โซเฟีย เลวีนัส และฉันนั่งอยู่บนเบาะหลังของรถตำรวจ
“อึ๋ย…”
จบแล้วสินะ?
ฉันกำลังถูกพาไปขังไว้ข้างหลังลูกกรงใช่ไหม?
ฉันมองโลกภายนอกด้วยตาเศร้าหมอง ราวกับว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะได้เห็นมัน
อาคารตึกสูงของเมือง ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาบนถนน
ใครจะคิดว่าฉันจะโหยหาชีวิตประจำวันที่ฉันเคยเกลียดชังนักหนา
พอพ้นโทษเมื่อไหร่ ฉันจะกลายเป็นคนที่รู้จักเห็นค่าของความธรรมดา
ความคิดเหล่านี้แล่นเข้ามาในหัวขณะที่ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง
แล้วสายตาของฉันก็สบเข้ากับยอรึมที่กำลังเดินอยู่บนถนน
—คยออุลไปนั่งอยู่บนรถตำรวจได้ยังไง…?
แววตาของเธอเหมือนจะถามแบบนั้น
—ลาก่อน
ฉันตอบกลับไปด้วยสายตา
ฉันมีหลายอย่างที่อยากจะบอกเธอ แต่ในฐานะนักโทษ คำพูดของฉันมีจำกัด
สิ่งเดียวที่ฉันทำได้คือเคาะกระจกรถด้วยกำปั้นของฉันเพื่อบอกลา
พอรถเริ่มเคลื่อนตัว และยอรึมหายไปในตรอก เธอก็พลันวิ่งตามรถมาอย่างบ้าคลั่ง
ฉันกังวลว่าเธออาจชนใครเข้าเพราะถนนแออัด แต่เธอกลับพุ่งแทรกผ่านฝูงชนได้อย่างคล่องแคล่ว มุ่งหน้าตามฉันมา
ผู้คนรอบข้างแทบไม่แสดงท่าทีแปลกใจกับความเร็วของยอรึมเลย
เหมือนพวกเขาคุ้นเคยกับอะไรแบบนี้อยู่แล้ว
ใช่สิ
นี่มันเป็นโลกที่มีเวทมนตร์ปะปนอยู่
เมื่อเห็นยอรึมไล่ตามรถมา เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงที่เป็นคนขับก็เตือนฉัน
“คยออุล มันอันตรายนะ นั่งดี ๆ สิ”
“โอเค…”
“แล้วก็คาดเข็มขัดด้วย”
“เข้าใจแล้ว…”
ฉันขยับตัวให้เข้าที่ แล้วเอื้อมมือไปหยิบเข็มขัดนิรภัย
ขณะที่พยายามคาดเข็มขัด ฉันก็เหลือบมองเลวีนัสที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
ตรงกลางไม่มีเข็มขัดนิรภัยให้คาดเลย
แบ่งเข็มขัดนิรภัยให้เลวีนัสใช้ด้วยกันจะดีกว่า
“อยู่นิ่ง ๆ แป๊บหนึ่งนะ เลวีนัส”
“ทำไมล่ะ?”
“มาใช้ด้วยกันเถอะ”
พวกเราคาดเข็มขัดนิรภัยเส้นเดียวกัน
มันออกแบบมาสำหรับคนเดียว แต่เพราะตัวเล็กเลยพอใช้ได้
“อะไรเนี่ย! เลวีนัสไม่ชอบให้ตัวเองอึดอัดนะ!”
“นี่เอาไว้ป้องกันตัวเวลามีอุบัติเหตุไง เวลานั่งรถต้องคาดเข็มขัดนะ”
“ฮือ…!”
พอได้ยินว่าจะเจ็บตัว เลวีนัสก็กำเข็มขัดแน่นเลย
จากนั้น พวกเราก็เดินทางไปยังสวนยอมยองอย่างเงียบ ๆ
“หือ?”
ไม่ใช่ว่าเราจะถูกพาไปที่คุกหรอกเหรอ?
ทำไมเราถึงถูกพามาที่นี่ล่ะ?
ขณะที่ฉันมองไปรอบ ๆ ด้วยความงุนงง ตำรวจชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับก็ลงจากรถแล้วเปิดประตูให้พวกเรา
“เอาละ เราถึงแล้ว ได้เวลาลงรถแล้ว”
“ลงรถ…?”
เขาแค่พาพวกเรากลับบ้านจริง ๆ งั้นเหรอ?
ฉันกระพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่อยากเชื่อ ก่อนที่จะเงยหน้ามองตำรวจชายวัยกลางคน
ทันใดนั้น ยอรึมที่วิ่งตามมาตลอดทางก็หยุดลงที่หน้าฉัน
“คยออุล…!”
แรงที่เธอใช้บีบไหล่ของฉันมหาศาลมาก
ด้วยความเจ็บปวด ฉันเลยเผลอแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวออกมา
“อึก…”
เจ็บนะ ช่วยปล่อยมือของคุณได้ไหม
ฉันมองยอรึมด้วยสายตาอ้อนวอน แต่เธอกลับจ้องตำรวจชายวัยกลางคนอยู่
“คุณตำรวจ เด็ก ๆ ของเรามีปัญหาอะไรงั้นเหรอคะ?”
“ไม่ใช่หรอก พวกเราแค่คิดว่ามันอันตรายที่จะปล่อยให้มนุษย์สัตว์เด็กอยู่ข้างนอกกันตามลำพัง เพราะงั้นเราก็เลยพาพวกเธอมาส่ง”
“อย่างนั้นเหรอคะ?”
ยอรึมดูโล่งอก ก่อนจะลูบหน้าอกตัวเองเบา ๆ
ฉันเองก็รู้สึกโล่งอกเช่นกัน
“ฉันไม่ได้ถูกจับใช่ไหม?”
“ไม่หรอก เธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
ค่อยยังชั่ว
ฉันไม่ได้ถูกจับเข้าคุกแล้ว
ฉันถอนหายใจหนัก ๆ ก่อนที่ตำรวจชายวัยกลางคนจะกระซิบอะไรบางอย่างกับยอรึม เป็นเสียงที่เบามากพอที่จะมีแค่เธอที่ได้ยิน
แต่ฉันได้ยินทั้งหมดเลย
“เธอคือฮันยอรึมจากกิลด์ยอมยองใช่ไหม?”
“ค่ะ ใช่ค่ะ”
“เด็ก ๆ พวกนี้คือเด็ก ๆ ที่อยู่ภายใต้การดูแลของกิลด์เธอใช่ไหม?”
สายตาของตำรวจเปลี่ยนไปมองฉัน โซเฟีย และเลวีนัส
มันทำให้รู้สึกว่าเขากำลังสอบปากคำยอรึมเลย
“ทำไมเด็ก ๆ ถึงมีสภาพแบบนี้? เด็ก ๆ ถึงขนาดคุ้ยถัง”
“คือว่า เด็กของเรามีมีความอิสระสูง…”
ยอรึมก้มหน้าหลบสายตาของตำรวจ
คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“อิสระสูง?”
“ค่ะ… เด็ก ๆ ชอบใช้ชีวิตอยู่ใกล้กับธรรมชาติ…”
“ว้าว! เธอรู้ได้ไงเนี่ย?! เลวีนัสชอบต้นไม้มาก ๆ เลย!”
“ข้าเองก็ชอบกลิ่นหญ้ามากกว่าคอนกรีตเหมือนกัน”
เลวีนัสกับโซเฟียพูดเสริมขึ้นมา จากนั้นฉันก็พยักหน้าเห็นด้วย
ช่วงนี้ ฉันรู้สึกชอบธรรมชาติมากขึ้น
“อย่างนี้นี่เอง คงเป็นแค่ความเข้าใจผิดสินะ ขอโทษด้วย”
“โอ้ ไม่เป็นไรค่ะ เป็นสถานการณ์ที่เข้าใจได้ จริง ๆ แล้วฉันต้องรู้สึกขอบคุณด้วยซ้ำที่พวกคุณเป็นห่วงเด็ก ๆ น่ะค่ะ”
เฮะเฮะ
ยอรึมหัวเราะแห้ง ๆ แล้วโบกมือให้พวกเขา ตำรวจบอกว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นให้ติดต่อได้ตลอดก่อนจะเดินจากไป
“เฮ้อ…”
เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันเลยทำให้เธอหมดแรงเหรอ?
ยอรึมนั่งลงบนหญ้าแถวนั้นอย่างหมดแรง
พอเห็นสภาพของเธอ ฉันก็นั่งลงข้าง ๆ อย่างระมัดระวัง เพราะรู้ว่าสาเหตุของเรื่องทั้งหมดมาจากฉันเอง
“คุณไหวไหม?”
“อืม พี่ไหวอยู่ตลอดนั่นแหละ”
เฮะเฮะ
ยอรึมยิ้มตาหยี ก่อนจะหันมามองฉัน
เธอเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง
“คยออุล”
“อืม?”
“ทำไมไม่ลองมาอยู่ที่กิลด์ล่ะ? คยออุลไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายหรืออะไรเลย เดี๋ยวพี่จัดการให้เอง”
“เอ่อ เรื่องนั้น…”
ฉันรู้ว่าเธออยากช่วยฉัน
แต่ฉันไม่อยากใช้ชีวิตโดยพึ่งพาความเมตตาของคนอื่น
ฉันขอบคุณข้อเสนอนั้น แต่ฉันโอเคดี
ฉันอยากจะบอกยอรึมแบบนั้น แต่เหตุการณ์ล่าสุดทำให้ฉันลังเล
เมื่อคิดได้ว่าทั้งเธอและกิลด์ยอมยองอาจถูกเข้าใจผิดเพราะฉัน มันก็ยิ่งพูดยากขึ้นไปอีก
“เอ่อ… คยออุล งั้นแบบนี้ดีไหม?”
“อะไรเหรอ?”
“ลองมาอยู่ที่กิลด์แค่สัปดาห์ละครั้งดูก่อน แบบทดลองน่ะ ว่าไง?”
ทดลองอยู่สินะ
เมื่อคิดถึงข้อเสนอให้ลองอยู่สักสองสามครั้งก่อนตัดสินใจ ฉันก็ค่อย ๆ พยักหน้าตอบรับ
ฉันรู้สึกผิดที่ทำให้เธอถูกตำรวจสงสัย
“งั้นเอาแบบนั้นก็ได้?”
“จริงเหรอ? แค่อาทิตย์ละครั้งได้ใช่ไหม?”
“อืม…”
มันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันต้องอยู่ที่นั่นตลอดไป
แถมการได้สัมผัสกับชีวิตของคนมีฐานะก็คงไม่ใช่เรื่องแย่อะไรสำหรับฉันในตอนนี้
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
เช้าวันต่อมา ฉันเดินเข้าไปในอาคารกิลด์พร้อมกับทุกคน
เพราะสภาพของฉันกับเลวีนัสดูมอซอเป็นพิเศษ ฉันจึงรู้สึกได้ถึงสายตาของผู้คนที่มองมาในขณะที่เราเดินเข้าไป
อาคารแห่งนี้ใหญ่โตจนทำให้ฉันรู้สึกกดดันไม่ว่าเข้ามากี่ครั้งก็ตาม
แต่เลวีนัสดูไม่แยแสอะไรเลย วิ่งเล่นไปทั่วเหมือนเด็กที่มาเที่ยวสนามเด็กเล่น
“คยออุลจำได้ไหมว่าครั้งก่อนตัวเองตื่นที่ไหน?”
“จำได้…”
“ที่นั่นเป็นชั้นแรก ซึ่งเป็นที่รับรองแขก ส่วนที่พักอาศัยจริง ๆ อยู่สูงกว่านั้นมาก”
สูงเป็นสิบ ๆ ชั้นเลย
เราต้องขึ้นไปถึงข้างบนนั้นเลยเหรอ?
ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะก้าวขึ้นบันไดใกล้ ๆ
“ต้องปีนขึ้นถึงบนนั้นคงลำบากน่าดู”
“ฮืม… คยออุลยังไม่รู้จักลิฟต์เหรอ?”
“อ๊ะ”
ลิฟต์
ฉันไม่ได้ขึ้นลิฟต์มาเกือบแปดปีแล้ว และไม่เคยนึกถึงมันเลย เพราะฉันพยายามหลีกเลี่ยงการติดอยู่ในที่แคบกับคนอื่น
แน่นอนว่าฉันไม่เคยเข้าไปในอาคารที่หรูหราพอจะมีลิฟต์ด้วย
“หมายความว่าถ้าเราขึ้นลิฟต์ก็ไม่ต้องเดินขึ้นบรรไดใช่ไหม? ลิฟต์สุดยอดสุด ๆ ไปเลยนี่นา?”
“ใช่… ลิฟต์มันสุดยอดมากเลย…”
ตอนนี้ฉันกลายเป็นคนป่าเถื่อนที่ไม่รู้จักลิฟต์ไปแล้ว ฉันรู้สึกเศร้าแต่ก็เถียงอะไรไม่ได้ เพราะมันเป็นความผิดของฉันเอง
ฉันได้แต่เดินตามทุกคนเข้าไปในลิฟต์ที่ว่างเปล่า
“เห็นตัวเลขพวกนี้ไหม? พวกเธอสามารถกดมันเพื่อไปยังชั้นที่พวกเธอต้องการได้นะ”
“ว้าว…”
แปะ แปะ แปะ
ฉันปรบมืออย่างเก้ ๆ กัง ๆ
เลวีนัสเห็นแบบนั้นก็ทำตาม เธอปรบมือด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
“เลวีนัสไม่เคยขึ้นไปบนอะไรที่สุดยอดแบบนี้มาก่อนเลย! แล้วราชาล่ะเคยไหม?”
“ฉันเองก็เพิ่งเคยเหมือนกัน…”
นี่เป็นครั้งแรกจริง ๆ ในชีวิตนี้น่ะนะ
ไม่รู้ว่าทำไม แต่หัวใจของฉันเริ่มเต้นรัว ๆ ด้วยความตื่นเต้น
แม้แต่หางที่จะกระดิกก็ต่อเมื่อฉันดีใจก็ส่ายไปมา
“ลิฟต์เป็นสิ่งที่คนใช้เป็นประจำ เพราะฉะนั้นเราไม่ควรทำเหมือนมันเป็นเครื่องเล่นในสวนสนุกนะ โอเคไหม?”
“เข้าใจแล้ว!”
“อืม…”
เลวีนัสยกมือขึ้นอย่างกระตือรือร้นเพื่อตอบรับ
ส่วนฉันก็ตอบกลับไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
เมื่อมาถึงที่พัก ยอรึมก็พาเราไปและเปิดประตูหน้าห้องให้
คนแรกที่เดินเข้าไปในห้องก็คือโซเฟียนั่นเอง
“อืม…”
โซเฟียมองไปรอบ ๆ ภายในบ้านด้วยความสนใจ หางฉลามของเธอกระดิกไปมาด้วยความตื่นเต้น
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเห็นโซเฟียกระดิกหาง
‘ว้าว’
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นโซเฟียมีความสุขขนาดนี้
ถ้าฉันรู้ว่าเธอจะชอบมากขนาดนี้ ฉันคงมาที่นี่ให้เร็วกว่านี้
ฉันรู้สึกผิดที่มาช้าไปหน่อย จึงเดินตามโซเฟียไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย แต่ทันใดนั้นเอง เลวีนัสที่เปียกโชกไปทั้งตัวก็วิ่งมาหาเรา
“พวกเราแย่แล้ว! แย่ตัวใหญ่เลย!”
“ฮะ?”
หรือว่าเลวีนัสจะก่อเรื่องเข้าแล้ว?
ฉันกับโซเฟียรีบหันไปทางต้นเสียงทันที
“ทั้ง ๆ ที่ไม่มีไฟ แต่น้ำกลับร้อน!”
น้ำร้อน
แค่ได้ยินคำนั้น ดวงตาของฉันก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ
แม้แต่โซเฟียที่ปกติจะสุขุมก็ยังดูตกใจ หางของเธอลุกชันขึ้น
“มีน้ำร้อนไหลออกมา?”
“ใช่! มันไหลออกมาไม่หยุดเลย! ที่นี่ต้องเป็นที่อยู่ของเหล่าเทพแน่ ๆ !”
“ว้าว…”
ห้องนี้มีน้ำร้อนด้วย – มันน่าทึ่งมาก
ฉันประสานมือเข้าหากันราวกับกำลังสวดภาวนาด้วยความตื้นตัน ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าสำหรับบ้านทั่วไป นี่เป็นเรื่องธรรมดา
แน่นอนว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับฉันในตอนนี้
“น้ำร้อน…”
ฉันเงยหน้ามองยอรึมด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความชื่นชม
เธอเพียงแค่เกาหลังใบหูเล็กน้อย แล้วมองลงมาที่พวกเรา
MANGA DISCUSSION