เรื่องที่มีน้ำร้อนไหลอยู่ตลอด ทำให้ฉันเบิกบานใจจนหางของฉันแกว่งไปแกว่งมา
ฉันอยากจะเพลิดเพลินกับการอาบน้ำอุ่นโดยไม่ต้องยั้งมือ แต่ที่นี่ไม่ใช่บ้านของฉัน
ฉันไม่สามารถใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองได้
“เลวีนัส”
ฉันเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นผิดปกติ
เลวีนัสที่ดูเหมือนจะสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างแปลกไป เธอก็มองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวังด้วยร่างกายที่เปียกโชก
“ทำไมราชาถึงเรียกเลวีนัสล่ะ?”
“พวกเราใช้น้ำร้อนอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังไม่ได้ ถึงแม้มันจะสุขใจที่ได้ใช้มันก็ตาม”
“งั้นเหรอ?”
“ใช่ น้ำอุ่นใช้แค่เฉพาะตอนที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังตัวแข็งตอนอาบน้ำเย็นก็พอแล้ว”
น้ำร้อนมีค่ามากกว่าน้ำเย็น
นั่นคือสิ่งที่ควรทำ
ฉันเงยหน้ามองยอรึมเพื่อขอการยืนยัน แต่เธอกลับยิ้มเจื่อนให้ฉันแทน
“คยออุล ในกิลด์สามารถใช้น้ำร้อนได้ตามสบายเลย”
“จริงเหรอ?”
“ใช่ อาคารของกิลด์ใช้หินมานาในการทำความร้อน ซึ่งมีประสิทธิภาพมาก”
การใช้หินมานาเพื่อให้ความร้อนมันมีประสิทธิภาพมากแค่ไหนกัน?
ฉันไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับมัน เลยไม่อาจรู้ได้
สิ่งเดียวที่ฉันทำได้คือเงียบปากเอาไว้
“ถ้างั้นเลวีนัสจะอาบน้ำร้อนเป็นชั่วโมงเลย!”
เลวีนัสวิ่งกลับไปที่ห้องอาบน้ำ
ร่างกายที่เปียกโชกของเธอทิ้งร่องรอยหยดน้ำไว้เต็มพื้นหินอ่อนสุดหรูเต็มไปหมด
“อ๊ะ”
ถ้าทำพื้นหินอ่อนที่ราคาแพงสกปรกแบบนี้…
ฉันรีบย่อตัวลงแล้วเริ่มเช็ดพื้นด้วยฝ่ามือ
แต่ฝ่ามือของฉันไม่สามารถซับน้ำได้ มีแต่ทำให้น้ำกระจายออกไปมากขึ้น
“คยออุล เดี๋ยวพี่ทำให้เอง”
“ไม่เป็นไร ฉันเป็นแขกอยู่แล้ว”
บางทีฉันอาจใช้หางเช็ดได้?
ฉันบิดตัวเพื่อให้ง่ายขึ้น แล้วเริ่มใช้หางถูพื้น
“คยออุล! วันนี้คือวันที่คยออุลจะได้ลองอะไรใหม่ ๆ! วันนี้ปล่อยให้พี่ทำงานแทนคยออุลเถอะนะ!
“งาน?”
“ใช่! พี่จะทำงานที่ใช้แรงเอง…”
ยอรึมเริ่มเช็ดพื้นด้วยไม้ถูแห้งที่เธอไปเจอจากที่ไหนสักแห่ง
มันซับน้ำได้ดีพอ ๆ กับหางของฉันเลย
“เราทำด้วยกันดีไหม?”
“ไม่ ไม่ พี่แค่รู้สึกผิดอยู่”
“????”
การเช็ดพื้นทำให้เธอรู้สึกผิดงั้นเหรอ?
มันก็เป็นงานที่ใคร ๆ ก็ทำกัน
ความรู้สึกต่อต้านบางอย่างพลุ่งขึ้นมาในใจฉันกับแนวคิดแบบนี้ที่ดูเป็นของพวกคนรวย
จากนั้นฉันก็สังเกตเห็นว่าเธอกำลังจ้องหางของฉัน
“คยออุลไม่จำเป็นต้องใช้ร่างกายถูพื้นหรอก…”
“อ่า”
จริงสิ หางของฉันเองก็เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายฉัน
มันดูแปลกจริง ๆ ที่เอามันใช้เช็ดพื้น
“วันนี้เรามาเรียนรู้เรื่องความสะดวกสบายของบ้านกันดีกว่า คยออุลคิดว่าไง?”
“เอ่อ…เราควรทำเหรอ?”
“ใช่ อะไรคือสิ่งแรกที่คยออุลอยากทำหากมีบ้านเป็นของตัวเอง?”
สิ่งที่ฉันอยากทำ
ฉันนึกถึงสิ่งที่อยากทำเป็นพิเศษไม่ออกเลย
แม้จะลองคิดเพิ่ม ฉันก็ยังคงนึกอะไรไม่ออกอยู่ดี
“ไม่มี”
“ไม่มีเลยเหรอ…?”
“ใช่ ฉันไม่มีสิ่งที่อยากทำ”
ทุกสิ่งที่ฉันอยากทำ ฉันก็ทำได้อยู่แล้วในบ้านตู้คอนเทนเนอร์ที่ฉันอยู่ตอนนี้
ฉันสามารถปลูกพืช เก็บขวดเปล่า และรวบรวมเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกทิ้งได้
การมีบ้านที่ดีกว่าไม่ได้ทำให้ฉันเกิดความต้องการใหม่ ๆ ขึ้นมาเลย
เอาจริง ๆ ฉันยังไม่รู้เลยว่าต้องทำอะไรในบ้านที่ใหญ่ขนาดนี้
“นั่นมัน…เข้าใจแล้ว”
ยอรึมดูหมดแรงเล็กน้อยก่อนที่จะย่อตัวนั่งลงกับพื้น
เธอก้มหน้าขณะเช็ดพื้น ท่าทางดูน่าสงสารหน่อย ๆ
“อืม…”
ถึงแม้ว่าเธอจะบอกว่าไม่ต้อง แต่ยังไงฉันก็คิดว่าควรช่วย
ฉันหยิบเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนออกมาจากกระเป๋า
มันควรเป็นชุดที่เอาไว้เปลี่ยน แต่สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจใช้มันเป็นผ้าเช็ดพื้น
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ยอรึมเช็ดพื้นไปเรื่อย ๆ อย่างไร้ชีวิตชีวา
มือของเธอขยับเหมือนเครื่องจักร เช็ดซ้ำบนพื้นที่สะอาดอยู่แล้ว
‘ไม่มีอะไรที่คยออุลอยากทำเลย’
ทั้ง ๆ เด็กอายุเท่านี้ ควรจะมีสิ่งที่อยากทำมากมายจนนอนไม่หลับแท้ ๆ แต่เธอกลับบอกว่าไม่มีอะไรที่อยากทำเลย
ฉันควรมองเรื่องนี้ว่ายังไงดี?
ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่น่าตกใจ แต่ยอรึมก็พยายามทำให้ใจของตัวสงบ และเริ่มทำความเข้าใจว่าทำไมคยออุลถึงไม่มีอะไรที่อยากทำเลย
‘การที่ไม่มีความต้องการอะไรเลย อาจหมายถึงการที่ไม่มีเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ก็ได้’
ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วละก็ วิธีแก้ก็ง่ายมาก แค่ให้เธอทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อค้นหาความต้องการของตัวเองก็พอแล้ว
ยังไงซะ โลกนี้ก็เต็มไปด้วยเรื่องสนุก ๆ มากมาย
ในขณะที่ยอรึมกำหมัดแน่นเพราะตัดสินใจได้แล้ว คยออุลก็ตบหลังมือของเธอเบา ๆ
“อย่าบิดไม้ถูพื้นตรงนี้สิ”
“อ๊ะ…จริงด้วย”
ฉันเผฃอออกแรงบีบไม้ถูพื้นโดยไม่รู้ตัว
ยอรึมเกาแก้มอย่างเก้อเขิน
คยออุลมองเธอ ก่อนที่จะคิดในใจว่า คนรวยอาจไม่ค่อยรู้วิธีในการทำงานบ้านมากเท่าไหร่
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
หลังจากที่ใช้เวลาอยู่นาน ฉันก็ออกมาจากห้องน้ำด้วยความสดชื่นจากการอาบน้ำอุ่น
เมื่อหันไปรอบ ๆ เพื่อหาคนอื่น ฉันก็เห็นเลวีนัสกับโซเฟียแนบตัวกับผนังกระจก
พวกเธอเขย่งปลายเท้า ยกส้นขึ้นจากพื้น ทั้ง ๆ ที่ไม่ต้องทำก็ได้
“โซเฟีย เธอทำอะไรอยู่เหรอ?”
“แค่มองข้างนอก”
“อ๋อ”
พอไม่มีอะไรทำ ฉันก็เลยไปยืนอยู่ข้างพวกเธอและมองออกไปข้างนอกด้วย
แล้วฉันก็เขย่งปลายเท้าตามโดยไม่รู้ตัว
แม้แต่หางของฉันก็ชูขึ้นสูงเหมือนกับของโซเฟีย
‘อ๊ะ’
มันขยับไปเองโดยอัตโนมัติ
นี่อาจเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์สัตว์ เพื่อรักษาสมดุลและกันไม่ให้เราตกจากที่สูง
“สูงมากเลยแฮะ”
คนข้างล่างดูตัวเล็กเหมือนมดเลย
ฉันยกนิ้วขึ้นแตะกระจก ชี้ไปที่ผู้คนที่เดินอยู่ด้านล่างโดยไม่รู้ตัว
รอยนิ้วมือของฉันเปื้อนอยู่บนกระจกที่เคยสะอาด
“นี่เป็นครั้งแรกของเลวีนัสเลย ที่ได้มายืนอยู่บนที่สูงขนาดนี้!”
เลวีนัสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ข้าเองก็เพิ่งเคยขึ้นมาที่สูงขนาดนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน…”
เลวีนัส ฉันพอเข้าใจได้ แต่โซเฟียเองก็ด้วยเหรอ?
ด้วยคำพูดนั้น ทำให้ฉันหันไปมองโซเฟียด้วยความแปลกใจ แต่ในตอนนั้นเอง—
แชะ—
พวกเราทุกคนหันกลับไปตามเสียงชัตเตอร์ของกล้องที่ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของเรา
“คุณถ่ายรูปเหรอ?”
“ใช่ มันดูเป็นภาพที่อบอุ่นดี…”
“อบอุ่นเหรอ?”
ฉันเดินเข้าไปดูรูปที่ยอรึมถ่ายด้วยความอยากรู้อยากเห็น
แล้วฉันก็พบเจอกับเรื่องที่น่าตกใจสุด ๆ เข้า
‘เวลาที่หางของฉันชูขึ้น เสื้อก็เลิกขึ้นจนเห็นหลังของฉันด้วย!’
มิน่าล่ะ บางทีถึงรู้สึกเย็น ๆ
ที่แท้เสื้อมันเลิกขึ้นมานี่เอง
ฉันยกมือไปจับหลังกับหางโดยไม่รู้ตัว ส่วนโซเฟียก็โน้มตัวเข้ามาดูรูป
“ดูจากรูปแล้ว ข้าก็ดูเหมือนเด็กจริง ๆ แฮะ”
“ดูเด็กน่ะเป็นเรื่องดีนะ มันเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนต้องการ”
“อืม…”
บางทีเพราะคำชมของยอรึม โซเฟียเลยหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย
“เจ้าถ่ายรูปเก่งมาก”
สำหรับคนนอก ภาพนี้คงเป็นภาพของมนุษย์สัตว์สามคนที่แนบตัวกับผนังกระจก มองลงไปข้างล่าง—เป็นภาพที่ดูน่ารักไม่น้อยเลย
แต่ความจริงแล้ว หนึ่งในนั้นเป็นเด็กจากฝ่ายศัตรู ส่วนอีกสองคนเป็นผู้ใหญ่
“ใช่ ฉันมีเรื่องจะขอร้องหน่อย”
ยอรึมจ้องพวกเราสามคน ถึงแม้จะพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นทางการเพราะมีโซเฟียอยู่ด้วยก็ตาม
“ขอร้อง?”
“ใช่ ฉันขอลงรูปนี้ในโซเชียลส่วนตัวได้ไหม?”
ในยุคที่มีกล้องอยู่ทุกหนแห่ง แค่รูปถ่ายเพียงรูปเดียวถูกโพสต์ลงไปก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร
ยิ่งไปกว่านั้น หน้าของพวกเราก็ไม่ได้เห็นชัดขนาดนั้น
“ฉันโอเคนะ”
“ข้าเองก็ไม่ว่าอะไร แต่ดูเหมือนเจ้าจะมีเหตุผลอะไรบางอย่าง”
หลังจากได้ยินคำถามของโซเฟีย ยอรึมก็หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง
“ช่วงนี้กิลด์โดนวิจารณ์เยอะมาก หลายคนบอกว่าเราละเลยพวกเด็กมนุษย์สัตว์ที่อยู่ในสวน…”
“เจ้าต้องการแสดงให้เห็นว่าเราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างดีสินะ”
“ค่ะ แฮะแฮะ”
เธอกังวลเรื่องการใช้เราเป็นเครื่องมือใช่ไหม?
ยอรึมหลบสายตาฉัน
“ไม่เป็นไร โพสต์ได้เลย กิลด์ที่ช่วยเราไม่ควรถูกตำหนิ”
“แน่ใจเหรอ? แล้วพวกหัวรุนแรงล่ะ…”
“ถ้าพวกนั้นมาตามหาเธออยู่ พวกนั้นก็คงรู้แล้วว่าเธออยู่ไหน แต่แค่ยังไม่กล้าลงมือเพราะเกรงกลัวกิลด์ยอมยอง”
“อ๋อ กิลด์นี่เอง…”
แสดงว่าศัตรูของโซเฟียกลัวกิลด์ยอมยองสินะ
ยอรึมที่รู้แบบนั้น ก็พยักหน้าเบา ๆ แล้วเริ่มพิมพ์อะไรบางอย่างลงบนโทรศัพท์
───
เด็ก ๆ มนุษย์สัตว์ที่ได้สัมผัสตึกสูงเป็นครั้งแรก
───
รูปที่เพิ่งถ่ายไปถูกโพสต์ลงโซเชียล พร้อมแคปชันสั้น ๆ
ดูเหมือนยอรึมจะมีผู้ติดตามเยอะ เพราะคอมเมนต์เริ่มเด้งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
[เด็กพวกนี้คือเด็กจากสวนกิลด์ยอมยองเหรอ? นึกว่าเด็ก ๆ อาศัยอยู่ที่ข้างนอกซะอีก]
[ดูท่าที่พวกเธอใช้ทรงตัวเพื่อไม่ให้ตกสิ ฮ่าฮ่า]
[น่ารักจัง…ฉันอยากมีลูกสาวแบบนี้เลย…]
พอเห็นคอมเมนต์ ยอรึมก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะย่อตัวลงนั่งข้างฉัน
เหมือนเธอได้ปลดภาระบางอย่างออกไป
“เฮ้อ ค่อยยังชั่วหน่อย”
“มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ใช่ ช่วงนี้มีคนพูดถึงเรื่องนี้กันเยอะมาก”
“งั้นข้าจะไม่ถือสากับคำว่า ‘เด็ก ๆ ’ ก็แล้วกัน”
“ขอบคุณที่เข้าใจค่ะ”
หลังจากพูดจบ ยอรึมหันมาทางฉัน
“คยออุล มีเรื่องที่พี่อยากขอร้องคยออุลหน่อย”
“ขอร้อง?”
“ใช่ นี่เป็นคำขอโดยตรงจากกิลด์ยอมยองถึงคยออุล”
กิลด์ยอมยองมีเรื่องจะขอฉันงั้นเหรอ?
พวกเขาต้องการอะไรจากฉันกันนะ?
ฉันเงยหน้ามองยอรึมด้วยความตกใจ ดวงตาเบิกกว้าง
“พี่อยากลงรูปที่คยออุลถ่ายในโซเชียลของพี่”
“รูปของฉัน?”
“ใช่ ไม่ต้องมีใบหน้าก็ได้ แค่เป็นรูปที่คยออุลเป็นคนถ่ายเอง อย่างพวกสระน้ำหรือต้นมะเขือเทศก็ได้ แค่นั้นก็พอแล้ว”
อ๋อ เข้าใจละ
ตำรวจก็เคยสงสัยว่าทำไมพวกเด็ก ๆ ถึงใช้ชีวิตอยู่ข้างนอก
คนทั่วไปก็คงคิดแบบเดียวกัน
ฉันไม่มีเหตุผลอะไรให้ปฏิเสธคำขอนี้
ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่ารูปที่ฉันถ่ายออกมาจะสวยหรือเปล่าก็ตาม
MANGA DISCUSSION