มู่เส่าอวี่ที่อยู่สภาพตื่นเต้นมาโดยตลอดก็เห็นโจวเชาหลิงที่อยู่ในเขตฝั่งตรงข้ามขึ้นไปบนหุ่นรบของตัวเองเช่นกัน เขาเป็นคนที่ออกไปประลองรอบที่สามอย่างไม่ต้องสงสัย หัวใจขอ องมู่เส่าอวี่หนักอึ้ง อารมณ์ดิ่งฮวบลงในพริบตา ก่อนจะเอ่ยอย่างอัดอั้นว่า “เชี่ย ทำไมถึงเป็นเขา? จ้าวจวิ้นโชคร้ายเกินไปแล้ว”
ข้อมูลชุดหนึ่งผุดขึ้นในสมองของมู่เส่าอวี่ ‘โจวเชาหลิง ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษ (ขั้นสูงสุด) อันดับห้าในการประลองหุ่นรบเดี่ยว หัวหน้าทีมของโรงเรียนทหารชายที่สาม!’
“ไม่แน่จ้าวจวิ้นอาจจะแพ้ก็ได้” ตอนที่เฉียวถิงเอ่ยคำพูดประโยคนี้ก็เหลือบมองหลิงหลานแวบหนึ่ง สายตาบอกหลิงหลานชัดเจนว่า พูดจาต้องเหลือทางถอยไว้ด้วย อย่าทำท่าเหมือนรู ทุกอย่างดี จนชี้นำคนอื่นผิดๆ ดูท่าเขาไม่อาจปล่อยวางเรื่องที่โดนหลิงหลานหลอกลวงได้สำเร็จในการแข่งของมู่เส่าอวี่
มุมปากของหลิงหลานยกขึ้นอย่างคลุมเครือ คิ้วเรียวคู่หนึ่งเลิกขึ้นทันที พลังที่ทรงอำนาจครอบงำสายหนึ่งพุ่งเข้ามาซึ่งๆ หน้า เธอเอ่ยเสียงดังกังวานว่า “จ้าวจวิ้นจะชนะ!” ในฐ ฐานะที่เป็นลูกพี่ของจ้าวจวิ้น ต่อให้ผลสุดท้ายอาจจะพ่ายแพ้ย่อยยับ แต่เวลานี้เธอต้องสนับสนุนลูกน้องของเธออย่างแน่วแน่
เมื่อไอพลังของหลิงหลานแผ่ออกมา ไอพลังของเฉียวถิงก็ผุดตามขึ้นมา แรงกดดันมหาศาลสองสายปะทะกันระหว่างพวกเขาสองคนจนสั่นคลอน มู่เส่าอวี่ที่อยู่ตรงกลางหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ยขณะถูกบีบให้ถอยห่างออกไปหนึ่งก้าว
เขามองทั้งสองคนที่สูสีกันตรงหน้า ในใจก็รู้สึกหดหู่อยู่บ้าง เดิมทีเขาคิดว่าเฉียวถิงเป็นอัจฉริยะที่ร้อยปียากจะเห็นสักครั้ง ไม่นึกเลยว่ารุ่นน้องที่อ่อนกว่าเขาสามปีคนนี จะไม่ด้อยไปกว่าเฉียวถิงเท่าไหร่เลย…มู่เส่าอวี่เชื่อว่า อาศัยการควบคุมที่ล้ำเลิศของหลิงหลาน เขาสามารถเลื่อนขั้นเป็นไพ่ราชาตั้งแต่อยู่ในโรงเรียนได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ เล ลย แค่ไม่รู้ว่าจะเลื่อนขั้นตอนปีสี่เหมือนกับเฉียวถิง หรือว่าจะเป็นตอนปีห้า?
มู่เส่าอวี่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นตอนปีสามหรือเปล่า เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่กระทั่งนายพลหลิงเซียวยังไม่สามารถทำได้ มู่เส่าอวี่เลยไม่คิดว่าจะมีคนสามารถทำได้ นี่ยืนยันอีกครั้งว ว่า หลิงเซียวกลายเป็นตำนานภายใต้การผลักดันโดยเจตนาของกองทัพสหพันธรัฐ
เฉียวถิงกับหลิงหลานยังคงเก็บงำความสามารถอย่างมีเหตุผลมาก หลังจากที่ไอพลังปะทะกัน มันก็ถูกเก็บขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และตอนนี้เอง การประลองของจ้าวจวิ้นก็กำลังจะเปิดม่านแ แล้ว
จ้าวจวิ้นเห็นคู่ต่อสู้ของตัวเองในหน้าจอหุ่นรบว่าเป็นโจวเชาหลิง เขาก็ตื่นเต้นขึ้นมา สิ่งที่จ้าวจวิ้นคนนี้ชอบมากที่สุดก็คือการต่อสู้กับยอดฝีมือ เขาคิดว่ามีเพียงต่อส สู้กับยอดฝีมือเท่านั้นถึงจะสามารถเพิ่มความสามารถของตัวเองได้เร็วยิ่งขึ้น เขาไม่กลัวแพ้เหมือนกัน และคิดว่าความพ่ายแพ้คือบ่อเกิดแห่งความสำเร็จ ขอเพียงสรุปรวบยอดประสบการณ์พ พ่ายแพ้เหล่านี้ ต้องมีสักวันที่เขาจะเอาชนะกลับมาได้ ดังนั้น เขาถึงสามารถสู้กับผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาอย่างไร้ความเกรงกลัว ต่อให้รู้อยู่แก่ใจว่าจะพ่ายแพ้ เขาก็จะต่อสู้อย่าง แข็งขัน ต่อให้แพ้ก็จะต้องทิ้งอะไรบางอย่างให้คู่ต่อสู้ไว้บ้าง นี่ก็คือหนึ่งในสาเหตุที่เขาสามารถตีเสมอกับเจี่ยงเส่าอวี่ได้
จ้าวจวิ้นกับโจวเชาหลิงต่างเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษประเภทต่อสู้ระยะประชิด หุ่นรบที่ขับคือหุ่นรบต่อสู้ระยะประชิด ทุกคนรู้ว่าการประลองรอบนี้จะต้องเป็นการต่อสู้ร ระยะประชิดที่ดุเดือดเหมือนกับรอบที่สอง เทียบกับการโจมตีระยะไกลที่เน้นเรื่องทักษะกับกลยุทธ์แล้ว การต่อสู้ระยะประชิดน่าตื่นเต้นมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย และก็กระตุ้นอารมณ์ข ของผู้ชมได้มากยิ่งขึ้นด้วย ดังนั้นการประลองยังไม่ทันเริ่มต้นขึ้น ผู้ชมที่อยู่บนที่นั่งก็คักคักขึ้นมาแล้ว
ทันทีที่กรรมการโบกธงเขียวอย่างเฉียบขาด จ้าวจวิ้นกับโจวเชาหลิงก็ปะทะกันในชั่วพริบตา และเวลานี้เอง ผู้ชมที่ใจเย็นก็มองเห็นถึงความแตกต่างของการประลองรอบนี้กับรอบของมู่ เส่าอวี่ เป็นการต่อสู้ประชิดตัวเหมือนกัน หลังจากที่เริ่มต้นก็ชักอาวุธเย็นลงมาจากช่องด้านหลังและโจมตีใส่อีกฝ่ายเช่นเดียวกัน แต่เวลาที่จ้าวจวิ้นกับโจวเชาหลิงใช้สั้นมากกว่ า ถึงขนาดที่มีผู้ชมบางส่วนที่สายตาจับจ้องการเคลื่อนไหวไม่ดี มองเห็นไม่ชัดเลยว่าพวกเขาลงมือตั้งแต่เมื่อไหร่
‘เคล้ง!’ อาวุธเย็นปะทะกันส่งเสียงดังสนั่น ขณะเดียวกันยังมีสะเก็ดไฟสาดกระเซ็นขึ้นมานับไม่ถ้วน เสียงนั้นแทบจะสั่นสะเทือนแก้วหูบรรดาผู้ชมที่นั่งอยู่ด้านหน้าสุด พละกำลังอันน่า าสะพรึงกลัวที่ปะทะกันในการต่อสู้ระยะประชิดที่แท้จริงไม่ใช่สิ่งที่หุ่นรบแบบผสมสามารถแสดงออกมาได้เลย มีเพียงหุ่นรบต่อสู้ระยะประชิดเท่านั้นถึงจะสามารถไปถึงระดับความป่าเถื่อน นรุนแรงเช่นนี้ได้ แค่การโจมตีนี้ก็ทำให้ทุกคนมองเห็นความแตกต่างระหว่างทั้งสองได้ชัดเจนแล้ว
‘ตูม!’ พลังอันน่าหวาดหวั่นของพวกจ้าวจวิ้นกับโจวเชาหลิงที่สามารถฉีกคู่ต่อสู้เช่นนี้ ทำให้ผู้ชมที่คึกคักสุดขีดอดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว พวกเขาตะโกนเสียงดังออกมาด้วยความตื่ นเต้น ร้องเชียร์ให้กำลังใจผู้ควบคุมหุ่นรบทั้งสองคน
“ฝีมือสูสีกัน!” ในด้านหลังเวที มู่เส่าอวี่ที่จ้องมองหน้าจอใหญ่โดยไม่ละสายตาเห็นฉากนี้ เขาก็อดตะโกนอย่างตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้ จ้าวจวิ้นไม่แพ้คู่ต่อสู้ในด้านพละกำลังเลย
“ทั้งสองปล่อยค่าพละกำลังสูงสุดของหุ่นรบระยะประชิดออกมาแล้ว ส่วนด้านการควบคุม จ้าวจวิ้นก็ไม่ได้แพ้!” ความเคร่งขรึมบนใบหน้าเฉียวถิงลดลงไปเล็กน้อย เดิมทีเขาก็เป็นห่วงว่า จ้าวจวิ้นจะด้อยกว่าอีกฝ่ายในด้านการควบคุมนิดหน่อย ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะกังวลมากไปแล้ว
ทางด้านหลิงหลานกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย การเคลื่อนไหวนี้ขยับเพียงน้อยนิดอย่างยิ่ง คนรอบข้างไม่สังเกตเห็นเลย คิดว่าหลิงหลานยังคงรักษาหน้าน้ำแข็งไว้ตลอด
“ลูกพี่ เธอสังเกตเห็นเหมือนกันเหรอ? พละกำลังที่หุ่นรบของจ้าวจวิ้นใช้น้อยกว่าอีกฝ่ายประมาณ 30 กิโลนิวตัน” บนสนามประลองหุ่นรบมีอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ นานา พวกเขาจะรวบรวมข้อมูล การเคลื่อนไหวทั้งหมดของหุ่นรบสองตัว หลังจากนั้นก็จะส่งไปให้ทางคณะกรรมการ กลายเป็นหลักฐานในการตัดสินของคณะกรรมการ และร่างแยกของเสี่ยวซื่อก็ซ่อนตัวอยู่ในนั้นมาตลอด เมื่อ อมีข้อมูลใหม่ เสี่ยวซื่อที่อยู่ทางนี้ก็จะรู้ได้ทันที
“พละกำลังของทั้งสองคนไปถึงเท่าไหร่แล้ว?” หลิงหลานเอ่ยถาม
“โจวเชาหลิง: 1857 กิโลนิวตัน จ้าวจวิ้น: 1827 กิโลนิวตัน หลังจากคำนวณตามการแปลงสูตรพละกำลังแล้ว… แขนหุ่นรบของจ้าวจวิ้นจะเกิดการเสื่อมหลังจากสามสิบเจ็ดกระบวนท่าเพราะคว วามแตกต่างด้านพละกำลังนี้ หลังจากการปะทะกันหนักขึ้น ปัญหาเรื่องความเสื่อมก็จะยิ่งร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายอาจจะทำให้ตัวหุ่นรบเสียหายได้…” เสี่ยวซื่อมีความรับผิดชอบมาก ไม่เพียงบอกค่าพละกำลังของทั้งสองให้หลิงหลาน ขณะเดียวกันยังคำนวณปัญหาที่จะเกิดขึ้นในตอนสุดท้ายจากความแตกต่างของพละกำลังนี้ออกมาด้วย
“ก่อนที่ตัวหุ่นรบจะพัง ยังทนได้อีกประมาณกี่กระบวนท่า?” หลิงหลานเอ่ยถาม
“ในทางทฤษฎี อย่างมากสุดก็ฝืนประคับประคองได้เก้าสิบสามกระบวนท่า แต่ว่าสถานการณ์ความเป็นจริงอาจจะลดลงประมาณสิบกระบวนท่า” เสี่ยวซื่อคำนวณสักพัก ก่อนจะเอ่ยด้วยความไม่แน่ใจนิ ดหน่อย
“พูดอีกอย่างก็คือ จ้าวจวิ้นมีโอกาสแค่แปดสิบสามกระบวนท่าสินะ” สีหน้าของหลิงหลานเคร่งขรึมแล้ว ไม่นึกเลยว่าโจวเชาหลิงคนนี้จะซ่อนความสามารถได้ดีขนาดนี้จนถูกทุกคนมองข้า ามไป ความจริงแล้วความสามารถในการควบคุมหุ่นรบของอีกฝ่ายห่างจากผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาแค่นิดเดียวเท่านั้น จ้าวจวิ้นอยากคว้าชัยชนะ จำเป็นต้องทำให้ได้ก่อนที่หุ่นรบจะพังเสี ยหาย หรือก็คือเขาต้องหาโอกาส KO คู่ต่อสู้ภายในแปดสิบสามกระบวนท่า
มีเพียง KO อีกฝ่ายเท่านั้นถึงจะได้รับชัยชนะ การยึดความได้เปรียบในแปดสิบสามกระบวนท่าก็ไม่ช่วยอะไรเลยเหมือนกัน เมื่อหุ่นรบของจ้าวจวิ้นเกิดปัญหา ผู้ควบคุมหุ่นรบที่มากประสบ บการณ์อย่างโจวเชาหลิงไม่มีทางปล่อยโอกาสเช่นนี้ไป แน่นอนว่านี่ยังต้องให้จ้าวจวิ้นสังเกตเห็นปัญหาได้ทันเวลาก่อนที่หุ่นรบจะเกิดการขัดข้องด้วย ไม่อย่างนั้นรอจนกระทั่งหุ่นรบ บเกิดแจ้งเตือนแล้ว ต่อให้จ้าวจวิ้นคิดหาวิธีอีกแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์แล้ว
ในสนามประลอง จ้าวจวิ้นที่ปะทะกับฝ่ายตรงข้ามอย่างรุนแรงตอนแรกยังไม่สังเกตเห็นเรื่องนี้ เขาคิดว่าตัวเองพอฟัดพอเหวี่ยงกับฝ่ายตรงข้ามมาโดยตลอด แต่หลังจากปะทะกันกระบวนท่าแล้ วกระบวนท่าเล่า จ้าวจวิ้นก็ค่อยๆ รู้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง อาวุธเย็นของทั้งสองฝ่ายกระทบกันจากนั้นก็ดีดออก เริ่มแรกระยะการดีดตัวออกของเขาแทบไม่ต่างจากอีกฝ่ายนัก จากน นั้นก็ค่อยๆ ห่างขึ้นทีละนิด จนกระทั่งเกือบถึงห้าสิบกระบวนท่า ระยะการดีดตัวออกของเขามากกว่าฝ่ายตรงข้ามสองสามเมตร
จนถึงตอนนี้ จ้าวจวิ้นยังมีอะไรที่ไม่รู้อีก เขาแพ้ให้คู่ต่อสู้ในด้านการปะทะด้วยพละกำลัง เวลานี้เขาพลันนึกถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นตอนที่เขาต่อสู้ระยะประชิดกับลูกพี่หลาน น
เขาสะดุ้งตกใจ หน้าผากหลั่งเหงื่อเย็นๆ ออกมา ก่อนจะรีบสั่งออปติคัลคอมพิวเตอร์ว่า “เฉินกวง ตรวจสอบสภาพหุ่นรบเร็วเข้า”
‘เคล้ง!’ ทั้งสองคนปะทะกันกลางอากาศอีกหนึ่งกระบวนท่า คราวนี้จ้าวจวิ้นดีดตัวออกไปไกลมากขึ้น เหงื่อเย็นๆ บนหน้าผากจ้าวจวิ้นบรรจบกันเป็นสายแล้วไหลลงมา เขารอคอยคำตอบของออ อปติคัลคอมพิวเตอร์ด้วยความร้อนรน ขณะเดียวกันก็เตรียมการปะทะด้วยพละกำลังครั้งต่อไป
“ติ๊ด ตรวจสอบเสร็จสิ้น ไหล่ขวา ข้อศอกและข้อมือของหุ่นรบเกิดความเสียหายในระดับที่แตกต่างกัน ส่วนที่เชื่อมกับแขนซ้ายก็เริ่มเกิดการเสื่อมที่คล้ายคลึงเช่นกัน” ผ่านไปห้า วินาที ในที่สุดออปติคัลคอมพิวเตอร์ของเขาก็มีคำตอบแล้ว เป็นอย่างที่เขาคาดการณ์ไว้จริงๆ ตรงข้อต่อหุ่นรบเริ่มเกิดสภาพเสื่อมแล้ว
หัวใจของจ้าวจวิ้นหนักอึ้ง เขาถามต่ออีกว่า “ยังทนได้อีกกี่กระบวนท่า?”
ออปติคัลคอมพิวเตอร์เฉินกวงทำการคำนวณต่อ คราวนี้มันเร็วขึ้นนิดหน่อย ใช้เวลาแค่สามวินาทีเท่านั้น “ประเมินตามทฤษฎียังสามารถทนได้อีกประมาณห้าสิบกระบวนท่า!”
“ห้าสิบกระบวนท่าสินะ ยังพอมีเวลา” พอได้ฟังคำตอบของออปติคัลคอมพิวเตอร์ จ้าวจวิ้นก็ใจชื้น ถึงแม้เขาตกสู่สถานการณ์ยากลำบากแล้ว แต่สถานการณ์ยังไม่ได้เลวร้ายจนถึงช่วงเข้าตาจน ขอเพียงเขาใจเย็นนิดหน่อย เขาก็ยังมีโอกาส
ผู้ชมทั่วไปยังไม่สังเกตเห็นว่าสถานการณ์ไม่เอื้อต่อจ้าวจวิ้นแล้ว พวกเขาคิดว่าทั้งสองคนยังคงสูสีกัน หากคิดจะตัดสินผลแพ้ชนะ เกรงว่าจะต้องอาศัยกรรมการทำสถิติทักษะต่างๆ หล ลังจากจบการประลองแล้วถึงค่อยทำการตัดสินผลสุดท้ายได้
ผู้ควบคุมหุ่นรบชั้นยอดบางคนในสนามกลับมองเห็นชัดเจนเล็กน้อย โดยเฉพาะผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันขึ้นไปยิ่งมองออกได้ถึงเจ็ดแปดส่วน ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันจากเขตไร้กฎหมาย ยที่เฝ้าจับตามองทั่วทั้งสนามบนท้องฟ้าอดเอ่ยปากชมไม่ได้ “เดิมทีคิดว่าคนที่มีการควบคุมพื้นฐานดีมากที่สุดคือหลิงหลานคนนั้น ไม่นึกเลยว่าโจวเชาหลิงคนนี้ก็ไม่ด้อยเหมือนก กัน พื้นฐานแน่นมาก ขอเพียงไม่ทำพลาด เขาต้องชนะรอบนี้แน่นอน”
เพื่อนของเขากลับเงียบไปสักพัก ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะอดร้องเรียกไม่ได้ “เทียนเสวียน เทียนเสวียน นายเป็นอะไรไป?”
ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันเทียนเสวียนได้ยินเพื่อนร้องเรียกก็รีบตอบกลับว่า “เริ่นจี๋ ฉันแค่รู้สึกว่าวิธีการควบคุมของโจวเชาหลิงคนนั้นดูคุ้นมากๆ เลย ฉันกำลังคิดอยู่ว่า าเคยเห็นจากที่ไหน” สิ้นเสียงพูด ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันเทียนเสวียนพลันนึกขึ้นได้ “อ๊า ที่แท้เป็นเขานี่เอง!”
“ใคร?” ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันที่ถูกเรียกว่าเริ่นจี๋เอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้
“นายไม่เคยเจอเขา แต่น่าจะเคยได้ยินชื่อเขานะ เจ้าวัวโจวหยวนชิง!”
ดวงตาของเริ่นจี๋ส่องประกาย “หนึ่งในกลุ่มดาวยี่สิบแปดดวงของผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาสหพันธรัฐ”
ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันเทียนเสวียนเอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคิดถึงว่า “ได้ยินว่ายี่สิบปีก่อนเขารับเลี้ยงเด็กทารกที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศมาก คิดดูแล้วน่าจะเป็นโจวเชาห หลิงคนนี้แหละ โจวเชาหลิง โจวเชาหลิง…พรวด!” ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันเทียนเสวียนเอ่ยทวนชื่อโจวเชาหลิงหลายรอบแล้วก็หลุดหัวเราะขึ้นมา
“ทำไม ชื่อนี้มีปัญหาเหรอ? ฉันคิดว่าใช้ได้มากเลยนะ” ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันเริ่นจี๋งุนงงว่าทำไมจู่ๆ คู่หูถึงหัวเราะออกมา คิดไม่ออกจริงๆ ว่าชื่อนี้น่าขำตรงไหน
“เจ้าวัวแค้นหนักมากจริงๆ นะเนี่ย ขนาดตั้งชื่อเด็กยังไม่ลืมเตือนให้ก้าวข้ามนายพลหลิงเซียว[1]เลย!” ในที่สุดผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันเทียนเสวียนก็เผยคำตอบที่เขาหลุดหัว วเราะ โจวหยวนชิงเป็นคนรุ่นเดียวกับหลิงเซียว มีพรสวรรค์ที่น่าตกตะลึงเหมือนกัน ความสามารถโดดเด่นเหนือใครเหมือนกัน เดิมทีควรกลายเป็นเป้าสายตาของผู้คน แต่พอมีหลิงเซียวเพิ่ มมา คนรุ่นนั้นล้วนถูกนายพลหลิงเซียวที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมน่าตกตะลึงกดลงไปจนโงหัวไม่ขึ้น!
————————-
MANGA DISCUSSION