หลังจากผมออกจากคฤหาสน์หลังโตของบ้านลูเมนฮอฟ ตอนนี้พวกเราสี่คน ประกอบไปด้วยอาร์เจนตา ลูน่า เอรี่ และ ชินหรือก็คือตัวผมเอง ตอนนี้กำลังเดินอยู่บนถนนของอควาเดียอันพลุ่กพล่านไปด้วยผู้คน ทั้งประชากรเดิมที่อาศัยภายในเมือง หรือนักท่องเที่ยวที่มีทั้งกลุ่มที่กำลังเดินซื้อของตามร้านค้าและกลุ่มคนที่เพิ่งนั่งรถม้าเข้ามา
ผู้คนต่างพากันมอง พูดคุยซุบซิบ แต่ไม่ถึงกับนินทา บางทีอาจเป็นเพราะการจับกลุ่มที่มีค่าพลังด้านความงามสูงผิดปกติก็ได้
เมดสาวผมเงินแซมดำ คุณหนูในชุดเดรสดูงามสง่าอีกสองคน และเด็กผู้ชายอีกคน
ไม่ว่าจะมองยังไง สามคนแรกก็เป็นคนดึงค่าเฉลี่ย ถึงขั้นที่ผมสามารถพูดได้เต็มปากว่าพวกเขาไม่ได้สนใจผมขนาดนั้น คงมีบ้างที่มองมาแล้วเกิดคำถามในใจว่า ผมไปทำอะไรท่ามกลางหญิงสาวสามคนสามวัยที่หน้าตาดีไปคนละทางเช่นนี้ ซึ่งถ้าหากเขามาถามผม ผมเองก็คงตอบไม่ถูกเช่นกัน
เสียงของพ่อค้าหลากหลายส่งเสียงเรียกลูกค้าพร้อมกับถือขนมปังที่มีกลิ่นอบใหม่ลอยโชย บางคนหยุดยืนคุยกันหน้าร้านที่เจ้าของทำหน้าไม่พอใจนัก หรือบางคนก็กำลังพูดจาอวยเกินจริงเพื่อให้ลูกค้าเรื่องสินค้าของตนกลับไป
คนเดินนำแถวครั้งนี้ไม่ใช่ผม แต่เป็นลูน่าที่นำทางทุกคนไปอย่างคล่องแคล่ว ราวกับคุ้นเคยกับเมืองแห่งนี้อยู่ก่อนแล้ว
“ฉันขอแนะนำร้านโปรดของฉัน…”
ไม่ใช่ร้านอาหารทั่วไป เพียงเปิดประตู สิ้นสุดเสียงกระดิ่งต้อนรับดัง ผมก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ตัวผมในโลกก่อนมีเงินเพียงพอแต่กลับไม่มีโอกาสเข้าบ่อยครั้งนัก
ไม่สิ… ถ้าเป็นตอนที่ยังคบกับผู้หญิงคนหนึ่ง ผมก็มีโอกาสแวะเวียนมาร้านแบบนี้หลายครั้งอยู่ เพียงแต่มันดันเป็นความทรงจำที่ผมไม่ค่อยอยากนึกถึงเพราะมันมีตอนจบที่ไม่ดีนัก
“ยินดีต้อนรับค่ะ มากี่ท่านเหรอคะ”
พนักงานเสิร์ฟสาวหน้าตาดี ท่าทางมีมารยาทออกมาต้อนรับ ผมมองเลยหลังของเธอก็เห็นพนักงานเสิร์ฟทั้งชายและหญิงกำลังเดินวุ่นภายในร้าน แต่ละโต๊ะล้วนมีลูกค้าจับจองจนน่าสงสัยว่าจะมีทิ้งนั่งเผื่อพวกเราสี่คนหรือไม่
โชคดีที่ชั้นสองยังพอมีที่เหลือ พวกเราเลยเดินขึ้นไปตามการนำทางของคุณพนักงานต้อนรับ ก่อนที่พวกเธอจะเปลี่ยนตัวกัน
ลูน่าสั่งเมนูที่ชื่อคุ้นหูจากโลกก่อนอย่างมักกะโรนีในซอสเนื้อ กับลาซานญา ขณะที่อาร์เจนตากับเอรี่กำลังจ้องมองเมนูอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ผมขอเป็นสปาเกตตี้คาโบนาร่าก็แล้วกันครับ”
หลังจากนั้นทั้งสองคนที่จ้องเมนูอยู่ก่อนหน้าก็ยอมแพ้ แล้วสั่งพิซซ่ามาเพิ่มอีกหนึ่งถาดแทน
นับว่าเป็นจำนวนอาหารที่มีปริมาณเยอะจนไม่น่าเชื่อว่าจะทานกันแค่สี่คนไหว ผมอดที่จะมองอาร์เจนตาและเอรี่ที่พยายามปั้นหน้าเหมือนไม่เป็นไร ทั้งที่ไม่กี่วินาทีก่อนหน้าพวกเธอเพิ่งแสดงสีหน้าว่ารู้จักเพียงพิซซ่าอยู่แท้ๆ
ผมลอบมองลูน่า ตอนที่ดวงตาเราบังเอิญประสานกัน เห็นเด็กสาวก็สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะพ่นมันออกมาแรงๆ ราวกับพยายามรวบรวมความกล้าของตัวเองให้มีมากขึ้น
“เป็นยังไงบ้าง คุณอาร์เจนตา แล้วก็เอ่อ… ท่านชิน?”
“ไม่ต้องเติมท่านก็ได้ เรียกตามที่สะดวกใจเถอะ”
ดูเหมือนลูน่าจะไม่ค่อยคุ้นชินกับการเรียกผมด้วยชื่อมากนัก พอได้ยินผมพูดเช่นนั้นเธอก็ยิ้มแห้งออกมาเหมือนอยากกล่าวขอโทษ
“อันดับแรก ฉันต้องขอโทษ เอ่อ นายก่อนเลยชิน หน้านายตอนเห็นฉันในงานเลี้ยงนั้นดูตกใจจนน่าตลกเลยล่ะ”
เป็นอย่างที่เธอว่า ผมตกใจจริงๆที่จู่ๆเธอก็ปรากฏตัวในฐานะลูกสาวของเฮนริค ลูเมนฮอฟ หากไม่มีวิเวียนกล่าวเตือนผมเอาไว้ล่วงหน้า ตัวเองก็ไม่แน่ใจนักว่าปฏิกิริยาที่เห็นลูน่าครั้งนั้นจะเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องที่ดูตลกหรือไม่ หากไม่ส่องกระจกดูก็คงไม่รู้และผมก็ขอที่จะไม่เชื่อคำพูดของเธอไปก่อนก็แล้วกัน
“แล้วก็ อันดับต่อมา ฉันจะให้เอรี่เล่าเรื่องที่เธอเจอ”
ลูน่าทำหน้าที่คล้ายพิธีกรดำเนินรายการกลายๆ เธอผายมือไปทางเอรี่ที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้างเธอ
เด็กสาวในวัยเท่ากับผมในโลกนี้สะดุ้งเล็กน้อย เธอคงไม่คาดคิดว่าตัวเองจะต้องพูดต่อหน้าทุกคน ใบหน้าจึงซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ร่างที่เล็กอยู่แล้วห่อไหล่ราวกับจะปิดซ่อนตัวตนทำให้ยิ่งดูตัวเล็กลงไปอีก
“อ เอ่อ…”
เสียงของเธอเมื่อเทียบกับเสียงที่พูดอย่างมั่นใจช่างแผ่วเบา และหากเทียบกับเสียงผู้คนในร้านอาหารแล้ว เสียงของเธอยิ่งเหมือนความเงียบสงัด หากมไม่เงี่ยหูฟังให้ดีคงไม่สามารถได้ยินได้เลย
“ฉ ชั้น…”
พอเริ่มพูดไม่ทันไร เธอก็กัดลิ้นตัวเองและส่งเสียงร้องดัง โอ๊ย ออกมา สีหน้าของเธอเริ่มถอดสี บางทีคงกำลังคิดว่าตัวเองทำได้ไม่ดีอยู่ก็ได้
มือสองข้างของเด็กสาวตัวน้อยตั้งบนโต๊ะ วางมือขวาทับซ้ายและบีบไว้แน่นราวกับกำลังอดทนกับความกลัวที่เริ่มก่อตัวภายในใจของตนเอง
ผมจึงยื่นมือออกไป ตั้งใจจะให้กำลังใจผ่านมือเล็กๆนั้น แต่คนที่ไวกว่ากลับเป็นอาร์เจนตา
ฝ่ามือที่ใหญ่กว่าของเธอวางลงบนมือเล็กคู่นั้น เอรี่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกมืออุ่นสัมผัส ดวงตาสั่นไหวระริก ก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามอง
“ดิฉัน ท่านชินและลูน่า พวกเราต่างอยู่ตรงนี้”
เสียงของอาร์เจนตาทั้งนุ่มนวลและหนักแน่น ดวงตาเสมือนอยากบอกว่าให้ไว้ใจเธอได้ เอรี่เม้มปากแน่น ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อย แต่ผมเห็นแววของการตัดสินใจอันแน่นอนของเธอแล้ว
“ข ขอบคุณค่ะ”
เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นไหว สูดลมหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีและเริ่มเล่าสิ่งที่เธอพบเจอ
“ประมาณสองสามวันก่อนที่ ท ท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์จะเดินทางมา ฉ ชั้นได้ยินเสียงบางอย่างภายในบ้าน…”
เรื่องราวของเธอคือ เสียงบางอย่างดังมาจากสักที่ภายในบ้าน ด้วยความสงสัยเธอจึงเดินตามหาต้นตอของเสียง แม้ว่าตัวเองจะกลัว แต่ความสงสัยกลับมีชัย ทำให้เธอพาตัวเองไปเผชิญกับเหตุการณ์ประหลาดภายในบ้านได้
“เสียง ฉันได้ยินเสียงกระแทก มันมาจากใต้บ้านค่ะ มันเหมือนดังขึ้นมาจากพื้น แต่ฉันไม่กล้าพอที่จะทำอะไรต่อ เลยหนีไปเสียก่อน ขอโทษค่ะ…”
น้ำเสียงของเธอแฝงท่าทีของการตำหนิตัวเอง พวกเราสามคนมองหน้ากัน คนที่ใกล้ที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่คนนั่งข้างๆอย่างลูน่า แต่เป็นคนที่ยังกุมมือเธอเอาไว้อยู่อย่างอาร์เจนตา
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณมีความกล้าหาญมากเพียงพออยู่แล้ว”
อาร์เจนตากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและยิ้มให้ เสริมสร้างกำลังใจให้แก่เด็กสาวตรงหน้า
เอรี่เริ่มยิ้มได้อีกครั้ง คราวนี้เธอหันมามองทางผมและกล่าวทักทาย
“คุณ เอ่อ… ใช่ชินคนนั้นใช่มั้ย”
หากคนอื่นได้ยินก็คงสงสัยว่าเธอต้องการถามอะไรกันแน่ จากสีหน้าของลูน่าและอาร์เจนตาที่ต่างก็เบิกตากว้าง มองเราสองคนอย่างสงสัยก็พอบอกได้ว่าพวกเธอไม่เข้าใจในคำถาม แต่เพราะเป็นผมที่รู้จักกับเธอมาก่อนหน้าจึงเข้าใจว่าเธออยากถามอะไรกันแน่
“อืม ถ้าเธอคือเอรี่คนนั้น ฉันก็คงเป็นชินที่เธอรู้จักจริงๆ”
ถ้ากะระยะแบบคร่าวๆก็ไม่ได้เจอกันเกือบหนึ่งปี หน้าตาของเธอไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก ผมจึงคิดว่าน่าจะเป็นคนเดียวกันแต่แรกแล้ว ที่ไม่มั่นใจคือเรื่องที่ว่าเธอจะจำผมได้หรือเปล่า เพราะเราเองก็ไม่ได้สนิทสนมกันนัก แม้ว่าเธอจะเป็นอันดับหนึ่งในหมู่บ้านนั้นแล้วก็ตาม
เอรี่หันไปมองอีกสองคนบนโต๊ะที่ตอนนี้ต่างมองผมกับเธออย่างไม่เชื่อสายตากับสิ่งที่ตัวเองประมวลผลออกมาได้
“ข ขอโทษที่ปิดบังค่ะ ข ขอแนะนำให้รู้จัก คนนี้ ชิน…”
ลำดับเละตุ้มเป๊ะไปหมดแล้ว ผมอยากกล่าวขัดเช่นนั้นออกไป ทว่าจากสีหน้าของอาร์เจนตาและลูน่าในตอนนี้คงไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะตั้งใจฟัง
สิ่งที่เข้ามาทำลายบรรยากาศอันก่อตัวขึ้นแปลกๆคืออาหารที่พวกเราสั่งไปค่อยๆทยอยมาเสิร์ฟวางบนโต๊ะ
กลิ่นของวัตถุดิบชั้นดีลอยโชยวนรอบโต๊ะ เอรี่มองพวกมันด้วยดวงตาเป็นประกาย ผมเองก็ไม่ต่างกันแต่ด้วยคนละเหตุผลกับเธอ
สำหรับเอรี่ เธอคงเป็นคนชอบรับประทานอาหาร แต่เหตุผลของทางนี้คือความคิดถึงที่ไม่ได้เห็นพวกมันมานานเสียมากกว่า
“กินกันก่อนดีกว่าเนอะ”
เมื่อลูน่ากล่าวประกาศ ทุกคนก็เริ่มลงมือจัดการอาหารที่อยู่ตรงหน้า
หากถามว่าผมชอบอะไรมากที่สุดนอกจากสปาเกตตี้ของตัวเอง ก็คงเป็นพิซซ่าและมักกะโรนีที่เส้นหน้าตาแปลกกว่าที่ผมรู้จัก สงสัยในแบบที่ผมรู้จักคงเป็นสั้น เพราะเส้นตรงหน้าผมมันยาวกว่าในความทรงจำระดับหนึ่ง แถมพอมองคู่กับซอสเนื้อแล้วก็ให้ภาพลักษณ์ที่แตกต่างจากมักกะโรนีราคาถูกที่สามารถสั่งได้ตามร้านอาหารตามสั่งในโลกเก่าจริงๆ
ส่วนเอรี่ดูจะถูกใจพิซซ่าและลาซานญาเป็นพิเศษ สปาเกตตี้เองเธอก็ดูชอบจนต้องสั่งจานของตัวเองมา แตกต่างจากอาร์เจนตาที่มือกำส้อมกับมีดไว้แน่น สายตาสอดส่องอาหารบนโต๊ะ แต่ไม่ได้ตักอะไรไปนอกจากพิซซ่าส่วนแรกเท่านั้น
จริงสิ ผมเพิ่งนึกได้ว่าเมื่อวานตอนเราเดินเที่ยวในรอบสั้น ๆด้วยกัน ก็ไม่เห็นเธอให้ความสนใจอะไรเลยนอกจากพิซซ่า บางทีเธออาจจะไม่ชอบกลิ่นของพวกมันก็ได้
และบางที เธออาจจะไม่สามารถสั่งเมนูอื่นได้ เพราะเธอเองก็อ่านภาษาของที่แห่งนี้ไม่ออก แตกต่างจากผมที่มีพรจากเทพธิดาทำให้อ่านได้ทุกภาษาและลูน่าที่น่าจะเคยอาศัยอยู่ที่เมืองนี้
แต่ผมเองก็ใช่ว่าจะเชี่ยวชาญอาหารสไตล์อิตาเลียนมากนัก คนที่ผมพึ่งพาได้ในตอนนี้คงเป็นลูน่าที่คุ้นชินกับร้านนี้มากที่สุด
“เอ่อ ลูน่า…”
“หือ มีไร”
รู้สึกเหมือนระยะห่างในความสัมพันธ์ของเราลดลงมาเร็วแปลกๆ คำพูดคำจาของเธอเหมือนเป็นกันเองมากขึ้นเมื่อเทียบกับสองสามวันก่อน
เกิดอะไรขึ้นในใจเธอหรือเปล่านะ เป็นคำถามที่สร้างขึ้นมาในใจ แต่ไม่ได้ถามออกไป
“เอ่อ สลัด มีอะไรพวกนี้มั้ย อาหารที่ทำจากผักเป็นหลัก”
“อ้อ พวกสลัดสินะ…”
ผมเองก็ไม่รู้ว่าอาร์เจนตาจะชอบทานอาหารประเภทสลัดหรือไม่ ตอนอยู่ที่บ้านผมก็ไม่ได้สังเกตเธอมากนัก นึกโทษตัวเองอยู่เหมือนกัน ทั้งที่ปกติแล้วเธอก็นั่งตรงกันข้ามกับผมแท้ๆเชียว
แต่จากการสังเกต ยังขาดอาหารประเภทไฟเบอร์หรือก็คืออาหารที่เน้นผักเป็นหลัก การเดิมพันนี้จึงเป็นการเดาใจว่าอาร์เจนตาจะไม่ถูกกับอาหารอิตาเลียนหรือว่าไม่ถูกกับประเภทอาหารหนักๆบนโต๊ะกันแน่
รวมถึง ผมต้องฝากให้เป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญอย่างลูน่าด้วย ได้แต่คาดหวังว่าเธอจะอ่านความต้องการผมออก
“ขอรับคาเปรเซ่สลัดกับปันซาเนลล่าเพิ่มค่ะ”
หลังจากเรียกพนักงานของร้าน เธอก็สั่งอย่างคล่องแคล่วเหมือนเคย ส่วนพวกผมได้แต่งุนงงกับชื่อเมนูที่ไม่คุ้นหู
ไม่นานนัก เมนูทั้งสองก็ถูกวางบนโต๊ะ
จานแรกคือคาเปรเซ่ สลัดประดับประดาด้วยสีแดงฉ่ำของมะเขือเทศวางเรียงกันเป็นวงกลม เหนือมะเขือเทศมีมอสเซล่าชีสที่หั่นเป็นแว่นขนาดพอดีกับวงของมะเขือเทศ เหนือชีสมีใบสีเขียวแสนคุ้นตา พอได้กลิ่นจึงนึกออกว่ามันคือใบโหระพา และราดด้วยน้ำมันมะกอก
จานที่สองคือปันซาเนลล่า ขนมปังสีทองกรอบกระจายตัวทั่วจาน แซมด้วยมะเขือเทศชิ้นเล็กและผักใบเขียวที่เสริมความโดดเด่นของกันและกันได้ดี นอกจากนี้ยังมีหัวหอดแดงซอยบางๆกระจายตัว หากไม่มองให้ดีก็คงไม่เห็น ใบโหระพาสีเขียวโรยด้านบน ส่งกลิ่นเปรี้ยวอมหวานควบคู่กับน้ำมันมะกอกและของเหลวปริศนาที่ราดทับเหล่าพืชผักอย่างบางเบา พอได้เห็นหน้าตาจึงมั่นใจขึ้นมาว่าผมรู้จักอาหารจานนี้ เพียงแต่ไม่เคยรู้ชื่อมันมาก่อน
พออาร์เจนตาจับส้อม ผมก็กลืนน้ำลายก้อนใหญ่ลงคอ
พออาร์เจนตานำอาหารเข้าปาก หัวใจก็เต้นรัว พลางภาวนาให้อาหารจานนี้ถูกใจเธอ
ไม่มีการตอบรับใดๆกลับมา แต่ว่าเธอก็ตักคำที่สองและคำที่สามแทบจะในทันที
พอเห็นเช่นนั้น ผมกับลูน่าจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
อย่างน้อยมื้อนี้ก็ไม่มีใครนึกเสียใจที่ได้เข้ามาในร้านนี้ เป็นผลดีต่อทั้งตัวเองและเจ้าของร้านที่อุตส่าห์ตั้งใจทำอาหารระดับนี้มาให้
อาหารบนโต๊ะพร่องลงไปตามกาลเวลาที่ไหลผ่าน หลังจากทุกคนเริ่มที่จะหนังท้องตึงกันแล้ว ลูน่าก็สั่งพานาคอตต้าและทีรามิสุมา
ในฐานะที่ผมเป็นคนที่ชอบของหวานจำพวกนี้ ย่อมยินดีที่จะรับประทานเข้าไปเพิ่มเติมแม้หนังท้องจะเริ่มทักท้วงแล้วก็ตาม
“ท่านชิน”
อาร์เจนตาเรียกชื่อผมด้วยเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบ ผมหันไปมองเธอก็เห็นว่าตอนนี้เธอขยับเก้าอี้มานั่งใกล้ผมจนแทบไหล่จะชนกัน
“เอ่อ มีอะไรเหรอครับ”
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร”
…
ฉันไม่ได้ชอบทานผักมากนัก แต่ฉันก็รู้ว่าทั้งชินและลูน่าดูเป็นกังวลกับเรื่องขอฉันที่ทานมื้อนี้ไม่ค่อยได้
ในจานของฉันตอนนี้มีแต่อาหารที่ถูกเรียกว่าพิซซ่าวางเอาไว้ อาหารชิ้นนี้เอง ฉันก็ไม่ได้ชอบมากมายนัก เพียงแต่ฉันเห็นมันแล้วนึกถึงเมื่อวานที่ได้เดินกับเขาเพียงสองคน สีหน้าของเขายามเลือกหน้าพิซซ่าอย่างตั้งใจนั้น ทำให้ฉันอดอมยิ้มไม่ได้
ถึงแม้ว่าอาหารอื่นๆมันจะดูหน้าตาอร่อยจนเด็กที่ชื่อเอรี่ กับชินดูชื่นชอบกับมันสมราคาที่ลูน่าบอกว่าเป็นร้านโปรดแค่ไหน แต่ฉันกลับไม่รู้สึกเห็นคล้อยตามด้วยเลยแม้แต่เศษเสี้ยว
ทว่า เพื่อคลายความกังวลของทั้งสองคนที่อุตส่าห์เป็นห่วงฉัน เรื่องแค่นี้…
ฉันใช้ส้อมจิ้มลูกโทมาโทสีแดงสดขนาดจิ๋วเข้าปาก รสชาติเปรี้ยวนำหวานของผลไม้และความชุ่มฉ่ำแพร่กระจายภายในปาก พร้อมกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวราวกับเกิดมาเพื่อต้อนรับรสนิยมด้านอาหารของมนุษย์บางกลุ่มกระจายไปทั่วปาก รสชาติไม่เลว ด้านกลิ่นเองก็มีซอสที่ปรุงร่วมกันทำให้กลบกลิ่นที่ฉันไม่ชอบไปได้พอสมควร
ถ้าฉันกล่าวขอบคุณเขาตอนนี้ เขาจะตอบสนองอย่างไรนะ…
นี่ฉันเพิ่งแอบคิดจะหยอกเขาเหมือนเด็กๆใช่หรือเปล่า?
ชักเข้าใจวิเวียนขึ้นมาบ้างแล้ว แต่จะให้ไปสัมผัสแตะเนื้อต้องตัวแบบที่คนอื่นทำ คงเป็นไปได้ยากสำหรับฉัน อย่างน้อยในตอนนี้ก็มั่นใจว่าตัวเองทำไม่ได้
ถ้าเป็นแค่ที่นั่ง ให้แค่ไหล่ชนกันก็คงพอไหว
“ท่านชิน”
“เอ่อ มีอะไรเหรอครับ”
เขากะพริบตาหนึ่งครั้ง เอียงคอมองฉันเหมือนมอนส์เตอร์ตัวเล็กๆที่ไม่เข้าใจว่าตัวเองมีอะไรดี ทำไมคนจึงมองพวกมันอย่างรักใคร่เอ็นดู สีหน้าฉายแววลังเล เขาคงสับสนและไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงเรียกเขา
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร”
ดีแล้ว ที่เขาไม่เข้าใจและตัดสินใจไม่ถามอะไรไปมากกว่านั้น…
MANGA DISCUSSION