ศัตรูปล่อยการโจมตีแบบกวาดวงกว้างออกมา
ทั้งที่สามารถหลบได้หากโยกคันบังคับไปด้านหลัง แต่เลวีนัสกลับเผลอโยกไปด้านหน้าโดยไม่รู้ตัว
แปะ—แปะ—
ฉันรีบขยับคันบังคับไปด้านหลังแทนเธอ
เราเฉียดฉิว หลบการระดมฉีดน้ำของศัตรูได้อย่างหวุดหวิด
“เราหลบได้แล้ว! ราชากับเลวีนัสหลบการโจมตีได้แล้ว!”
เลวีนัสกระดอนไปมาอย่างดีใจ ส่วนหางของฉันก็แกว่งไปมาราวกับแสดงความยินดี
“เล่นด้วยกันแบบนี้ดีกว่าเล่นคนเดียวอีก”
“ใช่! ถ้ามีราชาอยู่ด้วย เลวีนัสก็ไร้เทียมทาน!”
ไร้เทียมทานสินะ?
เธอไว้ใจฉันถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?
ความไว้วางใจของเลวีนัสมักทำให้ฉันรู้สึกดีเสมอ
เพื่อเธอ ฉันตั้งใจจะโฟกัสกับเกมนี้ให้มากยิ่งขึ้น
“อ๊ะ ถึงบอสแล้ว”
พวกเราใช้ท่าระเบิดน้ำที่รุนแรงไปหมดตั้งแต่ช่วงแรกของเกม
ตอนนี้จึงเหลือแค่ปืนฉีดน้ำธรรมดาไว้สู้กับบอส แต่ฉันไม่คิดว่าเป็นปัญหา
ฉันมองเห็นการโจมตีที่วุ่นวายของศัตรูได้ทั้งหมด
“ว้าว”
เลวีนัสโยกคันบังคับไปซ้ายขวาอย่างมุ่งมั่น ขณะที่การโจมตีไม่หยุดพุ่งใส่เรา
ฉันช่วยควบคุมคันบังคับ ทำให้การโจมตีมากมายนั้นเฉียดตัวละครของเราไปอย่างหวุดหวิด
“นี่มันกลโกงอะไรกันเนี่ย…?”
ควอนอารินที่เดินเข้ามาเงียบ ๆ ยืนดูเรากำลังเล่นอยู่
เธอดูจะประทับใจกับการที่เราควบคุมตัวละครเดียวกัน และไม่สามารถละสายตาจากจอเกมได้เลย
“สุดยอดใช่ไหม? แบบนี้มีแค่ราชากับเลวีนัสเท่านั้นแหละที่ทำได้!”
“อืม สุดยอดจริง ๆ เกมนี้เล่นยากนะ”
ตามที่ควอนอารินว่าไว้ เกมนี้ถือว่ายากมาก การโจมตีจำนวนมากพุ่งมาแบบเรียลไทม์
แต่ด้วยประสาทสัมผัสของฉันที่สามารถมองเห็นทั้งหมด ในที่สุดพวกเราก็โค่นบอสสุดท้ายได้
“พะ-พวกเราชนะแล้ว…!”
เลวีนัสนั่งตัวแข็งอยู่กับที่ ดวงตาเป็นประกายราวกับหลุดเข้าไปอยู่ในห้วงเวลาแห่งชัยชนะ
“ว้าว ปฏิกิริยาตอบสนองของมนุษย์สัตว์นี่สุดยอดจริง ๆ”
“มันไม่ใช่เพราะเธอเป็นมนุษย์สัตว์หรอก เด็กที่นั่งข้าง ๆ ก็ลำบากมากเหมือนกันใช่ไหม?”
“หือ? จริงเหรอ?”
ฉันกวาดตามองรอบ ๆ แล้วก็เห็นว่ามีคนมากมายกำลังมองพวกเราอยู่
การยืนดูคนอื่นเล่นในเกมเซ็นเตอร์เป็นเรื่องปกติ ฉันจึงพยายามไม่ใส่ใจนัก แม้มันจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยก็ตาม
“พวกเธอผ่านเกมที่ยากขนาดนั้นได้ยังไงกันนะ…?”
“พวกเขาไม่รู้แพทเทิร์นด้วยซ้ำ แค่ใช้ปฏิกิริยาตอบสนองล้วน ๆ เลย”
“ฮึม…”
สุดท้ายก็กลายเป็นเรื่องใหญ่จนได้
ฉันเริ่มรู้สึกเขินเมื่อสายตาของทุกคนพุ่งตรงมาทางนี้
ฉันเกาหลังคอตัวเอง แล้วตบหน้าท้องของเลวีนัสเบา ๆ ขณะที่เธอนั่งอยู่บนตักฉัน
“เลวีนัส มาใส่ชื่อลงไปกันเถอะ”
“ชื่อเหรอ?”
“ใช่ ตรงนี้ไง”
บนหน้าจอขึ้นช่องให้กรอกชื่อผู้เล่น
เลวีนัสคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกรอกตัวย่อว่า RCC ลงไป
“RCC คืออะไรเหรอ?”
“กระต่ายหนึ่งตัว กับแมวสองตัวไง!”
“อ๋อ”
เป็นตัวย่อจากคำว่ากระต่าย (Rabbit) และแมว (Cats)
ฉันรู้สึกภูมิใจที่เธอรู้ภาษาอังกฤษ
“เลวีนัสเก่งอังกฤษเหรอ?”
“ใช่แล้ว! เรียนรู้มาจากการ์ดแอนิมอลคิง!”
“อย่างนี้นี่เอง”
เธอคงสังเกตจากตัวอักษรภาษาอังกฤษบนการ์ดแอนิมอลคิง
พอฉันกำลังจะลูบหลังเธอเบา ๆ เพื่อชมว่าเก่ง เลวีนัสก็หันกลับมาทันที
จากที่นั่งอยู่บนตัก ตอนนี้กลายเป็นว่าพวกเรากอดกันแน่น
“ราชา! ขอบคุณนะ!”
“อื้ม”
“แล้วก็ขอบคุณราชาด้านมืดด้วย!”
เลวีนัสลูบหัวแซบยอกที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างอ่อนโยน
หางของแซบยอกที่ฉันนึกว่าเธอหลับอยู่กลับแกว่งไปมาเบา ๆ
เป็นภาพที่น่ารักอย่างแท้จริง
ควอนอารินยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วเอามือวางลงบนหัวของฉัน
“ว่าไง? จะเล่นต่อกันอีกไหม?”
“ไม่แล้ว พวกเราจะกลับบ้านกันแล้ว เหนื่อยจากการตั้งสมาธิมากเกินไปหน่อย”
อาจเป็นเพราะใช้มานาไปเยอะ หัวของฉันเลยเริ่มหมุน ๆ
ฉันต้องกลับไปพักที่บ้านจริง ๆ
“ฉันจะพาไปส่งเอง ไปด้วยกันนะ”
“ไม่เป็นไร บ้านอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่”
“ไม่ได้สิ ถ้าปล่อยให้พวกเธอสองคนกลับเอง ฉันต้องโดนว่าแน่”
“อ่า…”
ก็จริง
ถ้าข่าวลือเรื่องปล่อยให้เด็ก ๆ ไปเล่นเกมกันตามลำพังแพร่ออกไป คงวุ่นวายน่าดู
ฉันพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของควอนอาริน
“อื้ม งั้นกลับบ้านด้วยกันเถอะ”
“โอเค”
━━━━━━━━━━━━━━━━━
ควรจะพูดกับใคร แล้วจะพูดยังไงดีนะ?
ยอรึมที่กำลังกังวลใจถึงกับกัดเล็บตัวเอง
เธออยู่นิ่งไม่ไหว จึงเดินวนไปมาภายในห้องนั่งเล่น
แอ๊ด—
ประตูหน้าถูกเปิดออก เด็กสามคนเดินเข้ามา
ยอรึมรีบเดินเข้าไปหาเด็ก ๆ ราวกับรอคอยพวกเธอมานานแล้ว
“ว้าว กลับมากันแล้วเหรอ?”
“อื้ม…”
ดวงตาของคยออุลปิดไปครึ่งหนึ่ง
เธอดูเหนื่อยล้าจนหัวใจของยอรึมเจ็บแปลบขึ้นมา
“ดูเหนื่อยมากเลยนะ เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“แค่เหนื่อยนิดหน่อย… ตอนนี้แค่อยากพักเฉย ๆ…”
“เอ๋…?”
เหนื่อยและอยากพักแค่นั้นเอง
ยอรึมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากกับคำพูดที่ฟังดูน่ากลัวของเธอ
“ฉันใช้มานาไปเยอะ ก็เลยเหนื่อยน่ะ”
“อ๋อ จริงสิ ใช้มานาเยอะก็ต้องเหนื่อยอยู่แล้ว”
เธอคิดมากเกินไปเอง
ยอรึมวางมือลงบนหน้าอกแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ยอรึม เลวีนัสก็ง่วงแล้วเหมือนกัน”
“โอเค งั้นไปนอนกันเถอะ”
คยออุลกับเลวีนัสเดินไปที่ห้องนอนด้วยกัน
เลวีนัสเกาะคยออุลแน่นเหมือนตุ๊กตาน้อย
“เฮะเฮะ”
หลังจากดูให้แน่ใจว่าเด็ก ๆ หลับสนิทแล้ว เธอก็กลับมาที่ห้องนั่งเล่น
ยอรึมทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ แซบยอกที่นอนอยู่บนโซฟา
“นี่ แซบยอก”
“หืม”
หางของแซบยอกแกว่งไปมาอย่างอ่อนโยน
ยอรึมเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น
“…คยออุลมาจากอีกโลกหนึ่งใช่ไหม?”
ทันใดนั้น หางของแซบยอกก็หยุดนิ่ง
เธอเงยหน้ามองยอรึม ก่อนจะลุกขึ้นนั่งตรงบนโซฟา
“…รู้งั้นเหรอ?”
“อืม ก็แค่นึกขึ้นมาได้”
“งั้นเหรอ”
หูและหางที่ตกลงของเธอดูแสนจะน่าสงสาร
เมื่อรู้ดีว่าแซบยอกห่วงคยออุลมากแค่ไหน มันยิ่งทำให้ดูเศร้าหนักกว่าเดิม
“เธอทำทั้งหมดเพื่อคยออุลใช่ไหม?”
“…ใช่”
“ขอบคุณนะ เธอทำได้ดีมากเลย”
เธอชมโดยไม่แม้แต่จะถามเหตุผล
แซบยอกเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
“คุณไม่โกรธเหรอ?”
“ทำไมพี่ต้องโกรธแซบยอกด้วยล่ะ? เธอพยายามอย่างหนักมาตลอดเลยนะ”
“……”
แซบยอกก้มศีรษะลงต่ำ
หลังจากนั่งขยับนิ้วมืออยู่บนต้นขาเงียบ ๆ เธอก็เงยหน้าขึ้นมองยอรึมด้วยแววตามุ่งมั่น
“ขอเวลาแค่หนึ่งวัน”
“ต้องการเวลาเหรอ?”
“ใช่ ตอนนี้ความคิดในหัวฉันมันยุ่งเหยิงไปหมด…ขอเวลาจัดระเบียบก่อน แล้วฉันจะบอกทุกอย่าง”
“ได้สิ อย่าลืมนะว่าฉันอยู่ข้างเธอ แซบยอก”
ยอรึมกอดแซบยอกที่กำลังกังวลแน่น แล้วลูบหลังเธออย่างอ่อนโยน
มันช่างโล่งใจเหลือเกิน ที่สามารถแบ่งเบาภาระในใจของแซบยอกได้บ้าง
━━━━━━━━━━━━━━━━━
เช้าวันถัดมา
ฉันถูกเลวีนัสพาเดินไปทางเต็นท์หลังหนึ่ง
เลวีนัสยืนจับผ้าเปิดเต็นท์ไว้ พร้อมกับหัวเราะคิกคัก
“ราชา ข้างในนี่มีอะไรอยู่?”
“อะไรเหรอ?”
“คำตอบก็คือ—!”
แต่นแต๊น
เลวีนัสทำเสียงกลองด้วยปาก ก่อนจะเปิดเต็นท์ออกอย่างรวดเร็ว
สิ่งแรกที่ปรากฏให้เห็นคือแครอทยักษ์ที่ถูกผ่าครึ่ง
“แครอทเหรอ?”
“ใช่แล้ว! เลวีนัสเอาแครอทมาทำเป็นเรือเลยนะ!”
“จริงเหรอ?”
ฉันเดินเข้าไปใกล้เต็นท์ที่เต็มไปด้วยแครอท
แครอทลูกนั้นถูกแกะสลักให้มีรูปทรงเหมือนเรือจริง ๆ
ถึงจะทำแบบหยาบ ๆ ไปหน่อย แต่ก็เป็นเรือแครอทของจริง
“เลวีนัสห้ามใจไม่ให้กินมันเพื่อเก็บเอาไว้ล่ะ!”
“สุดยอดไปเลย”
“ใช่ไหม! เลวีนัสสุดยอดใช่ไหมล่ะ!”
เลวีนัสกระโดดดีดตัวขึ้น แล้วหันไปจ้องแซบยอกที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
เมื่อเห็นคำขอเงียบ ๆ นั้น แซบยอกจึงยกเรือแครอทขึ้นด้วยสองมือ
“ให้ฉันเอาไปที่บ่อน้ำเลยไหม?”
“ใช่เลย! พวกเราจะได้ขึ้นไปล่องเล่นกันที่บ่อน้ำ!”
“โอเค”
แซบยอกอุ้มเรือแครอทแล้ววิ่งปรู๊ดไปทางบ่อน้ำ
แม้ว่าเรือจะใหญ่กว่าตัวเธอหลายเท่า แต่แซบยอกก็ไปถึงสระน้ำโดยไม่มีท่าทีเหน็ดเหนื่อย
‘แต่ว่า เจ้านี่จะลอยน้ำได้เหรอนะ?’
ฉันไม่ค่อยมีประสบการณ์กับเรือเท่าไหร่ เลยรู้สึกกังวลอยู่บ้าง
ฉันจึงมองแซบยอกด้วยสายตากังวล
ฉ่าาา!
ด้วยเสียงน้ำกระเซ็นแสนร่าเริง เรือแครอทก็ลอยอยู่บนผิวน้ำ
ดูไม่มั่นคงเอาเสียเลย ราวกับจะจมลงได้ทุกเมื่อ
‘อืมม…’
ดูจะเสี่ยงอยู่นะ
ฉันตัดสินใจลองก่อนเพื่อความปลอดภัย
“เพื่อความชัวร์ ฉันจะขึ้นไปก่อนนะ”
“โอเค!”
เลวีนัสกับแซบยอกถอยออกมายืนรอดูอยู่ห่าง ๆ
ฉันยื่นเท้าไปที่เรือแครอทอย่างระมัดระวัง
ตัวเรือโคลงไปมา แต่ฉันก็สามารถทรงตัวได้ด้วยความว่องไวเฉพาะตัวของแมวและมนุษย์สัตว์
ฉันนั่งลงบนเรืออย่างระมัดระวัง พยายามทรงตัวอยู่บนเรือที่ดูพร้อมจะพลิกคว่ำได้ทุกวินาที
“ราชา! เป็นยังไงบ้าง?”
เลวีนัสที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันตะโกนถามเสียงดังราวกับฉันอยู่ไกลมาก
ฉันชูนิ้วโป้งให้
“ถ้ารักษาสมดุลไว้ก็ไม่น่ามีปัญหา”
“จริงเหรอ?!”
“อืม”
แต่จะให้สองคนนั้นขึ้นมาบนเรือแครอทที่โคลงเคลงนี้ยังไงดีล่ะ?
ในขณะที่ฉันกำลังคิดอยู่ เรือก็เริ่มจมลง
ฟู่ววว—
น้ำเริ่มทะลักเข้ามาในเรือ ทำให้การจมเร็วขึ้นเพราะน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจากตัวฉัน
“ว้าว ราชา!”
“โอ้ ไม่นะ”
ตั้งแต่กางเกงยันปลายหาง ฉันเปียกโชกไปหมด
ระดับน้ำในสระไม่ลึกนัก ดังนั้นการจมครั้งนี้จึงไม่ถือว่าอันตราย
แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เลวีนัสกลับเป็นคนเดียวที่ดูตื่นตระหนก
“ราชา! จับมือเลวีนัสไว้! ราชาาา!”
เลวีนัสยื่นมือมาหาฉัน
สีหน้าของเธอน่ารักจนฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากแกล้ง
“ฉันผิดไปแล้ว…”
“ราชาาา!”
เสียงกรีดร้องของเลวีนัสดังก้องไปทั่วทั้งสวนสาธารณะ
เมื่อได้ยินเสียงเอะอะ ยอรึมและจองยูนาก็ปรากฏตัวจากที่ใดที่หนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ…!”
สายตาของพวกเราประสานกัน ขณะที่เรือจมจนถึงระดับอกและลำคอของฉัน
แม้น้ำจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ฉันก็ยังคงนั่งนิ่ง มองดูทุกคนอย่างสงบ
บับเบิล บับเบิล—
ฟองอากาศลอยขึ้นมาจากปากของฉัน
MANGA DISCUSSION