ที่นั่งแปดที่รอบโต๊ะอาหารเหมือนแบ่งเป็นสองฝั่ง ซีกซ้ายคือฝั่งของบ้านเฮนริค ลูเมนฮอฟ ส่วนซีกขวาคือฝั่งของพวกเรา คนของบ้านเอเวอร์ไลท์ โดยที่หัวโต๊ะมีเก้าอี้ว่างตั้งอยู่ บางทีคงไม่มีใครคิดไปนั่งด้วยเหตุผลสองประการ คือ หนึ่ง เพราะต่างฝ่ายต่างเป็นคนใหญ่คนโตด้วยกันทั้งคู่ และอีกเหตุผลอาจเป็นเพราะธรรมเนียมที่เฮนริคยึดถือปฏิบัติในฐานะที่มองว่าตัวเองเป็นเพียงพ่อค้า จึงให้ความเคารพกับคู่สนทนาที่มีศักดิ์พอกับตนไว้ก่อนก็ได้
“ไม่คิดเลยนะครับว่าบ้านเอเวอร์ไลท์จะมีสมาชิกเป็นผู้ชายด้วย”
ระหว่างการรับประทานมื้อเย็น เฮนริคก็เอ่ยถามขึ้นมา แม้ริมฝีปากจะบิดเป็นรอยยิ้มอันเป็นมิตร ทว่าดวงตาที่คมกริบประดุจสัตว์ล่าเนื้อจับจ้องมาที่ผมกลับเต็มไปด้วยความเย็นชา ราวกับจะจู่โจมผมผู้ซึ่งเป็นจุดอ่อนของฝั่งเอเวอร์ไลท์ ถ้อยคำที่ออกมาหลังจากนี้คงคล้ายการกล่าวหาและกล่าวโทษที่ตัวตนของผมซึ่งผิดแปลกอยู่กลายๆ
บางทีเขาคงนึกเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของผมกับคนในบ้าน หากกุมจุดอ่อนของคู่สนทนาได้ คงได้เปรียบในการพูดคุยต่อจากนี้
หรือบางที เฮนริคอาจจะเอาจุดอ่อนในความสัมพันธ์นั้นมาเล่นงานหรือข่มขู่เพื่อไม่ให้วิเวียนเข้าไปขัดแข้งขัดขาเขาก็ได้
แต่ทางวิเวียน ไม่ได้แสดงท่าทีเกรงกลัวต่อคำพูดของอีกฝ่าย เธอยิ้มและกล่าวว่า
“ในประเด็นเรื่องของครอบครัว หากทั้งบ้านมีแต่ลูกสาว ผู้ชายเพียงคนเดียวในบ้านคือคนเป็นพ่อ แบบนั้นก็ยังถือว่าเป็นครอบครัว ชินเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งในบ้าน เขาอยู่ในฐานะสมาชิกของครอบครัวเอเวอร์ไลท์ของดิฉัน ดิฉันคิดว่าคนที่พยายามค้นหาความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดของเขากับคนในบ้าน น่าจะเป็นคนที่แปลกน่าดู ว่ามั้ยคะ”
เรื่องที่เธอยกตัวอย่างคงเป็นเรื่องราวชองครอบครัวตรงหน้า ผู้ชายหนึ่ง หญิงสาวสามคน ตรงกันกับทั้งสองฝ่าย เธอพยายามจะบอกว่าการที่ผมนั่งอยู่ตรงนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ว่า…
“ในทางกลับกัน ถ้าอาศรมที่มีแต่ผู้หญิง แต่จู่ๆกลับมีเด็กผู้ชายปรากฏตัวขึ้นมา หากประชาชนทั่วไปรู้ จะไม่เป็นข้อครหาหรอกเหรอครับ”
อีกฝ่ายเองก็ดูไม่มีทีท่าจะลดราวาศอกกับประเด็นตัวตนที่อยู่ผิดที่ผิดทางของผมเช่นกัน
“หากเป็นเรื่องนั้น ดิฉันไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร หากไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ดิฉันก็อยากเล่าเรื่องตำนานสองวีรชนให้ฟัง เผื่อคุณจะได้เข้าใจศาสนาของเรามากขึ้น ดีมั้ยคะ?”
หากเป็นเรื่องศาสนา คงไม่มีใครที่จะเถียงชนะตัวแทนของศาสนาอย่างวิเวียนได้ แต่คำโต้แย้งของเธอเต็มไปด้วยช่องโหว่ หากเป็นผมล่ะก็…
“หากทางท่านวิเวียนที่เป็นถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์ ยืนยันว่าไม่ผิด ทางกระผมก็หมดปัญญาที่จะค้านความเห็นของท่าน”
เป็นไปตามที่ผมคิด การเถียงกันในเรื่องศาสนากับคนที่มันมีจุดยืนต่างกันมันค่อนข้างเปล่าประโยชน์ ดังนั้นการตัดประเด็นนี้ไปเพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศของการต้อนรับย่อมดีกว่า
เสียงช้อน ส้อมและมีดกลับมาเป็นเสียงหลักบนโต๊ะอีกครั้ง
ในขณะที่เฮนริคจับจ้องผมเป็นระยะๆ แต่คนที่ดึงดูดความสนใจของผมไปจนหมด ไม่ใช่คนเป็นพ่อ กลับเป็นลูกสาวทั้งสองคนของเขา
ทั้งคู่เป็นคนหน้าตาดี สามารถกล่าวชมเชยด้วยคำว่าสวยหรือน่ารักก็ได้ ไม่ว่าคำไหนก็สามารถกล่าวได้อย่างเต็มปาก แต่สิ่งที่ผมรู้สึกตะขิดตะขวงใจมากที่สุดก็คือ พวกเธอคือคนที่ผมรู้จักหรือคือคนหน้าเหมือนกันแน่
หากถามความคิดเห็นของผมในตอนนี้ ที่ถึงแม้ยังไม่มีข้อสรุปที่คงที่ แต่ความคิดของผมค่อนข้างเอนเอียงไปทางความคิดเห็นแรก
ทั้งสองคนคนที่ผมรู้จัก
ด้วยเหตุผลสองประการคือ ลูน่า เหมือนเธอพยายามมองมาที่ผมเพื่อสื่อสารบางอย่าง และเพราะผมนั่งตรงกันข้ามกับเธอ ก็เลยรู้สึกเหมือนโดนปลายเท้าเธอเตะใส่เป็นสัญญาณบางอย่างที่ผมไม่สามารถเข้าใจได้
อีกข้อ คือ เอรี่
ผมจำชื่อของเธอได้ แม้ใบหน้าของเธอจะมีการเปลี่ยนแปลงไปนิดหน่อยก็ตาม
เธอเองก็พยายามมองผมเป็นระยะ เช่นเดียวกับเฮนริค แต่ด้วยสายตาและการรับรู้ต่อตัวตนของผมที่แตกต่างกัน
“นี่ พ่อหนุ่มน้อย”
เสียงหวานกล่าวทัก ผมหันไปมองตามที่มาก็พบหญิงสาวผู้สง่างามกำลังส่งยิ้มให้ผม
ตอนที่แนะนำตัว เฮนริคแนะนำตัวเธอในฐานะภรรยา ผิวพรรณของเธอดูเปล่งปลั่ง ใบหน้าที่อมยิ้มเหมือนหญิงสาวในห้วงความสุขตลอดเวลานั้นทำให้ผมแอบคิดในแง่บวกว่าบางทีเฮนริคคงเป็นสามีที่ดีไม่น้อย
“หืม สนใจลูกสาวของพวกเราเหรอ”
คนต่อมาที่ทักคือตัวเฮนริคเอง ส่วนตัวผมเริ่มคิดในใจว่าสถานการณ์ชักพาไปในทางที่แย่ลง และสายตาของทั้งโต๊ะก็จับจ้องมาที่ผมเป็นทางเดียวกัน
“เอ่อ เปล่าครับ ไม่มีอะไร”
โชคดีที่ผมยังพอตอบปัดไปได้… แต่นั่นก็เป็นเพียงความคิดที่เกิดขึ้นได้ไม่กี่วินาที
เพราะคำพูดของเฮนริค ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดลงไปอีก
“ไหนๆเขาก็ดูสนใจลูกสาวของทางเรา หากท่านวิเวียนไม่มีปัญหาอะไร สนใจปรองดองเป็นหนึ่งเดียวกับลูเมนฮอฟหรือไม่ หากท่านสนใจ ทางเราสัญญาจะช่วยพวกท่านในการเผยแพร่ศาสนาควบคู่ไปกับการค้าขายไปในตัว”
ผมมองวิเวียนที่หันมามองหน้าผมแวบหนึ่ง หากการสังเกตไม่ได้ผิดพลาดเหมือนเธอจะยิ้มให้ผมเหมือนอยากบอกให้ไว้ใจเธอได้ ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายและตอบกลับ
“ศาสนารูเทียน นิยมให้คู่รักคบหากันตามความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย ถ้าชินของเราและลูกสาวของคุณเห็นพ้องต้องกัน ดิฉันก็ไม่ขัดข้องในการคบหาครั้งนี้แต่อย่างใด”
“ถ้าเช่นนั้น…”
เฮนริคพูดช้าๆ ได้ยินเสียงเขาผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะกล่าวต่อว่า
“กระผมอยากเสนอให้ทั้งสองฝ่ายลองพบเจอกันเป็นการส่วนตัวสักครั้งดีไหม อย่างไรพรุ่งนี้ท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็มีกำหนดการพบปะผู้คนอยู่แล้ว หากมีเด็กผู้ชายไปโผล่ในขบวนการเดินของท่าน คงดูไม่ดีไม่ใช่หรือ”
เกิดความเงียบขึ้นมาไม่ถึงสองวินาที แต่บรรยากาศในห้องกลับอัดแน่นไปด้วยความกดดัน สายตาทั้งหมดจับจ้องมาที่ผมกับวิเวียน แน่นอนว่าตัวผมเองกำลังคาดหวังคำตอบที่ช่วยกู้สถานการณ์นี้ได้อยู่จากเธอเช่นกัน
แต่ว่า
“ดิฉันไม่คิดว่าหากมีชินร่วมในขบวนจะแย่แม้แต่น้อย แต่ถ้าหากทางคุณกังวลเช่นนั้น ทางเราก็ยินดีจะรับฟังข้อเสนอของพวกคุณ ชิน พรุ่งนี้เธอมีนัดแล้วนะ”
“ห หา อ่ะ เอ่อ ครับ”
เดาใจของวิเวียนไม่ออกเลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่หากเธอกล่าวเช่นนั้นมา ผมคงต้องตามน้ำไปก่อนสินะ?
หวังว่าผมจะเลือกทางไม่ผิด แต่ก็แปลว่าพรุ่งนี้ผมต้องมาอยู่กับลูน่าและเอรี่ตลอดระยะเวลาที่วิเวียนทำธุระในฐานะของสตรีศักดิ์สิทธิ์
“แต่ ทางเรามีข้อแม้หนึ่งประการนะคะ”
ข้อเรียกร้องของวิเวียนยังคงไม่หมด เมื่อหันไปมองใบหน้าด้านข้างของเธอ มุมปากข้างหนึ่งของเธอยกขึ้นเล็กน้อย แต่สีหน้าไม่ลดละความมั่นใจ ผมจึงพอคลายความกังวลไปได้บ้างว่าแผนการของเธอยังคงไม่มีอะไรผิดพลาด อย่างน้อยก็สำหรับเธอแล้ว แผนนี้ยังคงอยู่ในจังหวะการเดินที่เธอคิดเอาไว้
มื้อเย็นดำเนินไปด้วยความรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วแผ่นหลัง ผมรู้สึกหายใจได้ไม่ทั่วท้องอย่างไรชอบกล
อาหารที่อยู่ตรงหน้า สามารถเรียกได้ว่าอาหารราคาแพง จนแม้แต่บ้านเอเวอร์ไลท์ก็ยังเทียบไม่ติด แต่มื้อนี้ผมกลับไม่สามารถรับรู้รสชาติใดๆได้เลย รวมถึงบทสนทนาหลังจากนี้ แม้จะมีเสียงหัวเราะของทั้งสองฝ่าย แต่กลับไม่มีถ้อยคำใดๆที่ผมสามารถจับใจความได้
พรุ่งนี้ ผมมีสิ่งที่ต้องทำ ไม่แน่ใจนักว่าสิ่งที่เธอต้องการคืออะไรกันแน่ แต่ผมเองก็อยากตอบสนองเป้าหมายของเธอให้ได้จึงยอมทำตามโดยไม่ปริปากบ่น ที่สำคัญผมเองก็มีเรื่องที่อยากจะถามทั้งลูน่าและเอรี่อยู่เยอะแยะเต็มไปหมดเช่นกัน
ขากลับ พ่อบ้านชรารับหน้าที่นำทางเช่นเดียวกับขามา
ไลล่าเดินแยกตัวออกไป นำรถม้าที่จอดไว้มารับพวกเรากลับไปยังที่พักซึ่งใช้ระยะเวลาไม่นานก็ถึงที่หมาย
หลังแต่ละคนแยกย้ายเข้าห้อง ผมก็อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อเตรียมตัวเข้านอน แต่ในตอนนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
ผมกำลังจะเดินไปเปิด แต่ภาพของอาร์เจนตาที่มาหาผมเมื่อหลายชั่วโมงก่อนยังคงติดค้างอยู่ในหัว มือที่ยื่นออกไปจะจับลูกบิดจึงค้างเอาไว้เหมือนคนไม่กล้าลงมือทำ จนกระทั่งเสียงจากอีกฝั่งเรียกสติของผมกลับมา
“ชิน เป็นอะไรหรือเปล่า?”
เป็นเสียงของวิเวียนที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง ผมรีบตอบกลับไปว่า เปล่าครับ แล้วเปิดประตูต้อนรับแขกยามค่ำคืน
ตรงหน้าของผมมีวิเวียนในชุดนอนสีขาวตัวยาว ชวนให้นึกถึงหนังผีที่มักมีผีผู้หญิงปรากฏตัวในชุดประมาณนี้ แต่แตกต่างกันตรงที่วิเวียนสวยกว่าและงดงามกว่าจะเป็นผีได้
“ชุดนอนตัวใหม่ เหมือนผีเลยว่ามั้ย”
เธอเองก็คงรู้ตัว หากเธอย้อมผมเป็นสีดำแล้วเอามาปิดหน้าปิดตาก็คงได้อยู่หรอก…
“ไม่หรอกครับ ผีไม่หน้าตาดีขนาดนี้หรอก”
“เก็บไว้ชมอาร์เจนตากับสองสาวพรุ่งนี้เถอะ”
เธอกล่าวพลางหัวเราะ ก่อนจะใช้เรี่ยวแรงของตนที่มีมากกว่าเด็กผู้ชายอย่างผมผลักดันให้ผมเข้ามาในห้องพร้อมๆกันกับเธอ
“ขอคุยด้วยได้ใช่มั้ย”
“ไม่ใช่ว่าต้องขอก่อนเข้ามาหรอกเหรอครับ…”
ถ้าใช้เรี่ยวแรงบังคับกันขนาดนี้ก็ไม่ต้องขอแล้วหรือเปล่านะ?
และต่อให้ผมตอบว่าไม่ได้ เธอก็คงไม่เลือกที่จะกลับไปยังห้องตัวเองดีๆหรอก
เธอเดินไปนั่งลงบนเตียง เป็นเตียงที่ใหญ่เกินกว่าเด็กผู้ชายคนหนึ่งจะนอนคนเดียวได้ หรือต่อให้มีวิเวียนเพิ่มมาอีกสักคน มันก็ยังพอเหลือพื้นที่ให้กลิ้งไปมาได้
วิเวียนทิ้งตัวลงนอน โดยที่เท้ายังคงแตะพื้น แขนสองข้างแผ่หลาออกไป แถมถอนหายใจเสียงดังซ้ำตามมา
“เหนื่อยหรือเปล่า ชิน”
“เหนื่อยสุดๆไปเลยครับ และไม่คิดว่าจู่ๆผมก็มีกำหนดการณ์กะทันหันแบบนี้”
“อย่างน้อยฉันก็ตั้งข้อแม้ให้อาร์เจนตาตามไปคุ้มครองเธอได้แล้ว ถือว่าหมดห่วงได้เปลาะนึงล่ะนะ”
เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มแห่งความโล่งใจ ผมเดินไปยืนข้างๆเธอ แล้วส่ายหน้าให้กับการปล่อยเนื้อปล่อยตัวของเธอที่มีมากจนเกินไปทุกทีที่มาหาผม
หากเป็นเมื่อสักหนึ่งปีก่อน ผมคงทำตัวไม่ถูก แต่ไม่ใช่กับเธอในตอนนี้อย่างแน่นอน
“เอาล่ะ เข้าเรื่องกันดีกว่า”
วิเวียนกระแอมไอออกมาเพื่อปรับบรรยากาศของตัวเอง ก่อนจะเปลี่ยนจากนอนมาเป็นทางนั่งแล้วหันมามองผม
“พรุ่งนี้ ฝากดึงความสนใจของทางนั้นด้วยนะ”
“ดึงความสนใจเหรอครับ?”
“ใช่ ฉันต้องทำหน้าที่ในฐานะสตรีศักดิ์สิทธิ์ชั่วคราว ส่วนไลล่าจะทำหน้าที่สืบหาข้อมูลภายในอควาเดียแบบลับๆ”
“ผมมีเรื่องที่สงสัยอยู่หนึ่งอย่างครับ”
“ว่ามาสิ”
ร่างของผมถูกเธอดึงลงไปนั่งข้างๆ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากกว่านั้น เราต่างสัมผัสถึงอุณหภูมิอันอบอุ่นของอีกฝ่ายได้ผ่านไหลที่สัมผัสกัน
“คุณมาที่นี่เพราะมั่นใจว่าคุณเฮนริคเป็นคนที่คุณตามหาใช่มั้ย”
“ใช่สิ ทำไมเหรอ?”
“ตอนนี้เขาเป็นพ่อของลูน่าและเอรี่ ถ้าหากเราจับเขาไป ครอบครัวของพวกเขาจะเป็นยังไงเหรอครับ?”
คำถามของผมก่อให้เกิดความเงียบอยู่ชั่วขณะ สิ่งที่ผมได้ยินจากรอบตัว ณ ตอนนี้มีเพียงเสียงลมหายใจเข้าออกของผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสตรีศักดิ์ศรีที่ตอนนี้กำลังปล่อยตัวตามสบายอยู่ข้างกายผม
แม้จะผ่านไปเกือบนาทีตามความรู้สึกผมแล้ว แต่ก็ยังไม่มีคำตอบจากเธอ
ผมกระเถิบถอยห่างจากตำแหน่งที่เดิมมาเล็กน้อย เป้าหมายก็เพื่อจะมองหน้าเธอให้ได้ชัดๆ
“คุณวิเวียน คงไม่ได้คิดว่าการรับมาอยู่บ้านเอเวอร์ไลท์จะเป็นทางออกของทุกอย่างใช่มั้ยครับ?”
“อื้อ ครั้งนี้เธออ่านใจฉันออก แพ้หมดรูปเลยจริงๆ”
“คุณเฮนริคเขาทำความผิดอะไรไว้กันแน่ครับ ไม่ใช่ว่าพวกเรามาเพื่อจัดการปัญหาของพวกเผ่ามารเหรอครับ?”
“คบค้าสมาคมกับเผ่ามาร หลักฐานที่ชัดเจนก็คือพ่อบ้านคนนั้น…”
สายตาวิเวียนเปลี่ยนไป ในยามปกติเธอคือหญิงสาวที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของผู้หญิงที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แววตาของเธอมักล้นด้วยความมั่นใจราวกับผู้มีชัยบนกระดานเกม แต่จะมีไม่กี่ครั้งที่ผมเห็นสายตาของเธอหวั่นไหว ครั้งนี้คงเป็นหนึ่งในนั้น
“พ่อบ้านคนนั้น คือคนติดต่อเหรอครับ?”
“ไม่ ฉันได้กลิ่นเผ่าปีศาจจากตัวของเขา เขาคือปีศาจ”
“แต่ก็ยังเป็นไปได้ที่คุณเฮนริคจะไม่รู้เรื่องไม่ใช่เหรอครับ”
ฟังดูแล้วเหมือนผมพยายามหาข้อแก้ตัวให้กับบ้านฝั่งนั้น แต่ผมเองก็มีความยุติธรรมในตัวเองเพียงพอที่จะไม่เอนเอียงเข้าข้างฝ่ายตัวเองแบบไม่ลืมหูลืมตา
วิเวียนเองก็คงเป็นคนเช่นนั้น เธอจึงพยักหน้าน้อยๆให้กับคำพูดของผม
ทว่าเธอเองก็มีจุดยืนของเธอเช่นกัน
“เพราะฉะนั้น พรุ่งนี้ถึงต้องรวบรวมหลักฐาน ถ้าได้ข้อมูลอะไรมา เราค่อยมาคุยกันต่อในคืนต่อไปนะ”
รอยยิ้มของเธอดูหมดแรงชอบกล หรือการที่ผมไม่เห็นด้วยกับเธอจะเป็นต้นเหตุ? ไม่หรอกมั้ง ไม่ใช่ครั้งแรกที่ความเห็นของผมไม่ลงรอยกับเธอสักหน่อย
หรือบางที มันอาจจะไปจี้จุดอ่อนบางอย่างของเธอเขาพอดีก็ได้
เป็นค่ำคืนที่ผมและเธอจากกันด้วยท่าทีที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก
“ราตรีสวัสดิ์นะ ชิน”
“เดี๋ยวก่อนครับ”
ในตอนที่เธอจะบอกลา ผมกลับเป็นฝ่ายรั้งแผ่นหลังของหญิงสาวเอาไว้
ผมทำอะไรของผมกันแน่นะ?
อยากถามตัวเองเหลือเกิน แต่เวลาไม่ได้มีมากนัก วิเวียนที่หยุดเดินคงไม่หยุดรอได้ทั้งคืน ผมจึงจำเป็นต้องรวบรวมความกล้า ณ ตรงนี้ ณ เดี๋ยวนี้เพื่อกล่าวอะไรก็ได้ออกไป เพื่อให้เธอรับรู้ว่าผมยังคงรู้สึกดีกับเธอ ในฐานะครอบครัวคนหนึ่ง
“ฝันดีนะครับ”
เป็นคำสั้น ๆ ที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่แน่ใจว่ามันจะช่วยกู้สถานการณ์ได้หรือไม่
แต่วิเวียนก็หยุดอยู่แค่นั้น ยังคงไม่ลุกไปไหน ไม่สิ ตอนนี้เธอไม่เปลี่ยนจากท่านั่งท่าเดิมด้วยซ้ำ
ก่อนที่อีกไม่กี่วินาทีถัดมา เธอจะเอ่ยถามกับผมว่า
“หลับตาก่อนได้มั้ย”
“อ อืม ได้ครับ”
หากผมเผลอไปจี้จุดอ่อนของเธอเขา ผมเองก็อยากขอโทษและความรู้สึกนั้นมันก็ก่อตัวเป็นความรู้สึกผิด ครั้งนี้ผมจึงทำตามที่เธอบอกโดยไม่ตั้งคำถาม
และแล้ว กลิ่นหอมก็จู่โจมผมที่หลับตาโดยไม่ทันตั้งตัว
สัมผัสนุ่มนิ่มที่ใบหน้า ผมระบุชัดเจนได้ว่าคือหน้าอกของหญิงสาวที่ตอนนี้ไม่ยอมให้ผมลืมตา
ผมตกอยู่ในอ้อมกอดแน่นขนัดที่รัดตัวผมไว้จนแทบหายใจไม่ออก พอร่างกายเริ่มประท้วงด้วยเหตุอันมาจากความอึดอัดที่ก่อตัวในอก ก็เหมือนสัมผัสได้ว่าวิเวียนค่อยๆคล้ามอ้อมกอดออกพร้อมกระซิบบอกไม่ให้ผมลืมตาจนกว่าเธอจะอนุญาต
“ขอได้ยินอีกสักคำก่อนจะไปได้มั้ย”
“ถ้าไม่ใช่คำแปลกๆ ก็พอได้อยู่ครับ”
ผมยังคงหลับตาอยู่ จึงไม่เห็นว่าตอนนี้เธอกำลังทำสีหน้าแบบไหน แต่ได้ยินเสียงของเธอหัวเราะเบาๆจึงคาดเดาเอาเองว่า บางทีเธอคงยิ้มซุกซนอยู่เป็นแน่
“คำถาม คืนนี้ฉันดูเป็นยังไงบ้าง”
ถามจริงหรือถามเล่นกันนะ…
แต่อย่างไรก็ตาม คำตอบของผมก็ยังคงเหมือนเดิม
“ไม่มีผีที่ไหนจะหน้าตาดีขนาดนี้หรอกครับ”
“แล้วถ้าฉันเป็นผีจริงๆล่ะ”
อุตส่าห์จะเลี่ยงไม่ชมแล้วเชียว แต่กว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองตกหลุมพรางของวิเวียนเข้าให้ก็เป็นเวลาที่สายเกินไปเสียแล้ว
ผมจึงได้แต่ถอนหายใจออกมา และแสดงความเห็นออกไปตามตรง
“ครับๆ ถ้าเป็นคุณเป็นผีล่ะก็ คงเป็นผีที่สวยที่สุดในโลกเลย”
แล้วผมก็โดนจิ้มแก้มที่ตอนนี้คงย้อมด้วยสีแดงจางๆ ชนิดที่หากไม่สังเกตก็คงมองไม่เห็นเป็นจุดเด่นชัด
“เอ้า ฉันได้หนึ่งแต้มแล้วนะ”
ได้ยินเสียงของเธอกระซิบก่อนที่ร่างของผมจะถูกผลักลงบนเตียง
ค่ำคืนนั้นไม่มีคำสั่งให้กลับมาลืมตาได้อีกครั้งของเธอ แต่ผมก็ไม่คิดจะลืมตาขึ้นมาอีก ราวกับคนที่หวาดกลัวในความคิดที่เกิดขึ้นภายในหัวของตัวเอง
ดูเหมือนว่าอาการใจเต้นของผมตอนโดนเธอหยอกล้อที่ห่างหายไปนานจะวนกลับมาอีกครั้ง ผมคงประมาทเธอเกินไป
กลิ่นของเส้นผม เสื้อผ้า และร่างกายของเธอ ยังคงหลงเหลือเป็นหลักฐานว่าเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ตัวตนของเธอและผมแนบชิดติดกัน ภายในห้อง บนพื้นที่เตียงอันกว้างใหญ่เกินกว่าจะนอนคนเดียวหลังนี้
ผมเอามือสัมผัสหน้าอก ในคืนนั้นผมปล่อยให้ตัวเองหลับลงไปโดยที่ตัวแทนของตัวตนของหญิงสาวยังคงลอยละล่องทั้งในความทรงจำและภายในห้องแห่งนี้
MANGA DISCUSSION