“ท่านชิน”
ในห้วงความมืด ผมได้ยินเสียงใครบางคนเรียก เป็นเสียงที่คุ้นเคย แต่กลับรู้สึกไม่คุ้นหูอย่างประหลาด
ผมพยายามลืมตาตื่นขึ้นมา แต่กลับเหมือนถูกบางอย่างกดเปลือกตาเอาไว้ไม่ให้ตื่น มันทั้งหนักและปวดร้าว
อ้อ จริงสิ ผมโดนแรงระเบิดซัดปลิวนี่หน่า
ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ถึงนั่นจะเป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของผมแล้ว แต่ถ้ามันยังยืนอยู่ได้ คงต้องยอมแพ้จริงๆ ผมหมดหนทางแล้วจริงๆ
“ท่านชิน”
อ้อ จริงสิ เสียงนี้มันคุ้นเคยเพราะผมได้ยินมันมาหลายปี แต่ เธอ ไม่เรียกผมแบบนี้สักหน่อย
เหมือนพอไขความจริงได้ ดวงตาที่หนักอึ้งก็ถูกปลดล็อค
ผมเบิกตาโพลง ร่างกายรู้สึกร้าวระบมไปหมดทั้งตัว
พยายามยกแขนขึ้นแต่กลับทำไม่ได้ แม้จะยันตัวขึ้นก็ยังยากลำบาก
ฝ่ามือนุ่มนิ่มของวิเวียนออกแรงเพียงนิดเดียวก็ผลักผมให้ล้มลงบนตักของเธอได้อย่างง่ายดาย
สภาพผมในตอนนี้เป็นการแหงนหน้ามองเพดาน แต่ไม่สามารถเห็นได้ชัดนัก
เพราะเนินเขาสองลูกนั้นนั่นแหละ
ผมบิดตัวหันหน้าหนี ได้กลิ่นหอมจากวิเวียนเข้ามาเหมือนบอกให้ผมหันกลับไปท่าเดิม
“คุณวิเวียน หายไปไหนมากันครับ”
“ลองทายดูมั้ย?”
ได้ยินเสียงเธอหัวเราะเบาๆในลำคออย่างอ่อนโยนพลางลูบศีรษะผม
ให้ผมทายเหรอ…
จริงๆ ผมก็นึกสงสัยเหมือนกันว่าวิเวียนหายไปไหนตั้งแต่เช้า
อาร์เจนตาบอกเหมือนว่าเธอไปทำธุระ แต่เรื่องนั้นเชื่อได้จริงๆหรือเปล่า
แต่ตอนนี้หัวสมองของผมไม่อยู่ในระดับที่สามารถคิดหาคำตอบได้อะไรอีกแล้ว มันเหนื่อยและเมื่อยล้าไปหมด
ผมควรหลับและพักผ่อนต่อ ดังนั้นผมจะไม่คิดอะไรอีกแล้ว
“ผมยอมแพ้ดีกว่าครับ”
“อื้ม ดีแล้วล่ะ ร่างกายยังพักผ่อนไม่พอเลยนี่หน่า”
เธอไม่ดูไม่พอใจอะไร นอกจากจับผมพลิกไปนอนหงายเหมือนเดิมแล้ววางมือบนอกผมอย่างนุ่มนวล
“ขอโทษนะที่ไม่ได้ไปช่วย”
ได้ยินเสียงเธอพึมพำ เหมือนเธอกำลังคุยกับตนเอง หรือว่าเธอคิดว่าผมหลับไปแล้วกันแน่นะ?
“ทั้งที่ถ้าฉันช่วยเธอแต่แรก ก็ไม่ต้องบาดเจ็บขนาดนี้แท้ๆ”
มือของเธอเริ่มลูบคลำแขนของผม บอกตรงๆว่ารู้สึกจักจี้นิดหน่อย แต่ตัวผมไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขัดขืนจึงปล่อยเลยตามเลย
สภาวะอ่อนล้าทางกายและใจ เริ่มกดดันความต้องการที่จะแอบฟังวิเวียนอีกนิดหน่อย
ไม่ไหวแล้ว ผมปล่อยให้ความอ่อนล้าเป็นฝ่ายชนะและช่วงชิงสติสัมปชัญญะของผมไป
…
ผมตื่นขึ้นมาอีกทีบนเตียงในโรงแรม ร่างกายถูกพันด้วยผ้าพันแผลมากมาย
ข้างๆเตียงเหมือนได้ยินเสียงใครสักคนร้องไห้ ผมหันไปมองก็พบเอรี่ที่นั่งบนเก้าอี้ ซุกใบหน้าลงบนฝ่ามือเล็กๆของเธอ
เสียงร้องไห้ที่ได้ยินมาจากเธอ
ผมจึงนึกขึ้นได้
ถึงตัวเองจะชนะเอลซัธได้ แต่ผมช่วยไอลินไม่ได้
“เอรี่…”
ผมควรจะเงียบปาก และปล่อยให้เธอระบายความเสียใจออกมา
ผม ผู้ซึ่งผิดพลาด ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเธอได้
“ชิน เขา กับแม่อยู่ไหน…”
ดวงตาสีดำที่คลอน้ำตาจ้องมองผม ความรู้สึกปริมาณมหาศาลผลักดันให้ผมหันหน้าหนี
ตัวผมในตอนนี้ไม่กล้ามองหน้าเธอตรงๆ แต่หูที่ยังได้ยินเสียงเด็กสาวสะอื้นไห้ ทำให้ผมจำเป็นต้องรวบรวมความกล้าและเผชิญหน้ากับความจริง
“ขอโทษนะ เอรี่…”
ผมกล่าวเสียงค่อย ดวงตาเธอที่มองผมคล้ายคนสิ้นหวัง
เด็กสาวยืนขึ้นแล้วพุ่งเข้ามาหาผม
มองจากด้านหลังคงเหมือนการโผกอด แต่ในความจริง มันตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง
เธอพุ่งตรงเข้ามาทุบตีผม ระบายความโกรธ ความไม่พอใจ รวมไปถึงความเศร้าลงบนร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผล
ความเจ็บปวดถูกตอกย้ำ ร่างกายที่ระบมส่งเสียงร้องราวกับประท้วงให้เอรี่หยุดทำเช่นนั้น
แต่ผมก็ไม่คิดจะห้ามอะไรเธอ
ณ เวลานี้ เราสองคน กลายเป็นผู้บาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่
เอรี่สูญเสียแม่ ผมทำอะไรไม่ได้ ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล
“คนโกหก…!!”
เอรี่ต่อว่าเช่นนั้นพลางทุบหน้าอกของผมหลายต่อหลายครั้ง หยดน้ำตาของเธอหยดลงบนท่อนขาของผม
“ขอโทษยะ เอรี่”
ผมกล่าวออกมาอีกครั้ง
แม้จะอยากปลอบเธอที่กำลังเสียใจ แต่ตัวผมในตอนนี้มีคุณสมบัติพอที่จะทำแบบนั้นด้วยเหรอ?
ที่ทำได้คงมีแค่ ปล่อยให้เธอระบายอารมณ์ความโกรธ ความเสียใจออกมากับผมให้เต็มที่เท่านั้น
“เอรี่ ชิน!”
ท่ามกลางมวลความเศร้าที่ทิ้งตัวภายในห้องพัก ประตูก็ถูกเปิดออกมาอย่างรุนแรง คนที่ยืนอยู่อีกฝั่งนั้นคือ ลูน่าที่เดินปรี่เข้ามาหาผมด้วยท่าทางเร่งรีบ
จริงสิ ผมเองก็ช่วยเฮนริคเอาไว้ไม่ได้เลย หากลูน่าจะโกรธผมก็คงไม่แปลก
“ขอโทษนะครับ คุณลูน่า”
“ไม่ใช่เวลามาขอโทษแล้ว พ่อหายตัวไป พอรู้เบาะแสอะไรบ้างหรือเปล่า”
เป็นคำตอบกลับที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยิน
เฮนริคหายตัวไปงั้นเหรอ…
คนสุดท้ายที่น่าจะได้เจอเขา เท่าที่ผมคิดออกคือผู้หญิงสวมหน้ากากคนนั้น
พอผมบอกแบบนั้นไป ลูน่าก็ส่ายหน้าตอบกลับมา
เอรี่เองก็ดูตกใจจนหยุดทุบตีผม
ไม่ถึงนาทีดี คนที่รีบวิ่งมาหาผมก็คืออาร์เจนตา
เส้นผมสีเงินแซมดำปล่อยยาวของเธอกระเซอะกระเซิงเล็กน้อย บนใบหน้าปรากฏร่องรอยบาดแผลจากการต่อสู้เป็นจุดแดงใหญ่ๆ ผมอยากถามว่าไปโดนอะไรมาอยู่หรอก แต่คงไม่ใช่เวลาที่สมควรนัก
“ท่านชิน เกิดเหตุไฟไหม้ค่ะ”
“ไฟไหม้เหรอครับ…”
ชั่วขณะหนึ่ง ผมแอบนึกถึงเหตุการณ์ที่ผมจัดการเอลซัธลงไป เหตุระเบิดครั้งนั้น หากจะเป็นต้นเหตุของไฟไหม้ที่ลุกลามก็เป็นเรื่องที่ไม่เกินจริงเลย
แต่ก่อนจะคิดอะไรไปเองมากกว่านี้ ผมกลืนความกังวลใจลงคอไป แล้วถามอาร์เจนตาว่า “ที่ไหนเหรอครับ”
ทว่า คำตอบของเธอทำให้ห้องอยู่ในความเงียบไปครู่ใหญ่
“บ้านเล็กของลูเมนฮอฟค่ะ”
ความเศร้าโศกไม่ได้ถูกผลัดออกไป เพียงแต่ตอนนี้เรื่องใหญ่ได้เกิดขึ้นมาอีกครั้ง
พวกเรามุ่งหน้าไปยังบ้านลูเมนฮอฟ สถานที่ที่เอรี่อาศัยอยู่มาเกือบปี
…
ไอลิน…
หากคุณไม่ได้เจอกับผมบางทีคงไม่เป็นแบบนี้
เรื่องทั้งหมด มันคงเริ่มต้นที่ตัวผมเอง
ร่างของชายคนหนึ่งเดินท่ามกลางเมืองแห่งสายน้ำที่เปียกฉ่ำจากสายฝนที่เพิ่งหยุดตกไปหมาดๆ
ไม่มีใครสนใจเขา เพราะทุกคนต่างวุ่นกับการดูสภาพบ้านเมืองที่พังทลาย
หลายคนเสียที่อยู่อาศัย หลายคนเสียที่ทำมาหากิน
โชคดีที่เรื่องราวประดุจปาฏิหาริย์ได้เกิดขึ้น นั่นคือไม่มีคนเสียชีวิต แม้บ้านเมืองจะเสียหายไปมาก และหลังจากนี้ชื่อเสียงในด้านเลวร้ายคงถูกพลิกขึ้นมาจนอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจหลักอย่างการท่องเที่ยวไปบ้าง
ในอ้อมแขนของเขามีร่างของหญิงสาวร่างหนึ่ง
หากมองไล่จากบนลงมา จะเห็นว่าร่างของเธอแทบไม่มีรอยบาดแผลในข่วงบน แต่ช่วงล่างนั้นตรงกันข้าม
แผลที่ถูกกรีดยาว ขาสองข้างฉีกขาดออกจากกัน
ร่างกายที่ครั้งหนึ่งเคยส่งกลิ่นหอม บัดนี้ส่งกลิ่นเหม็น ร่างกายที่เคยนุ่มยามเขากอด บัดนี้แข็งทื่อราวท่อนไม้และเย็นสนิท
ไม่มีสัญญาณของชีวิต แต่ถึงกระนั้น
ริมฝีปากของชายหนุ่มและหญิงสาวผู้ไร้วิญญาณสัมผัสกัน
“ไอลิน…”
ต่อก… ต่อก…
เสียงฝีเท้าที่บางเบาก้าวไปบนบันได ร่างของหญิงสาววางบนเตียงที่เธอเคยนอนหลับ
บ้านหลังนี้ เป็นบ้านที่เขาและเธอเคยอาศัยอยู่
เตียงหลังนี้ เป็นเตียงที่ทั้งสองเคยหลับนอนร่วมกัน
แต่หลังจากนี้จะไม่มีช่วงเวลานั้นอีกแล้ว
“เป็นเพราะผมคนเดียว…”
น้ำตายังคงรินไหลออกมา ทว่าอีกไม่นานมันจะจบลงแล้ว
ดวงตาที่ปิดสนิทของหญิงสาวจะไม่ลืมตาตื่นขึ้นมาอีก หลังจากนี้อีกไม่นานตัวเขาก็จะไปอยู่กับเธอที่ปลายทาง
นี่คือการเต้นรำครั้งสุดท้าย
เขาเปลี่ยนเสื้อที่เธอสวมให้ จากชุดนักโทษภายใต้ผ้าคลุมซอมซ่อเป็นชุดเดรสสีขาว เป็นชุดทรงเจ้าสาวที่สวยที่สุดที่เขาตั้งใจจะให้เธอสวม
สักวันเขาตั้งใจว่าจะจัดงานแต่งกับเธอ ตั้งใจให้งานแต่งเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่วันนั้นมันคงไม่มาถึง
ร่างกายของทั้งสองปกคลุมด้วยกลิ่นของน้ำหอมราคาแพง เส้นผมที่ยังคงงดงามเช่นเดียวกับตอนมีชีวิตถูกจัดปล่อยยาว เพราะตัวเขาไม่ถนัดด้านนี้เอาเสียเลย
“ให้ผมใส่รองเท้าให้นะ ไอลิน”
เสียงพึมพำที่กล่าวกับศพตรงหน้า รองเท้าส้นสูงสีแดงค่อยๆสวมใส่ลงไปในกับเท้าที่แข็งสนิท
เพราะเลือกมาแบบเผื่อคับ มันจึงใหญ่กว่าขนาดเท้าและจึงง่ายต่อการสวม
น่าเสียดายที่งานแต่งในครั้งนี้ขาดเสียงเพลง
ทว่าฉากอันยิ่งใหญ่อลังการนั้น ขาดไปเสียไม่ได้
น้ำมันถูกราดเอาไว้รอบบ้าน ในมือของเขาถือกล่องไม้ขีดไฟเอาไว้
อีกเพียงแค่นิดเดียว อีกแค่ก้าวสุดท้าย…
เปลวเพลิงถูกจุด ไฟลุกโชคิช่วงราวกับเป็นงานเฉลิมฉลอง
ไม่มีเสียงบรรเลงจากเครื่องดนตรีใดๆ มีเพียงเสียงฮัมเพลงจากปากของชายคนหนึ่งกับเสียงฝีเท้าของทั้งคู่ที่เต้นรำไปด้วยกัน
ร้อน?
เรื่องนั้นไม่ได้สน
เจ็บ แสบ?
เรื่องนั้นไม่ได้สน
หนึ่งชายกับหนึ่งร่างไร้วิญญาณเต้นรำในกองเพลิงที่ลุกโชน เสียงไม้ที่ถูกเพลิงเผลาผลาญหักโครมลงมา ทว่าไม่สามารถทำลายความตั้งใจของเขาได้
เฮนริค ลูเมนฮอฟ เลือกที่จะจบชีวิตที่ตรงนี้
“ผมรักคุณจริงๆนะ ไอลิน”
ใช่ว่าเขาจะไม่เคยบอกรักเธอ เขาบอกรักเธอไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วด้วยซ้ำ
เพียงแต่ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน
เพราะไม่มีสุรเสียงใดตอบโต้จากหญิงสาวในอ้อมแขน
การเต้นรำหยุดชะงักลง คอของหญิงสาวหักพับไป
…คงมาได้แค่นี้สินะ
เขายิ้มให้กับตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย
ในกระจกที่สะท้อนภาพตนเองกับหญิงสาวผู้เป็นที่รัก โดยมีข้างหลังเป็นเปลวเพลิง
จุมพิตครั้งสุดท้าย
ครั้งที่ยาวนานที่สุด…
ก่อนที่ทั้งคู่ จะจมหายไปในกองเพลิง
MANGA DISCUSSION