หรือว่าจริง ๆ แล้วฉันจะกลัวหินมานา?
ฉันคิดว่าไม่ แต่พูดตามตรง ฉันก็ค่อยแน่ใจเท่าไหร่
ฉันรู้ร่างกายของฉันดีตั้งแต่ที่ร่างกายเปลี่ยนไป
ประสาทสัมผัสของฉันเฉียบคมขึ้น และฉันก็เริ่มชอบปลามากขึ้น
ในเมื่อรสนิยมของฉันเปลี่ยนไป มันก็เป็นไปได้ที่ฉันอาจพัฒนาความกลัวใหม่ ๆ ขึ้นมาด้วย
“เฮ้อ”
แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็หวังว่าฉันจะไม่กลัวหินมานา
ฉันถอนหายใจในใจขณะเดินตามยอรึมลงไปยังชั้นใต้ดินของอาคารกิลด์
“พวกเราอยู่ที่ไหนเหรอ?”
“ที่นี่คือคลังเก็บหินมานา”
“คลังเก็บ?”
มันเป็นโกดังที่มีขนาดพอ ๆ กับโกดังที่ฉันเคยเห็นในชีวิตก่อน
ฉันไม่เคยรู้เลยว่ามีที่แบบนี้อยู่ใต้อาคารกิลด์ด้วย
ความอยากรู้อยากเห็นเอ่อล้นในดวงตาของฉันขณะที่ฉันมองไปรอบ ๆ และเห็นตะกร้ามากมาย
“ว้าว”
ตะกร้าแต่ละใบเต็มไปด้วยหินมานาจำนวนมาก
ถ้าขายทั้งหมดนี้ จะทำให้ใครสักคนติดอันดับหนึ่งในร้อยของคนที่รวยที่สุดในโลกได้ไหมนะ?
มีหินมานาเยอะมากจนฉันอดคิดแบบนั้นไม่ได้
“รอตรงนี้แป๊บนึงนะ? พี่จะไปหยิบหินมานาหนึ่งก้อนมาให้”
“แค่ก้อนเดียว?”
“ใช่ ถ้าเยอะไป อาจทำให้คยออุลเป็นลมเหมือนเพื่อนกระต่ายของคยออุลไง”
“อา… โอเค”
ฉันมองยอรึมเดินจากไป แล้วหันมาสนใจหินมานาที่อยู่ใกล้ ๆ
พวกมันมีขนาดตั้งแต่เล็กเท่าเล็บมือไปจนถึงใหญ่เท่าหัวคน
ความอยากรู้อยากเห็นเอาชนะฉันได้ ฉันเลยลองจิ้มหินมานาก้อนใหญ่ ๆ ดู
“…มันแข็งมาก”
หินมานาที่ดูคล้ายคริสตัลเหล่านี้มีพลังงานที่ฉันไม่รู้จักอยู่ภายใน
มันเป็นพลังงานประเภทที่ฉันไม่เคยรู้สึกได้จากหินมานาของก็อบลินที่มีขนาดเล็กกว่า
นี่คือสิ่งที่พวกเขาเรียกว่ามานาหรือเปล่านะ?
ขณะที่ฉันหลับตาเพื่อซึมซับพลังมานา เสียงห้าว ๆ ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“อย่าแตะหินมานาแบบสุ่มสี่สุ่มห้าสิ”
“อ๊ะ!”
ฉันรีบชักมือกลับแล้วหันไปมองด้านหลัง
ชายคนหนึ่งในชุดทำงานกำลังมองลงมาที่ฉันด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
“นี่เป็นงานของผม ได้โปรดอย่าทำแบบนั้น”
“อา…”
ฉันนี่โง่จริง ๆ
เล่นกับหินมานาที่เป็นของมีค่าแบบนี้
บางทีฉันอาจจะเหลิงไปหน่อยเพราะความสัมพันธ์กับกิลด์ยอมยอง
คิดว่าตัวเองแตะต้องมันได้เพราะรู้จักคนในกิลด์
“ข-ขอโทษ…!”
ฉันกล่าวขอโทษชายคนนั้นแล้วรีบวิ่งไปหา ยอรึม
ในโกดังมีคนทำงานอยู่มากมาย แต่ฉันจับเสียงฝีเท้าของยอรึมเอาไว้และหาตัวเธอเจอได้ไม่ยาก
“ย-ยอรึม…!”
“ฮืม?”
ยอรึมหันกลับมาตามเสียงเรียกแผ่วเบาของฉัน
ในมือของเธอมีหินมานาขนาดเท่าลูกเบสบอลอยู่
มันเป็นหินมานาประเภทที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ฉันสัมผัสได้ถึงพลังที่แผ่ออกมาจากมัน
ฉันรู้ได้ทันทีว่านี่คือหินมานาของมอนสเตอร์สายพันธุ์แมว
“เอ่อ ว้าว…”
มันทำให้ฉันขนลุก
ฉันรีบวิ่งไปหายอรึม แต่ก็หยุดกะทันหันเหมือนเหยียบเบรก
ฉันไถลไปเล็กน้อยเพราะแรงเฉื่อย แต่ก็ยังทรงตัวได้เพราะร่างกายที่เป็นเอกลักษณ์ของมนุษย์สัตว์
“ฮะ?”
ยอรึมกะพริบตาด้วยความประหลาดใจ สลับมองฉันกับหินมานาในมือของเธอ
พอเธอซ่อนหินมานาไว้ข้างหลัง ความรู้สึกขนลุกก็ค่อย ๆ หายไป
“มันให้ความรู้สึกแปลก ๆ จริง ๆ ด้วย”
“จริงเหรอ? มันทำให้ยากที่จะมองเหรอ?”
“ไม่หรอก มันไม่ได้ถึงกับน่ากลัว แค่ให้ความรู้สึกแปลก ๆ …”
ยอรึมเอื้อมมือไปหยิบหินมานาที่เธอซ่อนไว้ข้างหลัง
การมองมันทำให้หัวใจฉันเต้นแรงขึ้น แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นตื่นตระหนกเหมือน เลวีนัส
‘งั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ้างสินะ’
ถึงอย่างนั้น หินมานาของมอนสเตอร์สายพันธุ์แมวก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นพวกเดียวกัน
มันให้ความรู้สึกเหมือนกำลังมองหัวใจของสิ่งมีชีวิตมากกว่า
มันดูน่าขนลุก แต่นั่นก็แค่นั้นเอง
หลังจากสังเกตหินมานาอยู่พักหนึ่ง ฉันก็ส่งมันคืนให้ ยอรึม
“มันให้ความรู้สึกเหมือนหัวใจจริง ๆ เลย”
“ใช่ ตามหลักแล้ว มันก็คือหัวใจนั่นแหละ”
“อืม”
งั้นฉันก็คงไม่ถึงกับกลัวหินมานาหรอก
ฉันรู้สึกโล่งใจแล้วก็หันหลังจะเดินออกไป แต่จากนั้นก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังแบกถุงใบใหญ่
เธอคือพนักงานที่ฉันเคยเห็นตอนขายหินมานาที่เคาน์เตอร์กิลด์
“อ้าว ยอรึม คยออุลก็มาด้วยเหรอ?”
“อ้อ ซังอา”
ฉันพยักหน้าให้ผู้หญิงที่ชื่อ ซังอา อย่างเก้ ๆ กัง ๆ
เธอสะพายกระเป๋าเป้ใบโตอยู่ข้างหลัง
“นั่นอะไรเหรอ?”
“พวกนี้เป็นหินมานาที่ใช้ไม่ได้แล้ว หินมานาของเรดแคทเสื่อมสภาพเร็วมากเลย”
“อา… งั้นเธอกำลังจะเอาไปทิ้งใส่เครื่องกำเนิดไฟฟ้าเหรอ?”
“ใช่ ต้องช่วยประหยัดค่าไฟน่ะ”
ผู้หญิงคนนั้นเปิดกระเป๋าให้เราดูข้างใน
หินมานาขนาดเท่าลูกเบสบอลดูคล้ายกับก้อนที่ ยอรึม เคยให้ฉันดู แต่แค่เห็นก็ทำให้ฉันขนลุกแล้ว
“…”
หูและหางของฉันชี้กระดกขึ้น
หัวใจของฉันก็เต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้
มันเหมือนกำลังจ้องหัวใจของมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและเน่าเฟะอย่างน่าสยดสยอง
หัวใจแบบนั้นถูกบรรจุอยู่ในกระเป๋าเป็นสิบ ๆ ก้อน
“คยออุล…?”
ยอรึมโบกมือไปมาตรงหน้าฉันที่จ้องมองนิ่ง
แต่ฉันขยับตัวไม่ได้ เพราะช็อกเกินไป
“อ่า อึก…!”
ฉันเป็นลมไปเพราะช็อกงั้นเหรอ?
พอได้สติ ฉันก็กลับมาอยู่ในบ้านตู้คอนเทนเนอร์แล้ว
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ยอรึมแบกคยออุลที่ตัวแข็งทื่อกลับมาที่บ้านตู้คอนเทนเนอร์
เธอกำลังจะเดินเข้าไปข้างในทันที แต่พอเห็นโซเฟียนั่งอยู่ใกล้กองไฟ เธอก็เดินเข้าไปหาเธอก่อน
“…ทำไมยัยเด็กนั่นเป็นแบบนั้นอีกแล้วล่ะ?”
“อ่า…พอเห็นหินมานาที่หมดสภาพแล้ว เธอก็หมดสติทั้งยืน”
ยอรึมวางคยออุลลงบนเสื่อใกล้ ๆ แล้วหยิบหินมานาออกมาจากกระเป๋าของเธอ
มันคือหินมานาที่ทำให้คยออุลหวาดกลัว
“โธ่เอ๋ย”
โซเฟียเหลือบมองหินมานาก่อนจะถอนหายใจ แล้วมองคยออุลด้วยสายตาสงสาร
“โซเฟีย เธอรู้ไหมว่าทำไมคยออุลถึงมีปฏิกิริยาแบบนี้?”
“อืม เธอคงตกใจกับหินมานามากจริง ๆ นั่นแหละ”
“หินมานาเหรอ?”
มีเหตุผลอะไรที่ต้องตกใจเพราะหินมานาที่ใช้ไม่ได้แล้วด้วยเหรอ?
ยอรึมเอียงศีรษะด้วยความสงสัย
“มนุษย์สัตว์วัยเยาว์มักเข้าใจผิดว่าพลังมานาที่แผ่ออกมาจากหินมานาคือพลังของพวกเดียวกัน”
“งั้นคยออุลก็เข้าใจผิดว่าหินมานาของเรดแคทเป็นซากศพของพวกเดียวกันงั้นเหรอ?”
“ใช่ แล้วยิ่งพวกที่เธอเอามามันเป็นหินมานาที่เสียสภาพไปแล้ว มันคงให้ความรู้สึกเหมือนเป็นศพเน่าของพวกเดียวกัน”
“อา…”
เหมือนถูกจับให้ดูซากศพเน่าหลายสิบร่างพร้อมกัน
นั่นมันคงน่ากลัวจริง ๆ
ตอนนั้นเองยอรึมก็เข้าใจว่าทำไมคยออุลถึงตัวแข็งไป
“เธอเห็นหินมานาแบบนั้นตั้งเป็นสิบ ๆ ก้อนอยู่ตรงหน้า”
“…โธ่เอ๋ย”
โซเฟียมองไปที่คยออุลด้วยแววตาเข้าใจ
บางทีเธออาจเคยเจออะไรคล้าย ๆ กันมาก่อน
ยอรึมอยากจะถาม แต่โซเฟียพูดขึ้นมาก่อน
“อย่ากังวลมากไปเลย เด็กมนุษย์สัตว์หลายคนก็เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อน”
“อ่า เข้าใจแล้ว”
หวังว่ามันจะไม่กลายเป็นบาดแผลในใจ
ในตอนนั้นเอง คยออุล ที่นอนอยู่บนเสื่อก็ค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นอย่างระมัดระวัง
ยอรึม ไม่อยากให้คยออุลตกใจ จึงรีบโยนหินมานาที่เสียสภาพลงไปในกองไฟ
“…?”
“คยออุล ตื่นแล้วเหรอ?”
“อืม…”
คยออุล ลุกขึ้นแล้วล้วงกระเป๋าที่เอว
เธอหยิบพลั่วปลูกต้นไม้ออกมาแล้วเดินตรงไปที่สวน
“คะ-คยออุล…?”
“ฮืม?”
“ไม่พักหน่อยเหรอ?”
การรีบไปทำสวนทั้งที่เพิ่งเจอเรื่องน่ากลัวมา มันดูแปลกมาก ๆ เลย
ยอรึมหันไปมองโซเฟีย หวังว่าเธอจะช่วยห้าม แต่โซเฟียกลับเอาแต่มองกองไฟที่เริ่มลุกไหม้
“ฉันต้องทำงาน ต้องใช้หนี้”
“แต่ นั่นมันไม่ใช่…”
มันเป็นหนี้ที่ไม่จำเป็นต้องใช้คืนเลยด้วยซ้ำ
แต่จะทำยังไงให้คยออุลเข้าใจล่ะ?
ขณะที่ยอรึมก้มหน้าครุ่นคิด คยออุล ก็พูดบางอย่างที่ทำให้เธอช็อกออกมา
“ฉันต้องใช้หนี้ให้หมดก่อนถึงจะไปหาพวกเพื่อนได้”
“เพื่อน?”
“ใช่ ฉันไม่อยากจากไปทั้งที่ยังมีหนี้ติดตัวอยู่”
เธอกำลังหมายความว่า เธอจะไม่ยอมตายก่อนใช้หนี้หมดงั้นเหรอ?
ยอรึม เผลอกัดริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว
เธอเป็นหนี้อยู่มากก็จริง แต่ถ้า คยออุล เติบโตเป็นนักผจญภัยฝีมือดี ก็สามารถใช้หนี้คืนได้เร็ว
เพราะเธอได้รับ ‘พรแห่งเทพอสูร’ เข้าไปแล้ว
ถ้าได้รับการชี้นำที่ดี เธออาจเป็นนักผจญภัยระดับสูงได้
‘บางทีฉันควรหาทางขัดขวางไม่ให้เธอใช้หนี้…’
ชะลอการเติบโตของเธอ หาข้ออ้างต่าง ๆ ไม่ให้เธอใช้หนี้หมด
มันไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้เธอเดินเข้าสู่ความตาย
เมื่อคิดได้แบบนั้น ยอรึม ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ไม่ว่าจะทางไหน มันก็ไม่ดีต่อคยออุลอยู่ดี
‘ฉันต้องหาวิธีดี ๆ มาขัดขวางไม่ให้เธอใช้หนี้…’
เอาเป็น กระตุ้นให้เธอซื้ออุปกรณ์แพง ๆ โดยอ้างว่าจะหาเงินได้เพิ่มขึ้นเป็นไง หรือไม่ก็โน้มน้ามให้เธอลงทุนธุรกิจ
ยอรึมคิดส่านี่คือแนวทางที่ดีที่สุดแล้ว
สุดท้ายแล้ว คนที่จะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้มากที่สุดก็คือคยออุล
เธอจะมีรายได้มากขึ้นและยังช่วยทำให้เธอเติบโตขึ้นได้อีกด้วย
แน่นอนว่า แผนก็คือทำให้เธอใช้เงินเท่ากับที่หามาได้
‘เอาล่ะ’
เธอต้องกระตุ้นให้ คยออุล ใช้จ่ายทุกครั้งที่หาเงินได้
ยอรึมตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วกำหมัดแน่น
มันอาจดูเหมือนการกลั่นแกล้ง แต่ทั้งหมดนี้ก็เพื่อช่วย คยออุล
เมื่อถ่วงเวลาได้แล้ว แผนต่อไปคือการปลูกฝังเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ให้กับเธอ
MANGA DISCUSSION