ตอนที่ 17 วันออกเดินทาง
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ผมตื่นนอนเหยียดเขียนขึ้นสุดเท่าทำได้ ข้างตัวมีเด็กผู้หญิงผมสีแดงในชุดนอนลายน่ารักกำลังหลับไม่ได้สติ
เมื่อคืน หลังจากที่รูบี้รู้ว่าผมจะไม่อยู่อีกสักพักก็บุกเข้ามาในห้องผมพร้อมสำรับไพ่ เราเล่นเกมด้วยกันทิ้งท้าย จนสุดท้ายเธอก็หมดแรงและหลับไปก่อน
ผมเองก็อยู่ในสภาพอ่อนล้าจากการฝึกฝนร่วมกับลูน่าเมื่อตอนหัวค่ำ แขนขาต่างพากันร้องโอดครวญเร่งรัดให้ผมพักได้แล้ว
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงเอาแรงที่เหลืออันน้อยนิด จัดท่านอนของรูบี้ให้อยู่ในท่านอนตรง และแน่นอนว่า ผมไม่มีทางยอมนอนพื้นหรือโซฟา จึงนอนข้างๆเธอทั้งแบบนั้น
อันที่จริง ก็ไม่ใช่คืนแรกที่เธอมานอนกับผมแบบนี้สักหน่อย ผมไม่ต้องหาข้อแก้ตัวก็ได้นี่
ผมตัดสินใจแล้วว่าจะไม่หาข้อแก้ตัวใดๆ เพราะผมจะไม่ยอมรับผิดในสิ่งที่มันไม่ผิดนั่นเอง
หลังจากเตรียมชุดสำหรับเปลี่ยนเพื่อออกกำลังกายยามเช้า ผมก็ออกจากห้องเพื่อไปอาบน้ำยามเช้าที่ยังไม่มีใครตื่น
แต่วันนี้กลับผิดปกติไปจากทุกวัน
ผมได้ยินเสียงสาดน้ำลงพื้น มีคนเข้ามาใช้ก่อนผมเสียได้
ทางที่ดี ผมควรเดินไปรอที่อื่น รอที่ไหนก็ได้อย่างเช่นโรงฝึก ไปฝึกถือดาบไม้ฟาดลมสักร้อยรอบแล้วค่อยกลับมาเช็คดูก็ไม่เสียหาย แต่เสียงของคนใช้ก่อนหน้ากับเรียกผมไว้
“ท่านชินเหรอคะ?”
ถึงแม้เสียงจะดูสูงผิดจากยามปกติเล็กน้อย แต่บางทีอาจเป็นเพราะการปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปกับความสบายที่ให้สายน้ำที่ไหลผ่านร่างก็ได้ อย่างไรก็ตามผมก็จำได้ว่านั่นคือเสียงของอาร์เจนตา
“ครับ คุณใช้ไปก่อนได้เลยครับ ผมว่าผมจะไปฝึกหวดลมสักหน่อย”
“รอสักห้านาทีได้หรือเปล่าคะ ดิฉันอยากฝึกด้วยคน”
“ได้สิครับ ผมไปรอในโรงฝึกนะ”
เป็นข้อเสนอที่ไม่เลวเลย หากไม่นับวิเวียน อาร์เจนตาก็เป็นคู่ฝึกที่ดีที่ผมคิดว่าดีที่สุดแล้ว เผลอๆอาจจะดีกว่าวิเวียนที่ออมมือแล้วออมมืออีก ผมก็ยังเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะผมฝึกกับเมดคนนี้แทบทุกวันจนร่างกายรู้สึกชินมากกว่าก็ได้
หลังรออยู่หลายนาที อาร์เจนตาก็ปรากฏตัวในชุดเมดตัวเก่ง สวมแว่นไว้เรียบร้อย ในมือถือตะกร้าขนาดพอดีมือที่ข้างในมีผ้าขนหนูวางทับกันไว้สองผืน
มองเห็นเส้นผมสองสีของเธอที่ยังไม่แห้งสนิท คิดๆดูโลกที่ไม่มีไดร์เป่าผมก็ยุ่งยากใช่เล่น
“เอ่อ…เช็ดผมให้แห้งก่อนดีกว่ามั้ยครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไม่ใช่เรื่องหนักหนาสำหรับดิฉันเท่าไหร่…”
ผมเป็นคนผมสั้น แค่ผมไม่แห้งแล้วต้องขยับตัวเยอะๆยังหงุดหงิด แล้วอาร์เจนตาที่ผมยาวจะรู้สึกเหมือนกันหรือเปล่านะ
“เออ ถ้าไม่รังเกียจ ให้ผม เช็ดให้มั้ยครับ…”
กว่าจะรู้ตัวว่าดันเลือกประโยคที่ไม่น่าไว้วางใจสุดๆออกมา คำพูดของผมมันก็ออกไปเสียแล้ว
ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ ความนิ่งเงียบ
ไม่มีคำพูดใดระหว่างเราสองคนอยู่หลายนาที อย่างน้อยก็ในความคิดของผม ก่อนที่จะสังเกตเห็นว่าอาร์เจนตาเปิดปากขึ้นช้าๆ แต่ว่าไม่มีเสียง
คนที่ก่อผลเช่นนี้คือตัวผมเอง ดังนั้นผมควรเป็นคนตัดจบให้มันพ้นๆไป ถึงจะรู้สึกอายแปลกๆแค่ไหนก็ตาม
“อ่า เริ่มฝึกกันเถอะครับ”
“ค่ะ…”
คิดไปเองหรือเปล่านะ เหมือนน้ำเสียงของอาร์เจนตาเปลี่ยนไปอีกครั้ง เหมือนเธอพยายามทำให้ตัวเองดูเยือกเย็น แต่จริงๆกำลังร้อนรน
สาเหตุคงเป็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าหรือก็คือผมนั่นเอง
แต่ไม่ว่าน้ำเสียงในการพูดจะเป็นเช่นไร มันก็ไม่ได้ทำให้ฝีมือของเธอแย่ลงแม้แต่เสี้ยวเดียว
ด้วยความสามารถท่วมท้น เมื่อเธอสามารถใช้ทั้งเวทมนตร์และทักษะดาบที่มีมากกว่าผมได้อย่างครบถ้วน ผมจึงโดนไล่ต้อนอย่างง่ายดาย
ถึงแม้จะพยายาใช้ทั้ง [เอิร์ธ แฮนด์] และ [เอิร์ธ วอลล์] เข้าสนับสนุน แต่การบบุกด้วยความเร็วกลับไม่ลดเลยสักนิด ราวกับเธอพยายามสั่งสอนให้รู้จักช่องว่างของความแตกต่างของฝีมืออย่างไรอย่างนั้น
สุดท้าย ผมก็ล้มลง ปลายดาบไม้จ่อที่คอ เป็นอันบอกว่าผมแพ้อย่างสมบูรณ์
“ยังสุดยอดเหมือนเคยเลยนะครับ”
“ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่มั้ยคะ ท่านชิน”
น่าแปลก ที่ผ่านมาถ้าไม่ได้มีบาดแผลที่สามารถเห็นได้ เธอจะไม่แสดงท่าทีเป็นห่วงผมขนาดนี้ พอประกอบกับจังหวะหายใจที่ถี่ผิดปกติก็ยิ่งทำให้จินตนาการของผมเตลิดในทิศทางที่ไม่น่าเป็นไปได้
ไม่หรอกมั้ง…
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้หน้าตาแย่อะไร แต่ในฐานะที่ร่างกายภายนอกของผมยังเป็นเด็ก คงไม่มีทางที่จะเกิดเรื่องเหมือนพระเอกอานิเมะฮาเร็มหรือรอมคอมที่เคยดูในโลกก่อนแน่ ๆ
ขอให้ไม่ใช่ทีเถอะ…
แล้วคำภาวนาของผมก็โดนปัดเป่าไปพร้อมๆกับความกังวลในตอนที่อาร์เจนตายื่นมือมาหาผม
ผมจ้องมองมือเธอสลับใบหน้าที่เห็นกันทุกวันในระยะเวลาหนึ่งปี พลางคิดถึงเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นหลังจากนี้และความน่าจะเป็นหากผมจับมือกับเธอในตอนนี้
ช่างเถอะ ถึงตอนนั้น ค่อยยืนยันความคิดของตัวเองให้ชัดเจนก็พอ
แล้วผมก็จับมือของอาร์เจนตาเพื่อดึงตัวเองขึ้นมา แสงสีเขียวอ่อนแผ่ออกจากมืออีกข้างของเธอ ความเจ็บปวดตามกล้ามเนื้อค่อยๆหายไป
ไม่มีคำพูดใดๆหลังจากนั้น เป็นความโชคดีของผมที่การเตรียมใจยังไม่ต้องถูกหยิบมาใช้ในเวลานี้
คงต้องไปอาบน้ำชำระเรื่องราวในหัวออกไปสักหน่อย
…
หลังอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเสร็จสรรพ ผมก็เปลี่ยนเสื้อ เป็นชุดที่อาร์เจนตาเตรียมเอาไว้ให้
เธอเอามาวางไว้ให้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดนัก แม้ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นทุกวันก็ตาม เพียงแต่เหตุการณ์ก่อนหน้ามันถูกกระตุ้นให้กลับเข้ามาในหัวทั้งที่อุตส่าห์อาบน้ำเพื่อให้มันถูกกลบลงในตะกอนของห้วงความคิดแท้ๆ
ผมส่ายหน้าให้กับความไม่ได้เรื่องของตัวเอง สุดท้ายก็หยิบชุดที่อาร์เจนตาเตรียมมาให้ สวมใส่มันอยู่ดี
บางทีผมอาจจะคิดมากไป อาร์เจนตาอาจจะแค่เป็นห่วงผมมากกว่าทุกทีเพราะเมื่อวานฝึกซ้อมกันไปตั้งขนาดนั้นก็ได้
แต่ความคิดของผมก็เริ่มปรากฏเป็นรูปร่างอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนัก
พอแต่งตัวเสร็จ ก็เป็นเวลาของมื้อเช้า ทุกคนต่างร่วมรับประทานกันบนโต๊ะอาหารตัวยาว
มื้อเช้าวันนี้ชวนให้ผมนึกถึงคำว่า มื้อเช้าสไตล์อังกฤษ คือ บนจานประกอบไปด้วยไข่ดาวหนึ่งฟอน ไส้กรอกและเบคอนอย่างละสอง ที่ผ่านการทอดมาอย่างดี มีถั่วอบราดสอด มะเขือเทศที่มองเห็นได้ว่าครั้งหนึ่งเคยมีสีสันสดใสแต่เพราะโดนย่างจึงมีรอยไหม้ปรากฏเล็กน้อย ข้างๆกันมีเห็ดผัด ทั้งหมดกองกันอยู่ในหนึ่งจานใบเดียว
ตรงกลางโต๊ะที่พวกเรามีขนมปังก้อนกลมใส่ไว้ในตะกร้า กลิ่นเนยหอมหวนชวนน่ากินลอยโชยออกมา
บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบมีเพียงเสียงช้อน ส้อมและมีดที่กระทบกับจานอันเป็นภาชนะ มีจังหวะหนึ่งที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น
“ขอประทานอภัยค่ะ…”
มือของผมกับอาร์เจนตาสัมผัสกัน ไม่ใช่เป็นการจับมือ แต่เป็นการยื่นมือออกไปจะหยิบขนมปังก้อนกลบตรงกลางโต๊ะแล้วชนกันพอดี
“ไม่เป็นไรครับ เชิญก่อนเลย”
ผมชักมือกลับ แล้วก็ต้องกลับมานั่งคิดหนักว่าเมื่อสักครู่ตัวเองแสดงอากัปกิริยาสมเป็นเด็กออกไปหรือเปล่านะ
ขณะที่อาร์เจนตาขยับตัวช้าๆ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ผมเห็นเธอหันไปมองวิเวียนชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นวิเวียนก็กระแอมไอออกมา เสียงของเธอปรับเปลี่ยนความรู้สึกที่กลายเป็นหมอกควันลอยละล่องระหว่างผมและอาร์เจนตาได้เล็กน้อย
“ชิน หยิบขนมปังให้ฉันด้วย”
“อ๊ะ รับทราบครับ”
มือของอาร์เจนตาหดกลับไปแล้ว มองไล่จากโต๊ะขึ้นไป ก็เห็นเธอก้มหน้ามองจานที่ไข่ดาวแทบไม่พร่องลงไป ไส้กรอกเองก็เหมือนทานเข้าไปไม่มากนัก เบคอนยังคงวางอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ขยับเขยื้อนออกไปจากเดิมมาก
ส่วนที่หายไปมากที่สุดคงเป็นถั่วอบ ที่เหมือนเธอตักไปเล็กน้อย ที่เหลือแทบจะอยู่ในสภาพเดิมเกือบทั้งหมด
หากเป็นยามปกติ ผมคงกล้าเอ่ยปากถามมากกว่านี้ แต่เพราะความรู้สึกขุ่นมัวในใจ แม้ไม่ใช่เชิงไม่ดีต่อตัวเธอ แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะพูดออกไป
เวลามื้อเช้าของผมจึงเต็มไปด้วยฝุ่นที่ลอยฟุ้งในห้วงความคิด กับสายตาที่เหมือนคนหวาดระแวงกลัวคนจับได้
สุดท้าย อาร์เจนตาก็แทบไม่ได้ทานอะไรลงไปเลย
และวันนี้ก็เป็นวันที่นัดหมาย วิเวียน ผม อาร์เจนตา และลูน่าไปเปลี่ยนชุดหลังรับประทานมื้อเช้าเสร็จ คนที่เตรียมตัวเสร็จคนแรกเป็นผม ชุดออกเดินทางตัวเดียวที่โทริสและอลิเซียให้ผมใส่มา ผมยังคงใส่ได้ แต่ถ้าผมโตกว่านี้อีกสักนิด คงต้องเปลี่ยนเสื้อแล้ว
ผมมายืนรออีกสามคนที่หน้าบ้าน เคยได้ยินมาว่าผู้หญิงต้องใช้เวลาเตรียมตัวนานกว่าผู้ชายในเรื่องพวกนี้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ผมแค่มายืนรอก่อนเท่านั้น
“สวัสดี ค่ะ ท่านชิน”
เสียงหนึ่งเรียกผม ไม่ใช่เสียงที่คุ้นเคยนัก แต่ถ้าจำไม่ผิด…
พอหันไปมอง คนที่เรียกคือผู้ชาย ไม่สิ เธอคือผู้หญิงที่แต่งตัวเหมือนผู้ชาย เส้นผมของเธอเป็นสีทองเหมือนวิเวียน แต่ตัดสั้นไว้ระดับช่วงต้นคอ ผมด้านหน้าทางซีกขวาเหมือนจะยาวพอจนปิดดวงตาสีม่วงของเธอได้
ขณะที่ดวงตาอีกข้างของเธอดูเฉียบคม และกำลังจ้องมองมายังผมราวกับกำลังพิจารณาถึงบางสิ่งบางอย่างในตัวผม
ชุดที่เธอใส่เป็นชุดพ่อบ้าน ไม่ได้เป็นชุดเมดแบบคนอื่น หากให้เปรียบเทียบ เธอคงเหมือนไวโอเลตที่มักใส่ชุดคนสวนในการทำงานมากกว่า
รอยยิ้มบนใบหน้า เหมือนจะกระตุกเล็กน้อย บางทีคนกำลังเกร็งกับอะไรสักอย่างอยู่
ถ้าจำไม่ผิดชื่อของเธอคือ ไลล่า บางทีครั้งนี้อาจเป็นครั้งแรกที่ผมได้คุยกับเธอแค่สองคนเช่นนี้
“ส สวัสดีครับ”
กว่าผมจะได้เอ่ยทักทายเธอกลับไป ก็เป็นตอนที่สายลมอ่อนๆพัดมา เส้นผมด้านหน้าของเธอที่ปิดบังดวงตาอีกข้างเอาไว้ไหวเบาๆ
เห็นเธอรีบเอามือปิดไว้ไม่ให้มันเปิดเผยต่อหน้าผม บางทีคงเป็นความลับอะไรบางอย่าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องของผมที่จะต้องไปขุดคุ้ยมันขึ้นมา
“ไม่เป็นไรครับ”
“อีกสักพักกว่าทั้งสามคนจะออกมา…ค่ะ”
เหมือนเธอพยายามฝืนพูดสุภาพกับผมอยู่ อันที่จริงก็ไม่อยากให้เธอฝืน ถ้าหากเธอไม่ถนัด แต่อีกใจกลับคิดว่าบางทีการไปขัดเรื่องพวกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องดีนักเหมือนกัน เธอคงมีเหตุผลของเธอนั่นแหละนะ
“เอ่อ…”
“ไลล่าค่ะ”
“อ๊ะ ครับ ไม่ได้ลืมชื่อหรอกนะครับ”
ได้ยินเสียงเธอหัวเราะ หุหุ ออกมา เหมือนเธอจะรู้สึกผ่อนคลายขึ้นแล้ว อย่างน้อยการแสดงให้ดูตลกของผมก็ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี และยังมีโชคเข้าข้างที่เธอไม่ใช่คนคิดมากกับมุกจำชื่อไม่ได้
เอาล่ะ…
“คุณไลล่า รู้จักวิเวียนมานานแค่ไหนแล้วเหรอครับ”
“เอ… น่าจะเกือบสิบปี ทำไมเหรอคะ?”
หากผมตอบไปว่า ผมแค่อยากรู้อายุของวิเวียนเฉยๆ จะโดนต่อว่าหรือเปล่านะ แต่ทางเลือกที่ผมเลือกคือกลบเกลื่อนไปว่าผมแค่อยากรู้เฉยๆ
หลังจากนั้นเราสองคนคุยเรื่องเมดแต่ละคนในบ้าน จนกระทั่งทั้งสามคนออกมาพร้อมกัน
ลูน่าเปลี่ยนไปสวมชุดเหมือนเดรสสีขาวเปิดไหล่ เส้นผมสีฟ้าที่ปล่อยยาวรวบไว้เป็นหางม้า
วิเวียนในตอนนี้สวมชุดเหมือนนักบวช หรือแม่ชีที่พบเห็นได้บ่อย ชุดสีขาวส่งเสริมผิวของเธอ ทำให้ดูสว่าง เส้นผมสีทองปล่อยยาวเหมือนปกติ ทั้งที่เป็นแบบนั้นกลับดูมีประกายเงางามราวกับจะแผ่ออร่าออกมาได้
และสุดท้าย อาร์เจนตา ไม่รู้ทำไมถึงยังอยู่ในชุดเมด เธอเป็นคนเดียวที่ไม่มีอะไรแตกต่างจากยามปกติ นอกจากนี้ เธอยังดูเหมือนกำลังพยายามหลบหน้าผมอีกต่างหาก
แต่ละคนถือกระเป๋าสำหรับใส่สัมภาระของตนเองมาด้วย เหมือนผมที่ถือมันมา แต่หากเทียบกับขนาดกระเป๋าของผมคงเล็กกว่าใคร
“ขึ้นรถกันเถอะ”
วิเวียนว่าแล้วเดินขึ้นไปคนแรก ตามด้วยผม ลูน่าและอาร์เจนตา
ภายใน วิเวียนนั่งข้างผม ฝั่งตรงกันข้ามเป็นอาร์เจนตาที่นั่งเยื้องกับผมและลูน่าที่ตรงกันข้ามกับพอแบบพอดิบพอดี
รถม้าออกตัว เสียงกีบของมันกระทบพื้นช้าๆ ส่งเสียงบอกว่ายานพาหนะกำลังเคลื่อนตัวออกไปจากบ้านเอเวอร์ไลท์
ทิวทัศน์เปลี่ยนจากกำแพงของคฤหาสน์ กลายเป็นถนนที่สองข้างทางมีหญ้าขึ้น มีแหล่งน้ำที่ไหลผ่าน เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ
จากที่ชินตาก็กลายเป็นทิวทัศน์ที่ไม่คุ้น แรงเขย่าเบาๆเริ่มทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย
ระยะเวลาที่ดวงตาปิดเริ่มยาวนานกว่าระยะเวลาที่ได้ลืมตาตื่น จนในที่สุดผมก็ผล็อยหลับไป
…
ในความฝัน ผมสามารถรับรู้ได้ว่ามันไม่ใช่ความจริง
“—-”
เสียงใครบางคนเรียกชื่อของผมในโลกก่อน ผมหันไปมอง เห็นเด็กสาวผมสีทองสลับดำ ดัดผมเป็นลอนให้ความรู้สึกเหมือนลูกคุณหนูผู้สูงศักดิ์
เธอ คือคนที่เคยเป็นคนที่ผมรักมากๆคนนึง
ผมในความฝัน แม้จะตระหนักรู้ว่ามันคือความฝัน แต่ก็ไม่อาจควบคุมตัวเองได้ขนาดนั้น
อย่าว่าแต่ควบคุมร่างกายนี้เลย ผมในตอนนี้ ไม่ใช่ ชิน ผู้กลับมาชาติมาเกิด แต่เป็นตัวผมในโลกมนุษย์ เป็นเด็กหนุ่มวัยมัธยมปลาย
ผมวิ่งไล่ตามตัวเธอที่ปรากฏต่อหน้าผมในรูปร่างวัยมัธยมต้น ผ่านโถงทางเดินของโรงเรียนที่คุ้นเคย ผ่านฟุตบาทที่คุ้นตา ผ่านร้านรวงที่เคยแวะ ผ่านหน้าบ้านของใครบางคนที่ผมไม่เคยจะจำพวกเขาได้
ร่างของเด็กสาวคนนั้นค่อยๆเปลี่ยนไป จนกระทั่งเป็นวัยมัธยมปลายเช่นเดียวกันกับผม
เธอหันมา ใบหน้าที่แม้แต่ตอนนี้ก็ยังคงงดงามยิ้มแย้มให้
ก่อนที่วินาทีต่อมามันจะบิดเบี้ยว เหมือนช็อกโกเลตที่ละลาย ก่อนจะควบตัวรวมกันก่อเป็นใบหน้าของเธออีกรูปแบบในไม่กี่ชั่วอึดใจ
“ขยะแขยง”
ทั้งที่ริมฝีปากที่ผมมีโอกาสเคยได้ชิดใกล้ไม่รู้กี่ครั้ง ทั้งลำคอสีขาวนวลที่เธอเคยขอให้ผมพันผ้าพันคอให้ตอนเราไปเที่ยวบนภูเขาสูงด้วยกัน ไม่มีอะไรเลยที่เป็นสัญญาณบอกว่าเธอกำลังพูด
เสียงนั้น ดังในหัวของผมโดยตรง
“ฉันทำอะไรผิดไปเหรอ…”
รู้อยู่แล้วว่าไม่ได้คำตอบ แต่ก็อยากถามออกไป
เผื่อว่าลึกๆ ฉันเองก็อาจจะรู้ว่าเหตุใดเราถึงเลิกรากันไป
หรือว่าผมอาจจะดีไม่พอ ก็อาจเป็นไปได้เช่นกัน
“ใครก็ได้ ตอบฉันที…”
เสียงของตัวเองดังก้องอยู่บนท้องถนนที่ไร้ยานพาหนะใดๆ
“นายมันแย่ที่สุด”
สุรเสียงที่เธอไม่ได้อ้าปากเอ่ย แต่กลับแล่นเข้ามาในหัวผมโดยตรงยังคงตอกย้ำผมว่าเพราะเหตุใดกัน
ตอนที่ผมกำลังยืนคอตก ร่างกายไม่อาจขยับตามความต้องการที่อยากหนีจากตรงนี้ไปให้พ้นๆ เสียงของใครบางคนก็เรียกผมจากด้านหลัง
“ชิน”
“ท่านชิน”
หันกลับไป เห็นวิเวียนยืนยิ้ม ข้างๆเธอมีอาร์เจนตา แม้แต่ในฝันเธอก็ยังดูเป็นเมดสาวที่ดูเคร่งครัด เย็นชา เหมือนหุ่นเช่นเคย ไม่สิ ในฝันนั้นคงเป็นตัวเธอที่ตัวผมมองเธอเป็นเช่นนั้นมากกว่า
“ทั้งสองคน…”
ผมตระหนักได้อีกครั้งว่าร่างกายของตัวเองก็เกิดการเปลี่ยนแปลง
ผมกลายเป็น ชิน ประชากรของต่างโลกอีกครั้ง
“กลับกันเถอะนะ”
ทั้งสองเอ่ยขึ้นพร้อมกัน ผมพยักหน้าอย่างไม่ลังเล มือของหนึ่งในสองคนนั้นจับมือของผมเอาไว้ แล้วพาผมเดินกลับไปยังเส้นทางที่ผมวิ่งมา
…
ท้องฟ้าข้างนอกถูกย้อมด้วยสีของเวลากลางคืน เสียงมอนส์เตอร์ที่หากินตอนกลางคืนพากันกู่ร้องราวกับจะประกาศอาณาเขตหรือเส้นทางการออกล่าของตน
เหล่าแมลงร้องระงมในความมืด ผมค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น หลังปรับสายตาให้เคยชินกับแสงสว่างที่หายไปได้ไม่นานก็พบแต่ความมืดและบางอย่างที่บดบังทัศนวิสัยของผมอยู่ไปครึ่งหนึ่ง
ที่หัว สัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มบางอย่าง ผมรู้ได้ว่ามันไม่ใช่หมอนเพราะความแตกต่างที่ชัดเจน อันที่จริง จากประสบการณ์ชีวิตในโลกก่อน ผมสามารถระบุได้ด้วยซ้ำว่าผมกำลังนอนบนอะไร
แค่ผมไม่สามารถระบุได้ว่าผมกำลังนอนบน ‘ตัก’ ของใคร
“วิเวียน…”
“โห เดี๋ยวนี้กล้าเรียกกันห้วนๆแล้วแห๊ะ”
เสียงตอบรับดังจากเหนือหัวของผม เหนือสิ่งที่บดบังสายตาผมไปกว่าครึ่ง เป็นเสียงของคนที่ผมคิด สัมผัสที่มีจุดรับรู้เป็นหนังศีรษะที่มีเส้นผมสีดำปกคลุม และสิ่งที่ผมหนุน ณ ตอนนี้ก็คือตักของเธอ ตักของหญิงสาวผู้ถูกเรียกว่า สตรีศักดิ์สิทธิ์
“เป็นคุณจริงๆด้วย”
“อื้อ หนักมากเลยด้วย ใช้ [ฮีล] กันเหน็บกินตั้งสามรอบเลยล่ะ”
เป็นการหยอกล้อกันตามปกติระหว่างผมและเธอ มือข้างหนึ่งของเธอแตะที่หน้าผากของผม สัมผัสอุ่นๆแผ่เข้ามาทั้งที่ไม่ได้ร่ายเวทมนตร์ใดๆ
“ผมฝันร้ายด้วยล่ะ”
“หวังว่าคงไม่ได้ฝันถึงฉันนะ”
เธอว่าแล้วหัวเราะ หึหึ ในลำคอ หากผมบอกว่าในฝันนั้นก็มีเธอปรากฏตัวอยู่เหมือนกัน เธอจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกันนะ
ผมยันตัวเองลุกขึ้นนั่ง พร้อมกันนั้นมีวิเวียนคอยนั่งกำชับอยู่ด้านข้างว่าให้ค่อยๆลุก
“ผมเห็นคุณในฝัน”
“แปลว่าฉันคือฝันร้ายของเธอเหรอ”
วิเวียนไม่ได้มีท่าทีจะโกรธเคืองอะไร แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีดีใจเช่นกัน เป็นสีหน้าที่เดาอารมณ์ได้ยากพอๆกับอาร์เจนตา แต่ผมก็ตัดสินใจที่จะเล่าต่อ
“ผมฝันถึงโลกเก่า แต่คุณกับคุณอาร์เจนตามาดึงผมกลับโลกเดิม”
“แล้วว เธอชอบอยู่ในโลกไหนมากกว่ากันล่ะ”
คำถามของเธอไม่ควรเป็นคำถามที่ตอบยากเย็นอะไร แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังลังเล
ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะตัวผมเองก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้เช่นกันว่าผมชอบโลกไหนมากกว่ากัน
ใจหนึ่งยอมรับว่าต่างโลกแห่งนี้ เป็นโลกที่ไม่เลว ทั้งผู้คนหัวหลากสี มอนส์เตอร์มากมาย ราวกับได้เห็นโลกที่นิรมิตเพื่อเอาใจผมก่อนตาย แต่ประสบการณ์การสูญเสียที่ได้สัมผัสด้วยตัวเองก็เป็นของจริง
กลับกัน หากเป็นโลกก่อน ผมก็แค่ลูกคนมีตัง แต่ระบบสาธารณูปโภคก็ครบครัน มีไวไฟ มีอินเทอร์เน็ตให้หาข้อมูลเพียงกรอกคีย์เวิร์ดไม่กี่คำ ข้อมูลนับล้านก็ปรากฏต่อหน้า ยิ่งโลกที่กำลังก้าวสู่ยุค AI กลับยิ่งทำให้ชีวิตสะดวกสบายมากขึ้น จนมาถึงจุดนี้ผมคงต้องยอมรับว่า โลกนั้นเป็นโลกที่ผมรู้สึกเหงาไม่น้อย แตกต่างจากโลกนี้ที่มีคนรายล้อมเช่นนี้
“นั่นสินะครับ…”
ผมลากเสียงยานยาวออกไป ข้อดีและข้อเสียของทั้งสองโลกทำให้ผมลังเลที่จะเลือก แต่ไม่ว่าจะเลือกข้อไหน ความจริงอย่างหนึ่งก็ยังไม่เปลี่ยน
“ไม่ว่าจะเลือกอะไร ผมก็ตายจากโลกก่อนไปแล้วครับ ตอนนี้ผมเป็น ชิน เอเวอร์ไลท์ เป็นคนในครอบครัวของคุณ”
“อื้อ ฉันชอบในคำตอบนี้นะ ให้สี่สิบเก้าจุดห้าคะแนนเลย”
อยากถามจริงๆว่าเต็มห้าสิบหรือเต็มร้อยกันแน่ แต่เธอบอกว่าชอบนี่นะ คงเป็นอย่างแรกล่ะมั้ง
หลังจากผมตื่นและตอบคำถามของวิเวียนจบ ประตูของรถม้าก็เปิดออก
ไลล่ายื่นหน้าเข้ามา เอ่ยถามผมถึงอาการที่ผมเป็น ดูเหมือนเธอจะเข้าใจว่าผมป่วยจนเป็นลมสลบลงไป
ผมบอกเธอว่าไม่เป็นไรแล้วเดินลงจากรถม้า แต่ไลล่าไม่หมดห่วงง่ายๆ เธอคอยพยุงผมตั้งแต่ขาเหยียบบันไดทางลงควบทางขึ้นก้าวแรก จนถึงก้าวสุดท้าย จากนั้นก็จูงมือผมไปยังจุดตั้งแคมป์
ตรงนั้นมีแคมป์ไฟจุดไว้ หากยึดตรงนี้เป็นกึ่งกลาง ฝั่งขวาจะมีเต็นท์ตั้งไว้สองหลัง ทั้งสองเป็นเต็นท็ง่ายๆที่เอาไม้ค้ำตรงกลางผ้าพื้นใหญ่ สี่มุมตอกสมอบกเอาไว้ ที่พื้นมีผ้าอีกชิ้นวางอยู่เต็มพื้นที่ภายใต้หลังคาผ้า
ส่วนทางฝั่งซ้ายมีอาร์เจนตากำลังย่างมอนส์เตอร์ที่รูปร่างเหมือนกระต่ายแต่ตัวใหญ่พอๆกับหมาพันธุ์บีเกิ้ลอยู่ กลิ่นเนื้อที่ถูกย่างส่งกลิ่นหอมหวนชวนน้ำลายสอ
ผมถูกพาไปนั่งลงที่ฝั่งตรงกันข้ามกับเมดสาวผมสองสี ได้ยินเสียงยุกยิกๆมาจากทางเต็นท์ สักพักลูน่าก็เดินออกมา
“คืนนี้ ฉันนอนกับคุณไลล่าและคุณอาร์เจนตา ส่วนนายนอนกับท่านวิเวียนนะ”
ดูเหมือนว่าระหว่างที่ผมหลับไปบนรถม้าและฝันเป็นเรื่องเป็นราว พวกเธอจะจัดกันเรียบร้อยแล้วว่าคืนนี้ใครจะนอนอย่างไรกันบ้าง
ผมไม่ติดขัดอะไรกับการจัดการดังกล่าว จึงไม่ได้กล่าวแย้ง
มื้อเย็นที่ทานตอนค่ำกว่าปกติของพวกเรามีเพียงเนื้อของมอนส์เตอร์ตัวนั้น เนื้อของมันนิ่ม แต่รสชาติเค็มเป็นพิเศษ เป็นการย่างเกลือโดยตรงแบบไม่ปรุงแต่งอย่างอื่นเพิ่ม
หลังรับประทานมื้อเย็นเสร็จสิ้น พวกเราวางเวลาเฝ้ายามไว้ โดยรอบแรกจะเริ่มที่ผมกับไลล่าและอาร์เจนตา แต่ก็ใช่ว่าการเฝ้าเวรยามจะเริ่มต้นขึ้นเลยในทันที
ก่อนหน้าคนที่ไม่มีหน้าที่จะเข้านอน วิเวียนก็ดึงตัวผมไปคุยเสียก่อน
รู้สึกเหมือนมีสายตาจ้องมองตอนผมลุกแล้วเดินตามวิเวียนไป แต่ผมไม่ได้ใส่ใจนัก
เธอพาผมเดินมาจุดที่ห่างจากตำแหน่งกางเต็นท์เล็กน้อย หันหลังกลับไปมองจากตรงนี้ก็ยังพอเห็นแสงไฟจากเปลวเพลิงของแคมป์ไฟลางๆ แต่ไม่สว่างมากนัก
บุคคลตรงหน้าผม หากพิจารณาจากสายตาของผม เธอคือวิเวียน ไม่ใช่วิญญาณร้ายในป่าปลอมตัวมาหลอกลวงแน่นอน
“มองอะไรเหรอ?”
เธอเอียงคอถาม ผมรีบตอบปฏิเสธ บางทีที่ที่เธอจากมาอาจจะไม่มีความเชื่อเรื่องผีป่าก็เป็นได้
“หรือว่ากลัวว่าฉันเป็นตัวปลอม?”
“อ๊ะ ทำไมถึงรู้ล่ะครับ”
“มีใครเคยบอกเธอว่าเธอซ่อนสีหน้าไม่เก่งบ้างมั้ย”
“มีคนชื่อวิเวียน อะไรนี่แหละครับ”
หลังหยอกล้อกันพอประมาณ วิเวียนก็ไขกระจ่างความสงสัยของผม เธอบอกว่าในป่าบางที่มีมอนส์เตอร์ที่สามารถใช้เวทลวงตาทำให้คนสับสนเห็นคนที่ตัวเองรักหรือคนที่ตัวเองคิดถึงอยู่ได้จริงๆ
“แบบนั้นเหมือนบอกว่าผมรักคุณอยู่เลย”
“แล้วไม่ใช่หรือไง”
“จะใช่ได้ยังไงล่ะครับ แต่ถ้าในฐานะครอบครัวก็คงใช่แหละนะ”
ผมว่า ทั้งที่ในใจจริงๆก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเองรู้สึกกับวิเวียนแบบครอบครัวจริงๆหรือเปล่า รวมถึงหากมีมอนส์เตอร์ตัวนั้นโผล่มา ผมก็ไม่รู้ด้วยว่าคนที่จะปรากฏต่อหน้าผมจะเป็น เด็กสาว จาก โลกก่อน หรือว่าคนอื่น
“เดินห่างออกมานานๆ สามคนนั้นจะเป็นห่วงเปล่าๆ ขอเข้าเรื่องเลยนะ”
พอเธอตัดบทสนทนาก่อนหน้าของเราเอาไว้แต่เพียงเท่านี้ ผมก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่กดดันยิ่งขึ้น ในใจเกิดความกังวลบางอย่าง
“เธอ รู้อยู่แล้วใช่มั้ย”
“ค ครับ”
เธอไม่ได้ระบุชัดเจนว่าตัวเองหมายถึงอะไร แต่ผมพอคาดเดาได้คร่าวๆ
“เมื่อถึงตอนนั้น ผมจะพูดออกไปตรงๆครับ”
“อื้อ ดีแล้วล่ะ แต่ฉันก็อยากให้เธอคิดทบทวนดีๆก่อนจะตอบอะไรออกไปนะ”
“ข เข้าใจแล้วครับ”
ทั้งที่เป็นคำพูดปกติ แต่ผมกลับรู้สึกกดดันอย่างน่าประหลาด บางทีนั่นอาจจะไม่ใช่คำแนะนำแต่เป็นคำเตือนในฐานะผู้นำของบ้านเอเวอร์ไลท์
“แล้วก็”
ดูเหมือนยังเหลือธุระอีกหนึ่งอย่างที่เธอต้องการคุยกับผม
ครั้งนี้เป็นเรื่องที่ผมไม่รู้ แต่ความรู้สึกกดดันจากหัวข้อก่อนหน้ายังไม่หายไป ทำให้ตอนเธอเรียกผมหยุดหายใจไปแวบหนึ่งเลยทีเดียว
“มีอะไรเหรอครับ”
“อควาเดีย ถึงจะมีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยว แต่มีบางอย่างไม่ชอบมาพากลอยู่ ระวังตัวเอาไว้ด้วยล่ะ”
การฟังคำเตือนเอาไว้ก่อนไม่ใช่เรื่องเสียหลาย ผมพยักหน้ารับฟังคำเตือนของวิเวียนในฐานะผู้มีประสบการณ์บนโลกนี้มากกว่า
จากนั้น เราก็กลับไปยังเขตของที่พัก ผมกล่าวราตรีสวัสดิ์กับวิเวียนในตอนที่เธอเดินเข้าไปนอนพักภายในเต็นท์
ดวงจันทร์ กับป่าและเสียงแมลงยามค่ำคืน ผมหลงใหลไปกับบรรยากาศที่โลกก่อนไม่เคยสัมผัส
ดวงดาวส่องประกายบนท้องฟ้า คิดๆดูแล้วโลกนี้จะมีความก้าวหน้าทางการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์หรือเปล่านะ แต่ก็มีสิ่งประดิษฐ์มากมายบางทีคงมีอยู่ แต่เรื่องดาราศาสตร์ในทำนองมีความคิดจะย้ายถิ่นฐานไปดาวอื่นในอาณาเขตที่มือเอื้อมไม่ถึงคงยังไม่เกิดขึ้น
ระหว่างที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆกับการมองดาวที่ผมไม่รู้ชื่อ แค่รู้สึกว่ามันสวยดีเลยเงยหน้ามอง หูของผมก็ได้ยินเสียงใครบางคนเดินเข้ามาใกล้และนั่งลงข้างๆ
“ขอดิฉันนั่งด้วยคนนะคะ”
เป็นอาร์เจนตานั่นเอง
ส่วนคำขอของเธอ ผมไม่ได้ตอบ แต่เดิมทีมันก็ไม่จำเป็นต้องตอบ เธอนั่งลงก่อนที่จะถามผมแล้วด้วยซ้ำ
เสียงสะเก็ดไฟปะทุดัง ครึ่กๆ แมลงเริ่มส่งเสียงร้องระงม เหมือนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างบินผ่านหัวของพวกเราไป ได้ยินมันร้อง ปี๊บๆ แต่เราไม่ได้สนใจ ตราบใดที่มันไม่เป็นภัย
สัมผัสของผม บอกว่าคนข้างๆมีเรื่องราวในใจ แต่ตัวผมเองก็ไม่มั่นใจนักว่าคนที่มีคือตัวผมเองเลยพาลให้คิดว่าเธอมี หรือเพราะเธอมีจริงๆผมจึงรู้สึกเช่นนั้นกันแน่
ท่ามกลางบรรยากาศยามค่ำคืน ได้ยินเสียงไลล่าลุกขึ้นยืน เติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ มันส่งเสียงดัง ซู่ แรงๆ หนึ่งครั้งก่อนจะค่อยๆเงียบลงไป
“พระจันทร์…”
หือ?
เสียงของอาร์เจนตาดังขึ้นมา ผมหันขวับไปมองเธอ
จะเริ่มต้นขึ้นแล้วเหรอ…
หากไม่นับวิเวียนที่ผมสนิทมากที่สุด อาร์เจนตาก็คงเป็นคนที่ผมสนิทด้วยมากที่สุด รองลงมาจากนั้นคงเป็นรูบี้ที่ชอบมาเล่นกับผม
หากเธอเอ่ยความในใจออกมา และผมจำเป็นต้องบอกความคิดของผมไปจริงๆ บางทีมันอาจจะส่งผลถึงความสัมพันธ์ภายในบ้าน
นั่นคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก วิเวียนจึงเตือนผมให้คิดทบทวนดีๆก่อนที่จะตอบรับอะไรออกไป ไม่ว่าจะตกลงหรือปฏิเสธก็ตาม
“พระจันทร์ในคืนนี้สวยดีนะคะ”
ประโยคบอกความในใจทางอ้อมแบบคลาสสิคที่สุดเท่าที่ผมนึกออกได้เกิดขึ้นบนโลกนี้แล้ว
ผมกลืนความกลัวลงคอ แต่พอทำเช่นนั้นก็รู้สึกได้ว่าลำคอของตัวเองแห้งผาก ผมพยายามเรียกความกล้าที่จะเปล่งเสียงออกมา แต่สิ่งที่ออกมากลับมีแค่เสียง อ่า อันน่าสมเพชเท่านั้น
“ที่บ้านเกิดของดิฉัน พระจันทร์ถือเป็นตัวแทนของเทพีแห่งความรัก ว่ากันว่าถ้าคนรักสาบานกันใต้สายตาของพระองค์ จะได้ครองรักกันตลอดไป…”
บทพูดคุยตกเป็นของอาร์เจนตาแต่ฝ่ายเดียว ผมได้แต่นั่งเงียบแล้วฟังเธอพูดต่อไป
“แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ในชีวิตของดิฉันก็เห็นคู่รักที่สารภาพรักกันภายใต้สายตาของพระองค์เลิกกันมาหลายคู่แล้ว จนเกือบหมดศรัทธาเลยค่ะ”
เธอเล่าด้วยน้ำเสียงเงียบๆ ผมเองก็เริ่มเดาไม่ถูกแล้วว่าเธอต้องการจะทำอะไรกันแน่
“ดิฉันรู้ว่าท่านชินเองก็ไม่ใช่เด็กทั่วไป บางทีท่าชินอาจจะ…”
เสียงของเธอเงียบหายไป แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือนิ้วของเธอแตะลงบนนิ้วของผม เริ่มจากนิ้วชี้ ไล่มาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายก็กลายเป็นว่ามือของเธอวางอยู่บนมือของผม
เธอออกแรงบีบเบา ๆ สัมผัสอุ่นของร่างกายเธอส่งผ่านเข้ามายังผมผ่านมือของเราที่สัมผัสกันเช่นนั้น
ผมจ้องดวงตาที่ซ่อนอยู่หลังแว่นของเธอ มันไม่มีทั้งความสั่นไหวหรือความลังเล
Chapters
Comments
- ตอนที่ 31 ช่วยทีนะ 48 นาที ago
- ตอนที่ 30 คืนก่อนงานเลี้ยง 48 นาที ago
- ตอนที่ 29 เรื่องแปลกๆ 2 วัน ago
- ตอนที่ 28 ร้านอาหาร พฤษภาคม 19, 2025
- ตอนที่ 26 ไลล่า 2 พฤษภาคม 19, 2025
- ตอนที่ 26 รุ่งสาง พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 25 คืนแรก ณ อควาเดีย พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 24 ลูเมนฮอฟ 2 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 23 ลูเมนฮอฟ 1 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 22 อาร์เจนตา 2 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 21 รุ่งเช้า ระหว่างทาง พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 20 ครอบครัว พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 19 ไลล่า 1 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 18 อาร์เจนตา 1 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 17 วันออกเดินทาง พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 16 ตัวตนของเด็กสาว พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 15 ลูน่า 2 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 14 ลูน่า 1 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 13 ฝึกฝนยามเช้า พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 12 เมืองแห่งสายน้ำ (เริ่มต้นบท 2) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 11 โทริส 3 (จบบทที่ 1) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 10.3 [ตอนยาว] ชิน เอเวอร์ไลท์ (3/3) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 10.2 [ตอนยาว] ชิน เอเวอร์ไลท์ (2/3) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 10.1 [ตอนยาว] ชิน เอเวอร์ไลท์ (1/3) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 9.3 [ตอนยาว] สัปดาห์สุดท้าย (3/3) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 9.2 [ตอนยาว] สัปดาห์สุดท้าย (2/3) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 9.1 [ตอนยาว] สัปดาห์สุดท้าย (1/3) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 8.2 [ตอนยาว] วันเกิด (2/2) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 8.1 [ตอนยาว] วันเกิด (1/2) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 7.2 [ตอนยาว] สาวปริศนา (2/2) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 7.1 [ตอนยาว] สาวปริศนา (1/2) พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 6 เพียงฝัน พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 5 โทริส 2 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 4 โทริส 1 พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 3 ไม่เป็นไร พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 2 เกิดใหม่ที่ต่างโลก พฤษภาคม 17, 2025
- ตอนที่ 1 ณ ห้วงแห่งหนึ่ง พฤษภาคม 17, 2025
MANGA DISCUSSION