จูจิ่งเป็นผู้โจมตีระยะไกล และก็เป็นเพราะเขาคุ้นเคยกับวิธีการควบคุมระยะไกลทั้งหมดจึงทำให้เขารู้ซึ้งถึงความร้ายกาจของหลิงหลานมากกว่าพวกเพื่อนๆ ถึงแม้ผลงานที่หลิงหลานแสด ดงออกมาในการประลองสองรอบนั้นมีน้อยสุดขีด เขากลับรู้ดีว่าหลิงหลานจะต้องเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน
แต่ว่าถึงจูจิ่งจะให้ความสำคัญ แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะไม่มีโอกาสชนะเลย ต่อให้การควบคุมพื้นฐานดีและสมบูรณ์แบบอีกสักแค่ไหนก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะสามารถต้านทานทักษะระดั บสูงได้
ทักษะระดับสูงเป็นทักษะที่พัฒนาออกมาจากทักษะพื้นฐาน มันกำเนิดจากทักษะพื้นฐาน แต่อานุภาพกลับเหนือว่าทักษะพื้นฐานหลายเท่าหรือถึงขนาดหลายสิบเท่า นี่ก็คือหนึ่งในสาเหตุที ว่าทำไมระยะหลังๆ ผู้ควบคุมหุ่นรบถึงค่อยๆ ละทิ้งทักษะพื้นฐานและมุ่งมั่นฝึกฝนทักษะระดับสูงอย่างหนักเป็นท่าไม้ตาย
ในสงครามหุ่นรบ คนที่มักจะเอาชีวิตรอดมาได้คือพวกคนที่เชี่ยวชาญทักษะระดับสูงมากกว่า ซึ่งเห็นได้ถึงความสำคัญของทักษะระดับสูงที่มีต่อผู้ควบคุมหุ่นรบ
และจูจิ่งคิดว่าทักษะระดับสูงที่ตัวเองเชี่ยวชาญพวกนั้นเพียงพอที่จะทำให้เขาเดิมพันกับอีกฝ่ายได้
ทั้งสองคนเดินแยกกันออกไปจากเส้นทางสองสายภายใต้การชี้นำของเจ้าหน้าที่ ก่อนจะขึ้นสู่สนามประลอง
เมื่อเห็นหุ่นรบสองตัวปรากฏตัวขึ้นในสนาม เสียงโห่ร้องพลันระเบิดดังกังวานออกมาจากทั่วทั้งสนาม กรรมการสอบถามทั้งสองคนว่าเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว เขาก็สะบัดธงเขียวลงอย่าง งเฉียบขาด บ่งบอกว่าการต่อสู้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
เมื่อธงเขียวขยับ หุ่นรบสองตัวก็บินไปข้างหลังแทบจะพร้อมเพรียงกัน จูจิ่งขับหุ่นรบระยะไกล ย่อมอยากทำการโจมตีระยะไกล ส่วนหลิงหลานถึงแม้จะขับหุ่นรบแบบผสม แต่เธอตั้งใจฝึกฝ ฝนขัดเกลาการควบคุมระยะไกลของตัวเองจึงมีเป้าหมายเหมือนกับจูจิ่ง อยากทำการโจมตีระยะไกลเช่นกัน นี่ทำให้บรรยากาศในสนามไม่ได้ดูตึงเครียดเหมือนกับจ้าวจวิ้นในรอบที่แล้ว
เวลานี้เอง บรรดาผู้ควบคุมหุ่นรบชั้นยอดที่กำลังชมการต่อสู้เห็นการควบคุมของหลิงหลานก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ พวกเขาสังเกตเห็นว่าหลิงหลานไม่ได้ทำการขับทันทีที่สะบัดธงลงอย่างน่ าอัศจรรย์เหมือนเมื่อวานนี้ ถึงแม้ความเร็วยังคงไวมาก แต่ในสายตาของคนที่มีสายตาแหลมคมยังคงมองเห็นถึงความแตกต่างอยู่ดี
หลิงเซียวที่แย้มยิ้มมองเข้าไปในสนามมาตลอด เวลานี้รอยยิ้มตรงมุมปากกดลึกขึ้น…
เมื่อคืนหลังจากการแข่งขันสิ้นสุดลง หลานลั่วเฟิ่งกลับมาถึงที่พักด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มยินดีปรีดา จากนั้นเธอก็ทำหน้าเศร้าจ้องมองหลิงเซียว
หลิงเซียวหมุนกายจากไปโดยไม่ลังเล ในฐานะนายพล ในฐานะผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะ เขาจะพ่ายแพ้สายตาที่ไร้พลังสังหารเช่นนี้ของภรรยาได้อย่างไร?
“สามี~!” น้ำเสียงขึ้นๆ ลงๆ ของเสียงเรียกนี้ทำให้ร่างกายของหลิงเซียวอดสั่นเทิ้มไม่ได้ สายตาที่ส่งมาด้านหลังแผดเผามากเหลือเกิน ทำให้เขาหลั่งเหงื่อเย็นๆ ออกมา แต่เขายังคงท ทำเป็นแน่วแน่ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
หลิงเซียวที่เข้าใจหลานลั่วเฟิ่งเป็นอย่างดี รู้ว่าสิ่งที่รอคอยเขาอยู่หลังจากที่หันหน้ากลับไปคืออะไร หลานลั่วเฟิ่งจะต้องร้องขอสิ่งที่ทำให้เขายากลำบากมากและไม่อาจปฏิเสธไ ได้อย่างแน่นอน.…ประสบการณ์บอกเขาว่าจะต้องตีมึนปล่อยผ่านไป!
“หลิงเซียว!” พอเห็นการออดอ้อนไม่มีประโยชน์ หลานลั่วเฟิ่งก็เปลี่ยนเป็นสิงโตคำรามทันที แผดเสียงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว ให้ตายสิ ใจกล้าแล้ว กล้าเมินฉันแล้วสินะ?!
หลิงเซียวกุมขมับอย่างจนปัญญา เขาลังเลสักพัก ในที่สุดก็หันตัวมาแล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อนว่า “ลั่วเฟิ่ง มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“ฉันอยากเจอหลานเอ๋อร์!” หลานลั่วเฟิ่งเอาสองมือเท้าสะเอว บอกความต้องการของเธอออกมาด้วยท่าทางราวกับราชินี
อย่างที่คิดไว้จริงๆ! หลิงเซียวพูดกล่อมด้วยใบหน้าอ่อนโยนว่า “ได้ๆๆ ไว้หลังจากการต่อสู้ประจัญบาน ฉันจะหาโอกาสให้พวกเธอเจอกันนะ”
“ความหมายของฉันคือเจอเดี๋ยวนี้!” หลานลั่วเฟิ่งจะให้โอกาสหลิงเซียวตีมึนได้อย่างไร ก็เหมือนกับหลิงเซียวที่เข้าใจเธอ เธอเองก็รู้ดีว่าหลิงเซียววางแผนการร้ายอะไรบางอย ย่างภายใต้รอยยิ้มอ่อนโยนเต็มดวงหน้านั้น
“วันนี้หลานเอ๋อร์สู้ตั้งหลายรอบ จะต้องเหนื่อยแล้วแน่ๆ อย่าไปกวนลูก ปล่อยให้ลูกพักผ่อนไม่ดีกว่าเหรอ...” หลิงเซียวทำหน้าเป็นห่วงเอาอกเอาใจ พยายามล้มเลิกการตัดสินใจของหล ลานลั่วเฟิ่ง
“ดังนั้น ฉันถึงอยากเจอหลานเอ๋อร์ไง หลานเอ๋อร์อยากกินบะหมี่หยางชุนที่ฉันทำทุกครั้งที่เธอเหนื่อย!” หลานลั่วเฟิ่งลอบไขว้นิ้วในใจ ยกโทษให้เธอด้วยที่แย่งผลงานของคุณน้าหน นานมา แต่ถึงอย่างไรเธอก็สั่งให้ไปทำ ดังนั้นมีผลงานของเธอส่วนหนึ่งด้วยก็ไม่ได้เป็นการพูดเกินจริงนะ!
ทำบะหมี่หยางชุน? พอได้ยินคำนี้ หลิงเซียวก็เกือบจะรักษารอยยิ้มบนใบหน้าไว้ไม่อยู่แล้ว…นึกถึงผลงานในอดีตของหลานลั่วเฟิ่งที่เคยเกือบเผาห้องครัวในบ้านนับครั้งไม่ถ้วน …หลิงเซียวพูดไม่ออก ‘ภรรยา เธอโกหกอีกหน่อยได้ไหม?’
เมื่อรู้ว่าข้ออ้างของตัวเองฟังไม่ขึ้น หลานลั่วเฟิ่งก็ปล่อยให้เลยตามเลย “ถึงยังไงฉันก็อยากส่งบะหมี่หยางชุนให้ลูกสักชาม! ถ้าทำไม่ได้ คุณก็เลิกคิดก้าวเข้ามาในห้องเลย!”
ท่านี้อีกแล้ว…ให้ตายสิ เขากลัวท่านี้นะ! หลิงเซียวจนปัญญา ทำได้เพียงตอบตกลง!
แน่นอนว่าหลิงเซียวก็มั่นใจในตัวเองเหมือนกัน อาศัยฝีมือของเขาลอบพาคนเข้าไปก็ยังเป็นเรื่องที่ทำได้อยู่
แต่ความจริงแล้ว หลิงเซียวไม่เพียงลอบพาคนไปเท่านั้น เขายังนำบะหมี่หยางชุนที่หลานลั่วเฟิ่งอ้างว่าทำเองไปด้วยหนึ่งชาม ส่วนใครเป็นคนทำบะหมี่หยางชุนชามนี้กันแน่…อืม เรื่องนี้มีเพียงหลิงเซียวกับภรรยาเท่านั้นที่รู้!
…..
หลิงหลานอาบน้ำอย่างมีความสุขผ่อนคลายกล้ามเนื้อของตัวเอง จากนั้นถึงค่อยเอนตัวนอนลงบนเตียงเตรียมตัวพักผ่อน ทว่าผ่านไปไม่กี่นาที หลิงหลานก็พลิกตัวลงมาจากเตียงด้วยความปรา าดเปรียวทันใด เธอพุ่งกายทีหนึ่ง วินาทีถัดมาก็มาถึงด้านหลังประตูแล้ว…
“พ่อเอง!” หลิงหลานได้ยินเสียงของคุณพ่อหลิงเซียวดังขึ้นที่ข้างหูก็ผ่อนคลายลงทันที เธอเปิดประตูห้องอย่างรวดเร็ว แล้วก็เห็นเงาสายหนึ่งพุ่งเข้ามา ก่อนที่หลิงหลานจะปิด ดประตูตาม
“ดึกขนาดนี้ ทำไมคุณพ่อ…แม่ครับ!” เสียงที่เดิมทีเย็นชาของหลิงหลานเปลี่ยนเป็นร้องเสียงหลงเมื่อเห็นผู้หญิงในอ้อมแขนของหลิงเซียว เธอ—ตกใจแล้ว!
“ไฮ หลานเอ๋อร์!” หลานลั่วเฟิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนของหลิงเซียวชูกระเป๋าใบหนึ่งในมือขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน แล้วโบกให้หลิงหลาน มุมปากเผยรอยยิ้มอิ่มอกอิ่มใจ “แม่เอาบะหมี่หยางช ชุนมาให้ลูกน่ะ!”
บะหมี่หยางชุน?? นั่นไม่ใช่อาหารที่เธอสอนแม่ยังไง แม่ก็ทำไม่เป็น สุดท้ายกลับกลายเป็นอาหารจานถนัดของแม่บ้านหลิงหนานอีไม่ใช่เหรอ?
“แม่เป็นคนทำนะ!” หลานลั่วเฟิ่งกระโดดลงมาจากในอ้อมแขนของหลิงเซียว แล้วจูงมือหลิงหลานมานั่งลงที่โซฟา เธอเปิดกระเป๋าอย่างกระตือรือร้น เผยให้เห็นบะหมี่หยางชุนชามหนึ่งที มีไอร้อนอบอวลอยู่ด้านใน…
หลิงหลานสังเกตบะหมี่หยางชุนชามนั้นอย่างละเอียด หน้าตาไม่เลวมากๆ เลย แต่แม่ของเธอเป็นนักฆ่าในครัว ของที่ทำออกมากระทั่งหมูยังรังเกียจเลย… เธอรับตะเกียบที่หลานลั่วเ เฟิ่งยื่นมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ในที่สุดก็เรียกความกล้าคีบบะหมี่ขึ้นมาเส้นหนึ่งภายใต้การเร่งเร้าทุกวิถีทางของหลานลั่วเฟิ่ง จากนั้นก็กัดลงไปหนึ่งคำราวกับเห็นความตายเหมือน นกลับสู่มาตุภูมิ
เอ๊ะ? แววตาของหลิงหลานเปล่งประกายฉับพลัน จ้องมองบะหมี่หยางชุนชามนั้นอย่างตกตะลึง รสชาติดีมากเลย! ดีกว่าที่หลิงหนานอีทำอีก ข้างในมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ อบอุ่น เหมือน นกับสั่นกระเพื่อมอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ ทำให้เธอผ่อนคลายไปทั่วทั้งร่าง
“แม่ครับ แม่ทำเหรอ?” หลิงหลานจำเป็นต้องสงสัย แม่ของเธอเปลี่ยนจากนักฆ่าในครัวมาเป็นสุดยอดกุ๊กในห้องเครื่องตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
เวลานี้หลานลั่วเฟิ่งมีความสุขจนหรี่ตาเป็นขีดเดียวแล้ว พอได้ยินคำถามของหลิงหลานก็พยักหน้าด้วยความตื่นเต้นอีกครั้ง “ใช่แล้ว อร่อยมากเลยใช่หรือเปล่า แม่กินแล้วก็ประหลาดใจม มากเหมือนกัน ครั้งแรกที่ทำ…เอ่อ ทำออกมาได้อร่อยมากขนาดนี้!”
ครั้งแรกที่ทำ? หลิงหลานจับคำพูดพลั้งปากของหลานลั่วเฟิ่งได้ทันที เธอแน่ใจแล้วว่าบะหมี่หยางชุนชามนี้ไม่ใช่ของที่แม่เธอทำแน่นอน ต่อให้จับแม่เธอเข้าเตาเผาแล้วหลอมใหม่ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนเธอให้กลายเป็นยอดฝีมือด้านการครัวได้ เนื่องจากแม่ของเธอไม่มีพรสวรรค์ด้านฝีมือการครัวมาตั้งแต่เกิด หลิงหลานอดมองไปที่ตัวหลิงเซียวไม่ได้ บางทีคุณพ่อข ของเธออาจจะบอกเธอได้นิดหน่อย
สายตาที่ค้นหาคำตอบของหลิงหลานทำให้หลิงเซียวหลีกเลี่ยงอย่างไม่เป็นธรรมชาติ นิ้วมือข้างขวาถูกันขึ้นมาอย่างเผลอไผล...
หลิงหลานสังเกตเห็นตรงปลายนิ้วที่หลิงเซียวกำลังถูมีสีแดงเล็กน้อย คล้ายกับโดนลวก…หลิงหลานหันหน้าเพ่งความสนใจไปที่ตัวหลานลั่วเฟิ่งโดยไม่ลังเล เธอไม่กล้ายืนยันว่า ถ้าเ เกิดเรื่องถูกเปิดเผยออกไปว่าสองมือที่ขับหุ่นรบขั้นเทวะของผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะที่แสนยิ่งใหญ่เคยโดนลวกเพราะเข้าครัวต้มบะหมี่ให้ภรรยาและลูก พวกเธอสองคนแม่ลูกจะ ะกลายเป็นศัตรูของมหาชนจากทั่วทั้งสหพันธรัฐหรือเปล่า?
พอคิดถึงความเป็นไปได้นี้ หลิงหลานก็สั่นยะเยือก ยืนยันอีกครั้งว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น…อืม แล้วบะหมี่หยางชุนที่เป็นตัวแทนหลักฐานตรงหน้านี้ เธอจะกำจัดมันจนไม่เหล ลือซากแน่นอน
หลิงหลานยกชามขนาดใหญ่ขึ้นมาทันที ตะเกียบในมือขวาบินอย่างสะเปะสะปะ กินบะหมี่หยางชุนจนหมดภายในไม่กี่วินาทีอย่างตะกละตะกลาม ไม่เหลือเศษซากเลยสักนิดเดียว เธอเรอออกมาทีหนึ งแล้วค่อยวางชามขนาดใหญ่ในมือลง
พอเห็นหลานลั่วเฟิ่งที่ตอนนี้ยังคงทำหน้าอิ่มเอมใจ เธอก็น้ำตานองหน้าในใจทันที ‘แม่คะ ครั้งนี้หนูเห็นแต่เนิ่นๆ เลยกำจัดหลักฐานจนหมดแล้ว ครั้งหน้า แม่ต้องจำไว้เลยนะว่า อย่าให้พ่อเข้าครัวอีก นั่นก่อเรื่องใหญ่เลยนะ!!!’
ไฉนเลยหลานลั่วเฟิ่งจะรู้ความทุกข์ตรมในใจหลิงหลาน เธอเห็นลูกสาวกินจนหมดเกลี้ยงก็ส่งสายตาลำพองใจให้หลิงเซียวทีหนึ่ง หลิงเซียวเห็นดังนั้น รอยยิ้มรักใคร่เอ็นดูก็แผ่ขยา ายในดวงตา รวมถึงร่องรอยความพึงพอใจเล็กน้อยที่คนอื่นแทบจะไม่สังเกตเห็น
หลิงหลานกินบะหมี่เสร็จแล้ว หลานลั่วเฟิ่งก็ดึงมือของหลิงหลานแล้วเริ่มพูดจ้อ แน่นอนว่าทั้งหมดล้วนเป็นพวกคำพูดกำชับหลิงหลานด้วยความเป็นห่วง ให้เธอระมัดระวังตัว ห้าม บุ่มบ่ามในการแข่งขัน หลิงหลานอดทนฟังจนจบ และเอ่ยให้สัญญารับรองเป็นครั้งคราว
หลิงเซียวมองสองแม่ลูกตรงหน้าเขา รอยยิ้มภายในดวงตาลึกล้ำมากขึ้น เขาอยากเข้าไปโอบกอดทั้งสองคนที่เขารักมากที่สุดไว้ในอ้อมแขน แล้วบรรยายความสุขและความพึงพอใจของเขาออกมา า หลิงเซียวไม่เคยผิดหวังที่หลิงหลานไม่ได้เป็นผู้ชาย ต่อให้ชาตินี้เขาไม่มีลูกคนอื่นอีก เขาก็ไม่เสียดายเหมือนกัน
ท้ายที่สุดหลานลั่วเฟิ่งก็พูดจู้จี้จนพอใจแล้ว ก่อนบอกลา หลิงเซียวเอ่ยกับหลิงหลานด้วยความจริงจังว่า “ไม่จำเป็นต้องทำจนสุดความสามารถในการต่อสู้ที่ไม่ได้ถึงแก่ความตาย เก็บ บไพ่ตายให้ตัวเองไว้บ้างถึงจะเป็นสิ่งที่ผู้ควบคุมหุ่นรบควรทำ! วันนี้ลูกแสดงความสามารถมากเกินไปแล้ว”
คำพูดของหลิงเซียวทำให้หลิงหลานใจกระตุก เธอนึกได้ว่าเธอไม่ได้ยั้งมือเลยจริงๆ เพื่อทดสอบขีดจำกัดด้านการต่อสู้ระยะไกลของตัวเอง หลิงหลานเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “คุณพ พ่อวางใจเถอะครับ ผมจะจำไว้!”
หลิงเซียวได้ยินคำกล่าวก็พาหลานลั่วเฟิ่งลอบออกจากที่พักของหลิงหลานด้วยความวางใจ ไม่มีใครรู้เลยว่านายพลหลิงเซียวเคยลอบเข้ามาในเขตที่พักของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งม มากกว่าหนึ่งครั้ง
…..
เสียงฮือฮาของผู้ชมทำให้หลิงเซียวกลับมาจากความทรงจำของเมื่อวาน...
“หลานเอ๋อร์ ดูเหมือนลูกจะเข้าใจแล้วสินะ!”
หลิงเซียวมองหุ่นรบสองตัวในสนามที่กำลังบินไปยังสองฝั่งอย่างสูสีกันด้วยความพึงพอใจ ในการประลองรอบนี้ หลิงหลานจดจำคำพูดของเขาไว้และเก็บงำความสามารถแล้ว!
การเก็บงำความสามารถของหลิงหลานก็ทำให้พวกผู้ชมเข้าใจผิดเหมือนกันคิดว่าระดับการควบคุมของผู้ควบคุมหุ่นรบทั้งสองคนพอๆ กัน ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษและไพ่ราชาบางคนถึงขนาด ดสงสัยว่า การควบคุมแบบเส้นยาแดงผ่าแปดอันน่าทึ่งเมื่อวานนี้เป็นเพียงความโชคดีของหลิงหลานหรือเปล่า แน่นอนว่าคนที่มีสายตาแหลมคมอย่างแท้จริงย่อมไม่ได้ประเมินหลิงหลานต่ำเพ พราะการที่เธอเก็บงำความสามารถ…
MANGA DISCUSSION