หางเป็นส่วนที่ฉันไม่มีมาตั้งแต่แรก และมันก็เป็นส่วนที่ฉันอยู่ได้โดยไม่ต้องมี
ดังนั้นฉันจึงแค่ถามไปว่าฉันสามารถเอามันออกได้ไหม
ทำไมยอรึมถึงทำหน้าแบบนั้นกันนะ?
โดยไม่รู้ตัว ฉันก็ถามออกไปเกี่ยวกับปฏิกิริยาของเธอ
“หางของฉันรบกวนคุณหรือเปล่า?”
“ไม่นะ ไม่เลย? มันไม่ได้รบกวนเลยสักนิด? จริง ๆ แล้วพี่ชอบมันด้วยซ้ำ?”
“จริงเหรอ…?”
ยอรึมไม่ได้โกหก
ถ้าเธอชอบมัน งั้นฉันก็ไม่มีเหตุผลที่จะตัดหางทิ้ง
“ใช่ หางของคยออุลเป็นของพี่ ดังนั้นห้ามตัดมันทิ้งเด็ดขาดนะ?”
“อืม…”
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่หางของฉันกลายเป็นของยอรึม?
หรือว่าเธอแค่ล้อเล่น?
มันเป็นเวลานานมากแล้วที่ฉันไม่ได้ล้อเล่นกับใคร เลยไม่รู้ว่าควรตอบสนองยังไง
ฉันทำเพียงเงยหน้ามองยอรึมอย่างมึนงง แล้วเธอก็ก้มลงมาให้อยู่ระดับสายตากับฉัน
“คยออุล เธอไม่ควรทำร้ายร่างกายตัวเองแบบไม่คิดหน้าคิดหลังนะ”
“อือ…”
แบบนี้ถือว่าเป็นการทำร้ายร่างกายตัวเองเหรอ?
ฉันแค่คิดว่ามันคงไม่เป็นไรถ้าจะเอาหางออก เพราะเดิมทีมันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของร่างกายฉัน
ยอรึมเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไป
ฉันไม่ใช่คนที่จะทำร้ายร่างกายตัวเองอย่างไม่ไตร่ตรอง
“ไม่ใช่แค่หางนะ แต่รวมถึงส่วนอื่น ๆ ของร่างกายด้วย เช่น มือ หรือหู…”
“เข้าใจแล้ว…”
“ใช่ บางทีคยออุลอาจจะยังไม่รู้มากพอ?”
“ไม่ ฉันรู้ดี”
ฉันรู้ดีว่าร่างกายมีค่าแค่ไหน โดยไม่ต้องให้ใครบอก
แม้แต่เด็กอนุบาลก็ยังรู้เรื่องนี้
แต่ยอรึมกลับส่ายหน้าให้ฉัน
“ไม่ล่ะ คยออุลยังไม่รู้จริง ๆ ”
“ฉันรู้ดี…”
“ถ้าเธอรู้จริง ก็คงไม่ทำงานจนล้มพับไปหรอก ใช่ไหม?”
ยอรึมดึงแก้มฉันด้วยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยพอใจ
มันไม่ได้เจ็บ แต่แก้มฉันยืดยาวออกไป
“อะไรกัน…”
หรือเป็นเพราะฉันแสดงออกว่าไม่ค่อยใส่ใจสภาพร่างกายตัวเอง?
แต่ถึงอย่างนั้น การล้มพับเพราะความเหนื่อยล้า กับการตัดอวัยวะออกไป มันเป็นเรื่องที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง
มันดูแปลกก็จริง แต่ฉันไม่มีความตั้งใจจะโต้เถียงกับคำพูดของยอรึม
ฉันรู้ว่าเธอเป็นห่วงฉัน
“…ใช่ ฉันคงยังไม่รู้จริง ๆ ”
“ใช่ ค่อย ๆ เรียนรู้ไปก็ได้ ไม่ต้องกังวลมากนัก เข้าใจไหม?”
“อืม…”
ฉันเกาไหล่ตัวเองอย่างเก้อเขิน ก่อนจะหันไปมองอาหารบุฟเฟ่ต์แทน
ตอนนี้ฉันตัดสินใจจะลิ้มรสอาหารให้เต็มที่
เพราะมันอาจจะเป็นสถานที่ที่ฉันไม่มีโอกาสได้มาอีกแล้วก็ได้
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
หลังจากกินบุฟเฟ่ต์เสร็จ พวกเราก็เดินเตร็ดเตร่ไปทั่วห้างโดยไม่มีเป้าหมายอะไรเป็นพิเศษ
เป็นยอรึมที่เสนอให้เดินเล่นดูของในห้าง
“อร่อยจัง วันนี้เลวีนัสกลายเป็นคนที่กินอาหารได้เยอะที่สุดในโลกแล้ว”
เลวีนัสลูบท้องตัวเองที่ป่องออกมาเล็กน้อย
ตรงกันข้ามกับคำพูดที่ดูโอ้อวดของเธอ ความจริงแล้วเลวีนัสไม่ได้กินเยอะขนาดนั้น
บางทีอาจเป็นเพราะเธอตัวเล็กเกินไป
แน่นอนว่าฉันเองก็เหมือนกัน
“คยออุลดูจะกินแต่เมนูปลานะ”
“ใช่ ฉันชอบอาหารที่ทำจากปลา”
สเต็กปลา
มันอร่อยสุด ๆ ไปเลย
ถ้าฉันเป็นเด็กที่ยังไม่มีประสบการณ์ในโลกมากพอ มันคงเป็นรสชาติที่ทำให้ฉันร้องไห้ออกมาขณะกินแน่ ๆ
“หึหึ เพราะงั้น คยออุลเลยชอบโซเฟียมากสินะ”
“…เพราะข้าเป็นมนุษย์สัตว์สายพันธุ์ปลาเหรอ?”
“ใช่ คยออุลอาจจะกินโซเฟียเข้าไปในอนาคตก็ได้นะ”
ยอรึมหัวเราะคิกคักเหมือนเด็ก ๆ
ฉันรีบโบกมือปฏิเสธทันที
“ไม่ ฉันไม่กินเธอหรอก…”
“ใช่ ล้อเล่นน่า ล้อเล่น”
“อะฮ่าฮ่า”
มันเป็นแค่เรื่องล้อเล่น
การล้อเล่นกับคนอื่นยังเป็นเรื่องที่ฉันไม่ถนัด
ฉันคิดว่าคงดีถ้าจะตั้งเป้าหมายต่อไปให้ตัวเองสามารถล้อเล่นกับคนอื่นได้อย่างเป็นธรรมชาติ
มันเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องลอง ถ้าฉันอยากใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดา
‘บางทีเริ่มจากเลวีนัสก่อนน่าจะดี’
เพราะเธอเป็นเด็กที่สุดและไร้เดียงสาที่สุด เธอคงจะตอบสนองต่อการแกล้งเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ดี
ฉันเหลือบมองเลวีนัสที่อยู่ใกล้ ๆ
“ว้าว…”
ดวงตาของเลวีนัสเป็นประกายขณะที่เธอมองไปที่ไหนสักแห่ง
มันคือร้านขายของเล่นที่ทาสีสดใส
เธอทำแค่มองของเล่น ไม่ได้อ้อนวอนขอให้เราซื้อเหมือนเด็กคนอื่น ๆ
อาจเป็นเพราะเธอคิดว่าเราคงไม่มีทางซื้อให้ เนื่องจากไม่มีเงิน
แค่คิดแบบนั้น หัวใจฉันก็เจ็บปวดขึ้นมา
ถึงแม้เงินจะขัดสนจริง ๆ แต่ดูเหมือนฉันต้องซื้อของเล่นสักหนึ่งหรือสองชิ้นให้เลวีนัส
“อยากได้ของเล่นไหม เลวีนัส?”
“อยาก… เลวีนัสอยากได้ตุ๊กตากระต่ายมีเขามาตลอดเลย…”
เลวีนัสจิ้มนิ้วกันไปมา และมองฉันอย่างระมัดระวัง
ฉันเห็นได้จากดวงตาของเธอว่าเธออยากได้ แต่ไม่กล้าขอ
“งั้นไปกันเถอะ ฉันจะซื้อตุ๊กตากระต่ายมีเขาให้เธอ”
“จริงเหรอ? ราชาจะซื้อตุ๊กตาให้เลวีนัสเหรอ?”
“ใช่ เลวีนัสยังไม่มีตุ๊กตาสักตัวเลยนี่นา”
เธอดีใจกับคำพูดของฉันสินะ?
เลวีนัสประสานมือเข้าด้วยกันและกระโดดขึ้นจากจุดที่เธออยู่
“ราชาสุดยอดไปเลย! ผู้ใหญ่คนอื่น ๆ บอกว่าจะไม่ซื้อตุ๊กตาให้เลวีนัส!”
ยอรึมขมวดคิ้วกับคำพูดของเลวีนัส
เธอรู้ว่ามันไม่ได้หมายถึงเธอ แต่หมายถึง ‘ผู้ใหญ่’
“ผู้ใหญ่ที่นิสัยไม่ดี”
“ผู้ใหญ่ก็เป็นแบบนั้นแหละ”
ฉันพูดอะไรผิดไปรึเปล่า?
ยอรึมกับโซเฟียสะดุ้งเล็กน้อย
“ไม่ใช่ว่าผู้ใหญ่ทุกคนจะแย่…”
“ใช่ บางครั้งก็มีคนดีอยู่บ้าง”
มีน้อยมาก
สิ่งมีชีวิตที่เกิดมาพร้อมกับความดีงาม
แต่จากประสบการณ์ของฉัน มนุษย์ที่เลวร้ายมีมากกว่ามาก
แน่นอน ฉันรู้ว่าคนส่วนใหญ่พยายามจะใช้ชีวิตให้เป็นคนดี
ฉันเองก็ใช้ชีวิตแบบนั้น
มนุษย์เกิดมาพร้อมกับความชั่วร้าย แต่พยายามจะเป็นคนดี
นั่นคือปรัชญาความเชื่อของฉัน
“คยออุลยัง…”
“ยัง?”
“เปล่า ไม่มีอะไร”
ยอรึมยิ้มอย่างเก้อเขิน
ดูเหมือนเธอมีอะไรอยากพูด แต่เลือกที่จะไม่พูด
ฉันมองหน้ายอรึมอย่างไร้อารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะวิ่งตามเลวีนัสที่พุ่งเข้าไปในร้านของเล่น
ฉันได้แต่หวังว่าตุ๊กตากระต่ายมีเขาจะไม่แพงเกินไป
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่นั้นแย่
นี่คือสิ่งที่คยออุลมองเห็นจากโลกนี้งั้นเหรอ?
ยอรึมรู้ตัวว่าเธอเองก็เป็นหนึ่งในผู้ใหญ่ที่แย่
เธออยากแก้ตัวกับคยออุล แต่ก็ทำไม่ได้
เธอรู้ดีว่าคยออุลใช้ชีวิตมาโดยไม่มีแม้แต่เสี้ยวหนึ่งของความหวัง
มันคงน่าเศร้ามาก ถ้าคยออุลมองเห็นแต่ความชั่วร้ายเต็มไปหมดในโลกนี้
โดยเฉพาะเมื่อยังมีคนดีอยู่ในโลกนี้อีกมากมาย
ยอรึมได้แต่มองแผ่นหลังของคยออุลที่เดินเข้าไปในร้านของเล่นอย่างหมดหนทาง
“โซเฟีย ฉันอยากให้คยออุลได้เห็นว่าผู้ใหญ่ที่ดีมีอยู่มากมายบนโลกนี้”
“งั้นเรามาทำด้วยกันเถอะ”
“ใช่…”
ยอรึมเดินเข้าไปในร้านของเล่นพร้อมกับโซเฟีย
ที่นั่น พวกเธอเห็นเลวีนัสและคยออุลยืนตาโตจ้องตุ๊กตา
“ว้าว ตุ๊กตาแพงมากเลย…”
“ใช่…”
ราคาตุ๊กตาในร้านเริ่มต้นที่หนึ่งแสนวอน
ห้างสรรพสินค้านี้หรูหรามากจนราคาสินค้าสูงลิ่ว
คยออุลที่คิดว่าราคาสูงสุดน่าจะอยู่ที่หนึ่งหมื่นวอนถึงกับตกใจ
กระต่ายมีเขาจริง ๆ ราคาหมื่นวอนเอง
แล้วทำไมตุ๊กตากระต่ายมีเขาถึงราคาแพงถึงสองแสนวอนกันล่ะ?
ระหว่างที่คยออุลจ้องป้ายราคาอย่างสยดสยอง
เลวีนัสกอดตุ๊กตากระต่ายมีเขาแน่น
หลังจากกอดตุ๊กตาแน่นอยู่ประมาณสิบวินาที เธอก็วางมันกลับที่เดิม
สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความผิดหวังและเสียดาย
“เลวีนัสเล่นกับมันพอแล้ว ไม่ต้องการมันอีกแล้ว”
“แต่ว่า…”
นี่ควรเป็นเวลาที่ต้องพูดว่า ‘ไม่เป็นไร’ แล้วตัดสินใจซื้อให้
แต่ตุ๊กตากระต่ายมีเขาแพงมากจนฉันพูดไม่ออก
ทำได้แค่ก้มหน้าด้วยความเศร้า
รู้สึกน่าสมเพชจนเกือบจะร้องไห้
“ขอโทษนะ ฉันอยากซื้อตุ๊กตาให้เธอ แต่ราคามันแพงเกินไป…”
“ไม่เป็นไร ไว้เรามาดูกันใหม่วันหลัง”
“อืม…”
ขณะนั้นเอง ตอนที่คยออุลกับเลวีนัสกำลังรู้สึกหดหู่ คนที่กำลังดูตุ๊กตาอยู่ในร้านก็หันมามองยอรึม
เธอรวยไม่ใช่เหรอ? ซื้อไปเลยสิ
ยอรึมรู้สึกเหมือนคนเหล่านั้นกำลังพูดกับเธอ
“นี่ เด็ก ๆ ?”
“ฮืม?”
“พี่ซื้อตุ๊กตาให้พวกเธอได้นะ…”
“จริงเหรอ?!”
ดวงตาของเลวีนัสเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
หลังจากนั้นเอง คนในร้านถึงได้แสดงสีหน้าผ่อนคลาย
ผู้ใหญ่ทุกคนล้วนอยากให้เด็กมีความสุข
“ใช่ คยออุล เธออยากเลือกอะไรที่ชอบบ้างไหม?”
“ฉันไม่เป็นไร”
ฉันจะเอาตุ๊กตาไปทำอะไรล่ะ?
คยออุลปฏิเสธอย่างหนักแน่น
อย่างไรก็ตาม ยอรึมกลับตีความการปฏิเสธของคยออุลไปอีกแบบ
“เอ่อ…”
เธอหวังว่าคยออุลจะไม่ได้ไม่ชอบตุ๊กตา
คยออุลยังอยู่ในวัยที่เล่นกับตุ๊กตาได้อยู่
ยอรึมนึกถึงสีหน้าผิดหวังของคยออุลตอนที่เห็นว่าตุ๊กตาราคาแพงเกินไปสำหรับเธอ
มันไม่ใช่แค่ซื้อไม่ได้ แต่หากเธอเป็นเด็ก การอยากได้ตุ๊กตาสักตัวเป็นเรื่องธรรมดา
เธอจะทำยังไงให้คยออุลรับตุ๊กตาไว้ดีล่ะ?
เพราะยอรึมไม่รู้วิธี เธอจึงตัดสินใจซื้อตุ๊กตาไว้ก่อน
ส่วนการให้ค่อยว่ากันทีหลัง
‘ฉันจะซื้อ…’
ตุ๊กตาแมวสีขาวที่หน้าตาคล้ายคยออุลมาก
ยอรึมหยิบตุ๊กตาขนาดเท่าศีรษะของเธอขึ้นมา
“นั่นคือตุ๊กตาแมวเหรอ?”
“ใช่ ฉันก็ชอบตุ๊กตาเหมือนกัน”
“อ๊ะ”
ผู้ใหญ่ก็ชอบตุ๊กตาเหมือนกันสินะ
มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
คยออุลพยักหน้า มองขึ้นไปที่ตุ๊กตาแมว
‘หูแล้วก็หางคล้ายของฉันเลย’
เป็นตุ๊กตาที่เธอรู้สึกผูกพันด้วยอย่างประหลาด
โดยไม่รู้ตัว หางของคยออุลเริ่มแกว่งไปมา
มันเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์สัตว์วัยเยาว์ที่มีต่อเผ่าพันธุ์เดียวกัน
“โอ้…”
เมื่อเห็นหางของคยออุลส่ายไปมา ยอรึมนึกในใจ
สุดท้ายแล้ว คยออุลก็ชอบตุ๊กตาจริง ๆ สินะ
MANGA DISCUSSION