Immortal and Martial Dual Cultivation - ตอนที่ 316 สมบัติสัญลักษณ์นิกาย-หม้อปรุงยามังกรฟินิกซ์
- Home
- Immortal and Martial Dual Cultivation
- ตอนที่ 316 สมบัติสัญลักษณ์นิกาย-หม้อปรุงยามังกรฟินิกซ์
ตอนที่ 316 สมบัติสัญลักษณ์นิกาย-หม้อปรุงยามังกรฟินิกซ์
ตรงหน้าของพวกเขาทั้งสองคือประตูทองสัมฤทธิ์ที่ดูธรรมดามีตะเกียงนพมันอยู่ที่สองด้านของประตูเปลวเพลิงสีใวงพริวไปวอยู่ภายในตะเกียงส่องแสงไปบริเวณณโดยรอบ
ฉาวอวุ่นยิ้มขึ้นเบาๆ “น่าสรใจ;ตะเกียงน้ำมันเก่าแก่ที่ยังลุกติดอยู่”
มีหม้อสามขาขนาดใหญ่สลักอยู่เหนือประตูมีลายมังกรสลักอยู่บนผิวของมัน
มีเมฆไฟสีขาวสี่ก้อนอยู่เหนือหม้อนี่เป็นครั้งแรกที่เซียวเฉินเห็นเพลิงสีขาว:เขารู้สึกว่ามันน่าแปลกประหลาด
ประตูถูกปิดสนิทแน่นหนา;มันให้ความรู้สึกเก่าแก่เขารู้สึกได้ถึงกระแสพลังที่กําลังเปลี่ยนแปลงอยู่ภายใน
“ดง! ดง ดง!”
เสียงผู้คนกระโดดลงพื้นดังขึ้นมาผู้บ่มเพาะพลังทั้งหมดค่อยๆตามมาทีละคนพวกเขาตรงมาที่ หน้าผระตูทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ในทันที
ในไม่ช้า ฝูงชนก็ห้อมล้อมเซี่ยวเฉินและฉ่ฉาวอวิ่นสายตาของทุกคนมองไปที่ลายสลักหลายคนถอนหายใจออกมาด้วยความตกตะลึง
“มันเป็นซากนิกายหลี่เพลิงจริงๆ หม้อสามขานี่คือสมบัติที่เป็นสัญลักษณ์ของนิกายหลเพลิง — หม้อปลุกยามังกรฟินิกซ์เมฆที่อยู่เหนือหม้อปรุงคือเปลวเพลิงจันทราโถงย่อยแห่งนี้มีสีเปลวเพลิงจันทราดูเหมือนว่ามันจะเป็นสถานที่สําคัญ”
“ใช่แล้ว โถงหลักของนิกายหลี่เพลิงมีเก้าเปลวเพลิงจันทราห้องโถงย่อยอื่นๆจะมีจํานวนเปลวเพลิงแตกต่างกันไปจากหนึ่งจนไปถึงแปดที่แห่งนี้มีสีเปลวเพลิงนั้นหมายความว่าไม่ใช่ระดับต่ำสุด”
“ฮ่ะฮ่ะ,ดูเหมือนว่าต้วนมู่ฉิงจะไม่ได้พูดโกหกอย่างไรก็ตามพวกเราจะเปิดประตูนี้อย่างไร?ผลักเข้าไปเลย?”
คนเหล่านี้เป็นผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นในหมู่รุ่นเยาว์พวกเขาหลายคนมีหนังสือโบราณเก็บเอาไว้ในห้องสมุดของตระกูลหรือมีผู้อาวุโสที่มากประสบการณ์พวกเขาสามารถบอกถึงมาของภาพสลักได้ในทันที
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขามองไปยังประตูที่ปิดอย่างแน่นหนา,พวกเขาไม่กล้าที่จะก้าวไปผลักประตูความแข็งแกร่งที่ใหญ่ที่สุดของนอกายหลี่เพลิงคือการสร้างสมบัติ
การหลอมสมบัติต้องการการศึกษาวิจัยเกี่ยวข้องกับรูปแบบค่ายกลจะมีการลงค่ายกลเอาไว้ในประตูสัมฤทธิ์นี้หรือไม่?การไปฝืนเปิดมันอาจจะทําให้ถึงตาย
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญรุ่นเยาว์แห่งแคว้นตงหมิงก้าวขึ้นหน้าไปและกล่าวขึ้น “ให้ข้าลองดู!”
บุคคลผู้นี้สวมชุดคลุมผู้บ่มเพาะพลังสีท้องฟ้าเขามีดวงตาโตและคิ้วหนา เขาตัวสูงล้ำแข็งแรงกล้ามเนื้อหน้าอกของเขาปูดออกมาเป็นภูเขาลูกเล็กๆ มีดาบเล่มหน้าพาดอยู่บนหลังของเขา;เห็นชัดว่าเขาเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่เน้นการบ่มเพาะความแข็งแรง
“เขาคือเหวนเยียนบึง ข้าได้ยินมาว่าเขาแข็งแกร่วที่สุดในหมู่ผู้ที่บ่มเพาะพลังกายภาพในแคว้นตงหมิงปราศจากการใช้พลังปราณ,พลังฝ่ามือของเขาสามารถขึ้นไปถึง 7,500 กิโลกรัม
“น้ำหนักประตูสัมฤทธิ์นี้ อย่างมากที่สุดก็ห้าพันกิโลกรัมเขาอาจจะเปิดมันได้ นอกจากนั้น,เขอาจจะถึงไม่กับต้องใช้พลังปราณมันเป็นไปได้ว่าเขาจะสามารถหลบเลี่ยงผลสะท้อนกลับของค่ายกลย
ฝูงชนจําเหว่นเย้ยนบิงได้และรีบเปิดทางให้เขาไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วในเมื่อคนที่อยากจะเปิดประตูให้ฝูงชนต่างยินดี
เหว่นเยียนบึงยื่นแขนขวาของเขาออกไปและวางลงบนประตูซ้ายเขาลูบไล้มันอยู่ครู่หนึ่งจนไปถึงประตูด้านขวา
มองดูแล้วไม่มีอะไรพิเศษเกิดขึ้นเขาสงบจิตใจลงและสูดหายใจเข้าลึกเขาดึงมือขวากลับอย่างรวดเร็วและกระแทกไปที่ประตูด้านหนึ่งอย่างรวดเร็ว
“ปัง!”
ทั่วทั้งชั้นใต้ดินสั่นสะเทือน อย่างไรก็ตาม,ประตูสัมฤทธิ์ไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย
“อีกครั้ง!” เหว่นเยียนบึงร้องตะโกนกล้ามเนื้อบนแขนขวาของเขาปูดขึ้น,และทุบลงบนประตูอย่างไม่หยุดยั้ง
“ปัง! ปัง! ปัง!”
เสียงปังปังดังสะท้อนไปในมิติใต้ดินพลังมหาศาลทําให้พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องดินหินร่วงหล่นลงมาจากเพดาน
อย่างไรก็ตาม,ประตูสัมฤทธิ์บานนี้ก็ไม่ขยับแม่แต่น้อย;ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันไม่แม้แต่จะเกิดรอย
“เป็นไปได้อย่างไร? มันไม่ขยับแม้แต่น้อยหรือจะไม่มีทางที่จะเปิดมันได้?” ฝูงชนอุทานขึ้นอย่างตกตะลึงขณะที่มองดู
การโจมตีทําให้เหว่ยเยียนบึงเริ่มหน้าซีดนี่เป็นผลจากการโจมตีทางกายภาพพลังอย่างน้อยสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่ซัดใส่คู่ต่อสู้จะสะท้อนกลับ
แต่ละฝ่ามือของเหว่นเยียนบึงบรรจุพลังไม่ต่ำกว่า 5000 กิโลกรัมเมื่อเกิดแรงสะท้อนใส่เส้นปราณและอวัยวะภายในของเขามันกลายเป็นเจ็บตัวเอง
ตั้งแต่เริ่มต้น,เหวนเยียนบึงไม่เห็นการเคลื่อนขยับเหว่ยตั้งตัว:ความโหดเหี้ยมปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
ทันใดนั้นฝ่ามือขวาของเหว่ยเย้ยนบึงขยายใหญ่ขึ้นและเขากํานิ้วกลายเป็นหมัด
เมื่อเหวนเยียนบึงชกออกไป แม้แต่อากาศกระเบิดตัวกําปั้นนี้บรรจุพลังเต็มกําลังของเขามันขึ้นไปถึงหนึ่งหมื่นกิโลกรัม
“ปัง!”
เกิดเสียงอันดังขึ้น,และพลังมหาศาลสะท้อนกลับอากาศบาดเจ็บภายในเมื่อก่อนหน้านี้ที่เหว่นเยียนบึงฝืนระงับเอาไว้ระเบิดออกเขากระอักเลือดออกมาเต็มปากและลอยกลับ
ทั่วทั้งมิติสั่นสะเทือนอยู่นานก่อนที่จะหยุดลงอย่างไรก็ตาม,ประตูใหญ่นี้ก็ยังไม่ตอบสนอง,ไม่มีแม้แต่รอยร้าว
เมื่อฝูงชนมองเห็นเหวนเย้ยนบิงที่ใบหน้าซีดเซียวนั่งลงหมุนเวียนพลังงานของเขา,พวกเขาอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลมีคนกล่าวขึ้น“ในเมื่อพวกเราไม่อาจที่จะใช้กําลังเปิดประตู, มันอาจจะมีกลไกอยู่สักที่เมื่อเราพบกลไก,พวกเราสามารถเปิดประตูออกได้”
“ข้าไม่คิดว่ามันจะง่ายดายเช่นนั้น บางทีพลัง อาจจะยังไม่ถึงระดับที่เพียงพอ บางทีพวกเราน่าจะลองใช้พลังปราณ”
“ด้วนมู่ฉิงอยู่ที่นี่,ลองให้นางดู!”
ขณะที่ฝูงชนกําลังถกเถียงกัน,ตัวนมู่ฉิง,จีชาง คง และคนอื่นๆที่อยู่ด้านหลังค่อยๆเดินเข้ามา
ในตอนนี้ไม่มีใครเอ่ยถึงข้อตกลง สิ่งที่สําคัญ ที่สุดคือการเปิดประตูให้ได้ ต้วนมู่ฉิงปรากฏตัว,ทุกคนมองเห็นความหวัง
พวกเขาทั้งหมดขยับออกด้านข้างให้ตัวนมู่ฉิงได้เดินสะดวก
เมื่อต้วนมู่ฉิงเห็นสีหน้ากระตือรือล้นของทุกคน,สีนางของนางไม่เปลี่ยนแปลงนางเพียงมีสีหน้าตามปกติของนางเย็นชาและหนาว เหน็บ:นางเป็นความงดงามที่ปราศจากอารมณ์ของมนุษย์
ตัวนมู่ฉิงค่อยๆเดินไปที่หน้าประตูสัมฤทธิ์ นาง วางมือทั้งสองข้างของนางลงบนขาสองข้างของหม้อปรุงยามังกรฟินิกซ์,ดันนิ้วทั้งห้าของนางลง ไป
หม้อปรุงยามังกรฟินิกซ์มีทั้งหมดสามขา หนึ่ง ข้างซ้ายและอีกหนึ่งข้างขวา ขาที่สามอยู่ตรงกลางที่ประตูทั้งสองบานประจบกัน
เกิดอะไรขึ้น? ฝูงชนสังสัยว่าพวกเขาตาฝาดไป ใช่หรือไม่ ประตูสัมฤทธิ์แต่ละบานมีน้ำหนักห้าพันกิโลกรัม นางกดนิ้วลงไปได้อย่างง่ายดายได้ อย่างไร?
เมื่อฝูงชนสังเกตดูอย่างละเอียด,พวกเขาพบว่า ต้วนมู่นิ่งไม่ได้ใช้กําลังในการกดนิ้วของนาวลงไป
มันกลับมีรูอยู่ห้านิ้วที่แต่ละขาของหม้อปรุงยา เป็นเพราะแสงและภาพลายสลัก,มันเกิดเป็นภาพลวงขึ้น,ทําให้มองผิดพลาดไปโดยง่าย
“เอียด…!”
ตัวนมู่ฉิงดึงกลับเบาๆ ประตูสัมฤทธิ์บานใหญ่,ที่ เป็นปัญหากับฝูงชนมาอยู่ครู่ใหญ่ ซึ่งแม้แต่พลังหนึ่งหมื่นกิโลกรัมของเหว่นเยียนบึงก็ไม่อาจเปิด ได้,ถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย
“เช่นนั้นประตูบานนี้ต้องดึงออก,ไม่ม+ผลัก เข้าไป ข้าคิดว่างั้น” มีคนกล่าวขึ้น
เหว่นเยียนบึง,นั่งอยู่บนพื้นและเกือบจะฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์รู้สึกเกรี้ยวโกรธจนแทบจะกระอักเลือดออกมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเช่นนั้นจากนั้นเขาก็นึกถึงการกระทําของเขา,ช่างดูโง่เง่าเสียเหลือเกิน
โถงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้าของทุกคน ทันใดนั้นเอง,ทุกคนต่างเร่งฝีเท้าเข้าไป
มีทางเดินผ่านกลางห้องโถง มีเสาศิลาตั้งอยู่สองข้างทางมีเกราะอัศวินตั้งยืนอยู่ระหว่างเสาแต่ละต้น, ปลายดาบของพวกมันทิ่มลงกับพื้น
เมื่อตรวจดูอย่างละเอียด,สถานที่อห่งนี้ไม่พบ ร่องรอยการผุพัง มันปราศจากความเสียหายแม้จะผ่านกาลเวลามานับพันปี
เซี่ยวเฉินแตะเสาศิลา มันให้สัมผัสที่เรียบ เนียน;มันไม่มีฝุ่นแม้แต่น้อยราวกับมีคนค่อยทําความสะอาดเป็นสม่ําเสมอ
ที่ปลายสุดของทางเดินเป็นบัลลังก์สีแดง มี อัศวินในเกราะสีทองยืนอยู่หลังบัลลังก์แต่ละฝั่งของบัลลังก์คือสองอัศวินในเกราะสีเงิน มีฝักดาบ แขวนอยู่ที่เอวของพวกเขา
เซี่ยวเฉินมองไปที่อัศวินในเกราะสีทอง เกราะสี ทองคลุมทั่วทั้งตัวของอัศวินหน้ากากสีทองปิดซ่อนใบหน้าของเขา ดวงตาของมันดูล่องลอย และว่างเปล่า
อย่างไรก็ตาม,การจ้องมองของสร้างความรู้สึก ที่ลึกซึ้ง อย่างไรก็ตาม เห็นชัดว่ามันไม่ได้มีชีวิตมันจึงค่อนข้างย้อนแย้ง
เซียวเฉินตรวจสอบและเขาพบว่ามันไม่ใช่สิ่งมี ชีวิตจริงๆ มันเป็นชิ้นโลหะ ดังนั้นเขาจึงถอนสายตากลับมา
สถานที่แห่งนี้น่าจะเป็นห้องโถงหลักของสาขา นิกายหลี่เพลิง ข้าต้องไปให้ถึงห้องทํางานและห้องหนังสือของพวกเขา ของดีน่าจะถูกเก็บเอา ไว้ที่นั้น
เซียวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง สายตาของเขากวา ดมองไปทั่ว,ค้นหาเส้นทางอื่นๆ
ความตื่นเต้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคน ประมาณห้าหกสิบคน พวกเขาค้นหาในสถานที่ แห่งนี้,หวังว่าจะเจออะไรที่เป็นประโยชน์ หาก พวกเขาพบสมบัติลับ,นั้นจะยิ่งดีขึ้นไปอีก
“ชุดเกราะอัศวินพวกนนี้อาจจะเป็นหุ่นเชิดรบ ของนิกายหลเพลิง ข้าสงสัยว่ามันยังทํางานได้อยู่หรือไม่สองสามปีก่อน,ศาลาหลินหลางได้ทํา การประมูลและได้กําไรมหาศาล”ผู้ที่มาจากตําห นักหลวงกล่าวเมื่อผู้คนได้ยินดังนั้น,พวกเขารีบวางมือจากสิ่งที่ทําและพุ่งตรงไปที่เกราะอัศวินบ้างก็มองไปที่ดาบ,และคนอื่นก็พยายามจะถอด หมวกเกราะของมันมาดู “ฟุฟว!ฟูฟว!”
ขณะที่ฝูงชนกําลังตรวจสอบชุดเกราะ อัศวิน,ชุดเกราะอัศวินทั้งหมดก็เริ่มเคลื่อนไหวนี่ทําให้ทุกคนตกใจ,ทําให้พวกเขาแตกกระจายกันออกไป
“ปะ ปะ!”
ชุดเกราะอัศวินทั้งหมดชักดาบออกมาอย่างพร อมเพรียงกัน ดาบแสงวูบผ่านฝูงชน,เข้าโจมตี
“พวกมันยังทํางานอยู่ พวกเรารวยแล้ว เกราะ อัศวินพวกนี้ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ พวกเราสามารถดึงได้ราคาสูง”ผู้บ่มเพาะพลังจากตําหนักห ลวงคนเมื่อครู่กล่าวขึ้นมา
เมื่อฝูงชนได้ยินคําของเขา , จิตวิญญาณต่อสู้ ของพวกเขาลุกโชน พวกเขาพุ่งเข้าหาเกราะอัศวินประมาณยี่สิบตัว,ทําการจู่โจมเข้าไปด้วย เช่นกัน
เกราะอัศวินมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้นและสามารถยิงดาบฉีออกมาได้อย่าไรก็ตาม,เป็นเพราะพวกมันเป็นเครื่องจักรกล,พวกมันไม่มีพลังชีวิต พวกมันไม่มีจิตใจ และไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด
แม้ว่าจะมีข้อได้เปรียบเรื่องจํานวน,ฝูงชนก็ไม่อาจปราบพวกมันลงได้ในเวลาอันสั้น
เป็นเพราะเซียวเฉินยืนอยู่ไกลออกไป,ชุดเกราะ อัศวินไม่ได้เข้าจู่โจมเขา นอกจากนั้นพวกชุดเกราะอัศวินยังมีจํานวนน้อยกว่า มีผู้บ่มเพาะพลัง สามถึงคนต่อชุดเกราะอัศวินหนึ่งชุด
ฉกมเบื้องหน้าค่อนข้างดุเดือด เซียวเฉินไม่สน ใจจะไปเข้าร่วม เขาหันสายตากลับมาที่บุดเกราะสีทองที่กําลังนั่งอยู่บนบัลลังก์
สิบคนที่เข้าต่อสู้กับเจ้าเพลิงแดงมาเมื่อครู่,รวม ถึงต้วนมู่ฉิง,ไม่ได้ลงมืออะไร พวกเขาทั้งหมดจ้องมองหุ่นเชิดสามตัวที่อยู่ตรงบัลลังก์
ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ พลังต่อสู้ของชุดเก ราะพวกนั้นไม่ได้สูงนัก พวกเขาไม่มีความสนใจพวกมันในเมื่อพวกเขามาเพื่อขุมทรัพย์ เป็น ปกติ,ที่พวกเขาจะคาดหวังถึงสิ่งที่สูงกว่านี้“ฟูจิ๋ว!”
คนสิบเอ็ดคน,นอกจากเซียวเฉิน,ได้ลงมือพร้ อมกัน พวกเขาดีดตัวออกจากพื้นและมุ่งหน้าเข้าหาบัลลังก์สีแดงอย่างรวดเร็ว พวกเขาทั้งหมดปลดปล่อยการโจมตีสีสันตระการตาออกมามองดูช่างสวยงาม
“เจ๋ง!”
จากนั้น,นักรบเกราะสีเงินทั้งสองด้านข้างบัลลัง ก์ก็รู้สึกได้ถึงกระแสพลังของคนทั้งสิบคนพวกมันลืมดวงตาที่ว่างเปล่าขึ้นแสงสีแดงปรากฏขึ้นในดวงตาของพวกมัน,และทันใดนั้นพวกมันก็กลับมามีชีวิต