ในขณะที่ซ่อนตัวอยู่ในที่หลบภัยพร้อมตั้งหูฟังเสียง ฉันก็ได้ยินเสียงคนพูดคุยกัน
ท่ามกลางคนพวกนั้นมีเสียงของผู้หญิงที่ฉันรู้จักอยู่
“คนที่ได้รับพรไปอาศัยอยู่ที่นี่งั้นเหรอ…?”
“อา ถ้าเป็นตอนนี้ ก็ใช่ค่ะ…”
ใครคือคนที่พวกเขาบอกว่าได้รับพรและอาศัยอยู่ที่นี่กัน?
แม้จะยังงุนงงแต่ฉันก็ยังปิดปากสนิท
ฉันวางแผนจะซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ จนกว่าพวกเขาจะจากไป
ได้โปรดอย่าหาฉันเจอเลย
ขณะที่ฉันอ้อนวอนในใจ คนพวกนั้นก็หยุดอยู่ตรงหน้าเต็นท์ของฉัน
โชคดีที่พวกเขาดูเหมือนจะไม่ใช่คนที่จะบุกรุกบ้านของคนอื่นอย่างหยาบคาย
“คยออุล ขอเข้าไปได้ไหม?”
“……”
“ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงพาคนพวกนั้นมาที่นี่?”
ฉันไม่รู้เหตุผล เลยไม่ได้ตอบกลับไป
ฉันแค่รอเงียบๆ ให้พวกเขาไป แต่แล้วก็มีคนเริ่มเดินมาทางฉัน
“คยออุล อยู่ที่นี่หรือเปล่า?”
ตึก— ตึก—
ผู้หญิงคนนั้นเคาะที่ผนังด้านนอกของที่หลบภัย
รู้ทั้งรู้ว่าฉันอยู่ตรงนั้นแต่ก็ยังถามอีกนะแม่มดชั่ว
แต่ฉันยังไม่ได้ส่งเสียงเลย แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ตรงนี้?
ฉันกลั้นหายใจที่เกือบจะหลุดออกมา แล้วเปิดฝาที่หลบภัยเล็กน้อยเพื่อแอบดู
“โอ้ คยออุล อยู่ที่นี่เองเหรอ?”
“ใช่…”
ผู้หญิงคนนั้นแกล้งทำเป็นตกใจ ราวกับว่าเธอไม่รู้จริงๆ
การเสแสร้งทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วของเธอ ช่างน่ารังเกียจเสียจริง
“คยออุลซ่อนตัวทำไมเหรอ? มีหมูป่าระหว่างที่พี่ไม่อยู่เหรอ?
มีบางอย่างที่น่ากลัวยิ่งกว่าหมูป่ามาน่ะสิ
ฉันเงยหน้ามองผู้หญิงคนนั้น พร้อมกับขมวดคิ้ว
“แค่เล่นคนเดียวน่ะ…”
“ล-เล่นคนเดียว…?”
“ใช่ ข้างในที่หลบภัยมันอุ่นดี”
คำตอบของฉันมันแปลกหรือเปล่านะ?
สายตาของเธอมองไปที่หูของฉันที่อยู่บนหัว
“เป็นเพราะว่าเธอเป็นแมวหรือเปล่า?”
“แมว?”
“ม-ไม่ ๆ พี่แค่พูดกับตัวเองน่ะ”
ผู้หญิงคนนั้นยิ้มฝืนๆ และโบกมืออย่างเก้ ๆ กัง ๆ
ชัดเจนเลยว่าเธอกำลังคิดเรื่องแปลก ๆ อยู่ แต่เพราะฉันอ่านใจมนุษย์ไม่ได้ ฉันเลยปล่อยผ่านไป
แถมยังมีสิ่งมีชีวิตที่อันตรายกว่ารออยู่ข้างนอกเต็นท์ด้วย
“ทำไมข้างนอกถึงมีคนเยอะ…?”
ผู้หญิงที่อยู่ข้างในเต็นท์ฉันคุ้นเคยดี แต่อีกสามคนที่รออยู่ด้านนอกเต็นท์ฉันไม่รู้จักเลยสักคน
คนพวกนี้มาทำอะไรในภูเขาลึกๆ แบบนี้?
ฉันเงยหน้ามองเธออย่างงุนงง
“ก็…มีคนที่อยากเจอคยออุลน่ะ พี่ขอโทษที่รบกวนเวลาพักผ่อนของคยออุลนะ แต่พอจะมีเวลาสักหน่อยไหม?”
เธอถามอย่างกับเป็นเรื่องปกติ แต่ฉันรู้ตัวดีว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์เลือก
ฉันพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ
“ก็ได้…”
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
คังจินโฮสำรวจเต็นท์จากระยะไกล
เขาเคยได้ยินเรื่องสภาพความเป็นอยู่ของเด็ก แต่สภาพแวดล้อมที่โหดร้ายเช่นนี้เกินความคาดหมายของเขาไปมาก
เขาอยากจะรีบพาเด็กไปที่กิลด์ทันที แต่เพราะเขาเชื่อใจการตัดสินใจของยอรึมเลยยับยั้งตัวเองไว้
‘เห็นว่า เธอไม่ชอบของที่ได้มาฟรี ๆ ’
จะพูดว่าไม่ชอบก็คงไม่ถูกนัก ควรต้องพูดว่าเธอกลัวมันมากกว่า
เธอไม่เคยมีประสบการณ์ในการได้รับอะไรฟรีๆ ในความสัมพันธ์ของมนุษย์
ชิ
ขณะที่คังจินโฮกอดอกและถอนหายใจ เด็กหญิงตัวเล็กๆ ก็โผล่ออกมาจากเต็นท์
หูและหางของเธอลู่ลงอย่างไร้เรี่ยวแรง
ดูเหมือนว่าเธอจะตกใจกลัวจากการมาเยือนกะทันหัน เธอกำเสื้อผ้าแน่นและก้มหน้ามองพื้น
มันช่างน่าใจหายที่เห็นเธอมองไปรอบๆ อย่างหวาดกลัว และเบือนสายตาหลบอย่างรวดเร็วเมื่อสบตากับใคร
‘ไม่ดีเลย’
กิลด์ต้องรับผิดชอบบางส่วนที่ทำให้เด็กคนนี้กลายมาเป็นแบบนี้
เป็นครั้งแรกในรอบระยะเวลานานที่คังจินโฮรู้สึกเศร้าใจ
“สวัสดีค่ะ ท่านคยออุล ดิฉันชื่อเอนเซีย บลูเมเยอร์ค่ะ”
หญิงหมาป่าที่แนะนำตัวเองว่าเอนเซีย โค้งคำนับให้คยออุล
ดูเหมือนว่าเธอจะเรียนรู้มารยาทแบบเกาหลี โดยวางมือไว้ที่หน้าท้องอย่างสุภาพ
คยออุลมองหูและหางของผู้หญิงคนนั้นและคิดว่าเธอคงถูกยอรึมปรับแต่งมาเช่นกัน
แม้จะกลัว แต่ความรู้สึกใกล้ชิดกันทำให้เธอกล้าพูดออกมา
“ฉ-ฉันชื่อจอง… คยออุล…”
ฮันคยออุล
ยอรึมหลับตาลงเมื่อรู้ว่าคยออุลใช้ชื่อที่เธอเป็นคนตั้งให้
บางทีนี่คงจะเป็นความรู้ที่ว่าถึงตายไปก็ไม่รู้สึกเสียดายแล้ว
ยอรึมตัดสินใจดื่มด่ำกับช่วงเวลาแห่งความปลื้มปิตินี้
“ท่านชื่อจองคยออุลเหรอคะ?”
“ไม่ ๆ ฉันชื่อฮันคยออุล…”
‘จอง’ เป็นชื่อของเธอในชีวิตก่อน
คยออุลรู้สึกหนักใจที่ต้องละทิ้งชื่อในอดีตของเธอ แต่เธอก็รู้ว่ามันไม่เหมาะกับร่างปัจจุบันของเธอ
ถึงจะไม่เต็มใจ แต่เธอก็ตัดสินใจใช้ชื่อที่ยอรึมตั้งให้
“ค่ะ ท่านฮันคยออุล ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ดิฉันขอถามคำถามท่านสักสองสามข้อได้หรือเปล่าคะ?”
“คำถาม…เหรอ?”
“ใช่ค่ะ มีบางอย่างที่ฉันต้องการยืนยัน”
บางอย่างที่ต้องยืนยัน
ยอรึมให้บางอย่างกับเธองั้นเหรอ?
คยออุลกลืนน้ำลายลงคอโดยไม่ตั้งใจ
“แค่สองถึงสามคำถามเท่านั้นนะ…”
“ได้ค่ะ คำถามแรก มันไม่ใช่ที่ยิ่งใหญ่เลยค่ะ ท่านอาศัยอยู่ที่นี่ใช่ไหมคะ?”
“ใช่…”
ทำไมต้องถามว่าฉันอยู่ที่นี่ใช่ไหมด้วย ทั้ง ๆ ที่ยอรึมก็รู้อยู่แล้ว?
คยออุลรู้สึกสับสน
จากนั้นความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัว
‘พวกเขากำลังทดสอบว่าฉันโกหกรึเปล่า!’
พวกเขาถามในสิ่งที่รู้อยู่แล้วเพื่อดูว่าฉันพูดความจริงหรือไม่
คยออุลรู้สึกทึ่งกับกลอุบายของยอรึม
“ท่านอาศัยอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้วคะ?”
“ส-สามปี…”
“สามปี?”
เอนเซียแอบมองยอรึมอย่างลับ ๆ ซึ่งยืนอยู่ข้างหลังคยออุล
เธอจำได้ว่ายอรึมเคยบอกว่าเด็กคนนี้อายุแปดขวบ
‘สามปี หมายความว่าเธออาศัยอยู่แบบนี้ตั้งแต่อายุห้าขวบ…’
เด็กมนุษย์จะสามารถอยู่รอดคนเดียวในที่แบบนี้ได้จริงหรือ?
เอนเซียสำรวจสิ่งรอบตัวเพื่อยืนยันความจริง
ทรายใกล้กองไฟดำสนิท
มันต้องเกิดจากเถ้าถ่านที่สะสมมาเป็นเวลานาน
เช่นเดียวกับกองไฟ เครื่องมืออื่นๆ ก็แสดงร่องรอยของกาลเวลา
ในบรรดาสิ่งเหล่านั้น สิ่งที่บ่งบอกได้มากที่สุดคือชุดของเด็กสาว
เสื้อผ้าของเธอฉีกขาดแบบไม่เป็นระเบียบ เปื้อนคราบดิบเถื่อนของธรรมชาติ
เหมือนกับว่าเธอได้ยอมรับธรรมชาติอย่างที่มันเป็น
‘นี่มันเป็นไปไม่ได้’
แม้แต่เผ่ามนุษย์สัตว์ที่มีความใกล้ชิดกับธรรมชาติ ก็ยังไม่สามารถเอาชีวิตรอดในป่าเพียงลำพังตั้งแต่อายุห้าขวบได้
เธอเคยผิดหวังในความไร้เดียงสาของเด็กสาว แต่แท้จริงแล้วเธอได้ซ่อนความป่าเถื่อนอันแกร่งกร้าวไว้ภายใน
ราชาแห่งยุคนี้มีคุณสมบัติที่ยิ่งใหญ่กว่าราชาทุกคนที่ผ่านมา
‘เธอคือจักรพรรดิ! จักรพรรดิแห่งเผ่ามนุษย์สัตว์!’
หางของเอนเซียเริ่มแกว่งไปมาอย่างบ้าคลั่ง
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเธอยังคงเรียบเฉย
ในฐานะตัวแทนของเผ่ามนุษย์สัตว์ เธอต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเอง
“อืม…ท่านยังคงบกพร่องอยู่ แต่ถ้าหากได้ฝึกเพิ่มอีกเล็กน้อย ท่านจะต้องพร้อมอย่างแน่นอนค่ะ”
แม้ว่าเธอจะมีศักยภาพมหาศาล แต่เอนเซียตั้งใจไม่แสดงความตื่นเต้น เพราะกลัวว่าจะทำให้เกิดความทะนงตน
คังจินโฮที่เฝ้าสังเกตเอนเซียอยู่ พูดพึมพำกับตัวเอง
‘บกพร่อง?’
หางของเธอไม่ใช่ว่ามันแกว่งไปมาอย่างรวดเร็วหรอกเหรอ?
เขาไม่เคยเห็นมนุษย์สัตว์แกว่งหางแบบนั้นมาก่อน แม้แต่สุนัขเลี้ยงก็ยังไม่ขนาดนั้น
แม้ว่าหางของเธอจะแกว่งเร็วกว่าเจ้าหมาที่บ้านเขาทุกตัว คังจินโฮก็ตัดสินใจเงียบไว้
เขารู้สึกโล่งใจเมื่อรู้ว่าตัวแทนของเผ่ามนุษย์สัตว์คนนี้ไร้เดียงสากว่าที่คิด
ดูเหมือนว่าเด็กคนนั้นจะไม่ถูกเผ่ามนุษย์สัตว์ทำร้ายแล้ว
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ขณะนั่งอยู่ข้างกองไฟ ชายครึ่งจิ้งจกและหญิงครึ่งหมาป่านั่งตรงข้ามฉัน
ฉันรู้สึกทรมานราวกับถูกสอบสวน เลยใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการก้มหน้ามองลงพื้น
“อาวุธหลักของท่านคืออะไรคะ?”
“น-หนังสติ๊ก…”
“หนังสติ๊ก! ช่างคร่ำครึ! ช่างป่าเถื่อน!”
ชายครึ่งจิ้งจกฟาดหางยาวของเขาลงบนพื้น
หญิงครึ่งหมาป่าก็ดูเหมือนจะสนุกไปด้วย หางของเธอแกว่งเร็วเสียจนพร่ามัว
“ถ้าท่านชอบโจมตีระยะไกล ทำไมไม่ลองใช้ธนูล่ะคะ?”
“ธ-ธนูมันเจ็บมือ…”
“ค่ะ เนื่องจากท่านยังเด็กอยู่ ควรเริ่มต้นโดยการใช้ธนูที่ใช้แรงดึงน้อยค่ะ”
พวกเขาอยากให้ฉันเรียนยิงธนูเหรอ?
แต่ทำไมล่ะ?
ฉันมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นที่ยืนมองอยู่ห่างๆ ด้วยความสับสน
ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนอยู่เบื้องหลังสถานการณ์นี้
‘ได้โปรด หยุดเถอะ’
เมื่อฉันมองเธอด้วยสายตาวิงวอน เธอก็ค่อยๆ เดินเข้ามาหาฉัน
“พอแค่นี้เถอะค่ะ ทั้งสองคน”
“ห-หยุดเหรอคะ? แต่ฉันยังมีคำถามที่อยาก…”
หางของหญิงครึ่งหมาป่าห้อยลง
แม้ใบหน้าจะไร้อารมณ์ แต่ก็รู้สึกดีที่สามารถอ่านความรู้สึกของพวกเขาผ่านหูและหางได้
“วันนี้เป็นวันพักผ่อนของคยออุลค่ะ เธอต้องพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อฝึกหนักในวันหลัง”
“โอ้… เข้าใจแล้วค่ะ…”
หญิงครึ่งหมาป่าก้มศีรษะแล้วลุกขึ้นยืน
ชายครึ่งจิ้งจกทำตามเธอ
“ท่านผู้นำรุ่นเยาว์ ไว้เราจะมาหาอีกนะครับ!”
ตุ้บ—! ตุ้บ—!
ชายครึ่งจิ้งจกโจมตีต้นไม้ใกล้ๆ ด้วยหางของเขา
กิ่งไม้หลายกิ่งร่วงลงมาจากด้านบน
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
เห็นได้ชัดว่าผลข้างเคียงจากการดัดแปลงของผู้หญิงคนนั้นลดความฉลาดของพวกเขาลง
น่าเศร้า
“ผู้นำเหรอคะ? เรื่องนั้นยังไม่ได้รับการยืนยันเลย…”
“เอ๊ะ? จริงเหรอ? แต่เธอจะเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมแน่!”
“ง-เงียบน่า! เงียบเดี๋ยวนี้เลย!”
หญิงครึ่งหมาป่าดึงชายครึ่งจิ้งจกออกไปอย่างเร่งรีบ
เมื่อพวกเขาเดินห่างออกไป หญิงคนนั้นตะโกนใส่ฉันด้วยเสียงดัง
“พรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่นะคะ!”
“อ-อืม…?”
พรุ่งนี้พวกเขาวางแผนจะมาทำอะไร?
ทำไมพวกเขาถึงพูดอะไรบางอย่างแล้วจากไปอย่างเอะอะขนาดนี้?
ฉันมองไปรอบ ๆ ด้วยความสับสน ก่อนจะได้ยินชายครึ่งจิ้งจกตะโกนด้วยเสียงดังที่สุดที่เคยได้ยิน
“ท่านผู้นำ! จากนี้ไปท่านคยออุลคือท่านผู้นำ!”
“ผ-ผู้นำ…?”
อาจเป็นเพราะฉันโดดเด่นที่สุดในบรรดาคนที่ถูกดัดแปลงโดยผู้หญิงคนนั้น?
ฉันจับจ้องเด็กสาวด้วยสายตาที่สั่นไหว
บางทีเธออาจจะเป็นอสูรกายที่เกินจินตนาการของฉันก็ได้
MANGA DISCUSSION