สถานที่ที่ยอรึมพาฉันไปดูคล้ายกับสนามยิงปืน
ในสนามมีนักผจญภัยมากมายที่กำลังอวดอาวุธของตัวเอง
ท่ามกลางคนเหล่านั้นก็มีเสียงปืนที่ส่งเสียงดังลั่นขึ้นมา
ปัง!
ทันทีที่เราเข้าไปในสนามยิงปืน เสียงปืนก็ดังขึ้น ทำให้หูและหางของฉันตั้งชัน
ฉันยกมือขึ้นปิดหูโดยอัตโนมัติ
“ว้าว…”
เสียงดังราวกับมีคนตะโกนใส่หูฉันโดยตรง
ทำให้หูฉันอื้อและดวงตาเบิกกว้าง
“ปืนนี่…ดังไปใช่ไหม?”
ยอรึมพูดอะไรบางอย่างกับฉัน แต่ฉันฟังไม่ออกเพราะมือยังปิดหูอยู่
เสียงปืนที่ดังต่อเนื่องเจาะทะลุเข้ามาในหูของฉัน
ฉันทำได้แค่กระพริบตา ขณะที่มือยังยกขึ้นอยู่
“……”
ยอรึมมองฉันอยู่สักครู่หนึ่งก่อนที่จะเอามือมากดบริเวณรอบหูของฉันเอาไว้เหมือนพยายามป้องกันเสียง
ฉันคิดว่าตัวเองไม่ต้องการความช่วยเหลือ ฉันเลยพยายามหลบมือของเธอ แต่ฉันก็ตกใจเมื่ออยู่ ๆ เสียงปืนกลับหายไปหมด
“ฮะ?”
ทำไมตอนที่ยอรึมกดหูฉันไว้ ฉันถึงไม่ได้ยินเสียงปืนเลย?
ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่โลกนี้เต็มไปด้วยมานา
มันคงเป็นเทคนิคเวทมนตร์บางอย่างแน่ ๆ
เมื่อเป็นแบบนี้ ฉันก็ตัดสินใจใช้มือของยอรึมเป็นที่ปิดหู
มันน่าอายก็จริง แต่ก็ดีกว่าทรมานกับเสียงดัง
ฉันเลิกแคร์สายตาคนอื่นไปนานแล้ว
ในขณะที่มือของยอรึมยังอยู่บนหัวของฉัน ฉันก็เดินเข้าไปหาจองยูนา ที่อยู่ใกล้ ๆ
“ยูนา!”
ยอรึมตะโกนเรียกจองยูนา
ฉันไม่ได้ยินเสียงปืน แต่ฉันกลับได้ยินเสียงของยอรึม
สำหรับคนที่เคยอยู่ในโลกที่ไม่มีเวทมนตร์ นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก
“เฮ้…ฮะ?”
จองยูนาโบกมือทักทายเรา
ไม่รู้ว่าได้ยังไง แต่ฉันได้ยินแต่เสียงเธอไม่มีเสียงปืนเลย
เพราะฉันกับยอรึมสัมผัสกันอยู่ เสียงนั้นเลยมาถึงละมั้ง
“อ๋อ ฉันกำลังป้องกันเสียงให้คยออุลอยู่ เพราะเธอรำคาญเสียงปืนน่ะ”
“แต่เธอแค่ใช้เวทป้องกันเสียงก็ได้นี่…”
จองยูนาที่ดูเหมือนอิจฉา แกว่งไม้กายสิทธิ์ไปในอากาศ
ทันใดนั้น บาเรียโปร่งแสงก็ลอยขึ้นมารอบตัวเรา
“นี่อะไรเหรอ?”
“มันคือเวทตัดเสียง มันจะบล็อกเสียงที่ดังเกินระดับเดซิเบลที่กำหนด”
ขณะที่ยอรึมพูด เธอก็เอามือออกจากหูของฉัน
หูของฉันดีดขึ้นมาเหมือนถูกปลดปล่อยจากแรงกด
“โอ้…”
เสียงปืนตอนนี้ฟังดูอู้อี้เหมือนอยู่ใต้น้ำ
ฉันสงสัยว่าโลกนี้มีปัญหาเรื่องร้องเรียนเสียงรบกวนระหว่างชั้นหรือเปล่า
ขณะที่ฉันกำลังจมอยู่กับความคิดไร้สาระเหล่านี้ จองยูนาก็ยื่นลูกธนูมาให้ฉัน
“คยออุล อยากลองยิงดูไหม?”
“นี่คืออะไรเหรอ?”
“มันคือลูกธนูที่ฉันทำขึ้นเอง ฉันออกแบบให้เหมาะกับการใช้ของคยออุล”
ฉันรับลูกธนูจากจองยูนา
มีเพียงแค่ส่วนสีแดงของมันเท่านั้นที่แตกต่างไปจากลูกธนูธรรมดา
“นี่ ฉันเอาธนูมาให้ด้วย”
“อ่า… ขอบคุณ”
หลังจากขึ้นลูกธนูกับคันธนู ฉันก็เงยหน้ามองยอรึม
ฉันรู้สึกสงสัย หลังจากเห็นคนอื่นใช้ปืนยิง
“ฉันลองยิงปืนได้ไหม?”
“ปืนเหรอ?”
“ใช่ ฉันคิดว่ามันอาจจะสะดวกกว่าธนูในดันเจี้ยน”
“อืม… ปืนใช้ยากกว่าธนูนะ”
ยอรึมส่ายหน้าด้วยความมั่นใจ
ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมปืนที่แค่ลั่นไกถึงใช้ยากกว่า
“ทำไมเหรอ?”
“ก็ลูกธนู คยออุลสามารถถือธนูเอาไว้ก่อนยิงได้ วิธีนั้นเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการเติมมานาเข้าไป”
“อ๋อ…”
แสดงว่า การเติมมานาลงไปในกระสุนที่เป็นเครื่องกลนั้นยากสินะ
ฉันพยักหน้า ยอมรับความเข้าใจใหม่นี้
“ปืนเองก็สามารถเติมมานาลงไปได้เหมือนกัน แต่ไม่ดีเท่าลูกธนู นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ปืนถูกใช้หลัก ๆ แค่การกวาดล้างมอนสเตอร์ระดับต่ำ ๆ หรือไม่ก็เอามาใช้เพื่อผ่อนคลายแบบนี้น่ะ”
“เข้าใจแล้ว”
ฉันเข้าใจผิด ฉันคิดว่าปืนเหนือว่าธนูมาก เนื่องจากมองในมุมมองของชาวโลกที่ไม่มีมานา
เป็นความสับสนของความรู้จากสองโลกที่แตกต่างกัน
‘ถ้างั้น แล้วระเบิดล่ะ?’
ระเบิดมีประสิทธิภาพทีผ่ด้อยกว่าเวทย์มนตร์ทั่วไปของนักเวทย์หรือเปล่า?
ขณะที่ฉันคิดเรื่องนี้อยู่ในหัว ฉันก็ยิงลูกธนูที่จองยูนาให้ไปยังเป้าหมายที่อยู่ไกลออกไป
ฟิ้ว!
อาจเป็นเพราะเวทย์ตัดเสียงของจองยูนา ลูกธนูจึงพุ่งออกไปอย่างไร้เสียงและปักเข้ากลางเป้าอย่างแม่นยำ
“ฮะ?”
พลังทำลายก็ไม่ได้ต่างไปจากลูกธนูปกติที่ฉันใช้เลย
มีความจำเป็นต้องสร้างลูกธนูแบบนี้ด้วยเหรอ?
ขณะที่ฉันกำลังมองไปที่จองยูนา จู่ ๆ ลูกธนูที่ปักอยู่กลางเป้าก็ปล่อยแสงสว่างจ้าออกมา
บูม!
เสียงของมันดังมากจนทะลุผ่านเวทย์ตัดเสียง
ฉันตกใจมากจนเผลอยกส้นเท้าขึ้นจากพื้น
“……”
เป้าถูกระบิดเป็นชิ้น ๆ พร้อม ๆ กับเป้าอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียง
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ดูเหมือนจองยูนากำลังทดลองอะไรบางอย่างอยู่อีกแล้วน่ะสิ”
พลังของการระเบิดรุนแรงมากจนทุกคนหยุดยิงและหันมามองทางเรา
ฉันเองก็มองสองสาวด้วยดวงตาที่เบิกกว้างไม่ต่างกัน
“ไม่เลวใช่ไหม?”
“ใช่ ฉันทำกลไกป้องกันเอาไว้ด้วย คยออุลจะได้ไม่ตกอยู่ในอันตรายจากการระเบิด”
ยอรึมและจองยูนาพูดคุยกันเองอยู่สักพัก ก่อนที่ทั้งคู่จะหันมามองฉัน
“คยออุลคิดว่าไง?”
“คยออุลไม่อยากลองใช้มันในการต่อสู้จริงดูเหรอ?”
“เอ่อ…”
ใช้มันในดันเจี้ยนก็อบลินน่ะเหรอ?
ด้วยพลังขนาดนั้น หินมานาของก็อบลินจะไม่กลายเป็นผงเหรอ?
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉันก็ตอบตกลงอย่างไม่มีทางเลือก
พูดตามตรง การยิงธนูระเบิดมันค่อนข้างน่าสนใจมาก
ฉันหวังว่าเมื่อถึงตอนนั้นเวทย์ตัดเสียงจะทำงานได้อย่างสมบูรณ์
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
หลังจากที่เข้าไปในดันเจี้ยนก็อบลินกับยอรึมและจองยูนา วันนี้พวกเราก็ต้องกลับมามือเปล่า
ก็อบลินถูกทำให้หายไปอย่างไร้ร่องรอย เพราะพลังทำลายล้างของลูกธนูระเบิด
พวกก็อบลินถูกเผาจนไม่เหลือซาก แม้กระทั้งอวัยวะภายในหรือหินมานาก็ไม่เหลืออยู่เลย
“เฮ้อ…”
ฉันเดินไปที่บ้านตู้คอนเทนเนอร์อย่างรู้สึกตื่นเต้นที่ไม่เป็นมานาน
“ลูกธนูระเบิดเป็นยังไงบ้างคยออุล?”
“สนุกมากเลย”
“อืม งั้นเหรอ”
ยอรึมพูดพลางยิ้มเจื่อน ดูเหมือนจะปิดบังอะไรบางอย่าง
“ทำไมเหรอ?”
“ก็… จริง ๆ แล้ว ลูกธนูระเบิดพวกนั้นค่อนข้างแพงเลยล่ะ”
“…จริงเหรอ?”
เธอกำลังจะบอกว่าฉันต้องจ่ายเงินค่าลูกธนูพวกนั้นงั้นเหรอ?
ความตื่นเต้นที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจเริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว
“แน่นอนว่า ลูกธนูที่ใช้วันนี้เป็นแค่ของทดลอง เธอไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายหรอก แต่ถ้าจะทำเพิ่มในอนาคต…”
“หมายความว่าฉันต้องซื้อเองเหรอ?”
“ไม่ต้องซื้อหรอก แค่หาเศษหินมานาที่ใช้เป็นวัตถุดิบมาก็พอ”
“อืม อันนั้นฉันทำได้แน่นอน”
บางทีอาจจะพอใจกับคำตอบของฉัน รอยยิ้มเก้อเขินของยอรึมจึงค่อย ๆ หายไป
“นอกจากระเบิดแล้ว ยังสามารถทำลูกธนูที่มีพลังน้ำแข็งหรือไฟฟ้าได้ด้วยนะ พลังทำลายก็ขึ้นอยู่กับหินมานาที่ใช้”
“ว้าว…”
ลูกธนูที่ปล่อยสายฟ้าออกมาได้
แค่คิดก็รู้สึกตื่นเต้นสุด ๆ แล้ว
หินมานามีค่าก็จริง แต่ฉันสามารถหาเศษหินมานาของก็อบลินมาได้ง่าย ๆ
ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ
‘ยิ่งฉันแข็งแกร่งขึ้น ก็ยิ่งหาได้มากขึ้น’
เรื่องนี้ไม่ใช่การลงทุนที่สูญเปล่าแน่นอน
ฉันเดินไปที่บ้านตู้คอนเทนเนอร์ด้วยความพอใจ
ไม่รู้ทำไม ยอรึมที่เดินอยู่ข้าง ๆ ถึงดูอารมณ์ดีเหมือนกัน แถมยังยกกำปั้นขึ้นทำท่าชัยชนะอีกด้วย
‘ยอรึมเองก็ชอบลูกธนูระเบิดเหมือนกันเหรอ?’
ในขณะที่คิดแบบนั้น ฉันก็สังเกตเห็นใครบางคนกำลังย่อตัวอยู่ใกล้แปลงผัก
หูยาวตั้งชันของเธอยืนยันว่าเป็นเลวีนัส
“สวนของฉัน…!”
เธอพยายามจะทำลายสวนของฉันเพื่อแก้แค้นเรื่องเมื่อเช้างั้นเหรอ?
ฉันรีบวิ่งเข้าไปหาเธอ แต่สิ่งที่เห็นกลับทำให้ฉันประหลาดใจ
ดอกแดนดิไลออนที่ควรจะยังเป็นเมล็ดอยู่ กลับบานสะพรั่งเต็มที่แล้ว
“นี่เธอ! หายไปไหนมา ทำไมเพิ่งกลับมาตอนนี้!”
เลวีนัสที่มีคราบดินเปื้อนทั้งหน้า ลุกขึ้นยืนทันที
ดอกแดนดิไลออนที่โตเร็วผิดปกติเกี่ยวอะไรกับเธอกันแน่?
ขณะที่ฉันพยายามทำความเข้าใจ ยอรึมก็ปรบมือเบา ๆ
“นี่คือเพื่อนกระต่ายคนนั้นเหรอ? ปลอกคอสวยดีนะ!”
“อึก!”
เลวีนัสสะดุ้งและก้าวถอยหลังไป
บางทีคำชมเรื่องปลอกคอที่เต็มไปด้วยระเบิดอาจฟังดูเหมือนคำขู่สำหรับเธอ
ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันไม่มีระเบิดจริงอยู่เลย
‘ฉันคงดูเหมือนพวกน่ากลัวแน่ ๆ เลย’
ฉันรู้สึกเข้าอกเข้าใจเธอ เมื่อนึกถึงความรู้สึกของตัวเองตอนที่เจอยอรึมครั้งแรกหลังจากเปลี่ยนแปลงร่าง
ด้วยความเข้าใจที่เพิ่มขึ้น ฉันรีบเดินเข้าไปหาเลวีนัส
“เธอทำให้ดอกแดนดิไลออนโตขึ้นเองเหรอ?”
“ใช่! เจ้าสัตว์ประหลาดฉลามโง่นั่นบอกว่าจะปล่อยฉัน ถ้าฉันช่วยทำงานบ้าน…!”
“สัตว์ประหลาดฉลาม? ปล่อยตัว…?”
ยอรึมที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์แสดงความงุนงงออกมา
ฉันตัดสินใจว่าจะอธิบายให้ยอรึมฟังทีหลัง แล้วเดินเข้าไปหาเลวีนัสที่ยืนเท้าเอวอย่างภาคภูมิใจ
“เธอทำให้พืชชนิดอื่นโตเร็วเหมือนดอกแดนดิไลออนได้ไหม?”
“แน่นอน! เลวีนัสมาจากเผ่ากระต่ายมีเขาผู้ยิ่งใหญ่!”
“ว้าว!”
ความสามารถในการเร่งการเติบโตของพืชเป็นพรที่คาดไม่ถึงจริง ๆ
นั่นอาจหมายความว่าฉันสามารถขยายสวนให้ปลูกพืชได้มากขึ้น
ฉันจะสามารถเก็บเกี่ยวดอกแดนดิไลออนได้มากขึ้น และลดต้นทุนของชาได้
ราคาที่ถูกลงน่าจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น
ถ้าเป็นแบบนี้ ฉันจะสามารถปลดหนี้ได้ก่อนตายไหมนะ?
ขณะที่ฉันพนมมือเข้าหากันด้วยความหวัง ยอรึมก็ถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา
“อา…”
ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงดูไม่พอใจขึ้นมากะทันหัน
MANGA DISCUSSION