน่นอน”
เมื่อเห็นว่าบาอัลหัวเราะออกมา เฟลาต์ก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
“นั่นสินะ พวกเราจะตั้งประเทศที่มีอำนาจทัดเทียมกับจักรวรรดิแกรนด์!”
บาอัลหัวเราะขณะที่ออกจากรถม้า ในสายลมเย็นๆบาอัลมองกลับไปที่รถม้าเพียงครั้งเดียว
(พวกเราเผ่าปีศาจ ไม่มีช่องว่างให้แกเข้ามาแทรก.)
ไม่มีสายเลือดบริสุทธิ์เลยในอาณาจักรเลเวอริ่ง แม้จะเรียกมันว่าอาณาจักรปีศาจ มีบางคนที่มีเลือดเข้มข้นแต่ก็ไม่ใช่อยู่ดี เป็นแค่พันธุ์ผสม (TN: หากใครลืมว่าเผ่าปีศาจสายเลือดแท้เป็นอย่างไร ก็กาด้าไงล่ะ ตัวม่วง ร่างใหญ่ มีคริสตัลประดับอยู่บนหัว)
(เผ่าปีศาจไม่ต้องการพวกเลือดผสม พวกแกเป็นได้แค่ทาส เช่นเดียวกับพวกมนุษย์ที่เคยเป็น)
หนึ่งพันปีก่อนนับตั้งแต่เผ่ามนุษย์ที่ไร้ซึ่งอำนาจเริ่มแพร่กระจายไปทั่วทวีป พวกมันยังบ่อนทำลายทวีปกลาง ไม่มีสิ่งใดอันตรายไปมากกว่าเผ่าอื่นนอกจากเผ่ามนุษย์
――ยุคมืด
(เช่นเดียวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้)
ปากของบาอัลบิดเบี้ยวไปด้วยความเกลียดชังและเริ่มออกเดินไปอีกครั้ง
พาร์ท 4
ป้อมปราการชินี หนึ่งในป้องปราการที่อาณาจักรเลเวอริ่งได้สร้างขึ้นในอดีตเพื่อผนวกรวมทิศเหนือทิศใต้ หลังจากควบรวมได้แล้วความสำคัญของมันก็น้อยลงจนกลายเป็นซากปรักหักพัง
ฮิโระเดินท่ามกลางทหารที่วุ่นวายไปยังศูนย์บัญชาการ
(เป็นป้อมการมีชื่อแท้ๆ แต่ดันบอบบางขนาดนี้เลยงั้นเหรอ)
ตลอดประวัติศาสตร์ป้อมปราการชินีได้กลายเป็นสนามรบเพียงครั้งเดียวเมื่อขุนนางเพื่อนบ้านยกทัพมาเพราะไม่พอใจกับองค์ราชาในตอนนั้น นับแต่นั้นมาก็ไม่เคยมีศึกการรบอีกเลย แม้จะได้รับการซ่อมแซมเป็นระยะ แต่มันก็จะแตกสลายเพราะปัจจัยทางธรรมชาติ
เมื่อก้าวเข้ามายังศูนย์บัญชาการฮิโระมองไปรอบๆ
ทุกคนต่างยืนขึ้นและทำความเคารพฮิโระ ฮิโระทักทายและบอกให้พวกเขานั่งลง ฮิโระเดินไปที่โต๊ะและนั่งลงเก้าอี้หน้าสุด
“เอาล่ะมาเริ่มกันเถอะ”
หนึ่งในผู้บัญชาการยืนขึ้นด้วยความกังวล เขาถือเอกสารขึ้นมาปึกหนึ่ง
“อย่างที่คาดการณ์ไว้ครับศัตรูได้เข้าล้อมป้อมปราการชินีเรียบร้อยแล้ว เจ้าหญิงคลอเดียที่อยู่แนวหลังเองก็แจ้งให้ทราบว่าพวกเขาเตรียมพร้อมจะออกเปิดศึกกลางคืนได้ทุกเมื่อ.”
ทหารสามพันนายอยู่ด้านหลังศัตรู จุดประสงค์ก็คือการบุกพิชิตค่ายหลักของศัตรู
หากค่ายหลักพังทลายสายบัญชาการการทัพก็จะถูกรบกวนและไม่มีทางเลือกนอกจากต้องวิ่งหนี
นอกจากนี้เมื่อกองทัพทิศใต้ทะลุทัพแรกของศัตรูพวกเขาใช้อุปกรณ์ประมาณสามร้อยชิ้น ทหารที่ปลอมตัวกับพวกนั้นคงกำลังกระตุ้นให้พวกเขาต่อสู้กันเอง ไร้ซึ่งความปราณี ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
ฮิโระพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและสั่งให้ผู้บัญชาการหน่วยคลายแผนที่ลงบนโต๊ะ หมากทุกตัวถูกจัดวางตามตำแหน่งปัจจุบันของคลอเดีย ค่ายหลัก และกองทัพกบฏ รวมถึงกองทัพของเจ้าชายลำดับที่สอง
“ดูเหมือนว่าจะไม่มีสัญญาณของกองทัพจักรวรรดิที่ห้าเคลื่อนไหว ผมคิดว่าพวกเขากำลังรอดูชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ของเราอยู่ก็เป็นได้ และดูเหมือนว่าท่านมุนินได้พบกับเจ้าหญิงคลอเดียแล้วด้วยครับ”
“งั้นเหรอทุกอย่างกำลังไปได้สวยสินะ”
ฮิโระยิ้มและกระตุ้นให้ผู้บัญชาการหน่วยนั่งลง
“ถ้าเป็นไปได้สวยขนาดนี้ ภายในหนึ่งถึงสองชั่วโมงเราจะส่งสัญญาณให้กองทัพขององค์หญิงคลอเดียเริ่มโจมตี”
“ตามรายงานดูเหมือนศัตรูจะให้ความระมัดระวังหลังเป็นพิเศษทำให้การรักษาความปลอดภัยของพวกเขาหนาแน่นมาก?”
“ไม่ต้องกังวล ตอนนี้หน่วยสอดแนมของเราแทรกซึมไปในกองกำลังของศัตรูจำนวนมาก ไม่ว่าพวกนั้นจะอ่านแผนการของเราออกหรือไม่คนที่จะคว้าชัยได้ก็คือพวกเรา”
ฮิโระยิ้มอย่างไร้ซึ่งความหวาดกลัวและเทหมากของฝ่ายกบฏทิ้ง จนทุกคนเงียบลง
***
ท้องฟ้ายามค่ำคืนถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหนาดวงดาวถูกปิดและโลกก็ปกคลุมไปด้วยความมืดมิด ภายใต้สถานการณ์ปกติแม้แต่หินก้อนใหญ่ตกลงมาถึงพื้นก็ควรจะมองเห็นได้
ณ หอสังเกตการณ์ของกบฏ – บาอัลอยู่ที่นั่นและมองออกไปข้างหลังค่ายหลัก ทหารหลายคนเองก็ดวงตาเปล่งประกายอย่างน่าขนลุกจากเปลวเพลิง
ด้านล่างของเขามีกองไฟจำนวนมากถูกจุดส่องสว่างในพื้นที่อย่างสดใสจนเขาสามารถมองเห็นได้
สิ่งเดียวที่พวกดูคือความมืดที่ไม่สามารถเข้าถึงแม้แต่แสงและรอให้ศัตรูเข้ามา
“เอาล่ะคิดว่ามันคงถึงเวลาแล้ว…”
“พวกนั้นจะมาจริงๆงั้นเหรอ การป้องกันแน่นหนาขนาดนี้คิดว่าจะมาจริงๆเหรอ”
“เจ้าชายเฟลาต์ก็กังวลเกินไปแล้วนะครับ ศัตรูมาแน่นอน ดูสิเห็นไหมล่ะ”
บาอัลพูดกับเจ้าชาย จากนั้นเขาก็มองไปที่ปลายมือของบาอัล ดวงตาสีฟ้าของเขามองข้ามไป เขาเห็นว่าทหารบางคนกำลังคุยกัน
“มีความรู้สึกสงบในบรรยากาศตรงนั้นแม้ว่าศัตรูจะบุกในยามดึก แต่ทหารของพวกเราก็ไม่ได้ตื่นตระหนกเท่าท่านนะครับ.”
เมื่อเฟลาต์เห็นเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา
“นั่นแหละคือสิ่งที่พวกเขาพยายามจะทำ ไม่ใช่แค่ว่าจะพยายามลดทอนกำลังทหารของฝ่ายเรา พวกนั้นพยายามให้เราลดการระมัดระวังตัวลงด้วย แต่คืนนี้มันถึงไคล์แม็กซ์แล้ว”
กองทัพทิศใต้จะต้องบุกโจมตีแน่นอน เพราะแบบนั้นเลยพยายามก่อกวนให้ฝ่ายเราหมดแรงอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ด้วยการกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หากนับว่ามันเป็นมาตราการรับมือแล้วก็เป็นมาตราการย่อยๆแหละ อาจจะมีมากกว่าแปดเลยด้วยซ้ำเรียกได้ว่ามันค่อนข้างได้ผลในการลดขวัญกำลังใจฝ่ายกบฏ จากนั้นก็มีสิ่งสุดท้ายให้ทำ
สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้คือ พวกนั้นจะทำการบุกโจมตีกลางดึกแบบปลอมๆ
“ศัตรูจะเข้ามาจากด้านหน้าและสร้างเสียงรบกวน”
“โฮววว หมายความว่ายังไง?”
เมื่อเฟลาต์ถาม ก็เห็นว่าพวกนั้นมาจากด้านหน้าและสร้างเสียงรบกวน
ศัตรูบุก เสียงของทหารดังกึกก้อง
อย่างไรก็ตามบาอัลยิ้มออกมาและสั่งให้กองกำลังของเขาและผู้ส่งสารมุ่งไปยังจุดต่างๆ
“มันกำลังล่อเรา เป็นกับดักแน่นอน ไม่จำเป็นต้องร้อนใจ”
“ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเสียงรบกวนนั่นเหรอ?”
“ไม่หรอก ถึงแม้จะคิดมาดีแล้ว แต่พวกนั้นจะเริ่มการเคลื่อนไหวถัดไป”
การเคลื่อนไหวถัดไปคือการใช้เสียงเป็นสัญญาณในการบุกโจมตีจากด้านหลังโดยใช้เหยื่อล่อ ซึ่งอาจจะล่อพวกอาชญากรได้
“พวกเราสูญเสียการติดต่อกับหน่วยปล้นสะดม มีความเป็นไปได้สูงที่พวกนั้นจะจับตัวพวกเขาไว้”
ไม่มีเวลามาเห็นอกเห็นใจหากพิจารณาถึงการกระทำที่พวกเขาก่อขึ้น ศัตรูไม่ลังเลที่จะหยิบพวกนั้นมาเป็นเหยื่อ
“――เงาของศัตรูมาจากด้านหลัง!”
“เห็นไหมตามที่บอกเลย”
“ยอดมาก เจ้ามองเกมฝ่ายนั้นออกทั้งหมดเลยเหรอ?”
ต้องขอบคุณกองไฟจำนวนมาก ทำให้สามารถมองเห็นเงาศัตรูได้อย่างง่ายดาย
“ยิงลูกศรออกไป ! และอย่าตกเป็นเหยื่อของแผนพวกมัน จัดการกับพวกมันอย่างใจเย็นและจะไร้ซึ่งปัญหาใดๆ!”
ด้วยคำแนะนำของบาอัล นักธนูปล่อยลูกศรของเขา พวกมันเข้าปะทะกับอีกฝ่ายแต่ดูเหมือนจะมีบางคนรอดพ้นจากลูกธนูและชนเข้ากับรั้วไม้ เป็นไปไม่ได้ที่พวกนั้นจะทะลวงเข้ามา บาอัล สังการทันทีเพื่อที่จะดูว่าใครเป็นคนขี่ม้า
ในระหว่างนี้เองบาอัลและเฟลาต์สังกเกตเห็น
“ระลอกต่อไปมาแล้วการบุกทะลวงจากด้านหน้า”
“กล่าวอีกนัยหนึ่งมันควรจะเป็นการโจมตีจากด้านหน้า แต่มาจากด้านหลังแม้กระทั่งสิ่งนั้นก็เป็นเรื่องโกหกงั้นเหรอ”
บาอัลยิ้มไปกับคำพูดของเฟลาต์
“อันที่จริงมันเป็นการโจมตีแบบระลอกคลื่น ที่สำคัญกว่านั้นมันไม่คิดจะบุกจากด้านหลังที่ความปลอดภัยแน่นหนาหรอก แม้แต่คนที่ไม่รู้จักศิลปสงครามก็ไม่เคลื่อนไหวโง่ๆแบบนั้นหรอก.”
แม้กระทั่งเด็กอมมือยังเข้าใจได้ สิ่งที่ยากจะเข้าใจคือมันทำไปทำไมต่างหาก พวกมันอาจจะพยายามให้พวกเรากระจายกองกำลังให้มากที่สุด แต่ความตั้งใจของพวกนั้นมันก็ดูง่ายเกินไปที่จะจัดการจากพวกเขา
ผู้ส่งสารรีบขึ้นไปหาบาอัลและเฟลาต์
“ท่านบาอัลพวกเราตรวจสอบศพศัตรูแล้วครับพบเครื่องหมายของอาชญากรบนไหล่ของเขา ดูเหมือนว่าไม่เพียงแค่ผูกกับเชือกเท่านั้น แต่ยังผูกติดกับม้าเพื่อที่จะไม่ให้พวกเขาเคลื่อนไหวด้วยครับ”
“หืม ก็ดูไม่มีอะไรผิดปกติ จากนั้นก็เป่าแตรตามที่วางแผนเอาไว้ พวกเราจะบดขยี้กองทัพศัตรูที่มาจากด้านหน้า!”
เขาบอกผู้ส่งสารและหลังจากนั้นไม่นานก็ปลิวไปรอบๆ
ในเวลาเดียวกันเสียงตะโกนจากด้านหน้าก็เริ่มรุนแรงขึ้น การต่อสู้อย่างเต็มรูปแบบ บาอัลตัดสินใจว่าการต่อสู้แท้จริงนั้นอยู่ข้างหน้าและเขาก็เริ่มสั่งให้เดินหน้าต่อไป
“เอาล่ะฆ่าล้างบางพวกมันให้หมด ตัดหัวพวกมันให้หมดทุกตัว”
คำพูดนั้นเองดังขึ้นมา ในขณะเดียวกันใบหน้าของบาอัลก็สว่างขึ้น ไฟถูกพ่นออกมาโดยรอบจากบนท้องฟ้าด้วยแรงกดดันมหาศาล
ในเวลาเดียวกันก็ “ศัตรูบุก” “ศัตรูบุก” เสียงที่ดังก้องนั่นทำให้เกิดความหงุดหงิดเล็กน้อย
“ดูเหมือนว่าแรมส์พังปราสาทกำลังถูกเผา!”
บาอัลมองไปรอบๆและพยายามให้พวกทหารสงบลง
“อย่าร้อนรน นี่เป็นเพียงอุบายอย่างหนึ่งของศัตรู ไม่จำเป็นต้องใช้เจ้านั่นแล้ว ปล่อยให้มันถูกเผาแบบนั้นแหละ อย่าลังเลเดินทัพไปด้านหน้า ให้ความสนใจกับศัตรูตรงหน้าซะ!”
กองทัพทิศใต้นั้นเตรียมการอย่างรอบคอบ พวกเขาใช้ทริคต่างๆและแยกย้ายทำให้กองทัพกบฏแตกรังมากที่สุด
นี่อาจเป็นงานของพวกที่แอบซ่อนเนียนไปกับคนในกองทัพ ซึ่งเข้ามากับการโจมตีตอนกลางคืนในวันแรก มันเป็นการเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ แต่หากพลาดเพียงครั้งเดียวก็จบเห่
ผู้ชนะได้รับการตัดสินแล้ว ชัยชนะของบาอัลนั้นไม่สามารรถปฏิเสธได้
“ถ้าพวกมันยังคงเล่นกลอุบายเล็กๆน้อยๆมากกว่านี้ ก็คงจะมีชีวิตยืนยาวมากกว่านี้ล่ะนะ.”
การแสดงออกของบาอัลนั้นแสดงความขยะแขยงออกมา เฟลาต์พูดออกมาอย่างน่ากลัว
“ดูเหมือนว่าที่นี่ข้าจะช่วยอะไรไม่ได้ แล้วจะถึงเวลาข้าออกโรงเมื่อไหร่ล่ะr?”
“การต่อสู้มีตั้งมากมาย อย่าเพิ่งผิดหวังไปสิครับ”
เขายักไหล่ลงมาจากหอคอยและเริ่มขี่ม้าออกไป
เมื่อมาเจอกับกองทัพด้านหลังในแนวหน้า อย่างไรก็ตามยังคงมีความแตกต่างด้านจำนวนที่ทำให้พวกนั้นเสียเปรียบอยู่
พวกเรายังไม่เสียสายบัญชาการ การประสานงานเองก็ราบรื่น ดูเหมือนพวกเรากำลังได้เปรียบแบบสุดๆ
กองทัพทิศใต้ถูกกดดัน ในไม่ช้าก็ต้องหลบหนีไปยังป้อมปราการชินี
“ก็รู้อยู่หรอกนะว่าอยากจะชนะเลยทุ่มขนาดนี้ แต่ทั้งหมดล้วนไร้ค่า มาบดขยี้พวกมันให้หมดเลย.”
แนวหน้าของศัตรูจะล่มสลายสิ่งที่เหลืออยู่คือการฆ่าล้างบางโดยไม่ลังเล
“แจ้งเตือนไปทุกกองทัพ บดขยี้ศัตรูให้สิ้นซาก!”
เขาออกคำสั่งเสียงดังจากนั้นเสียงกลองและแตรก็ดังขึ้น เฟลาต์เองก็ตัวสั่นระงม
“นี่คือจุดจบดูเหมือนทายาทเทพสงครามนี่จะไม่มีน้ำยาเลยนะ.”
“ถึงแม้จะเป็นทายาทเทพสงคราม แต่ก็เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่อายุสั้น เลือดที่สืบทอดมาคงจะเจือจางมาก”
“ถ้าพวกเราสามารถเอาชนะเทพสงคราม ก็ประกาศให้โลกรู้ว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจเกิดขึ้นใหม่.”
“นั่นมัน――.”
ร่างกายของบาอัลถูกซัดปลิวไปข้างหน้าขณะที่เขากำลังจะตอบกลับ บาอัลไม่สามารถตอบสนองอย่างฉับพลันได้ เมื่อเขาลุกขึ้นโดยไม่เข้าใจสถานการณ์ ก็มีเสียงตะโกนดังมาจากทุกทิศทาง
“เกิดบ้าอะไรขึ้นวะ――?”
บาอัลล้มลงเสียสมดุล ก็เห็นได้ว่ามีลูกธนูเจาะหลังเขาจากด้านข้าง
“มาจากไหนวะเนี่ย…?”
เลือดไหลอาบหัวลูกศรและตกลงไปที่พื้น ใบหน้าของเขาสับสนมาก เฟลาต์รีบไปหาบาอัลด้วยความประหลาดใจ
“ลอร์ดบิเทเนียเป็นอะไรไหม”
“อืมไม่มีอะไรมากกว่ารอยขีดข่วน จำเป็นต้องตรวจสอบสถานการณ์——ดูเหมือนจะไม่จำเป็น”
เขาสังเกตได้ว่าลูกศรเองก็ปักใส่เหล่าทหารรอบตัวเขา บางคนตายคาที่เลย บาอัลกัดฟันและลุกขึ้นยืนพร้อมกับดึงลูกธนูออก
จากนั้นเขาก็ค่อยๆหันหลังกลับและตะโกนออกมา
“ฟุฟุ ฮะฮะฮะฮ่า เป้าหมายที่แท้จริงอยู่ด้านหลัง!”
ทหารม้าจำนวนมากบุกมาจากด้านหลัง กระแสที่ไหลมาราวกับคลื่นนั้นทำให้ทหารที่อยู่ด้านหลังไม่สามารถหยุดศัตรูได้
เริ่มต้นด้วยการล่อด้วยม้าหลายตัวที่เต็มไปด้วยอาชญากร หลังจากนั้นก็ใช้กองกำลังที่แฝงตัวเผาเต็นท์และอุปกรณ์ของศัตรู
สุดท้ายก็ใช้ทหารม้าเข้าชาร์จกองทัพที่เสียสมดุล
“…แกกล้าดียังไงที่มาเล่นลูกไม้ตื้นๆแบบนี้”
“ท่านบาอัลศัตรูไม่เพียงแต่มาจากด้านหลั――.”
ผู้ส่งสารรีบกลับมาด้วยความหงุดหงิดแต่
“อ๊ากก!”
เขาคนนั้นถูกหอกของทหารม้าจักรวรรดิแกรนด์แทงและปลิวกระดอนอยู่หลายครั้ง ในเวลาเดียวกันเสียงของพันธมิตรกรีดร้องดังระงมไปทั่ว
“เป็นการโจมตีกระนาบข้างที่ยอดเยี่ยมมาก มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้จำนวนเพียงแค่นี้ แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังทำได้สำเร็จอีกนะไอ้เวร”
การล้อมศัตรูนั้นสมบูรณ์แบบ ไม่มีที่ว่างจะจัดการจากด้านข้างเพราะทหารทุกคนต่างตื่นตระหนกแล้วมารวมตัวอยู่ที่เดียว
บาอัลมองสนามรบราวกับเขาเป็นผู้ชม สนามรบนั้นถูกยึดโดยทหารม้าของศัตรูโดยสมบูรณ์
“ถุ้ย นี่โดนหลอกเข้าเต็มเปาเลยเหรอวะI?”
เมื่อบาอัลหยิบธนูเวทมตร์ขึ้นมา เขาก็ยิงลูกดอกสามดอกออกไปอย่างต่อเนื่อง มันยิงทะลุศัตรูได้อย่างง่ายดาย
“…เอาล่ะต่อไปตาท่านแล้ว.”
บาอัลคว้าไหล่ของเฟลาต์
“หมายความว่ายังไง ตาข้าเนี่ยนะ ในสถานการณ์แบบนี้อะนะ?”
“แม้จะไม่สามารถเปลี่ยนกระแสสงครามได้ แต่อย่างน้อยท่านก็ทะลวงพวกมันไปได้”
บาอัลบอกกับเฟลาต์ในขณะที่ยิงศัตรูที่ใกล้เข้ามา
“ก่อนอื่นพวกเราต้องถอยก่อน พวกเราอยู่ในจุดที่ไม่สามารถเอาชนะได้แน่ในตอนนี้.”
หากพวกเขาจัดระเบียบทัพใหม่ก็จะมีทหารราวหมื่นนาย
“ที่สำคัญกว่านั้นแม้จะซุ่มโจมตีกลางดึกสำเร็จแต่ก็คงทำอะไรไม่ได้มาก พวกนั้นเองก็เสียคนไปเยอะ หากพิจารณาดูแล้วพวกเรายังมีหวัง”
บาอัลพูดราวกับว่ามีแผนอย่างอื่น เฟลาต์เองก็หน้าแดงไปด้วยความโกรธ
“ไหนแกบอกว่าสามารถเอาชนะได้ไงวะ!”
“ใจเย็น ตอนนี้นึกถึงวิธีออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุดจะดีกว่า.”
ในการตอบสนองต่อคำพูดของบาอัล เฟลาต์คำรามออกมาด้วยความหงุดหงิดขณะที่ฉีกกระชากศัตรูด้วยการระบายความโกรธ
“ทัพหลักถอยทัพเดี๋ยวนี้!”
“นั่นแหละดี”
ถ้ายังอยู่นานกว่านี้พวกเขาจะไม่สามารถทำอะไรได้อีกและจะยิ่งเสียเปรียบมากขึ้น แต่ทุกอย่างมันก็ยังเป็นไปตามแผน
“พวกเรายังมีแผนอยู่และสุดท้ายก็จะชนะ”
ไม่จำเป็นต้องได้รับชัยชนะอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าพวกเขาจะแพ้แต่พวกเขาก็จะเป็นคนสุดท้ายที่จะชนะในศึกครั้งนี้
“เอาล่ะ รีบกลับไปเมืองหลวงเพื่อจัดทัพใหม่และเริ่มต้นใหม่.”
บาอัลพูดและดึงม้าเพื่อที่จะออกจากสนามรบ หลังจากนั้นก็มีเสียงน่าขนลุกดังขึ้น มันเป็นน้ำเสียงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
มันไม่่เลือนหายไปจากหูทิ้งความรู้สึกน่าขนลุกให้คงอยู่ตลอดไป
“ผมก้าวผ่านความยากลำบากดั่งขุมนรก เดินผ่านซากศพเหนือนิรันดร์ ความหวังที่ถูกทิ้งไว้อยู่ก้นของหุบเหว”
มันเข้าใกล้มาอย่างเงียบๆราวกับว่ากำลังดึงเข้าสู่ความมืดตลอดกาล
“เมื่อมีใครบางคนที่ไม่เคยรู้สึกสิ้นหวังดันบอกว่าแผนของตัวเองไร้ที่ติ เห็นทีแล้วคงต้องให้ลิ้มรส”
เสียงนั้นไม่มีโทนสูงต่ำและน้ำเสียงมันยังคงนุ่มลึกซึมเข้าไปในแก้วหูของบาอัลและเฟลาต์ เตรียมตัวพร้อมสู้
เส้นทางที่รายล้อมไปด้วยซากศพดั่งห้วงอเวจี ชายหนุ่มที่มีผ้าปิดตาครึ่งหนึ่งกำลังเดินข้ามผ่านเส้นแบ่งแห่งความตาย
“อย่าคิดว่าจะหนีรอดไปได้ล่ะ”
เขาค่อยๆแสยะยิ้มออกมาอย่างช้าๆ
“รอบนี้แหละจะเฉือนให้เป็นดั่งขนมปังราดเนย ไม่ให้มีปากได้พล่ามอีกเป็นครั้งที่สอง”
ชายหนุ่มคนนั้นจับดาบสีเงินของเขาไว้ในมือ
“ณ บัดนี้ ———–ถึงเวลาที่จะสอนพวกแกให้รับรู้ถึงความสิ้นหวังที่แท้จริง”
ความมืดรอบตัวเขาบิดเบือนมากขึ้นเรื่อยๆและเต็มไปด้วยเงาแห่งความตาย
พาร์ท 5
“แกน่ะเหรอจะรู้จักความสิ้นหวัง คิดว่าตัวเองคือเทพสงครามรึยังไง ความหยิ่งผยองของแกก็ไม่ต่างอะไรกับมัน อารมณ์ของแกมันบิดเบี้ยวเกินกว่าจะเป็นมนุษย์”
บาอัลพูดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง แต่หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
“แต่นี่ช่างเป็นการเคลื่อนไหวที่ยอดเยี่ยมมากเหมาะจะมาอ้างอิงในอนาคต”
บาอัลพูดด้วยความสงบ ฮิโระหัวเราะออกมาอย่างง่ายๆ
“ถ้าอยากได้คำแนะนำขนาดนั้นก็เข้ามา เดี๋ยวจะสอนให้ถึงกระดูกดำเอง”
เขาส่งสายตาเย็นชาไปที่บาอัลและวางคมดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ไว้บนไหล่
“กลยุทธ์ของแกมันก็แค่ของที่เห็นได้ทั่วไป วิธีที่ดีสุดในการกำจัดปัญหาคือการคิดวิธีแก้ปัญหาใหม่ก็แค่นั้นแหละ”
ทุกคนต่างคิดแผนการที่ดีที่สุดและทิ้งอันที่แย่ที่สุดไปอยู่เสมอ ไม่มีอะไรซับซ้อนเลยสำหรับเรื่องนี้ เมื่อความคิดของฝ่ายศัตรูสับสนก็จะปิดฉากในครั้งเดียวก็แค่นั้นเอง
นั่นคือชั้นเชิงและกฏของไอเอิร์นแคลด(Ironclad)
“มันจะต้องสนุกที่จะมีสิ่งต่างๆที่แกปรารถนา บางทีกลยุทธ์ของแกอาจจะถูกข้าหยิบไปใช้สักสองสามอย่างก็ได้นะ.”
“จะบอกว่าผมเป็นลูกไก่ในกำมือแกมาตั้งแต่ต้นแล้วงั้นเหรอ?”
“ไม่หรอก ข้าไม่คิดเช่นนั้น แต่ว่าข้ายังมีหมากตัวอื่นอยู่”
ฮิโระส่ายหัวและชี้้ปลายดาบของเขาไปที่บาอัล
“ไม่มีอะไรที่ให้พูดคุยมากกว่านี้อีกแล้ว เตรียมตัวตายได้แล้วไอ้เศษสวะ”
ฮิโระสูดลมหายใจเข้าเล็กน้อยขณะที่เขายกเอ็กซ์คาลิเบอร์ขึ้นมา ในไม่นานร่างของฮิโระก็หายไป ในเวลาเดียวกันบาอัลก็หยิบลูกธนูและยิงออกไปอย่างรวดเร็ว
ประกายไฟกระจัดกระจายไปทั่วและหายไปพร้อมเสียงแหลมสูง เกิดการโจมตีและป้องกันซ้ำไปมา
“เหหหห ….. เห็นผมด้วยยังงั้นเหรอ?”
“ก็แค่สัมผัสตัวตนของแกได้ก็แค่นั้นเอง”
บาอัลตอบคำถามของฮิโระ และยิงลูกธนูใส่เขา
ประกายไฟค่อยๆปิดระยะห่างระหว่างพวกเขาแต่…
“อย่าลืมข้าไปสิวะ!”
เฟลาต์เข้ามาขวางการโจมตีของฮิโระ
อากาศเต็มไปด้วยเสียงของดาบที่แหลมคมขณะที่คมดาบชนเข้าหากัน ฮิโระมองลงไปที่มือของเขาที่ถูกสะท้อนกลับมาจากนั้นก็จ้องไปที่เฟลาต์
“…พลังนั่น เทวฑูตตกสวรรค์งั้นเหรอl?”
แขนที่ถูกตัดของเขากำลังฟื้นฟูและความแข็งแกร่งทางกายภาพไม่สามารถอธิบายเป็นอย่างอื่นได้ โดยความจริงที่ว่าเฟลาต์เองก็เป็นปีศาจ
“ข้าไม่อยากถูกเหมารวมเป็นไอ้ตัวเสร็งเคร็งแบบนั้นหรอกนะ นี่คือพลังของ “ยุคเทพเจ้า” พลังของ “ราชันย์”ของเราไม่มีที่ว่างพอให้มนุษย์อ่อนแอได้รับพลังนี้ไป”
“งั้นเหรอ…”
“ก็เข้าใจในความกล้าบ้าบิ่นของแกอยู่หรอก แต่แกมันก็แค่มนุษย์ แกไม่สามารถเอาชนะพวกเราได้”
เฟลาต์พูดราวกับกำลังดูถูกเผ่ามนุษย์ แต่ฮิโระไม่ได้ฟังเลยสักนิด เขามองขึ้นไปเหนือท้องฟ้าไกลแสนไกล
“มันจะดีกว่านี้ถ้าแกไม่พูดชื่อของเขาออกมา ถ้าแกปริปากออกมาแม้แต่คำเดียว แม้แต่ผมเองก็ระงับความโกรธเอาไว้ไม่อยู่หรอกนะ”
ฮิโระดีดนิ้วและหัวของเฟลาต์ก็หลุดออกมา
ดาบสีเงิน “เอ็กซ์คาลิเบอร์” ตัดห้วงมิติและคว้าหัวของเฟลาต์มาในทันที แบล็คคามิเลียเองก็ปลิวไสวไปด้วยความโกรธเกรี้ยวที่ไปกล้าเอ่ยนามถึงเพื่อนสนิทของเธอ
เมื่อมาถึงจุดนี้เฟลาต์ก็รู้สึกตัวในที่สุดก็สังเกตเห็นบรรยากาศที่เปลี่ยนไปของฮิโระ
“…ทำบ้าอะไรวะ?”
“เมื่อย้อนคิดกลับไปช่วงเวลานั้นในสมัยที่จิตใจของผมถูกครอบงำไปด้วยความโกรธ ตอนนั้นผมเปรียบเสมือนคนโง่ที่มีพลังมหาศาลแต่ไม่สามารถช่วยเหลือพวกพ้องอันเป็นที่รักได้.”
เป็นคำพูด———ที่ไม่ได้กล่าวถึงใคร ไม่ได้หมายถึงสิ่งใด แต่หมายถึงตัวเขาเองในอดีตอันไกลโพ้น
“เพียงเพราะความไร้เดียงสาและอ่อนต่อโลกอันแสนโหดร้ายนี้ ทำให้ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง”
สภาพแวดล้อมของฮิโระเริ่มบิดเบือน รอยแตกจำนวนมากถูกสร้างขึ้นในอากาศ อาวุธภูติจำนวนมากปรากฏขึ้น
“ภายใต้สงตรามมีเพียงผู้แข็งแกร่งที่กลืนกินผู้อ่อนแอ บหน้ากระดานสนามรบจะมีแค่ขาวหรือดำที่กลืนกินอีกฝ่าย”
ดังนั้น——–ราชันย์ผู้ซึ่งเดียวดายได้หวังเอาไว้ว่า
“ถ้าเป็นแบบนั้น ก็ขอแค่เพียงสร้างโลกที่เธอปรารถนา ผมจะต้องชนะต่อไปเรื่อยๆไม่อนุญาตให้เป็นผู้แพ้เด็ดขาด”
นี่คือภารกิจที่เหลืออยู่ของเขาหลังจากมาถึงจุดสูงสุดได้มาซึ่งฉายานี้ เป็นความล้มเหลวของเขาเมื่อพันปีก่อน
เฟลาต์ถอยกลับเมื่อต้องเจอกับมวลพลังมหาศาลที่ปะทุอยู่รอบกายฮิโระ
“ไม่ต้องเกรงกลัวไป เพียงแค่ทุกอย่างจะกลับสู่ความว่างเปล่า”
เมื่อฮิโระก้าวมาข้างหน้า เสียงคำรามก็ดังก้องราวกับนภาถูกฉีกกระชากออกจากโลกทั้งใบ
――แสง สายฟ้า ไฟ อันศักดิ์สิทธิ์สดับลงมา ณ โลกใบนี้
ขุมพลังอันยิ่งใหญ่ของธาตุทั้งสาม แรงระเบิดที่สร้างขึ้นอย่างกกะทันหวันกำลังชำระล้างพื้นที่โดยรอบ หลังจากนั้นภายใต้ความมืดชั่วนิรันดร์ได้มีแสงสว่างสาดส่องลงบนโลกใบนี้
อาวุธภูติที่ลอยอยู่ท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืนทำให้โลกแต่งแต้มไปด้วยแสงสว่างทิ้งร่องรอยแห่งแสงที่ตกลงมาดั่งอุกกาบาตที่ลงมาทับโลก ความเร็วในการฟันที่เหนือยิ่งกว่าแสงจนไม่สามารถมองเห็นได้
“อ๊ากกกกกก!”
เมื่อพยายามหันหลังกลับก็เห็นว่าตัวเองถูกผ่าเป็นสองส่วนเป็นที่เรียบร้อย ภายในชั่วพริบตาคมดาบนับร้อยก็ฟันผ่านร่างกายเขาตัดผ่านกระดูกทุกสิ่งอย่าง
มันเร็วเกินไปที่จะหยุดยั้ง เร็วเกินไปจนยากที่จะป้องกัน
เรียกได้ว่าเหมือน “คำอวยพร” ― “ความเร็วดุจพระเจ้า” ที่ถูกปลดปล่อยจาก “เอ็กซ์คาลิเบอร์”
ยังไงก็ตาม เฟลาต์เองก็ไม่ธรรมดาไม่ว่าจะถูกเฉือนไปมากเท่าไหร่ก็ฟื้นฟูกลับมาได้
พลังของเขานั้นเหนือกว่าคนทั่วไปและมันเหนือยิ่งกว่าเทวฑูตตกสวรรค์ทั้งปวง ความเร็วและทักษะดาบที่ยากเกินจะหยั่งถึง
“แก!! นี่แกเป็นมนุษย์จริงๆงั้นเหรอ?”
เฟลาต์เบิกตากว้างด้วยความโกรธแค้นและความประหลาดใจการโจมตีของเขาถูกหลบได้อย่างง่ายดาย
“บ้าเอ้ย————อั่กกกก!?”
ไม่มีทางเลยที่เฟลาต์จะตอบโต้ฮิโระได้ เช่นเดียวกับการที่ไม่มีทางสู้กับสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แขนของเขากระจายปลิวไปเหมือนท่อนไม้ และท่วงท่าที่ฟันออกมามันเร็วยิ่งกว่ากระสุนปืน
“ไอ้บ้าเอ้ย ! ข้าเป็นปีศาจที่จะได้เป็นราชันย์เชียวนะ’!”
“ดูเหมือนจะเริ่มช้าลงแล้ว มาจบเรื่อ――.”
จากนั้นเองลูกธนูก็พุ่งเข้าหาฮิโระ บาอัลของซัพพอร์ตเฟลาต์จากระยะไกล
“เรื่องแค่นี้ของกล้วยๆขอแค่สัมผัสถึงการมีอยู่ของแกได้ข้าก็จะฆ่าเจ้าได้อย่างแน่นอน!”
แต่—- หลังจากยิงไปได้ดอกเดียวเขาก็ไม่สามารถที่จะยิงลูกธนูได้อีกแล้ว
“เกะกะน่าไอ้เศษสวะเอ้ย หมอบคลานอยู่ตรงนั้นไปสักพักเถอะ”
ฮิโระปรากฏตัวต่อหน้าบาอัลและแทงร่างกายของเขาด้วยอาวุธภูติด้วยความโกรธ ไม่ใช่แค่อาวุธอันเดียวแต่แทงเป็นสิบเล่ม เสียงกรีดร้องดังกระจายไปทั่วสนามรบ เจาะแขนขาของศัตรูอย่างไร้ความปราณีและในที่สุด ฮิโระก็กลับไปเล็งเฟลาต์เหมือนเดิม
“ข้าจะมาตายในที่แบบนี้ไม่ได้……ข้าจะต้องเป็นราชันย์!”
เลือดจำนวนมากไหลอาบทุ่งหิมะจนกลายเป็นบึงเลือดขนาดใหญ่ ฮิโระเดินมาตามทางอย่างเงียบๆ และเคาะหน้าอกของเขาอย่างเงียบๆ
“จงดีใจซะเถอะที่แกจะได้กลายเป็นอาหารของแบล็คคามิเลีย นางคนนี้ถึงกับยอมรับการคงอยู่ของเจ้าเลยนะ”
“ว่าไงนะ?”
“อย่าได้เกรงกลัวไป การเป็นหนึ่งเดียวกับความมืดนั้นมันสงบใจอย่างน่าประหลาดเลยล่ะ.”
แม้ว่าจะมีแสงสว่างมากมายก่อนหน้านี้แต่ตอนนี้มีเพียงความมืดที่ปกคลุมไปทั่วร่างกายของฮิโระ ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เฟลาต์ส่งเสียงกรีดร้องเบาๆออกมาจากลำคอ
“เอาล่ะ ทานให้อร่อยล่ะคุณองค์หญิงแบล็คคามิเลีย!”
ด้วยเสียงนั้นเป็นการให้สัญญาณโลกใบนี้ก็ถูกย้อมไปด้วยสีดำระหว่างฮิโระและเฟลาต์ ราวกับว่าเสียงของเฟลาต์จมอยู่ในหุบเหวของนรกความมืดแทรกเข้าไประหว่างปากของเฟลาต์อย่างไร้ซึ่งความปราณี
เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นฮิโระก็พบว่าเหลือตนเองเพียงคนเดียวท่ามกลางทุ่งหิมะที่นองเลือด
“ฟู่วววว―…”
ฮิโระสูดลมหายใจเข้าลึกๆและฟังเสียงโดยรอบ เสียงของดาบยังคงดังก้อง เสียงตะโกนกรีดร้องนั้นทำให้เขากลับมามีสติอีกครั้ง
จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆเห็นบาอัลกำลังคืบคลานอยู่บนสนามรบราวกับกำลังหลบหนี
“เอาล่ะสำหรับตัวแกผมมีคำถามอยากจะถาม”
ฮิโระเดินไปรอบๆหน้าบาอัลที่พยายามจะหนี
“แกเอาพลังนั้นให้เจ้าชายเฟลาต์ได้ยังไง?”
“…ให้ตายก็ไม่บอก”
บาอัลยิ้มกว้างออกมาและถอดฮู้ดออก
“――!?”
ฮิโระอ้าปากค้างเพื่อหายใจ ใบหน้าของเขานั้นมีความเสียหายรุนแรง ดวงตาทั้งสองข้างถูกควักออกมา และหินเวทย์บนหน้าเขาก็ถูกดึงออกไป และที่สำคัญที่สุดฮิโระคุ้นเคยกับใบหน้านี้
“ตกใจงั้นเหรอ ? ดวงตาของข้าถูกเทพสงครามควักมันออกไป ข้าใช้เวลานานเลยนะกว่าจะชินในสภาพนี้”
ใช่แล้วเขาเคยเป็นหนึ่งในที่รู้จักของเสาหลักปีศาจ องค์ราชาที่พ่ายแพ้ต่อฮิโระในศึกเมื่อพันปีก่อน
“ข้าสูญเสียพลังเวทย์ไปทั้งหมดแต่ก็กลับรอดชีวิตมาได้.”
ใช่แล้ว พลังเวทย์ของเขาในตอนนี้ห่างจากอดีตอันไกลโพ้นมาก
“เมื่อหนึ่งพันปีก่อนข้าสูญเสียประเทศของข้าให้กับเทพสงครามตอนนี้ความทะเยอทะยานของข้าก็ถูกบดขยี้ด้วยฝีมือของทายาทเทพสงคราม”
แม้ว่าแขนขาของเขาจะถูกแทง บาอัลลุกขึ้นยืนพร้อมกับธนูเวทย์ของเขา
“มาจบเรื่องนี้กันเถอะ ! ข้าจะขอระบายความอัดอั้นเป็นพันๆปีให้กับแก!”
เขายิงศรเวทย์ด้วยความเร็วผิดปกติ แต่ฮิโระปัดพวกมันออกด้วยมือของเขาแม้จะอยู่ในระยะประชิด
แล้วเขาก็บอกบาอัลว่า
“ไร้สาระชะมัด แกนี่มันน่าสมเพชเกินไปมัวแต่จมปลักอยู่กับความผิดพลาดในอดีตเมื่อพันปีก่อน”
“แกรู้ได้ยังไงว่ะ?”
บาอัลพยายามโจมตีอย่างช่วยไม่ได้ แต่ฮิโระก็คว้าหน้าอกของเขาแล้วดึงหน้าเข้ามาใกล้
“แต่ว่าถ้ามันเป็นรากฐานของความชั่วร้ายในอดีต ผมจะยอมรับตัวตนของแกเอาไว้ก็ได้”
เพราะแบบนั้นเองเขาแทงเอ็กซ์คาลิเบอร์ใส่ร่างของบาอัล
“อั่ก บุฟุบบบบบบ———อึก!”
บาอัลพยายามคว้าไหล่ฮิโระขณะที่พ่นเลือดออกมาจำนวนมาก
“มะมันยังไม่จบ แผนของข้ามันเพิ่งจะเริ่มต้น!”
“ถ้างั้นผมคนนี้จะเป็นคนกลืนกินมันทั้งหมดเพื่อเอาตัวรอดต่อไป”
ฮิโระผลักบาอัลออกไปและหยิบเอ็กซ์คาลิเบอร์ขึ้นมา
“ถึงแม้ข้าจะตาย มันก็ยังไม่หยุ――!?”
หัวของเขาจมลงไปในโคลนทิ้งรอยเลือดสดๆเอาไว้
“ดูเหมือนมันจะจบแล้วสินะคะ”
ฮิโระหันกลับไปและเห็นคลอเดียยืนอยู่ตรงนั้น ขณะที่เธอเข้าหาฮิโระพร้อมกับหยิบธนูเวทย์ขึ้นมา
“ด้วยเหตุนี้เองดิฉันจะนำอาวุธเวทมนตร์ทั้งสามส่งคืนกลับราชวงศ์ค่ะ”
เธอเอาหินเวทย์ออกจากคันธนูและติดตั้งมันเข้าไปในดาบเวทย์ออโต้ แคลร์ ด้วยแบบนี้เองหินเวทย์ทั้งสามก็ได้กลับมาอยู่ในสภาพเดิม
คลอเดียมองไปที่ดาบเวทย์ที่โชว์รูปร่างที่แท้จริงออกมาแล้วมองฮิโระที่อยู่ข้างๆ
“ทั้งหมดนี่ต้องขอบคุณท่านฮิโระ ดิฉันอยากจะขอบคุณท่านในฐานะตัวแทนของราชวงศ์”
ฮิโระยักไหล่ของเขาและไม่ตอบอะไร
“ถ้างั้นเรามาหยุดความขัดแย้งที่แสนไร้เหตุผลนี่กันเถอะค่ะ”
คลอเดียหยิบดาบเวทย์ของเธอขึ้นมาและแทงมันลงไปในพื้นพร้อมกำลังพลังเวทย์จำนวนมากที่ถูกปลดปล่อยออกไปเหมือนกับใยแมงมุมที่คอยปกคลุมรอบคลอเดีย
“ทรราชที่สังหารองค์ราชาได้ถูกสังหารลงแล้ว!”
เสียงของเธอดังก้องสะท้อนไปทั่วพื้นที่ยามค่ำคืน ลมหิมะพัดผ่านทำให้บรรยากาศรอบตัวเธองดงามมากยิ่งขึ้น เปลวไฟของเต็นท์ที่ลุกไหม้ช่วยเติมแต่งความงดงามของเธอที่ยืนท่ามกลางสนามรบ
“สู้กันไปมากกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์ ขอสั่งในฐานะราชินีทุกคนจงวางอาวุธลงซะ!”
คลอเดียดึงดาบเวทย์ ออโต้ แคลร์ออกมาและชี้ไปยังคนที่คิดจะต่อสู้อยู่ ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงแค่นั้นทุกคนก็หยุดเคลื่อนไหว
ในขณะนั้นเองบรรยากาศเริ่มแปรปรวน เพราะทุกคนที่ขัดขืนต่างถูกแช่แข็งเช่นเดียวกับประติมากรรมน้ำแข็ง สะท้อนแสงไฟงดงามอย่างกับวัตถุตกทอด
“ถ้าใครยังคิดจะสู้ต่อดิฉันคนนี้จะเป็นคู่มือให้เองค่ะ”
ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นเหนือน่านฟ้า ดวงตาของเธอเปล่งประกายราวกับอัญมณีทหารทุกคนต่างทิ้งอาวุธและคุกเข่าลงไปที่พื้น ตอนนี้คลอเดียได้มีอำนาจของราชินี อำนาจสัมบูรณ์
ฮิโระมองไปที่เธอราวกับนึกถึงเธอคนนั้นในอดีตจากนั้นก็เริ่มออกเดิน
“พี่ชาย!”
“ท่านฮิโระ!”
ฮิโระดีใจที่เห็นสองพี่น้องยังอยู่ดี
“ผมดีใจนะที่ทั้งสองคนยังปลอดภัยดี ได้รับบาดเจ็บตรงไหนไหม?”
“เจ้าหญิงคอยปกป้องพวกเราค่ะ ดังนั้นก็เลยไม่ได้รับบาดเจ็บแล้วพี่ชายล่ะคะ?”
“นั่นสินะ ถึงแม้กระผมจะดูเหมือนคนโง่แต่ก็มั่นใจเรื่องการหนีไม่เป็นสองรองใครเลยล่ะ”
“ต้องขอบคุณนายจริงๆแหละมุนินที่ทำให้ศัตรูหันมาสนใจทางนี้ได้สำเร็จ”
ถ้าไม่มีเขาอยู่ก็คงไม่มีโอกาสได้หยุดบาอัลกับเจ้าชายเฟลาต์
“ไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด สิ่งที่กระผมทำก็แค่ทิ้งจดหมายลงบนพื้น”
มุนินเกาหัวของเขาด้วยความอาบ ฮุกินเองก็จ้องมองพี่ชายด้วยความเป็นห่วง
“ฮุกินเธอเองก็ทำได้ดีมาก แม้จะเป็นภารกิจสุดอันตราย แต่เธอก็ทำสำเร็จจนได้นะ”
ฮิโระส่งเธอไปเป็นสายลับเข้าไปในค่ายศัตรูเพื่อประสานงานกับแผนการของคลอเดียสำหรับบุกกลางดึกและฮุกินเองก็มีบทบาทสำคัญในการเผาแรมส์ที่จะทำลายกำแพงป้อมปราการ
“ถ้าไม่ได้ทั้งสองคนพวกเราคงจะแพ้ไปแล้วล่ะ”
ไว้เดี๋ยวกลับไปต้องมอบรางวัลให้สักหน่อย ฮิโระคิดเช่นนั้น กาด้าเองก็คงจะภูมิใจในตัวพวกเขา
มุนินและฮุกินเองก็ตกตะลึงเมื่อเห็นฮิโระยิ้มให้พวกเขา
“เอาลช่ะพวกเราเตรียมพร้อมกลับบ้านกันดีกว่า พวกเราไม่มีธุระกงการอะไรกับที่นี่อีกแล้ว”
‘”ครับ/ค่า!””
ฮิโระยิ้มออกมาและเงยหน้ามองดูทั้งสองอย่างพอใจ
(ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเธอจะเติบโตเป็นราชินีแบบไหน แต่อาณาจักรเลเวอริ่งกำลังจารึกบทใหม่บนหน้าประวัติศาสตร์)
ท้องฟ้าที่ไร้ซึ่งเมฆและมีแดด ราวกับว่าพายุหิมะเมื่อวานเป็นเพียงเรื่องโกหก ท้องฟ้าแจ่มใส
(ร็อกซ์ ผมขออวยพรให้เธอสร้างประเทศดั่งที่นายหวังนะ)
เมื่อคิดเกี่ยวกับสหายร่วมรบในอดีต ฮิโระก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
Chapters
Comments
- ตอนที่ 70 Volume 4 เรื่องย่อเล่ม 4 + อารัมภบท มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 69 Volume 3 ปัจฉิมบท + คุยท้ายเล่ม มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 68 Volume 3 Chapter 5 ความต่างชั้นของกลยุทธ์ มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 67 Volume 3 Chapter 4 เปลวเพลิงท่ามกลางพายุหิมะ Part 4 - End Chapter มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 66 Volume 3 Chapter 4 เปลวเพลิงท่ามกลางพายุหิมะ พาร์ท 1-3 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 65 Chapter 3 พาร์ท 2 - End มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 64 Chapter 3 – มุ่งหน้าสู่ตอนเหนือ พาร์ท 1 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 63 Volume 3 Chapter 2 ภารกิจใหม่ End Chapter มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 62 Volume 3 Chapter 2 ภารกิจใหม่ Part 5 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 61 Volume 3 Chapter 2 ภารกิจใหม่ Part 4 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 60 Volume 3 Chapter 2 ภารกิจใหม่ Part 3 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 59 Volume 3 Chapter 2 ปัญหาใหม่ Part 2 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 58 Volume 3 Chapter 2 ภารกิจใหม่ Part 1 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 57 Volume 3 Chapter 1 ปัญหาใหม่ End Chapter มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 56 Volume 3 Chapter 1 ปัญหาใหม่ Part 4 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 55 Volume 3 Chapter 1 ปัญหาใหม่ Part 3 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 54 Volume 3 Chapter 1 ปัญหาใหม่ Part 2 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 53 Volume 3 Chapter 1 ปัญหาใหม่ Part 1 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 52 Volume 3 เรื่องย่อเล่ม 3 + ปฐมบท มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 51 Volume 2 แถลงการณ์ท้ายเล่ม มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 50 Volume 2 ปัจฉิมบท มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 49 Volume 2 Chapter 5 แผนการของเทพแห่งสงคราม End Chapter มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 48 Volume 2 Chapter 5 แผนการของเทพแห่งสงคราม Part 5 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 47 Volume 2 Chapter 5 แผนการของเทพแห่งสงคราม Part 4 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 46 Volume 2 Chapter 5 แผนการของเทพแห่งสงคราม Part 3 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 45 Volume 2 Chapter 5 แผนการของเทพแห่งสงคราม Part 2 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 44 Volume 2 Chapter 5 แผนการของเทพแห่งสงคราม Part 1 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 43 Volume 2 Chapter 4 มังกรตาเดียว End Chapter มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 42 Volume 2 Chapter 4 มังกรตาเดียว Part 6 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 41 Volume 2 Chapter 4 มังกรตาเดียว Part 5 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 40 Volume 2 Chapter 4 มังกรตาเดียว Part 4 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 39 Volume 2 Chapter 4 มังกรตาเดียว Part 3 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 38 Volume 2 Chapter 4 มังกรตาเดียว Part 2 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 37 Volume 2 Chapter 4 มังกรตาเดียว Part 1 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 36 Volume 2 Chapter 3 คลื่นพายุทางตอนใต้ End Chapter มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 35 Volume 2 Chapter 3 คลื่นพายุทางตอนใต้ Part 3 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 34 Volume 2 Chapter 3 คลื่นพายุทางตอนใต้ Part 2 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 33 Volume 2 Chapter 3 คลื่นพายุทางตอนใต้ Part 1 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 32 Volume 2 Chapter 2 เจ้าชายทมิฬ End Chapter มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 31 Volume 2 Chapter 2 เจ้าชายทมิฬ Part 2 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 30 Volume 2 Chapter 2 เจ้าชายทมิฬ Part 1 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 29 Volume 2 Chapter 1 มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง End Chapter มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 28 Volume 2 Chapter 1 มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง Part 3 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 27 Volume 2 Chapter 1 มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง Part 2 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 26 Volume 2 Chapter 1 มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง Part 1 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 25 Volume 2 เรื่องย่อ + ปฐมบท มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 24 แถลงการณ์ท้ายเล่ม + Illustrations Vol.1 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 23 ปัจฉิมบท มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 22 Chapter 5 การลืมตาตื่นของเทพเจ้าแห่งสงคราม Part End มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 21 Chapter 5 การลืมตาตื่นของเทพเจ้าแห่งสงคราม Part 3 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 20 Chapter 5 การลืมตาตื่นของเทพเจ้าแห่งสงคราม Part 2 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 19 Chapter 5 การลืมตาตื่นของเทพเจ้าแห่งสงคราม Part 1 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 18 Chapter 4 เทพธิดาแห่งสงคราม End Chapter มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 17 Chapter 4 เทพธิดาแห่งสงคราม Part 4 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 16 Chapter 4 เทพธิดาแห่งสงคราม Part 3 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 14 Chapter 4 เทพธิดาแห่งสงคราม Part 1 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 13 Chapter 3 เบิกเนตร End Chapter มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 12 Chapter 3 เบิกเนตร Part 5 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 11 Chapter 3 เบิกเนตร Part 4 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 10 Chapter 3 เบิกเนตร Part 3 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 9 Chapter 3 เบิกเนตร Part 2 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 8 Chapter 3 เบิกเนตร Part 1 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 7 Chapter 2 เหลียวมอง [ Complete Chapter] มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 6 Chapter 1 เผชิญหน้า End มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 5 Chapter 1 เผชิญหน้า Part 4 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 4 Chapter 1 เผชิญหน้า Part 3 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 3 Chapter 1 เผชิญหน้า Part 2 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 2 Chapter 1 เผชิญหน้า Part 1 มิถุนายน 5, 2025
- ตอนที่ 1 ปฐมบท มิถุนายน 5, 2025
MANGA DISCUSSION