ฉันเดินออกไปข้างนอก เพื่อตามหาเลวีนัส
เธออยู่ที่แปลงผักที่เราทำงานด้วยกัน โดยกำลังเก็บแครอท
“เลวีนัส เธอกำลังทำอะไรอยู่?”
“ถอนแครอท! เลวีนัสจะเอามันใส่ชาบูชาบู!”
“งั้นเหรอ”
กินชาบูชาบูกับแครอทที่เราปลูกเอง
ก็ไม่เลวเลย
ฉันย่อตัวลงข้าง ๆ เลวีนัสเพื่อช่วยเธอ
“แล้วราชาจะใส่อะไรลงไปในชาบูชาบูของตัวเอง?!”
“อืม ไม่รู้สิ? ฉันว่าแค่กินสิ่งที่มีอยู่ก็พอแล้วมั้ง?”
ยอรึมน่าจะเตรียมทุกอย่างไว้อย่างดีแล้ว
ฉันไม่ได้คิดว่าจะต้องไปหาอะไรเพิ่ม แต่จู่ ๆ เลวีนัสก็ตบหลังฉันเบา ๆ
“ราชาจะใส่อะไรก็ได้นะ?! โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อย ๆ หรอก!”
“เอ่อ…”
เลวีนัสคิดว่าชาบูชาบูคืออะไรกันแน่?
มันไม่ใช่อะไรที่เอาทุกอย่างใส่ลงไปได้สักหน่อย
ในฐานะผู้ใหญ่ ฉันไม่สามารถเข้าใจความคิดแบบเด็ก ๆ ของเธอได้ เลยได้แต่ช่วยถอนแครอทต่อไปเงียบ ๆ
“ราชาไม่คิดจะใส่อะไรหลากหลายลงไปหน่อยเหรอ?”
“อ่า เอ่อ ฉันก็ไม่แน่ใจว่าจะใส่อะไรดี มันไม่ใช่อาหารที่เหมาะกับชาบูชาบูสักหน่อย”
“จริงเหรอ? แล้วปกติราชากินอะไรล่ะ?”
อาหารที่ฉันเคยกิน
มันไม่ได้เหมาะกับชาบูชาบูสักเท่าไหร่
ฉันไล่พูดไปทีละอย่าง เพื่อตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของเลวีนัส
“ฉันเคยกินปลาซิว ดอกแดนดิไลออน แป้งข้าวโพด แล้วเวลาที่ไม่มีอะไรจะกินจริง ๆ ฉันก็เคยจับตั๊กแตนมากินด้วย”
“โอเค! งั้นมาใส่อันนั้นกันเถอะ!”
“ไม่ แบบนั้นไม่ได้…”
โดยเฉพาะตั๊กแตนน่ะ ยอรึมต้องไม่ชอบแน่ ๆ
ฉันกำลังจะรีบปฏิเสธ แต่เลวีนัสกลับทำตาเป็นประกายแล้วพุ่งตัวไปที่พุ่มไม้
“มีตั๊กแตนอยู่ตรงนั้น!”
“หา? อะไรนะ?”
บนพื้นหญ้ามีตั๊กแตนตัวหนึ่งนอนพักอยู่
รูปร่างของปีกและตำแหน่งของหนามที่ขาของมันตรงกับตัวที่ฉันจับได้เมื่อเช้าเป๊ะเลย
งั้นแกก็คือตัวที่ฉันเจอเมื่อเช้าน่ะสิ
แต่ฉันสามารถแยกแยะพวกมันได้ขนาดนี้เลยเหรอ?
ขณะที่ฉันกำลังทึ่งกับตัวเอง เลวีนัสก็กระโจนเข้าหาตั๊กแตน
ตุบ!
เธอพุ่งเข้าหาด้วยสองมือ แต่ตั๊กแตนกลับกระโดดหนีไปไกล
เนื่องจากความสามารถในการกระโดดที่ยอดเยี่ยมของเลวีนัส ตั๊กแตนก็เลยหนีไปได้
“หา?”
เธอผิดหวังที่จับมันไม่ได้เหรอ?
เลวีนัสจ้องมองฝ่ามือตัวเอง
ดูเหมือนฉันต้องสอนเธอว่าต้องจับตั๊กแตนยังไง
“เธอไม่ควรกระโดดสูงขนาดนั้นนะ”
“เหรอ?”
“ใช่”
ฉันเดินเข้าไปหาตั๊กแตนที่หนีไปไกล พร้อมทำท่าให้เลวีนัสดูเป็นตัวอย่าง
ฉันยื่นมือออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็คว้ามันมาได้อย่างง่ายดาย
ประสบการณ์หลายปีในการจับแมลงและตั๊กแตนของฉันได้ผลจริง ๆ
“จับได้เหรอ?!”
“ใช่ แค่พุ่งเข้าหาแบบนี้…”
ขณะที่ฉันกำลังจะสอนเลวีนัสเรื่องจับตั๊กแตนอีกครั้ง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากใกล้ ๆ
ฉันหันไปทางด้านข้างอย่างรวดเร็ว แล้วก็เห็นชายวัยกลางคนที่เคยช่วยเราจับโจรเมื่อครั้งก่อน กำลังยืนอยู่กับกลุ่มคนที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน
แต่จริง ๆ แล้ว มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันเจอพวกเขา
เพราะฉันไปที่กิลด์บ่อย เลยเคยเห็นหน้าพวกเขามาก่อน
“อ๊ะ! มาสเตอร์นี่นา!”
“…พวกเธอกำลังทำอะไรกันอยู่?”
“เลวีนัสกำลังหาของมาใส่ชาบูชาบูกับราชา!”
“ชาบูชาบู…?”
สายตาของมาสเตอร์เปลี่ยนไปมองแครอทในมือของเลวีนัส
เขาพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเห็นตั๊กแตนในมือฉัน
“เลวีนัสจะกินแครอท ส่วนราชาจะกินตั๊กแตน!”
“ตั๊กแตน…?”
มาสเตอร์และคนรอบข้างอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
พวกเขาพึมพำอะไรกันบางอย่าง แต่ฉันเลือกที่จะไม่สนใจนัก รู้สึกสะดุดใจกับท่าทีของมาสเตอร์เล็กน้อย
“อ่า คือ…”
ฉันรู้ดีว่าไม่ควรเอาตั๊กแตนมาใส่ในชาบูชาบู
ถึงจะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ยอรึมเกลียดอาหารที่ทำจากแมลงมาก
ฉันไม่คิดจะทำอะไรที่เธอไม่ชอบ
“ปกติเธอกินแมลงด้วยเหรอ?”
“ใช่ ใช่… กินเวลาหิวมาก ๆ แต่ฉันไม่ใส่ลงในชาบูชาบูหรอก คนอื่นไม่ชอบ”
“งั้นเหรอ”
มาสเตอร์พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะล้วงหยิบช็อกโกแลตชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า
เป็นช็อกโกแลตแบบเดียวกับที่เขาเคยให้ฉันกับเลวีนัสมาก่อน
“ช็อกโกแลต!”
“เอานี่ใส่ลงไปในชาบูชาบูด้วยสิ”
“อ๊ะ! นี่มันเป็นความคิดที่ดีเลย!”
เลวีนัสกระโดดขึ้นรับช็อกโกแลตด้วยความตื่นเต้น
ฉันทำได้แค่ยืนอึ้งกับสิ่งที่มาสเตอร์ทำ
‘เขาต้องล้อเล่นแน่ ๆ ใช่ไหม?’
แต่ถึงอย่างนั้น การใส่ช็อกโกแลตลงในชาบูชาบูก็ดูเป็นไปไม่ได้มากกว่าการใส่ตั๊กแตนเสียอีก
ฉันอยากบอกเลวีนัสว่ามาสเตอร์แค่ล้อเล่น แต่ก็มีบางอย่างที่ทำให้ฉันลังเล
ความจริงที่ว่าหลักสามัญสำนึกของโลกนี้แตกต่างจากโลกเดิมของฉัน
‘ที่นี่ไม่มีซัมจัง แถมเรายังกินเนื้อที่เรียกว่านารุที่แปลกประหลาดอีก…’
เมื่อคิดถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมอาหาร การพูดอะไรออกไปว่าเป็นไปไม่ได้อาจกลายเป็นเรื่องน่าอายได้
ในสถานการณ์แบบนี้ เงียบไว้คงดีที่สุด
อย่างน้อยก็ครั้งนี้
“ขอบคุณ มาสเตอร์! เลวีนัสจะใส่ช็อกโกแลตลงในชาบูชาบูแน่นอน!”
“ดีมาก ตอนนี้พอได้แล้ว กลับเข้าไปข้างในเถอะ ผู้ใหญ่จะเป็นห่วง”
“ค่า!”
แครอท ช็อกโกแลต แล้วก็ตั๊กแตน
พวกเรากลับมาถึงบ้านพร้อมกับวัตถุดิบที่ไม่น่าจะเข้ากับชาบูชาบูได้
“เลวีนัสกลับมาแล้ว!”
เลวีนัสตะโกนเสียงดังพลางวิ่งเข้ามาในห้องนั่งเล่น
ชาบูชาบูถูกจัดเตรียมไว้บนโต๊ะเสร็จแล้ว
“กลับมาแล้วเหรอ?”
“อืม…”
“ใช่! เลวีนัสเอาของมาใส่ในชาบูชาบูด้วย!”
เลวีนัสยื่นแครอทกับช็อกโกแลตให้ยอรึมดู
ฉันยืนดูอยู่ข้างหลัง ไม่แน่ใจว่ายอรึมจะมีปฏิกิริยายังไง
“แครอทใส่ได้นะ แต่ช็อกโกแลตมันคงยากเกินไปหน่อย ว่าไหม?”
“งั้นเหรอ?”
“ใช่ กินเป็นของหวานตอนท้ายแทนดีไหม?”
“โอเค! เข้าใจแล้ว!”
ยอรึมยิ้มตาหยี แต่พอเห็นตั๊กแตนในมือฉัน สีหน้าของเธอก็แข็งค้างไป
“ราชาบอกว่าจะกินตั๊กแตนในชาบูชาบูด้วยนะ!”
“คยออุล เราตกลงกันไงว่าจะไม่กินตั๊กแตน…”
“ก็ใช่…”
ฉันรู้สึกโดนใส่ร้าย
ตั๊กแตนเป็นสิ่งที่เลวีนัสยืนยันจะเอามาใส่ แม้ว่าฉันจะไม่เห็นด้วย
แต่ฉันก็โทษเลวีนัสที่ยังเด็กไม่ได้ เลยต้องปล่อยเลยตามเลยเหมือนเป็นความคิดของตัวเอง
“ปกติไม่มีใครใส่ตั๊กแตนในชาบูชาบูหรอกนะ เรามาใส่อย่างอื่นกันดีกว่า เห็นด้วยไหมคยออุล?”
“อืม…”
ฉันก็รู้อยู่แล้ว
ว่าตั๊กแตนไม่ได้เหมาะกับชาบูชาบูเลย
ฉันรู้สึกเหมือนโดนกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม จนไหล่ตกด้วยความพ่ายแพ้
“แต่ชาบูชาบูนี่อร่อยมากเลยนะ คยออุลเคยกินมาก่อนไหม?”
“ไม่ นี่เป็นครั้งแรกของฉัน”
คนที่เคยกินชาบูชาบูมาก่อน คงไม่มีใครคิดจะใส่ตั๊กแตนลงไปหรอก
อีกครั้งที่ฉันกลายเป็นคนที่ต้องลองทุกอย่างเป็นครั้งแรก
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
หลังจากฟังคำอธิบายทั้งหมดของจองยูนา นักจิตวิทยาก็หลับตาแน่น รู้สึกช็อกกับประสบการณ์ราวกับนรกที่เด็กคนนั้นเคยเผชิญ
“งั้น เธอเคยคิดว่าเด็กคนนั้นเป็นผู้ใหญ่ที่น่าสมเพช เพราะจับกระต่ายมีเขายังไม่ได้สินะ”
“ค่ะ…”
มันคงไร้สาระมาก ถ้าผู้ใหญ่คนหนึ่งจะจับกระต่ายมีเขาไม่ได้เลย
คนแบบนั้นอาจถูกล้อเลียนได้ง่าย โดยเฉพาะยิ่งกับคนนิสัยไม่ดี
นักจิตวิทยาพยายามทำความเข้าใจจองยูนาให้มากที่สุด พยายามยืนอยู่ข้างเธอและเข้าใจมุมมองของเธอ
แม้ว่าเธอจะดูไม่เหมือนคนที่จะล้อเลียนใครก็ตาม
“ยูนา เธอเคยล้อเลียนเด็กคนนั้นด้วยหรือเปล่า?”
“ฉันเคยหัวเราะครั้งหนึ่ง ตอนเห็นเธอถูกกระต่ายมีเขาไล่…”
“อ่า…”
เธอคงไม่รู้ว่า จริ งๆ แล้ว กระต่ายมีเขาสามารถฆ่าคนได้
สำหรับคนที่ไม่รู้สถานการณ์ของเด็กคนนั้น มันอาจจะดูเป็นเรื่องขำขัน
แต่ความจริงแล้วมันเลวร้ายกว่านั้นมาก
“เธอบอกว่ามีคนทำร้ายร่างกายเด็กคนนั้นด้วย ใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ ในดันเจี้ยนของผู้เริ่มต้น…”
จองยูนาชะงักไปเล็กน้อย รู้สึกถึงความขัดแย้งบางอย่างในบทสนทนา
‘คยออุลไม่มีมานา…’
ปกติแล้ว การถูกตีที่หลังศีรษะจะไม่เจ็บมากนักสำหรับคนที่มีมานา
แต่ปัญหาคือ เด็กคนนั้นไม่มีมานาเลย
สำหรับเด็กที่ไม่มีมานา การโดนตีเข้าที่หลังศีรษะ จะต้องเจ็บมากแค่ไหนกัน?
ด้วยทักษะการวิเคราะห์ของนักเวท จองยูนาก็หาข้อสรุปได้อย่างรวดเร็ว
มันคงรู้สึกเหมือนโดนค้อนทุบ
“อ่า”
การตีเบา ๆ ที่หลังศีรษะ
การผลักตัวเบา ๆ
ทำไมเธอถึงเผลอใช้คำว่า ‘เบา’ ไปได้?
สำหรับคยออุลที่ไม่มีมานาเลย มันไม่มีทางเป็นแรงกระแทกที่ ‘เบา’ ได้เลย
สีหน้าของจองยูนาซีดเผือด เธอยกมือขึ้นปิดหน้า ราวกับพยายามซ่อนสีหน้าของตัวเอง
‘ฉันมองมันจากมุมของตัวเองมาโดยตลอด’
สำหรับเด็กคนนั้น แม้แต่การตบเบา ๆ จากใครสักคน ก็คงเป็นสถานการณ์ที่เสี่ยงถึงชีวิตได้
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เด็กคนนั้นหวาดกลัวและหลีกเลี่ยงไม่ให้ใครเข้าใกล้
ในโลกของคยออุล ทุกคนอาจเป็นสัตว์ประหลาดที่สามารถฆ่าเธอได้
‘เธอยังค่อย ๆ เปิดใจ ทั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องแบบนั้น?’
จริง ๆ แล้ว เธอเคยคิดแบบหยิ่งผยองเช่นนั้นมาก่อน
พวกเขาคิดว่า คยออุลค่อย ๆ เปิดใจเพราะพวกเขาปฏิบัติต่อเธอได้ดี
แต่เมื่อได้ตระหนักถึงความเจ็บปวดที่คยออุลเคยเผชิญจริง ๆ พวกเขาก็รู้ว่าความคิดของตัวเองช่างโง่เขลานัก
แม้จะเคยเผชิญกับความเจ็บปวดที่ไม่อาจจินตนาการได้ เธอกลับเลือกที่จะเปิดใจให้กับคนที่เคยทำร้ายเธอ
มันไม่ใช่เพราะการกระทำที่ดีของพวกเขา แต่เป็นเพราะคยออุลเลือกที่จะ ‘ให้อภัย’ พวกเขาก่อนต่างหาก
“······.”
ฉันจะให้อภัยคนที่หัวเราะเยาะฉันในตอนที่ฉันกำลังจะตายได้ไหม?
จองยูนาส่ายหน้าโดยไม่ต้องคิดเลย
แน่นอนว่า เธอคงจะกลายเป็นวิญญาณที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวงและการแก้แค้น
‘คยออุลเป็นเด็กที่เมตตามากเลย’
จะมีที่ไหนอีก ที่จะมีเด็กที่จิตใจดีเช่นเธอในโลกใบนี้?
ความรู้สึกผิดของจองยูนายิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก
MANGA DISCUSSION