ในวันที่สายฝนเทกระหน่ำลงมาบนเมืองอควาเดีย มันควรเป็นเฉกเช่นทุกวัน
ฝนตกก็เข้าที่ร่ม เสียงผู้คนที่จับจองพื้นที่ในร้านอาหารทั้งหลายส่งเสียงดังเป็นภาพอันเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาของอควาเดีย
ฝนซาก็กลับออกมาอีกครั้ง เสียงของผู้คนสัญจร เลือกซื้อสิ่งที่ตนอยากได้อย่างตั้งใจ เป็นภาพอันเปี่ยมไปด้วยตัวตนของอควาเดีย
นั่นคือสภาพชีวิตประจำวันของอควาเดีย เมืองแห่งสายน้ำที่ผู้คนพากันมาท่องเที่ยวชื่นชมความงาม โดยไม่มีใครสนใจเรื่องในโลกเบื้องหลัง
ทว่า ตอนนี้มีเด็กชายคนหนึ่งกำลังวิ่ง โดยมีสัตว์ประหลาดหน้าตาอัปลักษณ์ตัวพอง
ที่ผ่านมา เด็กชาย – ชิน ได้พยายามโจมตีมันหลายอย่าง
ไม่ว่าจะเวทมนตร์ประเภทไฟ น้ำ หรือ ดินที่เขาถนัด ก็ไร้ประโยชน์แถมยังโดนมันสวนกลับอีกต่างหาก
ดูเหมือนว่ามันจะใช้เวทมนตร์ไม่ได้ หากเขาไม่โจมตีใส่มันไปก่อน
ตัวของชินไม่ได้มีความสามารถทางกายภาพสูงเท่าคนอื่นที่คอยฝึกฝนให้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งวิเวียนหรืออาร์เจนตา โดยที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าลำดับที่ตนใช้เปรียบเทียบออกจะยากไปเสียหน่อยในการเทียบชั้น
ชายหนุ่มในร่างเด็กชาย ใช้สองขาวิ่งวนทั่วอควาเดีย โดยมีลูกบอลมนุษย์ไล่กวดมาติดๆ
เขาวิ่งผ่านร้านแล้วร้านเล่า ไม่ว่าจะเป็น บ้านเรือน ร้านเสื้อผ้า ร้านเครื่องประดับ ร้านสะสมของเก่า ร้านอาหาร ไม่ว่าจะร้านไหน แต่พอร่างใหญ่อย่างลูกบอลยักษ์นั้นวิ่งผ่านก็ล้วนได้รับความเสียหายอย่างถ้วนหน้า กระจกแตก ข้าวของถูกชนกระจัดกระจาย
พอเข้าไปหลบ มันก็ยิงเวทมนตร์ไฟ น้ำ หรือไม่ก็ดิน ตามที่เขาใช้โจมตีมันก่อนหน้า ด้วยอานุภาพทำลายล้างที่เขาเทียบไม่ติด
ถนนถูกคว้าน สายน้ำถูกซัดกระจาย แผ่นหินถูกงัดขึ้นมาจากทางเท้า
เพียงแค่นี้ก็ทำให้เขารู้สึกผิดมากพอแล้ว
ดังนั้น เขาจึงคิด
ว่าควรจัดการมันตามแผนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ที่สำคัญเขาไม่รู้ว่ามันจะวิวัฒนาการไปมากกว่านี้อีกหรือเปล่าด้วย
แผนการโค่นมันที่ยังคิดไม่ออก แต่อย่างน้อยก็ขอทดสอบอะไรบางอย่าง
กลิ่นของพริกไทย ขมิ้น อบเชยและอื่น ๆลอยโชยเข้ามาจนรู้สึกฉุนในจมูก สถานที่ที่เขาเข้ามาหลบคือร้านขายเครื่องเทศแห่งหนึ่ง ลักษณะเหมือนบ้านที่ต่อเติมจนเป็นร้านค้า ชั้นหนึ่งเป็นพื้นที่สำหรับค้าขาย ส่วนพื้นที่ที่เหลือคงเป็นพื้นที่สำหรับครอบครัวและพื้นที่ส่วนตัว
หากเทียบกับสมัยหลังยุคกลาง เครื่องเทศก็ยังคงเป็นสิ่งของที่มีค่าสูง ลังเลอยู่เหมือนกันว่าจะเลือกให้ร้านแห่งนี้แทนการทดลองดีหรือเปล่า แต่ในเมื่อใกล้สุดก็ช่วยไม่ได้ คงต้องไปขอโทษที่หลัง
เสียงคำรามของเอลซัธอยู่ด้านนอก มันหาเขาไม่เจอ
หากข้อสันนิษฐานแรกของเขาไม่ผิด อีกไม่กี่วินาทีมันจะ –
แสงสว่างสีฟ้าส่องวาบระหว่างดวงตาอสมมาตรทั้งสองข้าง ลักษณะวงแหวนเวทมนตร์ปรากฏออกมา ก่อนที่แรงดันน้ำมหาศาลจะถูกยิงออกไป
ร้านขายเครื่องเทศปลอดภัย แต่ว่าร้านขายเสื้อผ้าที่อยู่ติดกันกลับโดนน้ำแรงดันมหาศาลยิงทะลุจากทางเข้าไปยังหลังร้าน
หากมันหาเขาไม่เจอ มันจะเริ่มทำลายล้าง สิ่งนี้คือข้อสันนิษฐานที่หนึ่ง
ข้อที่สองคือ ถ้าเขาโผล่ออกไป มันจะเริ่มวิ่งไล่อีกครั้ง
บางทีที่มันไม่ได้ยิงอะไรออกมาเลย อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้มันพยายามสะท้อน- หรือไม่ก็เลียนแบบเวทมนตร์ประเภทเดียวกันกับของเขา มันเจอบางอย่างที่ทำให้ต้องหยุด
เช่น มันอาจจะเจ็บตัวทุกครั้งที่ใช้เวทมนตร์ แต่พอเขาหายไป มันก็คุ้มค่าที่จะใช้เพื่อแก้ไขความหงุดหงิด
บางทีคงเป็นเช่นนั้น ชินตัดสินใจวิ่งไปยังชั้นสอง
ที่ตรงหน้า มีประตูกั้น หากเป็นเวลาปกติคงคิดอยากหากุญแจหรือหาทางเปิดอื่นๆ ทว่าตอนนี้ไม่มีเวลาแล้ว
ชินตัดสินใจพังประตูด้วย [เอิร์ธ วอลล์] ดันบานประตูให้แตกออก เกิดช่องว่างพอที่ร่างเล็กๆของเขาจะลอดผ่านเข้าไปได้
บนดาดฟ้า เห็นราวตากผ้าที่ยังมีผ้าปูที่นอนพาดเอาไว้ เห็นชุดชั้นในของหญิงสาว เห็นชุดของเด็กทารกที่ตากไว้ใกล้ๆกัน
เสียงอาละวาดของตัวประหลาดขนาดยักษ์ที่หาเขาไม่เจอ มันเริ่มพุ่งชนร้านขายเสื้อผ้า จากตรงนี้เห็นหลังสีขาวซีดของมันชัดเจน
‘บางทีมันอาจจะเห็นหุ่นลองเสื้อมีลักษณะเหมือนคน มันจึงโจมตีสะเปะสะปะก็ได้’ เขาคิด พลางมองหาวัตถุที่พอเป็นอาวุธได้
ไม่มี…
คำตอบคือ ไม่มีอะไรที่เป็นอาวุธ ดังนั้นจึงเหลือไม่กี่ทาง
เขาลองใช้ [เอิร์ธ วอลล์] คลุมแขนตัวเองแทนสนับ เหนือกำปั้นที่กำไว้แน่นเป็นปลายดาบที่คมพอจะแทงทะลุเนื้อได้
“หายไปซะเถอะ”
ชินพูดกับสายลม แล้วกระโดดลงไปอยู่บนหลังของเอลซิธ
ร่างของลูกบอลยักษ์คงสัมผัสได้ถึงสิ่งแปลกปลอม มันจึงพยายามสะบัดไปมา แต่ชินก็ใช้ [เอิร์ธ วอลล์] หุ้มขาแทนฐานที่มั่นแล้วเจาะลงไปในผิวหนัง เลือดสีแดงคล้ำไหลรินออกมาจากปากแผลทั้งสองรู
สัมผัสแปลกๆแล่นเข้ามาในโสตประสาทของชายหนุ่มในร่างเด็ก แต่ไม่ทันได้คิดอะไรให้ได้ความก็ต้องหาทางพยุงตัวบนหลังตัวประหลาดที่กำลังดิ้นเพื่อสะบัดให้เขาหลุด
เอลซิธส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ชินเงื้อแขนขึ้นแล้วชกลงไปในผิวหนังของมัน
“แอ๊!!!!”
มันกรีดร้องอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส ของเหลวสีแดงคล้ำพุ่งกระจายออกจากหลัง
ดวงตาที่กรอกไปเหลือกขึ้นด้านบนพร้อมเพรียงกัน ปากพึมพำถ้อยคำบางอย่าง
[ปล่อยฉันนะ!]
ฉับพลันนั้น ชายหนุ่มในร่างเด็กชายเงยใบหน้าที่เปรอะเปื้อนด้วยคราบสีแดงขึ้นมา ที่ตรงหน้าเขาพบร่างของไอลินที่ควรจะเสียชีวิตไปแล้วอยู่ตรงนั้น
…
เป็นไปได้ยังไง? ผมตั้งคำถามนั้นกับตัวเอง
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมคือ ไอลินอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ว่า
ร่างของเธอน่าจะอยู่ที่ร้านขนมปัง ที่สำคัญสภาพของเธอในตอนนี้ที่ปรากฏเบื้องหน้าผมคือไอลินที่สมบูรณ์แบบ ไร้ซึ่งบาดแผลใดๆ
[ชิน จำดิฉันได้หรือเปล่าคะ]
สภาพของไอลินเปลี่ยนเป็นอาร์เจนตา แม้แต่เสียงเองก็เปลี่ยนแปลงไป
หรือว่ามันกำลังทำให้ผมสับสน?
เป็นคำตอบที่เป็นไปได้มากที่สุด การโจมตีของผมหยุดไปจริงๆ แต่พอรู้ความจริงเรื่องนี้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องหยุดมือ
ทว่า…
สัมผัสที่เท้าของผมเปลี่ยนไป
ไม่ถึงขั้นยืนไม่ได้ แต่ผมรู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้องมอง
พอก้มหน้าลงไปก็ต้องสบถออกมา เมื่อผมเห็นดวงตาขนาดใหญ่ข้างหนึ่งกำลังจ้องมอง
ไม่ใช่ภาพลวงตา แต่ผมคิดว่าเจ้านี่สามารถเปลี่ยนตำแหน่งอวัยวะของมันได้แล้วนั่นเอง
“แอ้…”
เหมือนได้ยินเสียงร้องใกล้ๆ พอหันไปก็เห็นปาก อวัยวะส่วนเดียวที่ไม่ได้ขยายใหญ่โตของมันกำลังขยับเข้ามาจากขวา
หากไม่หนี บางทีผมอาจจะถูกปากนั้นงับลงไปก็ได้ จึงหาทางดิ้นให้หลุด
จริงสิ ใต้เท้าเป็นดวงตานี่หน่า…
ผมเงื้อมือขึ้น ตั้งใจจะเอาปลายปลอกแขนที่ดัดแปลงให้ส่วนปลายแหลมคมนั้นแทงเข้าไปในดวงตา ทว่า
มือสีขาวนับสิบ นับร้อยกลับผุดขึ้นมา ต่อตัวกันกลายเป็นพันธนาการที่รั้งผมเอาไว้
ในเมื่อขยับไม่ได้ ก็โจมตีทางกายภาพไม่ได้
ผมใช้แรงของตัวเองกระชากให้หลุด แต่ไม่เป็นผล
ปากที่ใกล้เข้ามาหยุดลง ได้ยินมันพูดว่า
[ขอทานแล้วนะครับ]
ก่อนที่มันจะหัวเราะร่าแล้ว เคลื่อนที่ปากอีกครั้ง
“แกมัน…”
[ไฟร์บอล] ผมตัดสินใจใช้เวทมนตร์ไฟอีกครั้ง โดยเป้าหมายคือดวงตาของมันที่กำลังหรี่เล็กลง
[แอ้!!!] มันร้องเสียงดังอีกครั้ง ผมสลัดหลุดจากพันธนาการ แต่ก็ต้องแลกมากับการที่ร่างของผมร่วงหล่นสู่พื้น
วันนี้ผมกระแทกพื้นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ยังคงเจ็บ หรือถ้าหากบอกว่าเจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะร่างกายระบมไปหมดก็ไม่ผิดเลย
แต่ผมไม่มีเวลาให้โอดครวญขนาดนั้น
ดวงตาของมัน ข้างหนึ่งปิดด้วยแผลไฟไหม้ ข้างหนึ่งเปิดตอนนี้กลับมาอยู่ตรงบั้นท้าย กำลังจ้องมองผมอย่างแค้นเคือง
ปากที่อยู่เหนือดวงตาทั้งสองขาผุดยิ้ม ฟันสีขาวที่เด็กเล็กยังไม่ควรมีกำลังยิ้มอย่างน่าขยะแขยง
ของเหลวสีแดงที่ชโลมร่างกายของมัน บ่งบอกว่ามันไม่ได้เจ็บไม่เป็น และอย่างน้อยมันก็รักษาตัวเองไม่ได้ง่ายๆด้วย
ในเมื่อบาดเจ็บได้ง่ายขนาดนี้ แปลว่าผมยังมีโอกาสชนะ
“[ชิน เอเวอร์ไลท์]!”
มันตะโกนชื่อผมเสียงดังสนั่น ก่อนจะพุ่งใส่ด้วยความเร็วที่มากกว่าครั้งไหนๆ
แต่หากไม่โดนย่อมเปล่าประโยชน์ ผมกลิ้งหลบมันได้ในวินาทีก่อนที่จะถึงตัว จากนั้นใช้ [เอิร์ธ วอลล์] กับ [เอิร์ธ แฮนด์] สร้างเป็นแท่นเหยียบทีละขั้นแทนบันไดเพื่อส่งตัวผมขึ้นยังชั้นดาดฟ้าอีกครั้ง
ถือว่าเป็นโอกาสดีที่ผมจะได้พักหายใจหายคอ หยดน้ำเม็ดโตหยดแหมะลงบนพื้น ผมแยกไม่ออกแล้วว่ามันคือเหงื่อของผมหรือฝนที่กำลังตกต่อเนื่องยู่กันแน่
การได้พัก ถือเป็นเรื่องที่ดีอย่างหนึ่ง เพราะทำให้ผมได้ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ในเมื่อใช้เวทมนตร์ไม่ได้ แต่การโจมตีที่ใช้เวทมนตร์เสริมเป็นอาวุธให้กับร่างกายยังพอทำได้ ก็อาจจะสรุปได้ว่าการโจมตีที่ใช้เวทมนตร์โดยตรงเป็นสิ่งที่ทำให้มันเรียนรู้ แต่การโจมตีที่เกิดจากผลลัพธ์ของเวทมนตร์และสร้างความเสียหายเชิงกายภาพ ทำให้มันบาดเจ็บได้
แต่ไม่ว่าทางไหน ก็เหมือนจะเสี่ยงให้มันวิวัฒนาการได้ไวขึ้น
ดังนั้นต้องเป็นการโจมตีที่มากพอจะล้มมันได้ในครั้งเดียว
แต่ว่ามันควรจะเป็นอะไรล่ะ?
ผมไม่เคยลองอะไรหลายสิ่งหลายอย่าง จึงนึกกลัวความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น
ในหัวไม่ได้กลัวตายขนาดนั้น แต่ภาพของวิเวียนที่ดูเศร้าสร้อยในวันที่ไลล่าหายตัวไปกลับแล่นเข้ามา
นอกจากนั้น ภาพของอาร์เจนตาที่เข้ามากอดผมเอาไว้ในตอนที่ผมแกล้งทิ้งตัวลงจากระเบียงเพื่อเค้นความจริงจากเธอ…
ทั้งอาร์เจนตาและวิเวียน ทั้งสองต่างเป็นห่วงผมและถ้าผมไม่รอดกลับไป พวกเธอคงเสียใจแย่
ในฐานะ ‘ครอบครัว’ เดียวกัน ผมไม่ถนัดที่จะเห็นใครเสียใจหรือร้องห่มร้องไห้กับการจากไปของผมด้วยสิ
ผมต้องรอดกลับไป…
“[ชิน เอเวอร์ไลท์]”
มันยังคงหาผมไม่เจอ การอาละวาดอย่างไร้แบบกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
“เห้ยย! ทางนี้”
ผมใช้โอกาสนี้เรียกความสนใจของผมให้กลับมาที่ผม ก่อนที่อาคารรอบด้านจะพังทลายไปมากกว่านี้
วงแหวนเวทมนตร์ถูกสร้างขึ้นระหว่างดวงตาที่จ้องมอง เป็นสัญญาณว่ามันกำลังจะโจมตีอีกครั้ง
ผมเองก็เช่นกัน [เอิร์ธ วอลล์] ถูกสร้างขึ้นมาคลุมไปทั้งแขน ขาสองข้างที่เริ่มเหนื่อยล้าไม่มีอะไรที่จะสามารถจัดการได้นอกจากคำภาวนาว่าให้ทนไปก่อน
จากนั้น…
[อินเฟอร์โน]!
ได้ยินมันร่ายเวทย์ที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน เปลวไฟอันร้องแรงพุ่งออกมาจากวงแหวนด้วยความเร็วสูง แต่ถ้าหากไม่โดนก็เท่านั้น
ผมเอี้ยวตัวหลบ ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วทั้งร่าง สัมผัสได้เลยว่านี่คงเป็นโอกาสครั้งท้ายๆแล้ว
‘อย่าเพิ่งยอมแพ้ไปก็แล้วกัน!’
ผมไม่ได้บอกใครเลย นอกเสียจากตัวเอง
ผมออกวิ่ง วิ่งให้เร็วกว่าที่เคย สายลมฝนที่โปรยลงมาทำให้ร่างกายหนักอึ้งยิ่งขึ้น แต่เป้าหมายของผมนั้นใหญ่โตมโหฬาร
ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวว่าจะพลาดเป้า
ผมสามารถขึ้นไปอยู่บนหลังของมันได้เป็นรอบที่สอง ดวงตาสองข้างของมันเริ่มย้ายตำแหน่งอีกครั้ง
ข้างหนึ่งยังคงปิดสนิท แถมยังมีกลิ่นไหม้ลอยโชยออกมา
ผมแสยะยิ้มให้กับความเจ็บปวดที่มันได้รับ จากนั้น-
แขนทั้งสองของผมก็กระหน่ำแทงลงไปอีกระลอก
เสียงร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสดังขึ้น แต่ผมหยุดเพียงแค่นี้ไม่ได้
ผมวิ่งเข้าใส่ดวงตาที่ยังเปิดอยู่ของมัน หากจำไม่ผิดมันเป็นตาขวา แต่ถึงจุดที่มันสลับตำแหน่งอวัยวะบนร่างกายได้ ตำแหน่งเดิมคงไม่สำคัญอีกแล้ว
และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ
ดวงตา ข้างสุดท้ายของมัน ไม่เหลืออีกแล้ว
เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดราวกับร่างกายกำลังโดนฉีกเป็นชิ้นๆดังขึ้น
ขาสี่ข้างตวัดเตะสะเปะสะปะ ท่อนแขนและข้อมือลำหนาจู่ๆก็งอกออกมาแล้วพุ่งโจมตีเข้าใส่ผม
“[ชิน เอเวอร์ —]”
คำของมันพูดไม่ได้ศัพท์ แต่ผมมั่นใจว่าเมื่อกี้คือชื่อของผม
พอมันยิ่งดิ้น ผมยิ่งทรงตัวยาก และเป้าหมายหมายของผมคือการเปิดปากแผลของมันให้ได้มากที่สุด
และสิ่งที่ผมได้เห็น ทำให้ผมรู้สึกตกใจไม่น้อย
ข้างในนั้นไม่มีอะไร เป็นเพียงช่องว่างช่องหนึ่ง ที่มีบางสิ่งบางอย่างลอยเคว้งในอากาศ
ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะอยู่บนหลังมันอีกแล้ว ผมกระโดดลงจากหลังโดยใช้ร่างกายบวมโตของมันแทนหน้าผา และคมหินจากเวทย์ [เอิร์ธ วอลล์] แทนการไต่ลงมา
คมหินกรีดเนื้อเป็นสายสีแดง โลหิตมวลมหาศาลไหลทะลักออกมาไม่หยุด
พอระยะเหมาะสม ผมก็ทิ้งตัวโดดลงมา แอบเห็นตัวเองในกระจกว่าตอนนี้ร่างกายกลายเป็นสีแดงเข้มทั้งตัว กลิ่นเองก็นรุนแรงจนคิดว่าคงต้องแช่น้ำเป็นชั่วโมงถึงล้างออก
ไม่ใช่เวลาคิดเล็กคิดน้อยแล้ว ผมตะโกนแข่งกับเสียงกรีดร้องของมัน
“[ชิน!!]”
มันหันมามองผม ดวงตาติดบอดสนิททั้งสองข้างมีสายเลือดสีแดงไหลรินออกมา ปากที่ไม่ได้ขยายตามขนาดตัวบัดนี้พูดด้วยเสียงของไอลินอีกครั้ง
“[นี่ฉันเอง ไอลิน]”
ไม่เชื่ออยู่แล้ว ผมยิง [เอิร์ธ บุลเล็ท] ออกไปใส่ปากของมัน
มันสวนกลับมาด้วยเวทย์รูปแบบเดียวกัน แต่หากเทียบของผมก็คงเป็นไม้จิ้มฟัน ขณะที่อีกฝ่ายคือหัวสว่าน
แม้จะหลบได้ แต่พื้นถนนก็โดนคว้านทิ้งไปจนไม่เหลือเค้าเดิม
ผมวิ่งเข้าไปในร้าน มองเครื่องเทศทั้งหมดแล้วนึกเสียใจแทนเจ้าของร้าน แต่คงต้องลงมือ
ผมเตะชั้นวางของลง เสียงของถล่มลงมาพร้อมกับฝุ่นและผงเครื่องเทศที่ฟุ้งกระจาย
ขณะเดียวกันก็ส่งเสียงท้าทายให้มันโจมตีเข้ามา
โชคดีที่การคาดเดาของผมถูกต้อง ทุกครั้งที่มันได้ยินเสียงผม มันจะโจมตีทั่วไปเข้ามาเรื่อยๆ
ไม่ว่าจะเป็นหมัด การเตะหรือการร้องคำรามและเข้ามากัด
และเพราะเช่นนั้น ผมจึงใช้เวทมนตร์ที่เรียนมา แต่หาโอกาสใช้ได้น้อยอย่าง [คอลลิ่ง วินด์]
เวทย์ประเภทลมที่ทำได้เพียงปล่อยสายลมไม่รุนแรงนักออกมา แทบไม่ต่างอะไรจากพัดลมในโลกก่อนที่ผมรู้จัก
มันควรเป็นแบบนั้น แต่สายลมที่ผมสร้างขึ้นมาในครั้งนี้กลับรุนแรงกว่าปกติเพียงเล็กน้อย
ที่ผมบอกได้เช่นนั้นก็เพราะสายลมที่เกิดขึ้น พัดพาผงเครื่องเทศเข้าใส่เอลซัธด้วยความรุนแรง
หากมันยังหลงเหลือดวงตาเอาไว้ มันคงแสบตา แต่เป้าหมายของผมคือให้มันช่วยอาละวาดจนร้านนี้พังกันไปข้าง
“แกทำได้แค่นี้หรือไง!!”
ตั้งใจว่าจะยั่วยุจนกว่ามันจะพุ่งชนเข้ามา
ในมือของผมถือถุงเครื่องเทศหลายชนิด โดยที่แต่ละตัวนั้นนอกจากกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังมีอีกคุณสมบัติที่เหมือนกัน
นั่นก็คือ…
“เอ้า ตัวเปื้อนฝุ่นหมดแล้วนะ”
ในอากาศที่เต็มไปด้วยผงและฝุ่นของร้านเครื่องเทศ ร่างยักษ์ของเอลซัธพุ่งเข้ามา กวาดโครงสร้างส่วนใหญ่ของบ้านพังราบ นับว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดีกว่าที่ผมคิดนิดหน่อย
[เอิร์ธ วอลล์] ค่อยๆถูกสรรสร้างขึ้นมาจากพื้น [เอิร์ธ แฮนด์] นับสิบ ต่างทำหน้าที่เป็นพื้นเหยียบในอากาศ
ผมกระโจนลงจากอากาศ ลงไปบนหลังของมันที่กำลังมึนงงและหยุดนิ่ง
ผมเทของในถุงลงไปในบาดแผลที่เปิดกว้างของมัน
ผงเครื่องเทศจำนวนมากพากันลอยเคว้งในตัวกลวงๆของเอลซิธ ถึงแม้หนังจะหนาจนสามารถปักเข้าไปได้ง่ายๆ แต่ข้างในกลับกลวงเหมือนตุ๊กตา
ภาพในวัยเด็กชองผมจ้องมองจอทีวี รายการวิทยาศาสตร์
ฝุ่นผงที่ดูไม่มีอันตราย กับสะเก็ดไฟที่ปะทุขึ้นมา
ปิดท้ายด้วยเสียงพิธีกรสวมแว่นในชุดกาวน์ห้องแลบ ท่าทางดูฉลาด ทำเสียงดัง ตู้ม!
แม้แต่เด็กน้อยอย่างผมยังเข้าใจได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แต่ผมก็ไม่เคยเห็นผลลัพธ์ของมันมาก่อนเหมือนกัน
ดังนั้น วินาทีนี้จึงเป็นการทดลองครั้งแรกและจะได้เห็นผลของมันด้วยตาตัวเอง
“[ธันเดอร์สไตรค์]”
นี่คือสิ่งที่ผมครูพักลักจำมาจากอาร์เจนตาในวันนั้น
ปรากฏการณ์สายฟ้าฟาด ที่ถึงแม้จะเบาบางแต่พอกระแทกกับพื้นกลับเกิดการจุดระเบิดรุนแรงขึ้น
เมื่อผงฝุ่นกระทบกับเปลวไฟ ปฏิกิริยาทางเคมีก็บังเกิด
แรงระเบิดมหาศาลดันออกมาจากาภายใน มันกำลังฉีกกระชากร่างพอโตของเอลซิธเป็นเสี่ยง
บึ้ม!
เสียงระเบิดดังกระหึ่ม เอลซัธร้องคำรามอย่างเจ็บปวดเป็นครั้งสุดท้าย ผมที่อยู่ใกล้ที่สุดได้ยินมันเหมือนกับเสียงกรีดร้องจากนรก
แต่ก่อนที่ผมจะได้ยินดีกับความสำเร็จของตัวเอง ร่างกายเด็กเล็กอย่างผมก็ถูกแรงลมจากการระเบิดซัดปลิวออกไป
ความร้อนจากเปลวเพลิงที่ลุกไหม้บนร่างอันใหญ่โตคงกำลังเรียกให้ใครสักคนเข้ามาหา ขณะเดียวกันมันก็กำลังแผดเผาผิวหนังของผมจนแสบร้อนไปหมด
ทว่า ผมไม่มีแรงแล้ว
อยากร้องตะโกนให้ใครสักคนช่วยที แต่ผมกลับหมดแรงโดยสมบูรณ์
ร่างกายของผม ตอนนี้อยู่ที่ไหน
อยู่บนดิน บนฟ้าหรือในน้ำ ตัวผมก็ไม่อาจทราบได้
MANGA DISCUSSION