I am a Legendary Boss ฉันคือบอสในตำนาน - ตอนที่ 50 : โทรลที่ถูกสวมหมวกเขียว
“ข้าทำไม่ได้…” ท่าทางของลอทเนอร์ดูยุ่งเหยิง เขาไม่ได้เป็นนักรบจริงๆเสียหน่อย และยิ่งไม่ใช่นักรบโล่เสียด้วย แน่นอนว่าเขานั้นไม่สามารถหยุดยั้งพวกมันได้
เขาเป็นนักล่าปีศาจและพลังต่อสู้แสงสว่างของเขานั้นสร้างความเสียหายให้กับสิ่งมีชีวิตฝ่ายมืดได้อย่างมาก
แต่การสังหารต้องพึ่งพาทักษะที่เชี่ยวชาญ และเขาอาจจะตายได้หากตนเองประมาท
โชคดีที่เอริคเข้ามาช่วยได้ทัน เขาชี้ไปยังกลุ่มโทรลที่ซ่อนอยู่ในเงามืดด้านล่าง “จากที่เรามองเห็นมีโทรลทั้งหมด 13 ตน 5 ตนอยู่ในระดับกลาง ส่วนที่เหลืออยู่ในระดับเริ่มต้น”
“ตอนนี้พวกนั้นกำลังเกาเท้ากับดื่มน้ำอยู่ นี่ยังไม่ใช่เวลาที่ดีในการลงมือ หากท่านต้องการล่า ท่านควรรอและดูว่ามีโทรลตนอื่นอีกหรือไม่”
“เราสามารถรอได้ เนื่องจากเราไม่ได้รีบร้อนอันใด” วิลเลียมมองไปยังท้องฟ้า พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับโทรลที่เป็นสิ่งมีชีวิตฝ่ายมืด แต่ความมืดมิดไม่ได้เป็นเพียงพันธมิตรของเหล่าโทรลเท่านั้น มันยังเป็นสหายของเอลฟ์และนักฆ่าทั้งหลายด้วย
ทะเลสาบสายรุ้งครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ ประมาณ 60 ตารางกิโลเมตร ซึ่งใหญ่กว่าเมืองแห่งรุ่งอรุณในปัจจุบันถึง 3.5 เท่า
นอกจากโทรลที่อาศัยอยู่ที่นี่แล้ว ยังมีอสูรเวทย์บางตัวที่ทรงพลังอยู่อีกด้วย
พวกเขามาจากภูเขาทางทิศตะวันออก และตอนนี้พวกเขาซ่อนตัวอยู่ตรงครึ่งทางบนภูเขาสูงทางทิศตะวันออกเหนือถ้ำโทรล ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้เปรียบเพราะยังไม่ได้ถูกพบเข้า ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถลอบโจมตีได้
แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะโจมตีเหล่าโทรลหนังเหนียวพวกนั้น
หากพวกเขาไม่ได้ใช้ระเบิดที่รุนแรงมากพอที่จะสังหารพวกมันได้สำเร็จ พวกเขาอาจติดกับพวกมันเข้า หากถูกล้อมขึ้นมาจริงๆ นี่คงไม่ใช่การลอบสังหารแล้ว แต่เป็นการรบแทน…
ศักยภาพทางสายเลือดของวิลเลียมและกลุ่มของเขานั้นสูงมาก
ไม่ต้องพูดถึงศักยภาพทางสายเลือดของพวกโทรล พวกมันมีพลังชีวิตมากกว่า และในแง่ของพลังชีวิตแบบเฉลี่ยแล้ว พวกมันนั้นมีพลังชีวิตมากกว่าสองถึงสามพันหน่วย
โดยเฉพาะเมื่อกระบองของพวกมันเป็นอาวุธหนัก หากใครไม่สามารถยับยั้งจากการถูกบดขยี้ด้วยค่าสถานะที่แข็งแกร่งได้ ไม่เพียงแต่ค่าพลังชีวิตจะลดลง หากใครโชคร้ายพอที่จะโดนระเบิดใส่ที่ศีรษะ มันจะเป็นอันตรายถึงชีวิตเลยทีเดียว
ไม่มีทางเลือกมากนัก มอนสเตอร์ที่มีขนาดใหญ่กว่า ค่าพลังชีวิตก็จะเยอะกว่า โทรลมีค่าพลังชีวิตมากกว่าพวกเขาอย่างน้อยสองถึงสามพันหน่วย เนื่องจากสายเลือดชั้นสูงของกลุ่มวิลเลียม
หากนำค่าพลังชีวิตของโทรลไปเทียบกับทหารธรรมดา มันจะไม่ใช่แค่สองถึงสามพันหน่วย แต่ห่างถึงหกถึงเจ็ดพันหน่วยเลยต่างหาก…
มิฉะนั้น โทรลจะเป็นหนึ่งในกองกำลังชั้นนำของฝ่ายมืดได้อย่างไร?
พวกเขาทั้งหกคนหมอบอยู่ในพงหญ้าและคอยสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ เมื่อเวลาผ่านไป คนกลุ่มนี้ก็ทำตัวไม่ต่างกับพวกถ้ำมอง เพราะพวกเขากำลังจับตาดูโทรลเพศหญิง…
ไม่มีทางเลือก
ผู้นำที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าโทรลจะเป็นตนเดียวที่ได้ครอบครองโทรลเพศหญิง
โทรลเพศชายตนอื่นๆทำได้เพียงแค่มองแต่ไม่สามารถเป็นเจ้าของพวกเธอได้ พวกเขามักจะส่งสายตาไปยังโทรลเพศหญิงอยู่เสมอ แต่ผู้นำไม่ได้สนใจมากนักและดูชอบใจเสียด้วยซ้ำ เพราะว่ามันแสดงให้เห็นว่าเขานั้นแข็งแกร่งแค่ไหนเมื่อคนของเขาทำได้แค่มองหญิงสาวเพียงไกลๆและไม่สามารถเล่นกับพวกเธอได้
อย่างไรก็ตาม
แต่ผู้นำตนนี้ไม่ได้สังเกตว่าภรรยาคนหนึ่งของเขากำลังส่งสายตาให้กับโทรลตนหนึ่งอยู่
มันชัดเจนเชียวแหละ
เวลาที่ผู้นำโทรลออกไปล่า ภรรยาของเขาก็ไม่รังเกียจที่จะให้เด็กหนุ่มผู้นี้มา… ถ้ามีลูกชายในหมู่พวกเขาขึ้นมา ใครจะไปรู้กัน?
ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีเข้ม
เวลาผ่านไปถึงกลางดึก
โทรลไม่ได้ตระหนักว่ามีคนอยู่เหนือศีรษะของพวกเขา
การซ่อนเร้นเป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับเอลฟ์ พวกเขามีความสามารถในการกลมกลืนเข้ากับป่าไม้และธรรมชาติ แต่หากอยู่ในเมือง ความสามารถของเหล่าเอลฟ์จะไม่ชัดเจนมากนัก และอาจจะดูหมือนแค่คล่องแคล่วว่องไวเท่านั้น ยกเว้นซะแต่เขาจะเป็นนักฆ่า…
สำหรับเอริคและลูกชาย การซ่อนตัวนั้นเป็นความสามารถโดยกำเนิด
เขาทั้งสองนั้นไม่รู้ตัวว่าตนเองได้ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าพวกเขาหายตัวไปกับอากาศทั้งๆที่พวกเขานั่งอยู่ตรงนี้
ไม่ว่าจะอยู่ในป่าหรือในเมืองที่มีคนหนาแน่น พวกเขาก็สามารถซ่อนตัวได้ตลอดเวลา
และเหล่าผู้เล่นทั้งหลายต่างก็ต้องการที่จะบรรลุความสามารถเช่นนี้
อันดับแรก ต้องเปลี่ยนอาชีพเป็นนักฆ่าเสียก่อน
อันดับสอง นอกเหนือจากการตามหาอาชีพลับล่วงหน้าแล้ว ต้องเลือกคุณสมบัติความมืดหากว่ามีความสามารถติดตัวที่มีพลังคุณสมบัติทางความมืด ก่อนจะถึงเลเวล 40
อับดับสาม เลือกอาชีพรองเป็นผู้วิเศษแห่งความมืด ไม่ใช่ผู้ใช้เวทย์แห่งความมืด…
โดยทั่วไปแล้วจะกล่าวได้ว่า นักฆ่าที่ไม่รู้จักการใช้เวทย์สายมืดจะถูกนับถือเป็นเพียงเบอเซอร์เกอร์เท่านั้น
เวทย์สายมืดไม่ถือเป็นอาชีพลับ แต่เป็นเพียงของหายากชนิดหนึ่ง สามารถเรียนรู้ผ่านทางสายสัมพันธ์กับผู้คนและขึ้นอยู่กับความเพียรพยายามและความมั่งคั่งของผู้เล่น
แต่ก็อาจเดาได้ว่ากลุ่มผู้เล่นที่อยากทำตัวเท่ๆเหล่านี้มักจะหลีกเลี่ยงคุณสมบัติความมืดและไปเลือกพลังอัคคีที่น่าตื่นตาตื่นใจและพลังสายฟ้าที่แพรวพราวแทน พลังการต่อสู้ที่สว่างไสวเหล่านี้ทำให้ดูเหมือนผู้เล่นนั้นกลัวว่าผู้คนจะไม่รู้ว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อต้องการสังหารใครบางคน
ความมืดกำลังคลืบคลานเข้ามา
วิลเลียมและกลุ่มของเขาค้นพบปัญหาบางอย่าง
มีโทรลทั้งสิ้น 15 ตน โทรลตัวเล็กสองตนเพิ่งกลับเข้าถ้ำไปพักผ่อนและไม่น่าจะออกมาอีกครั้ง
เป็นเพราะว่าโทรลมักจะออกล่าในตอนกลางคืน และในที่สุดนี่ก็เป็นเวลาที่พวกเขาจะแยกย้ายกันไป
ในหมู่พวกเขา ผู้นำที่ถูกสวมหมวกเขียวก็เลือกโทรลทั้งห้าตนที่ดูไม่ได้เต็มใจและนำพวกเขาออกไปล่า
สถานการณ์นี้ช่าง…
ทันทีที่ผู้นำโทรลออกไป เหล่าโทรลที่แสนขี้เกียจก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้น
เมื่อหนึ่งในโทรลที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่พบว่าผู้นำได้ออกไปแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะวิ่งเข้ามาในถ้ำ…
“เราควรลงมือตอนนี้ ผู้นำโทรลได้นำคนที่แข็งแกร่งไปเหลือแต่โทรลระดับเริ่มต้นบางตนเท่านั้น” ลอทเนอร์หรี่ตาลงและต้องการที่จะโจมตี
วิลเลียมหัวเราะ “ช้าก่อน ทำไมเราไม่ล่อผู้นำโทรลให้กลับมาล่ะ?”
“ความคิดดี แต่หากท่านล่อมันกลับมา แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเหล่าโทรลจะฆ่ากันจริงๆ?” ลอทเนอร์ถามด้วยความสงสัย
เมื่อเขากล่าวกับวิลเลียมเช่นนั้น เอริคและอเล็กซ์ก็มองเขาด้วยความประหลาดใจ
ราวกับพวกเขากำลังบอกว่าให้เขาหาภรรยาแล้วลองทำแบบนั้นดูสิ…
ลอทเนอร์สูญเสียความคิดไปชั่วขณะ
คู่รักของเอลฟ์นั้นมีชีวิตที่ยืนยาว แม้ว่าจะมีฝ่ายหนึ่งเสียชีวิตลง อีกฝ่ายหนึ่งก็จะไม่แต่งงานอีกครั้ง เหล่าชายโสดอย่างลอทเนอร์, น็อกซ์, และนอร์ตันจึงไม่สามารถจินตนาการได้ในตอนนี้
“คำถามนี้ง่ายมาก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าแล้วกัน” อเล็กซ์รับหน้าที่นี้โดยไม่สนใจสายตาที่จ้องมองจากคนที่เหลือ เขากระโดดไปตรงด้านข้างของถ้ำอย่างเงียบๆ
จากนั้น ภายใต้การจ้องมองอย่างตกใจของกลุ่มคน เขาก็เข้าไปในถ้ำ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ออกมาอย่างเงียบๆอีกครั้งโดยไม่มีโทรลตนไหนพบเห็น
แต่วิลเลียมเห็นเขานำบางสิ่งออกมาด้วย มันเป็นชิ้นส่วนเสื้อผ้าส่วนล่างของโทรลเพศหญิง ใครๆก็สามารถบ่งบอกถึงกลิ่นอันรุนแรงของมันได้…
ก่อนที่อเล็กซ์จะวิ่งไปยังทิศทางของผู้นำโทรล!
วิลเลียมมองไปยังเอริค “เขาเก่งนะ…”
“มันก็แค่ทักษะพื้นฐาน พื้นฐานจริงๆ ทุกๆคนนั่งลง นั่งลงเร็วเข้า” ในฐานะผู้เป็นพ่อ เอริคเพียงเอาใจพวกเขาให้นั่งลงบนพื้นหญ้าเท่านั้น
และดูเหมือนว่าจะเห็นผลได้อย่างชัดเจน
เวลาผ่านไปอย่างน้อยห้านาที โทรลตัวเล็กทั้งสองก็ไม่สามารถทนอยู่ในถ้ำได้อีกต่อไป ก่อนจะวิ่งออกมาเล่นดินโคลนในทะเลสาบ แต่แล้วพวกเขากลับเห็น ‘ท่านพ่อ’ วิ่งกลับมาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ!
โดยปกติแล้วจะมีโทรลคอยเฝ้าอยู่ที่นี่
อย่างไรก็ตาม
โทรลพวกนั้นอุดอู้อยู่หลายหน เพราะพวกเขารู้ว่าผู้นำของตนจะออกไปล่าสัตว์เป็นเวลานาน เมื่อเขากลับมา กลิ่นทั้งหมดทั้งมวลอาจถูกปกคลุมไปด้วยปัสสาวะและอุจจาระ และความสกปรกทั้งหมดก็จะถูกดินโคลนกลบไว้
แต่น่าเสียดาย
คราวนี้ผู้นำกลับมาเร็ว
“อ้า!!!”
“ข้าจะฆ่าเจ้าไอ้เด็กเหลือขอ!”
ถูกต้องแล้ว
โทรลสามารถพูดได้