ยามเที่ยงมาถึง แสงแดดรุนแรงส่องลงมา แต่ผมกลับไม่ได้ไปไหน สุดท้ายแล้วผมก็ได้แต่หมกตัวอยู่ในห้อง ทว่า…
“ชิน คิดว่าชุดไหนสวยที่สุดเหรอ”
วิเวียนกลับเข้ามาในห้องของผมแล้วทาบชุดสำหรับออกงานคืนนี้บนเรือนร่างของตัวเอง หมุนซ้ายหมุนขวาเหมือนพยายามเรียกร้องให้ผมดูทุกจุดทุกมุมของเธอ
ขอย้ำไว้เลยว่า เปล่าประโยชน์ เพราะผมไม่มีความสามารถในการเลือกชุดให้เข้าคู่กันเลยสักนิด สำหรับผมแค่หยิบตัวไหนได้ก็ใส่ตัวไหนก็เพียงพอแล้ว
แม้แต่โลกเก่า ผมยังใส่แค่เสื้อยืดกับกางเกงขายาวที่หยิบสุ่มๆมาเลยด้วยซ้ำ
เป็นแค่คนหน้าตากลางๆ ไม่ได้ดีแต่ก็ไม่ได้ขี้เหร่ กับรสนิยมการจับชุดที่เข้าขั้นติดลบเท่านั้น
ดังนั้น หากจะให้เลือกชุดเพื่อวิเวียนไปออกงานแล้วล่ะก็ ผมคงต้องปฏิเสธ
ผมไม่อยากให้เธอดูไม่ดีในงาน
“เอ่อ ผมอาจจะพูดเป็นรอบที่สามหรือที่สี่แล้วก็ได้ แต่ขอพูดอีกครั้งในครับ ผมเลือกชุดไม่เก่ง…”
“รอบที่ห้าแล้วต่างหาก แต่ฉันแค่อยากรู้ความเห็นของชินเฉยๆ เพราะฉะนั้นแค่ตอบมาว่าชอบชุดไหนที่สุดก็พอ”
“จะเลือกส่งๆก็ไม่ได้ด้วยสิ…”
แน่นอนว่า ผมไม่มีความจะเลือกส่งๆให้จบๆไปอยู่แล้ว ที่พูดมาก็แค่การล้อเล่นกันเท่านั้น
ผมพิจารณาชุดนับสิบตัวที่ทั้งอยู่ในมือของวิเวียน อยู่บนเตียงและแขวนอยู่ในตู้อีกรอบ
วิเวียนเป็นคนรูปร่างดี หน้าตาก็สวยงดงาม ผิวขาวสว่างสดใสเหมือนไม่ใช่คน เป็นผู้หญิงที่สามารถเรียกได้ว่าแต่งเข้ากับชุดได้ทุกประเภท ระดับที่ต่อให้เธอสวมชุดมาสคอตในสวนสนุก ความสวยงามของเธอก็ไม่ถูกลดทอน มิหนำซ้ำ ชุดมาสคอตอาจจะเสริมความน่ารักของเธอเพิ่มมากขึ้นด้วยซ้ำ
ดังนั้น สำหรับผมแล้ว ไม่ว่าชุดไหนก็เหมาะกับเธอทั้งนั้น เพียงแต่นั่นไม่ใช่คำตอบที่ถูกใจของเธออย่างแน่นอน
ชุดไหนดีนะ? ไม่ว่าจะมองกี่ทีก็ไม่ได้คำตอบ
แต่ผมก็มีแผนอยู่ นั่นก็คือการเลือกสิ่งที่ตรงกันข้ามกับตัวผมที่มีรสนิยมไม่เอาไหนนั่นเอง
“เอาเป็นชุดสีขาวๆตรงนั้นก็แล้วกันครับ”
หากเป็นผมในโลกก่อน ชุดที่ผมสวมส่วนมากเองก็มีสามสีหลักๆคือ ขาว ดำ และเทา ไม่ต้องพูดถึงท่อนล่างที่ถ้าไม่ใช่กางเกงยีนส์สีดำก็เป็นสีน้ำเงินเข้มจะดูเกือบดำ
ดังนั้นชุดที่ผมเลือกจึงเป็นชุดเดรสตัวยาวสีขาวบริสุทธิ์ มองเผินๆแล้วคล้ายชุดเดรสเจ้าสาว มันเป็นเดรสแขนยาวที่ตรงท่อนแขนเป็นลูกไม้สีขาว
วิเวียนเดินไปหยิบมัน ทำหน้าทำตาเหมือนถามกับผมอีกครั้งเพื่อยืนยันในตัวเลือก ผมพยักหน้าให้แล้วจากนั้น เธอก็เริ่มถอดชุดไปรเวทที่สวมอยู่ออก แต่ก่อนที่มันจะเลยเถิด ผมก็ห้ามเธอเอาไว้ในสภาพที่ชุดถูกถกขึ้นมาจนเห็นหน้าทอง
“เดี๋ยว จะทำอะไรครับ”
“ลองเสื้อไง ฉันไม่ค่อยชอบใส่เสื้อทับกันสองชั้นน่ะ”
“งั้นผมไปรอข้างนอกก่อนนะครับ”
“ไม่ต้องหรอก เผื่อฉันให้เธอช่วยแต่งตัวด้วย”
แต่จะให้ผมดูเธอถอดชุดอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าต่อหน้าก็ดูไม่ดีนัก สุดท้ายแล้วทางที่ผมสามารถเลือกได้จึงเป็นการหลับตาจนกว่าเธอจะให้สัญญาณ
“จะให้ผมช่วยก็บอกนะครับ”
“ชิน”
“ว่าไงครับ”
“ทดสอบเฉยๆว่าถ้าเรียกแล้วจะสนใจกันจริงๆมั้ย”
จะไม่สนใจก็ตอนเธออธิบายเหตุผลนั่นแหละ…
ทำไมกันนะ ทำไมเหมือนได้ยินเสียงเธอหัวเราะคิกคัก
ผมพยายามทำใจให้สงบ พยายามที่จะไม่คิดอะไร ปล่อยให้จิตใจว่างเปล่ากว่าปกติ แต่เสียงเนื้อผ้าที่เสียดสีกับผิวกายสีขาวสว่างของวิเวียนกลับเป็นเสียงเพียงหนึ่งเดียวภายในห้อง ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนเวลาเดินช้าลง
เธอทำอะไรอยู่กันนะ? ผมตั้งคำถาม และตอนนั้นเองผมก็ได้ยินเสียงเธอเรียกชื่อของผม
“ชิน ช่วยจัดการส่วนหลังให้หน่อย”
ผมลืมตาขึ้นมา เห็นแผ่นหลังสีขาวเข้ามาใกล้จะแทบจะชิดกับหน้าของผม ในทีแรกผมยังไม่เข้าใจว่าเธอต้องการอะไรกันแน่ แต่พอสังเกตดีๆ เดรสตัวนี้เป็นเดรสแบบเปิดหลัง เผยให้เห็นผิวสีขาวนวลด้านหลังแบบเต็มตา และสิ่งที่เธอขอให้ผมช่วยก็คือการร้อยเชือกเพื่อรัด ถือว่าเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการแต่งตัว
แค่ร้อยเชือกเข้าตามช่อง สลับซ้ายขวาเหมือนใส่เชือกรองเท้า แค่นี้ก็เสร็จสิ้น แต่ผมกลับมือสั่นไม่หยุด
ผมพยายามไม่มองแผ่นหลังของเธอ แต่สายตากลับรู้สึกเหมือนมีแรงดึงดูดปริศนาพยายามให้ผมเงยหน้ามองทุกครั้งไป ยิ่งพยายามขัดขืน ความรู้สึกร้อนวูบวาบก็ยิ่งก่อตัว
“เป็นอะไรหรือเปล่า ชิน”
“ไม่ ไม่เป็นไรครับ อย่าเพิ่งหันมานะครับ”
ได้ยินเสียงเธอเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง แต่สำหรับตัวผมในตอนนี้ถ้อยคำนั้นกลับเป็นเหมือนการเร่งรีบให้ผมทำให้เสร็จไวๆ
จำนวนช่องทั้งหมดที่เชือกต้องร้อยผ่านมีทั้งหมดหกช่อง แบ่งเป็นซ้ายและขวา ฝั่งละสาม
ผมค่อยๆใช้มือขนาดเล็กของตัวเองสอดเชือกสำหรับรัดผ่านทีละช่อง ในอกเริ่มรู้สึกอึดอัด เหมือนผมเริ่มหายใจไม่ออกอย่างไรไม่รู้
ทุกช่องที่ผ่านไป ทำให้เหงื่อผุดบนใบหน้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จะตอนแรกที่อากาศกำลังเย็นหลังฝนตก ตอนนี้กำลังรู้สึกร้อนพิลึก แต่ท้ายที่สุดผมก็ทำจนลุล่วง
“อาจจะเจ็บหน่อยนะครับ”
ผมออกแรงดึงเชือกเข้าหากันและปิดท้ายด้วยการผูกให้มันเป็นรูปทรง ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ในหัวผมก็มีแค่ทรงพื้นฐานอย่างโบหูกระต่ายเท่านั้นแหละ
เมื่อผมจัดการผูกเชือกเป็นปมเรียบร้อย ผมก็ผละมือออกแล้วผ่อนลมหายใจเบาๆออกมา เหมือนพยายามคลายความตึงเครียดที่สะสมทั่วร่างเมื่อไม่กี่นาทีก่อนให้มันหมดไป
แต่วิเวียนยังคงไม่ไปไหน มุมมองจากด้านหลังของเธอ เห็นเป็นเพียงเธอหมุนตัวไปทางซ้ายและขวาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะหันทั้งตัวกลับมาเผชิญหน้ากับผมโดยตรง
“เป็นไงบ้าง”
เธอถามพร้อมกับยกแขนขึ้นสะบัดเส้นผมที่คลอบริเวณไหล่ไปด้านหลัง เผยให้เห็นคอเพรียวระหงและแนวไหปลาร้าที่เรียวสวย เนินอกที่อวบอัดถูกเน้นให้เห็นเด่นชัดด้วยชุดที่รัดตัว ช่วงเอาเข้าทรวดทรงรูปร่าง ปลายชุดเป็นชายผ้าทิ้งไว้ให้พลิ้วไหว พอเธอหมุนตัวช้าๆ ก็ทำให้เห็นว่าแผ่นหลังสีขาวเนียนลึกจนเกือบถึงช่วงบั้นท้าย
ผมเผลอกลืนน้ำลายไม่รู้ตัว รู้สึกว่าตัวเองต้องถอยออกจากปลายเตียงนิดหน่อย
“เอ่อ…”
ไม่มีทางบอกว่าไม่สวยอยู่แล้ว เพราะอย่างที่ผมเคยพูดไปก่อนหน้า วิเวียนเป็นคนสวยมาก หากเธอสวมชุดไหนก็เป็นคนสวยอยู่วันยังค่ำ ทว่าชุดนี้กลับสร้างความรู้สึกแตกต่างที่ผมรู้จัก
ผมเห็นเธอจ้องมองผมอย่างคาดหวังในคำตอบ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมสามารถทำได้ในทันที
“ว่าไง พูดตามตรงได้เลย ไม่ต้องกลัวหรอก”
สายสัมพันธ์ระหว่างผมกับเธอ อยู่ในจุดที่ไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนั้นจริงๆ ผมจึงตัดสินใจกล่าวออกไปตามตรง
“สวย สวยจริงๆครับ”
อยากเสริมว่าสวยจนลืมหายใจเลย แต่หากพูดออกไปทั้งหมดคงโดนเธอเก็บไปล้อแน่
คำตอบของผมดูเป็นที่พึงพอใจสำหรับหญิงสาวตรงหน้า เธอแอบอมยิ้มก่อนเดินไปส่องกระจก หมุนตัวให้ตนเองดูชัดๆอีกครั้งก่อนจะหันกลับมาหาผม
“งั้น ฉันจะใส่ชุดนี้ละกัน ส่วนชุดของชิน ฉันก็เตรียมเอาไว้แล้วจะลองใส่เลยมั้ย?”
ดูท่าหลังจากนี้ ผมจะกลายเป็นหุ่นลองชุดให้กับวิเวียนไปอีกสักพัก ใจหนึ่งก็นึกเป็นห่วงไลล่าที่เพิ่งมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น แต่อีกใจของผมมันกลับไม่คัดค้านที่มีวิเวียนใช้เวลาด้วยกันสองคนแบบนี้
“ชุดไหนก็มา”
อ่า จริงสิ แบบนี้คนที่ต้องหลับตาคราวนี้คงต้องเป็นวิเวียนแทนหรือเปล่านะ?
ผมคิดพลางจ้องมองแผ่นหลังที่เปิดโล่งแต่มีเส้นผมสีทองยาวปิดบังไว้ของวิเวียน ระหว่างที่เธอกำลังเลือกชุดให้ผมจากในตู้เสื้อผ้า
…
หลังจากเลือกชุดเสร็จสรรพ ผมสอบถามเรื่องอาการของไลล่าอีกครั้ง
วิเวียนที่ตอนนี้กลับไปอยู่ในชุดไปรเวทอีกครั้ง เดินลงมานั่งข้างผม ที่ตอนนี้ไม่มีชุดรายล้อมอีกแล้ว
“ชินก็เป็นห่วงไลล่าเกินคาดเหมือนกันนะ”
“ไหนๆก็อยู่บ้านเดียวกันแล้ว จะไม่ให้เป็นห่วงก็คงดูใจดำไปหน่อยล่ะมั้งครับ”
ผมว่าพลางหัวเราะแห้งๆ วิเวียนยิ้มให้ผมแล้วทิ้งตัวลงนอนแผ่แขนออกมาเหมือนปลาดาว
“ฉันเองก็กังวล แผนที่ตั้งใจเอาไว้ผิดพลาดไปหมดเลย”
คงเป็นสาเหตุที่เมื่อวานเธอเดินคอตกแบบนั้น เพราะหลายๆอย่างไม่เป็นดั่งใจหวัง
ผมไม่คิดว่าวิเวียนจะมีเจตนาร้าย เพียงแต่อาจประเมินพวกเราสูงเกินไปในบางครั้ง
“ถ้าเป็นฉัน ชินจะเป็นห่วงถึงขนาดนี้หรือเปล่านะ”
“ถ้าเป็นไปได้ ผมก็ไม่อยากให้เกิดสถานการณ์ที่ต้องเป็นห่วงคุณหรอกนะครับ”
เพราะถ้าเกิดขึ้น มันแปลว่าสิ่งเลวร้ายสุดๆเท่าที่จะจินตนาการได้กำลังเกิดขึ้น
ในแง่ของการแก้ปัญหาด้วยพละกำลังและประสบการณ์ต่อโลกใบนี้ ไม่มีสิ่งใดที่ผมทำได้แล้ววิเวียนทำไม่ได้ ในทางกลับกันก็ไม่มีสิ่งใดที่หากวิเวียนทำไม่ได้ แล้วผมจะทำได้เช่นกัน
“เป็นห่วงฉันเหมือนกันเหรอ”
ได้ยินเสียงของหญิงสาวกระซิบข้างๆ สมองสั่งให้อย่าหันไปมอง เหตุผลมากมายผุดเข้ามาในหัว แต่สัญชาตญาณและความสงสัยในตัวกลับมีมากกว่าและเป็นฝ่ายชักนำให้ผมหันไป
แล้วผมก็พบ – ใบหน้าของหญิงสาวในระยะใกล้ จนเผลอร้อง เหวอๆ ออกมา
ลมหายใจของเราแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว กลิ่นหอมที่มาจากฝั่งของเธอทำให้ผมรู้สึกแน่นในหน้าอกนิดหน่อย
ถึงวิเวียนจะเป็นคนสวย แต่การทำแบบนี้ไม่แตกต่างอะไรกับการโดนจัมป์สแกร์เวลาดูหนังสยองขวัญ คงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าผมจะตกใจ
“ฮุฮุ ชินตกใจง่ายเกินคาดเลยนะ”
เธอยื่นนิ้วมาข้างหน้า ดันหน้าผากผมเบาๆ แต่แรงเพียงแค่นั้นมันก็มากพอทำให้ผมล้มลงไปนอนหงายหลังบนเตียงแล้ว
“อย่าให้ผมได้จังหวะเอาคืนบ้างนะครับ”
“แหม~ เจ้าคิดเจ้าแค้นจังเลยนะ งั้นฉันให้เอาคืนสักทีนึงมั้ยล่ะ”
ใบหน้าที่ปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมหลับตาพริ้มอย่างไม่ชวนให้คิดว่าถ้าผมลงมือทำคงไม่ต่างอะไรจากการกระโดดเข้าไปในกับดัก พิจารณาความคุ้มแล้ว คำตอบของผมยังคงเป็น “ไม่” ทุกครั้ง
“ขอแลกเปลี่ยนเป็นช่วยตอบคำถามผมสักอย่างจะได้หรือเปล่าครับ”
“หืม~ น่าสนใจ ลองถามมาก่อนสิ ถ้าตอบได้ฉันจะตอบให้นะ”
เธอยังคงพูดด้วยท่าทางสบายๆ ผมยันตัวลุกขึ้นจากเตียง ครั้งนี้จ้องตาเธอตรงๆและถามในสิ่งที่ผมสงสัยมาตลอดระยะหนึ่งปี
“คุณหาเจอผมได้ยังไงกัน”
ไม่ใช่คำถามที่จริงจัง ดังนั้นถ้าเธอไม่ตอบผมก็ไม่ว่าอะไร เพราะคำตอบนั้นมีได้มากมาย ตั้งแต่คำตอบสุดแสนธรรมดาอย่างเรื่องบังเอิญ หรือคำตอบสุดแสนหักมุมอย่างการวางแผนของใครสักคน แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนผมก็ยินดีรับฟัง
ทว่าสีหน้าที่วิเวียนแสดงออกมากลับทำให้ผมสงสัย
ปกติผมไม่ค่อยเห็นเธอคิ้วขมวดแบบนี้ หรือว่าจะมีอะไรอยู่เบื้องหลังจริงๆ
“คุณวิเวียน ผมไม่ได้จริงจังกับคำตอบมาก ไม่ต้องตอบก็ได้ครับ”
“ลางสังหรณ์”
ลางสังหรณ์? หากเป็นโลกก่อนผมคงไม่เชื่อมากนัก แต่ในเมื่อเป็นโลกนี้คำๆนี้กลับเพิ่มความน่าเชื่อถือมากขึ้นหลายเท่าตัว การระวังจึงจำเป็นต้องมากขึ้นเช่นกัน เพราะอาจจะเป็นได้ทั้งคำโกหกและคำหลอกลวงก็ได้
ดังนั้นผมจึงนิ่งเงียบ และรอคำอธิบายเพิ่มเติมจากหญิงสาวตรงหน้า
“ถ้าฉันตอบว่า ลางสังหรณ์บอกให้ฉันไปตรงนั้น เธอจะเชื่อหรือเปล่า”
นั่นก็หมายความว่า เธอโกหก หรือไม่ก็มีบางอย่างที่ต้องปิดบังเอาไว้ จากน้ำเสียงและสีหน้าที่พยายามหลบตาผมก็ชวนให้คิดเป็นเช่นนั้น คงไม่ต้องลังเลหรือคิดมากเลยว่าเธอยังเก็บงำความจริงเอาไว้อยู่ ทว่าผมเองก็ไม่สามารถเข้าถึงในพื้นที่นั้นได้
ไม่มีอะไรที่ผมทำได้มากกว่านี้
หากเค้นหาความจริงจากเธอ บางทีเธอคงยอมบอก แต่ก็มีความเสี่ยงที่ความสัมพันธ์ของเราจะมีอันต้องเปลี่ยนแปลง และผมไม่ต้องการ ความเปลี่ยนแปลงที่ไม่แน่นอน
“เชื่ออยู่แล้วครับ”
ทางที่เลือกจึงเป็นการโกหกออกไป
ไม่จำเป็นต้องคิดว่าเธอจะรับรู้หรือไม่ แต่ในตอนนี้ผมแค่อยากบอกกับเธอเพียงเท่านี้
“เอาล่ะ หมดเวลา ฉันต้องไปเปลี่ยนตัวกับอาร์เจนตาแล้ว”
“เดี๋ยวก่อนครับ”
“ถ้าจะขอสัมภาษณ์ล่ะก็ ติดต่อผู้จัดการของฉันก่อนนะค้า~”
เป็นดาราสาวที่ไหนหรือไง อยากจะบอกเธอแบบนั้นอยู่หรอก แต่ในเมื่อเธอยังมีสิ่งที่ต้องและผมเองก็ไม่อยากรบกวนเธอไปมากกว่านี้ ดังนั้นเข้าประเด็นไปเลยดีกว่า
“ช่วยสอน [ฮีล] ให้ผมได้มั้ยครับ”
“ถ้าฉันให้ชินสอนภาษาเอลฟ์ให้ลูน่าหรือไลล่า ชินจะทำได้หรือเปล่า”
“เอ…”
คำตอบคือ ไม่ได้ เพราะผมไม่ใช่คนที่อ่านออกเขียนได้ แต่ในหัวของผมเหมือนติดตั้งระบบแปลภาษาเอาไว้ กล่าวคือไม่ว่าจะเห็นอะไร มันก็จะทำการแปลเป็นภาษาที่ผมรู้จัก ไม่ว่าจะได้ยินอะไร มันก็จะแปลเป็นภาษาที่ผมคุ้นหูและเข้าใจได้ ไม่ว่าจะพูดอะไร เสียงของผมก็จะถูกดัดแปลงเป็นภาษานั้นโดยอัตโนมัติ
ดังนั้น
“ไม่ได้หรอกครับ”
พรแห่งภาษาของผมทำงานในรูปแบบนั้น ดังนั้นคำตอบย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะไปสอนใคร…
“อ๊ะ”
ผมเข้าใจแล้วว่าวิเวียนต้องการจะพูดถึงอะไร
ไม่ใช่ว่าเธอไม่สอนผม แต่เธอสอนให้ผมไม่ได้
เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอทำได้เอง ไม่ได้ผ่านการฝึกฝนหรือสั่งสมประสบการณ์
“ฉันสอนให้ไม่ได้ แต่ไอวี่น่าจะพอสอนได้ กลับบ้านไปเมื่อไหร่จะลองให้ไอวี่สอนให้นะ”
เป็นชื่อของเมดอีกหนึ่งคนที่ผมไม่ได้มีโอกาสคุยด้วยกันบ่อยนัก ในความทรงจำของเธอ เธอเป็นเมดที่มีท่าทีดูเนือยๆเหมือนคนเหนื่อยตลอดเวลา เสียงยืดยานกว่าคนทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้น
“ขอบคุณครับ”
สิ้นเสียงขอบคุณ ประตูก็ถูกปิดลง
จะว่าไป ถ้าขออาร์เจนตา เธอจะช่วยสอนให้ผมได้หรือเปล่านะ
ความสงสัยเช่นนั้นถูกทำให้กระจ่างในอีกไม่กี่นาทีต่อมาที่อาร์เจนตาเข้ามาในห้อง ผมที่ใช้คำถามเดียวกับที่ถามวิเวียน
“ช่วยสอน [ฮีล] ให้ผมได้มั้ยครับ”
แต่คำตอบที่ผมได้กลับไม่ต่างจากวิเวียน
“ขออภัยค่ะ ท่านชิน ดิฉันเป็นเพียงผู้ใช้งานพื้นฐานเท่านั้น เกรงว่าไอวี่จะเหมาะสมกับการสอนท่านมากกว่าค่ะ”
เพิ่มเติมคืออาร์เจนตาดูรู้สึกผิดที่ไม่สามารถช่วยเหลือผมได้ แถมยังค้อมตัวลงย้ำความรู้สึกโทษตัวเองอีก ผมต้องบอก ‘ไม่เป็นไรครับ’ อยู่หลายสิบครั้งกว่าเธอจะยอมเงยหน้าขึ้นมา
กลับไปผมคงต้องไปลองคุยกับเมดที่ชื่อไอวี่สักหน่อยจริงๆ
MANGA DISCUSSION