ฉันเดินเข้าเต็นท์พร้อมถือหม้อที่มีรอยบุบซึ่งเต็มไปด้วยน้ำจากลำธาร
ที่มุมหนึ่งของเต็นท์มีเตาเล็ก ๆ สำหรับต้มชา ซึ่งยังใช้เป็นเตาผิงในฤดูหนาวได้อีกด้วย
ฉันจุดเตาและใส่ดอกแดนดิไลออนที่แห้งสนิทลงไปในหม้อ
เพียงแค่ต้มไม่กี่นาที ชาแดนดิไลออนที่ทั้งมีประโยชน์และรสชาติดีก็จะพร้อมดื่ม
ชาแดนดิไลออนนั้นอร่อยและมีรสชาติเข้มคล้ายชาเขียว
ผู้หญิงคนนั้นจะชอบชาที่ฉันชงหรือเปล่านะ?
ฉันจ้องมองหม้อที่เดือดพล่านด้วยความกังวล ก่อนที่ฉันจะตกใจ
ไม่มีเหตุผลให้ฉันต้องกังวลกับคำวิจารณ์ของผู้หญิงคนนั้นเลยนี่นา
‘ถ้าเธอบอกว่าไม่อร่อย ฉันก็จะดื่มเองทั้งหมด’
มันจะเป็นการเสียโอกาสสำหรับคนที่ปฏิเสธสิ่งดี ๆ เพียงเพราะรสชาติ
หลังจากเทชาแดนดิไลออนที่เสร็จแล้วลงในถ้วย ฉันก็ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเหม่อลอย
เมื่อไหร่ผู้หญิงคนนั้นจะกลับมา?
ขณะที่ฉันกำลังรู้สึกหงุดหงิดกับชาที่กำลังเย็นลง เสียงฝีเท้าคุ้นเคยก็ดังมาจากนอกเต็นท์
“คยออุล ออกมาหน่อยได้ไหม?”
“ได้”
ฉันเดินออกจากเต็นท์พร้อมถือถ้วยชาสองใบ
ในมือของผู้หญิงคนนั้นมีของหลายอย่างที่ฉันไม่คุ้นเคย
“ดูสิ พี่ซื้ออุปกรณ์ทำบาร์บีคิวมาเยอะเลย”
“บาร์บีคิว?”
“ใช่ พี่คิดว่ามันคงจะดีถ้าได้ย่างเนื้อไปด้วยฟังเสียงลำธารไปด้วย”
“อ่า…”
เธออาจจะมีนิสัยแปลกไปบ้าง แต่เธอก็รู้จักความโรแมนติก
ฉันกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายกับของที่เธอนำมา
ถ้ามันเพื่อความพึงพอใจของเธอเอง ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด
“ช่วยพี่ตั้งเตาตรงลำธารหน่อยได้ไหม?”
“ได้สิ แต่ชากำลังเย็นแล้ว…”
“อ้อ จริงด้วย! งั้นมาดื่มชากันก่อน”
เธอหยิบถ้วยใบหนึ่งไปจากมือฉัน
การดื่มชาร้อน ๆ โดยไม่เป่าที่เหมือนกับนักผจญภัยของเธอนั้นน่าช่างประทับใจ
“เป็นยังไงบ้าง…?”
ฉันเงยหน้ามองผู้หญิงคนนั้นพร้อมกับปากแตะขอบถ้วย รู้สึกทั้งคาดหวังและกังวล
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนลองดื่มชาที่ฉันชง
“อืม… มันหอมและหวาน คยออุลชงได้ดีมากเลยนี่นา”
“จริงเหรอ?”
ฉันคิดว่าเธอเป็นแค่แม่มดโง่ ๆ
เธอฉลาดพอที่จะเข้าใจรสชาติของชา?
ฉันรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูกและเป่าชาของตัวเอง
“อืม”
ดอกแดนดิไลออนนี่มันอร่อยจริง ๆ
ในขณะที่ฉันลิ้มรสชาอย่างหลับตาอยู่ ผู้หญิงคนนั้นก็อุทานส่งเสียงแปลก ๆ ออกมา
“หือ? คยออุล นี่มัน…”
“อะไรเหรอ?”
เธอทำตาโตเหมือนกับกระต่ายมีเขาและลุกลี้ลุกลนไปมา
ฉันสงสัยว่าเกิดปัญหาอะไร เธอตรวจดูตัวเองไปทั่ว
“ทำไมสิ่งนี้ถึงได้มีเอฟเฟคโด๊ปล่ะ…?”
โด๊ป?
นั่นไม่ใช่สิ่งที่นักกีฬาลอบใช้ก่อนการแข่งขันเหรอ?
ขณะที่ฉันเอียงหัวด้วยความสับสน ฉันรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังเข้ามาใกล้จากป่าใกล้ ๆ
ตุบ-ตุบ-
ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักของสัตว์สี่ขา ผ่านหูที่ไวต่อเสียงของฉัน
เสียงหายใจดังครืดคราดเป็นช่วง ๆ ชัดเจนว่าเป็นสัตว์ตัวนั้นที่ตามรังควานฉันมาหลายปี
ฉันต้องรีบหนีแล้ว
แต่ว่าผู้หญิงคนนั้นล่ะ?
ฉันกระทืบเท้าด้วยความตื่นตระหนกและตะโกนใส่เธอ
“ม-หมู! หมู!”
“หมู?! พี่ค่อนข้างผอมนะ…?!”
“ไม่ใช่คุณ! ม-หมูป่าดุร้าย…!”
บางทีคำอธิบายของฉันอาจจะไม่ดีพอ ปากของผู้หญิงคนนั้นจึงอ้าค้างด้วยความตกใจ
เธอยังตบที่ท้องตัวเองพร้อมก้มมองลงไป
“เอ่อ พี่แรงเยอะก็จริง แต่ไม่ได้ถึงขั้นที่จะถูกเรียกว่าหมูป่าสักหน่อย…”
เธอกำลังล้อเล่นในสถานการณ์ที่คับขันแบบนี้เหรอ?
ฉันโมโห แต่ด้วยสถานการณ์แบบนี้ ฉันรีบคว้ามือเธอและลากไปยังที่หลบภัยในเต็นท์
‘แย่แล้ว’
ที่หลบภัยนั้นหลบได้แค่คนเดียว
มีเพียงคนเดียวในพวกเรา ไม่เธอก็ฉัน ที่ได้เข้าไป
ในสถานการณ์ชุลมุน ฉันเปิดฝาที่หลบภัยและดันหัวเธอเข้าไป
“เร็ว เข้าไป!”
“เอ่อ ได้ค่ะ?”
เธอเข้าไปในที่หลบภัยโดยไม่มีการขัดขืน
พอฉันกำลังจะปิดฝา เธอก็ยื่นหัวออกมาชนฝา
ตึง-!
แม้จะมีเสียงดัง เธอก็กระพริบตาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“คยออุล เกิดอะไรขึ้น?”
“หมูป่ากำลังมา!”
หมูป่าเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที
ฉันไม่แน่ใจระยะทางที่แน่นอน แต่มันน่าจะประมาณสามร้อยเมตร
เมื่อระยะห่างระหว่างฉันกับหมูป่านนั้นลดลง ร่างกายของฉันก็สั่นมากขึ้น
“หมูป่า? พี่ไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลย”
“ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าประมาณสามร้อยเมตรออกไป”
“สามร้อยเมตร?”
สายตาของผู้หญิงคนนั้นหันมาที่หูของฉันบนศีรษะ
หูของฉันกระตุกอย่างไม่อาจควบคุมได้เพราะการจ้องของเธอ
“ว้าว การได้ยินของคยออุลดีขึ้นขนาดนั้นเลยเหรอ…?”
แม้ในสถานการณ์คับขัน เธอก็ยังให้ความสนใจกับการตรวจสอบร่างกายที่เปลี่ยนไปของฉัน
เธอเป็นแม่มดบ้าอย่างแท้จริง
ด้วยความโกรธเล็กน้อย ฉันใช้ทั้งตัวกดหัวเธอลง
“ซ่อนตัวอยู่ที่นี่จนกว่าหมูจะไป ฉันจะปีนต้นไม้หนีเอง”
“คยออุล เดี๋ยวก่อนสิ”
เธอก็ลุกขึ้นมายืนอย่างกะทันหันอย่างไม่สะทกสะท้านกับการกดของฉัน
ที่หลบภัยที่ทำจากยางนั้นใหญ่จนตัวเธอไม่โผล่ออกมาทั้งหมด
“ท-ทำไมล่ะ? มันอันตรายนะ…”
“ไม่เป็นไร พี่แข็งแกร่งยิ่งกว่าหมูป่าอีก”
“จริงเหรอ…?”
หมูป่าในโลกนี้แข็งแกร่งเท่าช้างเลยไม่ใช่เหรอ?
ด้วยความประหลาดใจ ฉันมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าและก็เข้าใจ
เธอเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้
‘แย่แล้ว’
บางทีอาจเพราะฉันถูกรังควานโดยหมูป่ามานานเกินไป
ฉันจึงสับสนจนลืมไปว่าเธอเป็นใคร
ด้วยความอาย ฉันได้แต่กำเสื้อผ้าไว้ ขณะที่เธอกระโดดข้ามที่หลบภัยไปอย่างง่ายดาย
“ถ้าหมูป่าโผล่มา พี่จะจับมันเอง หายห่วงได้เลย เพราะงั้นมาจัดปาร์ตี้บาร์บีคิวกันต่อเถอะ”
“จริงเหรอ…?”
“ใช่ แค่สะบัดมือพี่ก็ล้มหมูป่าได้แล้ว”
คิดดูแล้ว การที่เธอจะล้มหมูป่าที่แข็งแกร่งเท่าช้างได้แบบนั้น
เธอต้องแข็งแกร่งมากขนาดไหนกัน?
ความจริงที่ว่าฉันถูกจับโดยสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าหมูป่าที่ตามรังควานฉันมันหลายปีแล้วมันน่ากลัวมาก
ฉันทำได้เพียงแค่พยักหน้าตอบอย่างอ่อนแรง
“โอเค…”
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ข้างลำธาร ฉันติดตั้งอุปกรณ์ทำบาร์บีคิวที่ผู้หญิงคนนั้นนำมา
ฉันใส่ถ่านลงไปในเตาย่างที่เพิ่งซื้อมา จุดไฟ แล้ววางเนื้อบนตะแกรง
ฉ่า ฉ่า—
แค่ดูเนื้อที่ถูกย่างก็ทำให้น้ำลายสอแล้ว
ฉันตัดสินใจกินแค่ประมาณหนึ่งหมื่นวอน
เพื่อที่จะทำแบบนั้นได้ ฉันต้องรู้ราคาของเนื้อก่อนเสียก่อน
“ขอโทษนะ นี่เป็นเนื้ออะไรเหรอ?”
“นี่เหรอ? เนื้อนารุน่ะ”
“…นารุ? มันคืออะไรเหรอ?”
ฉันไม่เคยได้ยินชื่อสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่านารุในความทรงจำของชีวิตก่อนเลย
บางทีมันอาจจะเป็นเนื้อของสัตว์ที่มีเพียงแค่โลกนี้
“คยออุลไม่เคยกินเนื้อนารุเลยเหรอ…?”
ผู้หญิงคนนั้นมองลงมาที่ฉันด้วยสีหน้าตกตะลึง
เนื้อที่เธอคีบอยู่ในที่คีบหล่นลงไปใต้ตะแกรง
“ไม่เลย นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้กิน”
“อย่างนั้นเหรอ? พี่ซื้อมาเยอะเลย วันนี้ก็กินให้เต็มที่เลยนะ โอเคไหม?”
“ได้…”
แค่เพราะฉันไม่เคยกินเนื้อนารุทำไมเธอถึงได้ตอบสนองเกินเหตุแบบนั้นล่ะ
ถึงจะสงสัย แต่ฉันก็ไม่สามารถปล่อยให้ความคิดแบบนั้นมาขัดในช่วงเวลาที่มีเนื้ออยู่ตรงหน้าได้
ฉันนั่งลงอย่างเงียบ ๆ บนเก้าอี้บาร์บีคิวที่ผู้หญิงคนนั้นนำมาและรอให้เนื้อสุก
“คยออุล กินชิ้นนี้สิ”
เธอวางเนื้อบางส่วนลงบนจานของฉัน
มันยังไม่สุกดี ชั้นเนื้อแดงยังมองเห็นได้ชัด
“มันยังไม่สุกไม่ใช่เหรอ…? การกินเนื้อดิบอาจทำให้อาหารเป็นพิษได้ไม่ใช่เหรอ…?”
หรือว่าเนื้อนารุจะคล้ายกับเนื้อวัว?
หรือผู้หญิงคนนั้นกำลังเล่นตลกกับฉัน?
เพราะไม่รู้อะไรเลย ฉันจึงแค่เงยหน้ามองเธอ
“ไม่เป็นไร เนื้อนารุกินแบบไม่สุกก็ได้”
“จริงเหรอ…?”
บางทีเธออาจจะประหลาดใจที่ฉันไม่เคยกินเนื้อนารุมาก่อน เธอจึงยิ้มออกมาอย่างฝืน ๆ
“ใช่ มันจะอร่อยมากเลยนะ ลองกินดูสิ”
“ก็ได้”
เมื่อฉันใช้ส้อมที่เธอให้มาแทงเนื้อ น้ำฉ่ำ ๆ ก็ไหลออกมา
‘ว้าว’
ตั้งแต่อยู่ที่โลกนี้มาฉันเคยกินเนื้อที่น่าทึ่งแบบนี้บ้างไหมนะ?
นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกเลยว่าเคยกินเนื้อแบบนั้น
ฉันตัดสินที่จะจดจำวันที่แสนสำคัญนี้ไว้ แล้วก็เอาเนื้อเข้าปาก
ง่ำ—
เพียงแค่คำเดียว ก็ทำให้ดวงตาของฉันเบิกกว้างด้วยความตะลึง
หางและหูของฉันตั้งขึ้นและสั่นระริกด้วยความตื่นเต้น
“……”
ร่างกายของฉันสั่นกระตุกให้กับรสชาติอันบริสุทธิ์ของเนื้อที่ฉันลืมเลือนไปแล้วถึงแปดปี
“เป็นไง? อร่อยใช่ไหม?”
“อร่อยมาก ๆ เลย…!”
ฉันจะได้รับอนุญาตให้กินเนื้อที่วิเศษแบบนี้จริง ๆ เหรอ?
ฉันลังเลที่จะกินเนื้อที่เธอที่ยื่นให้อีก เลยทำแค่จ้องมองเธออย่างระมัดระวัง
“อย่ากังวลเลย เนื้ออันนี้มันไม่ได้แพงขนาดนั้นหรอก เพราะงั้นกินเท่าที่อยากได้เลย แล้วก็จำได้ไหมว่าคยออุลเคยเลี้ยงเบอร์เกอร์พี่”
“อ-โอเค…”
งั้นก็ได้
ฉันเคยซื้อเบอร์เกอร์ให้เธอและทำชาดอกแดนดิไลออนให้เธอดื่ม ดังนั้นกินเนื้อเพิ่มอีกสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร
ฉันวางความกังวลไว้ครู่หนึ่งแล้วตักเนื้อกิน
“อร่อยจัง”
ฉันลองกินเนื้อแบบเปล่า ๆ แบบจิ้มเกลือ และลองจิ้มกับซอสปรุงรสที่ไม่คุ้นเคย
เนื้อนารุเป็นเนื้อที่อร่อยมาก ไม่ว่าจะลองกินแบบไหนก็ตาม
“คยออุลกินกินผักด้วยสิ”
“อืม งั้นฉันควรไปเก็บดอกแดนดิไลออนอีกอันดีไหม?”
ใบของดอกแดนดิไลออนอาจจะเข้าคู่กับมัน
ในขณะที่ฉันกำลังวิ่งไปเก็บดอกแดนดิไลออน ผู้หญิงคนนั้นก็เข้ามาขวางทางฉันเอาไว้
“เอ่อ… วันนี้เรากินแต่เนื้อกันเถอะ”
“ทำไมล่ะ?”
“ก็แค่ วันนี้พี่อยากแต่เนื้อน่ะ”
เธอเลื่อนผักบนโต๊ะออกไปไกล ๆ
เหลือไว้แค่เครื่องปรุงพื้นฐานอย่างซอสเกลือ
ขอบคุณที่เธอทำแบบนั้นเลย ฉันจึงได้กินเนื้ออย่างเต็มที่
อร่อยจริง ๆ เลยนะ
ฉันคิดแบบนั้นขณะจิ้มเนื้อนารุที่ย่างสุกดีในซอสเกลือ
มันอาจจะอร่อยมากกว่านี้อีกถ้าจิ้มกับซัมจัง
“คือว่า ให้ฉันทำซัมจังให้ไหม?”
“ซัมจัง? มันคืออะไร?”
“เอ๊ะ…”
เธอไม่รู้จักซัมจังเหรอ?
หรือว่าโลกนี้ไม่มีซัมจัง?
ฉันเงยหน้ามองเธอด้วยความประหลาดใจ
“คุณไม่รู้จักซัมจังเหรอ…?”
“เอ่อ ไม่เลย เป็นเครื่องปรุงจากประเทศอื่นเหรอ?”
“แค่ก”
ที่นี่ไม่มีมันจริง ๆ ด้วย
ดูเหมือนฉันต้องแนะนำรสชาติจากบ้านเกิดให้เธอรู้จักเสียแล้ว
“รอแป๊บนึงนะ!”
“โอเค!”
เกลือ, โดจัง, น้ำมันงา, กระเทียม ฯลฯ
ฉันผสมส่วนผสมเข้าด้วยกันแล้วรีบวิ่งกลับไปหาเธอพร้อมกับส่วนผสมนั้น
“นี่คือซัมจัง คุณไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลยจริง ๆ เหรอ?”
“เอ่อ ไม่เลย นี่เป็นครั้งแรกเลยที่พี่ได้เห็นมัน”
เธอกังวลว่าน้ำจิ้มที่ไม่คุ้นเคยนี้อาจจะไม่อร่อยหรือเปล่า?
กังวลไปโดยเปล่าประโยชน์
“ซัมจังอร่อยมากเลยนะ”
ฉันยื่นซัมจังให้เธอด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
บางทีตอนนี้คงจะกินเนื้อเพิ่มอีกหน่อยได้แล้ว
MANGA DISCUSSION