ลิ้นที่ติดอยู่กับน้ำแข็งไม่ยอมหลุดออก
ใบหูของเลวีนัสที่ปกติตั้งชันอย่างร่าเริงกลับตกลงอย่างห่อเหี่ยว
“ช่ะ-ช่วยด้วย…”
เลวีนัสส่งสายตาเว้าวอนมาให้ฉันอย่างน่าสงสาร
ลิ้นของเธอติดกับน้ำแข็ง จึงไม่สามารถหันหน้าได้เลย
“เอ่อ อืม…”
ถ้าใช้ความร้อนก็คงดึงลิ้นออกได้ แต่ฉันไม่มีวิธีสร้างความร้อนเลย
โดยไม่รู้ตัว ฉันก็เงยหน้ามองจองยูนา จอมเวทย์ประจำกลุ่ม
“ลิ้นของเธอติดอยู่”
“อืม รอแป๊บนะ”
จองยูนาแตะปลายนิ้วชี้ลงบนลิ้นของเลวีนัส
ไอน้ำอุ่นลอยขึ้น และในไม่ช้าลิ้นของเลวีนัสก็หลุดออกจากน้ำแข็ง
“หวา!”
เลวีนัสเลียหลังมืออยู่สองสามที คงเพื่อไล่ความเย็นที่ยังหลงเหลือ
ฉันรีบมองดูลิ้นของเธอในช่วงเวลาสั้น ๆ นั้น
‘ดูเหมือนจะไม่มีแผล’
โล่งอกไปที
ฉันเป็นห่วงว่าเธออาจจะโดนลิ้นเย็นจนเป็นแผลน้ำแข็ง
พอเห็นว่าลิ้นไม่บวม ฉันก็โล่งใจ
“เลวีนัส ลิ้นเธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“อือ… ลิ้นไม่เป็นไร แต่ใจไม่โอเคเลย…”
“ทำไมล่ะ?”
“เลวีนัสคิดว่าคนที่ทำจากน้ำแข็งจะต้องเป็นคนดี…!”
เลวีนัสขมวดคิ้ว ใช้มือลูบผมหน้าม้าของตัวเองออกไปข้าง ๆ
บนหน้าผากสีขาวของเธอ ปรากฏเขาเล็ก ๆ อันหนึ่ง
แตะ แตะ—
เลวีนัสใช้เขาบนหน้าผากจิ้มรูปปั้นเหมือนนกหัวขวาน
น่าประหลาดที่เขานั้นดูมีพลังทำลาย เพราะเศษน้ำแข็งเล็ก ๆ กระจายไปทั่ว
“อึก!”
เศษน้ำแข็งเข้าตาฉันจนแสบไปหมด
ฉันสะดุ้งจนหูและหางชี้ตั้งขึ้น
โชคดีที่ไม่เจ็บ แค่รู้สึกเย็นยะเยือก ความหนาวทำให้ฉันตัวสั่น
“เล-เลวีนัส อย่าทำแบบนั้นสิ”
จองยูนายื่นมือแทรกระหว่างโกเลมกับเขาของเลวีนัส
ไม่รู้ทำไม เธอถึงจ้องมาที่ฉันตลอด
สีหน้าของเธอดูเหมือนจะหวาด ๆ อยู่เล็กน้อย
ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงมองฉันแบบนั้น
ฟึ่บ!
เขาของเลวีนัสที่เคาะใส่โกเลมอย่างรวดเร็วเมื่อครู่ ชะลอลงเมื่อเจอมือของจองยูนา
มันแค่แตะเบา ๆ ที่ฝ่ามือของเธอ
“ทำไมล่ะ?”
“กะ-ก็แบบว่า ใช้เขาแทงแบบนั้นมัน…”
“แทง?”
“ก็…”
จองยูนาคอยชำเลืองมองฉันอยู่เรื่อย
แววตากระวนกระวายของเธอทำให้ฉันเอียงคออย่างสงสัย
มองฉันแบบนั้นทำไมกันนะ?
ในขณะที่หางของฉันแข็งทื่อราวกับเครื่องหมายคำถาม จองยูนาก็พูดขึ้นอีกครั้ง
“คือว่า โกเลมน้ำแข็งน่ะ จริง ๆ แล้วเป็นเพื่อนที่ใจดีมากเลยนะ…!”
“…ถึงจะดึงลิ้นเลวีนัสไปน่ะเหรอ?”
“ใช่ หลังจากแกล้งเสร็จ พวกเขาจะขอโทษแล้วก็ให้ของขวัญด้วยนะ”
“ว้าว…! คนที่ทำจากน้ำแข็งเป็นคนให้ของขวัญเหรอ?!”
พอได้ยินคำว่า ‘ของขวัญ’ หูของเลวีนัสก็ตั้งชันขึ้นทันที
สีหน้าเปี่ยมความคาดหวังบนใบหน้าไร้เดียงสาของเธอทำให้ฉันกอดเธอแน่นขึ้นอีกนิด
“คนให้ของขวัญเหรอ?”
“ใช่! นกที่ชอบแกล้งคนแล้วให้ของขวัญทีหลังน่ะ เขาเรียกว่า ‘คนให้ของขวัญ’ ไง!”
“อ้อ ใช่ ประมาณนั้นแหละ”
จองยูนาโบกไม้เท้าของเธอไปในอากาศ
ทันใดนั้น นิ้วของโกเลมน้ำแข็งก็แตกออกกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง แล้วตกลงไปบนจานใบเล็ก
“อ๊ะ มือของคนที่ทำจากน้ำแข็ง…!”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็งอกใหม่”
“จริงเหรอ…?”
“จริงสิ แต่ว่าดูนี่ก่อนนะ?”
จองยูนานำไซรัปกับถั่วแดงจากที่ไหนสักแห่งมาราดลงบนน้ำแข็ง
เธอกำลังทำพัทบิงซูอย่างเห็นได้ชัด
“นี่อะไรเหรอ?”
“ขนมน้ำแข็งน่ะ โกเลมเขาทำมาเป็นการขอโทษ”
มีถ้วยให้ทั้งฉันกับเลวีนัสคนละถ้วย
เรารับพัดบิงซูไว้เป็นสัญญาณว่ารับคำขอโทษแล้ว
‘พัทบิงซูสินะ’
นี่เป็นพัทบิงซูครั้งแรกในโลกนี้ของฉัน
ด้วยความสนใจ ฉันใช้นิ้วจิ้มน้ำแข็งไสของพัทบิงซูเบา ๆ
“คยออุล เธอก็กินพัทบิงซูครั้งแรกเหมือนกันเหรอ?”
“อืม… ฉันเคยกินอะไรที่คล้าย ๆ แบบนี้มาก่อนนะ”
“คล้าย ๆ เหรอ?”
“ใช่ ตอนที่หิวในฤดูหนาว ถ้าโรยแป้งข้าวโพดลงบนหิมะแล้วกิน จะอร่อยดีนะ มันมีรสชาติต่างจากตอนที่ละลายในน้ำ”
แป้งข้าวโพดที่ไม่ได้ผสมน้ำให้รสชาติเข้มข้นกว่า
มันเป็นของอร่อยที่หาได้เฉพาะช่วงฤดูหนาวเท่านั้น
“อ่า งั้นเหรอ… แต่แบบนี้อร่อยกว่านะ ใช่ไหม?”
จองยูนาตักพัทบิงซูขึ้นมาหนึ่งคำแล้วยัดใส่ปากฉัน
รสชาติของถั่วแดงกับน้ำแข็งเข้ากันได้อย่างลงตัว กลายเป็นรสที่วิเศษมาก
มันอร่อยจนหางของฉันสะบัดไปมาไม่หยุด
“ว้าว…”
อร่อยมาก
หลังจากรับช้อนจากจองยูนา ฉันก็เริ่มกินพัทบิงซูอย่างจริงจัง
หนึ่งคำ
แล้วก็อีกคำ
ฉันกินต่อเรื่อย ๆ จนกระทั่งเริ่มรู้สึกจี๊ดในหัว แล้วก็ทรุดลงไปนอนกับพื้น
“……!”
อา
ฉันไม่น่ากินมันเร็วขนาดนั้นเลย
มันอร่อยมากจนฉันลืมตัว
เมื่อหันไปด้านข้าง ฉันเห็นเลวีนัสก็นั่งยอง ๆ กุมหัวเหมือนกัน
“อึ่ก…!”
“ธะ-เธอไม่เป็นไรใช่ไหม…?”
ขณะได้ยินเสียงจองยูนาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง ฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้ารีบร้อนวิ่งเข้ามา
เป็นเสียงฝีเท้าของยอรึม และเสียงครางเบา ๆ ของแซบยอกที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอ
“เกิดอะไรขึ้น?!”
ยอรึมวิ่งตรงเข้ามาหาพวกเราด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
เธอวางมือลงบนแผ่นหลังของเราเพื่อตรวจดูอาการ แล้วก็เขย่าตัวจองยูนาไปมา
ฉันมองไม่เห็นตรง ๆ แต่ก็พอเดาเหตุการณ์ได้จากหูที่ไวต่อเสียงของฉัน
“ทำไมเด็ก ๆ ถึงเป็นแบบนี้?!”
“ใจเย็นก่อน มันเป็นเพราะพัทบิงซู”
“พัดบิงซูเหรอ…?”
“ใช่ พวกเธอกินเร็วเกินไปจนเป็นอาการสมองเย็น”
ขณะที่ยอรึมกับจองยูนาปลอบใจกันไปมา อาการจี๊ดในหัวของฉันก็ค่อย ๆ จางลง
ฉันหยิบถ้วยพัทบิงซูที่วางไว้ขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปหายอรึม
“หัวของพวกเธอสองคนไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?”
“อือ พวกเราสบายดีแล้ว”
“ใช่! เลวีนัสก็ไม่เป็นไรแล้วเหมือนกัน!”
ฉันพยักหน้ารับ แล้วตักพัทบิงซูหนึ่งคำป้อนให้แซบยอก
ง่ำ—
พอแซบยอกงับช้อน หางของเธอก็แกว่งไปมาเร็วพอ ๆ กับของฉัน
ฉันก็ควรกินพัดบิงซูเพิ่มอีกหน่อยเหมือนกัน
ขณะที่ฉันตักอีกคำ ยอรึมก็ยื่นมือมาหาฉันกับเลวีนัส
“พวกเธอสองคนช่วยส่งช้อนให้ฉันหน่อยได้ไหม?”
“ช้อนเหรอ?”
ทำไมจู่ ๆ ถึงขอช้อน?
ฉันยื่นช้อนให้ยอรึมด้วยสีหน้างง ๆ
“ปกติถ้ากินของเย็นเร็วเกินไป มันจะทำให้ปวดหัวได้”
“ฉันรู้”
“ถึงจะรู้ แต่ตอนกินจริง ๆ ก็ลืมกันได้ง่ายนะ เดี๋ยวพี่จะสอนจังหวะการกินที่ถูกต้องให้เอง”
“อืม…”
มันไม่จำเป็นเลยจริง ๆ
ขณะที่ฉันยังลังเล ยอรึมก็ตักพัทบิงซูคำหนึ่งป้อนเข้ามาในปากฉัน
‘อร่อยจัง’
เป็นเพราะความเอาใจใส่ของยอรึมหรือเปล่านะ?
การได้รับแบบนี้ ก็ไม่ได้แย่เลย
งั้นแค่ครั้งนี้ก็คงไม่เป็นไร
ด้วยความใส่ใจของยอรึม พวกเราจึงกินพัทบิงซูจนหมดโดยไม่ปวดหัวอีกเลย
พัดบิงซูที่ได้กินร่วมกับทุกคนครั้งนี้ เป็นพัทบิงซูที่อร่อยที่สุดที่ฉันเคยกินมา
━━━━━━━━━━━━━━━━━
ได้เวลาไปยังพื้นที่ล่ามอนสเตอร์แล้ว
วันนี้เป็นพื้นที่ล่ามอนสเตอร์พิเศษ ไม่เหมือนกับทุกครั้งก่อนหน้า
“คยออุล ต้องอยู่ใกล้ ๆ มาสเตอร์ตลอดนะ เข้าใจไหม?”
“อือ ฉันจะไม่ห่างไปไหนเลย”
“ถ้ามันน่ากลัวเกินไป ก็อย่าลังเลที่จะบอกมาสเตอร์”
“เข้าใจแล้ว”
วันนี้เป็นวันที่เราจะท้าทายดันเจี้ยนระดับสาม
ยอรึมเป็นห่วงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย
“อย่าลืมกินข้าวให้ตรงเวลานะ”
“อือ…”
ฉันต้องนั่งฟังคำเป็นห่วงของเธออยู่นานกว่าสิบนาที
หลังจากนั้น ฉันก็กล่าวลาเด็ก ๆ
“ฉันไปก่อนนะ”
“โอเค! ราชา! กลับมาให้แข็งแกร่งกว่านี้นะ!”
“ขอให้โชคดีนะ”
“อื้ม”
คงจะดีไม่น้อยถ้าเลวีนัสกับแซบยอกได้ไปด้วย
แต่โชคร้ายที่มีแค่ฉันซึ่งมีประสบการณ์กาาต่อสู้กับมอนสเตอร์มากพอเท่านั้น ที่สามารถไปดันเจี้ยนระดับสามได้
‘ฉันต้องเตรียมยาบัฟไปให้มาก ๆ เลย’
เลวีนัสบอกว่า ตราบใดที่เธออยู่ ยาบัฟจะไม่มีวันหมด
พอเห็นว่ายังเหลืออีกมาก ฉันจึงตัดสินใจเอาไปเยอะ ๆ แล้วแบ่งให้กับนักผจญภัยคนอื่นด้วย
“ฉันจะกลับมานะ”
ฉันโค้งให้ที่หน้าประตู
ยอรึม โซเฟีย และเด็ก ๆ ทุกคนอวยพรให้ฉันกลับมาอย่างปลอดภัย ทำให้ฉันรู้สึกดีมาก
ฉันรู้สึกขอบคุณที่ยังมีบ้านให้กลับมา
━━━━━━━━━━━━━━━━━
ที่ทางเข้าดันเจี้ยนระดับสาม มีนักผจญภัยราวยี่สิบคนยืนกันอย่างกระวนกระวาย
บางคนยืนตัวตรงในท่าตรง บางคนก็ประสานมือไว้ด้านหน้าอย่างสุภาพ
แม้ท่าทางของนักผจญภัยแต่ละคนจะแตกต่างกัน แต่พวกเขาทุกคนล้วนมีความตึงเครียดเหมือนกัน
เพราะพวกเขารู้ว่า ผู้ฝึกสอนในวันนี้คือ ‘คังจินโฮ’ มาสเตอร์แห่งกิลด์ยอมยอง
คังจินโฮเป็นที่รู้จักในฐานะผู้แข็งแกร่งที่สุดอย่างไร้ข้อโต้แย้ง
“พื้นสะอาดหมดแล้วใช่ไหม?”
“ใช่ครับ…! ทำความสะอาดเรียบร้อยหมดแล้วครับ”
เจ้าหน้าที่ดูแลดันเจี้ยนกวาดตามองพื้นอีกครั้ง
เขาหวังว่าจะได้เก็บแม้แต่เศษขยะชิ้นเล็กที่สุด
แม้เขาจะรู้ว่าคังจินโฮไม่ชอบพิธีรีตองแบบนี้ แต่เจ้าหน้าที่ก็อดไม่ได้
“ขะ-เขามาแล้ว…!”
เมื่อเจ้าหน้าที่ร้องขึ้น นักผจญภัยคนหนึ่งก็กลืนน้ำลายอย่างประหม่า
แค่คังจินโฮเดินมาใกล้ ก็ทำให้นักผจญภัยทั้งหลายแทบหายใจไม่ออก
นั่นน่ะเหรอ คังจินโฮ?
ขณะที่สายตาทุกคู่จับจ้องอยู่ที่เขา เด็กน่ารักคนหนึ่งก็เดินตามคังจินโฮมาติด ๆ
“ลุง รอด้วยสิ”
“…ขอโทษ ฉันเดินเร็วไปหน่อย”
ขอโทษ ขอโทษงั้นเหรอ…? คังจินโฮขอโทษงั้นเหรอ?
เดี๋ยวนะ ที่สำคัญกว่านั้น ใครกันที่เรียกคังจินโฮว่า ‘ลุง’?
สายตาของเหล่านักผจญภัยที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง หันไปมองเด็กคนนั้นพร้อมกัน
เธอคือเด็กมนุษย์สัตว์สีขาวบริสุทธิ์ มีหูและหางสีขาวน่ารัก
“เอ๊ะ?”
“นั่นใช่คยออุลหรือเปล่า?”
ข่าวลือแบบขำ ๆ เรื่องหนึ่งได้แพร่กระจายไปในหมู่นักผจญภัยแล้ว
บางทีคยออุลอาจจะเป็นผู้มีอำนาจตัวจริงของกิลด์ยอมยองก็ได้
เพราะในที่สุด เด็กคนนี้สามารถสั่งการคังจินโฮได้อย่างง่ายดาย
‘ถ้าเป็นคยออุลล่ะก็ แบบนั้นก็พอเข้าใจได้’
นักผจญภัยคนหนึ่งคิดในใจ
ความตึงเครียดที่ลอยอบอวลรอบคังจินโฮค่อย ๆ สลายหายไปราวกับน้ำทะเลลดระดับ
“อย่าไปไหนไกลจากฉันล่ะ”
“โอเค”
“…เอาหางมาพันตรงนี้”
คังจินโฮยื่นนิ้วสองนิ้วไปทางคยออุล
โดยไม่ลังเล คยออุลก็พันหางของเธอไว้รอบนิ้วของเขา
แม้แต่คังจินโฮผู้เกรียงไกรยังแสดงความอ่อนโยนเมื่ออยู่ต่อหน้าคยออุล
บางทีการฝึกในวันนี้อาจจะสนุกก็ได้?
ทันทีที่นักผจญภัยเริ่มรู้สึกคาดหวังบางอย่าง คยออุลก็หมุนกระเป๋าสะพายมาข้างหน้า
ภายในกระเป๋าที่เปิดแง้มออก สามารถมองเห็นยาบัฟอยู่มากมายได้
ของขวัญจากคยออุลสำหรับทุกคน
MANGA DISCUSSION