“ขอพี่ดูใกล้ ๆ ได้ไหม?”
การขอดูปลาใกล้ ๆ หมายความว่าเธออยากได้มัน
ฉันกอดกับดักอย่างแน่นในขณะที่ครุ่นคิดไปด้วย เพราะฉันไม่อยากให้ปลาตัวนี้กับเธอ
มันถูกต้องแล้วเหรอที่จะให้ปลาตัวนี้กับผู้หญิงคนนั้น?
ที่พักหนึ่งสัปดาห์ ซุปหนึ่งช้อนที่อร่อยที่สุดในชีวิต เสื้อผ้าหรูหรา กระทั่งนั่งรถเป็นครั้งแรกในชีวิตนี้
หลังจากที่คิดทบทวนดูแล้ว ฉันได้ตัดสินใจที่จะมอบปลาตัวนี้ให้ผู้หญิงคนนั้น
“เอาไปสิ…”
ฉันเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้นพร้อมกับกับดักที่อยู่ในมือ
ปลาขนาดเล็กที่อยู่ภายในกับดักกำลังดิ้นไปมา
“ว้าว ปลาพวกนี้ตัวใหญ่มากเลย”
“ใช่ มันอาจจะเป็นปลาขนาดเล็กที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ได้…”
“จริงเหรอ?”
ผู้หญิงคนนั้นเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
ท่าทางตกใจของเธอดูไม่เหมือนการแกล้งทำเลย
บางทีปลาขนาดเล็กนี้อาจจะใช้ชดใช้หนี้น้ำซุปหนึ่งช้อนได้ก็ได้
“ให้ฉันทำอาหารด้วยปลาตัวนี้ให้คุณกินดีไหม?”
“ด้วยปลาตัวนี้น่ะเหรอ? คยออุลจะทำให้เหรอ?”
“ใช่ นี่เป็นปลาขนาดเล็กที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยนะ…”
ฉันยังคงเน้นย้ำถึงขนาดของปลาขนาดเล็กตัวนี้
นี่เป็นวิธีของฉันในการยืนยันว่ามันจะเป็นอาหารอันโอชะสำหรับการเคี้ยว
“อืม…ถ้างั้นพี่ขอลองกินอาหารที่คยออุลทำได้ไหม?”
“ได้สิ!”
หนี้ของฉันหมดแล้ว!
ฉันวิ่งไปที่เต็นท์อย่างมีความสุขพร้อมกับดักที่อยู่ในมือ
ในขณะที่ฉันเติมน้ำจากลำธารลงหม้อที่บุบอยู่ ผู้หญิงคนนั้นก็นั่งยอง ๆ อยู่ข้างฉัน
“คยออุล พี่มีเรื่องที่สงสัยน่ะ”
“สงสัยเรื่องอะไรเหรอ?”
“ก็อย่าง คยออุลทำยังไงเมื่อมีพายุไต้ฝุ่นเข้า หรือเวลาหมูป่าโผล่ออกมาเหรอ?”
เธออยากรู้ว่าฉันรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินยังไง
ยิ่งฉันดูเก่งเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นปัญหาสำหรับเธอที่เป็นคนลักพาตัวมากขึ้นเท่านั้น
ถึงแม้ว่าฉันจะไม่อยากบอกเธอ แต่ฉันก็ต้องทำให้มันชัดเจนว่าฉันไม่ใช่คนที่เธอจะประมาทได้
“มีที่หลบภัยอยู่ตรงนั้น”
“ที่หลบภัย? คยออุลมีด้วยเหรอ?”
“ใช่ อยากเห็นมันไหม?”
ฉันพาเธอไปที่กล่องยางขนาดใหญ่ที่วางซ่อนไว้ที่มุมของเต็นท์
มันมีขนาดใหญ่พอที่ผู้หญิงตัวโตหนึ่งคนจะเข้าไปได้แถมยังมีพื้นที่เหลืออยู่ด้วย
“นี่น่ะเหรอที่หลบภัย…?”
“ใช่แล้ว มันแข็งแรงมาก ครั้งที่แล้วที่โดนหมูป่าขวิดมันก็ยังไม่เป็นอะไรเลย”
“หมูป่าขวิด…?”
“ใช่ แต่ว่ามันเอาอยู่”
และเพื่อไม่ให้มันล้มลง ฉันจึงฝังช่วงล่างของกล่องลงในดิน
แถมฉันยังเติมหินและดินลงไปเพื่อเพิ่มน้ำหนัก
มันเป็นที่หลบภัยแสนสะดวกสบายที่จะไม่ล้มลง ถึงแม้จะมีพายุไต้ฝุ่นเข้าก็ตาม
‘น่าประทับใจใช่ไหมล่ะ?’
ฉันมองเธอด้วยสาจตาที่แสนภาคภูมิใจ
ฉันภูมิใจมากกับที่หลบภัยที่ฉันเวลาทั้งวันสร้างขึ้นมา
“…มันทนต่อพายุไต้ฝุ่นได้จริงเหรอ?”
“ใช่ ฉันรอดจากพายุไต้ฝุ่นมาแล้วสี่ลูกเพราะมัน”
“น่า…น่าประทับใจจังนะ”
การแสดงออกของผู้หญิงคนนั้นดูเคร่งเครียด
ความสามารถของฉันคงทำให้เธอประหลาดใจ
ฉันเลยตัดสินใจที่จะมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
“ครั้งหนึ่ง น้ำจากลำธารเคยล้นออกมา และทำให้ฉันเกือบลอยไปไปกล่องยาง หลังจากนั้นฉันจึงย้ายบ้านออกไปให้ไกลขึ้นและทำให้กล่องหนักขึ้น”
ความสามารถในการรับมือกับวิกฤษและการตัดสินได้อย่างรวดเร็วของฉัน มาจากประสบการณ์ที่สั่งสมมา
ฉันแสดงความสามารถของฉันทั้งหมดให้ผู้หญิงคนนั้นเห็นอย่างไม่ลังเล
เมื่อเธอรู้ว่าฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่สามารถรับมือได้ง่าย ๆ เธอก็หลับตาแน่น
แถมเธอยังถอนหายใจยาวในขณะที่เช็ดหน้าของตัวเองไปด้วย
“น่าทึ่ง…”
“ใช่ ฉันน่าทึ่งมาก”
เธอจะต้องรู้แล้วแน่ ๆ ว่าฉันไม่ใช่คนที่จะมองข้ามได้
เมื่อรู้สึกพอใจกับผลลัพธ์ที่ไม่เลวร้ายเท่าไหร่ ฉันก็เริ่มเตรียมปลาขนาดเล็ก
ในกับดักมีปลาขนาดเล็กอยู่ประมาณยี่สิบตัว
“เราไม่สามารถกินปลาตัวเล็ก ๆ ได้ เพราะพวกมันทำความสะอาดยากเกินไป”
“จริงเหรอ? ถ้างั้นคยออุลจะปล่อยพวกมันลงน้ำใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ ฉันจะเอาพวกมันไปตากให้แห้งจากนั้นก็จะบดให้ละเอียดแล้วเอาไปโรยบนสวน มันจะช่วยทำให้พืชเติบโตได้ดี”
ความคิดที่จะปล่อยปลาที่แสนล้ำค่าไปนั้น
นั่นเป็นความคิดที่แย่มาก
“อ๋อ คยออุลใช้พวกมันเป็นปุ๋ยนี่เอง…”
“ใช่ ใช้เป็นปุ๋ย”
ฉันโรยปลาขนาดเล็กลงบนหินก้อนใหญ่และหยิบมีดทื่อ ๆ ขึ้นมา
ด้วยท่าทางที่ชำนาญ ฉันทำความสะอาดเกล็ดและควักเครื่องในของปลาขนาดเล็กออกมา
เครื่องในที่ได้จะถูกนำไปตากให้แห้งเพื่อใช้เป็นปุ๋ย
“คยออุลทำความสะอาดพวกมันเก่งมากเลย”
“…ฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญในการควักเครื่องใน”
โอ๊ะ
ฉันเพิ่งพูดอะไรที่น่ากลัวออกไปใช่ไหม?
ฉันเหลือบมองผู้หญิงคนนั้น แต่เธอก็ทำแค่จ้องมองปลาขนาดเล็กด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ดูเหมือนว่าคำอย่าง ‘เครื่องใน’ จะไม่ได้ทำให้แม่มดบ้ารู้สึกกลัวเลย
“คยออุลจะกินพวกมันแบบสด ๆ เหรอ?”
“ไม่ เราต้องเอานำมันไปต้มน้ำก่อน…”
กินปลาน้ำจืดแบบสด ๆ
นั่นเป็นสิ่งที่มีแต่แม่มดบ้าเท่านั้นที่คิดได้
ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากอยู่กับเธออีกต่อไป ฉันหยิบปลาขนาดเล็กที่ทำความสะอาดแล้วและวิ่งออกจากเต็นท์
“จะไปไหนเหรอ?”
“ไปก่อไฟ!”
ด้านนอกเต็นท์ มีเตาย่างที่ฉันเคยเจออยู่ครั้งหนึ่งตั้งอยู่
แทนที่จะใช้ถ่านที่ราคาแพง ฉันเลือกที่จะก่อกองไฟด้วยกิ่งไม้และใบไม้และใช้ไฟแช็กเพื่อจุดไฟ
‘ของเหลวในไฟแช็กใกล้จะหมดแล้วแฮะ’
ทำไมชีวิตของฉันถึงไม่เคยดีขึ้นเลย?
ฉันถอนหายใจยาวด้วยความเศร้า และผู้หญิงคนนั้นก็เดินมาหาฉัน
“ขอบคุณที่เชิญพี่มาที่บ้านของคยออุลในวันนี้นะ”
“อืม…”
ตอนนี้เธอก็รู้แล้วว่าบ้านของฉันตั้งอยู่ที่ไหน ฉันหนีไปไหนไม่ได้แล้ว
เจตนาส่อแววชั่วร้ายของเธอมันชัดเจนมาก
“นี่ พี่มีเรื่องที่อยากจะขอร้องคยออุลหน่อยน่ะ ช่วยรับฟังได้ไหม?”
“ขอร้อง?”
“ใช่ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก วันนี้พี่อยากนอนค้างคืนอยู่ที่บ้านของคยออุลน่ะ”
อึก
เธอพูดคำขอที่น่าสยดสยองออกมาโดยที่ไม่ลังเลเลย
ฉันรู้แล้วว่าเธออยากทรมานฉัน
“มันลำบากนะ อาจจะมีแมงมุมคลานเข้าไปในปากของคุณตอนนอนก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไร พี่เป็นนักผจญภัยนะ จำได้ไหม?”
“จริงด้วย…”
การพูดเรื่องความสกปรกและอันตรายต่อหน้านักผจญภัย
มันก็ไม่ต่างจากการโอ้อวดพัดลมให้นกยูงฟัง
เมื่อรู้ตัวแล้วไม่สามารถไล่เธอไปได้ ฉันก็พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ
“ขอบคุณนะ พี่จะตอบแทนคยออุลแน่นอน”
“อืม…”
เธอคิดจะตอบแทนด้วยวิธีที่น่ากลัวแบบไหนกัน?
ฉันจ้องมองพื้นอย่างหวาดกลัวอยู่นาน
บางทีฉันคงถูกกำหนดเอาไว้ให้หนีไม้พ้นจากเธอ
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
รุ่งเช้าในวันนั้น
ในเต็นท์ที่มืดสนิท ยอรึมค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
ข้าง ๆ เธอมีคยออุลที่กำลังนอนคดตัวอยู่
“งืม…”
เด็กใช้เสื้อที่ขาดเป็นหมอนและคลุมตัวด้วยผ้าห่มเก่า ๆ
อาจเป็นเพราะอากาศเย็นในช่วงเช้าของภูเขา ร่างกายของคยออุลจึงสั่นเทา
‘ไม่มีผ้าห่มอีกผืนเหรอ?’
ยอรึมมองไปรอบ ๆ และไม่พบอะไรเพิ่มเติม
ยอรึมถอดเสื้อโค้ทออกอย่างไม่เต็มใจและเอามันไปคลุมให้คยออุล
‘เวลาตอนนี้คือ…’
แปดโมงเช้า
ถึงเวลาที่เธอได้นัดไว้กับเพื่อนร่วมงานของเธอแล้ว
ยอรึมออกจากเต็นท์ไปอย่างเงียบ ๆ โดยระวังไม่ให้คยออุลตื่น
“ทางนี้ยอรึม”
“โอเค”
ขณะที่ยอรึมเดินไปทางเสียงนั้น ก็มีสองร่างปรากฏตัวออกมาจากความมืด
เป็นชายร่างใหญ่เกือบสองเมตรและหญิงสาวที่ดูดุร้ายถือไม้เท้า
“แล้ว เป็นไงบ้าง?”
“แย่กว่าที่ฉันคิดเอาไว้ซะอีก”
“แย่ถึงขนาดไหนเหรอ?”
ชายและหญิงมองหน้ากัน
“วันนี้ คยออุลจับปลาขนาดเล็กแล้วใช้มันทำอาหาร เธอไม่แม้แต่จะใส่เกลือลงไป แค่ต้มมันแบบเปล่า ๆ ”
“กินแบบไม่ปรุงเลยเหรอ?”
“ใช่”
ยอรึมเล่าให้ทั้งสองฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น
ตั้งแต่การเก็บดอกแดนดิไลออนไปจนถึงที่หลบภัยที่เธอสร้างเอง
แค่ฟังเรื่องราวในหนึ่งวันก็ทำให้หน้าของชายและหญิงซีด
“ฉ-ฉันทำอะไรลงไป? ฉันหัวเราะเยาะใส่เธอในตอนที่ฉันเห็นเธอถูกกระต่ายมีเขาไล่”
ความคิดที่จะมีคนถูกกระต่ายมีเขาแทงตายไม่เคยเกิดขึ้นในหัวของพวกเขาเลย
พวกเขาคิดเพียงแค่ว่ามันเป็นสถานการณ์ที่คนวิ่งหนีหนูแฮมสเตอร์ด้วยความกลัว
หากพวกเขารู้ว่าเด็กไร้มานาและกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายถึงชีวิต พวกเขาก็คงไม่ทำอะไรโง่ ๆ แบบนั้น
‘เธอจะกลัวแค่ไหนกัน’
ปัง—
หญิงสาวปล่อยไม้เท้าลงและใช้มือปิดใบหน้าตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ไม่มีสักคนเลยที่ปลอบใจเธอ
ทุกคนล้วนมีความผิดที่ทำให้เด็กคนนั้นทุกข์ทรมานถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
“…ฉันก็เคยยอกเธอให้หยุดสร้างปัญหาให้กิลด์เหมือนกัน”
อย่างน้อย ๆ ก็ไม่เคยมีสมาชิกคนไหนในกิลด์ทำร้ายเธอ สิ่งนี้ทำให้พอช่วยปลอบใจได้บ้าง
ผู้ชายถอนหายใจออกด้วยความโล่งอกแต่แล้วเขาก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้
เด็กคนนั้นมักจะถูกกลั้นแกล้งโดยนักผจญภัยมือใหม่
เธอเคยโดนตบหลังหัวและโดนผลักอย่างไม่มีเหตุผล
ถึงเขาจะบอกนักผจญภัยที่แกล้งเด็กคนนั้นให้ ‘หยุด’ แต่เขาก็ไม่เคยเข้าไปห้ามเลยสักครั้ง
เขาหวังว่า เด็กคนนั้นที่เอาแต่พึ่งพาความช่วยเหลือจากกิลด์อยู่ตลอด จะเลิกมาที่พื้นที่ล่ามอนสเตอร์
‘อึ๋ย’
ชายคนนั้นดึงผมของตัวเองด้วยความหงุดหงิด
หญิงสาวที่ดูเหมือนจะทรุดตัวเพราะขาอ่อนแรง เธอล้มลงไปกับพื้นในท่าที่เหมือนกับการคำนับ
ทารุณกรรมเด็ก
หากกิลด์ต้องถูกยุบเพราะเหตุผลนี้ ก็ไม่มีอะไรที่คัดค้านได้เลย
“ใจเย็นก่อนพวกเธอทั้งสอง รู้แล้วก็ดีกว่าไม่รู้นะ”
“ใช่…มันเป็นเรื่องดีแล้วที่ตอนนี้เรารู้แล้ว”
ถ้ายอรึมไม่ตรวจข้อมูลของเด็กคนนั้นในวันนั้นจะเกิดอะไรขึ้น?
พวกเขาอาจจะเสียใจไปตลอดชีวิตหลังจากที่รู้ความจริง หรือไม่ก็อาจจะต้องรับมือกับร่างไร้ชีวิตโดยที่ไม่รู้ความจริงเลยก็ได้
สิ่งที่พวกเขาคิดว่าเป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่ที่สุดกลับกลายเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุด
“สำหรับตอนนี้ พวกเธอกลับไปที่กิลด์และบอกสถานการณ์ให้พวกคนในกิลด์รู้ก่อนเถอะ”
“ใช่เลย เพราะพวกเราคือคนที่ต้องรับผิดชอบเธอใช่ไหม?”
“แน่นอนสิ”
มันเป็นสิ่งที่พวกเราก่อขึ้นมาเอง
พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแก้ไขมันด้วยตัวเอง
ขณะที่ยอรึมพยักหน้า ชายที่เอาแต่เงียบก็พูดขึ้น
“ในไม่ใชเรื่องที่จะจบลงได้ในเวลาสั้น ๆ ”
“…ฉันรู้ เธอเจ็บปวกมานานมากแล้ว”
การที่จะได้รับความไว้วางใจจากเด็กคนนั้นก็ต้องใช้เวลานานไม่ต่างกัน
ถึงจะนานแค่ไหนก็ต้องอดทน เพราะไม่มีใครสามารถบ่นได้
อย่างน้อยก็ไม่ใช่กับกิลด์ยอมยอง
MANGA DISCUSSION