บางครั้ง ดันเจี้ยนที่เรียกว่า “ดันเจี้ยนแห่งความอาฆาตแค้น” ซึ่งเกิดจากความอาฆาตพยาบาทปะปนกันของมนุษย์ก็จะปรากฏขึ้น
ดันเจี้ยนแห่งความอาฆาตแค้นมักจะไม่เกิดระดับ 2
นั่นก็เพราะว่าดันเจี้ยนประเภทนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฆ่าผู้ที่เข้าไปข้างใน
สิ่งที่ผู้ล่วงลับต้องการ คือการให้โลกได้รับรู้ถึงความคับแค้นของพวกเขา
ดังนั้น ดันเจี้ยนจึงมักจะเป็นมิตรกับเหล่านักผจญภัยอยู่พอสมควร
“อืมม…”
ยอรึมที่เดินเข้าไปในดันเจี้ยนแล้ว หันกลับไปมองข้างหลัง
ทั้งที่ยังไม่ได้ผ่านเงื่อนไขชัดเจนใด ๆ แต่ประตูกลับสู่ด้านนอกก็ยังกระพริบอยู่
นี่เป็นลักษณะพิเศษของดันเจี้ยนแห่งความอาฆาตแค้น ที่พร้อมจะส่งคนออกไปได้ทุกเมื่อ
เพราะดันเจี้ยนไม่ได้ต้องการจะฆ่าผู้มาเยือน มันแค่อยากระบายความคับแค้นออกมาเท่านั้น
“ยอรึม นี่มัน…”
เอนเซียมองไปรอบ ๆ ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
แค่ลักษณะภายนอกก็ต่างจากดันเจี้ยนทั่ว ๆ ไปที่ชวนให้รู้สึกอยากผจญภัยแล้ว
ท้องฟ้ายามพลบค่ำหม่นหมอง ต้นไม้ผุพังราวกับกำลังส่งกลิ่นอายหลอนประสาทออกมา
ผู้ที่เข้ามาในดันเจี้ยนจะเห็นอาคารหลังหนึ่งอยู่ลิบ ๆ
“ดูเหมือนจะเป็นดันเจี้ยนแห่งความอาฆาตแค้น…”
ดันเจี้ยนแห่งความอาฆาตแค้นระดับ 6 ที่ไม่เคยปรากฏอยู่ในคู่มือของนักผจญภัยเลยสักเล่ม
ด้วยธรรมชาติของดันเจี้ยนแบบนี้ ความบีบคั้นทางอารมณ์เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ยอรึมที่แข็งแกร่งทางร่างกาย คิดว่าให้สู้จนเลือดออกยังจะดีซะกว่า
“งั้นไปกันต่อเลยไหม?”
“อืม…”
“ไปกันเถอะ!”
อาร์โก้เดินตรงไปยังตัวอาคารอย่างมุ่งมั่น
แต่อาร์โก้ก็ต้องชะงักทันทีหลังเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว
บนพื้นดินที่เต็มไปด้วยโคลนเหนียวเปื้อนเลือด มีมือของใครบางคนที่ไร้หนังยื่นออกไปทางแสงอาทิตย์ราวกับอยากสื่อความแค้นออกมา
มีร่างแบบนั้นอยู่เป็นสิบ เป็นร้อย
ยอรึมยกมือขึ้นปิดปาก
“อึก…!”
นี่ไม่ใช่แค่ฉากจำลองเพื่อให้รู้สึกหวาดกลัว
แต่ละคนที่นอนอยู่ตรงนั้นเคยมีชีวิตอยู่จริง ๆ มาก่อน
ความคับแค้นแบบไหนกันที่ก่อให้เกิดดันเจี้ยนนี้ขึ้นมา?
ทุกคนต่างมองหน้ากันเงียบ ๆ อยู่เนิ่นนาน
‘คยออุล เธอกำลังแบกรับความเจ็บปวดแบบไหนไว้อยู่กันแน่?’
เด็กตัวเล็ก ๆ คนนี้ต้องทนทุกข์กับเรื่องอะไรมา?
ยอรึมกัดริมฝีปากแน่นเสียจนเกือบจะเลือดออก
เธอคิดว่าคงไม่สามารถเคลียร์ดันเจี้ยนนี้ได้ภายในวันนี้
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
หลังจากลงมาจากภูเขา ฉันก็นั่งพักบนม้านั่งใกล้ ๆ
ฉันจิ้มแก้มของเลวีนัสที่หลับอยู่ในอ้อมแขนของจองยูนา ก่อนจะเงยหน้ามองเธออีกครั้ง
“ขอโทษนะ… เพราะฉัน พวกเราเลยไม่ได้เข้าไปในดันเจี้ยน…”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันชอบนั่งพักกับคยออุลตรงนี้มากกว่าอีก”
“แต่ก็เถอะ…”
เพราะฉัน เลยทำให้การเคลียร์ดันเจี้ยนมีปัญหา
ฉันอดรู้สึกผิดไม่ได้เลย
“ดันเจี้ยนระดับ 6 ขาดคนไปหนึ่งคนก็ยังเคลียร์ได้นะ เพราะงั้นไม่ต้องกังวลมากหรอก”
“อื้อ…”
แม้จะถูกบอกว่าไม่เป็นไร แต่ฉันก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี
ฉันได้แต่ก้มหน้าลงเงียบ ๆ ทำอยู่แบบนั้น
“คยออุลคงจะตกใจมากเลยใช่ไหม?”
“อื้อ…”
จริง ๆ แล้ว ฉันไม่ได้กลัวขนาดนั้น
มันเหมือนกับว่าเป็นร่างกายของฉันต่างหากที่รู้สึกกลัว ไม่ใช่ฉัน
ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าของร่างคนก่อนเคยเจอเรื่องอะไรมา ถึงได้ถูกฝังอยู่ใต้ดินแบบนั้น
ร่างกายของฉันแข็งทื่อไปหมด จนทำอะไรไม่ได้เลย
เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าของร่างคนก่อนกันแน่นะ?
ฉันรู้สึกหงุดหงิด เลยแกว่งขาเล่นไปมา จนจองยูนาวางมือบนหัวของฉันเบา ๆ
“หึหึ เลิกคิดเรื่องดันเจี้ยนก่อนเถอะ ไปเล่นอย่างอื่นกันดีไหม?”
“อย่างอื่นเหรอ?”
ฉันไม่ติดเรื่องเล่นหรอก แต่อะไรที่เรียกว่า เล่นแบบผู้ใหญ่ นี่สิ ที่ยังใหม่สำหรับฉัน
ผู้ใหญ่เขาเล่นอะไรกันนะ?
ขณะที่ฉันกำลังครุ่นคิด เลวีนัสที่หลับอยู่ในอ้อมแขนของจองยูนา ก็ขยับหูขึ้นมา
“เล่น?”
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ?”
“อื้อ! เลวีนัสก็อยากเล่นด้วย!”
ตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินคำว่าเล่น
ความน่ารักของเธอทำให้ฉันยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ความกลัวเมื่อครู่ก็หายไปทันที
‘…จริงสิ มันไม่ใช่เรื่องของฉันสักหน่อยนี่นา’
ฉันรู้สึกเสียใจกับเจ้าของร่างคนก่อนจริง ๆ แต่ตอนนี้ร่างนี้ก็เป็นของฉันแล้ว
ฉันไม่อยากจมอยู่กับบาดแผลของเจ้าของร่างเดิม
มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย
‘ขอโทษด้วยนะ’
ถ้ามีทางจะคืนร่างนี้ให้ได้ ฉันก็อยากจะทำทันทีเลย
เพราะร่างนี้ไม่ใช่ของฉันตั้งแต่แรก
แต่จนกว่าจะถึงวันนั้น ฉันจะใช้ชีวิตในแบบที่ฉันต้องการ ไม่ปล่อยให้บาดแผลใดมาควบคุม
เพราะฉะนั้น ตอนนี้ฉันจะเล่นกับทุกคนให้เต็มที่ก่อน
“จะเล่นอะไรกันดี?”
ฉันก้าวลงจากม้านั่งแล้วถามจองยูนา
เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยกนิ้วชี้ขึ้นมา
“เล่นไล่จับกันดีไหม?”
“ไล่จับ?”
“อื้อ เป็นเกมที่คนไล่ต้องวิ่งจับคนที่หนี”
เกมวิ่งไล่จับ
เป็นเกมพื้นฐานที่เด็ก ๆ ชอบเล่นกัน
“แต่มันจะได้เปรียบเกินไปสำหรับคนที่ใช้เวทมนตร์ได้นี่นา”
“แน่นอนว่าพี่จะไม่ใช้เวทมนตร์อยู่แล้ว คิดว่าพี่ไร้ยางอายขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“อ๊ะ”
ถ้าใช้เวทมนตร์ไม่ได้ งั้นฉันก็น่าจะได้เปรียบสิ?
เรื่องความว่องไว ฉันเหนือกว่าฮันเตอร์ทั่วไปหลายคนเลย
งั้นต้องเล่นแบบปรับระดับตัวเองหน่อยแล้วล่ะ
พวกเราย้ายไปยังสนามเด็กเล่นใกล้ ๆ
“ถ้าออกนอกสนามเด็กเล่นจะถือว่าโกงไหม?”
“ใช่!”
“โอเค…”
แต่เราจะตัดสินยังไงว่าใครเป็นคนไล่?
จะเป่ายิ้งฉุบดีไหมนะ?
ขณะที่ฉันเงยหน้ามองจองยูนาอย่างไม่แน่ใจ เธอก็ยกมือขึ้นสูงทันที
“พี่จะเป็นคนไล่เอง!”
“กรี๊ด!”
เลวีนัสตกใจจนปีนขึ้นไปบนสไลเดอร์
มันเป็นเครื่องเล่นที่ซับซ้อน มีอุปกรณ์หลายอย่างเชื่อมต่อกัน
“ฮืม?”
โดยไม่ต้องเป่ายิ้งฉุบหรืออะไรเลย จองยูนาก็อาสาเป็นคนไล่เอง
จองยูนาอาสาเป็นคนไล่เพราะอยากเล่นกับเลวีนัส
“ว้าว…”
ฉันตัดสินใจว่าคราวหน้าถ้าเล่นกับเลวีนัส ฉันก็ควรทำแบบนั้นบ้าง
ระหว่างที่ฉันกำลังซึ้งใจกับสิ่งที่จองยูนาทำ เธอก็กอดฉันแน่นในทันที
“จับได้แล้ว!”
“อ๊ะ…”
เพราะฉันมัวแต่คิดอะไรอยู่รึเปล่านะ?
ฉันลืมไปสนิทเลยว่าต้องวิ่งหนีเธอ
ฉันไม่ทันตั้งตัวเลยโดนกอดไว้เต็ม ๆ
“คยออุล เกมนี้ต้องวิ่งหนีไม่ให้โดนนะ รู้วิธีเล่นหรือเปล่า?”
“อ๋อ ไม่ใช่นะ ฉันรู้ ฉันรู้วิธีเล่น…”
“จริงเหรอ?”
สายตาของจองยูนาเต็มไปด้วยความสงสัย ราวกับตั้งคำถามว่าทำไมถึงโดนจับถ้ารู้วิธีเล่น
ฉันรู้สึกเหมือนคนโง่เลย
หน้าฉันร้อนผ่าวด้วยความเขิน
ฉันรีบพูดข้อแก้ตัวออกไปทันที
“ฉันรู้ว่าต้องวิ่งหนี แต่ว่าฉันไม่อยากหนีน่ะ เพราะถูกจับแล้วรู้สึกดีมากกว่า…”
ข้อแก้ตัวที่พูดออกมาแบบลนลานฟังดูแปลกชอบกล
ถ้าจองยูนาคิดว่าฉันแปลกล่ะจะทำยังไงดี?
ทันทีที่ฉันกำลังจะเงยหน้ามองเธอด้วยความกังวล เธอก็กอดฉันแน่นจนแทบหายใจไม่ออก
“คยออุลพูดแต่เรื่องน่ารักได้ยังไงกันนะ?”
“หมายความว่าอะไรเหรอ…?”
“ฮิฮิ ฉันลืมไปเลยว่าการโดนจับมันรู้สึกดีได้ขนาดนี้”
แปะ แปะ ๆ –
จองยูนาลูบหลังฉันเบา ๆ
พอถูกลูบ หางของฉันก็กระดิกไปมาโดยอัตโนมัติ
การถูกกอดโดยเธอ มันช่างรู้สึกดีจริง ๆ
มันเป็นอ้อมกอดที่ฉันไม่ได้สัมผัสมาแปดปี เลยยิ่งรู้สึกดีเป็นพิเศษ
“อ๊ะ! เลวีนัสด้วย! เลวีนัสก็อยากโดนจับบ้าง!”
เลวีนัสที่แอบมองจากสไลเดอร์ก็วิ่งตรงมาหาเรา
เธอยืนอยู่ข้างหลังฉัน ย่ำเท้าอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็กอดฉันกับจองยูนาแน่น
“ว้าว! โดนจับแล้วดีจริง ๆ ด้วย!”
“อืม ใช่แล้วล่ะ…”
หางของฉันที่ถูกตัวเลวีนัสเบียดอยู่ก็ยังพยายามกระดิกไปมา
สถานการณ์มันทั้งแปลกและน่าอาย แต่พูดตามตรง มันรู้สึกดีเหมือนกัน
“เลวีนัสเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเล่นไล่จับ! มันไม่ใช่เกมวิ่งหนี แต่เป็นเกมโดนจับ!”
“เอ่อ…”
มันไม่ค่อยถูกนักหรอก แต่ถ้าเลวีนัสชอบแบบนั้นก็ไม่เป็นไรมั้ง
ฉันตัดสินใจไม่แก้ให้เธอ
“ครั้งหน้าให้เลวีนัสเป็นคนไล่ได้ไหม? เลวีนัสอยากแจกกอดด้วย!”
“ได้สิ ลองดูกันไหม?”
กติกาของเกมถูกเปลี่ยนไปตามใจชอบ คนไล่ก็ถูกเลือกแบบสุ่ม แต่มันก็ไม่สำคัญเลย
แค่ได้เล่นด้วยกันก็สนุกแล้ว
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ในห้องใต้ดินของอาคารนั้น มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งกอดเข่าตัวเองภายในหลอดแก้วขนาดใหญ่อยู่
แม้จะไม่เห็นใบหน้าเพราะเธอก้มหน้าซุกเข่าอยู่ แต่ยอรึมก็รู้โดยสัญชาตญาณว่าเด็กคนนั้นคือคยออุล
“อ๊ะ”
หัวใจของเธอเต้นแรง
เลือดหยดลงมาจากกำปั้นที่เธอกำแน่น
คยออุลต้องเจออะไรมาบ้างกันแน่?
หรือว่ามันเป็นสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าการถูกผู้ใหญ่รังแก?
ยอรึมต่อยหลอดแก้วด้วยกำปั้นที่กำแน่นของเธอ
เธอใส่แรงทั้งหมดลงไป แต่พอกำปั้นแตะกับแก้ว เธอกลับลดแรงโดยไม่รู้ตัว
เพราะกลัวว่าคยออุลอาจจะบาดเจ็บจากเศษแก้วที่แตก
“คยออุล”
ยอรึมเรียกชื่อคยออุล แต่คยออุลกลับไม่เงยหน้าขึ้นมาเลย
เธอแค่นั่งกอดเข่าอยู่ตรงนั้นเหมือนกลายเป็นรูปปั้น
“ยอรึม”
“คะ”
“นี่คือเอกสาร”
──
ตัวทดลองหมายเลข 307
──
นั่นคือชื่อที่ห้องทดลองตั้งให้คยออุลงั้นหรือ?
นั่นหมายความว่าคยออุลผ่านการทดลองมากกว่าสามร้อยครั้ง
ทุกคนเงียบงันเมื่อเผชิญกับฉากโหดร้ายของการทดลองมนุษย์
“เรานำเอกสารนี่ออกไปได้”
“ใช่ เอกสารอื่นก็เอาไปได้เหมือนกัน”
“งั้นเราออกไปข้างนอกกันเถอะ?”
“ค่ะ นั่นน่าจะดีที่สุดแล้ว”
สิ่งที่ดันเจี้ยนแห่งความอาฆาตแค้นต้องการคือการคลายความอาฆาตของวิญญาณ
แค่การปราบบอส ก็ไม่ได้ทำให้เคลียร์ดันเจี้ยนได้
พวกเราต้องออกไปข้างนอกแล้วอ่านเอกสารเหล่านี้ร่วมกัน
ยอรึมเคาะเบา ๆ บนหลอดแก้วที่คยออุลอยู่ในนั้น
“คยออุล เดี๋ยวพี่สาวจะกลับมานะ?”
“……”
“พี่จะกลับมาช่วยเธอแน่นอน…”
“……”
ไม่มีคำตอบใด ๆ จากคยออุลเลย
แม้จะรู้ว่าคยออุลคนนี้อาจไม่ใช่ตัวจริง แต่หัวใจของยอรึมก็ยังเจ็บปวดอยู่ดี
‘ฉันคิดถึงคยออุล…’
ยอรึมอยากออกจากสถานที่เลวร้ายนี้ให้เร็วที่สุด
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ขอบคุณ คุณนราธิศ สำหรับการโดเนทครับ
MANGA DISCUSSION