สิ่งแรกที่ฉันทำเมื่อตะวันขึ้นคือออกไปเดินเล่นกับยอรึม
ฉันมีอะไรต้องทำมากมายในตอนเช้าและเกือบจะปฏิเสธไปแล้ว แต่ยอรึมอ้อนวอนอย่างจริงจัง ฉันเลยยอมไปด้วย
“คยออุล ขอบคุณที่มาเดินด้วยกันนะ เดี๋ยวพี่จะช่วยให้งานของคยออุลเสร็จทันทีหลังจากนี้เอง”
“ไม่เป็นไร ฉันทำเองได้”
“ไม่ได้หรอก เพราะพี่เป็นคนขอเอง ครั้งนี้พี่จะช่วยคยออุล”
“อืม…”
ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ นะ แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะปฏิเสธความช่วยเหลือของเธอเลย
ดังนั้น ฉันจึงเดินเล่นไปทั่วละแวกบ้านกับยอรึม
‘มันทำให้เธอดูธรรมดามากเลย’
คนธรรมดาเค้าคุยเรื่องอะไรกันตอนเดินเล่นนะ? มันนานมากแล้วจนฉันจำไม่ได้เลย
ดูเหมือนว่าฉันต้องพึ่งยอรึมอีกแล้ว
“คือ…”
“ฮืม?”
“มาคุยกันแบบคนธรรมดากันเถอะ”
คำพูดของฉันคงจะแปลกเกินไป ยอรึมถึงได้หยุดชะงักไปชั่วครู่
แต่เธอเป็นคนใจดี และยิ้มอย่างอบอุ่นราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ได้สิ แล้วเราจะคุยเรื่องอะไรดีล่ะ?”
ฉันแค่อยากคุยเรื่องธรรมดา ๆ
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉันก็ตัดสินใจพูดเรื่องอะไรก็ตามที่นึกออก
“ตรงนั้นเขาขายปลาอยู่…”
ฉันชี้ไปทางร้านขายปลาแล้วเงยหน้ามองยอรึม
ฉันชอบกลิ่นเฉพาะตัวของปลา เลยเดินผ่านร้านนี้บ่อยเวลาที่ออกไปข้างนอก
แบบนี้เรียกว่าการคุยกันรึเปล่านะ?
ฉันมองยอรึมด้วยความรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
“ว้าว ขายปลากันเยอะเลยเหรอ?”
“ใช่ ฉันเห็นว่ามีปลามากกว่าที่บ่อน้ำอีก”
“ว้าว ทั้งที่บ่อของเราก็มีปลาเยอะอยู่แล้วนะ”
ยอรึมหัวเราะอย่างประหลาดใจ
นี่คือสิ่งที่คนธรรมดาคุยกันใช่ไหมนะ?
ฉันรู้สึกดีขึ้นจนหางแกว่งเบา ๆ แล้วเราก็เดินตรงไปที่ร้านขายปลา
ปลา หอย กุ้ง และอาหารทะเลอื่น ๆ วางเรียงรายอยู่
ขณะที่ฉันกับยอรึมกำลังดูของอยู่ เจ้าของร้านก็บ่นพึมพำว่า
“อ่า ไอ้แมวนั่นมันขโมยของอีกแล้ว”
“มันขโมยอะไรไปอีกล่ะคราวนี้?”
“ก็ปลาแมคเคอเรลน่ะสิ!”
อีกแล้วเหรอ?
แมวชอบขโมยปลาที่นี่บ่อยเหรอ?
ฉันกำลังดูปลาซาบะอยู่พอดีตอนที่เจ้าของร้านเดินเข้ามาแล้วสายตาเราสบกัน
“……”
เจ้าของร้านชะงักไปทันทีที่เห็นฉัน
ฉันรับรู้ได้ถึงความไม่สบายใจของเขา และก็เข้าใจขึ้นมาทันที
เขาน่าจะเกลียดแมว และเขาคงคิดว่าฉันเป็นหนึ่งในนั้น
‘อ๊ะ’
ฉันเพิ่งตระหนักได้ว่าคนทำงานในร้านขายปลาน่าจะไม่ชอบแมว
หูและหางของฉันตกลงด้วยความรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม
ฉันไม่ใช่แมวจริง ๆ สักหน่อยแต่กลับได้รับสายตาแบบนั้น…
ฉันรีบโบกมือใส่เจ้าของร้านทันที
“ขอโทษ… แต่ไม่ใช่ฉันนะ…”
“ก็จริง เด็กอย่างเธอคงไม่ขโมยปลาแมคเคอเรลหรอก เป็นฉันเองที่พูดอะไรไปโดยไม่คิด ขอโทษด้วย…”
“อืม…”
ถึงจะไม่ใช่ความผิดฉัน แถมฉันก็ไม่ใช่คนที่ถูกว่าด้วย แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็กลับรู้สึกใจหายอย่างน่าประหลาด
ในขณะที่ฉันกำลังเดินออกจากร้านด้วยสภาพไหล่ตก เจ้าของร้านก็วางมือลงบนไหล่ของฉัน
“อ๊ะ เดี๋ยวก่อนสิ เด็กน้อย”
เขาตักกุ้งในร้านใส่ถุงหลายตัว
และยื่นถุงกุ้งอันล้ำค่านั้นมาให้ฉันโดยไม่ลังเลเลย
“นี่กุ้งลายเสือ ลุงให้หนูเพราะลุงรู้สึกผิด เอาไปกินให้อร่อยนะ”
“ม-ไม่เป็นไร คุณไม่ต้องให้ฉันก็ได้”
“เฮ้อ อย่าทำให้ลุงดูเป็นคนใจร้ายสิ เอาไปเถอะน่า”
เขายัดถุงกุ้งใส่มือฉันอย่างแน่วแน่
ฉันเงยหน้ามองยอรึมด้วยความสับสน แต่เธอกลับหัวเราะออกมาเท่านั้นเอง
“ข-ขอบคุณค่ะ…”
“อืม ลุงขอโทษจริง ๆ สำหรับที่พูดไปก่อนหน้านี้นะ”
“อืม…”
เขาเป็นคนใจดีมากเลย
ดูเหมือนว่าฉันจะต้องมาซื้อปลาซะแล้วสิ
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ฉันกับยอรึมเดินไปตามถนน พร้อมกับถุงที่เต็มไปด้วยอาหารทะเล
เราซื้อปลาที่ไม่มีในบ่อของพวกเรา และยอรึมก็เป็นคนจ่ายเงินทั้งหมด
“คยออุล กินข้าวกับพี่ได้ไหม?”
“ฉันเหรอ…?”
“ใช่ ถ้าได้กินกับคยออุล พี่จะมีความสุขมากขึ้นเป็นร้อยเท่าเลย”
“อ่า…”
เข้าใจแล้วล่ะ
การได้กินข้าวด้วยกันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขจริง ๆ
ฉันเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงยอมใช้เงินที่มีค่าเพื่อมากินอะไรบางอย่างด้วยกันแบบนี้
“ได้ มากินด้วยกันเถอะ”
“ขอบคุณนะ อ๊ะ? นั่นจองยูนากับจินฮยอกไม่ใช่เหรอ?”
ยอรึมหันศีรษะไปทางด้านข้าง
ฉันก็มองตามเธอไป
แต่สิ่งที่ฉันเห็นก็มีแค่กำแพงสูงใหญ่
แม้จะเขย่งเท้าแล้ว ฉันก็ยังเห็นแค่กำแพงอยู่ดี
การตัวเตี้ยนี่ลำบากจริง ๆ เลยในเวลาแบบนี้
ฉันยกหูขึ้นอย่างตั้งใจ แม้จะรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา หนึ่งเบา อีกหนึ่งหนัก
แน่นอนว่าเป็นฝีเท้าของคนสองคนที่ฉันรู้จัก
“คยออุล เพื่อนพี่อยู่นั่นไง”
“ใช่ แต่ฉันมองไม่เห็นเลย”
“อ๋อ ขอโทษ เดี๋ยวนะ”
ยอรึมสอดมือเข้ามาใต้แขนของฉันแล้วอุ้มฉันขึ้นให้สูงพอจะมองข้ามกำแพงได้
พอได้เห็นทั้งสองคนนั้น หางของฉันก็เริ่มแกว่งไปมา
หางที่แกว่งแรงของฉันฟาดเข้าไปที่หน้าของยอรึมจากด้านหลัง
ฉันอยากจะหยุด แต่มันควบคุมไม่ได้เลยจริง ๆ
“โอ้ ดูเหมือนยอรึมจะหึงแล้วล่ะ?”
“ฉันไม่ได้หึงสักหน่อย เธอต่างหากที่หึงน่ะ?”
“ฮุฮุ อันนั้นฉันไม่แน่ใจแฮะ”
จองยูนาเดินเข้ามาหาพวกเราด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นยอรึมก็ส่งตัวฉันให้เธอ
เพราะกำแพงมันสูง เราเลยต้องส่งตัวฉันข้ามไปข้ามมา
ฉันไม่แน่ใจว่าทำไมพวกเขาถึงต้องอุ้มฉันไปมาแบบนี้ด้วย
“หวัดดี คยออุล?”
“สวัสดี”
แม้ฉันจะทักทายไปแล้ว แต่ยูนาก็ยังไม่ยอมวางฉันลง
ฉันตัดสินใจจะไม่ขอให้เธอวางลง
ไม่เห็นจำเป็นต้องทำให้ยูนาลำบากใจเลย
“เมื่อกี้เธอกับยอรึมทำอะไรกันอยู่เหรอ?”
“พวกเราแค่เดินเล่นกันเฉย ๆ น่ะ”
“จริงเหรอ งั้นฉันขอเดินด้วยได้ไหม?”
เวลาเดินเล่น คนยิ่งเยอะก็ยิ่งสนุก
ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปฏิเสธเลย
“ได้สิ เราทั้งหมดมาเดินด้วยกันเถอะ”
เดินเล่นไปด้วยกันกับทุกคน
เป็นสิ่งที่คนธรรมดาทำกัน
แค่คิดว่าฉันกำลังก้าวหน้าอยู่ ก็ทำให้ฉันเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
พวกเราเดินเรื่อยเปื่อยไปรอบ ๆ ละแวกบ้าน โดยไม่มีจุดหมายอะไรเป็นพิเศษ
“เราเจอคนที่มีรอยสักปลาคาร์ฟกับมังกรในซอยนู้นแหละ”
“คนพวกนั้นน่ากลัวไหม?”
ชเวจินฮยอกกระดกคอจนมีเสียงดัง เหมือนพร้อมจะพุ่งไปสู้กับคนมีรอยสักพวกนั้นทันที
“ไม่เลย พวกเขาใจดีมาก ตอนฉันหลงทางตอนเล่นกับเลวีนัส พวกเขาก็ช่วยพาฉันกลับไปในทางที่ถูก”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”
พอเข้าใจว่าพวกเขาเป็นคนดีจากคำอธิบายของฉัน ชเวจินฮยอกก็ลดท่าทางดุลง
มีแค่ยอรึมเท่านั้นที่เอานิ้วจิ้มแก้มฉันเบา ๆ อยู่ข้าง ๆ
“คยออุล พี่เคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าตามคนแปลกหน้าไป?”
“อ๊ะ”
จริงสิ ฉันควรจะเก็บเรื่องนั้นเป็นความลับ
ฉันเบือนสายตาหนีจากยอรึมอย่างเก้ ๆ กัง ๆ
“ถ้าฉันหลงทางอีก ฉันควรโทรหาคุณก่อนใช่ไหม?”
“ใช่…”
มันเป็นความผิดของฉันอย่างชัดเจน
ฉันเกือบทำให้เลวีนัสตัวน้อยต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย
โดยไม่แก้ตัวอะไร ฉันก็แค่พยักหน้าให้ยอรึม
“โชคดีนะที่คยออุบไม่เจอคนอันตรายเข้า”
“ใช่ ฉันจงใจหลีกเลี่ยงที่ที่อาจมีคนอันตรายอยู่แล้ว”
“มีที่แบบนั้นด้วยเหรอ ที่ที่มีคนอันตรายปรากฏตัวน่ะ?”
ยอรึมมองลงมาที่ฉันอย่างงุนงง
แนวคิดเรื่อง ‘อันตราย’ เป็นสิ่งที่คนอ่อนแอเท่านั้นที่รู้จัก ดังนั้นมันจึงไม่แปลกที่ยอรึมจะไม่เข้าใจ
จองยูนาและชเวจินฮยอกเองก็คงไม่รู้เหมือนกัน
“คุณรู้ใช่ไหมว่าฉันเคยอยู่ที่ไหนมาก่อน?”
“รู้สิ หมายถึงแถว ๆ หุบเขานั่นใช่ไหม?”
“ใช่ แถว ๆ นั้นมักจะมีคนอันตรายอยู่เยอะเลย”
“อย่างเช่นใครบ้างล่ะ?”
จะพูดอะไรดีนะ? ตัวอย่างมันมีเยอะเกินไป
“ก็… มีคนด่าฉันบ้าง สาดน้ำใส่ฉันบ้าง”
“ฟังดูเหมือนพวกคนไม่ดีเลยนะ”
“ฉันไม่คิดว่าพวกเขาเป็นคนเลวนะ”
“จริงเหรอ?”
คำตอบของฉันมันดูเกินคาดเหรอ?
ดวงตาของยอรึมเบิกกว้างอย่างประหลาดใจ
“มีหลายคนด่าฉัน อาจจะเป็นเพราะฉันทำอะไรแย่ ๆ ก่อนก็ได้”
“ไม่หรอก จะเป็นแบบนั้นได้ไง? คยออุลใจดีจะตาย”
“ฉันเหรอ…?”
“ใช่สิ ถ้าคยออุลเป็นคนไม่ดี ฉันคงไม่เข้าไปหาเธอก่อนหรอก จริงไหม?”
ฟังดูสมเหตุสมผลดีนะ
กิลด์ยอมยองเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยคนที่ดีกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะเลย
ฉันปิดปากเงียบเพื่อแสดงความเห็นด้วย แล้วจองยูนาก็วางมือลงบนหัวฉันตรงตำแหน่งที่มีหูพอดีเป๊ะ
“คยออุลแค่โชคร้ายเท่านั้นเอง”
“ไม่จริง ฉันไม่ได้โชคร้ายขนาดนั้น”
“จริงเหรอ?”
“จริงสิ เพราะตอนนี้ฉันได้พบกับทุกคนแล้วไง”
ถ้าฉันโชคร้ายจริง ๆ ฉันก็คงยังต้องอยู่คนเดียว ทนทุกข์และโดดเดี่ยวต่อไป
ความโชคร้ายของฉันเหมือนจะหายไปตั้งแต่ตอนที่ได้เจอกับยอรึมแล้วล่ะ
เธอกลายเป็นเทพีแห่งโชคของฉัน
“คยออุล ขอบคุณที่พูดแบบนั้นนะ”
“ขอบคุณเรื่องอะไรเหรอ…?”
การที่ฉันโชคดีเป็นสิ่งที่ต้องขอบคุณด้วยเหรอ?
แม้ฉันจะแสดงความสับสนออกไป ยอรึมก็ทำแค่ส่ายหัวเบา ๆ
“อืม ช่างมันเถอะ”
ฉันไม่รู้แน่ชัดว่าทำไม แต่ยอรึมดูอารมณ์ดีมาก
และนั่นก็ทำให้เราพากันเดินเล่นอย่างอารมณ์ดีแบบสุด ๆ จนจบ
“พี่พูดว่าพี่จะช่วยงานของคยออุลตอนที่เรากลับถึงบ้านใช้ไหม? แล้วเราจะทำอะไรกันล่ะ?”
“วันนี้เราจะขยายอุโมงค์กัน คุณโอเคไหมถ้าตัวเปื้อน?”
“โอเค! พี่จะขุดให้ลึกเลย”
“ลึกเหรอ…?”
“ใช่! ลึกจนทะลุไปถึงอีกฝั่งของโลกเลย!”
ยอรึมพูดแบบล้อเล่น
ฉันรู้ว่าเธอแค่ล้อเล่น
“งั้นเราไปเดินเล่นที่อีกฝั่งของโลกกันด้วยเลยดีไหม”
“ได้เหรอ?”
“ได้สิ”
ว่าแต่ ประเทศที่อยู่ที่อีกซีกโลกหนึ่งคือประเทศอะไรกันนะ?
ฉันคงต้องลองไปค้นหาดูตอนที่กลับถึงบ้านซะแล้ว
MANGA DISCUSSION