Immortal and Martial Dual Cultivation - ตอนที่ 312 ความน่ากลัวของสัตว์อสูรปีศาจระ ดับ 7
- Home
- Immortal and Martial Dual Cultivation
- ตอนที่ 312 ความน่ากลัวของสัตว์อสูรปีศาจระ ดับ 7
ตอนที่ 312 ความน่ากลัวของสัตว์อสูรปีศาจระ ดับ 7
“ต้วนมู่ฉิงกล่าวอย่างเยือกเย็น” ข้าไม่ได้โกหก ตรงนี้ยังเป็นชายขอบของป่าน้ําหมึก ข้าไม่เคยรับประกันว่าจะไม่มีสัตว์อสูรปีศาจระดับ 7 ที่ชายขอบของป่า”
ที่จิรงแล้ว,ต้วนมู่ฉิงกล่าวไว้เพียงว่าบุปผาเหมันต์ลึกล้ําอยู่ที่ชายขอบของป่า นางไม่ได้รับรองว่ามันจะไม่มีสัตว์อสูรปีศาจระดับ 7
ที่นางกล่าวมาก็ไม่ได้ผิดอะไร,ทําให้คนอื่นๆ ไม่มีเหตุผลมาตอบโต้ คนที่ถามขึ้นมาถูกกดันแต่เขาก็ไม่อาจทําอะไรได้
จีชางควกล่าวอย่างเฉยเมย “ต้วนมู่ฉิง,เพียงบอกพวกเรามาว่ามันเป็นสัตว์อสูรประเภทอะไร และมีพลังต่อสู้แบบไหน ด้วยจํานวนของพวกเรา,พวกเราน่าจะมีโอกาสสูงที่จะชนะสัตว์อสูรปีศาจระดับ 7 ทั่วไป”
เมื่อต้วนมู่ฉิงได้ยินดังนั้น,นางกล่าว “เช่นนั้นข้า จะกล่าวตามตรง สัตว์อสูรปีศาจที่กําลังปกป้องบุปผาเหมันต์ลึกล้ําคือสัตว์อสูรปีศาจระดับ 7 ขั้นสูงสุด,เจ้าเพลิงแดง ความแข็งแกร่งของมันเทียบเท่าได้กับระดับขอบเขตกษัตริย์ขั้นกลางทั่วไป ตระกูลต้วนมู่ได้ส่วคนมาที่นี่หลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่เคยสําเร็จ”
ฮวาหยุนเฟยคิ้วขมวดเล็กน้อยและกล่าว “หากเป็นเช่นนั้น เจ้าได้เตรียมการเพื่อภารกิจนี้มาหรือไม่? อย่าบอกข้าว่าเจ้ามาฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่พวกเรา?”
ต้วนมู่ฉิงพยักหน้า “ในสองสามครั้งก่อนที่ตระกูลต้วนมู่ส่งคนเข้ามา,ครึ่งหนึ่งของพวกเขาตกตายไประหว่างทางที่มาที่รี่ คนที่เหลือก็บาดเจ็บและสูญเสียพลังในการต่อสู้ เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่ใช่คู่มือของเจ้าเพลิงแดง”
“อย่างไรก็ตาม มันต่างออกไปในครั้งนี้ ภายในหลุมของพวกเรา มีอย่างน้อยสิบคนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ดังนั้น,ข้าต้องการความช่วยเหลือจากสิบคนที่ว่านี้เท่านั้น คนที่เหลือสามารถช่วยไล่พวกสัตว์อสูรปีศาจที่เข้ามาโดยรอบ
ฮวาหยุนเฟยกล่าว “เจ้ากล่าวอย่างมั่นใจ แต่เจ้ายังไม่ได้บอกพวกเราถึงไพ่ตายที่เจ้าจะใช้รับ มือกับเจ้าเพลิงแดง”
ความเยือกเย็นปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เย็นชา ของต้วนมู่ฉิง นางกล่าวเสียงนุ่ม “ไพ่ตาย…ข้าเป็นไพ่ตายของภารกิจนี้ มีคําถามอื่นอีกหรือไม่?”
ช่างกล้าพูด! ทุกคนคิด อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน มันก็เป็นอย่างที่นางกล่าว ตระกูลต้วนม่สามารถใช้ทักษะลับเพื่อผสานความแข็งแกร่งไปที่บุคคลคนเดียว นี่เป็นสิ่งที่มีเพียงนางที่จะทําได้, นี่คือไพ่ตายอย่างแท้จริง
ความประหลาดใจปรากฏในดวงตาของฮวาหยุนเฟย เขากล่าว
“ดี,ข้าไม่มีคําถามแล้ว ตอนนี้บอกมาว่าสิบคนที่เจ้าต้องการคือใคร”
เมื่อฝูงชนได้ยินดังนั้น,พวกเขาใคร่รู้เช่นกัน เป็นใครสิบคนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยและยังคงความสามารถในการต่อสู้เอาไว้เต็มร้อย?
ต้วนมู่ฉิงกล่าวเสียงนุ่ม “ข้าหวังว่าสิบคนที่ข้า เรียกชื่อจะไม่ปฏิเสธคําเชิญของข้า ข้าจะเปิดทางเข้าซากนิกายหลี่เพลิงหลังจากที่พวกเราสังหารเจ้าเพลิงแดงลงได้แล้วเท่านั้น มิฉะนั้น,ภารกิจของเจ้าจะสูญเปล่า”
หลังจากที่นางกล่าวจบ,นางเริ่มกวาดสายตาไปที่ฝูงชน จากนั้น,นางก็ค่อยๆเรียกชื่ออกมา “ฉู่ฉาวอวิ๋น,เจ้าไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธใช่หรือไม่?”
ฉ่ฉาวอวิ่นไม่ได้มีร่องรอยความประหลาดใจบนใบหน้าของเขา เขายิ้มและกล่าว “แน่นอน”
“จีชางคง,มู่เยี่ยนเสวี่ย,ฮวาหยุนเฟย,หยิงเซี่ยว,เยียนซื้อเสวี่ย,ชรือเฟิง และซุนเหว่ย พวกเจ้าทั้งหมดไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธใช่หรือไม่?”
ทั้งเจ็ดคนที่ถูกเรียกชื่ออกมาไม่ได้กล่าวอะไร,ถือว่าพวกเขายอมรับคําเชิญชวน พวกเขาทั้งเจ็ดคนนี้เป็นผู้ที่ได้รับการสนับสนุนจากสามนิกายใหญ่หรือไม่ก็ทายาทผู้สืบทอดจิตวิญญาณยุทธของตระกูลชั้นสูง ผู้คนไม่ได้แปลกใจนักที่พวกเขาจะถูกเลือก
ตอนนี้มีแปดคนแล้ว ยังเหลืออีกสองคน ฝูงชนเริ่มพยายามคาดเดาว่าเป็นใครที่ยังไม่ได้ถูกเรียกชื่อ
ทันใดนั้น สายตาของต้วนมู่ฉิงก็ไปหยุดตรงมุมหนึ่ง สายตาของทุกคนมองตามและพบว่านางกําลังมองไปที่ตู้ฮาว
ตระกูลตู้จากแคว้นหนานหลิงนับได้ว่าเป็นตระกูลที่มีอํานาจ อย่างไรก็ตาม,พวกเขาก็ยังห่างชั้น เมื่อเทียบกับสองจิตวิญญาณยุทธตระกูลชั้นสูง
นอกจากนั้น,ตลอดทาง,ตู้ฮาวไม่ได้แสดงพลังอะไรออกมาโดดเด่น
ตู้ฮาวรู้สึกถึงสายตาของต้วนมู่ฉิงและกล่าวด้วยเสียงนุ่ม “แม่นางต้วนมู่,เจ้ากําลังจะนับข้าเป็นหนึ่งในสิบคน?”
สายตาของต้วนมู่ฉิงสดใสราวกับนางมองทะลุ การเสแสร้งของตู้ฮาวได้อย่างทะลุปรุโปร่ง นางตอบกลับด้วยคําถาม “เจ้าคิดเช่นไร?”
ตู้ฮาวส่ายหัวในใจ,เขาไม่อยากที่จะเผยตัวออกมาในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม หากเขาปฏิเสธ มันจะเป็นการง่ายที่จะทําให้คนอื่นเดือดดาล
เจ้าเพลิงแดงต้องตาย มิฉะนั้น,ฝูงชนจะไม่อาจเข้าไปยังซากนิกายหลเพลิงได้ หากเขาไม่ยินยอม,นางจะใช้มันเป็นข้ออ้างในการเตะเขาออกไป
ทุกคนที่ถูกเลือกก่อนหน้านี้ก็ไม่เต็มใจอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม หลังจากชั่งน้ําหนักข้อดีข้อเสีย,พวกเขาก็ต้องถูกบีบให้ตกลง
หลังจากคิดได้ดังนั้น,ตู้ฮาวก็ทําได้เพียงตกลงกับการตัดสินใจของอีกฝ่าย “ในเมื่อแม่นางต้วนมู่หวังกับข้าเอาไว้สูง,เช่นนั้นข้าก็จะทํา”
จากสิบคน,เหลืออีกเพียงคนเดียว ฝูงชนมองตามสายตาของต้วนมู่ฉิงอีกครั้ง สายตาของนางจ้องไปที่เซียวเฉิน,ผู้ที่หลบอยู่ตรงมุม
เซี่ยวเฉินไม่ได้ประหลาดใจ ต้วนมู่นิ่งไม่จําเป็นต้องกล่าวอะไร,เขาก็จะอาสาออกไปเอง
ไม่มีใครประหลาดใจที่เซียวเฉินถูกเลือก ซุนเหว่ยก็ได้รับเลือกเช่นกัน ด้วยที่เซียวเฉินสามารถซัดซุนเหว่ยให้ถอยกลับได้อย่างง่ายดาย,ตัวเลือกนี่จึงคาดเดาได้ง่าย
มองเห็นทั้งสิบคนตอบตกลง,ต้วนมู่ฉิงก็กล่าวกับอีกห้าสิบคนที่เหลือ “แบ่งออกเป็นห้ากลุ่ม,จัดกลุ่มสิบคนและกระจายกันออกไปในระยะหนึ่งพันเมตร ทําให้แน่ใจว่าจะไม่มีสัตว์อสูรปีศาจตัวอื่นเข้ามาใกล้พวกเรา”
ข้อตกลงนี้ยังเป็นการป้องกันไม่ให้คนเหล่านี้ใช้โอกาสในช่วงชุลมุนแอบฉกบุปผาเหมันต์ลึกล้ําไป จะต้องเอาบุปผาเหมันต์ลึกล้ํามาให้ได้ ไม่มีที่ว่างให้ข้อผิดพลาด
แม้ว่าทั้งห้าสิบคนจะไม่ได้ยินยอม,แต่ไปเจอกับสัตว์อสูรปีศาจตัวอื่นยังดีกว่าเจอกับสัตว์อสูรปีศาจระดับ 7;มันอันตรายน้อยกว่า นอกจากนั้น,ซากนิกายหลี่เพลิงยังไม่ได้เปิดออก พวกเขาทําได้เพียงฟังคําสั่งของต้วนมู่ฉิงไปก่อน
ผ่านไปครู่หนึ่ง หลังจากที่ทั้งห้าสิบคนจากไป,ต้วนมู่ฉิงกล่าว “บุปผาเหมันต์ลึกซ่อนอยู่ที่ด้านหลังของต้นไม้ใหญ่ เจ้าเพลิงแดงไม่เคยออกห่างจากบริเวณใกล้เคียง
เซี่ยวเฉินมองตามที่ต้วนมู่ฉิงชี้ไป ต้นไม้ใหญ่อยู่ห่างออกไปประมาณหนึ่งพันเมตร ลําต้นของมันต้องใช้ถึงห้าคนโอบ มันสูงหลายร้อยเมตร,เต็มไปด้วยใบไม้และกิ่งก้าน มีรากที่บิดเบี้ยวและพันไปรอบๆ, ปิดบังการมองเห็นของพวกเขาอย่างสมบูรณ์
“ขาดูหน่อยว่าเจ้าเพลิงแดงมันเป็นสัตว์อสูรปีศาจอะไร” ฮวาหยุนเฟยร้องตะโกน ดาบสีแดงในมือของเขาส่งแสงสีแดงออกไปอย่างฉับพลัน
“โซว!”
ดาบฉีสีแดงลอยไปที่ต้นไม้ใหญ่อย่างรวดเร็ว ดาบฉีนี้คมกริบเป็นอย่างมาก มันหักลําต้นของต้นไม่ได้อย่างง่ายดาย
“ยิ้ม…!”
ต้นไม้ใหญ่ล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรง ทุกคนในที่สุดก็สามารถมองเห็นว่าเจ้าเพลิงแดงหน้าตาเป็นเช่นไร
มันดูคลายลิงบนโลกเป็นอย่างมาก มันยืนตรงบนพื้นและสูงประมาณแปดเมตร มันมีไหล่ที่กว้างและตัวอวบ กล้ามเนื้อบนหน้าอกของมันปูดออกมา,ราวกับภูเขาก้อนเนื้อ
ตัวมันปกคลุมไปด้วยขนสีดําและดวงตาของมัน ลักไหม้สีแดงเพลิง ที่น่าแปลกที่สุดก็คือมันมีดาบยาวสองเมตรแบกอยู่บนไหล่ของมัน
มีดอกไม้ผลึกสีขาวแปลกประหลาดตั้งอยู่ที่เนินด้านหลังของเจ้าเพลิงแดง นั้นจะต้องเป็นบุปผาเหมันต์ลึกล้ํา
ดาบฉีสีแดงไม่ได้สูญเสียพลังและยังบินต่อไปอย่างรวดเร็ว ในตอนที่เจ้าเพลิงแดงมองเห็นดาบฉี,มุมปากของมันยกขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มโหดเหี้ยม
เจ้าเพลิงแดงใช้มือซ้ายของมันทุบดาบฉีด้วยเสียงอันดัง ดาบฉีที่คมกริบอย่างไม่น่าเชื่อเล่มนี้แตกสลายและกลายเป็นเส้นแสงสีแดง ก่อนที่จะจางหายไป
ฮวาหยุนเฟยสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เขากล่าวด้วยความตกตะลึง “มันช่างทรงพลัง ฝ่ามือเดียวก็สามารถสลายดาบฉีของข้า ข้าใคร่รู้ว่าพลังเต็มพิกัดของมันจะเป็นเช่นไร”
“ไป!” ต้วนมู่ฉิงร้องตะโกน นางนกลุ่มผู้บ่มเพาะพลังตระกูลต้วนมู่สี่คนขึ้นหน้าโดยทันที
คนที่เหลือก็ตามหลังต้วนมู่ฉิงไป ระยะทางหนึ่งกิโลเมตรเหมือช่วงอึดใจเดียวสําหรับเซียวเฉินและคนอื่นๆ ในไม่ช้า,พวกเขาก็มาถึงตรงหน้าของเจ้าเพลิงแดง
ในตอนที่พวกเขาเข้าไปใกล้,พวกเขาทั้งหมดรู้สึกได้ถึงกระแสพลังที่พลุ่งพล่านของหัวหน้าแดงเพลิงระเบิดใส่พวกเขา
อย่างไรก็ตาม กระแสพลังนี้ยังห่างชั้นกับกระแสพลังของปิงโห่ว แม้ว่าจะรู้สึกได้ถึงแรงกดดัน,แต่มันไม่ได้ส่งผลกับการเคลื่อนไหวมากนัก
“ทักษะลับ,รวมกระแสเยือกแข็ง!”
ต้วนมู่ฉิงร้องตะโกนอย่างเย็นชาและผมสีดําเงาของนางพลันเปลี่ยนกลายเป็นสีขาว ใบหน้าอันเยือกเย็ของนางสูญสิ้นซึ่งอารมณ์ของมนุษย์,มันทําให้นางยิ่งดูเย็นชาและไร้ความรู้สึก ทุกสิ่งที่สายตาของนางฉายมองล้วนปกคลุมไปด้วยไอน้ําแข็ง,แม้กระทั่งอากาศ
สตรีสี่นางที่ด้านหลังต้วนมู่ฉิงถ่ายทอดพลังปราณให้กับนางอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น,กระแสพลังของต้วนมู่ฉิงได้กดดันกระแสพลังของเจ้าเพลิงแดงกลับ
“เหมันต์วิโรธ!”
นั้งแต่เริ่มต้น,ต้วนมู่นิ่งไม่ได้อ้อมพบังของนางเอาไว้ สายลมเยือกเย็นพัดเป่าไปที่เจ้าเพลิงแดง
เมื่อสายลมพัดผ่าน,อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว ผ่านไปครู่หนึ่ง,สามารถมองเห็นฉีดยือกแข็งปรากฎขึ้นในสายลม
ฉีเยือกแข็งเริ่มหมุนวน,เปลี่ยนกลายเป้ฯวังวนขนาดใหญ่ เจ้าเพลิงแดงยืนอยู่ตรงกลางของวังวน มันดิ้นรนขณะที่ร่างกายอันมหึมาของมันเคลื่อนไปได้อย่างยากลําบาก
อย่างไรก็ตาม,อุณหภูมิโดยรอบลดต่ําลงเกินไป ยิ่งกว่านั้นยังมีสายลมที่รุนแรง ทั้งสองสิ่งนี้ส่งผลให้เจ้าเพลิงแดงไม่อาจหลบหนีออกจากใจกลางของวังวน
“โซว!”
สีหน้าของต้วนมู่ฉิงกลายเป็นจริงจังและนางกําหมัดของนาง ฉีเยือกแข็งอันไร้ขอบเขตเริ่มรวมตัวเข้าด้วยกันและตกลงบนร่างของเจ้าเพลิงแดงราวกับชิ้นน้ําแข็ง
ผ่านไปครู่หนึ่ง,ภายนอกของเจ้าเพลิงแดงปกคลุมไปด้วยน้ําแข็ง,เปลี่ยนให้มันกลายเป็นรูปปั้นน้ําแข็งขนาดยักษ์
ทุกคนล้วนรู้สึกตกตะลึงที่เจ้าเพลิงแดงถูกแช่แข็งโดยต้วนมู่ฉิงในทันที ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะตกตายอย่างง่ายดายเช่นนี้
ขุนนางกุยยี่ หยิงเซี่ยว,หยิบเอาดาบผ่านภาออกมาจากหลังของเขา จากนั้นเขากระโดดขึ้นไปในอากาศและฟันลงไปที่หัวของเจ้าเพลิงแดง
ทุกทุกที่ที่ดาบวาดผ่าน,เกิดความผันผวนขึ้นในอากาศ ร่างของขุนนางกุยยกลายเป็นเลือนลางในสายตาของทุกคน
ขุนนางกุยยกลายเป็นภาพสะท้อนบนผิวน้ํา มันกระเพื่อมเป็นคลื่นและไม่เสถียร
ดาบผ่านะภาเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่สม บูรณ์,เซียวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง เขาเคยเห็นฉากที่คุ้นเคยนี้จากโฉมงามใต้แสงจันทร์ของมู่เยียนเสวี่ย เขารู้ว่ากําลังจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
ในทันทีที่เต่ําในอาวุธศักดิ์สิทธิ์ถูกใช้ออกมา มันสามารถบิดเบือนกฎแห่งสวรรค์และปฐพี่ในบริเวณโดยรอบตัวของเขา สิ่งนี้จะสร้างความสับสนให้กับผู้คน,ทําให้พวกเขาสูญเสียสัมผัสทั้งห้า
เจ้าอาจจะคิดว่าตัวเขาอยู่ห่างออกไปไกล แต่แท้จริงแล้วเขายืนอยู่ตรงหน้าของเจ้า เจ้าอาจจะคิดว่าเขายืนอยู่ตรงหน้าของเจ้าแต่ไม่ว่าเจ้าจะโจมตีใส่เขาไปเท่าไหร่,เจ้าก็ฟันไม่ถึงตัวของเขา
“ปะ ปะ!”
มีแสงเพลิงสีแดงออกมาจากให้เท้าของเจ้าเพลิงแดง น้ําแข็งบนตัวของมันละลายอย่างรวดเร็ว ภายในพริบตา มันก็ฟื้นคืนกลับมาเคลื่นไหวได้
“กัว! กัว!”
เจ้าเพลิงแดงหัวเราะอย่างแปลกประหลาย จากนั้นมันก็ดึงดาบใหญ่ที่มันแบกอยู่ออกมา ความผันผวนพร่ามัวปรากฏขึ้นรอบๆตัวมัน