ฉันใช้มือกับหางช่วยพยุงเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยของตัวเองเอาไว้
เมื่อเห็นสภาพแปลกประหลาดของฉัน นักผจญภัยชายคนนั้นก็เดินเข้ามาอย่างช้าๆ
“เธอโอเคไหม?”
“อืม…”
ฉันรวบเสื้อผ้าขึ้นแล้วค่อยๆ ยืนขึ้น
ร่างกายที่ยังเยาว์ของฉันเผยผิวหนังบริเวณไหล่กับเอวเล็กน้อย แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะยังเป็นเด็ก
ถ้าฉันยังมีร่างกายแบบผู้ใหญ่เหมือนเมื่อก่อนล่ะก็ คงอายมากแน่ ๆ
“เอ่อ…”
ชายคนนั้นทรุดเข่าลงตรงหน้าฉัน
เขามองแขนของฉันด้วยสายตาเป็นห่วง
“มีใครมารังแกเธอเหรอ?”
รังแกเหรอ?
เขาคิดว่าฉันถูกแกล้งจนเสื้อผ้าขาดสินะ?
ฉันตัดสินใจจะปลอบใจนักผจญภัยใจดีคนนี้
“เปล่า ฉันไม่ได้ถูกแกล้ง”
“จริงเหรอ?”
“ใช่ เสื้อผ้ามันแค่ขาดเพราะมันเก่าแล้ว”
“อ๋อ เสื้อผ้านี่เอง… งั้นจะใส่อันนี้ไหม?”
นักผจญภัยชายถอดเสื้อของตัวเองออกแล้วยื่นให้ฉัน
มันใหญ่พอจะคลุมตัวฉันทั้งตัวได้ แต่เขาเองก็จะต้องอยู่ในสภาพเปลือยครึ่งตัว
ฉันควรจะปฏิเสธ
ในจังหวะที่ฉันกำลังจะโบกมือปฏิเสธ ควอนอารินก็วิ่งเข้ามาอย่างโกรธจัด
“เฮ้! นั่นนายคิดที่จะทำอะไร?!”
ควอนอารินที่หอบหายใจแรง โผเข้ามากอดฉันแน่น
หน้าของฉันถูกกดแนบกับอกของเธอ
เธอคว้าเสื้อผ้าที่กำลังจะหลุดของฉันไว้ แล้วช่วยจับให้มันอยู่ตัว
ฉันรู้สึกได้ถึงมือของเธอที่กดลงบนแผ่นหลังและเอวด้านล่างของฉัน
“อืม…?”
ฉันมองไม่เห็นอะไรเลย
ปากของฉันก็ถูกปิดไว้จนพูดไม่ได้เลย
ฉันทำได้แค่กระดิกหูตอบกลับไปเท่านั้น
“ไอ้บ้านี่! นายคิดที่จะทำอะไรกับเด็ก?!”
“ม-ไม่ใช่นะ เรื่องนี้มันคือ…!”
“กล้าดียังไงถึงได้มาถอดเสื้อผ้าของเด็ก?!”
เสียงตะโกนของควอนอารินดังก้องอยู่ในหูฉัน
เสียงมันดังมากจนฉันอยากเอามือปิดหู แต่ขยับไม่ได้เพราะเธอกำลังกอดฉันไว้แน่น
ร่างกายของฉันสั่นไหวเพราะเสียงที่ดังแบบไม่ทันตั้งตัว
มันไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ไม่ใช่เหรอ?
ยิ่งรู้สึกอึดอัด หูของฉันก็ยิ่งแบนราบราวกับพยายามปิดเสียงนั้น
“ดูสิ เด็กถึงกับตัวสั่นเพราะกลัว!”
“เข้าใจผิดแล้ว! มันเป็นแค่การเข้าใจผิด!”
“เข้าใจผิดบ้าอะ…!”
ควอนอารินหยุดตะโกนแล้วเม้มปากแน่น
เธอใช้นิ้วจิ้มหลังส่วนล่างของฉันแล้วกระซิบที่หู
“…เข้าใจผิดเหรอ?”
“ใช่ เข้าใจผิดจริง ๆ”
ฉันมองขึ้นไปที่ควอนอารินผ่านช่องว่างเล็กๆ
ฉันเห็นลำคอของเธอขยับตอนกลืนน้ำลาย
“งั้น ทำไมเสื้อของเธอถึง…?”
“เสื้อฉันขาด เขาเลยจะให้เสื้อของเขา”
“……”
ควอนอารินนิ่งเงียบไปหลังจากได้ฟังคำอธิบายของฉัน
เธอรู้ตัวแล้วว่าตัวเองเข้าใจผิด
โล่งใจที่ดูเหมือนความเข้าใจผิดจะคลี่คลายแล้ว
“เอ่อ… ขอโทษนะที่เข้าใจผิด”
เธอก้มศีรษะขอโทษโดยไม่ลังเล
ตัวส่วนบนของฉันเอนไปข้างหลังในอ้อมกอดของเธอ
“…ไม่เป็นไร เข้าใจผิดแบบนั้นก็พอเข้าใจได้ มันก็เจ็บใจนิดหน่อย แต่ก็เข้าใจ”
“…ฉันขอโทษจริง ๆ นะ”
ความเงียบอันแสนกระอักกระอ่วนเข้ามาแทนที่
ฉันมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง แล้วแตะไหล่ควอนอารินเบา ๆ
“คือว่า เสื้อผ้าของฉัน…”
“อ๋อ จริงสิ ฉันเอาเสื้อผ้ามาให้ดีไหม?”
“ไม่ใช่เสื้อผ้า เทปต่างหาก อยู่ในโพรงตรงนั้นที่เลวีนัสเป็นคนขุดไว้”
ถ้าจะเอาเสื้อผ้า ก็ต้องขึ้นไปบนบ้านแล้วกลับลงมาใหม่
ฉันไม่อยากให้ควอนอารินต้องเสียเวลาเพราะฉัน
ไปเอาเทปจากโพรงใกล้ ๆ ตรงนั้นน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“เอาเป็นเสื้อผ้าจะไม่ดีกว่าเหรอ?”
“เทปเร็วกว่า ฉันแค่แปะ ๆ แล้วก็กลับบ้านเลย”
“อืม… ก็ได้”
ควอนอารินหยิบเทปมาอันหนึ่งจากโพรงที่อยู่ใกล้ ๆ
เธอดึงเทปเป็นเส้นยาวออกมา ราวกับเตรียมพร้อมที่จะช่วยติดเสื้อให้ฉัน
“คุณนักผจญภัย ช่วยจับเสื้อของคยออุลไว้หน่อยได้ไหม?”
“ได้ครับ”
นักผจญภัยใจดีคนนั้นช่วยจับเสื้อผ้าฉันที่กำลังจะหลุดไว้
ฉันยืนเฉย ๆ กางแขนออก
แคว่ก–!
ควอนอารินตัดเทปเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วพันรอบตัวฉันเหมือนมัมมี่
ฝีมือเธอไม่ค่อยดีนัก เทปบางส่วนติดผิวหนังที่โผล่ออกมา
หางของฉันก็โดนเทปพันติดกับหลัง ขยับไม่ได้เลย
“…ขอโทษนะ มันดูเหมือนกับชุดรัดตรึงเลย
“ไม่เป็นไร แค่ปิดร่างกายได้ก็พอแล้ว”
“คือ…ใช่ รีบกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดเถอะ”
“ได้ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ งั้นขอตัวก่อน”
ฉันโค้งขอบคุณทั้งสองคนอย่างสุภาพ
ทั้งที่ฉันทำให้ลำบาก แต่พวกเขาก็แค่ยิ้มตอบ
“ตอนเดินก็ระวังด้วย มันอาจะขาดอีกก็ได้”
“โอเค”
ความใจดีของพวกเขาทำให้หางของฉันกระดิกเบาๆ ทั้งที่ยังติดอยู่กับเสื้อผ้า
ฉันต้องรีบกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดให้เร็วที่สุด
━━━━━━━━━━━━━━━━━
ติ๊ง—ต่อง—
ฉันเปิดประตูหน้าบ้านแล้วเดินเข้าไปข้างใน ฉันรู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของโซเฟียในห้องนั่งเล่น
“โซเฟีย”
ฉันเอ่ยชื่อเธออย่างเป็นธรรมชาติขณะเดินเข้าไป
เธอเงยหน้าขึ้นมามองฉันจากเก้าอี้นวดที่กำลังเอนพักอยู่
“เด็กน้อย โดนแกล้งมาหรือเปล่า…? ทำไมเสื้อผ้าถึงเป็นแบบนั้นล่ะ…?”
โซเฟียลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินวนรอบตัวฉัน
สายตาของเธอจ้องที่หางฉันที่ถูกติดเทปเอาไว้
“เสื้อผ้าฉันขาด เลยเอาเทปมาติดไว้ชั่วคราว”
“อืม… แม้แต่หางก็ยังโดนติดไว้ด้วยเหรอ”
“ใช่ ตอนติดเทปมันเข้าไปเอง”
“ประมาทไปนะเนี่ย”
โซเฟียลอกเทปออกจากหางฉันอย่างเบามือ
ไม่รู้ทำได้ยังไง แต่เธอไม่ดึงขนหลุดออกมาแม้แต่นิดเดียว
ไม่เจ็บเลยสักนิดด้วย
หางที่เป็นอิสระแล้วส่ายไปมาอย่างรวดเร็ว แสดงออกถึงความดีใจ
“มันแปลกดีนะที่ฉันควบคุมหางตัวเองไม่ได้”
“ก็เพราะยังเด็กน่ะ เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ต้องกังวลหรอก”
แปะ—แปะ
โซเฟียตบหลังฉันเบา ๆ การสัมผัสอย่างปลอบโยนนั้นรู้สึกดีมาก
“มันเป็นแบบนี้เสมอเลยเหรอ?”
“ใช่ ร่างกายของเด็กควบคุมยากในหลาย ๆ ด้าน เจ้าเองก็เริ่มง่วงทุกคืนตอนสี่ทุ่มใช่ไหม?”
“อ๋อ…”
ฉันรู้สึกว่าฉันเข้าใจสิ่งที่โซเฟียกำลังจะสื่อ
เมื่อก่อนตอนที่มีร่างผู้ใหญ่ ฉันสามารถฝืนตื่นได้แม้จะเหนื่อย แต่ตอนนี้พอถึงสี่ทุ่ม ดวงตาก็จะปิดลงโดยอัตโนมัติ
“แล้วก็คยออุล เจ้าเคยเป็นมนุษย์มาก่อน มันคงยากที่จะปรับตัวให้เข้ากับความแตกต่างของสองเผ่าพันธุ์สินะ”
“ใช่ มนุษย์กับมนุษย์สัตว์ต่างกันเยอะเลย ฉันรู้สึกถึงความแตกต่างแทบทุกวันเลย”
“โฮ… คนที่เคยผ่านทั้งสองแบบมานี่ล่ะถึงจะเข้าใจแบบนี้ได้”
ดวงตาของโซเฟียเปล่งประกายด้วยความสนใจ
ในฐานะคนที่แสวงหาความรู้ เธอตื่นเต้นกับข้อมูลใหม่ ๆ เสมอ
“เคยมีกรณีแบบฉันไหม ที่มนุษย์กลายเป็นมนุษย์สัตว์?”
“ไม่เลย คยออุล เจ้าเป็นคนเดียว”
“โอ้… งั้นมันก็เป็นความรู้ที่มีแค่ฉันเท่านั้นสินะ?”
“ใช่ เจ้าช่วยแบ่งปันความรู้นั้นกับข้าได้ไหม? ข้าอยากรู้จริง ๆ”
หางของโซเฟียแกว่งขึ้นลงอย่างตื่นเต้น
“อืม… สิ่งที่แตกต่างที่สุดคือสัญชาตญาณ”
“สัญชาตญาณ?”
“ใช่ มันเหมือนมีบางอย่างที่ควบคุมยาก”
“เป็นที่รู้กันดีว่ามนุษย์สัตว์ขับเคลื่อนด้วยสัญชาตญาณ”
แม้จะรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว แต่โซเฟียก็ยังสนใจ เพราะเธอรู้ว่าการได้สัมผัสทั้งสองด้านจะให้มุมมองที่แตกต่างออกไป
“ฉันคิดว่าเป็นเพราะประสาทสัมผัสของเราละเอียดอ่อนกว่า เลยทำให้เราขับเคลื่อนด้วยสัญชาตญาณมากขึ้น”
“ประสาทสัมผัส?”
“ใช่ เมื่อก่อนฉันแยกกลิ่นที่อยู่ตรงหน้าแทบไม่ได้เลย แต่ตอนนี้ฉันแยกกลิ่นจากระยะเป็นร้อยเมตรได้แล้ว”
“โฮ…”
โซเฟียถอนหายใจแรงด้วยความพึงพอใจที่สามารถเติมเต็มความกระหายในความรู้ของตนเองได้
“การใช้จมูกเพื่อหาอะไรบางอย่างอาจดูเหมือนสัตว์ไปหน่อย แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่ใช้ความสามารถที่เรามีนี่นา”
“นั่นสินะ”
“ที่ฉันจะบอกคือ พวกเราขับเคลื่อนด้วยสัญชาตญาณมากกว่า เพราะเราใช้ประสาทสัมผัสมากกว่ามนุษย์”
“ยอดเยี่ยมเลย”
ไม่ใช่ “เข้าใจแล้ว” แต่เป็น “ยอดเยี่ยมเลย”
เธอพูดราวกับว่าเธอรู้ทุกอย่างอยู่แล้ว
“โซเฟียรู้เรื่องนี้อยู่แล้วเหรอ?”
“ใช่ ข้ารู้ในเชิงทฤษฎี แต่เจ้าเป็นคนแรกที่ได้สัมผัสและพิสูจน์ความแตกต่าง ข้าดีใจมากที่ได้ยินจากเจ้าโดยตรง”
“โอ้…”
สำหรับคนที่แสวงหาความรู้ หลักฐานคือสิ่งสำคัญ
เธอดีใจที่ฉันให้หลักฐานแก่เธอ และการทำให้โซเฟียดีใจก็ทำให้ฉันรู้สึกมีความสุขมากเหมือนกัน
“มีอะไรอีกไหม? ถ้าเจ้าสังเกตอะไรได้อีกทีหลัง บอกข้าด้วยนะ”
“อืม… วันนี้ฉันเพิ่งรู้ตัวอีกอย่าง”
“อะไรเหรอ?”
“มนุษย์สัตว์ดูเหมือนจะชอบให้ลูบหัวมากเลย”
“ชอบให้ลูบหัว?”
โซเฟียดูงุนงงขณะวางมือลงบนหัวของฉัน
ดูชัดเจนว่าเธอไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน
“ใช่ มันแปลก ฉันรู้สึกดีมากเวลาที่มีคนลูบหัวฉัน เลวีนัสกับแซบยอกก็ชอบเหมือนกัน”
“นั่นมัน…”
โซเฟียเริ่มลูบหัวของฉัน
หางของฉันกระดิกเร็วอย่างมีความสุข
“พวกเรามีอะไรที่ต่างจากมนุษย์เหรอ?”
“อืม… คยออุล ตอนเจ้ายังเป็นมนุษย์ เคยมีใครลูบหัวให้บ้างไหม?”
ในชีวิตนี้ ไม่มีใครเคยลูบหัวฉันเลย
ส่วนในชีวิตก่อน มันนานมากจนฉันจำความรู้สึกนั้นไม่ได้แล้ว
ฉันส่ายหน้าให้โซเฟียดู
“พอมาคิดดูแล้ว การถูกลูบหัวก็เพิ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ฉันกลายเป็นมนุษย์สัตว์นี่แหละ…”
“…อย่างนั้นเหรอ”
“ใช่…”
ความสนใจในดวงตาของโซเฟียดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด ฉันจึงเงียบลงและมองดูปฏิกิริยาของเธอ
“คยออุล การถูกลูบหัวน่ะ ทุกคนก็ชอบ ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ไหนก็ตาม”
“……”
“เจ้าอาจเข้าใจผิด เพราะตอนเป็นมนุษย์เจ้าไม่เคยมีประสบการณ์แบบนั้น”
เข้าใจแล้ว
ใบหน้าของฉันร้อนผ่าวด้วยความเขินอาย
ฉันเริ่มเล่นนิ้วตัวเอง ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นเลย
“ขอโทษ ฉันคิดว่าตัวเองมีประสบการณ์ทั้งที่จริง ๆ แล้วก็ไม่มี…”
“ไม่ต้องขอโทษหรอก คนเราทำผิดและเข้าใจผิดกันได้”
แม้ฉันจะให้ข้อมูลผิดไป แต่โซเฟียก็โบกมือบอกว่าไม่เป็นไร ฉันรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของเธอมาก
MANGA DISCUSSION