วันถัดมา
ฉันตื่นแต่เช้าแล้วตรงไปยังลานฝึกซ้อม
ฉันฝึกทักษะรับรู้ ยิงธนู แล้วใช้เวลาที่เหลือทั้งหมดกับการฝึกความป่าเถื่อน
“กรร๊ากกกก…”
ฉันยกมือทั้งสองขึ้นใส่กระจกอย่างคุกคาม
ดูเหมือนฉันจะยังไม่พัฒนาไปจากตอนเริ่มต้นเลย
ฉันยังคงไม่แน่ใจ
แต่ในเมื่อการฝึกนี้กินเวลาหลายปี ฉันจึงคิดว่ายังเร็วเกินไปที่จะรู้สึกผิดหวัง
ฉันไม่คิดอะไรมากแล้วเดินออกจากลานฝึก
“นั่นมัน…”
ฝั่งตรงข้ามคือ ‘ห้องออกกำลังกาย’
มันทำให้ฉันนึกถึงยิมในโลกก่อนหน้า และฉันก็เผลอมองมันทุกครั้งที่เดินผ่าน
ฉันรู้ว่าต้องเพิ่มพละกำลังของตัวเอง
ลองใช้ดูสักหน่อยคงไม่เสียหาย?
ขณะที่ฉันยังลังเลอยู่หน้าห้องออกกำลังกาย ก็มีใครบางคนเดินเข้ามาด้วยฝีเท้าที่มั่นคง
“ราชา มาเล่นกันเถอะ”
พอเห็นเลวีนัสเดินเข้ามาอย่างร่าเริง ฉันก็สะดุ้งเล็กน้อย
ฉันเคยสัมผัสได้ถึงใครบางคนระหว่างฝึกประสาทสัมผัสเมื่อสองชั่วโมงก่อน และตอนนี้ก็รู้แล้วว่าคือเลวีนัส
เธอยืนอยู่เฉย ๆ โดยไม่ขยับเลยตลอดสองชั่วโมง
ฉันเคยสงสัยว่าเป็นใคร ที่แท้ก็เป็นเลวีนัส
ฉันแทบไม่อยากเชื่อว่าเธอยืนรอฉันมาตลอด
“เลวีนัส เธอรอฉันเหรอ?”
“ใช่! เลวีนัสไม่อยากรบกวนราชาที่กำลังฝึก เลยรออยู่นี่!”
“ไม่ต้องมายืนรอหรอก ไปเล่นกับแซบยอกสิ”
ฉันมองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็นแซบยอกอยู่ตรงไหนเลย
“ราชาด้านมืดกำลังหลับอยู่!”
“ยังหลับอยู่อีกเหรอ?”
“ใช่! เขาบอกว่าลูกแมวต้องนอนเยอะ ๆ! อย่างน้อยวันละสิบชั่วโมง!”
“อ๋อ…”
ดูเหมือนแม้แต่รูปแบบการนอนของเธอก็ได้รับผลกระทบจากสัญชาตญาณแมวด้วย
โชคดีที่มันยังไม่เกินสิบสองชั่วโมง
ฉันเคยได้ยินมาว่าลูกแมวบางตัวอาจหลับได้นานกว่าสิบสองชั่วโมง
การนอนมากเกินไปอาจกระทบต่อกิจวัตรประจำวัน ดังนั้นก็ดีแล้วที่แซบยอกยังไม่ถึงขั้นนั้น
“ราชา แต่ทำไมราชานอนแค่เจ็ดชั่วโมงล่ะ ในเมื่อก็เป็นลูกแมวเหมือนกัน?”
“ฉันเหรอ? ฉันไม่ใช่ลูกแมวซะหน่อย…”
“อ้อ…?”
ดวงตาของเลวีนัสเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
ฉันไม่เข้าใจว่าเธอตกใจเรื่องอะไร
“เป็นอะไรไป?”
“บางทีราชาอาจจะเป็นลูกแมวครึ่งเดียวก็ได้!”
“เอ่อ คงงั้น…”
เลวีนัสก็ไม่ได้พูดผิด
ถึงฉันจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ร่างกายยังเด็กอยู่มาก
ฉันพยักหน้าเห็นด้วย แล้วเลวีนัสก็ปรบมือแปะ ๆ
“นั่นแหละ ใช่เลย!”
ดูเหมือนเธอจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา
แต่ฉันไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ จึงได้แต่เกาหว่างแก้มเงียบ ๆ
“ราชา แล้วเราจะทำอะไรกันดี?”
“อืม ไปดูห้องออกกำลังกายกันไหม?”
“ห้องออกกำลังกาย?”
เลวีนัสแนบหน้าลงบนประตูกระจกของห้องออกกำลังกาย
ฉันก็ทำตาม แล้วชะโงกหน้าเข้าไปดูข้างใน
มีเครื่องออกกำลังกายที่ฉันรู้จัก และบางอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“เข้าไปกันไหม?”
“อื้ม!”
“แต่มันอาจจะอันตรายนะ เธอต้องอยู่ใกล้ ๆ ฉันเข้าใจไหม?”
“เข้าใจ! อยู่ใกล้ ๆ เป็นสิ่งที่เลวีนัสชอบที่สุดเลย!”
การที่บอกว่าอยู่ใกล้ ๆ เป็นสิ่งที่ชอบที่สุดนี่ช่างเป็นเลวีนัสจริง ๆ
ฉันสัมผัสได้ถึงหางที่แกว่งไปมาเบา ๆ ของเธอ ขณะเดินเข้าไปในพื้นที่ออกกำลังกาย
━━━━━━━━━━━━━━━━━
ฉันรู้ว่าในการออกกำลังกาย การทำแอโรบิกควรจะเริ่มก่อนเป็นอันดับแรก
เครื่องแรกที่เราตรงเข้าไปหาคือลู่วิ่ง
“อืมม…”
ลู่วิ่งนี้แตกต่างจากที่ฉันรู้จักมาก
มันมีปุ่มมากกว่าสองเท่าของรุ่นปกติ และมีขนาดใหญ่พอให้คนใช้พร้อมกันสี่ถึงห้าคน
ด้วยเหตุนี้ ฉันกับเลวีนัสจึงสามารถขึ้นไปบนลู่ได้พร้อมกัน
แต่ว่า มันใช้ยังไงกันนะ?
เพราะไม่รู้วิธีใช้ เราจึงยืนมองปุ่มต่าง ๆ ด้วยสายตาเลื่อนลอย
“ราชา นี่มันอะไรเหรอ?”
“เป็นเครื่องที่ใช้วิ่งอยู่ด้านบนน่ะ… แต่ฉันก็ไม่แน่ใจวิธีใช้นัก”
“งั้นเหรอ? งั้นก็กดมั่วเลยได้ไหม?”
“เอ่อ… ลองดูก็ได้มั้ง?”
ก็แค่เครื่องวิ่งเท่านั้นแหละ
คงไม่อันตรายถ้ากดปุ่มอะไรเข้าไป
ฉันทำตามคำแนะนำของเลวีนัส กดปุ่มอะไรก็ไม่รู้แบบสุ่ม ๆ
ปี๊บ! ปี๊บ!
ฉันลองกดปุ่มลูกศรที่คล้ายแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์
เมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันก็กดปุ่มอื่นไปเรื่อย
หลังจากกดอยู่หลายปุ่ม ในที่สุดลู่วิ่งก็ค่อย ๆ เคลื่อนที่
“ราชา! มันทำงานแล้ว!”
“อืม”
ตุบ ตุบ—
ฉันเริ่มเดินไปตามลู่วิ่งที่กำลังเคลื่อนตัว
ขณะที่ฉันกำลังจะคิดว่าจะปรับความเร็วเท่าไหร่ ลู่วิ่งก็เร่งความเร็วขึ้นอย่างกะทันหัน
“ว้าก!”
“อ๊า!”
ความเร็วนั้นรุนแรงมาก
ถ้าฉันหยุดลง มีหวังโดนแรงเหวี่ยงดีดกระเด็นแน่
เลวีนัสเองก็ตระหนักถึงสถานการณ์ และเริ่มวิ่งเต็มฝีเท้าข้าง ๆ ฉัน
“ช่วยด้วย ราชา! ช่วยเลวีนัสด้วย!”
“อ๊ากกกกก”
ฉันพยายามเอื้อมมือไปหาปุ่มด้วยความร้อนรน แต่แรงจากลู่วิ่งก็ค่อย ๆ ดันฉันถอยหลัง ทำให้เอื้อมไม่ถึง
ไม่มีทางหยุดมันเลยหรือไง?
ทั้งที่สถานการณ์อันตรายขนาดนี้ ฉันกลับทำอะไรไม่ได้เลย
“หยุดนะ หยุดเถอะ ไม่งั้นจะเป็นงูใจร้ายแล้ว!”
“แย่แล้วสิ…”
อ่า แบบนี้ฉันต้องลอยออกไปแน่
ฉันรีบคว้าตัวเลวีนัสเข้ามากอดแน่น เตรียมรับแรงกระแทกที่กำลังจะมา
ฉันใช้ประสาทสัมผัสประเมินความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
ด้วยความเร็วระดับนี้ เราน่าจะกลิ้งไปไม่ต่ำกว่าห้าตลบ
บางทีอาจจะกระแทกกับชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเครื่องจนกระดูกหักได้เลย
“อึก!”
ฉันหลับตาแน่น พลางปกป้องศีรษะของเลวีนัสเอาไว้
แต่แม้เวลาผ่านไป การกระแทกที่ควรจะมานั้นกลับไม่เกิดขึ้น
สิ่งที่สัมผัสได้กลับมีเพียงความนุ่มนวล
“……?”
ฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้น แล้วก็เห็นเอนเซียอยู่ตรงหน้า
เธอกอดฉันกับเลวีนัสไว้แน่น พุ่งเข้ามาช่วยเราก่อนจะลอยกระเด็นออกไป
“เป็นอะไรรึเปล่าคะ?”
“ไม่เป็นไร ขอบคุณที่ช่วยนะ”
เมื่อฉันกล่าวขอบคุณ หางของเอนเซียก็แกว่งเร็วขึ้นทันที และหางของฉันก็ขยับตอบกลับโดยไม่รู้ตัว
“ท่านนี่ช่างสุดยอดจริง ๆ ค่ะ”
“หมายความว่าไงเหรอ…?”
“ที่กล้าทำการฝึกเสี่ยง ๆ แบบนี้ได้ ฉันนับถือเลยค่ะ”
“เอ่อ…”
เอนเซียชูนิ้วโป้งให้ฉัน ท่าทางที่เธอน่าจะจำมาจากที่ไหนสักแห่ง
พอเห็นดวงตาเปล่งประกายของเธอแบบนั้น ฉันก็ไม่กล้าบอกเลยว่านั่นมันเป็นอุบัติเหตุตั้งแต่แรก
“ปัญหาคือร่างกายที่บอบบางของท่านคยออุลยังตามจิตใจไม่ทัน ลองลดความหนักของการฝึกลงหน่อยดีไหมคะ?”
“อืม ฉันจะลองดู”
ฉันพยักหน้าเบา ๆ แล้วหันกลับไปมองลู่วิ่งที่ยังคงเคลื่อนไม่หยุด
ถ้ายังเป็นร่างเดิมของฉันล่ะก็ ป่านนี้คงโดนเหวี่ยงกระเด็นไปตั้งแต่ต้นแล้ว บาดเจ็บหนักแน่นอน
‘อุปกรณ์ออกกำลังกายของโลกนี้โหดร้ายเกินไปแล้ว’
นี่มันเป็นโลกที่โหดร้ายจริง ๆ
ฉันกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอแล้วหันไปมองเอนเซีย
“แต่จะลดความเร็วได้ยังไงล่ะ?”
“…น่าทึ่งจริง ๆ”
“อะไรล่ะ?”
“ที่ท่านไม่รู้วิธีลดความเร็ว มันน่าทึ่งมากเลยค่ะ”
หรือว่าเธอกำลังบอกฉันว่าโง่?
ความเขินอายทำให้ใบหน้าฉันร้อนผ่าว
“ท่านเอาแต่ไล่ตามความเร็วสูงสุด เลยไม่คิดจะเรียนรู้วิธีชะลอมันเลยสินะคะ?”
“เปล่า ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น”
“แล้วยังถ่อมตัวอีก…!”
ฟืดดด ฟืดดด ฟืดดด—
หางของเอนเซียเริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็ว ความเร็วของมันถึงขั้นทำให้เกิดแรงลม
“เอ่อ อืม…”
เอนเซียเป็นคนที่จริงจังอยู่เสมอ แต่ความคิดของเธอก็แปลกอยู่หน่อย ๆ
แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ซาบซึ้งที่เอนเซียคอยดูแลฉันเสมอ
ฉันหมุนหางของตัวเองตามเธอไปอย่างไม่คิดอะไรมาก
━━━━━━━━━━━━━━━━━
ณ ห้องประชุมของกิลด์ยอมยอง
หญิงสาวสามคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ในสภาพอิดโรยสิ้นดี
ถูกทำร้าย ถูกดูแคลน ถูกล่วงละเมิด
แม้จะเผชิญเรื่องเหล่านี้ทีละอย่าง แต่จิตใจของพวกเธอก็ใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มที
คยออุลเผชิญเรื่องแบบนี้คนเดียว แล้วเธอรับมือกับมันยังไงกันแน่?
หรือว่ายังมีความทรงจำที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นหลงเหลืออยู่อีก?
ความสิ้นหวังลึกซึ้งฉายชัดอยู่บนใบหน้าของจองยูนา
“ยูนา ถ้ามันลำบากเกินไป เธอหยุดเถอะนะ”
“ไม่เป็นไร… ฉันยังไหว”
มันเหนื่อยมาก ฉันถึงขั้นฝันร้ายด้วยซ้ำ แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่คยออุลเคยเจอมาแล้ว มันก็แค่เรื่องเล็กน้อย
จองยูนาหลับตาแล้วลืมขึ้นอีกครั้งอย่างหนักแน่น ราวกับย้ำเตือนเจตจำนงของตน
“เรื่องนี้มันร้ายแรงจริง ๆ…”
แปะ แปะ—
แชจูยอนเคาะลงบนมานาสโตนเบา ๆ
ผิวของมานาสโตนสีแดงค่อย ๆ ร่อนหลุดออกมาเป็นเศษผง
“ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ?”
“ดูเหมือนมานาสโตนจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ฉันว่าอีกแค่ความทรงจำเดียวก็จะแตกสลายแล้วละ”
“อะไรนะ…?”
วิญญาณชั่วร้ายได้อ่านความทรงจำมาต่อเนื่องจนใกล้แตกสลาย และตอนนี้ตัวต้นตอ—มานาสโตน—ก็กำลังจะพังตามไป
แต่ยอรึมรู้ดีว่าเธอยังไม่เข้าใกล้จุดลึกสุดของห้วงความสิ้นหวังเลยด้วยซ้ำ
‘คยออุลเคยบอกว่าเธอถูกฝังอยู่ใต้ดิน ใช่ไหม?’
ความทรงจำอันน่าขยะแขยงนั้นยังไม่ปรากฏออกมาเลยด้วยซ้ำ
จนถึงตอนนี้ก็แค่เรียกน้ำย่อยเท่านั้น แต่ผลึกกลับใกล้ถึงจุดจบเสียแล้ว
สำหรับยอรึมแล้ว สถานการณ์ตอนนี้ช่างน่าหดหู่ยิ่งนัก
“ฉันไม่คิดเลยว่าแผลใจจะลึกขนาดนี้”
“จริงด้วย…”
โอกาสสุดท้ายที่ยังหลงเหลือ
โอกาสอันล้ำค่านี้จะปล่อยให้สูญเปล่าไม่ได้เด็ดขาด
ก่อนที่ใครจะทันได้ขยับ ยอรึมก็ฉวยมานาสโตนไปเสียแล้ว
“ยอรึม?”
“ฉันจะจัดการความทรงจำสุดท้ายเอง”
“เธอเพิ่งเข้าไปเองนะ แน่ใจเหรอว่าจะไปอีก? แน่ใจหรือว่าจะไหว?”
“แน่นอนสิ”
เพราะคยออุลคือครอบครัวอันล้ำค่าของเธอ
ถึงแม้จะลบแผลใจนั้นไม่ได้ แต่เธอก็อยากช่วยแบ่งเบามันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ยอรึมรู้ดีว่าการกระทำของเธออาจจะดูเสแสร้งอยู่บ้าง แต่เธอก็เลือกที่จะไม่สนใจ
‘ได้โปรด ขอให้มีอะไรปรากฏขึ้นมาทีเถอะ’
เธออธิษฐานต่อพระเจ้าที่เธอไม่เคยศรัทธา ระหว่างดูดซับมานาจากมานาสโตน
มานาที่ชวนคลื่นไส้ของวิญญาณชั่วร้ายผสมปนเปกับพลังศักดิ์สิทธิ์ของแชจูยอน ส่งยอรึมกลับไปยังความทรงจำในอดีต
“ที่นี่มัน…”
ก่อนที่เธอจะลืมตา หูของมนุษย์สัตว์ที่เธอยืมมาก็เงี่ยฟังขึ้นอย่างรวดเร็ว
ประสาทการได้ยินอันแหลมคมของเผ่ามนุษย์สัตว์บอกยอรึมอย่างชัดเจนว่าสถานที่แห่งนี้คือโลกแบบใด
เงียบงันจนได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง
เมื่อยอรึมลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือซากตึกระฟ้าที่ถล่มลงมา
ใต้เศษซากเหล่านั้น มีเลือดแห้งกรังและร่างที่บิดเบี้ยวอย่างโหดเหี้ยมกระจัดกระจายเต็มพื้น
ที่นี่คือที่ไหนกันแน่?
สถานที่เช่นนี้ไม่มีทางจะอยู่บนโลกที่เธอรู้จักได้
ภาพของเมืองอันรกร้างเบื้องหน้าทำให้หางของยอรึมชี้ตั้งขึ้นโดยไม่รู้ตัว
แม้ความรู้สึกจากหูและหางที่ไม่คุ้นเคยจะเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับเธอ แต่เธอก็ไม่มีเวลาจะไปสนใจมันตอนนี้
โลกที่แปลกประหลาดและพังพินาศยิ่งกว่าอะไรกำลังปรากฏอยู่ต่อหน้าเธอ
โลกใบนี้ ไม่ควรจะมีอยู่เลยด้วยซ้ำ
MANGA DISCUSSION