ฉันวิ่งไปที่พื้นที่ล่ามอนสเตอร์แบบไม่หยุดพัก
แม้จะวิ่งมา 20 นาทีแล้ว ฉันก็ไม่ได้หอบจนเหมือนจะตาย
หรือว่าความอึดทางกายภาพของฉันพัฒนาขึ้นแล้ว?
ขณะที่ฉันแตะบริเวณหน้าอกเพื่อพักผ่อน ก็มีสามร่างที่คุ้นเคยเดินเข้ามาหาจากด้านหลัง
“ออกมาล่าสัตว์ตั้งแต่เช้าเลยสินะคะ”
“ท่านอยากเห็นเลือดใช่ไหมครับ!”
“เล…เลือด? ไม่ใช่อย่างนั้น…”
พวกเขาตั้งใจพูดแบบนั้นใช่ไหม?
หรือพวกเขาแค่ไม่เข้าใจจริง ๆ?
ไม่ว่าจะกรณีใด พวกเขาก็ไม่ปกติอย่างแน่นอน
ฉันตัดสินใจที่จะเพิกเฉยและตั้งสมาธิไปที่การล่ากระต่ายมีเขาแทน
ขณะที่ฉันล้วงหนังสติ๊กในกระเป๋า ผู้หญิงหมาป่าก็ยื่นคันธนูจากหลังของเธอให้ฉัน
“ท่านคยออุล ใช้สิ่งนี้เถอะค่ะ นี่คือธนูที่ปรับให้เหมาะกับร่างกายที่ยังเด็กของท่าน”
“อ-อันนี้เหรอ…?”
“ค่ะ หนังสติ๊กเป็นอาวุธที่ดี แต่เบาเกินไป มันไม่อาจเทียบได้กับพลังทำลายของธนู”
ธนู
ฉันไม่อยากรับอะไรจากพวกเขา แต่ก็ปฏิเสธได้ไม่ง่ายเช่นกัน
ฉันไม่อยากพลาดโอกาสที่จะได้ใช้ศาสตราวุธที่เหมาะสม
“ถ้างั้น ฉันลองยิงสักครั้งได้ไหม…?”
ฉันพยักหน้า ไม่สามารถปฏิเสธข้อเสนอของพวกเขาได้
ผู้หญิงหมาป่าจึงยื่นธนูให้ฉัน
“นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านใช้ธนูหรือเปล่าคะ?”
“ใช่…”
“ถ้างั้น ฉันจะแสดงวิธีจัดท่าทางให้ท่านดูค่ะ”
ผู้หญิงหมาป่าเข้ามาใกล้ฉัน
การสอนฉันจำเป็นต้องมีการสัมผัสทางกายภาพ
เธอจับมือฉันเพื่อช่วยใส่ลูกธนู และลูบหลังกับท้องของฉันเพื่อปรับท่าทาง
เพียงแค่นั้น ก็เริ่มทำให้หัวใจของฉันเต้นแรง
ความรู้สึกแปลก ๆ ที่ฉันไม่ชอบเลยแต่กลับรู้สึกดี
ฉันพยายามกลั้นยิ้มและสังเกตเห็นกระต่ายมีเขากระโดดอยู่ในทุ่งหญ้าห่างออกไป
“ฉันยิงตัวนั้นได้ไหม…?”
“ค่ะ ถ้าท่านทำตามที่ฉันสอน ท่านจะยิงโดนแน่นอนค่ะ”
ไม่น่าเป็นไปได้
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันยิงธนู ไม่มีทางที่ฉันจะยิงโดน
ฉันยิงธนูตามที่ผู้หญิงหมาป่าสอนโดยที่ไม่ได้คาดหวังอะไร
พรืด!
ลูกธนูถูกปล่อยด้วยแรงตึงของสาย
แม้จะเร็วมาก แต่สายตาที่พัฒนาขึ้นของฉันช่วยให้ฉันมองตามเส้นทางของลูกธนูได้
ก้านธนูที่สั่นไหวพุ่งทะลุผ่านใบไม้ที่ปลิวไหว
เมื่อลูกธนูพุ่งผ่านใบไม้ที่ขาดไปแล้ว หูของกระต่ายมีเขาก็ตั้งขึ้น
เดี๋ยวนะ
มันจะโดน
ขณะที่ฉันคิดเช่นนั้น
ตุบ!
ลูกธนูพุ่งทะลุหัวกระต่ายและออกอีกด้าน
“โอ้…?”
ฉันยิงโดนจริง ๆ เหรอ?
ยิงโดนตั้งแต่ครั้งแรกที่ลองใช้ธนู
ขณะที่ฉันยืนงงมองกระต่ายที่ล้มลง มีใครบางคนวางมือบนหัวฉัน
“คยออุล! น่าทึ่งมาก!”
“อะ…อืม…?”
มันเป็นการสัมผัสที่อ่อนโยน ราวกับปลอบโยนเด็ก
แม้มันจะรู้สึกดี แต่ฉันรู้ว่าเธอแค่เสแสร้ง
เธอรู้ว่าฉันอยู่คนเดียว และอาจพยายามควบคุมอารมณ์ฉันด้วยวิธีนี้
ยิ่งฉันสัมผัสท่าทีที่เสแสร้งของเธอมากเท่าไหร่ ความผิดหวังของฉันก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้น
ฉันก้มหน้าและค่อย ๆ ถอยหลังออกมาอย่างระมัดระวัง
จากนั้นผู้หญิงคนนัันก็รีบลดมือลง
“โอ้ ขอโทษนะ พี่ล้ำเส้นเกินไปใช่ไหม?”
ล้ำเส้นงั้นเหรอ
เธอรู้ตัวไหมว่าทำอะไรอยู่ในขณะที่พูดแบบนั้น?
ฉันเตะก้อนกรวดที่อยู่บนพื้นด้วยความรำคาญ
“มันมากเกินไปจริง ๆ …”
“อ-อะไรเหรอ? พี่ทำอะไรผิดไปงั้นเหรอ…?”
ผู้หญิงคนนั้นกระพริบตา ราวกับไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริง ๆ
ท่าทีเจ้าเล่ห์ของเธอทำให้ฉันสั่นด้วยความโกรธ
หลังจากที่ฉันอดทนมาตลอด
ฉันตัดสินใจระบายความอัดอั้นในใจออกมาเล็กน้อย แค่เล็กน้อยเท่านั้น
“คุณเอาแต่ทรมานฉันอยู่เรื่อย…”
ฉันกัดริมฝีปากหลังจากหลุดปากบ่นออกไป
ฉันรู้ว่ามันเป็นการพูดที่อวดดี แต่ก็รู้สึกโล่งใจ
ปฏิกิริยาของผู้หญิงคนนั้นจะเป็นแบบไหนกัน?
ฉันมองพื้นก่อนเงยตามองขึ้นไป คำตอบของผู้หญิงคนนั้นนั้นเกินคาดไปมาก
“ฉันทรมานคยออุล…เข้าใจแล้ว…”
“อืม?”
เธอดูสับสนจริง ๆ
ฉันไม่สามารถบอกได้เลยว่ามันเป็นการแสดงหรือจริงใจ
“โอ้ แน่นอน พี่รู้ว่าคยออุลต้องทนทุกข์เพราะพี่ พี่อยากจะทุบตัวเองเพราะเรื่องนั้นจริง ๆ ”
“ทุบ…ทุบตัวเองนั่นก็เกินไป…”
นี่เป็นกลยุทธ์เพื่อกดดันฉันไม่ให้กล้าพูดอีกหรือเปล่า?
ฉันก้มหน้าลงด้วยความสับสน และผู้หญิงคนนั้นก็ย่อตัวลงมาให้สูงเท่าฉัน
“ฟังนะ คยออุล ให้โอกาสพี่อีกครั้งได้ไหม? พี่จะแสดงให้เห็นว่าพี่สามารถเป็นคนที่ดีกว่านี้ได้”
“น-นั่น…”
เป็นคนที่ดีกว่านี้
ฉันไม่รู้เลยว่าเธอตั้งใจจะสื่ออะไรด้วยคำพูดเช่นนั้น
“พี่เสียใจจริง ๆ กับสิ่งที่พี่ทำกับคยออุล ขอโอกาศให้พี่ได้แก้ตัวอีกสักครั้งได้ไหม?”
เธอกำลังกดดันให้ฉันให้โอกาสเธอ มันทำให้ปฏิเสธได้ยาก
ฉันวิ่งหนีออกไปโดยสัญชาตญาณเพราะรู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์ในตอนนี้พร้อมกับตะโกนออกมา
“คุณยังไม่ได้ขอโทษด้วยซ้ำ!”
“ข-ขอโทษเหรอ…?”
ยอรึมไม่สามารถตามคยออุลที่หนีไปได้ ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นราวกับถูกแช่แข็งจากคำตะโกนครั้งสุดท้าย
‘ฉันยังไม่ได้ขอโทษ…?’
ยอรึมนึกย้อนกลับไปในวันที่คยออุลตื่นขึ้น
เธอตั้งใจที่จะขอโทษทันที แต่คยออุลวิ่งหนีไป ทำให้พลาดโอกาสนั้น
แม้หลังจากนั้น เธอยังคงมองหาโอกาส แต่ชีวิตของคยออุลทำให้เธอตกใจจนสมองว่างเปล่า
ในที่สุดยอรึมก็ตระหนักได้ขณะทบทวนความทรงจำ
เธอไม่ได้ขอโทษหรืออธิบายอะไรกับคยออุลเลย
“โอ้ ไม่นะ…!”
บ้าเอ๊ย!
เธอจะลืมส่วนที่สำคัญที่สุดไปได้ยังไง!
ยอรึมตบแก้มตัวเองเป็นการลงโทษ
แม้ว่าเธอจะตีตัวเองแรงจนแก้มร้อนผ่าว ยอรึมก็ไม่ได้สนใจความเจ็บปวดของตัวเองเลย
เพราะเธอไม่ได้ขอโทษหรืออธิบาย คยออุลก็เลยคาใจ
คยออุลคงสงสัยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันในร่างกายของเธอ แต่ก็กลัวผู้ใหญ่เกินกว่าจะถาม
ทั้งหมดเป็นความผิดของเธอ
เธอยืนตกใจจนปากอ้าค้าง
“เอ่อ คุณยอรึม…?”
“อ๊ะ?! ค่ะ!”
“ทำไมจู่ ๆ ท่านคยออุลเป็นแบบนั้นล่ะคะ…?”
“หัวหน้าโกรธ!”
ยอรึมกลับมาสู่ความเป็นจริงเมื่อได้ยินมนุษย์สัตว์พูดกับเธอ
เธอสามารถโทษตัวเองทีหลังได้ แต่โอกาสที่จะขอโทษจะไม่มีอีกถ้าพลาดไป
มันสำคัญมากที่จะต้องตามคยออุลไปและกล่าวคำขอโทษอย่างจริงใจ
“พวกเธอสองคนรออยู่ตรงนี้สักครู่ได้ไหม?”
“ท่านคยออุลจะไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ใช่ ฉันขอสาบานด้วยชีวิตว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ”
คำสาบานด้วยชีวิตเป็นหนึ่งในคำปฏิญาณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์สัตว์จะให้ได้
เอนเซียและอาร์โก้พยักหน้าด้วยความเข้าใจ
จากนั้นยอรึมก็วิ่งไปในทิศทางที่คยออุลหนีไป
ทิศทางที่คยออุลวิ่งไปคือป่าที่มีก็อบลินปรากฏตัว ซึ่งเป็นส่วนที่ค่อนข้างอันตรายของพื้นที่ล่ามอนสเตอร์สำหรับมือใหม่
แน่นอนว่า ด้วยสภาพในปัจจุบันของคยออุลแล้ว เธอคงไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนด้วยซ้ำ ดังนั้นนั่นจึงไม่ใช่เรื่องที่ยอรึมกังวล
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
‘ฉันเกลียดเธอจริง ๆ’
ตุ้บ ตุ้บ—
ฉันแทงกิ่งไม้ลงไปในดินราวกับว่ามันเป็นผู้หญิงคนนั้น
ฉันระบายความหงุดหงิดลงบนดิน จินตนาการว่ามันคือเธอ
“ชิ”
เมื่อมองไปที่พื้นดินที่ถูกแทง ความโกรธของฉันก็เริ่มสงบลง
ฉันควรหยุดการระบายอารมณ์ไว้แค่นี้
ฉันยืนขึ้นและมองไปรอบ ๆ
ฉันวิ่งลึกเข้าไปในป่ามากกว่าตอนที่ฉันวิ่งหนีจากหญิงวัยกลางคนก่อนหน้านี้
ด้วยความฟิตของร่างกายและความเร็วในการวิ่งที่ดีขึ้น ฉันจึงมาถึงบริเวณที่ค่อนข้างลึก
‘ที่นี่คือ…’
ป่าที่มีก็อบลินปรากฏตัว
มันเป็นสถานที่ที่ฉันไม่เคยเข้าไปเพราะมันอันตราย
ฉันวิ่งหนีไปยังที่ที่คิดว่าจะไม่มีใครเห็นเพราะโกรธจนลืมตัว
“แค่ก”
ฉันกำคันธนูไว้ด้วยความระวังตัว แต่ลูกธนูอยู่กับหญิงหมาป่า
ขณะที่ฉันลดธนูที่ดูไร้ประโยชน์ลง เสียงกรอบแกรบก็ดังขึ้นจากพุ่มไม้หนาทึบในป่า
“……!”
ผู้หญิงคนนั้นตามฉันมาเหรอ?
ฉันตั้งใจฟัง แต่สิ่งที่ได้ยินกลับเป็นเสียงแปลกประหลาดของสัตว์
นั่นคือเสียงของก็อบลินตอนที่มันร้อง
ฉันยืนนิ่งพิงต้นไม้ด้วยกลัว ก็อบลินสามตัวก็โผล่ออกมาจากพุ่มไม้และมุ่งหน้ามาทางฉัน
‘ฮึ่ก’
ฉันเสียสติไปแล้ว
วิ่งหนีมาจนถึงป่าก็อบลิน
ฉันรีบซ่อนตัวในพุ่มไม้
“คั๊ก”
พวกมันมาหาฉันเพราะเสียงขุดดินใช่ไหม?
ก็อบลินตัวหนึ่งปรากฏขึ้นตรงที่ที่ฉันเคยอยู่ มองไปรอบ ๆ
มันเงี่ยหูยาว ๆ ของมันและดมกิ่งไม้ที่ฉันใช้ขุดดิน
‘จมูกของพวกมันไวต่อกลิ่นมาก…!’
ฉันไม่แน่ใจว่าดีแค่ไหน แต่การเห็นพวกมันตามรอยจากกลิ่นได้หมายความว่าพวกมันมั่นใจในเรื่องนี้พอสมควร
ฉันรีบโปรยดินบนพื้นให้ทั่วตัว
หากต้องการปกปิดกลิ่นอย่างถูกต้อง ฉันควรเอามันมาถูตัว แต่ก็อบลินอยู่ใกล้เกินไปแล้ว
สุดท้ายฉันก็เลือกโปรยแค่ดินเพราะกลัวว่ามันจะรู้ตำแหน่งของฉัน
“คั๊ก?”
“ครั๊วก?”
ก็อบลินที่กำลังคุยกันในภาษาที่ฟังไม่รู้เรื่อง เริ่มถอยกลับไปในทางที่มันมา
พวกมันดูเหมือนจะลองล่อฉัน โดยซ่อนตัวอยู่ชั่วครู่หลังป่า แต่ในที่สุดก็จากไปเมื่อฉันไม่โผล่ออกมา
ฉันคงถูกหลอกไปแล้วถ้าไม่ได้การได้ยินที่ดีขึ้น
“เฮ้อ”
ก็อบลิน
พวกมันแข็งแกร่งและเจ้าเล่ห์กว่ากระต่ายเขาไกล
ขณะที่ฉันถอนหายใจและก้าวออกมาจากที่ซ่อน
กรอบแกรบ—
มีใครบางคนกำลังมุ่งหน้าผ่านป่ามาหาฉัน วิ่งอย่างรวดเร็วเหมือนกับรู้ว่าฉันอยู่ตรงนี้
“ฮึ่ก”
เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง
“คยออุล…?”
มันสายเกินไปที่จะซ่อนตัวให้มิดชิด ใบหน้าของฉันถูกซ่อนไว้ในพุ่มไม้ แต่ร่างกายส่วนที่เหลือโผล่ออกมา
ฉันรู้สึกเหมือนไก่ที่ซ่อนหัวไว้ในฟางแล้วคิดว่าทั้งตัวของมันถูกซ่อนไว้หมดแล้ว
เป็นพวกโง่ที่คิดว่าแค่ปิดหน้าก็เท่ากับซ่อนตัวอย่างมิดชิดแล้ว
แต่ตอนนี้ ฉันกำลังทำสิ่งโง่ ๆ แบบเดียวกัน
ด้วยความรู้สึกเหมือนไก่โง่ ๆ ฉันไม่กล้าเผยหน้าออกมา แค่นอนอยู่ตรงนั้น
มีเพียงหางของฉันที่ห้อยลงมาอย่างอ่อนแรง
MANGA DISCUSSION