“หนึ่งวันต่อหนึ่งความทรงจำเท่านั้น ไม่อย่างนั้นอาจถูกแผลใจเล่นงานเอา”
คนที่เห็นด้วยกับคำแนะนำของแชจูยอนตกลงจะมาเจอกันอีกในวันถัดไป ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง
จองยูนากลับไปที่ห้องแล็บ ขณะที่ยอรึมเดินเล่นในสวนกับแซบยอก
ในมือของแซบยอกถือไอศกรีมสีขาวราวกับเกล็ดหิมะเอาไว้
“แซบยอก ไอศกรีมนี่คือรางวัลที่เธอดูแลน้อง ๆ อย่างดีเหรอ?”
“ใช่ ฉันดูแลพวกเธออย่างดีเลย”
ขณะเลียไอศกรีม แซบยอกก็นึกย้อนถึงประสบการณ์ในโลกใบนี้ พลางรู้สึกว่าตัวเองเป็นพี่ แม้คยออุลจะอายุมากกว่าก็ตาม
เพราะเรื่องอายุไม่ค่อยมีผลต่อความเป็นพี่น้องนัก คยออุลเลยกลายเป็นน้องของเธอไปโดยปริยาย
“แซบยอก ในเมื่อเธอก็เป็นพี่แล้ว ต้องดูแลน้อง ๆ ให้ดีนะ เข้าใจไหม?”
“เข้าใจแล้ว”
“ฮิฮิ ไว้เดี๋ยวพี่จะซื้อไอศกรีมให้เธออีก”
ถ้าเป็นคยออุลกับเลวีนัสก็คงทำแบบเดียวกัน แต่การแสดงออกแบบนี้ล้วนเต็มไปด้วยความรู้สึก
ยอรึมยิ้มด้วยดวงตา แล้วลูบหัวแซบยอกเบา ๆ ทำให้หางที่ไร้อารมณ์ของเธอขยับไหวเบา ๆ
“ไว้ทีหลัง พี่จะ…”
ก่อนที่ยอรึมจะพูดจบ แสงสว่างจ้าก็ระเบิดขึ้นใกล้เต็นท์
แสงนั้นอบอุ่น ไม่ได้ชวนให้รู้สึกถึงอันตราย จึงไม่มีเหตุผลต้องตกใจ
“หืม?”
“แสงนั่นอะไรน่ะ?”
ยอรึมกระพริบตา แล้วรีบวิ่งไปทางต้นแสง โดยค่อย ๆ เร่งฝีเท้าเพื่อให้แซบยอกตามทัน
“นั่นมันอะไรกัน…?”
พอไปถึงเต็นท์ พวกเธอก็เห็นภาพประหลาดแต่แสนน่ารัก เด็กสองคนนั่งอยู่บนแครอทยักษ์ที่ใหญ่กว่าผู้ใหญ่เสียอีก
กร๊วบ กร๊วบ—
เลวีนัสเกาะมันเหมือนจักจั่น แล้วกัดกินแครอทอย่างเอร็ดอร่อย
ส่วนคยออุลกำลังยุ่งอยู่กับการผูกเชือกรอบลำต้นของแครอท
มันเป็นภาพราวกับฉากในนิทาน
ยอรึมเงยหน้ามองแครอทกับเด็ก ๆ ด้วยความอึ้ง
ตุ้บ—
ไอศกรีมในมือแซบยอกตกลงกระแทกพื้น
ดวงตาไร้อารมณ์ของเธอเปล่งประกายขึ้นมา
“ว้าว…”
แซบยอกรีบวิ่งตรงไปยังแครอทยักษ์ด้วยแววตาตื่นตะลึง
เธอกระโดดดึ๋ง ๆ แล้วทำท่าขอให้ยอรึมอุ้มขึ้น ยอรึมจึงอุ้มเธอขึ้นมาแล้วถามว่า
“คยออุล นี่มันอะไรกัน?”
“แครอท”
“ก็ใช่ แต่ทำไมมันถึงใหญ่ขนาดนี้ล่ะ?”
“ไม่รู้สิ น่าจะเป็นเวทย์มนตร์ของเลวีนัส”
เวทย์มนตร์ของเลวีนัส?
ยอรึมหันไปมองเลวีนัสทันที
เลวีนัสยังคงแทะแครอทต่อไป ทิ้งรอยกัดเล็ก ๆ ไว้เต็มไปหมด ถ้ายังกินแบบนี้ต่อไป คงต้องใช้เวลาทั้งเดือนกว่าจะหมด
‘มหัศจรรย์จริง ๆ’
เวทย์มนตร์แบบไหนกันที่ทำให้แครอทโตได้ขนาดนี้?
แม้แต่ยอรึมที่เป็นนักผจญภัยมากประสบการณ์ก็ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
‘แต่มันก็ดูไม่อันตรายนะ’
ระหว่างที่ยอรึมกำลังครุ่นคิด คยออุลก็ยังคงตั้งใจมัดเชือกอย่างขะมักเขม้น
กร๊อบ!
หลังตรวจดูว่าเชือกมัดแน่นดีแล้ว คยออุลก็ไถลตัวลงมา
“คยออุล เราดึงมันออกกันดีไหม?”
“อื้ม!”
“งั้นเดี๋ยวพี่ช่วยนะ”
แต่ก่อนอื่นต้องให้เลวีนัสกับแซบยอกลงมาก่อน
ยอรึมยื่นมือไปรับเด็ก ๆ ลงมา
กร๊วบ กร๊วบ—
เลวีนัสที่ยังแทะแครอทอยู่ ยอมให้ยอรึมดึงตัวลงมาโดยง่าย
แก้มของเธอพองเหมือนหนูแฮมสเตอร์
“อร่อยไหม?”
“อื้ม!”
ดวงตาของเลวีนัสเปล่งประกายชื้น ๆ แบบที่เห็นได้เวลาทานแครอทอร่อยสุด ๆ
มันทั้งใหญ่ขนาดนี้ แล้วยังอร่อยอีกเหรอ?
ยอรึมที่เริ่มสงสัยก็อุ้มแซบยอกลงมาด้วย
“เดี๋ยวพี่เป็นคนดึงเอง พวกเธอถอยไปก่อนนะ?”
“อืม”
ยอรึมออกแรงดึงเชือกพอประมาณ แล้วแครอทยักษ์ก็หลุดขึ้นมาจากพื้น เผยให้เห็นโคนที่ใหญ่กว่าตอนแรกถึงสามเท่า
“ว้าว”
“อื้ม!”
“······!”
เด็ก ๆ พากันอุทานด้วยความทึ่ง แล้วรีบวิ่งเข้าไปหาแครอท
แครอทยักษ์ล้มตะแคงอยู่บนพื้น สูงใหญ่จนบดบังเด็ก ๆ ได้เลย
“เราจะเอาแครอทนี่ไปทำอะไรดีล่ะ คยออุล?”
“อืม… บริจาคให้โรงทานดีไหม?”
“อืม… ว่าแต่เขาจะรับของใหญ่ขนาดนี้ไหมนะ?”
“ก็อาจจะไม่รับก็ได้…”
“งั้นก็ต้องให้เลวีนัสกินเล่นคนเดียวแล้วล่ะ”
คยออุลจ้องมองแครอทยักษ์ด้วยสายตานิ่ง ๆ พร้อมกับหางที่แกว่งเบา ๆ ไปมา
━━━━━━━━━━━━━━━━━
บ่ายวันถัดมา หลังจากกลับจากพื้นที่ล่ามอนสเตอร์ ฉันก็ตรงกลับมาที่เต็นท์ โดยนึกภาพว่าเลวีนัสน่าจะกำลังกินแครอทยักษ์อยู่
“เลวีนัส” ฉันเรียกชื่อเธอแล้วกวาดตามองไปรอบ ๆ แต่กลับไม่เห็นเธออยู่แถวนี้เลย
บางทีอาจเป็นเพราะฉันคิดไปเองว่าในฐานะกระต่ายมีเขา เธอก็น่าจะวนเวียนอยู่แถวแครอท
ในขณะที่ฉันกำลังจะเดินไปทางบ่อน้ำ ก็ได้ยินเสียงลมหายใจดังมาจากในแครอท
“หือ?”
ฉันปีนขึ้นไปข้างบน แล้วก็พบช่องเล็ก ๆ ที่ถูกแทะจนกลวง มีเลวีนัสขดตัวนอนอยู่ในนั้น
‘เธอแทะไปเยอะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?’
ว่ากันว่ามนุษย์สัตว์อ้วนไมาง่าย กินเยอะแค่ไหนก็คงไม่เป็นไร
ฉันลูบหัวเลวีนัสที่กำลังหลับเบา ๆ
‘ถ้าทำให้มันกลวงจากด้านใน คงจะสนุกไม่น้อย’
มันจะกลายเป็นฐานลับในแครอทเลยใช่ไหมล่ะ?
เลวีนัสกับแซบยอกต้องชอบแน่ ๆ
ฉันตัดสินใจว่าจะเสนอไอเดียนี้ให้เลวีนัสทีหลัง แล้วค่อย ๆ ไต่ลงมาเพื่อไม่ให้เธอตื่น
น่าจะลองไปตามหาคนอื่นดูบ้าง
เวลานี้ส่วนมากก็คงจะเดินเล่นอยู่ในสวนกัน
และเพราะแบบนั้น ฉันจึงเดินไปตามหา แล้วก็เห็นแผ่นหลังของสามคนที่คุ้นตา—ยอรึม จองยูนา และแชจูยอน ไม่รู้ทำไม บ่าแต่ละคนถึงดูแบกอะไรบางอย่างไว้หนักอึ้ง
เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ? หรือมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น?
บรรยากาศตึงเครียดเกินกว่าจะเดินเข้าไป ฉันเลยลังเลและยืนรออยู่ห่าง ๆ
“เฮ้อ… วันนี้ก็โดนทำร้ายอีกแล้ว”
“…ฉันก็เหมือนกัน โดนซัดจนสลบเลย”
“ฉันก็ด้วย”
ไม่น่าเชื่อว่านักผจญภัยฝีมือดีทั้งสามจะโดนเล่นงาน แถมหนึ่งในนั้นยังเป็นกิลด์มาสเตอร์ที่มีชื่อเสียงอีก
‘ใครกันนะที่ทำแบบนั้นได้…’
คนเดียวที่ฉันนึกออกว่าจะทำได้ก็มีแค่หัวหน้ากิลด์ของเรา
แต่หัวหน้ากิลด์ของเราไม่ใช่คนที่จะใช้ความรุนแรงแบบสุ่มสี่สุ่มห้า ต้องมีใครอีกคนแน่ ๆ
“บ้าสุด ๆ ไปเลยไม่ใช่หรือไง? ใครจะไปซัดคนจนสลบแบบนั้นได้”
“แถมยังเลือกลงมือเฉพาะที่ที่ไม่มีคนอีก.. .แปลก ๆ แบบลับ ๆ ล่อ ๆ …”
เฮ้อ
แชจูยอนมองอีกสองคนที่พากันถอนหายใจอย่างหนักหน่วง
“ตอนฉันกำลังวิ่งหนี ยูนากลับหัวเราะออกมา”
“อึก…”
“แต่สุดท้ายเธอก็ช่วยนะ แล้วทำไมเธอถึงหัวเราะล่ะ…?”
“ฉันไม่รู้ว่าเธอไม่มีมานาแล้ว…”
แชจูยอนถูกจองยูนาช่วยไว้ตอนที่กำลังจะหนี
พวกเธอกำลังพูดถึงอะไรกันแน่? หรือว่าเจอเรื่องอะไรในดันเจี้ยน?
ฉันทนความอยากรู้ไม่ไหวอีกต่อไป จึงวิ่งเข้าไปหา
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“หือ อะไรนะ?”
“มีใครทำร้ายคุณเหรอ?”
ทั้งสามคนสะดุ้งเล็กน้อยราวกับนัดกันไว้เมื่อเห็นฉัน พวกเธอมองหน้ากัน ก่อนที่ยอรึมจะเป็นฝ่ายพูดก่อน
“คยออุล ล่าเสร็จแล้วเหรอ?”
“ใช่ วันนี้ฉันเสร็จเร็วหน่อย”
“เอ่อ… เธอได้ยินที่เราคุยกันไหม…?”
“ได้ยิน…”
ยอรึมดูแปลกไปนิดหน่อย สีหน้าก็ออกจะเกร็ง ๆ
“เธอเริ่มได้ยินตั้งแต่ตรงไหนเหรอ?”
“ฉันได้ยินตั้งแต่ตอนที่พูดว่าถูกซัดจนสลบ… อ๊ะ”
ฉันเพิ่งนึกได้ การยอมรับว่าตัวเองโดนซ้อมมา อาจเป็นเรื่องที่น่าอับอายสำหรับนักผจญภัยที่มากประสบการณ์
คงโดนบ่อยมากจนเผลอตัวพูดออกมา
“ขอโทษ… ฉันไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง แค่เผอิญได้ยิน…”
“อ๊ะ ใช่ หูของคยออุลดีมากเลยนี่นา”
ยอรึมยื่นมือมาเล่นหูของฉันเบา ๆ อย่างหยอกล้อ
หูของฉันสั่นไหว รู้สึกคุ้นเคยและแปลกประหลาดไปพร้อมกัน
“คือว่า ให้ฉันช่วยไหม…?”
“ยังไงเหรอ…?”
ยอรึมกลืนน้ำลายราวกับกลบความประหม่า
ดูเหมือนเธอจะรู้สึกอายที่เผลอเผยจุดอ่อน เลยฝืนยิ้มแห้ง ๆ ออกมา
“ฉันสอนวิธีรับหมัดแบบไม่เจ็บได้นะ”
“จริงเหรอ…?”
“ฉันเองก็เคยโดนมาเยอะแล้ว”
ไม่เห็นต้องอายเลย ฉันเองก็เคยเจอมาเหมือนกัน แบ่งปันกันแบบนี้จะได้รู้สึกเป็นพวกเดียวกัน
แต่สีหน้าของทั้งสามกลับดูแย่ลงกว่าเดิมอีก
“คยออุล เรื่องมันคือว่า…”
“คือ?”
“พวกพี่น่ะ…”
ยอรึมหยุดพูดแล้วเหลือบตามองเพื่อน ราวกับอยากให้ใครช่วยเสริมต่อ
แชจูยอนโน้มตัวลงมาให้อยู่ระดับสายตาฉัน เหมือนจะรับหน้าที่พูดต่อแทน
“คยออุล มันมีวิธีรับหมัดโดยไม่เจ็บจริง ๆ เหรอ?”
“มี แค่ป้องกันจุดสำคัญอย่างท้องหรือตับไว้ก็พอ…”
“อย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่ แต่จริง ๆ ทางที่ดีที่สุดคือวิ่งหนี เพราะถ้าโดนแรง ๆ ขึ้นมาก็อาจจะกระดูกหักได้”
พัคมินกยูเก่งเรื่องนี้เป็นพิเศษเลยล่ะ
เขารู้วิธีควบคุมแรงให้ไม่ถึงกับทำอะไรหักเสียหาย—แม้บางครั้งจะมีหลุดมือบ้างก็เถอะ
‘เขาเคยพูดอะไรสักอย่างเกี่ยวกับการซ้อมแบบไม่ใช้มานาไม่ใช่เหรอ?’
ฉันนึกได้ลาง ๆ ว่าพัคมินกยูเคยคุยอวดเรื่องนี้
“ขอบใจนะ คยออุล ที่จริงพวกเรากำลังฝึกความอึดอยู่”
“อ๋อเหรอคะ? ฉันนึกว่ามีใครมารังแกซะอีก”
“อา ใครมันจะกล้ามารังแกพวกเรากันล่ะ?”
แชจูยอนโบกมือปัดอย่างไม่ใส่ใจ
เห็นได้ชัดว่าสามคนนี้ไม่น่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ใครจะกล้ามาทำร้ายได้
“โล่งอกไปทีนะ”
“อื้อ ใช่”
ฉันรู้สึกโล่งใจที่รู้ว่าพวกเขาไม่ได้ถูกทำร้าย
แต่สีหน้าของพวกเขายังคงเคร่งเครียด
เห็นได้ชัดว่าร่างกายของพวกเธอยังคงปวดระบมจากการฝึกฝนความอึดที่ต้องถูกซ้อมแทบทั้งตัว
━━━━━━━━━━━━━━━━━
ขอบคุณ คุณศิริสุดา สำหรับการโดเนทครับ
MANGA DISCUSSION