ตอนที่ 32 ยินดีที่ได้รู้จัก
แสงไฟจากหินเวทมนตร์ส่องแสงสว่างเจิดจ้าภายในห้องจากโคมไฟคล้ายโคมไฟแชนดาเลียในโลกก่อนของผม เวลานี้เป็นยามเย็นเกือบค่ำ แทนที่แสงสว่างจะลาลับโลกไป แต่ด้วยความก้าวหน้าในการค้นคว้าเพื่อไขว่คว้าแสงสว่าง ทำให้ในห้องตอนนี้ก็ยังคงสามารถแต่งตัวได้
ผมอยู่กับวิเวียนเพียงสองคนในห้องที่ไม่กว้างมากนัก หากเป็นคนปกติคงบอกว่ามากพอที่จะใส่คนสองคนเข้าไปอยู่ด้วยกันแล้วไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด ทว่าภาพของวิเวียนที่สะท้อนในกระจกกลับทำให้ผมรู้สึกอึดอัดอย่างน่าประหลาด
“อาจจะเจ็บหน่อยนะครับ”
ผมน่าจะพูดประโยคนี้ครั้งที่สองของวันแล้ว ครั้งแรกคือตอนที่วิเวียนลองชุดตัวนี้ ครั้งที่สองก็คือครั้งนี้ซึ่งเป็นการสวมใส่จริง
เชือกถูกร้อยผ่านช่องทั้งหกอย่างเรียบร้อย ผมออกแรงดึงผูกส่วนปลายที่เหลือเป็นปมแบบง่ายๆ แต่แน่นเพื่อไม่ให้มันหลุด
“เสร็จแล้วครับ”
“เป็นไงบ้าง”
วิเวียนหันมาทั้งตัว ชายชุดเดรสแบบแหมวกหลังพลิ้วไหวตามการหมุนตัวที่เต็มไปด้วยพลังของความกระฉับกระเฉง รอยยิ้มเป็นมิตรและสดใสนั้นเอ่ยถามผม
เดิมทีผมไม่คิดว่าเธอต้องการความคิดเห็นของผมหรือเปล่านะ
วิเวียนไม่ใช่คนหลงตัวเองนัก แต่ก็ไม่ใช่คนถ่อมตัว ในสายตาของผมแล้วเธอเป็นคนที่รู้จักตัวเองดีจนสามารถใช้ข้อดีของตัวเองกลบข้อเสียจนผมแทบจะหาไม่เจอ
“สวยแล้วครับ”
“พูดแบบนั้น ผู้หญิงจะเสียใจเอาได้นะ”
ผมพอเข้าใจความหมายที่เธอบอกอยู่ ทว่าสิ่งที่โทษได้คงเป็นตัวผมเองที่ไม่สามารคิดคำชื่นชมได้เป็นธรรมชาติมากกว่านี้
สวยเหมือนนางฟ้า สดใสเหมือนดวงอาทิตย์ งามล้ำเหมือนจันทร์เต็มดวงในคืนมืดมิด คำพวกนั้นมันไม่ใช่คำที่จะสามารถพูดออกไปได้เลย
ยังดี ที่เธอไม่ได้ดูเสียใจ แค่พูดเหมือนตักเตือนผมเสียมากกว่า
“ครับ ครับ คุณวิเวียนสวยที่สุดแล้ว”
สุดท้ายก็เป็นคำชมเหมือนเดิม ไม่มีอะไรแตกต่างจากทีแรก
หลังจากผมช่วยเธอแต่งตัวก็เป็นคราวผมที่เธอจะช่วยแต่งตัวบ้าง แต่เนื่องจากชุดของผมไม่มีอะไรมาก เป็นเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวทำจากผ้าชั้นดี ระบายอากาศได้ยอดเยี่ยม เหมาะทั้งสำหรับเด็กอย่างผมและผู้ใหญ่ที่โตกว่านี้ ส่วนเสื้อที่สวมทับด้านนอกเป็นเสื้อเนื้อกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้ม ตรงบริเวณชายแขนเสื้อเป็นลวดลายสีทองบางๆช่วยให้ผมดูเป็นเด็กจากบ้านผู้ดีมากขึ้น ส่วนที่อกซ้ายปักลวดลายผีเสื้อของตระกูลเอเวอร์ไลท์เอาไว้
จุดที่วิเวียนกำลังแต่งตัวให้ผมคือเน็คไท ที่ไม่ว่าโลกนี้หรือโลกที่แล้ว ผมก็ยังคงผูกไม่เป็น
เธอย่อตัวลงจนเกือบจะเป็นนั่งยองๆ นึกชื่นชมทั้งความยืดหยุ่นของเสื้อผ้าและร่างกายของเธอที่สามารถทนทานได้แม้จะย่อตัวลงไปเยอะ จนผมไม่สามารถก้มหน้ามองเพราะจะเห็นเนินเขาที่โผล่มาแว่บๆได้
“เอาล่ะ เท่านี้ก็น่าจะเสร็จแล้ว”
วิเวียนตบอกผมเบาๆสองสามทีก่อนจะลุกขึ้นยืน ผมเบือนหน้าหนีเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เธอจับได้ถึงอาการที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่บางทีมันก็สายเกินไป
“ไปกันเถอะ เด็กลามก~”
“ไม่ได้ลามกสักหน่อย”
“หืมม แต่เมื่อกี้เงยหน้าขึ้น แถมหน้ายังแดงแท้ๆ…”
เสียงกระซิบของเธอดังที่ข้างหูว่า ‘แอบมองฉันใช่มั้ยล่ะ’
ใจหนึ่งผมอยากปฏิเสธ แต่อีกใจกำลังต่อต้านว่าอย่าไปโกหกเธอมากกว่านี้ก่อนที่จะเป็นเรื่องใหญ่ ท่ามกลางการตีกันของสองอำนาจในใจที่ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าฝ่ายไหนคือฝ่ายดีหรือฝ่ายเลวกันแน่ ผมก็เลือกเดินทางสายกลาง ด้วยการหันหน้าหนีอีกครั้ง
“เอ๋~ แอบมองจริงๆเหรอ”
แย่แล้วแห๊ะ ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจมองแต่กลับรู้สึกลนลานเสียได้ ขณะที่วิเวียนกำลังหัวเราะอย่างสนุกสนานแถมยังพยายามจิ้มแก้มผมอีกต่างหาก
การหันหน้าหนี คือการปฏิเสธ แต่หลายครั้งมันไม่ได้ช่วยอะไร มิหนำซ้ำยังทำให้ข้อกล่าวหาที่ตนเองได้รับหนักหนาขึ้นจนแทบจะเป็นตัวยืนยันในความผิดได้
แน่นอนว่ามันมีกรณีที่ไม่ใช่อยู่เยอะ อย่างเช่นเบื่อ ไม่อยากคุยด้วยแล้ว แต่พอดีในกรณีของผมดันเป็นการพยายามหนีความรู้สึกผิดที่เกิด
“ชิน วันนี้ถึงจะเป็นงานเลี้ยงต้อนรับฉันในฐานะสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็จริง แต่ก็เป็นงานเปิดตัวของเธอด้วยนะ”
“ขอสอบถามหน่อยได้หรือเปล่าครับ เมื่อวานคุณพูดว่าผมไปด้วยก็ไม่เป็นไร ถ้าเฮนริคไม่ได้ยื่นข้อเสนอมาแต่แรก คุณคิดจะทำยังไงเหรอครับ”
อย่างไรก็ย้อนกลับไม่ได้ ในส่วนนี้ผมเข้าใจดี แต่ใจจริงก็อยากรู้ว่าหากไม่มีเฮนริคที่ยื่นข้อเสนอแบบนั้นมา เธอจะพาผมไปด้วยหรือไม่
ไม่ว่าคำตอบจะเป็นแบบไหน ผมก็ไม่คิดว่าจะส่งผลต่อความรู้สึกของผมมากนัก หาก ใช่ก็มีเหตุผลร้อยแปดพันประการที่อ้างได้ แต่หากคำตอบเป็น ไม่ ก็มีเหตุผลต่างๆนานาที่เหมาะสม เช่น อยากเก็บตัวตนของผมเป็นความลับต่อไป เป็นต้น
“ไม่รู้ว่าเธอจะเชื่อมั้ย แต่ฉันตั้งใจจะแนะนำ ชิน เอเวอร์ไลท์ ให้ทุกคนรู้จัก โดยเฉพาะพวกชนชั้นสูงที่จะมาร่วมงานในวันนี้”
“เพราะผมเป็นผู้ชายคนแรกของบ้านเอเวอร์ไลท์เหรอครับ หรือเพราะว่าผมเป็นผู้มาเกิดใหม่”
“เพราะเธอคือชิน เอเวอร์ไลท์ เด็กผู้ชายของบ้านเอเวอร์ไลท์ในรอบหลายร้อยปี”
วิเวียนตอบอย่างไม่ติดขัด ชวนให้ผมเชื่อว่าเธอคิดเช่นนั้นจริงๆ
เราสองคนสอบถามถึงกำหนดการณ์กันอีกเล็กน้อยระหว่างเส้นทางจากห้องแต่งตัวที่อยู่บนชั้นสองไปยังห้องโถงจัดงาน
โดยกำหนดการณ์ที่ว่าเน้นวิเวียนเป็นหลัก เธอต้องขึ้นไปพูดในตำแหน่งที่สูงกว่าคนอื่นเล็กน้อย ในระหว่างนั้น เธอจะแนะนำตัวผมให้พวกคนในงานได้รู้จัก
นอกจากนี้เธอยังนัดใครบางคนเอาไว้ คนๆนั้นก็ดูจะอยากจะเจอผมมาก
“ต่อหน้าผู้หญิงคนนั้น ระวังคำพูดไว้นะชิน ห้ามโกหกเด็ดขาดเลย”
“เป็นคนใหญ่คนโตเหรอครับ?”
หากไม่ใช่เรื่องสำคัญ วิเวียนคงไม่กระชับคำพูดเช่นนี้ การที่เธอเอ่ยปากเตือนก่อนที่จะไปเจอตัวบุคคลจริงๆคงเป็นเรื่องประเภทที่ว่าจะขายหน้าต่อ ผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้
แต่พอเงยหน้ามองใบหน้าของเธอ กลับทำให้ความรู้สึกที่ว่าหายไปครึ่งหนึ่ง ผมเริ่มลังเลกับรอยยิ้มที่ปรากฏของเธอว่า ระดับความจริงจังของคำเตือนอยู่ในระดับใดกันแน่
“ผู้หญิงคนนั้น เป็นราชินีของอาณาจักรที่ขึ้นชื่อว่ามีผู้กล้าถูกอัญเชิญมาเป็นคนสุดท้ายน่ะ”
หืม ผู้กล้าคนสุดท้ายเหรอ…
แต่การที่ผมมายังโลกแห่งนี้ แปลว่าผู้กล้าคนนั้นก็คงไม่ใช่คนสุดท้ายหรือเปล่านะ? ไม่สิ เดิมทีผมเป็นผู้กล้าหรือเปล่าก็ยังไม่มั่นใจนักด้วยซ้ำ
หากเป็นแนวต่างโลกทั่วไป คนที่อัญเชิญผู้กล้ามาคงไม่พ้นตัวราชวงศ์เอง หากใช้งานได้ก็คงเป็นผู้กล้า แต่ถ้าหากอ่อนแอจากการประเมินก็คงถูกไล่ออกจากวัง แล้วไปใช้ชีวิตเทพๆที่อื่นบ้าง มีสกิลเทพๆบ้าง…
พอคิดแบบนั้นก็ชักอยากเจอแปลกๆ
“ห้ามเอาความรู้อนิเมะต่างโลกไปพูดเด็ดขาดเลยนะ”
โดนจับได้แห๊ะ แถมยังโดนวิเวียนใช้ศอกกระทุ้งโดนแก้มเบาๆอีกต่างหาก
เราใช้เวลากันไม่นานนักในการเดินจากห้องแต่งตัวมาถึงโถงทางเดิน เรียกได้ว่าแลกเปลี่ยนกันไม่กี่ประโยคก็ต้องหยุดแล้วเปลี่ยนโหมดสู่สังคม ผมกลายเป็นเด็กชายจากตระกูลเอเวอร์ไลท์ ส่วนวิเวียนก็ต้องกลับไปเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง
ที่ห้องจัดงาน โคมไฟระย้าตกแต่งด้วยแก้วคริสตัลส่องแสงสว่างอยู่เหนือหัว ของประดับตกแต่งส่วนใหญ่ตกแต่งด้วยของโบราณ แต่กลับมีแผ่ความสง่าในฐานะของราคาแพง ทรงคุณค่าออกมาราวกับจะบีบบังคับให้เจ้าของสถานที่เล่าเรื่องของพวกมัน
เวลานี้คนมายังมาร่วมงานไม่มาก ส่วนใหญ่ที่เดินกันขวักไขว่เป็นคนในชุดพ่อบ้านและเมด ซึ่งเดินสวนกันไปมาระหว่างห้องครัวกับโต๊ะอาหาร
เสียงล้อของรถเข็นส่งอาหารส่งเสียงดัง แกร่กๆ
อาหารมากมายทั้งของคาว ของหวานหลากสีสันถูกวางเรียงรายบนโต๊ะ ชวนให้นึกถึงร้านบุฟเฟ่ต์ประเภทเดินตัก เพียงแต่หากเป็นร้านแบบนั้นมักเน้นปริมาณ ทว่าที่แห่งนี้กลับให้ความรู้สึกของอาหารที่ดูหรูหรา แม้จะมีปริมาณมากก็ตาม
“งานยังไม่เริ่มสินะครับ”
“เปล่า เริ่มแล้วต่างหาก ดูนั่นสิ”
วิเวียนชี้ไปข้างหน้า ตรงจุดนั้นมีผู้ชายสองคนยืนคุยกันอยู่อย่างออกรส
คนหนึ่งคือเฮนริค ส่วนอีกคนเป็นชายร่างสูงใหญ่ ไว้หนวดเคราเฟิ้มปกปิดการคาดเดาอายุจากใบหน้า แต่ผมคิดว่าเขาคงมีอายุในช่วงสามสิบปีขึ้นไป เส้นผมของเขาเป็นสีน้ำตาลอ่อนเช่นเดียวกับหนวดเครา ดวงตาดูดุดัน สวมเสื้อคลุมสีขาวตัวนอกทับเกราะเบาข้างใน ที่เอวแขวนดาบที่ตัวฝักประดับประดาด้วยลวดลายคล้ายเถาวัลย์สีทองเอาไว้
หากพิจารณาจากท่อนแขนที่แม้จะมีเสื้อคลุมสีขาวปกปิดแล้ว เขาต้องมีฝีมือระดับหนึ่งแน่
ชายคนนั้นหันมามองผมพร้อมกับเฮนริค ชั่วขณะหนึ่งผมเห็นเฮนริคแสยะยิ้มออกมา กลับกันชายที่ดูเป็นนักรบกลับแสดงความเป็นมิตรออกมามากกว่า
“โอ้! สายัณห์สวัสดิ์ ท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งรูเทียน! เด็กผู้ชายคนนั้นคือ ชิน เอเวอร์ไลท์ในข่าวลือรึ!?”
พอเข้าหันมา ผมจึงเห็นว่าที่อกซ้ายของเสื้อคลุมสีขาวของเขาปักลวดลายสีแดงคล้ายศีรษะของหมาป่ากำลังแยกเขี้ยว ใต้ลวดลายนั้นเป็นเหรียญแสดงตำแหน่งและสถานะมากกว่าสิบเหรียญ
“สวัสดีค่ะ มาร์แชล เจอร์แมน ไอโรลันซ์ ไม่ได้พบปะกันเสียนาน ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยตรงไหนใช่ไหมคะ”
วิเวียนกล่าวทักทายเขาพลางค้อมคำนับ ผมเห็นดังนั้นก็ทำตาม ได้ยินเสียงเขาหัวเราะดังชอบใจ
เจอร์แมน ไอโรลันซ์ ผู้ชายคนนี้คงไม่พ้นเป็นทหารจากอาณาจักรไหนสักแห่ง หรือบางทีอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ก็เป็นได้
“ฮ่าๆ! เงยหน้าขึ้นมาเถิด ทั้งคู่เลย ข้าอาจมีตำแหน่งในระดับมาร์ควิสก็จริง แต่ไม่อาจเทียบกับความยิ่งใหญ่ในฐานะสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้หรอก!”
“ไม่เป็นเช่นนั้นหรอกค่ะ ท่านเจอร์แมนเป็นถึงองครักษ์ขององค์ราชินี การทำความเคารพย่อมเป็นสิ่งที่พึงกระทำ”
“โฮ่ เป็นคำที่อยากให้ไอ้ผู้กล้าเมื่อวานซืนได้ยินเสียจริง!”
ไม่รู้ทำไมถึงกระแทกเสียงลงท้ายหนักนัก แต่เมื่อมีเรื่องของผู้กล้าเข้ามาเกี่ยวข้องผมก็อดรู้สึกสนใจตามไปด้วยไม่ได้ แถมวิเวียนยังแอบยื่นมือมาสะกิดหลังผมเหมือนเป็นการบอกใบ้อะไรสักอย่าง
ผมไม่แน่ใจนักว่าตนเองเข้าใจถูกหรือไม่ แต่บางทีเธออาจจะอยากให้ผมแนะนำตัวเองเช่นกัน
“ส สวัสดีครับ ชิน เอเวอร์ไลท์ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ”
ผมโค้งเลียนแบบที่วิเวียนแสดงให้ดูก่อนหน้านี้ บอกตามตรงว่าไม่ค่อยชินเท่าไหร่ ในโลกก่อนผมก็ไม่ได้เป็นฝ่ายที่ทักทายใครนักเหมือนกัน
“ชิน เอเวอร์ไลท์ จากหน้าตาอายุน่าจะไม่เกินสิบขวบสินะ อืม…”
เหมือนเขากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ผมเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นเขายิ้มลงมา
“ดูเป็นเด็กดีนี่! เจริญๆนะเจ้าหนู!”
เขากล่าวเช่นนั้นแล้วฟาดมือลงบนไหล่ผมส่งเสียงดัง ป๊าบๆ จนรู้สึกเจ็บนิดหน่อย ไม่ถึงขั้นต้องให้ใครมาใช้ [ฮีล] เพื่อรักษา
ถัดจากนั้น คนที่เข้ามาทักทายคือเฮนริค
“สวัสดีครับ ท่านวิเวียน ยินดีต้อนรับสู่งานเลี้ยงต้อนรับคณะเดินทางของรูเทียน หวังว่าจะถูกใจ”
“แหม คุณเฮนริคก็ว่าไป งานใหญ่แบบนี้ ไม่ว่าใครก็ถูกใจทั้งนั้นแหละค่ะ”
คำพูดประชดประชันพุ่งออกมาจากทั้งสองฝ่าย เหมือนผมเห็นประกายไฟจากแววตาของทั้งสองคนพุ่งเข้าปะทะกัน จนไม่สามารถเข้าไปแทรกระหว่างบทสนทนาได้
ในตอนนั้นเอง ก็มีมือเล็กแตะผมจากทางด้านหลัง
“ช ชีน ชิน?”
เสียงเล็กบ่งบอกอายุของเจ้าของ ผมหันหลังไปมองเด็กผู้หญิงเจ้าของเสียง
ก็พบกับเอรี่ ที่ตอนนี้ปล่อยเส้นผมสีดำยาวจนถึงกลางหลัง ร่างเล็กของเธออยู่ในชุดเดรสสีฟ้าอ่อนดูเรียบร้อย แม้เธอจะไม่ได้ขาวสว่างเท่าวิเวียน แต่ชุดที่ชวนให้นึกถึงท้องฟ้าในวันที่แดดส่องลงมาทั่วถึงพื้นดิน ผิวขาวจึงชวนให้นึกถึงเมฆที่ลอยละล่องประดับฟ้า
ท่าทีเขอะเขินของเธอ ชวนให้นึกถึงสัตว์ตัวเล็กที่แสนเปราะบาง ไร้พิษสง เหมาะสมกับวัยเด็ก แตกต่างจากผมที่คงเหมือนเด็กที่พยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่มากกว่า
“สวัสดี เอรี่”
ผมกล่าวทักทายเธออย่างเป็นกันเอง ได้ยินเสียงเฮนริคแนะนำตัวเอรี่กับชายที่ชื่อเจอร์แมนว่าเป็นลูกสาวคนเล็กของเขา ส่วนตอนคุยกับวิเวียนนั่น เหมือนจะเป็นเรื่องการดูตัวระหว่างผมกับเธอที่อยู่ในวัยเดียวกัน
หากให้แสดงความรู้สึกตามตรง ผมคงต้องขอปฏิเสธความหวังดีที่จะจับคู่ผมกับเอรี่
ภายนอก เราอายุเท่ากันแต่ภายในของผมยังคงเป็นคนอายุยี่สิบที่ไม่ได้มีรสนิยมชื่นชอบผู้เยาว์ ดังนั้นจึงไม่มีทางเป็นไปได้ที่ความสัมพันธ์ในการดูตัวจะไปได้ราบรื่น
ทว่าเอรี่กลับดึงแขนเสื้อของผมเอาไว้ แม้จะเป็นเรี่ยวแรงเล็กๆจากแขนที่บอบบาง หากผมสะบัดนิดเดียวก็คงหลุดไปได้ไม่ยาก แต่ใบหน้าที่ย้อมด้วยสีแดงนิดๆ กับการก้มหน้ามองพื้นหน่อยๆ ดวงตาที่ฉายแววหวาดกลัวเล็กน้อยของเธอ ทำให้ผมไม่กล้าแม้แต่จะออกแรงด้วยซ้ำ
“อ อื้อ สวัสดี ชิน”
ไหวหรือเปล่านะ อยากจะถามเธอแบบนั้น เพราะบางทีการออกงานทางสังคมทำนองนี้อาจจะเป็นเรื่องลำบากสำหรับเธอก็ได้
แต่เฮนริคเองก็คงอยากพาลูกสาวมาแนะนำตัวให้สังคมได้รู้จักด้วยเช่นกัน บางทีเขาคงอยากนำลูกสาวทั้งสองคนมาด้วย ติดที่ลูน่าคงขอตัวไปดูแลไลล่าในตอนที่อาร์เจนตาต้องทำงานในส่วนของเธอ
“อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย?”
ผมลองชวนเธอคุย ในความทรงจำของผม เอรี่เป็นเด็กผู้หญิงที่อาจจะพูดไม่เก่งนัก แต่เรื่องกินเป็นสิ่งที่แน่นอน
“ป ไปกันเถอะ”
ในเมื่อเป็นคนเสนอเอง จะปฏิเสธคงดูไม่ดี ที่สำคัญตอนนี้เฮนริคกำลังจ้องมองผมด้วยสายตาที่คาดหวังอะไรบางอย่าง
บรรยากาศเริ่มไม่สู้ดี บางทีพ่อค้าคนนี้อาจจะวางแผนจับคู่ผมกับเอรี่เพื่อเพิ่มเส้นสายและอำนาจของตัวเองอยู่จริงๆก็ได้
ผมพาเอรี่ไปยังโซนอาหาร ที่ตรงนั้นมีอาหารมากมาย เอรี่ดูรู้สึกสบายใจขึ้น ผมก็เช่นกันแต่ด้วยคนละสาเหตุ
เอรี่ตักของหวานเสียเป็นส่วนมาก ไม่ว่าจะของที่หน้าตาเหมือนเค้กที่ตัดเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ หลากสีสันหลากรส เธอก็ตักครบทุกชิ้น ทาร์ตสีเหลืองสวยชวนรับประทาน มัฟฟินสีน้ำตาลเข้มที่บางทีคงใช้ส่วนผสมเป็นชอกโกแลต ข้างๆกันเป็นเส้นสปาเกตตี้ที่คาโบนาร่า
ทั้งหมดเป็นปริมาณที่ไม่น่าเชื่อว่าร่างเล็กบอบบางของเธอจะสามารถยัดเข้าไปได้หมด แต่ว่ากันว่ากระเพาะของคนเรามีที่ว่างเสมอสำหรับอาหารที่ชอบอยู่แล้ว ดังนั้นคงไม่เป็นไร
ต่อก ต่อก ต่อก…
ได้ยินเสียงเหมือนมีใครเดินตามมา ผมหันหลังกลับไปมองก็เห็นเป็นวิเวียนเดินถือจานมาทางนี้
เอรี่เดินวนไปยังสุดมุมโต๊ะด้วยท่าทางที่ร่าเริงกว่าเมื่อไม่กี่นาทีก่อน มองของหวานที่ยังคงตักเพิ่มด้วยแววตาเป็นประกาย
เนื่องจากงานนี้เป็นงานยืนกิน ไม่ได้นั่งโต๊ะ ผมคงต้องถือแก้วน้ำให้เธอแล้วล่ะมั้ง
ตอนนั้นเองวิเวียนก็ก้มลงมาพูดกระซิบกระซาบที่ข้างหู
“หว่านเสน่ห์ใส่เด็กผู้หญิงเก่งเหมือนกันนะเรา”
“พูดเรื่องอะไรกันน่ะครับ เอรี่ยังเด็กจะตาย”
นอกจากเรื่องที่เธอแสดงท่าทีเข้าหาผม ผมก็คิดแค่ว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่หน้าตาน่ารักคนหนึ่ง ไม่ได้มีความคิดในเชิงชู้สาวและไม่มีทางที่จะเป็นเช่นนั้นด้วย
มิหนำซ้ำ ความรู้สึกของเด็กในวัยนี้ ยากที่จะรักษาเอาไว้ได้นาน ต่อให้เธอแอบปลื้มผมอยู่จริงๆ แต่ในอนาคตเธออาจจะเปลี่ยนใจหรือมีตัวเลือกที่ดีกว่าคู่หมั้นจากวัยเด็ก เมื่อถึงตอนนั้นเธออาจคิดว่าไม่มีเสียยังดีกว่าก็ได้
ดังนั้น ผมจึงไม่คิดจะเป็นคู่หมั้นให้กับเอรี่
พอแจ้งความคิดเห็นของผมออกไปตามตรง วิเวียนก็กะพริบตาปริบๆ หากไม่ใช่ด้วยความแปลกใจก็คงเป็นด้วยความสงสัย หรือบางที อาจจะเป็นทั้งสองอย่าง
“ชินเนี่ย จริงจังกว่าที่ฉันคิดอีกนะ”
“ถ้าผมทำให้อารมณ์กร่อยลง ขอโทษด้วยนะครับ”
เธอไม่ผิดหากจะรู้สึกเช่นนั้น เป็นผมเองที่ไม่ได้ดูบรรยากาศให้ดี
พอเห็นเธอยิ้มรับคำขอโทษไว้ ความกังวลที่ก่อตัวเหมือนม่านหมอกในใจก็ทยอยหายไปทีละนิด
ทว่า…
“ไม่อยากไปขัดขวางอนาคตของเด็กผู้หญิงคนนึงสินะ งั้น แปลว่าถ้าเป็นผู้หญิงที่โตแล้วก็ทำได้หรือเปล่านะ”
“เห็นแบบนี้ผมก็เลือกคนนะครับ…”
ถึงแม้จะคิดว่าคงไม่มีใครเข้ามาใกล้สักพัก แต่สักวันหนึ่งผมก็ต้องออกจากบ้านเอเวอร์ไลท์ไป ใช้ชีวิตในฐานะ ชิน ที่ไม่มีนามสกุลต่อท้าย ในวันนั้นผมคงได้เข้าสังคมอื่นมากขึ้น ตัวตนของผมคงเปลี่ยนแปลงจากวันนี้ไปอีกมากมาย ดังนั้นจึงไม่สามารถพูดได้ว่าผมไม่สนใจเรื่องคู่หมั้นเลย เพียงแต่
“ถ้าเป็นคนที่ใจตรงกันก็คงดีนะครับ”
“อื้ม ชินชอบแบบนั้นนี่นะ”
ไม่รู้ทำไมเธอถึงพยักหน้าเหมือนเห็นด้วย ทั้งที่ผมน่าจะเปิดใจคุยกับเธอเรื่องนี้เป็นครั้งแรกแท้ๆ แต่ผมไม่สามรถทักท้วงอะไรเธอได้อีก วิเวียนเดินไปตระเวนยืนมองอาหารเหมือนยืนดมแล้วเลือกของชิ้นเล็กชิ้นน้อยมาประดับจานใบเล็ก
ผมเองก็ต้องเริ่มเดินบ้าง
ไม่ว่าของหวานหรือของคาว ตอนแรกที่มองมามันดูเยอะก็จริง แต่พอได้เดินจริงๆ ปริมาณที่เห็นกลับตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่า ความยาวของโต๊ะที่เคยคิดว่ายาวแล้ว พอเดินจริงๆกลับทำให้ท้อไม่น้อยเหมือนกัน
สุดท้ายผมก็เลือกชิ้นส่วนน่องของอาหารที่คล้ายไก่งวงตัวโตที่ปรุงด้วยวิธีการอบ มีกลิ่นสมุนไพรหลายตัวลอยโชยออกมา
สัมผัสมันๆของผิวหนัง และความเค็มที่แทรกซึมในผิวเนื้อ ทีแรกผมนิ่วหน้านิดหน่อยเพราะน้ำที่ซึมซับด้วยเนื้อของมันพุ่งกระจายเต็มปาก สัมผัสความร้อนทำให้ลิ้นชาไปแวบหนึ่ง แต่หลังจากนั้นไม่นานรสชาติที่รู้สึกก็เริ่มลงตัว
ไม่สามารถเปรียบเทียบกับรสชาติของอาหารในโลกก่อนได้ เพราะผมเองก็ไม่เคยทานไก่งวงอบมาก่อนเหมือนกัน
ผมมองดูแขกที่เริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้นภายในงาน ผู้คนมากหน้าหลายตาเริ่มทยอยเดินเข้ามา แต่ละคนล้วนมีเอกลักษณ์ที่บางด้านซ้ำกัน แต่บางด้านก็โดดเด่นออกไป
ทั้งชายวัยกลางคนตัวเตี้ยศีรษะล้าน อ้วนลงพุงจนเหมือนลูกบอลขนาดใหญ่สีเขียวเดินได้ หัวเราะด้วยเสียงดังลั่นพลางสอดสายส่ายตามองแขกหญิงสาวด้วยสายตาโลมเลีย
ทั้งหญิงสาวชราที่เส้นผมขาวไปทั้งหัว สวมชุดสูทเดรสสีฟ้าเรียบง่ายกับถุงมือสีขาว ดูเรียบง่ายแต่กลับหรูหรา
และแขกคนอื่นอีกมากมายที่เข้ามาคุยกับเฮนริคเล็กน้อยก่อนจะไปคุยกับแขกคนอื่นต่อ
เสียงหัวเราะ เสียงสนทนา กลิ่นของการเจรจาผ่านถ้อยคำลับๆกระจายตัวไปทั่วทั้งงาน
ทว่าท่ามกลางผู้คนที่เยอะยิ่งกว่าอาหาร มีหญิงสาวคนหนึ่งที่โดดเด่นสะดุดตาผมเป็นพิเศษ
เธอเป็นผู้หญิงตัวสูง เส้นผมสีน้ำตาลยาว สวมหมวกปีกกว้าง สวมเดรสสีขาวที่ซ้ายขวาไขว้เหมือนตัวอักษรเอ็กซ์ในภาษาอังกฤษ เว้าเปิดช่วงอกไว้แบบไม่มากจนเกินไป
เป็นการแต่งกายไม่แตกต่างจากคนอื่นๆมากนัก แต่สิ่งที่ทำให้ผมสังเกตเห็นเธอกลับเป็นหน้ากากสีขาวที่เจาะรูช่วงดวงตาเอาไว้
เป็นเพียงช่องเรียวเล็ก ที่น่าสงสัยว่าสามารถมองเห็นจากหน้ากากนั้นได้หรือไม่ แต่คิดอีกทีในโลกก่อนก็มีพวกซีรีย์ภายใต้หน้ากากที่คนสวมชุดก็ต้องมองผ่านรูเล็กๆบนหน้ากากเหมือนกัน บางทีเธอคงทำแบบนั้นได้
สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ ผมไม่รู้สาเหตุที่เธอต้องสวมหน้ากากเอาไว้เช่นนั้น
หากผมไม่ได้รู้สึกไปเอง ก็เหมือนเธอกำลังจ้องมองผม ขณะที่ผมกำลังจ้องมองเธอ
คิดดูแล้วก็แอบขนลุก อยากจะให้ใครสักคนแนะนำเธอให้รู้จัก แต่กลับไม่สามารถทำได้
เพราะ ณ ตอนนี้ ผมไม่สามารถมองหาวิเวียนได้อีก จะถามเธอก็ไม่ได้ บางทีเธอคงไปเตรียมตัว ส่วนเอรี่ หลังจากรับประทานจนอิ่มหนำสำราญก็กลับไปยืนไม่ห่างจากเฮนริคตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่เขาคงใช้เธอเหมือนเครื่องประกอบฉากให้เขาใช้เธอในการแนะนำตัว
“ชิน เอเวอร์ไลท์”
ใครสักคนเรียกผมตอนกำลังรับประทานของหวานที่ให้ความเย็นคล้ายไอศครีมแต่กลับไม่ละลายทันทีที่เข้าปาก
เสียงเรียก เป็นเสียงของผู้หญิง พอผมหันไปมองก็พบหญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนอยู่
เธอสวมชุดเดรสสีม่วง ผ่าตั้งแต่ช่วงอกไปถึงไหล่มองแล้วคล้ายรูปตัว V เผยเนินอกอวบอัดอย่างไม่เขินอาย
เส้นผมของเธอเป็นลอนสีฟ้าอ่อน ชวนให้นึกถึงสายไหม ดวงตาสีม่วงโฉบเฉียวของเธอส่งยิ้มอย่างเป็นมิตร เช่นเดียวกับรอยยิ้มชวนให้คิดถึงความรู้สึกอบอุ่นบนใบหน้า
ใต้ดวงตาสีเขียวของเธอมีไฝคล้ายหยดน้ำเล็กๆ หากไม่เพ่งมองให้ดีก็คงไม่เห็น ที่ข้อมือมีกำไรสีทอง นิ้วแต่ละนิ้วมีแหวนแทบไม่เว้นว่าง อัญมณีที่ประดับบนแหวนแต่ละวงนั้นล้วนเป็นรัตนะเม็ดงามทั้งสิ้น พอมองที่คอเพรียวระหงก็พบอัญมณีสีขาวแวววาวที่ส่องแสงเป็นประกายบนผิวสีขาวของเธอ
หากเป็นในโลกก่อน เครื่องประดับเพียงเท่านี้คงสามารถบ่งบอกความร่ำรวยของเธอได้แล้ว ยิ่งการที่เธอยืนอยู่ในงานที่รวมตัวพวกชนชั้นสูงแบบนี้ แปลว่าเธอเองก็เป็นคนในกลุ่มชนชั้นสูงจริงๆ
“เอ่อ…สวัสดี ครับ?”
ว่าแต่เธอเป็นใครกันนะ
หากวัดจากเครื่องแต่งกาย เธออาจดูเป็นคนร่ำรวยแต่ว่านั่นก็เป็นเพียงตัวตนที่ไม่ต่างจากแขกทั้งหลายภายในงานเท่านั้น
ทว่าบางสิ่งบางอย่างในตัวผมกำลังเตือนผมว่า ให้ระวังตัวเอาไว้ให้ดี ผู้หญิงคนนี้อาจจะอันตรายกว่าที่คิด
หรือบางทีอาจเป็นเพราะเธอมีบางส่วนคล้ายคลึงกับวิเวียนก็เป็นได้
“ฮุฮุ ดูน่ารักกว่าผู้กล้าของพวกเราเยอะเลย”
ผู้กล้าเหรอ? วันนี้ผมได้ยินคำนี้มาหลายรอบ เกือบทั้งหมดออกจากปากของวิเวียนและผู้ชายที่เจอร์แมน ไอโรลันซ์ ที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้กล้าโดยตรง และครั้งนี้ก็ออกจากปากผู้หญิงคนนี้…
หรือว่าบางที เธออาจจะเป็นบุคคลที่วิเวียนเตือนให้ระวังคำพูดเอาไว้
“อุ้ย จริงสิ ฉันลืมแนะนำตัวเองไปเลย”
เธอคลี่ยิ้มแล้วขยับตัวเข้ามาใกล้ผมจนได้กลิ่นน้ำหอมที่ฟุ้งกระจาย บรรยากาศรอบตัวเหมือนอบอุ่นขึ้นทันควัน ทว่าผมกลับรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างที่จับต้องไม่ได้กำลังห้อมล้อมตัวเธอไว้คล้ายเกราะกำบัง
“ฉันชื่อ มิร่า ฟอน แอนโดรเมียน”
นั่นคือชื่อของ องค์ราชินีแห่งอาณาจักรของผู้กล้าคนสุดท้าย…
น่าแปลกที่รอบข้างล้วนไม่สนใจเธอ ทั้งที่เธอเป็นราชินี ผู้คนน่าจะให้ความสนใจหรือไม่ก็พูดคุยถึงตัวตนของเธอมากกว่านี้ ถึงแม้ว่าผู้คนจะเยอะแค่ไหน แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะเมินเฉยต่อคนที่
“สงสัยเรื่องฉันเหรอจ๊ะ?”
“แค่คิดว่าทำไมคนในงานถึงเหมือนมองไม่เห็นท่านราชินีแอนโดรเมียน”
“เรียกมิร่า เรียกฉันว่าคุณมิร่าก็พอ ส่วนเรื่องที่ไม่มีใครมองไม่เห็นฉัน เรื่องนั้นไม่จริงหรอกนะ”
เธออธิบายด้วยรอยยิ้มว่า ทั้งหมดมันเป็นเหมือนภาพลวงตาที่ทำให้เธอเหมือนมีตัวตนและไม่มีตัวตนในเวลาเดียวกัน
หรือก็คือทุกคนรู้ว่ามีใครสักคนยืนอยู่ตรงนี้ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเธอ
“สิ่งนี้คือผลลัพธ์ที่อาณาจักรแอนโดรเมียนของเราผลิตออกมาได้ อาร์ติแฟค น่ะ”
อาร์ติแฟค เป็นชื่อที่มักพบได้บ่อยตามนิยายแนวแฟนตาซีหรือไม่ก็ในเกมที่มีข้าวของให้เปลี่ยนตลอดการเดินเรื่อง ส่วนความรู้ที่ผมมีต่อมันในโลกนี้นับเป็นศูนย์
องค์ราชินีมิร่าอธิบายให้ผมฟังแบบคร่าวๆว่า อาร์ติแฟค คือสิ่งที่เกิดจากวิจัยผ่านในอาณาจักรที่เธอปกครองโดยการนำชิ้นส่วนของมอนส์เตอร์มาประสานเข้ากับความรู้ที่ชาวต่างโลกได้มอบให้ผ่านหลายยุคหลายสมัย
“ด้วยเหตุนี้ อาณาจักรของพวกเราเลยขึ้นชื่อว่า ดินแดนวิศวะมนตรา ยังไงล่ะ”
เธอยึดอกกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ ซึ่งหากผมเป็นผู้ปกครองที่ไหนสักแห่งแล้วได้รับฉายาที่ดูเวอร์วังอลังการแบบนั้นมา ก็คงยืดอกรับอย่างยินดีแน่
“แล้วก็นะ การทำงานของ อาร์ติแฟค ลวงตาก็แค่…”
เพียงถอดแว่นที่นิ้วนางข้างขวาแล้วยื่นมันมาให้ผม บางสิ่งบางอย่างที่ผมรู้สึกว่าห้อมล้อมตัวเธออยู่ก็จางลงไป แต่ไม่หายไป ทั้งหมด
“ท่านแม่!”
“มิร่า!”
เสียงของคนสองคนตะโกนเรียกองค์ราชินีมิร่า คนหนึ่งคือชายที่ชื่อเจอร์แมน อีกคนคือเด็กสาวคนหนึ่ง คาดคะเนจากสายตาของผมเธอคงอายุไม่เกินสิบห้าปี สวมชุดเดรสเปิดไหล่กระโปรงฟูฟ่องคล้ายกับเจ้าหญิงในอนิเมชั่นที่เคยดูในสมัยก่อน เส้นผมสีฟ้าไว้เป็นลอนเกลียวเช่นเดียวกับองค์ราชินีมิร่ากระโดดขึ้นลงตามจังหวะการวิ่งและการหายใจหอบส่งเสียงดัง แฮ่กๆ ของเธอ
“ท่านแม่ จู่ๆ แฮ่ก ก็หายไปในงาน คิดว่าโดนลักพาตัวไปแล้ว แฮ่ก”
“เบลล์ ในงานแบบนี้ไม่มีใครคิดลักพาตัวแม่ของหลานหรอก”
ผมอยากเป็นตัวแทนในการปฏิเสธว่าไม่จริงเลยสักนิด การลักพาตัวเดิมทีแล้วจะอยู่ตรงไหน ถ้าเป้าหมายไม่ได้ป้องกันตัวหรือได้รับการปกป้องอย่างดี คนร้ายก็ทำได้อยู่ดีนั้นแหละ แต่ตอนนี้ไม่ใช่จังหวะเหมาะสมที่จะพูดออกไปเท่าไหร่นัก
ผู้หญิงที่ชื่อว่าเบลล์คว้าข้อมือขององค์ราชินีแล้วลากพาเธอไป ฟังจากคำที่ใช้เรียกราชินี เธอคงเป็นลูกสาว แต่ชายที่ชื่อเจอร์แมนคนนั้นเองก็เป็นเชื้อพระวงศ์ด้วยเหมือนกันสินะ
ผมหันซ้ายหันขวา หาจุดที่จะยืนต่อไป
หญิงสาวสวมหน้ากากคนนั้นหายไปแล้ว บางทีคงเดินปะปนกับแขกในงาน ถ้าเป็นกรณีนี้ผมก็คงหาไม่เจอ
“ชิน เอเวอร์ไลท์”
แล้วก็มีคนเรียกผมอีกครั้ง หันกลับไปก็พบเฮนริคที่เว้นว่างจากการทักทายแขกทุกคน ข้างหลังเขามีเอรี่เดินตามมาด้วย
“มีอะไรเหรอครับ”
ผมเอียงคอสงสัย เอรี่โบกมือทักทายอีกครั้งเบาๆ ผมยิ้มบางกลับไป แล้วแหงนหน้าเผชิญกับพ่อค้าที่เป็นหัวเรือของงานเลี้ยงอีกครั้ง
“ถ้ามีพวกสมาคมพ่อค้ามาขอร้อง จงปฏิเสธให้หมดซะ”
“ขอร้องเรื่องอะไรครับ”
ถ้าเป็นเรื่องที่วิเวียนได้รับผลประโยชน์ ผมก็ควรไปปรึกษากับวิเวียนก่อนจะปฏิเสธด้วยตัวเองหรือเปล่านะ
“จงปฏิเสธเรื่องการดูตัวซะ บอกไปว่าคู่หมั้นของเธอคือลูกสาวของฉัน”
เอรี่ก้าวออกมาข้างหน้าเล็กน้อยเมื่อถูกกล่าวถึง ผมมองทั้งสองสลับกันแล้วพยักหน้า
แบบนี้นี่เอง ไม่ต้องการให้ผมไปผูกสัมพันธ์มั่วซั่วจนยุ่งเหยิงแถมยังต้องการผูกมัดกับผมไว้กับเอรี่
สถานการณ์โดยคร่าวๆคงเป็นเช่นนี้
“เข้าใจแล้วครับ เพียงแต่…”
พอผมมีข้อแม้ อีกฝ่ายก็ดูจะขมวดคิ้ว สีหน้าดูดุดันขึ้น บางทีคงไม่คิดว่าเด็กอย่างผมจะเจรจาต่อรองได้ก็ได้ แต่ความเปลี่ยนแปลงเพียงแค่นั้นไม่สามารถเปลี่ยนการตัดสินใจของผมได้อยู่แล้ว
“ผมจะไม่บอกว่าเอรี่เป็นคู่หมั้นของผม”
“โฮ่ กล้าพูดแบบนั้นต่อหน้าคนเป็นพ่อ เล่นเอาซะอยากทราบเหตุผลเลย”
“เพราะผมอยากเริ่มต้นที่รู้จักกันในฐานะเพื่อนก่อน ถ้าเรารู้จักกันดีแล้ว ค่อยเลื่อนระดับของความสัมพันธ์ขึ้นไปเรื่อยๆ แบบนั้นจะไม่ดีต่อเอรี่มากกว่าเหรอครับ”
เป็นความเห็นในเชิงประนีประนอม เพราะอันที่จริง ในใจผมไม่เคยคิดสักนิดว่าตัวเองจะสามารถทำใจให้รักเด็กสาวที่หากอิงตามกฎหมายโลกผมก็ยังถือว่าเป็นผู้เยาว์ และต่อให้ผมเพิ่มอายุให้เธอไปสิบปี ก็ยังคงอยู่ในช่วงวัยมัธยมปลาย และตัวผมที่เพิ่มไปสิบปีก็กลายเป็นตาลุงวัยสามสิบไปแล้ว
“เธอคิดแบบนั้นจริงๆเหรอ ชิน เอเวอร์ไลท์”
เฮนริคหรี่ตามอง ไม่แปลกที่เขาจะเคลือบแคลง หากคนเป็นพ่อค้าปราศจากเทคนิคการจับโกหกก็คงอาศัยอยู่ในวงการอย่างยากลำบากและคงยากยิ่งกว่าปีนเขาเอเวอร์เลสต์หากจะมาเป็นพ่อค้าผู้มั่งคั่งเช่นเดียวกับเฮนริค
ในส่วนนี้จึงต้องใช้ความจริงเข้าชนตรงๆ
“คุณเองก็คงไม่อยากให้ลูกสาวไม่มีความสุขในชีวิตคู่ใช่มั้ยล่ะครับ ผมเองก็ไม่อยากผูกเอรี่ไว้กับตัวเองไว้ตลอดหรอกนะครับ แต่ถ้าแจ้งสถานะว่าเป็นคู่หมั้นออกไปแล้ว จะรักหรือจะเลิกก็เป็นที่จับตามองของสังคม แถมอนาคตก็ไม่แน่นอน ดังนั้นแค่เริ่มจากเพื่อนกันจะดีกว่าครับ”
ที่ผมกล้าเอ่ยเรื่องแบบนี้ออกไป เพราะผมก็มั่นใจว่าหากเป็นเรื่องการค้าเฮนริคอาจเป็นคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว แต่หากเป็นเรื่องลูกเขาจะเป็นคนอีกแบบขึ้นมา
ดังนั้นเขาจึงลังเลต่อคำพูดของผม ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเหมือนยอมรับในอะไรบางอย่าง
“เข้าใจแล้ว อนาคตไม่แน่นอนสินะ บางทีเด็กอย่างเธอนี่มันก็น่ารำคาญเหมือนกันนะ”
“เพราะงั้น เริ่มจากการเป็นเพื่อนกันเถอะครับ”
ผมยื่นมือออกไป เฮนริคก้มตัวลงมามองผมอีกครั้งแล้วดันหลังเอรี่
“ยินดีที่รู้จักอีกครั้งนะ เอรี่”
“อ อื้อ”
เธอจับมือกับผม ผิวสัมผัสที่นุ่มนวลของเด็กๆแตกต่างจากมือที่ผมเคยสัมผัสทั้งอาร์เจนตาและวิเวียน
เห็นเหมือนเฮนริคแอบยิ้มอย่างพึงพอใจเล็กน้อย แต่พอผมหันไปมองตรงๆเขาก็เบือนหน้าหนีอีกครั้ง
เป็นผู้ปกครองที่เข้าใจไม่ยากสำหรับคนนอก แต่สำหรับคนในบ้านอย่างเอรี่ คงมองเขาว่าคนแปลกแน่นอน
ใกล้จบบท 2 ครึ่งแรกกันแล้ววว ถ้าชอบก็ฝากแชร์ คิดเห็นอย่างไรก็ฝากคอมเมนท์เอาไว้ได้นะคร้าบบ
หลังจบตอนที่ 35 ผมจะปรับเปลี่ยนตารางการลงนิดนึงงง
Chapters
Comments
- ตอนที่ 34 ในงานเลี้ยง 2 3 วัน ago
- ตอนที่ 33 ในงานเลี้ยง 1 พฤษภาคม 29, 2025
- ตอนที่ 32 ยินดีที่ได้รู้จัก พฤษภาคม 29, 2025
- ตอนที่ 31 ช่วยทีนะ พฤษภาคม 25, 2025
- ตอนที่ 30 คืนก่อนงานเลี้ยง พฤษภาคม 25, 2025
- ตอนที่ 29 เรื่องแปลกๆ พฤษภาคม 23, 2025
- ตอนที่ 28 ร้านอาหาร พฤษภาคม 19, 2025
- ตอนที่ 26 ไลล่า 2 พฤษภาคม 19, 2025
- ตอนที่ 26 รุ่งสาง พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 25 คืนแรก ณ อควาเดีย พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 24 ลูเมนฮอฟ 2 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 23 ลูเมนฮอฟ 1 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 22 อาร์เจนตา 2 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 21 รุ่งเช้า ระหว่างทาง พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 20 ครอบครัว พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 19 ไลล่า 1 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 18 อาร์เจนตา 1 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 17 วันออกเดินทาง พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 16 ตัวตนของเด็กสาว พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 15 ลูน่า 2 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 14 ลูน่า 1 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 13 ฝึกฝนยามเช้า พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 12 เมืองแห่งสายน้ำ (เริ่มต้นบท 2) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 11 โทริส 3 (จบบทที่ 1) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 10.3 [ตอนยาว] ชิน เอเวอร์ไลท์ (3/3) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 10.2 [ตอนยาว] ชิน เอเวอร์ไลท์ (2/3) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 10.1 [ตอนยาว] ชิน เอเวอร์ไลท์ (1/3) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 9.3 [ตอนยาว] สัปดาห์สุดท้าย (3/3) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 9.2 [ตอนยาว] สัปดาห์สุดท้าย (2/3) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 9.1 [ตอนยาว] สัปดาห์สุดท้าย (1/3) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 8.2 [ตอนยาว] วันเกิด (2/2) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 8.1 [ตอนยาว] วันเกิด (1/2) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 7.2 [ตอนยาว] สาวปริศนา (2/2) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 7.1 [ตอนยาว] สาวปริศนา (1/2) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 6 เพียงฝัน พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 5 โทริส 2 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 4 โทริส 1 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 3 ไม่เป็นไร พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 2 เกิดใหม่ที่ต่างโลก พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 1 ณ ห้วงแห่งหนึ่ง พฤษภาคม 17, 2025
MANGA DISCUSSION