“โธ่เอ้ย”
โซเฟียถอนหายใจยาว และนั่งอยู่บนเก้าอี้
แม้ว่าเธอจะเคยได้ยินว่าราชาในอนาคตนั้นทั้งดุร้ายและมีจิตใจดี แต่สำหรับโซเฟีย เด็กคนนั้นเป็นเพียงเด็กที่น่าสงสารและหวาดกลัว
เธอคงไม่ได้อายุมากนักแม้กระทั่งก่อนการเปลี่ยนร่าง
การเห็นเด็กไร้บ้านพเนจรแบบนี้ เอนเซียและอาร์โก้อาจเข้าใจผิด
เป็นความผิดพลาดที่มีแต่มนุษย์สัตว์ที่ตัดสินทุกอย่างด้วยพลังเท่านั้นจะทำได้
‘ตอนนี้ฉันควรทำยังไงดี…’
เด็กที่ขี้อายไม่เหมาะกับภาพลักษณ์ของราชามนุษย์สัตว์
อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตาม ‘มาตรฐานของมนุษย์สัตว์’
อย่างไรก็ตาม โซเฟียซึ่งเป็นที่รู้จักว่าเป็นของแปลกในหมู่เผ่าของเธอ เธอไม่ได้รู้สึกไม่ชอบเด็กคนนี้
เธอให้ความสำคัญกับราชาที่ฉลาดมากกว่าราชาที่ทรงพลัง
ด้วยความอ่อนโยนตามนิสัยของเด็กคนนั้น หากได้รับการแนะนำที่เหมาะสม เธออาจกลายเป็นผู้ปกครองที่เปี่ยมด้วยความเมตตา
ด้วยจิตใจและร่างกายที่ถูกพัฒนาขึ้นจากพร เธอคงจะซึมซับทุกสิ่งที่ได้รับการสอนได้อย่างแน่นอน
โซเฟียตัดสินใจที่จะใช้สถานการณ์นี้ให้ดีที่สุดและอบรมเด็กคนนี้ให้เป็นราชาที่ดี
‘โล่งใจที่เธออยู่ภายใต้การปกป้องของกิลด์ยอมยอง…’
แม้จะรู้สึกขอบคุณที่กิลด์ยอมยองปกป้องราชาในอนาคต แต่ทำไมถึงปล่อยให้เด็กอาศัยอยู่นอกอาคาร?
เป็นการฝึกฝนความดุร้ายของมนุษย์สัตว์งั้นเหรอ?
เมื่อไม่สามารถเข้าใจเหตุผล เธอก็เริ่มไม่พอใจ
กิลด์ดูเหมือนจะใจร้ายและละเลยผู้รับพรอันล้ำค่า
“กิลด์ยอมยองช่างขาดความเมตตาจริงๆ”
“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ…?”
“การปฏิบัติต่อราชาในอนาคตผู้ที่ได้รับพรแบบนี้…!”
ก่อนที่โซเฟียจะพูดจบ ยอรึมที่ปรากฏตัวขึ้นจากไหนไม่รู้ก็เข้ามาปิดปากเธอ
มือเล็ก ๆ ของโซเฟียแกว่งไปมาอย่างแรง
“น้องปลาวาฬ พี่ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม?”
“อื้มม อื้มม!”
โซเฟียที่ตกใจจากการถูกรบกวนกระทันหัน ก็แกว่งไม้เท้าใส่ยอรึม แต่กลับไม่โดนเลยสักครั้ง
ยอรึมหลบด้วยการเคลื่อนไหวที่ราวกับเวทมนตร์
เมื่อเห็นเช่นนั้น คยออุลก็คิดในใจว่าไม่ใช่วาฬ ฉลามต่างหาก
“คยออุล พี่จะไปคุยกับน้องปลาวาฬสักแป๊บหนึ่งแล้วจะกลับมานะ โอเคไหม?”
“โอเค…”
ยอรึมอุ้มโซเฟียออกไปจากตรงเต็นท์ไกล ๆ
แม้จะอยู่ไกลจากเต็นท์ของคยออุล ยอรึมก็ยังพูดออกไปเบา ๆ เพื่อความแน่ใจ
“คยออุล ได้ยินเสียงของพี่ไหม?”
เมื่อได้ยินเสียงแผ่ว ๆ คยออุลพยักหน้าจากระยะไกล
การได้ยินของเธอดีขึ้นขนาดไหนกันนะ?
เพราะไม่อยากให้คยออุลรู้เรื่องพร ยอรึมจึงวิ่งไปให้ไกลยิ่งขึ้น
ไปยังที่ที่คยออุลจะไม่มีทางได้ยิน
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
‘เอาหม้อวางตรงนี้ละกัน…’
ในขณะที่อยู่คนเดียวในเต็นท์และจัดของอยู่ คยออุลก็นึกถึงปลาตัวเล็กที่เธอนำมาจากหุบเขา
เธอเก็บมาบางตัวเพื่อเอามาเลี้ยงในบ่อ เธอสงสัยว่ามันจะยังมีชีวิตอยู่ไหม
ทันทีที่เธอเดินไปที่ถังที่มีปลาอยู่ เด็กสาวสองคนก็เดินเข้ามาจากระยะไกล
“กิลด์ยอมยองนี่ไม่ให้เกียรติผู้สูงอายุเลยเหรอ…?”
เด็กสาวที่มีหางฉลามบ่นพลางเผยฟันแหลมคมของเธอ
ยอรึมขยับตัวอย่างเก้อเขินข้าง ๆ เธอ
“ขอโทษค่ะ… ฉันไม่รู้เลยว่าคุณสูงอายุขนาดนี้…”
“โอ้ ที่รัก กระดูกของฉันช่างแย่เหลือเกิน”
ตุ้บ ตุ้บ
เด็กสาวฉลามตบที่เอวของเธอแล้วเดินเข้ามาใกล้ฉัน
ดูจากการกระทำและวิธีพูดของเธอ เธออาจจะอายุมากกว่าที่ฉันคิดไว้มาก
เธออายุเท่าไหร่กันแน่ถึงทำตัวเหมือนคนแก่?
ด้วยความสงสัย ฉันตัดสินใจถามตรง ๆ
“คุณยาย คุณอายุเท่าไหร่?”
“…อย่ามาเรียกฉันว่ายาย”
“เอ๋?”
เธอเพิ่งเรียกตัวเองว่าเป็นผู้อาวุโสไม่ใช่เหรอ?
ฉันงุนงงจนเอียงหัว ขณะที่เด็กสาวฉลามนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมพิงไม้เท้าของเธอ
“ฉันอาจจะดูเป็นแบบนั้น แต่ฉันไม่ได้แก่มากขนาดนั้น”
“แต่คุณใช้ไม้เท้าเดินนะ”
“เพราะฉันเป็นสิ่งมีชีวิตจากน้ำ พออยู่บนบกก็เลยอ่อนแอ”
อ๋อ แบบนี้นี่เอง
มันเหมือนกับที่มนุษย์อ่อนแอตอนที่ในน้ำ
ฉันกังวลเกี่ยวกับสภาพของเธอจึงชี้ไปที่บ่อใกล้ๆ
“คุณอยากไปพักในบ่อนั่นไหม?”
“ไม่ ฉันเกลียดน้ำ”
ฉลามที่เกลียดน้ำ แปลกมากชะมัดเลย
แต่ฉันตัดสินใจที่จะไม่ยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของเธอ
สิ่งสำคัญตอนนี้คือเหตุผลที่มนุษย์สัตว์มายืนอยู่ตรงนี้เพื่อหาฉัน
“คุณมาที่นี่ทำไม?”
“…ฉันมาที่นี่เพื่อสอนพื้นฐานให้เธอ เพราะตอนนี้เธอกลายเป็นมนุษย์สัตว์แล้ว”
โซเฟียเหลือบมองยอรึมขณะที่เธอพูด
หลังจากส่งสัญญาณกันแบบเงียบ ๆ ยอรึมก็พยักหน้าเบา ๆ
“มีอะไรพิเศษที่ฉันต้องเรียนรู้ไหม?”
“มีเยอะเลย มนุษย์สัตว์มีวิธีใช้มานาไม่เหมือนมนุษย์”
“อ๋อ มานา…”
ฉันวางแผนจะปฏิเสธสิ่งแปลก ๆ
แต่การเรียนรู้เกี่ยวกับมานามันยากที่จะปฏิเสธ
มานาเป็นสิ่งเดียวที่อาจเปลี่ยนชีวิตของฉันได้
ฉันตกลงรับการสอนของเธออย่างไม่เต็มใจ
แต่ก่อนอื่น ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันสงสัยจริงๆ
“คือว่า มนุษย์สัตว์คืออะไรกันแน่?”
“…เธอไม่รู้ว่ามนุษย์สัตว์คืออะไรงั้นเหรอ?”
“ใช่ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเคยเห็นมนุษย์สัตว์”
คำตอบของฉันแปลกหรือเปล่านะ?
เด็กสาวทั้งสองกระพริบตาพร้อมกัน
“เธอใช้ชีวิตมายังไงถึงไม่รู้จักเผ่าสัตว์?”
“ขอโทษ ฉันอยู่ในภูเขาเกือบตลอด…”
ฉันไม่เคยเห็นมนุษย์สัตย์เลยในช่วงแปดปีที่ฉันมีชีวิตอยู่
บางทีมนุษย์สัตว์อาจจะพบได้บ่อยในโลกนี้กว่าที่ฉันคิด
“ไม่จำเป็นต้องขอโทษ แค่รู้ตอนนี้ก็พอแล้ว”
อะแฮ่ม
เด็กสาวฉลามกระแอมและวาดวงกลมด้วยปลายไม้เท้าของเธอ
จากนั้นเธอก็พูดสิ่งที่น่าตกใจออกมา
“เผ่ามนุษย์สัตว์ของเรามาจากเกต เราเป็นสิ่งมีชีวิตจากอีกมิติหนึ่ง”
“เกต? นั่นเป็นทางที่มอนสเตอร์ใช้ออกมาไม่ใช่เหรอ?”
เหตุผลที่มอนสเตอร์ปรากฏตัวไม่หยุดในพื้นที่ล่ามือใหม่
เพราะพวกมันผ่านเกตเข้ามาอยู่ตลอด
แต่ความจริงที่ว่ามนุษย์สัตย์นั้นผ่านเกตมาช่างน่าตกใจ จนทำให้ฉันอ้าปากค้าง
มันทำให้เกิดความเป็นไปได้ว่าฉันอาจกลับไปยังโลกเดิมของฉันผ่านทางเกตได้
“ฉันสามารถเข้าไปในเกตได้หรือเปล่า?”
“มันเป็นไปได้ แต่เธอต้องพัฒนาทักษะของเธอก่อน”
“จริงด้วย…! มันเป็นดันเจี้ยนที่มีมอนสเตอร์อยู่นี่นา…!”
“ใช่ ระวังให้ดี ถ้าเธอเคลียร์ดันเจี้ยนไม่ได้ เธอก็จะติดอยู่ในโลกนั้นตลอดไป”
ติดอยู่ตลอดไป
คำพูดนั้นทำให้ฉันตระหนักถึงบางสิ่ง
มนุษย์สัตว์ติดอยู่ในดันเจี้ยนที่เรียกว่าโลก
และบางที ฉันอาจติดอยู่ในสถานการณ์คล้ายกัน
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ฉันอาจกลับบ้านได้
เพียงแค่ความหวังเล็ก ๆ นั้น ก็ทำให้หางของฉันแกว่งไปมา
มันทำให้การทำความสะอาดบ้านที่น่าเบื่อดูง่ายขึ้น
‘ฉันสามารถกลับไปยังโลกเดิมได้โดยการเคลียร์ดันเจี้ยนใช่ไหม?’
ฉันมองเห็นความหวังเล็ก ๆ ที่จะกลับบ้าน
ฉันนั่งอยู่ที่ด้านนอกเต็นท์พร้อมเทปและสร้อยโลหะ ฉันตั้งใจที่จะทำสร้อยคอจากหินมานาของก็อบลินที่ฉันได้มาจากพื้นที่ล่ามอนสเตอร์ของมือใหม่อย่างมีความสุขที่ไม่ได้รู้สึกมานาน
แซ่ก—
ฉันฉีกเทปออกมายาว ๆ และใช้มันติดหินมานาและสร้อยคอเข้าด้วยกันอย่างลวก ๆ
มันดูไม่เรียบร้อย แต่ฉันก็ไม่สนใจ เพราะมันทำให้ฉันพอใจ
“คยออุล กำลังทำอะไรอยู่เหรอ?”
“ฉันกำลังทำสร้อยคอ นี่เป็นหินมานาชิ้นแรกที่ฉันได้มา ฉันอยากเก็บมันไว้เป็นที่ระลึก”
“อืม… ขอดูหน่อยได้ไหม?”
ผู้หญิงคนนั้นยื่นมือมาหาฉัน
ฉันคิดว่าเธอคงไม่ขโมยอะไรที่เล็กน้อยอย่างหินมานาของก๊อบลิน ฉันจึงส่งให้เธอโดยที่ไม่ได้สงสัยอะไร
“คุณจะทำอะไรเหรอ?”
“พี่จะติดมันให้สวยขึ้น”
ต๊อก ต๊อก—
ในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นแตะหินมานา ก็มีพลังความร้อนแผ่ออกมาจากปลายนิ้วมือของเธอ
ส่วนหนึ่งของหินมานาหลอมละลายจากความร้อน
‘ว้าว’
ส่วนที่หลอมละลายของหินมานายึดติดกับสร้อยโลหะราวกับเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
“คุณทำอย่างนั้นได้ยังไง?”
“พี่ใช้พลังงานที่อยู่ในหินมานา คยออุลเองก็ทำได้เหมือนกัน”
พูดจบ เด็กสาวก็เป่าเบา ๆ บนหินมานาที่ยังร้อนอยู่
และในตอนนั้นเอง เด็กสาวฉลามก็เดินออกมาจากเต็นท์พร้อมถังที่มีปลาซิวอยู่
“ปลาพวกนี้คืออะไร? พวกมันกำลังร้องขอความช่วยเหลืออยู่”
“อ๊ะ! ปลาตัวซิวของฉัน!”
ฉันยุ่งมากจนลืมพวกมันไปเสียสนิท
ฉันรีบวิ่งไปหาเด็กสาวฉลามด้วยความตื่นตระหนก
“เธอเอาพวกมันมาเลี้ยงเหรอ?”
“ใช่ ฉันตั้งใจจะเลี้ยงพวกมันในบ่อแล้วค่อยจับมากิน”
“อ่า… ป่าเถื่อนจริง ๆ เลย”
เธอพูดว่า ‘ป่าเถื่อน’
นั่นเป็นคำติดปากของเผ่ามนุษย์สัตว์เหรอ?
แม้ว่าฉันจะมีคำถามมากมาย แต่ฉันตัดสินใจปล่อยปลาตัวเล็ก ๆ ลงบ่อก่อน
“ฉันเอาปลาซิวพวกนี้ไปปล่อยได้หรือยัง?”
“ได้แล้วละ อุปกรณ์พร้อมแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ย้ายปลาเข้าบ่อ”
“โอเค…!”
บ่อปลาที่มีปลาหลากหลายสายพันธุ์ให้ตก
แค่จินตนาการถึงมัน หางของฉันก็แกว่งไปมาอย่างควบคุมไม่ได้
ฉันรู้สึกปลื้มปิติ ขณะที่แบกถังไปยังบ่อ
“ให้ตายสิ เด็กคนนั้นเป็นมนุษย์สัตว์แบบไหนกัน?”
“ใครจะไปรู้…?”
ฉันรู้สึกถึงสายตาของผู้คนที่เดินเล่นใกล้บ่อปลา
มันน่ากลัวเล็กน้อย แต่ที่นี่คือลานหน้าบ้านของฉันแล้ว
ในฐานะคนที่จ่ายค่าที่พักแล้ว ฉันตัดสินใจแสดงความมั่นใจออกมา
‘ยังไงซะ ฉันก็เป็นผู้ดูแลบ่อปลาแห่งนี้นี่นา’
ซ่า ซ่า ซ่า—
ขณะที่ฉันปล่อยปลาตัวเล็ก ๆ ออกจากถังลงในบ่อ พวกมันนับสิบกระจายไปทั่ว
ในเวลาไม่นาน พวกมันจะเพิ่มจำนวนเป็นร้อยหรือแม้แต่พันตัว
ขณะที่ฉันจมอยู่กับความคิดอันน่ารื่นรมย์นี้ ฉันก็หันกลับมาและสบตากับผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งพักอยู่บนเก้าอี้
เธอค้างอยู่ในท่ากัดแซนด์วิช และฉันก็ยืนนิ่งเป็นหินตรงหน้าเธอเช่นกัน
เธอคือผู้หญิงใจร้ายที่เคยหัวเราะเยาะฉันตอนที่ฉันโดนกระต่ายเขาไล่ล่า
“อา”
ฉันถอยหลังออกไปโดยสัญชาตญาณทันทีที่เห็นผู้หญิงคนนั้น
โดยที่ลืมไปสนิทเลยว่ามีบ่อน้ำอยู่ข้างหลังฉัน
MANGA DISCUSSION