Immortal and Martial Dual Cultivation - ตอนที่ 320 โลกใบใหม่,อุโมงค์สมบัติลับ
ตอนที่ 320 โลกใบใหม่,อุโมงค์สมบัติลับ
เชี่ยวเฉินไม่เคยจริงจังในการใช้พลังวิญญาณมาใช้ในการต่อสู้ไม่มีวิธีการเบื้องต้นเขาเพียงเมินเฉยไปและใช้แค่สัมผัสวิญญาณเท่านั้น
เซี่ยวเฉินไม่เห็นประโยชน์ใดๆในการเปิดสมุทรแห่งจิตใต้สํานึกในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ไปคิดเกี่ยวกับมันดังนั้น,เขาต้องการที่จะเรียกบัลลังก์ออกมาเพื่อตรวจดูมันเป็นอันดับแรก
ด้วยการนึกคิด,ตราบัลลังก์สีแดงที่ระหว่างคิ้วของเขาวูบไหวด้วยแสงสีแดง บัลลังก์ในจิตใต้สํานึกของเขาลอยออกมาในทันที
“ฟู!”
บัลลังก์สีแดงลอยอยู่ในอากาศ เซียวเฉินพบว่าตัวเขาได้นั่งอยู่ข้างบนมัน แขนของเขาวางอยู่บนที่พักแขนและหลังของเขาเอนลงบนบัลลังก์
มีเมฆสีแดงหมุนวนอยู่ที่ใต้บัลลังก์ดูเหมือนว่าที่บัลลังก์สีแดงนี้ลอยได้ก็เป็นผลมาจากเมฆสีแดงนี้
เซียวเฉินรู้สึกว่าบัลลังก์สีแดงนี้เป็นเหมือนส่วนหนึ่งของเลือดเนื้อของเขา เขารู้สึกถึงการเชื่อมต่อที่ใกล้ชิดกับมันมากมันแข็งแกร่งกว่าสิ่งที่เขารู้สึกในหุ่นเชิดไม่มีทางที่จะนํามาเปรียบเทียบกันได้ มันอยู่คนละระดับกัน
ขณะที่เซียวเฉินนั่งอยู่บนบัลลังก์,ร่องรอยแห่งอํานาจผู้ปกครองถูกปลดปล่อยออกมาบริเวณโดยรอบอํานาจแห่งผู้ปกครองถูกปลดปล่อยออกมาอย่างไม่รู้ตัว
มันเป็นเพียงร่องรอยอํานาจแห่งผู้ปกครองแต่กระแสพลังและความแข็งแกร่งที่บรรจุอยู่ภายในทําให้เกิดความหวาดกลัวขึ้นในจิตใจมันเหมือน กับเป็นฉีของจักรพรรดิหากผู้คนทั่วไปรู้สึกถึงมัน,พวกเขาต้องก้มกราบลงกับพื้นโดยไม่อาจต้านทานได้
“บิน!”
เซี่ยวเฉินมองตรงไปข้างหน้าและจับจ้องทิศทางนั้นเอาไว้เมฆสีแดงที่แบกบัลลังก์เอาไว้บินตรงไปในทิศทางนั้นโดยทันทีภายในพริบ ตา,มันก็เคลื่อนไปกว่าหนึ่งร้อยเมตร
เซี่ยวเฉินตบที่พักแขนเบาๆและพึมพํา “การเคลื่อนที่ธรรมดาก็พุ่งทะลุความเร็วเสียงนอกจากนั้นมันยังไม่ได้ใช้ความสามารถออกมาอย่างเต็ม ที่ หากมันบินด้วยความเร็วเต็มที่มันน่าจะเร็วกว่าครวามเร็วเสียงถึงครึ่งเท่าดูเหมือนว่าข้าจะมีตัวเลือกเอาไว้ใช้หลบหนีเพิ่มขึ้นมา”
เซี่ยวเฉินรู้สึกค่อนข้างตื่นเต้นเมื่อเขาได้สัมผัสกับความสามารถในการบินของบัลลังก์สีแดงนี่เป็นครั้งแรกเขาบินไปรอบซากปรักหักพังอยู่นานก่อนที่จะหยุดลง
“ฟุ!”
เซี่ยวเฉินทะลวงผ่านเมฆสีแดงและลงจอดถึง พื้นอย่างมั่นคงเครื่องหมายระหว่างคิ้วของเขาเรืองแสงสีแดง,และบัลลังก์สีแดงก็กลายเป็นลําแสงพุ่งกลับไปที่สมุทรแห่งจิตใต้สํานึกของเขา
“บัลลังก์สีแดงนี้มีความลับอยู่มากมาย ข้าจะค่อยๆตรวจสอบมันไปในอนาคต”เซียวเฉินกล่าวเบาๆขณะที่ลูบเครื่องหมายบนหน้าผากของเขา
ทันใดนั้นเชียวเฉินก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้เขาหยิบเอากระจกทองแดงออกมาจากแหวนห้วงจักรวาลจากนั้นเขาก็มองไปที่ภาพสะท้อนของเขา ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในรูปร่างหน้าตาของเขานอกเสียจากผิวของเขาที่ดูขาวขึ้น
โชคดี,ที่ผลของคาถาเปลี่ยนลักษณ์ยังทํางานอยู่ มิฉะนั้น หากเขาถูกเจอตัวเข้าที่นี่ เขาทําได้เพียงต้องรีบเผ่นออกไป
ขณะที่เซียวเฉินกําลังจะเก็บกระจก,ตาของเขา สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เครื่องหมายบัลลังก์สีแดงที่หน้าผากของเขาดูเหมือนหยดเลือด
นี่ทําให้เบาหน้าที่ละเอียดอ่อนของเซี่ยวเฉินดูด ร้าย มันทําให้เป็นที่จดจําแก่ผู้คนที่พบเห็น
นี่มันไม่ใช่เรื่องดีเครื่องหมายนี้มันเตะตามากเกินไปมันจะทําให้ข้าโดเด่น เซียวเฉินวางกระจกทองแดงลงจากนั้นเขาก็เอาผ้าสีน้ําเงินมาปิดเครื่องหมายบนหน้าผากของเขา
เมื่อผ้าคลุมหน้าผากของเขามันทําให้ใบหน้าของเซียวเฉินดูดุร้ายน้อยลงและดูสดใสขึ้น
มันไม่ดูเป็นที่เตะตาอีกแล้วตอนนี้เขาดูเป็นคนธรรมดาอย่างไรก็ตาม ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของเขาให้ความรู้สึกชื่อสัตย์,รู้สึกอบอุ่น;เขามีรูปร่างที่น่ามองเป็นอย่างมาก
หลังจากที่เซียวเฉินเตรียมพร้อมทุกอย่าง,เขาก็เตรียมที่จะนําหุ่นเกราะเงินทั้งสองเดินหน้าต่อไปแต่อย่างไรก็ตาม,เขาพบว่ามีช่องอยู่ที่ใต้บัลลังก์สีแดง
“มันเป็นอุโมงค์ลับที่สมบูรณ์แบบ” เซียวเฉินม องลงไปและพึมพํา “อุโมงค์ลับที่อยู่ใต้บัลลังก์มันจะต้องมีโลกอีกใบอยู่ที่ข้างใต้ลงไปดูดีกว่า”
หลังจากที่เชี่ยวเฉินกล่าวจบ,เขาสั่งให้หุ่นเก ราะเงินกระโดดลงไปจากนั้นเขาก็ตามหลังพวกมันเส้นทางนี้,หากว่ามีอันตรายเกิดขึ้น,หุ่นเกราะเงินจะสามารถปิดกั้นเอาไว้ได้
ประมาณสิบนาทีหลังจากที่เซียวเฉินจากไปมีผู้บ่มเพาะพลังตัวกลับมายังซากปรักหักพังใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับเขาเริ่มสํารวจพื้นที่
บางครั้ง,ผู้บ่มเพาะพลังคนนี้ก็จะชกหมัดออกเป่าฝุ่นผงและซากดินหินที่อยู่บนพื้นออกไปคนผู้นี้คือผู้บ่มเพาะพลังกายภาพอันต้นต้นๆของแคว้นตงหมิงเหว่นเยียนบึง
หลังจากที่ค้นหามาเป็นเวลานานมีความกังวลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เขาสาปด่าออกมา“ให้ตาย!ข้าว่าข้ามาเร็วแล้วข้ายอมไม่ไปค้นหา
สมบัติลับกับคนอื่นๆ ทําไมข้าไม่เจอหุ่นรบเกราะเงินทั้งสองตัวนั้น?”
ทันใดนั้น,เหว่ยเยียนบึงก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างบัลลังก์สีแดงที่เคยมีอยู่หายไปดังนั้น,เขาจึงรีบดร่งเข้ามาดู
เมื่อเหว่นเยียนบังเห็นช่องตรงที่เคยมีบัลลังก์ตึงอยู่,สีหน้าของเขาก็มืดลง ผ่านไปครู่หนึ่ง,เขากล่าวอย่างเฉยเมย“คนผู้นี้จะต้องเป็นคนเอาหุ่นเกราะเงินไปหากข้าไล่ตามไป,ข้าอาจจะเอาชนะเขาไม่ได้”
“ไม่เป็นไร ข้าควรตามไปดูก่อนพลังเต็มแรงของเขาทะลุถึงหนึ่งหมื่นกิโลกรัมโดยไม่ต้องใช้พลังปราณมันไร้เสียงและไม่ปลดกระแสพลังข้า อาจจะมีโอกาสลอบโจมตี
คิดได้ดังนี้,เหวนเยียนบึงไม่ลังเลอีกต่อไปเขามีสีหน้าแน่วแน่และกระโดดลงไปในช่อง
ไม่นานนัก หลายคนก็เริ่มกลับมาที่ห้องโถงพวกเขาหมายตาสิ่งเดียวกับเหว่นเย้ยนบึงแต่ก็ตามนั้นพวกเขาไม่พบหุ่นเกราะเงินทั้งสองตัว
พวกเขากลับพบอุโมงค์ลับ คนเหล่านั้นไม่ลังเลที่จะกระโดดตามกันลงไปทีละคน
อุโมงค์ลับที่อยู่ใต้บัลลังก์จะต้องไม่ใช่ทางออกทั่วไปอย่างแน่นอนหากเซียวเฉินคิดได้ดังนั้น,คนอื่นๆก็คิดได้เช่นกัน
“ปังปัง!”
มีเสียงดังขึ้นสองตุบ,หุ่นเกราะเงินสองตัวตกลงบนพื้น“เครั้ง! เครั้ง! เครั้ง!” ในทันทีที่พวกเขามันถึงพื้น,ดาบฉีหลายเส้นลอยมาจากข้างหน้าและซัดเข้าที่หุ่นเกราะเงิน
เซี่ยวเฉินรีบใช้คาถาแรงโน้มถ่วงเพื่อลดความเร็วของเขาเมื่อเขามองลงไป,เขาก็มองเห็นอุโมงค์กว้าง
มีตะเกียงน้ํามันแขวนอยู่ทุกระยะสองสามเมตรตลอดสองข้างทางของอุโมงค์มันทําให้อุโมงค์สว่างเป็นอยาางยิ่ง
มีหุ่นเกราะเหล็กตั้งแถวอยู่ในอุโมงค์อย่างหนาแน่นด้วยการนับคร่าวๆ,มันมีกันอยู่หลายสิบตัวโชคดี,ที่มีหุ่นเกราะเงินออกมารับหน้าก่อนมิฉะนั้นเมื่อเซี่ยวเฉินบงมาถึงเป็นคนแรก,เขาจะต้องแบกรับการโจมตีแม้แต่เขาก็พบว่ามันยากที่จะรับมือ
หุ่นรบเกราะเงินทําอย่าวที่สุดเพื่อป้องกันการโจมตีจากหุ่นรบเกราะเหล็กจํานวนมากเส้นดาบฉีคมกริบลอยไปทั่วทุกที่,เกิดเสียงกระทบมากมาย
ดาบฉีของหุ่นรบเกราะเหล็กนั้นค่อนข้างอ่อนเมื่อสัมผัสเข้ากับหุ่นรบเกราะเงิน,พวกมันก็แตก
สลาย
อย่างไรก็ตาม,หุ่นนบเกราะเหล็กมีพลังป้องกันที่สูงแม้ว่าหุ่นนบเกราะเงินจะสามารถทําลายดาบ ฉีของพวกมันได้แต่ก็ไม่อาจจัดการกับพวกมันลง
ได้
มันใช้ดาบฉีสามเส้นก่อนที่จะทุบหัวของหุ่นรบเกราะเหล็กลงได้
สถานการณ์ดูเหมือนจะยืดเยื้อเซี่ยวเฉินไม่อยากที่จะเสียเวลาเขาเรียกกลับหุ่นรบเกราะเงินกลับมาด้วยการนึกคิดของเขาเขาตัดสินใจที่จะลงมือด้วยตัวเองถึงอย่างไร,หุ่นรบเกราะเหล็กก็มีพลังต่อสู้เทียบเท่าเพียงระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลาง
“ฟุ ฟิว!”
เซี่ยวเฉินปลดปล่อยคาถาแรงโน้มถ่วงและลงจอดอย่างรวดเร็วเขาชักกระบี่เงาจันทร์ออกมาด้วยความเร็วสายฟ้าและส่งส่งแสงสีม่วงไปที่หูนรบเกราะเหล็กที่กําลังกรูกันเข้ามา,ฟันมันตัวขาดครึ่ง
“หวี่ขยแพรวพราว!”
เซี่ยวเฉินร้องตะโกนขึ้นและผสานสภาวะแห่งสายฟ้าของเขาลงไปในทักษะกระบี่กิ่งต้นหว้าขุยศึกสิทธิ์สีม่วงเปลี่ยนกลายเป็นกระบี่ฉีทร่เป็นประ กายสายฟ้า
กระบี่ฉีวูบไหวผ่านกลุ่มของหุ่นรบเกราะเหล็กที่อยู่ในอุโมงค์ “ปัง! ปัง! ปัง!” ทุกที่ที่กระบี่ฉีผ่า น,หุ่นรบเกราะเหล็กถูกฟันขาดครึ่งและล้มลงกับพื้น
“หวี่ขยแปลงรูปฉี!”
เซี่ยวเฉินร้องตะโกนอีกครั้งและกวัดแกว่งกระบี่แสงต้นหวายุยศึกสิทธิ์ปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่าจากนั้น,มันเปลี่ยนกลายเป็นหระบี่ฉีนับไม่ถ้วน,บินไปอย่างโกลาหลภายในอุโมงค์
เสียงแหลมดังกังวานไปไม่สิ้นสุด กระบี่ฉีที่แหลมคมตัดผ่านหุ่นรบเกราะเหล็กราวกับตัดเต้าหู
เมื่อกระบี่ฉีสลายตัว,หุ่นรบเกราะเหล็กหลายสิบตัวกลายเป็นเศษเหล็กหากมีใครมาเห็นเข้า,พวกเขาต้องเสียดายอย่างสุดใจ
น่าเสียดาย,พลังน่อสู้ของหุ่นรบเกราะเหล็กพวกนี้ไม่เพียงพอสําหรับเซียวเฉิน เขาแทบจะไม่ใช้หุ่นรบเกราะเงินสิ่งที่เขาต้องการจริงๆคือหุ่นรบเหราะทองตัวนั้น ที่ระดับพลังเทียบเท่ากับระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นต้น
เนื่องจากเซียวเฉินกําลังเร่งรีบ,เขาจึงไม่มีอ้อมพลังเอาไว้เขาเก็บกระบี่ลงฝักและส่งสัญญาณให้หุ่นรบเกราะเงินทั้งสองตัวเดินเดินขึ้นหน้าไป สอดแนมจากนั้นเขาจึงตามหลังพวกมันไป
ขณะที่เซียวเฉินเดินทางไปตามอุโมงค์,เขาจะพบกลุ่มหุ่นรบเกราะเหล็กในทุกๆร้อยเมตรในตอนที่เขาอัดพลังสภาวะศักดิ์สิทธิ์ศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในทักษะกระบี่ของเขา,ไม่มีอะไรหยุดยั้งเซียวเฉินได้
ทุกที่ที่กระบี่แสงของเขาวาดผ่าน,มีหายนะโถมตามมาการสังหารหุ่นรบเกราะเหล็กง่ายดายราวกับฆ่าผักปลาไม่มีอะไรหยุดยั้งเขาได้ในบางครั้ง,จํานวนก็ไม่อาจมาทดแทนคุณภาพได้ไม่มีความหายที่จะเก็บพวกเขาขยะเหล่านี้เอาไว้
เซี่ยวเฉินก้าวต่อไปโดยไม่มีหยุดพักหลังจากที่เซียวเฉินเดินทางมากว่าห้ากิโลเมตรและผ่านทางหลายสาย,ปลายอุโมงค์ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา
เซี่ยวเฉินหยุดเท้าลงมีประตูอยู่สองบานอยู่ที่สุดทางหลังจากที่เขาใช้เวลาห้านาที่ในการจัดการกับผู้เฝ้าประตู,เขาควบคุมให้หุ่นรบเกราะเงินเปิด ประตูในทันที
หลังจากที่เซียวเฉินไม่เห็นอันตรายใด,เขาค่อยๆเดินเข้าไปผ่านประตูเข้าเป็นเป็นห้องขนาดทั่วไปที่เต็มไปด้วยชั้นหนังสือขนาดใหญ่
เซี่ยวเฉินยินดีอยู่ในใจ นี่จะต้องเป็นห้องหนังสือของนิกายหลี่เพลิง อย่างไรก็ตาม,ผ่านไปครู่หนึ่ง,สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนชั้นหนังสือมัน
ว่างเปล่า,ไม่มีตําราแม้แต่เล่มเดียว
ค่อนข้างไม่พอใจ,เซียวเฉินเริ่มค้นหาดูในห้องหนังสือในที่สุด,เขาก็พบหนังสือขาดรุ่งริ่งเล่มหนึ่งอยู่ใต้ชั้นหนังสือ
แม้ว่ามันจะเก่าแก่และขาดรุ่งริ่งแต่เนื้อกระดาษกลับถูกรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี เนื้อหาด้ านในยังสมบูรณ์
เซี่ยวเฉินรู้สึกยินดีอีกครั้ง เขารีบเปิดมันและเห็นว่าชื่อหนังสือเล่มนี้คือบทสรุปสมบัติลับโบราณหนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาของสมบัติลับโบราณหลากหลายประเภทรวมถึงผลของมัน
เห็นดังนี้,หัวใจของเซี่ยวเฉินจมดิ่งนี่มันต่างจากตําราการหลอมสมบัติลับที่เขาตามหา
แน่นอน มันเป็นไปตามที่เซียวเฉินคาดเอาไว้ขณะที่เขาอ่าน,เขาเรียนรู้ว่ามนี้เป็นการแนะนําสมบัติลับในยุคโบราณ,ผลของพวกมัน,และผู้ถือครองพวกมัน
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้มีวิธีการหลอมสมบัติลับนี่เป็นสิ่งที่เซียวเฉินสนใจ เขาส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขึ้น“นี่มันหนังสือเอาไว้หนุนขาโต๊ะแต่ข้าก็คาดหวังกับมันเอาไว้มากไม่เป็นไรข้าจะเก็บเอาไว้อ่านยามเบื่อข้าจะถือเสียว่าเป็นการเพิ่มพูนความรู้”
“หึม, นี่มันบัลลังก์สีแดง? บัลลังก์แดง,สมบัติลับที่ถูกหลอมขึ้นมาโดยราชามารโบราณลําดับสมบัติลับ:ชั้นยอดสุด”ทันใดนั้นเองเชี่ยวเฉินก็เห็น บัลลังก์สีแดงที่ถูกวาดลงบนหน้าหนึ่งของหนังสือเขารีบอ่านมันอย่างจริงจัง
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาพลิกหน้าไป,เขาพบว่ามันใครบางคนฉีกเอาบทรายละเอียดของมันออกไป
เซียวเฉินกล่าว,อย่างรนทดใจ “เกิดบ้าอะไรขึ้น?ข้าเพิ่งจะมาถึงส่วนสําคัญ,แต่มันกลับหายไป”