ในขณะที่นักผจญภัยพากันออกมาจากดันเจี้ยน นักข่าวและเจ้าหน้าที่ของดันเจี้ยนก็กรูกันเข้ามาหาพวกเรา
พวกเขารุมถามเราถึงเหตุผลว่าทำไมพวกเราถึงลำบากกันมากในดันเจี้ยนระดับห้าเพียงเท่านี้ และทำไมถึงมีผู้เสียชีวิต
ท่ามกลางเสียงซักถามที่วุ่นวายจนฉันมึนงง จองยูนาก็ช่วยพาฉันหนีกลับไปที่บ้านตู้คอนเทนเนอร์
“กลับมาเหรอ?”
“อืม…”
โซเฟียยืนรอฉันอยู่ที่ทางเข้าบ้านตู้คอนเทนเนอร์
แทนที่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน เธอกลับตบไหล่ฉันเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ถึงความเหนื่อยล้า
“เจ้าต้องเหนื่อยมากแน่ ๆ ตอนนี้ก็พักผ่อนก่อนเถอะ”
“อืม…”
บางทีอาจเป็นเพราะฉันใช้พลังงานไปมากเกินไป
ฉันเลยรู้สึกเหนื่อยสุด ๆ ไปเลย
ฉันล้มตัวลงบนที่นอนเหมือนโดมิโนที่ล้มลง ฝังหน้าลงไปกับมัน
‘ฉันต้องฆ่ากระต่ายมีเขาไปอย่างน้อยห้าสิบตัวแน่ ๆ ’
ถ้าขายได้สักสิบตัวก็คงจะดี
เดี๋ยวนะ ฉันยังเก็บลูกธนูคืนมาไม่ครบเลยนี่นา
ฉันค่อย ๆ หลับตาลง พลางนึกย้อนถึงเหตุการณ์ในการต่อสู้และคิดว่าคงควรพักสักหน่อยตามที่โซเฟียบอก
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
แอ๊ด—
เสียงบานพับขึ้นสนิมดังขึ้นจากความมืด
เมื่อฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ก็เห็นยอรึมเดินเข้ามาทางประตู
“ขอโทษนะ พี่ทำให้คยออุลตื่นหรือเปล่า?”
“ไม่เลย ฉันกำลังจะตื่นพอดี…”
ฉันขยี้ตาเบา ๆ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วก็เห็นว่าท้องฟ้าเริ่มตกดินแล้ว
ฉันหลับไปนานแค่ไหนกันนะ?
ขณะที่ฉันพยายามมองนาฬิกาด้วยดวงตากึ่งเปิดกึ่งปิด ยอรึมก็นั่งลงข้างที่นอนของฉัน
“เพราะคยออุลแท้ ๆ เลย พี่ถึงยังมีชีวิตอยู่”
“พวกเราทำมันด้วยกันต่างหาก”
ขณะที่พูด ฉันก็เหลือบมองที่หน้าท้องของยอรึม
ทั้งที่เธอเคยถูกกระต่ายมีเขายักษ์เสียบทะลุ แต่ตอนนี้เธอกลับเคลื่อนไหวได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ดูเหมือนว่าฉันไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องสภาพร่างกายของเธอแล้ว
“คยออุล อยากได้อะไรไหม?”
“ของที่อยากได้?”
“อืม ครั้งนี้คยออุลมีส่วนช่วยเคลียร์ดันเจี้ยนเยอะเลย”
จริง ๆ แล้ว มันเป็นความพยายามร่วมกันของทุกคน
ฉันกลืนคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมา เพราะความจริงแล้วฉันมีบางอย่างที่อยากรู้
“งั้น… คุณช่วยตอบคำถามฉันตรง ๆ ได้ไหม?”
“…คยออุลอยากถามเรื่องอะไรเหรอ?”
“ใช่ มีเรื่องที่ฉันจำเป็นต้องรู้”
ฉันมองไปที่ยอรึมด้วยสายตาจริงจังกว่าครั้งไหน ๆ
พอเธอรับรู้ถึงความผิดปกติในสีหน้าของฉัน รอยยิ้มของเธอก็ค่อย ๆ จางหายไป
“โอเค พี่จะตอบทุกอย่างเท่าที่รู้”
‘ทุกอย่างเท่าที่รู้’
นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันอยากได้ยิน
“ฉันสงสัยว่าทำไมคุณถึงเปลี่ยนฉันให้กลายเป็นมนุษย์สัตว์”
“นั่นมัน…”
“คุณเลี่ยงที่จะพูดเรื่องนี้มาตลอด ตอนนี้ฉันจำเป็นต้องรู้เหตุผลนั้นแล้ว”
ยอรึมเป็นคนดีที่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยฉัน
แต่ความไม่ไว้วางใจก็ยังคงอยู่ เพราะเธอไม่ได้บอกฉันทุกอย่าง
ในฐานะคนที่อยากเชื่อใจเธออย่างเต็มที่ ฉันจำเป็นต้องรู้ความจริงทั้งหมด
“อืม… ถ้าคยออุลอยากรู้จริง ๆ พี่ก็จะบอก”
“ใช่ ฉันอยากรู้”
เมื่อเผชิญกับท่าทีหนักแน่นของฉัน ยอรึมก็ถอนหายใจลึก
เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อย ๆ เอ่ยปากพูด
“ตอนนั้น มีแค่วิธีเดียวที่จะช่วยคยออุลได้”
“มันคืออะไร…?”
“ด้วยพรแห่งเทพอสรูร ร่างของคยออุลจะถูกสร้างใหม่ตั้งแต่ศูนย์”
พรแห่งเทพอสูร
ฉันไม่เห็นรู้มาก่อนเลยว่ามันจะเกี่ยวข้องกับเทพของมนุษย์สัตว์ด้วย
“เป็นเพราะพรแห่งเทพอสูรใช่ไหม ฉันเลยสามารถใช้มานาได้?”
“ใช่ แล้วก็เป็นเหตุผลที่ทำให้โพชั่นใช้ได้ผลกับคยออุลด้วย”
เธอทำทุกอย่างเพื่อช่วยฉัน
ฉันรู้สึกขอบคุณ แต่ความสงสัยของฉันยังไม่หายไปทั้งหมด
“แต่ทำไมคุณถึงไม่บอกฉันเรื่องนี้?”
“ก็…”
“ก็…?”
“มันเป็นไอเท็มที่แพงมาก… พี่ก็เลยคิดว่าคยออุลอาจจะรู้สึกหนักใจ…”
ไอเท็มราคาแพง
คำพูดนั้นทำให้ฉันขนลุก
“มันราคาเท่าไหร่…?”
“บางทีอาจจะดีกว่าถ้าไม่ต้องรู้…?”
จากท่าทีเลี่ยงตอบของยอรึม ฉันก็รู้ได้ทันทีว่ามันต้องเป็นจำนวนที่มหาศาล
“คุณช่วยบอกเป็นตัวเลขคร่าว ๆ ได้ไหม…?”
“คยออุลจำเป็นต้องรู้จริง ๆ เหรอ?”
“ใช่”
เมื่อฉันยืนยันอย่างหนักแน่น ยอรึมก็โน้มตัวเข้ามาใกล้แล้วกระซิบบอกราคา
มันเป็นจำนวนที่ฉันไม่มีวันใช้หนี้คืนได้ ต่อให้ทำงานไปทั้งชีวิตก็ตาม
“เอ่อ”
“เอ่อ?”
“อ๊าาาา…”
ฉันเคยมีความฝันที่งดงาม
ความฝันที่ว่าถ้าฉันขยันทำงาน ชีวิตของฉันจะดีขึ้น
ฉันคิดว่าฉันจะสามารถใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาได้ในไม่ช้า มีรายได้มากขึ้น และพัฒนาทักษะได้อย่างรวดเร็ว
แต่แล้ว หนี้สินจำนวนมหาศาลก็พาฉันจมดิ่งสู่ความสิ้นหวัง
“อ๊าาา…”
ฉันถังแตกแล้ว
หนี้ที่ฉันไม่มีวันใช้คืนได้ ต่อให้ต้องทำงานเป็นทาสไปจนตาย
ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะเริ่มแก้ปัญหานี้จากตรงไหน
“คยออุลไม่ต้องใช้หนี้คืนก็ได้นะ ใจเย็น ๆ เถอะ โอเค?”
“ฉันทำไม่ได้…”
เป็นหนี้ก็ต้องใช้หนี้สิ
คนที่ไม่ใช้หนี้คืนก็ไม่ต่างอะไรจากสวะของสังคม
“แล้วจะทำไง? มันถูกใช้ไปแล้ว ลืม ๆ มันไปเถอะนะ ได้ไหม?”
“ไม่เป็นไร ฉันจะตั้งใจทำงานแล้วชดใช้คืนให้ได้…”
ฉันแค่ต้องการเวลาอีกสักหน่อย
ฉันประสานมือเข้าหากันเหมือนกำลังอ้อนวอน
“เฮ้อ… นี่แหละเหตุผลที่พี่ไม่อยากบอกคยออุล…”
“งั้นนี่เอง…”
ฉันเคยสงสัยว่าทำไมเธอถึงไม่บอกความจริงกับฉัน
มันไม่ใช่เพราะเจตนาร้าย แต่เป็นเพราะเธอคิดถึงฉัน
‘ฉันนี่มันแย่จริง ๆ ’
ทั้ง ๆ ที่เธอใช้เงินอย่างมหาศาลเพื่อช่วยฉัน แต่ฉันกลับสงสัยเธอ
ฉันอยากจะมุดรูหนีด้วยความอับอาย
“ฉะ-ฉันจะชดใช้เงินคืนให้แน่นอน…”
“ไม่เป็นไรจริง ๆ คยออุลไม่ต้องใช้หนี้คืนหรอก”
“ไม่เป็นไร… ฉันหาเงินได้วันละสี่หมื่นวอน…”
ฉันต้องหาเงินให้ได้วันละเท่าไหร่ ถึงจะใช้หนี้หมดก่อนตาย?
ฉันหลับตาแน่น รู้สึกสิ้นหวังขณะคำนวณตัวเลข
ต่อให้ฉันหาเงินได้มากกว่าปัจจุบันร้อยเท่า ก็ต้องใช้เวลาร้อยปีกว่าจะใช้หนี้หมด
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากตื่นนอน โซเฟียก็พบคยออุลนั่งยอง ๆ อยู่ในสวนด้วยสีหน้าหม่นหมอง
“อ๊ากกก…”
คยออุลเปล่งเสียงออกมาเบา ๆ เป็นส่วนผสมระหว่างเสียงกรีดร้องกับเสียงถอนหายใจ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร มันก็ดูน่าสงสาร
“คยออุล เกิดอะไรขึ้น?”
“โอ้ ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับฉัน…”
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น?
ชัดเจนเลยว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น
โซเฟียมองไปรอบ ๆ เพื่อหาสาเหตุ แล้วก็สังเกตเห็นยอรึมนอนแผ่อยู่บนพื้นหญ้าด้วยสีหน้าคล้ายกัน
ยอรึมนอนแผ่ออกไปราวกับบรรลุสัจธรรมบางอย่าง
“ยอรึม”
“…คะ?”
คำตอบของเธอล่าช้าไปประมาณสามจังหวะ
เธอเหมือนถูกสาปให้เคลื่อนไหวช้า
โซเฟียรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างคยออุลกับยอรึม
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงได้เป็นแบบนี้กันทั้งคู่?”
“…เมื่อคืนฉันบอกคยออุลเกี่ยวกับพรแห่งเทพอสูรค่ะ”
“พรงั้นเหรอ?”
“ใช่ คยออุลถามไม่หยุด ฉันเลยไม่มีทางเลือกนอกจากบอกไป”
แย่แล้ว
เธอควรจะเก็บเรื่องพรไว้เป็นความลับ แต่สุดท้ายก็ดันหลุดปากพูดออกไปเอง
โซเฟียพอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขาโดยไม่ต้องฟังคำอธิบายทั้งหมด
“คยออุลต้องยืนกรานจะชดใช้ค่าพรแน่ ๆ ”
“ใช่ ฉันพยายามอธิบายไปเกือบร้อยครั้งว่าไม่ต้องชดใช้ แต่เธอก็ยังยืนกรานว่าจะทำให้ได้…”
“ฮืม…”
คนปกติถ้ารู้ว่าไม่ต้องชดใช้ ก็ควรจะรู้สึกขอบคุณสิ
ทำไมเด็กคนนั้นถึงยืนกรานจะชดใช้ขนาดนั้น?
โซเฟียคิดว่าบางทีคยออุลอาจมีบาดแผลในใจที่ฝังลึกอยู่
บาดแผลที่เกี่ยวข้องกับการค้างชำระหนี้จนเกิดเหตุร้ายแรงขึ้น
‘เด็กน่าสงสาร’
ชิ
เด็กดีขนาดนี้ ทำไมถึงต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้กันนะ?
“ฉันนึกว่าสถานการณ์ของเราจะดีขึ้นเพราะเรื่องนี้แล้วแท้ ๆ แต่กลับวนกลับไปที่เดิม”
“ตอนนี้กลายเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ไปแล้ว”
“ใช่”
แม้แต่ในมิตรภาพธรรมดา ความสัมพันธ์ก็เปลี่ยนไปทันทีเมื่อเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง
สำหรับ ‘ความสัมพันธ์พิเศษ’ อย่างของคยออุลกับยอรึม มันต้องยุ่งยากขึ้นไปอีกแน่ ๆ
“เฮ้อ!”
ตุบ! ตุบ!
ยอรึมที่นอนแผ่อยู่บนพื้นหญ้าเลิกเก็บอาการแล้วทุบพื้นด้วยหมัดของเธอ
เธอถึงกับดึงหญ้าขึ้นมาทั้งกำด้วยความหงุดหงิด
เธอรู้สึกเสียใจที่บอกเรื่องพรออกไป คิดว่าปล่อยให้ห่างกันไปเฉย ๆ ยังจะดีกว่า
ในตอนนั้นเอง คยออุลก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาหายอรึมด้วยก้าวเล็ก ๆ
“เอ่อ ขอโทษนะ…”
“ฮืม?”
“ฉันกำลังคิดว่า…”
“คิดว่า?”
คิดเรื่องอะไร?
หรือว่าเธอจะบอกว่าไม่สามารถชดใช้หนี้ได้?
ยอรึมลุกขึ้นจากพื้นหญ้าพร้อมแววตาที่มีความหวังเล็กน้อย
“ฉันคิดว่า บางทีฉันอาจจะควรลองขายชาดู”
“ขายชา…?”
“ใช่ คุณเคยบอกว่าชาของฉันมีผลบัฟใช่ไหม? นั่นก็เท่ากับว่าฉันสามารถหาเงินจากมันได้”
มันเป็นการพูดคุยเกี่ยวกับวิธีการชดใช้หนี้
ยอรึมอยากจะอ้อนวอนให้คยออุลไม่ต้องชดใช้เงิน แต่เพราะรู้ดีถึงความดื้อรั้นของเธอ จึงทำได้แค่พยักหน้าตอบรับ
“โอเค นั่นเป็นความคิดที่ดีเลย”
ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เธอคิดว่าควรตั้งราคาชาที่มีบัฟของคยออุลให้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เธอรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าหนี้ใจเหี้ยม ที่ต้องหาทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เงินคืน
ไม่สิ ไม่ใช่แค่รู้สึก แต่มันเป็นแบบนั้นเลยต่างหาก
ยอรึมครุ่นคิดอย่างจริงจังว่าเมื่อไหร่เวรกรรมของเธอจะหมดลงสักที
MANGA DISCUSSION