หลังจากกลับถึงบ้าน ฉันเฝ้าสังเกตปฏิกิริยาของเลวีนัสอยู่สักพัก
ฉันรู้สึกไม่สบายใจเพราะประสบการณ์เลวร้ายที่ฉันเป็นต้นเหตุให้เธอพบเจอ
‘…ฉันอวดอ้างว่าจะช่วยเหลือเธอในยามอันตราย’
แต่แทนที่จะช่วยเหลือ ฉันกลับแสดงให้เห็นเพียงแค่ตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำ
มันเป็นสถานการณ์ที่ทำให้ใครก็ต้องผิดหวังได้
ฉันรู้สึกอับอายและเฝ้าดูเลวีนัสจากระยะไกล
ถ้าฉันแข็งแกร่งกว่านี้ เหตุการณ์ในวันนี้อาจจะไม่เกิดขึ้น
ขณะที่ฉันกำลังก้มหน้าด้วยความหดหู่ เลวีนัสที่ยืนเหม่ออยู่ข้างกองไฟก็เริ่มกระโดดไปมาอย่างกะทันหัน
“สุดยอด! ราชาช่างน่าทึ่งมากเลย!”
“เอ่อ อืม…?”
“เลวีนัสได้สู้กับผู้ใหญ่เป็นครั้งแรกในชีวิต! การอยู่กับราชาทำให้เลวีนัสมั่นใจขึ้นมากเลย!”
เลวีนัสคุยโวพลางเหวี่ยงกำปั้นไปมาในอากาศ
แม้ว่ากำปั้นของเธอจะดูน่ารัก แต่ความมั่นใจของเธอกลับยิ่งใหญ่กว่าใคร
“เจ้าสู้กับผู้ใหญ่ในดันเจี้ยนเหรอ?”
“ใช่! แต่ราชายั้งมือให้เขาด้วย!”
“ยั้งมือเหรอ?”
โซเฟียกับฉันเอ่ยถามด้วยความสงสัยพร้อมกัน
สุดท้ายแล้ว ฉันก็เป็นแค่ฝ่ายที่ถูกกระทำโดยไร้ทางสู้
“ใช่! ราชาไม่ได้ใช้แม้แต่อาวุธ! ราชาพยายามแก้ไขด้วยคำพูด ไม่ใช่ความรุนแรง!”
“…อย่างนี้นี่เอง”
โซเฟียยิ้มให้ฉัน
แววตาของเธอเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจอย่างไม่ต้องสงสัย
ฉันทำแบบนั้นก็แค่เพราะไม่ชอบการต่อสู้กับคนอื่น
ฉันรู้สึกเหมือนกำลังหลอกตัวเอง ใบหน้าจึงร้อนผ่าว
“คยออุล สู้ ๆ ! เจ้าชนะการต่อสู้นะ!”
“ฉ-ฉันชนะงั้นเหรอ?”
“ใช่! เลวีนัสก็คิดว่าราชาชนะ! ท่านไม่ฆ่า แต่ไว้ชีวิต! เป็นราชาที่เมตตาอย่างแท้จริง!”
แม้ว่าฉันยังสงสัยว่าเลวีนัสมองฉันอย่างไร แต่ก็อดดีใจไม่ได้ที่พวกเธอคิดแบบนั้น
ฉันหัวเราะเก้อ ๆ แล้วเกาแก้มตัวเอง
หางของฉันแกว่งไปมาในอากาศ สะท้อนถึงอารมณ์ของฉัน
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ในห้องประชุมของกิลด์ยอมยอง
มาสเตอร์คังจินโฮ ยอรึม จองยูนา และชเวจินฮยอกนั่งอยู่ด้วยกัน
“งั้น ฮันซอกจุนจากกิลด์ลีเจี้ยนเป็นคนให้วิดีโอนี้กับเธอใช่ไหม?”
“ใช่…”
“อืม…”
คังจินโฮครุ่นคิดพลางวางคางบนมือ มองไปที่กล้อง
หลังจากให้คังจินโฮใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ยอรึมก็พูดขึ้นอย่างระมัดระวัง
“ทั้งที่น้องชายของหนึ่งในผู้บริหารกิลด์ลีเจี้ยนอยู่ตรงนั้น แต่เขากลับส่งมอบกล้องมาโดยไม่ลังเลเลย”
“ยังไงมันก็ต้องถูกเปิดโปงในไม่ช้า เขาอาจคิดว่าถ้าถูกมองว่ามีการสนับสนุนจากกิลด์ยอมยองมันคงจะดีกว่า”
“…หรือว่าเขากำลังพยายามกบฏกิลด์?”
“ก็ถ้าเขาต้องการกอบกู้ความรุ่งเรืองในอดีต”
ทุกคนในห้องประชุมพยักหน้าให้กับข้อสังเกตของคังจินโฮ
กิลด์ลีเจีเยนเคยมีชื่อเสียงเทียบเท่ากิลด์ยอมยอง โดยเฉพาะในยุคของผู้นำกิลด์คนก่อน
‘วันที่ผู้นำกิลด์ลีเจี้ยนเสียชีวิตด้วยวัยชรา คนประหลาดคนหนึ่งก็ขึ้นมารับตำแหน่งแทน’
โดยไม่สนใจความสามารถหรือผลงาน เขาแต่งตั้งพรรคพวกของตัวเองเข้ามาเป็นผู้บริหาร
ผลที่ตามมาคือชื่อเสียงของกิลด์ลีเจี้ยนตกต่ำลง ทำให้สมาชิกที่อยู่มานานหมดศรัทธา
“พวกเขาจะทำยังไงถ้าฉันไม่รับข้อตกลงนี้?”
“พวกเขาโหยหาความรุ่งเรืองในอดีต คงจะสิ้นหวังกันมาก”
“อ่า…”
นี่เป็นการพนันที่ดูมีความหวังงั้นหรือ?
สำหรับยอรึมที่ครั้งหนึ่งเคยพยายามให้คยออุลได้รับพรแห่งเทพอสูร นี่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน การฝากความหวังไว้กับโอกาสเป็นเรื่องปกติ
“พักเรื่องกิลด์ลีเจี้ยนไว้ก่อน แล้วมาดูวิดีโอกัน”
“อ่า ค่ะ”
ยอรึมพยักหน้า ก่อนที่จองยูนาจะคลิกเมาส์
วิดีโอที่ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบปรากฏขึ้นบนผนังผ่านโปรเจ็กเตอร์
“มีเยอะเลยนะ”
“วิดีโอไม่ได้มีแต่ของคยออุล แต่ฉันแยกวิดีโอที่มีคยออุลไว้ในโฟลเดอร์แยกแล้ว”
คยออุล
จองยูนาเปิดโฟลเดอร์ที่มีป้ายชื่อว่า ‘คยออุล’
ภายในมีวิดีโอหลายสิบไฟล์ถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ
เธอยังไม่ได้ดูมัน แต่ได้จัดเรียงวิดีโอที่มีคยออุลปรากฏอยู่ในช่วงต้น
“…ทำไมถึงมีเยอะขนาดนี้”
“……”
จองยูนาเงียบไปกับคำพูดของคังจินโฮ
เพียงแค่จำนวนวิดีโอของคยออุลก็ปาไปตั้งมากมายแล้ว
“ก่อนที่เราจะเริ่ม ขอให้เข้าใจกันให้ชัดเจนก่อน”
“เรื่องอะไร?”
“เราไม่ได้ดูสิ่งนี้เพื่อจมอยู่กับความรู้สึกผิด”
“ค่ะ…”
เธอรู้สึกราวกับว่าเขาอ่านความคิดของเธอออก
ยอรึมก้มหน้าลง พลางเล่นนิ้วของตัวเอง
บางทีเธออาจตั้งใจจะดูวิดีโอเหล่านี้เพียงเพื่อตอกย้ำความรู้สึกผิดของตัวเอง
“เราสามารถปลอบโยนและไตร่ตรองเกี่ยวกับเด็กคนนั้นได้โดยไม่ต้องใช้วิดีโอ”
“…ค่ะ คุณพูดถูก”
“งั้นทำไมถึงยังยืนยันจะดู?”
เขากำลังถามหาเหตุผลที่ชัดเจนหรือ?
เธอสามารถแต่งข้ออ้างขึ้นมาก็ได้ แต่ยอรึมเลือกที่จะพูดความรู้สึกที่แท้จริงของเธอออกไป
“ฉันอยากเข้าใจคยออุลให้มากขึ้น”
“เข้าใจงั้นเหรอ”
“ใช่ ฉันคือครอบครัวของคยออุล”
เธอได้ตัดสินใจเรื่องนี้ตั้งแต่วันที่ตั้งชื่อให้คยออุล
เพื่อตั้งใจจะปฏิบัติกับเธอเหมือนครอบครัว
สิ่งที่เริ่มต้นจากความรู้สึกผิดได้แปรเปลี่ยนเป็นความรักในครอบครัวอย่างแท้จริง
“อารมณ์อ่อนไหวจริง ๆ …”
คังจินโฮยักไหล่ ก่อนจะส่งสัญญาณให้จองยูนา
ท่าทางของเขาบ่งบอกว่าอนุญาตให้เปิดวิดีโอได้
“…ฉันจะเริ่มแล้วนะ”
คลิก—
เสียงคลิกเบา ๆ ดังขึ้น ก่อนที่วิดีโอจะปรากฏบนจอขนาดใหญ่
วิดีโอเผยให้เห็นคยออุลก่อนการเปลี่ยนแปลง เธอสูงประมาณ 160 เซนติเมตร
เป็นส่วนสูงที่พบได้ทั่วไปในผู้หญิงธรรมดา
ใบหน้าของเธอถูกปกปิดด้วยเสื้อคลุม แต่ยอรึมรู้ดี
เธอเข้าใจว่าต่อให้ใบหน้าดั้งเดิมของคยออุลถูกปกปิดไว้ใต้เสื้อคลุม แต่ก็คงงดงามราวกับเทพธิดา
“ช่วยกรอกลับไปหน่อย…”
ในวิดีโอ คยออุลเอื้อมมือไปบนท้องฟ้า
เสียงของเธอมีความเป็นกลางทางเพศ แฝงความทุ้มแบบเด็กผู้ชาย
คยออุลจงใจแต่งตัวเป็นผู้ชาย?
ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัวของยอรึม ขณะที่ชายคนหนึ่งในวิดีโอ คนที่เธอคุ้นหน้า แกว่งขวดน้ำไปมา
“ถ้านายสัญญาว่าจะไม่กลับไปที่พื้นที่ล่ามอนสเตอร์ ฉันจะคืนให้นะ โอเคไหม?”
“ฉันสัญญาไม่ได้…”
“เฮ้อ ไอ้เด็กเวรนี่ ดื้อชะมัด”
ตุบ—
พัคมินกยูใช้ก้นขวดดันหน้าผากของคยออุล
แม้จะเป็นเพียงแรงผลักเบา ๆ แต่คยออุลก็ถอยหลังไปห้าก้าวก่อนจะล้มลงนั่ง
“อ-โอ๊ย…”
“ทำเป็นโอเวอร์ไปได้?”
พัคมินกยูมองลงมาที่คยออุลด้วยสายตาดูถูก
กล้องที่กำลังเคลื่อนที่จับภาพทุกอย่างไว้ได้หมด
“เฮ้ย ไปให้พ้นภายในห้านาทีซะ ไม่งั้นแกตายแน่”
“ขวดน้ำ…”
คยออุลในวิดีโอมองขวดน้ำด้วยสายตาสิ้นหวัง
สำหรับคนที่ดูอยู่ มันชัดเจนว่าของเหลวสีเหลืองในขวดนั่นเป็นสิ่งเดียวที่คยออุลมีเพื่อประทังชีวิต
หากไม่มีมัน คยออุลจะต้องเผชิญกับความอดอยาก
สำหรับเด็กที่ดิ้นรนเอาชีวิตรอด ขวดน้ำใบนี้มีค่ามากกว่าเส้นชีวิต
แต่พัคมินกยูกลับไม่แยแส แค่ยิ้มเยาะเท่านั้น
“ห้า”
“ฉันไม่มีที่ให้ไปแล้ว…”
“สี่”
“ฉันอยู่รอดไม่ได้ถ้าไม่มีที่นี่…”
แม้คยออุลจะอ้อนวอน แต่พัคมินกยูก็ยังคงนับถอยหลังต่อไป
ราวกับคนที่จงใจจะทำร้าย
“สาม”
กลางคันของการนับ คยออุลเริ่มตระหนักว่าพัคมินกยูจะไม่ยอมปล่อยเธอไป จึงหยุดชะงัก
แต่ก็แค่ชั่วพริบตา
จากท่านั่ง คยออุลเริ่มถอยหลังด้วยมือและเท้า ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งหนี
“สอง”
พัคมินกยูยังคงนับถอยหลัง ขณะที่คยออุลวิ่งหนี
และเมื่อเขานับถึงตัวเลขสุดท้าย
ตุบ—!
เขาขว้างขวดน้ำไปที่หลังศีรษะของคยออุลด้วยแรงมหาศาล จนวัสดุของขวดแตกกระจาย
เศษขวดและของเหลวสีเหลืองกระจายไปในอากาศเหมือนลูกโป่งน้ำแตก
คยออุลล้มลงคว่ำหน้ากับพื้น โดยไม่มีแม้แต่เสียงร้อง
“ไอ้เด็กนี่ แกล้งเป็นลมอีกละ สำออยจริง ๆ ”
วิดีโอแรกจบลงด้วยเสียงหัวเราะเยาะของพัคมินกยู
ยังมีวิดีโอเหลืออีกประมาณห้าสิบไฟล์
ยอรึมกำหมัดแน่นบนโต๊ะ เสียงหัวเราะของพัคมินกยูยังดังก้องในหูของเธอ
เธอกำหมัดแน่นจนโต๊ะสำนักงานขนาดใหญ่สั่นสะเทือน
‘เธอไม่ได้แกล้งเป็นลม… เธอหมดสติไปจริง ๆ ’
เด็กที่เกิดมาโดยไม่มีมานาต้องทนทุกข์ทรมานแค่ไหนกันแน่?
ยอรึมวางมือบนหน้าอกของตัวเอง หัวใจเต้นแรงยิ่งกว่าตอนอยู่ในสนามรบเสียอีก
“ขอโทษนะ ฉันดูต่อไม่ไหวแล้ว”
จองยูนาก้มหน้ามองพื้น สีหน้าซีดเซียว
แม้ปกติจองยูนาจะดูไม่สะทกสะท้านกับความโหดร้าย แต่เมื่อเป็นเรื่องของคยออุล เธอกลับอ่อนไหวเสมอ
ยอรึมรับแล็ปท็อปจากจองยูนา แล้วครุ่นคิด
วิดีโอที่เหลืออีกห้าสิบไฟล์อาจเป็นเพียงเศษเสี้ยวของสิ่งที่คยออุลเคยเผชิญ
ไม่ใช่แค่พัคมินกยูที่เคยทรมานคยออุล
นี่คือสิ่งที่เด็กคนหนึ่ง ซึ่งเพิ่งลืมตาดูโลก ต้องเผชิญจริง ๆ น่ะหรือ?
ความทุกข์ทรมานที่รุนแรงจนแม้แต่ผู้ใหญ่ยังอาจคิดยอมแพ้ต่อชีวิต
แม้แต่คังจินโฮ ซึ่งเคยชินกับการถูกเหยียดหยามในหลายรูปแบบ ก็ยังได้แต่กอดอกและหลับตาแน่น
“…นี่เพิ่งวันแรก พอแค่นี้ก่อนเถอะ”
“ใช่ ทุกคนดูได้รับผลกระทบมากทีเดียว”
พวกเขาไม่กล้าสบตาคยออุล เพราะรู้ดีว่าตัวเองเคยทำให้เธอเจ็บปวดแค่ไหน
พวกเขาไม่คิดจะแก้ตัว
มันเป็นความผิดของพวกเขาเอง
ตุบ—
ยอรึมปิดแล็ปท็อปลง แต่ไม่มีใครลุกออกจากห้องประชุม
ความจริงอันโหดร้ายที่ปรากฏในวิดีโอนั้นหนักหนาเกินกว่าที่จะทำใจยอมรับได้ทันที
MANGA DISCUSSION