Immortal and Martial Dual Cultivation - บทที่ 354 ตําหนักเหิงชิงที่หยิ่งยโส
ตอนที่ 354 ตําหนักเหิงชิงที่หยิ่งยโส
“คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจหยั่งถึงอย่างแท้จริงพวกเขาแข็งแกร่งเกินไป”
ฝูงชนทั้งหมดบนอัฒจันทร์คนดูมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เมื่อพวกเขาจ้องมองไปที่วิหคสีชาดอันงดงามสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเลื่อมใส
เทียบกับคนอื่นๆ,เซี่ยวเฉินไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย;เขาไม่รู้สึกแม้แต่แรงกดดัน
ซ่งเฉวได้สลายจิตวิญญาณยุทธของเซียวเฉอนไปแล้ว และมันได้ซ่อนกายอยู่ในจุดปราณกว่าสามร้อยจุดของเขา มีเพียงวังวนฉีที่ยังเหลืออยู่ ดังนั้น,ท่าทางของเขาจึงนิ่งสงบ
เมื่อเซี่ยวเฉินมองไปที่วิหคสีชาด,มุมปากของเขายกขึ้น,เผยเป็นนัยเยาะเย้ย
นี่มันน่าสนใจ ในจังหวะที่พวกเขาปรากฏตัวออกมา,พวกเขาใช้กระแสพลังของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ข่มขวัญทุกคน,แจ้งให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาคือตัวหลักของงานนี้
ตอนนี้,มันบินวนไปในอากาศ,ไม่ยินยอมที่จะลงมาด้านล่าง พวกมันชอบเป็นจุดสนใจถึงขนาดนั้น?
“บูม!”
ห้านาทีต่อมา วิหคสีชาดที่กําลังบินวนเปลี่ยนกายเป็นล่าแสงสีแดงเพลิงแลพพุ่งตรงมาที่ฐานดาดฟ้า มันลงจอดภายในอดใจ
มีคนห้าคนที่สวมชุดคลุมยาวสีแดงปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าของทุกคน วิหคสีชาดทองปักอยู่บนชุดของพวกเขาปกคลุมไปทั้งตัว
มีหนึ่งชายชราและอีกสี่คนที่ดูเยาว์ ชายหนุ่มหล่อเหลาและหญิงสาวก็งดงามพวกเขาช่างน่าเชยชม
พวกเขาไม่ได้ปลดปล่อยกระแสพลังออกมา พลังงานที่ร่วงหล่นลงมาจากหนึ่งหมื่นเมตรผสมผสานกลมกลืนเข้ากับผืนดิน,จางหายเข้าไปในหินผา
นี่แสดงให้เห็นถึงการควบคุมพลังของคนเหล่านี้ เซี่ยวเฉินค่อนข้างประทับใจ หากเป็นเขา,เขาคงไม่อาจทําได้เช่นนี้
ผู้อาวุโสหนึ่ง,เจียงชื่อ รีบลุกยืนขึ้น:ความเคารพเติมเต็มบนใบหน้าของเขา เขามองไปที่ชายชราอย่างคาดหวัง “ผู้อาวุโสเหยียน,พรสวรรค์ของท่านเจ้าศาลาน้อยของพวกเราเป็นเช่นไร?”
ชายชราแซ่เหยียนยิ้มเบาๆและกล่าว “พรสวรรค์ยอดเยี่ยมตั้งแต่กําเนิด นางสามารถบ่มเพาะพลังในตําหนักเฟิงชิงได้เป็นเวลาสามปี หากความสามารถในความเข้าใจของนางอยู่ในระดับสูง,นางสามารถกลายเป็นศิษย์แห่นกลางของต่าหนักเฟิงชิง”
รอยยิ้มเติมเต็มบนใบหน้าของเหล่าผู้อาวุโสศาบากระปสวรรค์ แม้แต่เพียงชื่อที่ปกติจะเยือกเย็นก็มีสีหน้าตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
“ขอบคุณท่านผู้อาวโสเหยียน” เจียงชื่อคํานับมือกล่าวขอบคุณ
“คารวะผู้อาวุโสเหยียน!” ผู้นําตระกูลและผู้อาวุโสทั้งหมดบนฐานดาดฟ้ารีบยืนขึ้นและกล่าวทักทายผู้อาวุโสของตําหนักเฟิงชิง
ผู้อาวุโสเหยียนยกมือขึ้นและรักษารอยยิ้มบนใบหน้า มันดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนง่ายๆ,แต่มันยากที่จะมองเห็นความเย่อหยิ่งที่วูบไหวในดวงตาของเขา “ทุกท่าน,ไม่จําเป็นต้องมากพิธีข้าเป็นเพียงผู้อาวุโสชั้นนอกของตําหนักเพิ่งชิงโปรดนั่งลงเถิด”
เมื่อทุกคนกลับไปนั่งที่พวกเขาพบว่าคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นคนสบายๆกว่าที่คิดความ คิดต่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม,ดวงตาของเซียวเฉินเฉียบคม;เขาพบเห็นถึงความเย่อหยิ่งในดวงตาของผู้อาวุโสเหยียน นอกจากนั้น ความเย่อหยิ่งของผู้เยาว์ที่อยู่ด้านหลังเด่นชัดยิ่งกว่า
ผู้อาวุโสเหยียนแห่งต่าหนักเฟิงชิงค่อยๆนั่งลงจากนั้น,เขากล่าวขึ้นเบาๆ “จุดประสงค์ที่พวกเรามาในวันนี้ก็เพื่อช่วยเหลือศาลากระบี่สวรรค์ให้รอดพ้นอะนตรายของรอยแยกมิติ”
“ในขณะเดียวกัน,ข้าก็อยากที่จะตามหาอัจฉริยะภายในอาณาจักรตาฉัน ดังนั้น,ข้าจึงขอให้ผู้อาวุโสเจียงช่วยข้ารวบรวมทุกคนมาที่นี่”
ฟงซวนถามขึ้น “ผู้อาวุโสเหยียน,เกณฑ์การคัดเลือดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นเช่นไร? ท่านอธิบายให้พวกเราได้หรือไม่?”
ผู้อาวุโสเหยียนตอบกลับ “ก็อย่างที่ทุกคนคาดเดา จะมีการจัดการแข่งขันขึ้น นี้จะทําให้พวกเราเห็นถึงพลังต่อสู้ของผู้บ่มเพาะพลังหลังจากนั้น,ข้าจะตรวจสอบพรสวรรค์แต่กําเนิดของพวกเขา อย่างไรก็ตามก่อนหน้านั้น จะมีการทดสอบขึ้นก่อน”
“การทดสอบอะไร?” ฟงซวนถามขึ้น
ผู้อาวุโสเหยียนมองไปด้านหลังของเขา,และหนึ่งในผู้เยวก็เดินเข้ามา “ศิษย์คนนี้มีนามว่าหลัวหลี เขาเป็นหนึ่งในร้อยอันดับแรกของศิษย์ชั้นนอกแห่งตําหนักเฟิงชิงของข้าตราบใดที่พวกเขาสามารถรับได้สิบกระบวณท่า,พวกเขามีสิทธิ์ในการเข้าร่วมการแข่งขันมิฉะนั้น มันจะเป็นปัญหาหากมีผู้เข้าร่วมเยอะเกินไป”
เมื่อฝูงชนได้ยินว่าต้องทําเพียงทนรับสิบกระบวณท่าจากศิษย์ชั้นนอก,พวกเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกคนผู้นี้อยู่เพียงระดับขอบเขตนักบุญชั้นสูง ไม่มีปัญหาที่จะรับสับกระบวณท่าจากเขา
เมื่อหลัวหลี่เห็นสีหน้าของทุกคน,เขายิ้มอย่างเย็นชากับตัวเอง,คนกลุ่มนี้หยิ่งยโสอย่างแท้จริงพวกเจ้าคิดว่ามันง่ายที่จะทนรับสิบกระบวณท่าจากข้า?
หลัวหลี่ดีดตัวออกจากพื้นและเปลี่ยนกลายเป็นเส้นแสงสีแดงก่อนที่จะลงจอดบนสนามประลอง
หลัวหลีทั้งเส้นสายร่องรอยสีแดงเอาไว้ทุกที่ที่เขาวาดผ่าน มันเป็นประกายและดูสวยงามอย่างยิ่ง
ผู้อาวุโสเหยียนพยักหน้าและกล่าว “เริ่มกันเถอะ หากเจามั่นใจในความแข็งแกร่ง,พวกเจ้าสามารถก้าวขึ้นมาทดสอบผู้ที่ทนรับได้สิบกระบวณท่าจะมีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน
แม้ว่าเสียงของผู้อาวุโสเหยียนจะไม่ดัง, แต่ก็ได้ยินทั่วถึงอย่างน่าประหลาดผู้บ่มเพาะพลังทั้งหมดบนอัฒจันทร์ได้ยินเสียงของเขาอย่างชัดเจน
ตราบใดที่พวกเขาทนรับได้สิบกระบวณท่า,พวกเขาจะมีสิทธิในการเข้าร่วมการแข่งขัน ในตอนที่พวกเขาได้ยินดังนั้นผู้บ่มเพาะพลังทั้งหมดถูกล่อลวง พวกเขาทั้งหมดตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าสานุศิษย์ของตําหนักเพิ่งชิงไม่ธรรมดา แต่มีหลายคนที่รู้สึกว่าเขาสามารถทนรับสิบกระบวณท่าจากเขาได้
“ฟุ!”
มีร่างชุดสีเทาร่อนลงมาจากอัฒจันทร์และลงจอดบนพื้นอย่างมั่นคง นักบ่มเพาะพลังผู้นี้ มั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง,ก้าวขึ้นมาหมายจะท้าทาย
ผู้บ่มเพาะพลังชุดเทาอายุเพียงยี่สิบปี เขามีใบหน้าสี่เหลี่ยม,คิ้วหนา,และดวงตาใหญ่ มีดาบยาวสองเมตรแขวนอยู่ที่เอวของเขา สายตาของเขาจดจ่อ,และก้าวเดินไปอย่างเข้มแข็ง เพียงมองดู ก็เห็นชัดว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ
คนผู้นี่คํานับมือและกล่าว “เยี่ฟานจากนิกายเมฆาไหลแคว้นซีเหอ โปรดชี้แนะ”
“นั้นมันเยี่ฟานจากนิกายเมฆาไหล นิกายเมฆาไหลนับได้ว่าเป็นนิกายใหญ่ในแคว้นซีเหอ เย่ฟานผู้นี้เป็นศิษย์ชั้นยอดของพวกเขา เขาน่าจะทําให้คนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เผยความแข็งแกร่งออกมาบ้าง”
เยี่ฟานกลายเป็นระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลางมานานแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาที่เขาจะทนรับได้สิบกระบวณท่าหากเขาพลาด,เช่นนั้นคนกว่าครึ่งก็ถูกคัดตกไปแล้ว”
มีบางคนที่จดเยี่ฟานได้;พวกเขาเริ่มพูดคุยกันด้วยเสียงเบา
หลัวหลีสวมชุดคลุมสีแดง,ผมของเขาไหวไปตามสายลม ร่องรอยความดูถูกวูบไหวในดวงตาของเขา เขากล่าวอย่างเฉยเมย “เจ้าไม่คุ้มค่ากับคําแนะนําของข้าหนึ่งกระบวณท่าก็เพียงพอที่จะล้มเจ้า”
“ช่างหยิ่งยโส! มาดก่อนว่าคนของดินแดนศักดิ์สิทธิจะมีความสามารถเพียงใด”
เมี่เยี่ฟานได้ยินคําของใยตรงข้าม,เขาของขึ้น เขาวางมือขวาลงบนด้ามดาบของเขาและชักออกมาอย่างรวดเร็ว
เยี่ฟานกวัดแกว่งดาบของเขาและส่งดาบแสงนับพันเล่มออกไปในชั่วอึดใจยิงตรงไปที่หลัวห
ภาพติดตาของดาบแสงสว่างเจิดจ้า,สายลมร้องดัง ดาบแสงทุกเล่มบรรจุไปด้วยฉีเยือกแข็งดาบแสงหนึ่งพันเล่ม,เส้นเยือกแข็งหนึ่งพันเส้น
อุณหภูมิในสนามประลองลดลงในทันที ฉีเยือกแข็งหลอมรวมเข้ากับพื้นผิวของลานประลอง,เคลือบเป็นชั้นน้ําแข็ง
“นี่มันดาบเงาเยือกแข็งของนิกายเมฆาไหล มันเป็นทักษะต่อสู้ระดับปฐพีขั้นสูงสุด ไม่น่าเชื่อว่าเยี่ฟานจะบ่มเพาะมันไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้น เขาสามารถส่งกระบี่แสงนับพันเล่มออกไป๋าดในอึดใจ มีฉีเยือกแข็งปกคลุมดาบแสงเหล่านั้นเอาไว้: กระบวณท่านี้ไม่ง่ายที่จะทําลาย”
หนึ่งในผู้อาวุโสของนิกายดาบเงาหมอกบนฐานดาดฟ้าแสดงความคิดเห็นออกมา
นิกายดาบเงาหมอกแห่งอาณาจักรต้าฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องดาบ พวกเขามีความรู้เกี่ยวกับดาบสูงกว่าคนทั่วไป ทุกคนเห็นพ้องกับการประมาณการณ์ของผู้อาวุโสคนนี้
ยอดกษัตริย์ดาบเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่ตรงนี้,ฟงซวน ก็รู้สึกว่ากระบวณท่านี้ทําลายลงไม่ได้ง่ายเช่นกัน แม้ว่าเยี่ฟานจะยังไม่ได้สําเร็จสภาวะแห่งน้ําแข็ง,แต่จากน้ําแข็งที่ปกคลุมบนพื้น,มันเห็นชัดว่าเขากําลังจะสําเร็จมัน
เมื่อผู้อาวุโสของตําหนักเพิ่งชิงเห็นดังนั้นเขายิ้มออกมาเขาไม่ได้เป็นกังวลแม้แต่น้อย
ผู้อาวุโสเหยียนครุ่นคิดกับตัวเอง,หากหลัวหลี่ไม่อาจทําลายกระบวณท่านี้ลงได้,ข้าจะส่งเขาลงไปทําไมให้ขายหน้าตัวเอง?
ขณะที่หลัวหลี่จ้องมองดาบเงาเยือกแข็งที่เติมเต็มไปในอากาศกําลังบินมาทางเขา,มุมปากของเขายกขึ้น เขาเผยสีหน้าเย้ยหยันและกล่าวขึ้น “เจ้ายังไม่แม้แต่สําเร็จสภาวะแห่งน้ําแข็ง, แต่เจ้ากลับกลามาโอ้อวด ละลายไปซะ!”
หลังจากที่หบัวหลีกล่าวจบ,เปลวเพลิงสีแดงลุกขึ้นมาจากเท้าของเขา เปลวเพลิงลุกลามมาจากใต้เท้าของเขาและหมุนวนรอบกายของเขาในที่สุด,มันก็กลายเป็นวิหคเพลิงสีแดง
“ซี่ ซี่!”
คลื่นความร้อนที่ไร้รูปล้อมรอบกายของหลัวหลี่ น้ําแข็งบนพื้นกลายเป็นไอในทันที
หลังจากนั้น,ดาบเงาเยือกแข็งที่บินมาทางเขาก็ค่อยๆละลายหายไปในอากาศในตอนที่พวกมันหากจากหลัวหลไปสิบเมตร, ฉีเยอกแข็งบนดาบแสงทั้งหมดก็ละเหยกลายเป็นไอ
ในตอนที่ฉีเยือกแข็งจางหายไป,ดาบเงาเยือกแข็งก็แตกสลายโดยสมบูรณ์ ดาบแสงทั้งหมดลบหายออกไป
ฝูงชนตกตะลึง,ปากของพวกเขาเปิดค้าง พวกเขาไม่คาดคิดว่าดาบแสงพันเล่มจะถูกทําลายลงอย่างง่ายดายเช่นนี้
ฝูงชนรู้อยู่ว่าดาบเงาเยือกแข็งไม่อาจทําอันตรายกับหลัวหลี แต่อย่างไรก็ตาม,พวกเขาไม่คาดคิดว่ามันจะถูกทําลายลงก่อนที่เขาจะได้เคลื่อนไหวเสียอีก
ฟงซวนรู้แจ้ง,เขาพึมพํา “ผู้บ่มเพาะพลังที่ยังไม่สําเร็จถึงสภาวะและผู้บ่มเพาะพลังที่สําเร็จถึงสภาวะแห่งไฟระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม…นอกจากนั้น,เขายังได้รับการสนับสนุนจากสัตว์อสรศักดิ์สิทธิ์โบราณพวกเขาอยู่ในระดับที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ไอน้ําบดบังสนามประลอง, ปิดซ่อนหลัวหลีในหมอกควัน
“ฟุฟว!”
ร่างสีแดงเพลิงทะยานออกมาจากไอน้ําและพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นเขาก็เปลี่ยนกลายเป็นลําแสงสีแดงมุ่งหน้าเข้าไปหาเยี่ฟาน
“ปะ!”
ก่อนที่หลัวหลี่จะเข้าไปใกล์,เขาส่งฝ่ามือจู่โจมออกไป สายลมจากใมือซัดเข้ากับอากาศ,ทําให้เกิดเสียงกรีดร้องและเปลี่ยนกลายเป็นพายุหมุนรุนแรง
เขาปลดปล่อยเปลวเพลิงเข้าไปในพายุหมุน ทันใดนั้น,ฝ่ามือของหลัวหลีก็สร้างพายุเปลวเพลงขนาดใหญ่ขึ้นมา
พายุเปลวเพลิงเคลื่อนตัวอย่างประหลาด;มันดูราวกับเงาวิหคสีชาด ฝ่ามือนี้อาจจะดูเรียบง่าย,แต่มันเต็มไปด้วยความลึกล้ํา
เมื่อเยี่ฟานมองขึ้นไปบนท้องฟ้า,ที่พายุเปลวเพลิง,สีหน้าของเขาเปลี่ยน เขาวางสองนิ้วลงบนคมดาบและรูดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขณะที่นิ้วของเขารูดขึ้นไป,แสงบนตัวดาบก็เจิดจ้ายิ่งขึ้น เมื่อนิ้วของเขาเคลื่อนจนไปถึงปลายดาบ,ดาบแสงก็เปล่งประกายไร้ขอบเขต
ดาบแสงนี้ยาว 33 เมตรและมีกว้างใหญ่ทรงพลัง มันดูราวกับสามารถสลายพายุเปลวเพลิงบนท้องฟ้า
ทันใดนั้น,หลัวหลี,ผู้ที่อยู่บนท้องฟ้า,ส่งเสียงร้องคํารามศึก,และจิตวิญญาณวิหคสีชาดที่จุดต้นเที่ยนของเขาก็ส่งเสียงร้องไพเราะออกมา เส้นพลังศักดิ์สิทธิ์ยิงตรงไปที่เยี่ฟาน
พลังศักดิ์สิทธิ์นี้ยิ่งใหญ่และทรงพลังจิตวิญญาณยุทธของเยี่ฟานอดไม่ได้ที่จะสั่นเพิ่ม พลังปราณของเขาสั่นคลอนในทันที
คมดาบแสงซีดจางลงและลบหายไปหลังจากนั้นไม่นาน