ตอนที่ 22 อาร์เจนตา 2
ในค่ำคืนที่สายลมพัดอ่อนๆ ชายคนหนึ่งวิ่งท่ามกลางเมืองยามค่ำคืน คืนนี้เขาได้หลักฐาน ได้ข่าวที่จะไปนำเสนอแก่กิลด์
ความลับของผู้ชายที่ชื่อเฮนริค – พ่อค้าผู้ทรงอำนาจมากที่สุดใน อควาเดีย ตอนนี้เขารู้ความลับของผู้ชายคนนั้นแล้ว
กิลด์ต้องได้รู้เรื่องนี้ ต้องฉีกกระชากหน้ากากผู้ดีจอมปลอมของมันออกมา ดึงมันลงมาจากบัลลังก์ ทำลายชีวิตของมัน เหมือนที่มันทำ เขาคิดแต่เรื่องพวกนั้น จนไม่ได้ระวัง
ปัง
ได้ยินเสียงบางอย่างถูกกระแทก กว่าจะรู้ตัวร่างกายนั้นก็โดนชกจนกรามหลุด
เลือดกระเซ็นเป็นสายจากปาก เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดราวกับอวัยวะถูกตัดขาด น่าเสียดายที่มันดังเพียงในความคิดของเขาเท่านั้น
ทั้งใบหน้าของเขาตอนนี้ถูกบีบอัด ด้วยมืออันทรงพลังเพียงข้างเดียว
มือกำยำจับร่างชายคนนั้นขึ้นมา และบีบที่ปากอย่างแรง ก่อนจะมีเสียงดัง โผละ ตามมา
“การทดลองประสบผลสำเร็จสินะ”
ชายผมสีฟ้า – เฮนริคเดินออกมาจากเงามืด ข้างกายเขาคือชายที่เพิ่งสังหารหนอนที่เข้ามาล้วงความลับไปได้อีกหนึ่งคน
ร่างไร้วิญญาณของเหยื่อคนล่าสุดถูกห่อด้วยผ้าสีขาว ชายแก่ในชุดพ่อบ้านที่เดินตามมาแล้วหยดของเหลวสีฟ้าลงบนพื้น
เลือดที่เปื้อนบนท้องถนนส่งเสียงดัง ฟู่ ไอสีขาวลอยขึ้นเหนือพื้นอิฐสีน้ำตาล ก่อนที่ของเหลวสีแดงจะจับตัวกันเป็นก้อน
ร่างใหญ่เคียงข้างชายชราก้มหยิบก้อนเลือดนั้นขึ้นมาสูดดม ก่อนที่จะเอามันเข้าปากและกลืนไป
“หมายเลข 9 อย่ากินตรงนี้ เอากลับไปกินที่บ้านซะ”
พ่อบ้านออกคำสั่ง ร่างสูงใหญ่หายใจฟึดฟัดแสดงไม่ความพอใจออกมา สะบัดหัวไปมา แต่ท้ายที่สุดมันทำตามคำสั่ง มันเดินหายไปในซอยมืดๆพร้อมกับร่างไร้ชีวิตของหนอนบ่อนไส้ที่แบกขึ้นบ่า
ณ ที่ตรงนั้น เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น กลิ่นคาวเลือดที่ลอยในอากาศจางๆค่อยๆถูกกลบด้วยสารเคมีประหลาดที่ถูกรินรดลง แม้จะเหม็นจนชวนนิ่วหน้า แต่ก็สามารถทำลายหลักฐานได้จนไม่เหลือร่องรอย
“เฮนริค”
“ไม่อนุญาตให้ทดลองมากกว่านี้”
“ทดลองกับคนท้อง น่าสนใจดีนะ ว่ามั้ย”
“ใช่ แต่ไม่ใช่ในบ้านของฉัน”
รอยยิ้มที่บิดจนฉีกในความมืดไม่ได้ปรากฏบนใบหน้าของเฮนริคผู้มีอำนาจ แต่เป็นพ่อบ้านชราที่ปรากฏตัวที่หลัง
ร่างนั้นบิดพลิ้วในอากาศ ชุดพ่อบ้านกะพริบถี่ๆ มิติอากาศถูกฉีกขาด บิดเบี้ยว คอนั้นหักงอทำมุม 360 องศา
“เจ้ามีมนุษยธรรมตั้งแต่เมื่อไหร่ เฮนริค ฮิฮิ”
เสียงหัวเราะดังในความมืด ร่างที่เคยเป็นพ่อบ้านไม่อยู่อีกแล้ว มีเพียงอากาศธาตุที่ว่างเปล่า และกลิ่นอายที่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคย
“สตรีศักดิ์สิทธิ์เหรอ…”
อีกสองวัน วิเวียน จะเดินทางมาถึง
สตรีศักดิ์สิทธิ์ คือ ศัตรูของ สิ่งที่เคยเป็นพ่อบ้าน อย่างไม่ต้องคิดให้มากความ
หากเธอทำได้ มันก็แค่การขจัดความชั่วร้ายออกจากเมืองนี้ไปอีกหนึ่ง
และสุดท้ายก็จะเหลือเพียงเขา – ความชั่วร้ายเพียงหนึ่งเดียว ผู้ปกครองจากเบื้องหลัง ผู้ใช้อำนาจจัดการได้อย่างเบ็ดเสร็จโดยไม่มีใครรู้ตัวจริงเสียงจริง
แต่…
“เรื่องแค่นั้น ทำไม พวกข้า จะไม่รู้”
จริงมั้ยล่ะ?
เงาสีดำมืดร่างหนึ่งกระซิบถามกับเงาสีดำมืดที่เกาะบนไหล่ของเฮนริค โดยที่มนุษย์ผู้นี้ก็ไม่เคยรู้ตัวว่าตัวเขาเองก็คือหมากของพวกปีศาจเช่นกัน
…
เสียงล้อกับเสียงกีบม้าส่งเสียงดังครึ่กครั่กและกุบกับสอดประสานกัน ไม่ใช่เสียงที่ไพเราะ แต่เป็นเสียงที่ทำให้ผมตื่น
พอลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนอนซบไหล่ของวิเวียนอยู่ ขยี้ตาแรงๆหลายทีก็ยังเห็นเป็นเช่นนั้น แต่ตัววิเวียนไม่ได้ต่อว่าอะไร กลับกันแล้ว มีสายตาของลูน่าที่มองมาเหมือนคนเจอของน่ารังเกียจ และอาร์เจนตาที่มองออกไปนอกหน้าต่าง ทั้งสองคนเปลี่ยนไปสวมชุดเมดเหมือนอย่างที่ผมเห็นเป็นประจำแล้ว
ผมมองตามเมดผมสีเงินแซมดำไป ก็เห็นทิวทัศน์ที่แปลกตา
แม่น้ำ… ไม่สิ บางทีอาจจะน้ำทะเลก็ได้ แต่เป็นลำน้ำที่ไหลระหว่างถนนสองฝั่ง มองตามไปเท่าไหร่ก็ไม่เห็นจุดสิ้นสุดของสายน้ำนี้เลย
ตึก อาคารทำจากโครงไม้แต่ตัวอาคารหลักทำจากปูนเสียส่วนใหญ่ บ้านบางหลังมีร่องรอยของตะไคร่น้ำเกาะ คงเป็นผลของฝนที่ตกตามสไตล์เมืองที่มีทำเลใกล้ทะเลเช่นนี้ บ้านบางหลังมีระเบียงยื่นออกมา เห็นผู้คนกำลังทำกิจวัตรประจำวัน
เสียงของผู้ทำอาชีพค้าขายตะโกนแข่งกันเพื่อแย่งชิงลูกค้า สะท้อนความคึกคักและมีชีวิตชีวาของเมืองได้เป็นอย่างดี
“ตื่นแล้วเหรอ ชิน”
คนที่ผมเพิ่งนอนซบไหล่เธอเอ่ยถาม ผมขยับตัวออกห่างจากเธอโดยอัตโนมัติ
ไม่ได้กลัวอะไรเธอหรอก เพียงแต่เกรงใจเธอเท่านั้นเอง…
“ที่นี่…”
“ขอต้อนรับสู่อควาเดียนะ”
ที่แห่งนี้คือ อควาเดีย เมืองซึ่งเป็นเป้าหมายของเราในครั้งนี้นั่นเอง
รถม้าเดินทางบนถนนที่ปูด้วยอิฐสีน้ำตาล หน้าต่างค่อยๆฉายภาพทิวทัศน์ที่ผมไม่คุ้นตาเข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นของร้านและความครึกครื้นอันเป็นเอกลักษณ์พัดพามากับสายลม
“เราจะไปเข้าพักที่โรงแรมกันก่อน หลังจากนั้นทุกคนก็ไปเดินเล่นได้ กลับมาเจอกันที่โรงแรม”
วิเวียนนัดแนะกำหนดการของวันนี้ ทุกคนต่างพยักหน้าพร้อมเพรียง มีผมเพียงคนเดียวที่นั่งสงสัย ไม่เข้าใจอยู่บนรถม้า แต่เธอดูยังมีเรื่องที่จะพูดต่อ ผมจึงรอให้เธอพูดทุกอย่างให้จบแล้วค่อยถามตอนไปถึงที่หมายในกำหนดการก็แล้วกัน
“หลังจากนั้น เราจะไปรับประทานอาหารเย็นกัน”
เสียงของบทสนทนาเงียบไปสักพัก ผมดูปฏิกิริยาอีกสองคนที่เหลือแล้ว เหมือนพวกเธอไม่ค่อยสนใจมากนัก
และที่หมายที่วิเวียนกล่าวก็คือ คฤหาสน์ของพ่อค้าผู้ร่ำรวยที่สุดในเมืองแห่งนี้
เฮนริค ลูเมนฮอฟ
คนที่มีปฏิกิริยากับชื่อนั้นมากที่สุดคือลูน่า ที่นั่งฝั่งตรงกันข้าม
ตอนที่วิเวียนเอ่ยชื่อนั้นออกมา ไหล่ของเธอกระตุกเล็กน้อย หากไม่ใช่เพราะเหตุบังเอิญอย่างเธออยู่ตรงหน้าพอ หรือผมหันไปมองเธอพอดี ก็คงไม่สามารถจับอาการผิดปกตินั้นได้
น่าสงสัยแห๊ะ…
ผมรู้ดีว่าเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หากยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวอาจจะยิงให้ความสัมพันธ์ที่เริ่มดีขึ้นมานิดนึงกลับไปเป็นศูนย์หรือติดลบก็ได้
ในที่สุด รถม้าก็จอดสนิท ไลล่าเดินมาเปิดประตูให้พวกเราลง
เบื้องหน้าตอนนี้เป็นอาคารหลังใหญ่ แม้จะเทียบไม่ได้กับคฤหาสน์ของวิเวียน แต่สามารถเรียกมันว่าโรงแรมสไตล์ย้อนยุคได้อย่างเต็มปาก
มันเป็นอาคารที่มีโครงไม้หลังใหญ่ มีสองชั้นทอดตัวยาวในแนวขวาง ตัวอาคารเป็นสีขาวสะอาดตา หลังคาเป็นกระเบื้องสีแดงทำทรงเป็นรูปสามเหลี่ยมแทบไม่มีร่องรอยคราบสกปรกปรากฏให้เห็นเด่นชัด
ประตูทางเข้าเป็นแบบเปิดปิดด้วยการผลักบานประตู ทั้งสองฝั่งทำจากไม้ แม้ผมจะไม่มีความรู้มากนัก แต่มั่นใจว่าเจ้าของเอาใจใส่เป็นอย่างดี ลวดลายที่สลักลงบนบานประตูเป็นลวดลายที่ผมคุ้นตา มองดูแล้วคล้ายนางเงือกที่ประดับบนบานซ้ายและขวากำลังหันหน้าชนกัน หากปิดประตูคงเป็นลายนางเงือกนำฝ่ามือชนกันพอดิบพอดี
มองเพียงภายนอกก็รู้ได้ว่าเป็นโรงแรมสำหรับชนชั้นสูง หากผมไม่ได้มากับวิเวียน คงไม่มีทางได้ที่พักที่มีความหรูหราสูงขนาดนี้
จากจุดที่พวกเรายืนอยู่ ก็ยังคงได้กลิ่นของทะเลพัดโชยมา บางทีกลิ่นนี้คงอยู่ทุกที่ในเมืองแห่งนี้
เวลายามนี้คือช่วงเที่ยงคล้อยบ่ายมาเล็กน้อย พวกเรารีบหลบไอร้อนจากแสงแดดเข้าไปในตัวอาคาร ส่วนไลล่าขับรถม้าไปพักในอีกมุมหนึ่ง
“ยินดีต้อนรับค่ะ เข้าพักกี่ท่านคะ”
เสียงของพนักงานสาวที่เคาน์เตอร์ต้อนรับกล่าวถ้อยคำรับแขกอย่างเป็นมิตร ขณะเดียวกันเธอก็หันสายตาไปมองพวกเราทีละคน คงถือโอกาสนี้นับจำนวนคนและหาช่องว่างเพื่อบริการไปด้วย สมแล้วที่ทำงานในโรงแรมระดับนี้
ระหว่างวิเวียนคุยเรื่องห้องพัก ผมสอดส่ายสายตาไปรอบโถงต้อนรับ
ข้างในดูธรรมดากว่าที่คิด นอกจากแสงสว่างที่อยู่บนโคมไฟแชนดาเลียซึ่งข้างในน่าจะบรรจุหินเวทมนตร์สำหรับให้แสงสว่างแล้ว ตามกำแพงประดับด้วยผลงานศิลปะมากมายที่ใส่กรอบทอง ทั้งอัศวินที่กำลังสู้กับมังกรเพลิง ภาพเหมือนของคน ภาพวาดที่เหมือนพยายามเลียนแบบผลงานของโกแกงหรือแวนโก๊ะ
“สนใจเหรอคะ ท่านชิน”
คนที่เรียกผมคือ อาร์เจนตา
ผมเงยหน้ามองเธอ เห็นรอยยิ้มประดับบนใบหน้าที่ยามปกติจะเย็นชากว่านี้ พลางคิดถึงคำสั่งของวิเวียนที่ถึงขั้นต้องอ้างตำแหน่งในฐานะผู้นำของตระกูลออกมา
วิเวียนที่ผมรู้จักไม่ใช่คนที่จะพูดเรื่องแบบนั้นออกมาได้ง่ายๆ การที่เธอออกคำสั่งให้ผมตัวติดกับอาร์เจนตาไว้คงมีเหตุผลบางอย่าง
หลังวิเวียนคุยเรื่องที่พักเสร็จ พวกเราก็แยกย้ายกันไปเข้าห้องที่จัดเตรียมไว้ทั้งสาม
ผมโดนแยกไปนอนคนเดียว วิเวียนนอนกับลูน่า ส่วนอาร์เจนตานอนกับไลล่า
จะว่าไป นี่แหละคือการจัดที่นอนที่สมเหตุสมผล ถึงด้วยอายุภายนอกของผมจะเป็นเด็ก แต่ข้างในก็ถือว่าเป็นวัยรุ่น แม้จะเลยพ้นวัยคะนองไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไร้ความรู้สึกและจะหักห้ามใจได้ไปเสียทั้งหมด
“ไม่เหงาใช่มั้ย ชิน”
“ไม่เหงาหรอกน่า”
วิเวียนเอ่ยถามก่อนจะเข้าห้อง สีหน้าเธอไม่ได้บ่งบอกว่าจริงจังกับคำถามนัก ผมจึงตอบแบบขอไปทีเช่นกัน
เสื้อผ้าที่พับไว้ สบู่ แปรงสีฟันที่เตรียมมา ผ้าขนหนูสำหรับเช็ดตัว แต่ครั้งนี้ถึงจะลืมเอาเข้าห้องน้ำไปก็คงเดินออกมาหยิบได้ ไม่ต้องกลัวหรือรู้สึกเขินอายกับใครสักหน่อย
และสิ่งสุดท้ายที่ผมหยิบออกมา…
หนังสือ เรียนรู้เรื่องเวทมนตร์ที่ผมหยิบยืมมาจากห้องส่วนตัวของวิเวียน
ณ ตอนนี้ผมใช้ [เอิร์ธ วอลล์] [เอิร์ธ แฮนด์] [วอเทอร์ บอล] ได้คล่องแล้ว แต่อย่างอื่นผมก็ทำไม่ได้เลย
ผมไม่ได้คิดจะฝึกตัวเองให้เก่งจนเทียบเทียมหรือแซงหน้าอาร์เจนตากับวิเวียนได้ในเร็ววัน แต่อย่างน้อยก็อยากจะเรียนรู้เพิ่มเติม
และผมก็ยังมีเวทมนตร์ที่ผมอยากเรียนรู้อยู่…
[ฮีล] เห็นว่าถ้าเข้ากับผู้ใช้ได้ดีจะสามารถลดความเหนื่อยที่สะสมได้ในระดับหนึ่ง นับว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมปรารถนา แต่ในขั้นต่ำที่สุด มันก็ยุติความรู้สึกบาดเจ็บได้ชั่วคราว ทำงานเหมือนยาชาในโลกก่อนที่ผมจากมา
“[ฮีล]”
ผมลองจินตนาการถึงภาพของแสงสีเขียวที่อาร์เจนตาและวิเวียนต่างเคยใช้กับผมในเวลาที่ร่างกายผมสะบักสะบอมกับการฝึกรายวันของพวกเธอ
และยังมีอีกเคสตัวอย่าง อลิเซีย ผู้เป็นแม่ของผมในโลกนี้ ดูเหมือนเธอจะมีความสามารถในการใช้ [ฮีล] ที่ดีกว่าโทริส ผู้เป็นพ่อของผมในโลกนี้
ผมเคยเห็นเธอใช้เวทมนตร์นี้ในการรักษาสภาพจิตใจของตัวเองเอาไว้ แต่สุดท้ายมันก็คงเป็นแค่ความเชื่อเท่านั้น
ในหนังสือเขียนว่า การจะใช้ [ฮีล] ได้ จำเป็นต้องเข้าใจความเจ็บปวดบางอย่างด้วย ต้องนึกภาพของการรักษาให้ออก ผมสรุปด้วยความคิดของตัวเองว่าจำเป็นต้องนึกสภาพก่อนเป็นแผลและหลังเป็นแผลให้แม่นยำ
จะลองสร้างแผลให้กับตัวเองแล้วใช้ [ฮีล] ดีมั้ยนะ หรือว่าลองไปปรึกษาวิเวียนดี
ผมคิดว่าวิธีหลังน่าจะได้ประสิทธิภาพมากกว่า จึงตัดสินใจว่าหลังจากเปลี่ยนเสื้อให้เบาและบางกว่านี้เพื่อให้เข้ากับอากาศของเมืองใกล้ทะเลมากกว่านี้แล้วจะไปหาเธอสักหน่อย
แต่ไม่ทันที่จะได้ทำอะไร เพียงแค่ผมถอดเสื้อออกหมดจนเหลือเพียงกางเกง ประตูห้องพักก็ถูกเคาะเบาๆ
“ท่านชิน ดิฉันมารับค่ะ”
อ๊ะ จริงสิ ผมมีเรื่องที่จะถามวิเวียนอยู่ก่อนแล้วนี่หน่า
เรื่องที่ว่าก็คือ เวลาเดินเล่นที่เธอบอก ผมต้องเดินกับอาร์เจนตาใช่มั้ยนะ
แต่แบบนี้คงไม่ต้องถามแล้วล่ะมั้ง
ผมเปิดประตูออกไป ก็สะดุดตากับเจ้าของเส้นผมสีเงินแซมดำที่ตอนนี้ปล่อยยาวลงมายืนหันหลังให้ ได้ยินเสียงเธอพึมพำกับตัวเอง ทว่าฟังได้ไม่ชัดนัก ก่อนเธอจะหันหน้า ทำให้ผมสะดุดตายิ่งกว่าก่อนหน้า เพราะเธอในตอนนี้อยู่ในรูปลักษณ์ที่ต่างจากตัวเธอในเวลาปกติโดยสิ้นเชิง
ชุดที่เธอใส่ เป็นเดรสสีขาวบริสุทธิ์ สวมคอร์เซทสีดำที่ขับเน้นช่วงเอวเอาไว้ ดูกลมกลืนกับชาวบ้านทั่วไปหากไม่นับเรื่องเส้นผมและทรวดทรงของเธอ เพราะเธอเป็นคนรูปร่างดีเป็นทุนเดิม ชุดจึงไม่ได้เด่นแค่เอว แต่รวมถึงช่วงหน้าอกที่ถูกเน้นให้เห็นชัดกว่ายามปกติที่สวมชุดเดรสอีกด้วย
เป็นชุดที่ผมไม่เคยเห็นสักครั้งตอนอยู่ที่คฤหาสน์ เป็นภาพลักษณ์ที่ผิดปกติ พอๆกับชุดนอนเมื่อคืนของเธอ หากไม่นับแว่นที่เธอยังคงสวมเอาไว้ เห็นกันครั้งแรกผมคงนึกภาพอาร์เจนตาที่เข้มงวดกับบางเรื่องไม่ออกแน่ๆ
เธอในตอนนี้ เป็นรูปลักษณ์ที่สวยงาม แต่กลับดูอ่อนหวาน เป็นความรู้สึกที่ผมไม่เคยได้เห็นจากเธอในชุดเมด
“เอ่อ สวัสดีครับ ทักผิดห้องหรือเปล่าเอ่ย”
ผมพยายามพูดติดตลกเพื่อขจัดความว้าวุ่นในใจของตัวเอง ได้ยินเสียงเธอหัวเราะ หุหุ เหมือนพยายามกลั้นขำ แล้วเธอก็หันมา
อย่างน้อยผมก็ทำให้เธอขำได้ล่ะนะ…
“ดิฉันอาร์เจนตา เอเวอร์ไลท์ มารับแล้วค่ะ”
“อ เอ่อ ชิน เอเวอร์ไลท์ครับ”
เธอเอ่ยด้วยเสียงอ่อนหวาน ผิดปกติ จากเวลาทั่วไปที่เราสนทนากัน แต่ผมกลับรู้สึกว่า ผมเคยมีบทสนทนากับหญิงสาวสักคนที่
ไม่รู้ทำไมร่างกายเกิดเกร็งขึ้นมา ตอนนี้ผมคิดว่าตัวเองไม่ต้องส่องกระจกก็พอรู้ว่าเหงื่อเม็ดใหญ่กำลังไหลจากหน้าผากลงมา ที่แผ่นหลังเองก็คงมีเหงื่อหลายเม็ดผุดขึ้นมา
ในวินาทีนั้น ผมยังไม่รู้ว่าเธอเหมือนใคร จนกระทั่งเราได้เริ่มเดินเมื่อคู่รักต่างวัยที่กำลังออกเดท
มือของเธอกุมมือของผมเอาไว้ เป็นผู้นำและผู้ชักจูงในการเดินเล่นของวันนี้
“ท่านชิน ทานขนมมั้ยคะ”
เธอเอ่ยถาม เมื่อกลิ่นของแป้งที่เพิ่งถูกอบเสร็จไม่นานลอยมากับสายลมของเมืองใกล้ทะเล
พอพวกเราเดินไปใกล้ก็เห็นว่ามันคือพิซซ่า แถมเป็นหน้าฮาวายเอี้ยนอีกต่างหาก
หลังตัดสินใจซื้อและนั่งกินด้วยกันที่ร้าน เนื่องจากสั่งไซส์เล็กมา ขนาดของมันหากเทียบกับโลกที่จากมา มันยิ่งกว่าไซส์เล็ก เพราะมันเล็กนิดเดียวจริงๆ และเราก็มากันเพียงแค่สองคน ด้วยขนาดแค่นี้ จึงสามารถทานหมดได้ไม่ยาก แถมผมยังรู้สึกว่าเมื่อเช้าเราไม่ได้กินอะไรด้วยกันมากมายอีก
“ไปที่ไหนกันต่อดีคะ?”
คุ้นจริงๆ เหมือนเคยผ่านเหตุการณ์นี้มาก่อน แต่ไม่ใช่ที่เมืองนี้
เราเดินไปด้วยกันอีกสักพัก ผ่านร้านเครื่องประดับที่ทำจากอัญมณีทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นไข่มุกหลากหลายขนาด เพชร มรกต หยก หรือหินสีฟ้าที่ถูกเรียกกันว่าอความารีน
คนขายลงทุนแปะกระดาษโฆษณาเขียนมือเอาไว้ว่า อความารีนรูปหัวใจสำหรับคู่รัก ท่านอาจได้ยินเสียงของคลื่นหากแนบหูฟัง ว่ากันว่าอาจได้ยินเสียงกระซิบรักที่คนรักของท่านฝากฝังมากับคลื่นทะเลก็ได้
อความารีน เหรอ…
แต่ผู้หญิงที่จูงมือผมดูสนใจอความารีนรูปหัวใจเป็นพิเศษ
ผมยืนอยู่ในจุดที่ต้องตัดสินใจ หากซื้อกับอาร์เจนในตอนนี้ มันไม่ได้จบแค่ตรงนี้แน่ๆ
แต่ถึงแม้ใจผมจะยืนยันว่าไม่ได้รักเธอในเชิงสัมพันธ์ชู้สาว ผมก็ไม่ได้อยากให้เธอเสียใจ
“ท่านชิน”
ได้ยินเสียงของเธอเรียก ผมเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาของเราสบตากัน แล้วเธอก็ส่ายหน้าช้าๆ สีหน้าที่บอกอารมณ์ได้ไม่แน่ชัดกลับมาอีกครั้ง
ขาสองข้างของเราสองคนก้าวไปข้างหน้า ข้ามผ่านร้านค้าขายของประดับไป
ทั้งที่มันเป็นทางออกที่ผมคิดว่าดีที่สุดแล้ว แต่คนที่รั้งการเดินเอาไว้กลับเป็นตัวผมเอง
“ขอโทษครับ ผมอยากได้เครื่องประดับ”
“เอ๊ะ”
การตัดสินใจของผมที่สื่อไปผ่านสีหน้าและมือของเราที่กุมกันเอาไว้คงทำให้เธอแปลกใจไม่น้อยจนส่งเสียงประหลาดที่ยามปกติไม่ค่อยได้ยินออกมา
“ไปซื้อกันเถอะครับ”
ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกหรือไม่ แต่ในเมื่อกล่าวออกไปแล้ว ผมก็มีหน้าที่รับผิดชอบคำพูดนั้น
และพวกเรา ก็เดินเข้าร้านขายเครื่องประดับไปด้วยกัน
…
เมื่อพวกเรามาถึงเมือง อควาเดีย ได้ไม่นาน สถานที่แรกที่เรามุ่งหน้าไปคือโรงแรม สถานที่ที่อยู่ตรงหน้าของฉันคือโรงแรมหรูที่แม้จะเทียบไม่ได้กับบ้านของพวกเรา แต่กลับเกินการคาดการณ์ของฉันพอสมควร
สิ่งแรกที่เราทำเมื่อถึงโรงแรมคือการแบ่งห้องนอน ทั้งหมดสามห้อง โดย ชิน เป้าหมายที่ฉันต้องปกป้องแยกไปนอนคนเดียวตามการจัดการของวิเวียน
เหตุผลฉันไม่รู้แน่ชัด ดังนั้นพอสบโอกาสจึงเข้าไปถามเธอตรงๆ
“มีอะไรเหรอ อาร์เจนตา”
“ท่านวิเวียน ดิฉันประสงค์ที่จะทราบถึงเหตุผล เพราะสิ่งใดกันทำไมท่านถึงแยกท่านชินออกไปเช่นนั้น”
อ้อ วิเวียนส่งเสียงร้องออกมาเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ บางทีครั้งนี้อาจจะเป็นเพราะเธอไม่ได้คิดอะไรเลยก็ได้ แต่ไม่ต้องรอถึงชั่วพริบตา วิเวียนก็ให้เหตุผลของเธอออกมา
“เพื่อความสบายใจของเจ้าตัวน่ะ ก็เขาเป็นอินโทรเวิร์ตระดับหนึ่งเลยนี่หน่า”
ฉันไม่เข้าใจ เพื่อความสบายใจคืออะไรกันนะ แถมมีคำศัพท์ที่ฉันไม่เข้าใจอย่างคำว่า ‘อินโทรเวิร์ต’ อีก
แต่…
ตอนที่ฉันจะอ้าปากแย้ง วิเวียนก็ยังคงอธิบายต่อไป
“ว่าก็ว่าเถอะ ในนี้มีใครยอมให้เขาเห็นตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าได้บ้าง”
หากถามฉัน ฉันก็ยังไม่กล้า ลูน่ายิ่งแล้วใหญ่ ไลล่าก็ไม่ได้สนิทกับเขาขนาดนั้น ดังนั้นคำตอบคือไม่
คำตอบของคำถามของวิเวียน คือ ตัววิเวียนเองนั่นแหละ
“แล้วก็นะ เธอวางแผนจะไปเดตกับเขาไม่ใช่เหรอ?”
“เดต…?”
เอาอีกแล้ว คำศัพท์แปลกๆออกมาจากเธออีกแล้ว ครั้งนี้เพราะเหมือนมันเกี่ยวกับเขาด้วย ฉันจึงถามออกไป
“เดตก็ นั่นสินะ คืออะไรกันนะ ถ้าอธิบายแบบง่ายๆก็ การที่คนรักออกไปเที่ยวกันลำพังล่ะมั้ง”
คนรัก ไปเที่ยว คำศัพท์พวกนี้เป็นคำที่ฉันรู้จัก และเพราะรู้จักฉันจึงมีความรู้สึกร่วมกับคำสองคำนี้ได้อย่างเต็มที่
ใบหน้าของฉันรู้สึกร้อนเล็กน้อย วิเวียนกล่าวหยอกล้อว่าหน้าแดงเกินไปแล้ว
“ท่านวิเวียน เดตที่ว่าต้องอย่างไรบ้าง”
เพราะฉันไม่เคยมีความรู้เรื่องพวกนี้เลย จึงต้องถามเธอที่มาจากโลกที่แตกต่าง
ถึงแม้ตั้งแต่ฉันรู้จักเธอ จะไม่เคยเห็นเธอมีคนรักเลยก็ตาม แต่บางทีประสบการณ์โลกที่แล้ว เธออาจจะมีก็ได้
พอฉันถามก็ลอบสังเกตอาการของเธอ ดูเหมือนเธอจะสามารถพูดเรื่องพวกนี้ได้โดยไม่เขอะเขิน
“เดินจับมือกันไป แวะเข้าร้านขนมด้วยกัน ซื้อของฝากพวกเครื่องประดับที่เห็นทีไรก็นึกถึงวันที่มีความทรงจำร่วมกัน ประมาณนี้ล่ะมั้ง”
ท้ายเสียงดูไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่สำหรับคนไม่มีประสบการณ์อย่างฉัน ย่อมฟังคำพูดของบุคคลที่น่าเชื่อถือไว้ก่อนเป็นดี
แต่ฉันยังมีอีกหนึ่งปัญหาใหญ่
นั่นคือภาพลักษณ์ของตัวเอง
ดังนั้นฉันจึงปรึกษากับผู้มีประสบการณ์มากกว่า วิเวียนยิ้มอย่างมีเลศนัยและบอกว่า
“ปกติเธอมัดผมเอาไว้ ถ้าปล่อยผมคงสร้างความตกใจให้เขาได้อยู่นะ”
แต่เมื่อคืนเขาดูไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยด้วยซ้ำ ฉันจึงเสนอความคิดที่ตนเองคิดว่าอาจจะดีกว่า แต่กลับกันแล้วก็ฟังดูบ้าคลั่งกว่าเช่นกัน
“ฉันขอยืมรูปลักษณ์ของท่านวิเวียนได้หรือไม่”
“รูปลักษณ์ของฉันเหรอ?”
ไม่ว่าใครได้ยินคงตกใจไม่แพ้กัน ไม่พ้นแม้แต่วิเวียนเองก็ตาม
ที่ฉันคิดจะหยิบยืมเธอ เพราะเหตุผลเดียว
สายตาของ ชิน มองไปที่เธอมากกว่าฉัน…
“ได้สิ”
คำตอบที่ได้รับมาให้ความรู้สึกบิดเบี้ยวไม่แพ้คำถามของฉัน ใบหน้าที่งดงามของเธอผุดรอยยิ้มเหมือนเด็กนึกสนุกขึ้นมา
“จริงๆฉันก็เตรียมชุดมาใส่ไปเดินเที่ยวเหมือนกัน เธอเอาไปใส่ละกัน แต่อาจจะคับนิดหน่อยนะ”
คนเห็นแก่ตัว…
เป็นคำที่ฉันใช้ด่าทอตัวเองในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม ฉันรับเอาความหวังดีของวิเวียนเอาไว้
และเพื่อเป็น เธอ ให้สมบูรณ์แบบ วิธีการพูดของฉันเองก็คงต้องเปลี่ยนไปด้วย แต่คงไม่สามารถทำได้ในทันที สิ่งที่ช่วยได้ในตอนนี้คือความพยายาม
“ท่านชิน ดิฉันมารับค่ะ”
ฉันเคาะประตูห้องพักของเขา ได้ยินเสียงเขาเดินเข้ามาใกล้ประตูมากขึ้นเรื่อย ๆ
ฉันหันหน้าหนีเขา พึมพำคำว่า “ฉันทำได้” ให้กับตัวเองหลายทีเพื่อซึมซับคำนั้นเข้าไปในความคิดและทุกกิริยาหลังจากนี้
“เอ่อ สวัสดีครับ ทักผิดห้องหรือเปล่าเอ่ย”
เขากล่าวทักทาย ชั่วขณะหนึ่งทำให้ฉันใจเต้นแรงแต่ไม่ใช่เพราะความขวยเขิน แต่มาจากความอายที่คิดว่าตัวเองเปิดผิดห้องจริงๆ
แต่ฟังจากเสียงแล้ว อย่างไรก็คือเขา ไม่ผิดตัวแน่ ฉันจึงนึกขึ้นมาได้ว่าบางทีเขากับวิเวียนก็ชอบเล่นมุกอะไรแปลกๆ พูดศัพท์ที่ฉันไม่รู้จักออกมาบ่อยๆ
ถ้าเป็นวิเวียน ตอนนี้ต้องหัวเราะ ฉันทำตามความทรงจำของตัวเอง แม้จะไม่เข้าใจมุกของเขาก็ตาม
“ดิฉันอาร์เจนตา เอเวอร์ไลท์ มารับแล้วค่ะ”
“อ เอ่อ ชิน เอเวอร์ไลท์ครับ”
ฉันเอ่ยออกไปด้วยเสียงอ่อนหวาน ผิดปกติ เพื่อที่สวมบทบาทเป็นวิเวียนให้ได้ดีที่สุด ในส่วนนี้ไม่ได้ยุ่งยากมากนัก เพียงดัดเสียงตัวเองนิดหน่อย ที่เหลือปล่อยไปตามความรู้สึกก็เข้าที
จากนั้น เราสองคนก็ออกเดินไปในเมืองอควาเดีย
มือของเขากุมมือของฉันเอาไว้ ฉันเป็นผู้พิทักษ์ของเขา รวมถึงเป็นผู้นำทางของเขาด้วยเช่นกัน
อันดับแรก ต้องเป็นของทานเล่นที่ไม่หนักมาก
ฉันได้กลิ่นและได้ยินเสียงของร้านพิซซ่าดังมาไม่ไกลนัก จึงจูงมือเขาให้ไปด้วยกัน
ดูภายนอกแล้วเหมือนกึ่งบังคับให้เขาทำตามความตั้งใจของฉัน แต่ฉันได้ยินมาว่าพิซซ่าเป็นหนึ่งในอาหารที่มาจากต่างโลกเมื่อหลายพันปีที่แล้ว
พิซซ่าที่เราทาน มันมีขนาดเล็กเท่าหนึ่งฝ่ามือของฉัน บนพื้นผิวของมันประดับไปด้วยวัตถุดิบที่ส่วนใหญ่ฉันไม่คุ้นตา จะมีเพียง ไพนาเปิล ที่วิเวียนเคยเอากลับมาให้รับประทานไม่บ่อยนักเท่านั้น
เมื่อเช้า เราไม่ได้ทานอะไรเข้าไปมาก กับอาหารที่รสชาติเข้มกว่าของว่างนิดหน่อยจึงไม่ใช่อุปสรรคอะไรของพวกฉัน
หลังจากรับประทานกันเสร็จ ฉันลุกไปจ่ายค่าอาหารและกลับมาหาเขา
“ไปที่ไหนกันต่อดีคะ?”
อันที่จริง ฉันมีเป้าหมายเอาไว้แล้ว
หากการเดตมีคำนิยามเหมือนที่วิเวียนกล่าว หลังจากนี้เป้าหมายของเราก็คือ ร้านขายเครื่องประดับ แต่ที่ฉันถามออกไป เพราะฉันกลัวว่าเขาจะเป็นฝ่ายตามใจฉันฝ่ายเดียว
ทว่าเขาไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษ แถมให้ฉันนำทางได้ตามสะดวกอีกต่างหาก
ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงจงใจพาเขาไปยังร้านขายเครื่องประดับ
หน้าร้านติดป้ายโดยเน้นคำพูดประกอบรูปวาด โฆษณาขายอัญมณีทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นไข่มุกหลายขนาด สร้อยจากเพชร เครื่องรางจากพลอย
แต่ที่สะดุดตาฉันที่สุดคงเป็นจี้ที่ทำจากหินสีฟ้า อความารีน… สีเหมือนดวงตาของวิเวียน
ข้างๆกันมีป้ายแปะโฆษณาไว้ว่า
อความารีนรูปหัวใจสำหรับคู่รัก ท่านอาจได้ยินเสียงของคลื่นหากแนบหูฟัง ว่ากันว่าอาจได้ยินเสียงกระซิบรักที่คนรักของท่านฝากฝังมากับคลื่นทะเลก็ได้
อความารีน แถมยังสำหรับคู่รัก
ถ้าอ้างอิงตามที่วิเวียน หากฉันเชื่อในคำพูดของเธอ การมาเดตคือกิจกรรมของคู่รัก การซื้อของประดับกลับไปจะทำให้นึกถึงความทรงจำที่ใช้ร่วมกันในวันนี้
ฉันอยากได้ แต่
มันจะมากเกินไปแล้วนะ อาร์เจนตา
เสียงที่ด่าทอฉันไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเอง
สุดท้าย ตัวเองก็ตัดสินใจที่จะเดินหนี คงยังไม่ถึงเวลาที่ฉันจะสามารถก้าวขาเข้าไปในร้านนั้นได้จริงๆ
ทว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
เขา รั้งฉันเอาไว้ ดวงตาของเราสบกัน สิ่งที่ฉันไม่รู้ตัวเลย คือมือของฉันบีบมือของเขาเอาไว้แน่นเหมือนพยายามส่งความรู้สึกที่มีไปหา และตอนนี้เขาตอบสนอง
“ขอโทษครับ ผมอยากได้เครื่องประดับ”
“เอ๊ะ”
แม้แต่ตัวเองยังรู้ว่าเสียงเมื่อครู่มันประหลาดแค่ไหน และไม่รู้ว่ามีใครที่เดินผ่านไปผ่านมาหรือเจ้าของร้าน หรือผู้ชายตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างฉันจะสังเกตเห็นหรือไม่
แต่ฉันดีใจจริงๆ ที่เขารั้งฉันเอาไว้แบบนี้
ขอบคุณนะคะ ชิน
เป็นถ้อยคำที่เกิดขึ้นในใจแต่ไม่ได้กล่าวกับเขาออกไป
…
หลังจากผมลากอาร์เจนตาเข้ามาในร้านขายเครื่องประดับได้สำเร็จ สีหน้าและแววตาของเธอดูเปลี่ยนไป
หากให้ผมบรรยาย ผมรู้สึกดวงตาของเธอเป็นประกายมากขึ้น รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าก็ดูเปลี่ยนแปลงจากก่อนหน้าที่เหมือนเธอพยายามเลียนแบบ วิเวียน อย่างไรไม่รู้
“ยินดีต้อนรับครับ ท่านลูกค้า ไม่ทราบว่าต้องการสินค้าชิ้นไหนเหรอครับ~”
เจ้าของร้าน ไม่ก็พนักงานต้อนรับร้านเป็นชายวัยหนุ่ม ดูแก่กว่าผมก่อนตายจากโลกก่อนเล็กน้อย เขายิ้มโชว์ฟันสีขาวฉายความเป็นมิตรบนตัวตนให้แก่ผู้แรกพบ บนนิ้วมีแหวนหลายวงและหลากสี เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีม่วงดูฉูดฉาด ช่วงอกเปิดแหวกไว้ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ผมไม่สามารถลอกเลียนแบบได้
น้ำเสียงของเขาเป็นน้ำเสียงที่ผมมองว่าเขากันได้ง่ายกับทุกคน เป็นบุคลิกที่คิดว่าเหมาะสมกับการขายของราคาแพงพวกนี้เพื่อดำรงชีพ
“ดิฉัน…”
หลังอาร์เจนตามองสำรวจรอบร้านเรียบร้อยแล้ว เธอก็ดูลังเลที่จะพูดคำตอบออกไป ตรงนี้จึงเป็นหน้าที่ที่คนของร้านจะแทรกตัวเข้ามาในความคิด
“หากท่านลูกค้าประสงค์ของสำหรับคู่รัก ทางร้านขอแนะนำ สิ่งนี้…ดวงใจโพ้นทะเล!”
เขากล่าวแล้วเดินไปหยิบกล่องกำมะหยี่กล่องหนึ่งจากตู้โชว์กระจกที่เรียงรายด้วยของประดับมากมายจากหินแร่อันมีค่าทั้งหลาย
พอเปิดของข้างใน แสงสีฟ้าที่สาดส่องออกมาทอประกายงดงาม แม้ในยามเช้ามันก็ยังสามารถอวดโฉมได้มากถึงเพียงนี้ หากมีคนนำมันไปสวมใส่ในยามค่ำคืน ใครคนนั้นคงโดดเด่นกว่ามนุษย์คนไหนเป็นแน่
สมแล้วที่ได้ชื่อว่า ดวงใจโพ้นทะเล
ปฏิกิริยาตอบสนองของอาร์เจนตาเองก็ไม่เลว ดวงตาของเธอสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด เธอถือ ดวงใจโพ้นทะเล อย่างทะนุถนอม มือซ้ายยกขึ้นมากุมในระดับอก สติของเธอเหมือนไม่ได้อยู่ ณ ตรงนี้ ในร้านกับผมอีกแล้ว
แต่หากซื้อไป เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ ผมต้องเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด
ปัญหาที่ไม่ใช่เพียงเรื่องค่าใช้จ่าย แต่ความรู้สึกของเธอที่ผมไม่อาจตอบรับได้ด้วยเช่นกัน
“คุณอาร์เจนตา”
ผมเอ่ยเรียกชื่อของเธอ เสียงของผมดึงสติของเธอกลับมายังโลกนี้อีกครั้ง
อาร์เจนตาหันมามองผม ดวงตาไม่สั่นไหวอีกแล้ว มือที่ถือ ดวงใจโพ้นทะเล วางมันคือที่เดิม
“ขออภัยค่ะ ท่านชิน มันไม่เหมาะกับดิฉันสินะคะ”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ”
ผมไม่มีเซนส์ด้านการแต่งตัว นั่นรวมไปถึงการเลือกเครื่องประดับมาสวมใส่ได้ จึงมั่นใจในตัวเองอย่างสุดขั้วว่าไม่สามารถให้คำแนะนำใครเรื่องนี้ได้ และรวมไปถึงการให้กำลังใจจากใจจริงด้วย เพียงแต่…
ผมเองก็คิดว่าอาร์เจนตาเป็นสาวสวยคนหนึ่ง ในระดับที่หาชุดที่เธอใส่แล้วไม่สวยยาก อัญมณีและเครื่องประดับเองก็คงเป็นเช่นนั้น
“ผมคิดว่าคุณเป็นคนสวยนะครับ คุณอาร์เจนตา”
อย่างไรผมก็คิดเช่นนั้นจริงๆ จึงพยายามสื่อความคิดของตัวเองออกไปให้เธอได้รับรู้ แต่ต้องระวังไม่ให้เธอคิดไปเกินกว่าคำชมนั้น
และตอนปฏิเสธก็ต้องทำให้ชัดเจน
“เช่นนั้นเองเหรอคะ…”
เสียงของเธอเปลี่ยนแปลงไป จะว่าไม่อ่อนหวานเหมือนก่อนหน้าก็ใช่ แต่เสียงของเธอกลับไปเป็นเหมือนที่ผมเคยชิน เป็นน้ำเสียงดั้งเดิมของเธอ
“อยากได้ก็จัดเลยครับ”
เป็นคำพูดติดปาก ในฐานะลูกคนบ้านรวยล่ะนะ
เธอได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาได้ จากนั้นก็เริ่มหัวเราะ
“ค่ะ ทราบแล้วค่ะ ท่านชิน”
เธอหัวเราะจนไหล่โยก หัวเราะจนน้ำตาไหล ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน บางทีคำพูดของผมอาจไปเปิดบางอย่างในตัวของเธอขึ้นมา หรือไม่ก็อาจจะเพราะเธอคิดว่ามันตลก จึงหัวเราะออกมา
จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม มันก็ดีแล้วที่ทำให้เธอผ่อนคลายได้
“ถ้าเช่นนั้น ดิฉันขอซื้อ ดวงใจโพ้นทะเล ค่ะ อีกชิ้นเอาเป็น…”
แม้ผลลัพธ์จะไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคาดคิด แต่สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจซื้อได้
และถึงแม้พ่อค้าจะยัดเยียดของประดับมาให้หลังจากนี้ ก็ดูเหมือนไม่เป็นผล เพราะเธอเองก็มีตัวเลือกในใจแล้ว
“อีกชิ้นเอาเป็น สร้อยมูนสโตนค่ะ”
รอยยิ้มของเธอต้องตัดสินใจได้นั้น ช่างเป็นรอยยิ้มที่งดงาม
เอ๊ะ… นี่ผมคิดแบบนั้นหรือเปล่า?
คงไม่ใช่ว่า ผมกำลังสร้างความลำบากในการปฏิเสธให้ตัวเองขึ้นอีกระดับหรอกนะ
…
“ขอบคุณที่ใช้บริการนะครับบ~”
เสียงของคนขายไล่หลังมาเมื่อฉันกับเขา เดินออกจากร้านด้วยกัน
ดวงใจโพ้นทะเล ของชิ้นนี้ฉันตั้งใจจะซื้อเป็นการขอบคุณเจ้านายคนสำคัญที่มอบช่วงเวลาอันล้ำค่าเช่นนี้ให้กับฉัน ส่วนมูนสโตนเป็นของที่ฉันมอบให้แก่ตัวเอง… ไม่สิ เป็นของที่ ชิน มอบให้ฉันก็ไม่ผิดนัก
เดิมทีแล้ว ดวงใจโพ้นทะเลก็ไม่เหมาะกับคนอย่างฉันเลยแม้แต่น้อย เพราะ เรา ไม่ใช่คู่รักกัน หากจะกล่าวว่าใครเป็นคู่รักกันแล้วล่ะก็ ชิน กับ วิเวียน ยังดูเข้ากันได้มากกว่าอีก
แต่ถึงอย่างนั้น ตลอดการใช้เวลาในร้าน ฉันก็แอบคิด
ใจหนึ่งฉันก็แอบลุ้นว่า เขา จะยอมแกล้งเป็นคู่รักกับฉันหรือเปล่านะ
ผลสุดท้าย เขาไม่แม้แต่จะหลุดปากพูดคำนั้นออกมา แต่อย่างน้อยเขาก็กล่าวชมตัวฉัน
ฉันอาจเป็นสาวน้อยในเรื่องความรัก แต่ในด้านการดูความรู้สึกของคนผ่านคำพูด ฉันมั่นใจว่าตัวเองดูเก่งระดับหนึ่งและคงไม่ถูกหลอกง่ายๆ
คำชมของเขาในตอนนั้น ไม่ได้มีเพียงจุดประสงค์เพื่อปลอบประโลมฉัน แต่กล่าวชื่นชมฉันจากใจจริงของเขาเอง
เพียงแค่นี้ก็ทำให้ฉันยิ้มจนแก้มปริได้แล้ว
“อยากได้ก็จัดเลยครับ”
คำพูดนั้นของเขาทำให้ฉันนึกถึงวิเวียนในสมัยก่อนอยู่เหมือนกัน ตอนนั้นฉันไม่รู้จักคำว่า จัด หมายถึงอะไร แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว คำของเขาจึงไม่ทำให้ฉันสับสน กลับกันยังเป็นการให้กำลังใจอีกต่างหาก
ขอบคุณนะคะ อยากกล่าวคำนี้ออกไป แต่ปากมันดักหนักอึ้งเสียได้
อย่างไรก็ตาม ฉันก็ได้ซื้อสร้อยมูนสโตนมาเป็นของตัวเอง มันเป็นหินสวยงามที่ผ่านการเจียระไนและแกะเป็นรูปจันทร์เสี้ยว เป็นดั่งที่วิเวียนกล่าว การซื้อของประดับติดไม้ติดมือไปด้วยระหว่างออกเดตเป็นขั้นตอนของความทรงจำที่จำเป็นจริงๆ
และเสียงของคนขายที่กระซิบบอก หลังจากฉันซื้อมันมายังคงดังก้องในหัว
สร้อยมูนสโตนรูปจันทร์เสี้ยว รักข้างเดียวที่คอยเฝ้าอธิษฐาน เสริมโชคชะตาด้านความรักได้ดี ผมเอาใจช่วยคุณลูกค้านะครับบ~
ปกติฉันไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไหร่นัก แต่ครั้งนี้เป็นข้อยกเว้น
Chapters
Comments
- ตอนที่ 28 ร้านอาหาร 10 ชั่วโมง ago
- ตอนที่ 26 ไลล่า 2 10 ชั่วโมง ago
- ตอนที่ 26 รุ่งสาง 2 วัน ago
- ตอนที่ 25 คืนแรก ณ อควาเดีย 2 วัน ago
- ตอนที่ 24 ลูเมนฮอฟ 2 2 วัน ago
- ตอนที่ 23 ลูเมนฮอฟ 1 2 วัน ago
- ตอนที่ 22 อาร์เจนตา 2 2 วัน ago
- ตอนที่ 21 รุ่งเช้า ระหว่างทาง 2 วัน ago
- ตอนที่ 20 ครอบครัว 2 วัน ago
- ตอนที่ 19 ไลล่า 1 2 วัน ago
- ตอนที่ 18 อาร์เจนตา 1 2 วัน ago
- ตอนที่ 17 วันออกเดินทาง 2 วัน ago
- ตอนที่ 16 ตัวตนของเด็กสาว 2 วัน ago
- ตอนที่ 15 ลูน่า 2 2 วัน ago
- ตอนที่ 14 ลูน่า 1 2 วัน ago
- ตอนที่ 13 ฝึกฝนยามเช้า 2 วัน ago
- ตอนที่ 12 เมืองแห่งสายน้ำ (เริ่มต้นบท 2) 2 วัน ago
- ตอนที่ 11 โทริส 3 (จบบทที่ 1) 2 วัน ago
- ตอนที่ 10.3 [ตอนยาว] ชิน เอเวอร์ไลท์ (3/3) 2 วัน ago
- ตอนที่ 10.2 [ตอนยาว] ชิน เอเวอร์ไลท์ (2/3) 2 วัน ago
- ตอนที่ 10.1 [ตอนยาว] ชิน เอเวอร์ไลท์ (1/3) 2 วัน ago
- ตอนที่ 9.3 [ตอนยาว] สัปดาห์สุดท้าย (3/3) 2 วัน ago
- ตอนที่ 9.2 [ตอนยาว] สัปดาห์สุดท้าย (2/3) 2 วัน ago
- ตอนที่ 9.1 [ตอนยาว] สัปดาห์สุดท้าย (1/3) 2 วัน ago
- ตอนที่ 8.2 [ตอนยาว] วันเกิด (2/2) 2 วัน ago
- ตอนที่ 8.1 [ตอนยาว] วันเกิด (1/2) 2 วัน ago
- ตอนที่ 7.2 [ตอนยาว] สาวปริศนา (2/2) 2 วัน ago
- ตอนที่ 7.1 [ตอนยาว] สาวปริศนา (1/2) 2 วัน ago
- ตอนที่ 6 เพียงฝัน 2 วัน ago
- ตอนที่ 5 โทริส 2 2 วัน ago
- ตอนที่ 4 โทริส 1 2 วัน ago
- ตอนที่ 3 ไม่เป็นไร 2 วัน ago
- ตอนที่ 2 เกิดใหม่ที่ต่างโลก 2 วัน ago
- ตอนที่ 1 ณ ห้วงแห่งหนึ่ง 2 วัน ago
MANGA DISCUSSION