ฉันคิดว่าตัวเองแค่ถ่ายวิดีโอ แต่กลับไม่รู้เลยว่าดันเปิดไลฟ์ไปด้วย
ฉันกระพริบตา พยายามนึกย้อนว่าตัวเองทำอะไรไปบ้าง
‘ฉันมั่นใจว่า…’
ฉันออกมาข้างนอก นับจำนวนปลาในบ่อ เก็บขยะและขวดเปล่า
แล้วก็วิ่งไล่จับตั๊กแตนอยู่กลางสนามหญ้า
ถึงฉันจะไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แต่กลับรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันทำอะไรแปลก ๆ ไปรึเปล่า…?”
“เปล่านี่? คยออุลน่ารักออก”
“น่ารัก…?”
ความคิดที่ว่าฉัน ซึ่งห่างไกลจากคำว่าน่ารัก ถูกเรียกว่าน่ารัก มันฟังดูเหลวไหลสิ้นดี
มันแปลว่าฉันต้องดูแปลกมากแน่ ๆ
ฉันรู้สึกหมดหวัง ยกมือขึ้นแตะหัวตัวเอง ก่อนจะพบว่าหูของฉันตกลงมา
“ปิดไลฟ์ก่อนดีไหม?”
“อืม…”
ฉันลดมือลงอย่างระมัดระวัง ก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
บนหน้าจอเต็มไปด้วยข้อความแชตที่ไหลขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
—มนุษย์สัตว์กินแมลงกันเป็นปกติเลยเหรอ?
—พวกสัตว์เลื้อยคลานนี่ใช่ แต่พวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมน่าจะไม่มั้ง?
—ยอรึม ดูแลคยออุลดี ๆ นะ ㅜㅜ เด็กน้อยกินแมลง ㅜㅜ
—โอ้ กิลด์ยอมยอง…
—แต่ยังไงก็เถอะ เธอตอนเล่นกับแมลงก็น่ารักดีนะ?
การกินแมลงมันแปลกขนาดนั้นเลยเหรอ?
ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนกดปิดไลฟ์
คลิก—
หน้าจอดับไปแล้ว แต่ข้อความแชตยังคงไหลขึ้นมาอยู่พักหนึ่ง
—คยออุล บ๊ายบาย
เหมือนเป็นคำอำลา แชตของใครบางคนโผล่ขึ้นมาเป็นข้อความสุดท้าย ก่อนที่ฉันจะวางโทรศัพท์ลง
แล้วฉันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง
“ทำไมคยออุลถอนหายใจเยอะจัง?”
“ฉันกังวลว่าคนอื่นจะคิดว่าฉันแปลก”
“หืม? แต่คยออุลน่ารักออกนะ ฉากที่คยออุลไล่จับตั๊กแตนน่ะ สนุกสุดๆ เลย”
“เป็นไปไม่ได้…”
ฉันน่ะเหรอ น่ารัก?
แย่ที่สุดเลย
ฉันห่อไหล่ลง ไม่ยอมรับคำพูดของยอรึม
“ทำไมล่ะ? มันแปลกตรงไหน?”
“ก็… ฉันไม่เคยถูกชมว่าน่ารักมาก่อนเลย…”
ฉันเป็นคนที่ห่างไกลจากคำว่าน่ารักมาก
ฉันต้องดูน่าขันขนาดไหนกัน ถึงถูกเรียกว่าน่ารัก?
ฉันเดินกลับไปที่อาคารกิลด์อย่างหมดแรง
‘ช่างมันเถอะ…’
การถูกล้อเลียนเป็นเรื่องปกติในชีวิตฉันอยู่แล้ว
ฉันยืดหลังตรงแล้วเดินอย่างภูมิใจ ถึงแม้หูกับหางจะลู่ลงก็ตาม
ฉันไม่สนใจมัน
“ว่าแต่… ถ่ายรูปสนุกไหม?”
“ก็โอเคนะ”
“อ่า โอเค”
ฉันรู้สึกได้ว่ายอรึมกำลังมองฉันอยู่จากด้านหลัง
หลังจากยืนอยู่สักพัก เธอก็รีบเดินมาหาฉัน
“คยออุล ลองหางานอดิเรกทำดูไหม?”
“งานอดิเรก?”
“ใช่ วาดรูปเป็นไง?”
วาดรูป
เป็นงานอดิเรกที่คนปกติทำกันที่บ้าน
ฉันพยักหน้าให้ยอรึม
“ฟังดูดีนะ”
“โอเค งั้นเดี๋ยวพี่ขอจัดการอะไรนิดหน่อยสักสิบนาทีแล้วจะตามไปนะ คยออุลเข้าไปก่อนเลยได้ไหม?”
“อืม…”
“เฮ้อ”
ยอรึมนั่งลงบนม้านั่ง แล้วใช้มือปาดหน้าเบา ๆ
ถึงแม้จะคิดว่าตัวเองชินกับมันแล้ว แต่เธอก็ยังอดรู้สึกเศร้าไม่ได้
“เฮ้อ…”
มันน่าเศร้าที่เด็กอายุแปดขวบ ซึ่งควรเติบโตมาพร้อมกับความรัก กลับไม่เคยได้ยินใครเรียกว่าน่ารักเลย
แม้ว่าหลายคนจะบอกว่าเธอน่ารัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างหนักแน่น ยืนกรานว่ามันเป็นไปไม่ได้
เมื่อรู้ว่าคยออุลเคยผ่านชีวิตแบบไหนมา ยอรึมก็รู้สึกหมดหวังอย่างบอกไม่ถูก
‘มันเป็นความผิดของฉันเอง’
เพี๊ยะ—
ยอรึมตบแก้มตัวเองราวกับต้องการปลอบใจตัวเอง
เสียงดังจนคนรอบข้างหันมามอง รวมถึงจองยูนาและชเวจินฮยอกด้วย
“ยอรึม ทำอะไรอยู่ที่นี่น่ะ?”
“อ้อ จินฮยอก ยูนาก็อยู่นี่ด้วยเหรอ”
เดิมที ยอรึมตั้งใจจะเก็บความรู้สึกผิดไว้คนเดียว แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเล่าให้ทั้งสองฟัง เพราะเธอรู้ว่าต้องการความช่วยเหลือจากทุกคนในการช่วยคยออุล
“คือว่า…”
ยอรึมเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับคยออุล รวมถึงปฏิกิริยาของเธอต่อคำว่าน่ารัก
“หมายความว่า เธอไม่เคยได้ยินคำว่าน่ารักมาก่อนเลยเหรอ?”
“ใช่”
“ถ้าดูจากสิ่งที่เธอเคยเจอมา ก็พอเข้าใจได้ว่าทำไมคยออุลถึงยอมรับมันไม่ได้”
จองยูนาพยักหน้าอย่างเข้าใจ
ชเวจินฮยอกที่เงียบฟังมาตลอด เอ่ยปากขึ้นมา
“แล้วตอนนี้เธอคิดจะทำยังไงต่อ?”
“ฉันอยากเริ่มจากหาสิ่งที่คยออุลชอบ เราตัดสินใจว่าจะลองวาดรูปด้วยกันที่บ้าน”
“วาดรูปเหรอ?”
จองยูนาและชเวจินฮยอกสบตากัน
หลังจากสื่อสารกันเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ยูนาก็พูดขึ้นอย่างระมัดระวัง
“พวกเราร่วมด้วยได้ไหม?”
“ด้วยกันเหรอ?”
“ใช่ ยิ่งมีคนบอกว่าเธอทำได้ดีมากเท่าไหร่ เธอก็จะยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้น”
“ฟังดูมีเหตุผลนะ”
พูดชมคยออุลไปพร้อมกับทุกคน
แม้มันจะดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่มันก็คือวิธีน่าจะได้ผลมากที่สุด
ยอรึมตัดสินใจทำตามข้อเสนอของยูนา
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ยอรึมเป็นคนที่ร่ำรวยมาก
แค่คิดว่าจะต้องวาดรูปกับคนแบบเธอก็ทำให้ฉันรู้สึกหวาดหวั่น
‘ถ้ามันกดดันเกินไป ฉันควรจะปฏิเสธ’
ฉันเคยได้ยินมาครั้งหนึ่ง
ว่ามีสีน้ำบางชนิดมีราคามากกว่าสิบล้านวอน
ยอรึมที่ร่ำรวยขนาดนั้น อาจจะซื้อมาใช้ได้อย่างสบาย ๆ
ถ้ามันรู้สึกผิดที่ต้องใช้ของแพง ฉันคงเลือกใช้แค่กระดาษกับดินสอดีกว่า
ขณะที่ฉันกำลังตัดสินใจแบบนั้น ฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากนอกประตู
ไม่ใช่แค่คู่เดียว แต่เป็นสามคู่
‘ใครกันนะ?’
ขณะที่ฉันตั้งใจฟัง ก็มีใครบางคนเปิดประตูเข้ามา
ตรงมุมทางเดินรูปตัว L มีใบหน้าที่ฉันคุ้นเคยโผล่ออกมา
“คยออุล”
“อ่า”
เป็นจองยูนาและชเวจินฮยอก
ความตึงเครียดที่พุ่งสูงขึ้นของฉันค่อย ๆ คลายลง
พวกเขาเปรียบเสมือนเพื่อนร่วมรบที่เคยผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน
ด้วยความดีใจ ฉันจึงรีบวิ่งไปหาพวกเขา
ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาขำอะไร แต่ยอรึมกับจองยูนาต่างก็ยิ้มโดยไม่พูดอะไร
“ยิ้มอะไรกัน?”
“ก็แค่ดีใจที่ได้เจอเพื่อน เท่านั้นเอง”
“เพื่อน?”
ฉันเข้าใจว่ายอรึมเป็นเพื่อน แต่จองยูนาก็เป็นเพื่อนฉันด้วยเหรอ?
ฉันรู้สึกดีใจจนเผลอพนมมือเข้าหากันเหมือนกำลังสวดมนต์
“คุณอยากเป็นเพื่อนฉันไหม?”
“ใช่ ๆ เราเป็นเพื่อนกัน”
ยอรึมกับจองยูนา
ฉันมีเพื่อนเพิ่มมาอีกสองคน
ฉันยืนอึ้งด้วยความตื้นตัน ขณะที่ยอรึมถอดรองเท้าและพาฉันเข้าไปในบ้าน
โซเฟียและเลวีนัส
จองยูนาและชเวจินฮยอก
และยอรึมกับฉัน
บ้านกว้างขวางก็จริง แต่พอทุกคนอยู่รวมกันแล้วมันกลับรู้สึกแคบไปหน่อย
“เยอะจัง…”
ถ้าเป็นฉันเมื่อหนึ่งปีก่อนคงคิดภาพว่าฉันจะมีเพื่อนเป็นคนพวกนี้ไม่ออกแน่
ขณะที่ฉันมองไปรอบ ๆ ด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย ยอรึมก็สะกิดไหล่ฉัน
“นี่ อุปกรณ์วาดรูป”
“อ่า โอเค”
ฉันรับอุปกรณ์ที่ยอรึมส่งมาให้
ฉันคิดว่าจะได้สีแบบหรู ๆ แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นสีเทียน ดินสอสี และสมุดวาดรูปของเด็ก
มันไม่ดูเด็กไปหน่อยเหรอ?
ฉันเงยหน้ามองยอรึมที่ถืออุปกรณ์วาดรูปอยู่ แต่เธอกลับหัวเราะเหมือนไม่ได้คิดอะไร
“คยออุลจะวาดอะไรเหรอ?”
“อืม ไม่รู้สิ?”
ฉันเพิ่งตระหนักได้ว่าตัวเองวาดรูปไม่เก่ง
บางทีฉันควรวาดอะไรที่ง่าย ๆ แล้วรีบจบไปเลย
ฉันนั่งลงที่โต๊ะแล้วเปิดสมุดวาดรูป
“เลวีนัสก็อยากวาดด้วย…”
“ได้สิ อยากวาดด้วยกันไหม เลวีนัส?”
“อยาก!”
“พวกเราทั้งหมดมาวาดรูปด้วยกันเลยดีไหม?”
แซ่ก—
ยอรึมฉีกหน้ากระดาษจากสมุดวาดรูปแล้วแจกให้ทุกคน
ชมรมศิลปะกะทันหันนี้เป็นอะไรที่ไม่คาดคิด แต่ก็ไม่ได้แย่
ฉันไม่ได้ชอบวาดรูปเป็นพิเศษ แต่การได้สนุกกับงานอดิเรกร่วมกับทุกคนเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับฉันในชีวิตนี้
‘บางทีฉันควรวาดสิ่งที่ฉันชอบ’
สิ่งที่ฉันชอบ
ฉันชอบแนวเอาตัวรอด โดยเฉพาะเรื่องราววันสิ้นโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้
การเอาชีวิตรอดไปวัน ๆ ใช้ทักษะต่าง ๆ ในโลกที่ความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม
ความชื่นชอบในแนวนี้ช่วยให้ฉันเอาชีวิตรอดในโลกนี้ได้ แม้จะมีอุปสรรคมากมาย
การใช้ชีวิตในเต็นท์กลางภูเขาลึกก็มีเสน่ห์แบบหนึ่ง
‘ฉันจะวาดวันสิ้นโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้’
เพื่อให้เห็นภาพเมืองที่พังพินาศ ฉันวาดตึกที่พังถล่มและไฟลุกท่วม พร้อมกับซอมบี้รูปร่างบิดเบี้ยวรอบ ๆ
แน่นอนว่าฝีมือวาดรูปของฉันแย่มาก จนมันดูเหมือนภาพที่เด็กใช้สีเทียนวาด
“อืม…”
สุดท้าย ฉันวาดตัวเองที่กำลังเอาชีวิตรอดในโลกซอมบี้
ฉันวาดตัวเองเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวตรงกลางภาพ โดยไม่ลืมวาดหูและหางสีขาวอันเป็นเอกลักษณ์
‘…ไม่ค่อยดีเลย’
ฝีมือแย่ลงเพราะว่ากลายเป็นเด็กงั้นเหรอ?
หรือว่าฉันวาดเร็วเกินไป?
ฝีมือวาดรูปของฉันแย่กว่าที่เคย
ฉันตัดสินใจว่าจะตั้งใจวาดใหม่อีกครั้ง ขณะที่กำลังจะขยำภาพวาดที่น่าอายทิ้ง
ดวงตาของยอรึมเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“ทำไมถึงขยำภาพล่ะ?”
“มันแย่”
“เอาหน่า พี่ขอดูหน่อยสิ มันอาจจะดีกว่าที่คิดก็ได้นะ”
“…ฉันวาดแย่จริง ๆ ”
ฉันลังเลก่อนที่จะค่อย ๆ คลี่กระดาษที่ขยำออกมา ท่ามกลางสายตาจับจ้องของฮันยอรึม
เพราะรู้สึกเขินที่ทุกคนกำลังมอง ฉันจึงค่อย ๆ คลี่ออกช้า ๆ
บางทีเพราะรอยยับ ภาพของโลกที่ล่มสลายจึงดูโกลาหลยิ่งขึ้น
มันเหมือนภาพที่เด็กคนหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางโลกซอมบี้เป็นคนวาด
กลายเป็นว่ามันให้ผลลัพธ์ที่ดีพอสมควร
ฉันควรขยำเพิ่มอีกหน่อยไหมนะ?
ขณะที่ฉันกำลังคิด ยอรึมก็ทำดินสอสีหลุดจากมือ
เธอดูเหมือนตกใจกับอะไรบางอย่าง
“คนพวกนี้กำลังมีเลือดไหล…? แล้วคนตรงกลางนี่คือคยออุลเหรอ…?”
“ใช่ นั่นฉันเอง”
“ตึกทั้งหมดถูกทำลายหมดเลย…?”
“ใช่ โลกถึงจุดจบแล้ว”
ทุกคนที่มองภาพวาดอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
แม้แต่ชเวจินฮยอกกับโซเฟีย ที่ปกติทำหน้าจริงจังตลอดเวลา
บางทีฉันอาจวาดได้ดีกว่าที่คิด
MANGA DISCUSSION