พนักงานแบกสัมภาระ?
งานใช้แรงหนักระดับขนของหลายร้อยกิโลต่อวันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย
แม้ว่าจะพูดกันว่าไม่มีอาชีพไหนต่ำต้อยหรือสูงส่ง แต่มันก็เป็นงานที่หนักมากสำหรับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่เธอต้องมาเจอชีวิตที่ยากลำบากเพราะฉัน
“คือว่า ช่วยอย่าให้เธอทำงานหนักเกินไปได้ไหม…?”
“ได้สิ พี่ก็แค่ทำตามกฎของกิลด์เท่านั้นเอง”
“โอเค…”
ฉันไม่แน่ใจว่ากฎของกิลด์ยอมยองเป็นยังไง แต่ถ้ายอรึมพูดแบบนั้น ก็คงไม่โหดเกินไป
ฉันมองยอรึมพาตัวควอนอารินออกไป
ควอนอารินดูเลื่อนลอยราวกับเสียสติไปแล้ว
บางทีเธออาจจะช็อกกับความเป็นจริงที่โหดร้าย
“สู้ ๆ นะ…”
ถ้าเธอดูเหนื่อยมากเกินไปในภายหลัง ฉันก็คงต้องช่วยเหลือเธอบ้าง
ฉันให้กำลังใจเธอในใจขณะเดินออกจากห้องรับรองพร้อมเลวีนัส
โซเฟีย เอนเซีย และอาร์โก้ก็เดินเข้ามาหาเรา
“คยออุล เจ้าอยู่นี่นี่เอง”
“ฮืม มีอะไรเหรอ?”
“วันนี้เราจะสอนเจ้าเรื่องความดิบเถื่อนของมนุษย์สัตว์”
“ความดิบเถื่อน?”
ความดิบเถื่อนของมนุษย์สัตว์มันคืออะไรกัน?
ขณะที่ฉันสงสัย โซเฟียก็ทำท่าบอกให้ฉันเดินตาม
ถึงเวลาที่ต้องไปพื้นที่ล่ามอนสเตอร์แล้ว แต่ฉันก็ไม่ได้คิดจะละเลยการฝึกและการเรียน
ตอนนี้ ฉันตัดสินใจเดินตามโซเฟียไปก่อน
“คยออุล เจ้ารู้ไหมว่าความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างมนุษย์กับมนุษย์สัตว์คืออะไร?”
“เอ่อ… ถ้าพูดถึงทางกายภาพก็คงเป็นหูกับหางใช่ไหม…?”
“ถูกต้อง! เลวีนัสก็มีเขาด้วย!”
เลวีนัสโชว์เขาเล็ก ๆ ของเธอด้วยความภาคภูมิใจ
ความรักที่เธอมีต่อเขาของตัวเองช่างน่ารักจริง ๆ
“ใช่ ถูกต้องครึ่งหนึ่ง มนุษย์สัตว์ไม่ใช่สัตว์ป่า แต่พวกเขาเองก็มีลักษณะบางอย่างของสัตว์ป่า นั่นคือความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับมนุษย์สัตว์”
“เข้าใจแล้ว”
แล้วข้อสรุปคืออะไรล่ะ?
ฉันเก็บความคิดที่เหลือไว้ในใจ เพราะไม่อยากเสียมารยาท
“มนุษย์นั้นแสดงความดิบเถื่อนออกมาได้จำกัด สิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาไม่อาจเข้าใจถึงแก่นแท้ของความดิบเถื่อนตามธรรมชาติได้ ถึงจะเลียนแบบได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ของจริงอยู่ดี มันยังมีความแตกต่างที่เห็นได้”
“อ่า… งั้นมนุษย์สัตว์…?”
“ใช่ มนุษย์สัตว์นั้นแตกต่างจากมนุษย์ พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีปัญญา แต่ก็มีความดิบเถื่อนในตัว พวกเขาเกิดมาพร้อมกับความเข้าใจความดิบเถื่อนตามธรรมชาติ”
หลังจากได้รับคำอธิบายจากโซเฟีย เราก็มาถึงสนามฝึกของกิลด์
ที่นั่น เราพบกับนักเวทที่คุ้นเคย จองยูนา
“โอ้ คยออุลมานี่เหรอ?”
“ใช่ วันนี้ฉันจะมาฝึกเรื่องความดิบเถื่อน”
“ความดิบเถื่อน…? มันคืออะไรเหรอ?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ฉันหันกลับไปมองโซเฟีย
แต่แทนที่จะเป็สโซเฟีย เอนเซียกับอาร์โก้กลับก้าวออกมาแทน
“ท่านคยออุล ฉันจะเป็นคนสาธิตให้ท่านดู ถึงมันอาจจะดูน่ากลัวและเสียมารยาทไปหน่อย แต่โปรดจำไว้ว่านี่เป็นเพียงแค่การฝึกค่ะ”
“อ-โอเค…”
ขณะที่ฉันพยักหน้า เอนเซียก็สูดหายใจเข้าลึก
ในขณะเดียวกัน ออร่ามหาศาลที่ไม่อาจอธิบายได้ก็แผ่ออกมาจากร่างกายของเธอ
“……!”
ผิวของฉันรู้สึกแปล๊บ ๆ
เหมือนเหยื่อที่อยู่ต่อหน้าผู้ล่า ฉันทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากยืนตัวแข็งอยู่กับที่
ความดุร้ายของพัคมินกยู ที่เคยตามรังควานฉันมาตลอด ดูเป็นเรื่องเล่น ๆ ไปเลยเมื่อเทียบกับสิ่งนี้
“เอื๊อก!”
เลวีนัสสะอึกอยู่ข้าง ๆ ฉัน ขณะที่จองยูนาอุทานออกมาอย่างตกตะลึง
ออร่าของเอนเซียรุนแรงจนทำให้ทุกคนตกตะลึง
“เอ่อ…”
สายตาของเอนเซียเต็มไปด้วยความดุร้ายของสัตว์ป่า
มันให้ความรู้สึกเหมือนเธอจะกระโจนเข้ามาฉีกคอฉันได้ทุกเมื่อ
ดูเหมือนเลวีนัสจะคิดเหมือนกัน เพราะเธอกระโดดขึ้นทันที
“อ๊า!”
เลวีนัสกรีดร้องแล้วหลบไปอยู่ข้างหลังฉัน
จริง ๆ แล้วฉันก็อยากทำแบบเลวีนัสเหมือนกัน แต่ฉันยับยั้งตัวเองไว้โดยจับแขนของจองยูนาที่อยู่ข้าง ๆ
ฉันรู้ว่าเอนเซียไม่ได้จะโจมตีฉันจริง ๆ
“…จบแล้วค่ะ”
เอนเซียค่อย ๆ กระจายออร่าของเธอออกไป
ตอนนั้นเองฉันถึงได้หายใจได้สะดวกขึ้น
“ฟู่ ฮึบ”
นี่สินะความดิบเถื่อนของมนุษย์สัตว์ที่โซเฟียพูดถึง
แน่นอนว่า มันอยู่เหนือขึ้นไปกว่าการข่มขู่อย่างสิ้นเชิง
นักผจญภัยคนอื่น ๆ ที่ฝึกอยู่ใกล้ ๆ ก็ตกใจกับออร่าของเอนเซียเช่นกัน ถึงขั้นชักอาวุธออกมาและระแวดระวังพวกเรา
“บอส! ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?!”
อาร์โก้เขย่าไหล่ของฉันไปมา
หัวฉันสั่นจนเสียงสั่นไปด้วย
“อืม ฉันม-ไม่เป็นไร”
“ยังนิ่งได้ขนาดนี้! บอสนี่แกร่งจริง ๆ เลยครับ!”
ฉันไม่ได้นิ่งสักหน่อย
มันน่ากลัวมากเลยต่างหาก
ขณะที่ฉันกำลังจะตอบ โซเฟียก็เดินเข้ามาหาฉัน
“เป็นไงบ้าง? คยออุล เจ้าคิดว่าเจ้าทำได้ไหม?”
“ฉัน…?”
“ใช่ เจ้าเองก็เป็นมนุษย์สัตว์เช่นกัน แถมยังเป็นประเภทสัตว์กินเนื้อด้วย เจ้าเองก็น่าจะปล่อยออร่าออกมาได้ไม่น้อยไปกว่าของเอนเซีย”
ฉันเนี่ยนะ จะปล่อยออร่าแบบเอนเซียได้?
เธอพูดจริงเหรอ?
ไม่ใช่แค่ฉันที่ตกใจกับคำพูดของโซเฟีย แต่นักผจญภัยรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกัน
“คยออุลทำอะไรแบบนั้นได้ด้วยเหรอ?”
“ก็เธอเป็นมนุษย์สัตว์นี่ อาจจะทำได้ก็ได้นะ?”
นักผจญภัยที่ฉันเจอบ่อยในกิลด์เอ่ยชื่อของฉันขึ้นมา
ฉันเริ่มรู้สึกประหม่าโดยไม่มีเหตุผล
“โซเฟีย ฉันคิดว่าฉันยังทำไม่ได้…”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ?”
“เพราะฉันไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเอนเซีย…”
โซเฟียส่ายหัวกับคำพูดของฉัน
สีหน้าที่แน่วแน่ของเธอดูราวกับกำลังกรีดร้องบอกว่าฉันทำได้
“เธออาจจะยังทำไม่ได้ตอนนี้ แต่ถ้าฝึกไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ทำได้ ใช่ไหมล่ะ?”
“ฝึกงั้นเหรอ?”
“ใช่ เหมือนกับการยิงธนูไง”
จริงด้วย
ฉันจะคาดหวังให้ตัวเองเป็นเหมือนเอนเซียได้ตั้งแต่แรกได้ยังไงกัน?
โซเฟียพูดถูก สิ่งที่ฉันต้องการตอนนี้คือการฝึกฝน
“…ถ้าฉันฝึก ฉันจะสามารถเป็นเหมือนเอนเซียได้ในสักวันหนึ่งเหรอ?”
“ยิ่งกว่านั้นอีก”
ยิ่งกว่าเอนเซียเหรอ?
โซเฟียไม่ใช่คนที่จะพูดโกหก
ฉันรวบรวมกำลังใจแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ เหมือนที่เอนเซียทำก่อนหน้านี้
“ฉันจะลองดู”
“ดีมาก”
ฉันจ้องเขม็งพยายามเรียกความดิบเถื่อนที่อาจจะซ่อนอยู่ในตัวฉันที่ไหนสักที่ออกมา
จริง ๆ แล้วฉันยังไม่รู้วิธีปลดปล่อยความดิบเถื่อนออกมาด้วยซ้ำ แต่ฉันก็คิดว่าอย่างน้อยก็ควรทำให้ตัวเองดูน่าเกรงขาม
ฉันเป็นสัตว์กินเนื้อ
แถมยังเป็นนักล่าชั้นยอดที่ดุร้ายมากด้วย
ราวกับสะกดจิตตัวเองด้วยจินตนาการอันน่ากลัว ฉันเผยกรงเล็บออกมาเหมือนจะกระโจนเข้าใส่ได้ทุกเมื่อ
“กรร-กรรร…”
ฉันกวาดตามองไปรอบ ๆ พร้อมกับยกมือขึ้น
จองยูนาและนักผจญภัยคนอื่น ๆ ต่างยิ้มให้ฉัน
เอนเซียและอาร์โก้ก็ปรบมือให้ บอกว่าฉันทำได้ดี
แต่มีเพียงเลวีนัสคนเดียวที่ดูหวาดกลัวจริง ๆ
เธอสั่นและซ่อนตัวอยู่หลังจองยูนา
“อ๊ะ กรรร คงไม่ดีมั้ง…”
ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ ไม่น่าพูดว่า ‘กรรร’ ออกไปเลย
ฉันเผลอพูดอะไรน่าอายออกไปเพราะอินกับบรรยากาศมากเกินไป
ฉันเกาหลังคออย่างเก้อเขิน
“ไม่ค่ะ การพูดว่า ‘กรรร’ น่ะถูกต้องแล้วค่ะ”
“จ-จริงเหรอ…?”
“ใช่ เพราะมันจะช่วยเรียกสัญชาตญาณสัตว์ป่าของท่านออกมาได้ค่ะ”
“อ่า…”
น่าอายก็จริง แต่ถ้านี่เป็นวิธีที่ถูกต้องล่ะก็…
พอได้เห็นความดุร้ายของเอนเซียกับตาตัวเอง ฉันก็ปฏิเสธด้วยคำว่าไม่อยากทำไม่ได้
มันไม่ใช่แค่ขนลุก แต่ถึงขั้นทำให้ผิวของฉันสั่นระริก
ถ้ามันทำให้ฉันทำได้ แค่ความน่าอาย ฉันก็จะทน
“พยายามฝึกไปเรื่อย ๆ เวลาที่ท่านมีโอกาสก็พอค่ะ”
“…รวมถึง ‘กรรร’ ด้วยเหรอ?”
“ใช่แล้วค่ะ”
“โอเค เข้าใจแล้ว”
ฉันตัดสินใจว่าจะฝึกต่อไป
เพื่อที่จะเป็นเหมือนเอนเซียให้ได้ในสักวันหนึ่ง
ฉันทำใจยอมรับความอาย แล้วโชว์กรงเล็บของตัวเองอีกครั้ง
“กรร-กรรร…”
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ภายในสนามฝึกของกิลด์ยอมยอง บรรดานักผจญภัยพากันหยุดการฝึกและแอบมองไปทางหนึ่ง
“ฮืมม…”
“ฮืมมม…”
เด็กสาวมนุษย์สัตว์คนหนึ่งกำลังขู่ใส่กระจก พยายามทำหน้าดุสุดความสามารถ แถมยังเผยเขี้ยวเล็ก ๆ ของตัวเองออกมาด้วย
‘ขอบคุณที่ทำให้ผมเกิดมาครับ คุณพ่อคุณแม่’
‘น่ารักโฮก’
‘อยากอุ้มกลับไปเลี้ยงที่บ้านจัง’
แน่นอนว่าพวกนักผจญภัยรู้ดีว่า คยออุลไม่ได้แกล้งทำเป็นน่ารักหรือพยายามอวดความน่ารัก
เพราะความดุร้ายที่เอนเซียแสดงออกมาก่อนหน้านี้ ทำให้แม้แต่นักผจญภัยระดับสูงที่มีประสบการณ์ยังต้องเครียด
เธอคงพยายามจะเป็นเหมือนเอนเซีย
แต่กระบวนการกาาฝึกของเธอมันน่ารักเกินไป จนนักผจญภัยทุกคนอดยิ้มไม่ได้
“เคี๊ยว… กรรร…? มันไม่ค่อยถูกเลยแฮะ…”
ความพยายามอย่างจริงจังของเธอน่ารักมาก
ดูเหมือนว่าการมีคยออุลอยู่ อาจเป็นสวัสดิการที่ดีที่สุดของกิลด์ยอมยองก็เป็นได้
“วันนี้ฉันไม่อยากฝึกแล้ว”
“…เฮ้ อย่าแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นสิ”
“อ้อ จริงด้วย”
รอบยิ้มของพ่อแม่
นักผจญภัยในกิลด์กำลังมองคยออุลด้วยรอยยิ้มแบบนั้น ตอนที่ยอรึมปรากฏตัวขึ้นที่ประตูของสนามฝึก
เธอไม่ได้มองไปรอบ ๆ สนามฝึก แต่เดินตรงมาหาคยออุลทันที
“คยออุล ทำอะไรอยู่เหรอ?”
“ฉันกำลังฝึกอยู่”
“ฮืม? ฝึกโดยไม่มีธนูเนี่ยนะ?”
“เป็นการฝึกเพื่อดึงความดิบเถื่อนของมนุษย์สัตว์ออกมา”
ฝึกเพื่อดึงความดิบเถื่อนของมนุษย์สัตว์ออกมา?
คยออุลที่น่ารักน่าเอ็นดูจะทำอะไรแบบนั้นได้จริง ๆ เหรอ?
ยอรึมกระพริบตาด้วยความประหลาดใจ
“คยออุลทำได้เหรอ?”
“ฉันทำไม่ได้หรอก ก็เลยกำลังฝึกอยู่”
“อ่า… โชว์ให้พี่ดูหน่อยได้ไหม?”
การถูกขอให้โชว์ “กรรร” กับ “เคี๊ยว” มันน่าอายก็จริง แต่คยออุลก็ตัดสินใจจะทำเพื่อนาคตของตัวเอง
คยออุลอยากหลุดพ้นจากความขี้อายและขี้กลัว
อย่างน้อยที่สุด เธอก็อยากจะพูดคุยกับคนอื่นได้ตามปกติ
เพื่อให้ทำได้ เธอจำเป็นต้องสร้างความมั่นใจ
ด้วยความหวังเล็ก ๆ คยออุลค่อย ๆ ปลดปล่อยออร่าที่เธอฝึกออกมา
เผยเขี้ยวออกมาและยกกรงเล็บขึ้น
“กรรร…”
คยออุลขู่ยอรึมโดยแสดงความดุร้ายของสัตว์ออกมา
ยอรึมที่มองดูคยออุลในตอนนี้ได้แต่ยืนอ้าปากค้างโดยไม่พูดอะไร
“อ๊ะ ยังดูไม่น่ากลัวเท่าไหร่ใช่ไหม…?”
“……”
“มันอาจจะดูแปลก ๆ ไปหน่อย แต่พวกเขาบอกว่าถ้าฉันฝึกหนัก ๆ จะกลายเป็นนักล่าที่น่ากลัวสุด ๆ ได้ แล้วก็บอกว่ามนุษย์สัตว์ทุกคนทำได้…”
แม้ว่าคยออุลจะอธิบายไปแล้ว แต่ยอรึมก็ยังไม่ตอบอะไร
เธอได้แต่ยืนอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้นราวกับคนโง่
MANGA DISCUSSION