เวลานี้ ดวงตะวันยังไม่ลับขอบฟ้า และฉัน – เอรี่ ก็ยังอยู่นอกบ้าน
ในเมืองอควาเดียแห่งนี้ จุดเด่นคือการนั่งรถม้าชมเมือง ไม่ก็นั่งเรือชมรอบเมือง
พวกนักท่องเที่ยวไม่รู้หรอกว่าใต้พื้นน้ำนั้นมีอะไรกองทับถมกันอยู่ ไม่มีใครรู้นอกจากชาวเมืองที่อยู่ที่นี่
ดังนั้นสำหรับพวกเรา เมืองแห่งนี้จึงไม่ใช่เมืองที่สวยงามดั่งคำรำลือ ไม่ใช่เมืองที่เจริญไปด้วยผู้คนอันดีงาม
แต่เป็นเมืองที่ซุกทุกอย่างไว้ใต้พรมต่างหาก
ฉันที่กำลังคิดเช่นนั้น ขณะมองคู่รักนักท่องเที่ยววัยชรานอนสลบไสลอยู่บนเรือ พลางคิดเกี่ยวกับทั้งสองคนว่า บางทีครั้งนี้คงเป็นการเที่ยวครั้งสุดท้ายของพวกเขาแล้วก็ได้
เรือลำน้อยที่มีผู้โดยสารสองถึงสี่คนกับฝีพายหนึ่งคน ลำแล้วลำเล่าเคลื่อนที่ผ่านหน้าไป พอจ้องไปนานๆก็เริ่มเบื่อ ฉันจึงลุกออกจากที่ประจำแล้วไปเดินเตร่ในเมือง
ร้านขายขนมปัง ฉันรู้จัก กลิ่นขนมปังที่เพิ่งอบเสร็จใหม่หอมดี แต่ฉันไม่มีเงินที่จะซื้อ ถึงแม้จะอยากก็ตาม
ร้านขายหนังสือ… ทำให้ฉันนึกถึงเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เขาชอบมันมาก แต่ฉันเริ่มที่จะนึกหน้าของเขาไม่ออก เสียงของเขา ฉันก็หลงลืมมันไปเสียแล้ว
ร้านขายของเก่า เสียงตะโกนของเจ้าของร้านเรียกลูกค้าให้มาซื้อพลางอวดข้อดีของการมีของเก่าไว้ในครอบครองต่าง ๆนานา ในมุมมองของฉันเรื่องพวกนั้นมันจะเป็นอย่างไรก็ช่างเถอะ ราคาแพงระดับนั้น คนที่ซื้อได้ก็มีแต่พวกมีแต่เงินเท่านั้นแหละ
ฉันเดินผ่านร้านอีกมากมายที่คุ้นตา ร้านแว่น ร้านรับวาดรูป ร้านขายเครื่องดื่มแปลกๆ และก็หยุดที่หน้าร้านแห่งหนึ่ง
ร้านที่เด็กอย่างฉัน ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้า
แต่ฉันก็เคยเห็นเด็กผู้หญิง ที่น่าจะโตกว่าฉันพอสมควรเข้าไปในนั้นอยู่ครั้งถึงสองครั้ง
“ไม่ใช่ที่สำหรับเด็กนะ”
ผู้ชายรูปร่างใหญ่สูงคนหนึ่งกล่าว สีหน้าดุดูเข้มของเขาราวกับยักษ์ผู้พิทักษ์ประตูของถ้ำมหาสมบติในนิทาน หากเป็นผู้กล้าคงบุกทะลวงเข้าไปได้ แต่ฉันไม่ใช่ และเพียงการยืนเฉยๆของเขาก็มากพอที่จะทำให้ฉันไม่กล้าเดินไปไกลกว่านี้
“อ้าว แม่หนู ลูกของไอลินนี่หน่า”
ฉันกำลังจะหันหลังกลับ แต่ก็มีชายคนหนึ่งเรียกฉันเอาไว้
ไอลิน คือชื่อของแม่ของฉัน ฟังแล้วสอดคล้องกับเอรี่ดี ซึ่งคนที่เรียกฉันเอาไว้คงไม่รู้ชื่อจริงของฉัน แต่จดจำได้เพราะฉันเป็นลูกสาวของแม่ แปลว่าเขาคือลูกค้าคนหนึ่งของแม่
และคงเป็นลูกค้าที่มาหาแม่ที่บ้านจึงเคยเห็นหน้าฉัน…
“ส สวัสดีค่ะ”
เขาคือคุณลุงเจ้าของร้านคนหนึ่ง ตามตัวของเขามีกลิ่นเครื่องเทศติดตัวเสมอ ฉันคิดว่าเขาคงทำร้านเกี่ยวกับอาหารในสักด้าน
“ว่าไง แม่หนูมาหาแม่เหรอ”
“ค ค่ะ”
เขาเป็นคนที่ท่าทางใจดี ฉันจึงไว้ใจเขามากกว่าลูกค้าคนอื่น ๆของแม่ แต่บางส่วนในใจของฉันก็คอยเตือนบอกว่าเขาคนนี้ปิดบังอะไรบางอย่างเอาไว้
‘สวยเหมือนแม่’ เป็นคำชมที่เขามักกล่าวกับฉันเมื่อเราเจอกัน และมักมีรอยยิ้มให้เสมอ แต่…
รอยยิ้มที่เขามีมันแตกต่างจากที่ผู้ชายคนอื่นยิ้มให้
บางคนมักยิ้มให้ฉันด้วยความรู้สึกสมเพชปนสงสาร บางคนยิ้มให้เพราะเอ็นดู
บางคนแสร้างยิ้มไปงั้น แต่ผู้ชายคนนี้ยิ้มอีกความหมายหนึ่งให้ฉัน
ฉันยังเด็กอยู่ อย่างน้อยถ้าเทียบกับเด็กผู้หญิงที่เข้าไปในสถานที่ตรงหน้า ฉันก็คิดว่าร่างกายของฉันไม่มีอะไรที่น่าดึงดูด
ฉันจึงไม่อยากคิดในเชิงนั้น
บางทีอาจเหมือนการหลอกตัวเอง ทั้งที่ตัวเองก็รู้ว่าสายตาที่เขามองฉัน มันคล้ายคลึงกับเวลาที่เขามองแม่ของฉัน
“ขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวก่อนสิ แม่หนู”
ฉันไม่หยุดฟังเสียงเรียกของเขา ในใจสังหรณ์ว่าผู้ชายรุ่นแก่กว่าแม่คนนี้จะชักชวนไปยังเส้นทางที่ตัวเองจะหันหลังกลับไปไม่ได้อีก
และฉันไม่อยากเป็นแบบนั้น ดังนั้นจึงไม่ฟัง แม้จะโดนเรียกซ้ำแล้วซ้ำเล่าแค่ไหนก็ตาม
…
ภายในอาคาร ควันธูปจากกระถางทรงกลมส่งกลิ่นหอม ชวนให้สติเคลิบเคลิ้ม ร่างกายของฉันรู้สึกบอบช้ำเล็กน้อยจากชายร้านขายอาหารคนก่อนหน้า เขาดูแก่กว่าสามีของฉันที่เสียไปแล้วเสียอีก แต่นิสัยของเขากับดุร้าย แตกต่างจากตอนต้อนรับลูกค้าอย่างสิ้นเชิง
เพื่อครอบครัวของเราที่มีเพียงฉันและ เอรี่ ลูกสาวของฉัน มันไม่มีทางเลือกอื่น
สีชมพูคือสีที่ฉันมองเห็น ไม่ว่ามองไปทางไหนก็เห็นแต่สีชมพู
เสียงที่ฉันได้ยิน เป็นเสียงที่คล้ายคลึงกับฉันในช่วงเวลาก่อนหน้า ผู้หญิงมากหน้าหลายตาต่างใช้ร่างกายในการหารายได้ ไม่ว่าจะเป็นงานประจำหรืองานเสริมก็ตาม
ฉันเองก็เหมือนกัน แม้ในตอนเช้าตรู่ ฉันจะออกไปขายขนมประเภทคุกกี้ทำมือ แต่รายได้แค่นั้นมันไม่พอจะจุนเจือครอบครัวให้มีความสุขได้ แค่คิดจะเอาตัวให้รอดวันต่อวัน ยังเป็นการใช้ดวงที่มากเกินไป
หลังเสร็จสิ้นกิจกรรมกับลูกค้ารายล่าสุด ฉันมีเวลาอาบน้ำควบเวลาพักหนึ่งช่วงนาฬิกาทราย
ฉันทำความสะอาดร่างกาย ฟอกสบู่ให้ร่างกายเกิดกลิ่นหอมขึ้นมาเหมือนสินค้าที่ยังสดใหม่ จากนั้นแต่งตัวแล้วออกไปรับใช้ลูกค้าอีกครั้ง
ครั้งนี้เป็นผู้ชาย เส้นผมสีฟ้าของเขาไว้ยาว มองจากด้านหลังที่เขาหันมาชั่วขณะหนึ่งเห็นว่ามันยาวจนปิดช่วงหลังคอ ปอยผมยาวปิดหู ใบหน้าไว้หนวดและเคราสีเดียวกับเส้นผมทำให้ดูหล่อเข้ม
เขาเป็นชายที่ดูโดดเด่นกว่าคนที่ฉันเคยพบเจอมาตลอดชีวิต หากจะกล่าวว่าหน้าตาดีกว่าสามีคนเก่าของฉัน ก็ไม่เกินเลย และด้วยตัวตนที่โดดเด่นเช่นนี้ ฉันจึงจำได้ว่าเขาเป็นลูกค้าประจำของที่แห่งนี้ แต่ไม่ใช่ลูกค้าของฉัน
“สวัสดีครับ คุณไอลิน”
“ค ค่ะ สวัสดีค่ะ”
อาจเป็นเพราะตัวตนที่ดูผิดแผกจากลูกค้าทุกคนที่ฉันเคยสนทนาด้วยตรงๆ ของเขาทำให้ฉันรู้สึกเก้ๆกังๆกับการทักทายครั้งนี้ รู้สึกผิดหวังในตัวเองนิดหน่อยที่ทำงานนี้มาก็กว่าครึ่งปีแล้ว แต่ยังมีอากัปกิริยาเหมือนช่วงแรกที่เพิ่งเริ่มทำงานนี้เสียได้
เขาหัวเราะ หึหึ ออกมา ไม่มีท่าทีว่าจะโกรธอะไรในความผิดพลาดของฉัน
เขายิ้มให้แล้วเดินเข้ามา ก่อนจะถอดเสื้อผ้าออก เผยผิวกายข้างในที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ
มีลูกค้าไม่กี่คนนักหรอก ที่ร่างกายจะมีหุ่นเช่นนี้ เขาคงเป็นสักคนที่สองหรือสามที่ฉันพบในสถานที่แห่งนี้
เราสองคนร่วมกิจกรรมกัน ตามหน้าที่ของฉัน และตามความต้องการของเขา
เวลาผ่านพ้นไป กลิ่นหอมจากกระถางรูปยังคงไม่จางหาย ควันสีขาวลอยฟุ้งในห้อง พัดพาสติของเราสองเป็นกว่าครึ่ง
เรากอดกันด้วยร่างเปลือยเปล่าภายใต้ผ้าห่มสีขาวผืนน้อยที่ไม่น่าเชื่อว่าจะห่อตัวเราทั้งสองคนเอาไว้ด้วยกันได้พอดิบพอดี
“คุณไอลิน ผมมีข้อเสนอ”
“ว่ามาสิคะ เฮนริค”
น้ำเสียงของฉันแสดงความสนใจออกไป ส่วนหนึ่งก็เป็นการแสดงเพื่อดึงดูดให้เขาอยากพูดเนื้อหามากกว่านี้ แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นความสนใจจากในจริงของฉันเอง
เขาไม่ตอบในทันที แต่ยิ้มให้และกระซิบที่ข้างหู
“ถ้าคุณตอบตกลง คุณจะเป็นของผมตลอดไป”
“เป็นของคุณ…”
เสียงแผ่วเบาของเขาทำให้หัวใจรู้สึกยวบยาบ ลมหายใจอุ่นของเขาที่รดบนร่างกายก่อให้เกิดรู้สึกร้อนเหมือนหญิงสาวที่เพิ่งพบรักเป็นครั้งแรก
ริมฝีปากของฉัน สัมผัสกับริมฝีปากของเขา คนเริ่มต้นเช่นนั้นคือฉันเอง
“จูบเมื่อกี้ แทนคำตอบได้หรือเปล่า…”
ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองยิ้มหน้าบานแค่ไหน แต่รู้ตัวว่าตนเองกำลังรู้สึกดีใจอยู่เป็นแน่
หลังจากเราตกลงกันเรียบร้อย เขาก็ออกมาชำระค่าใช้จ่าย
ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่ใช้บริการ แต่เป็นเงินสำหรับซื้อตัวฉันออกไป
“รีบกลับไปบอกลูกสาวของคุณเถอะครับ”
เอ๊ะ… ฉันเคยบอกเรื่องลูกสาวของฉันเหรอ?
คำตอบคือ ไม่เคย ฉันมั่นใจว่าเช่นนั้น แต่ช่างประไร
เขาเป็นคนรวย มีเส้นสายบางทีคงสืบเรื่องราวของฉันมาแต่แรกแล้ว เลยรู้เรื่องครอบครัวของฉันด้วยเช่นกัน
พอคิดเข้าข้างตัวเขาเช่นนั้น หัวใจก็รู้สึกพองโต
ฤดูใบไม้ผลิของฉัน กลับมาเยือนอีกครั้งหลังการสูญเสียที่หมู่บ้านไร้ชื่อนั้นไปราวครึ่งปี
คืนนั้น ฉันทะเลาะกับลูกสาวอย่างหนัก ไม่สิ เป็นการโวยวายฝ่ายเดียวของเอรี่ที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของบ้านเราและบางทีอาจจะยังลืมพ่อของเขาไม่ได้
แต่ไม่ว่าอย่างไร เราสองคนก็ต้องอยู่ด้วยกัน
ถ้าเธอไม่ทำ ฉันก็จะบังคับให้เธอทำเอง
เช้าวันรุ่งขึ้น เอรี่หายตัวไป หาทั่วบ้านหลังเล็กของเราก็ยังไม่พบ แต่สามีใหม่ของฉันก็ส่งคนไปตามหาจนเจอตัวในเวลาไม่กี่นาที ราวกับรู้อยู่แล้วว่าเธอจะไปหลบซ่อนตรงไหน
เธอถูกอุ้มมาโดยลูกน้องของเฮนริค ฉันเห็นขาของเธอตีส่งเสียงดังพั่บๆใส่แผ่นหลังหนาๆของเขา แม้จะดูน่าสงสาร แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้
เมื่อเธอโตขึ้น คงเข้าใจเองว่าฉันทำไปด้วยความหวังดี
“เอาล่ะ สมาชิกครอบครัวก็ครบแล้ว ออกเดินทางกันเถอะ”
เขาสั่งให้คนขับรถม้าออกเดินทาง สัมภาระเก่าถูกทิ้งไว้ในบ้านหลังเล็ก
ฉันมองแทนการอำลาบ้านที่เรามาอยู่อาศัยตลอดระยะเวลาที่อยู่เมืองนี้ ลาก่อนชีวิตในโลกใบเก่า
พวกเรากำลังมุ่งหน้าสู่โลกใบใหม่ ขอบคุณสวรรค์ ขอให้ คุณ มองส่งพวกเราได้ความยินดีนะ
…
นับตั้งแต่ แม่พบกับผู้ชายที่ชื่อเฮนริค ชีวิตของฉันก็แปรเปลี่ยนไปอย่างมาก
ฉันได้รับห้องนอนเดี่ยว เป็นห้องที่ใหญ่เกินตัวสำหรับคนหนึ่งคน แม่กับผู้ชายคนนั้นนอนด้วยกัน บางคืนฉันได้ยินเสียงพวกเขาทำเรื่องราวเหมือนที่ฉันเห็นผู้ชายคนอื่นกระทำกับแม่ที่บ้านหลังเล็กหลังเก่าของเรา
ฉันกลายเป็นนกในกรง หมดอิสระ มีเพียงช่วงเวลาก่อนนอนไปจนถึงตอนตื่นในยามเช้าเท่านั้นที่เป็นเวลาของฉัน ครั้งใดที่ได้ออกไปนอกบ้าน จะกลายเป็นการ ‘ออกสังคม’ ซึ่งฉันไม่ชอบเอาเสียเลย
ฉันจึงเริ่มเข้าใจว่าทำไมเด็กผู้ชายคนนั้น ที่อยู่ในความทรงจำอันเลือนรางของฉันถึงชอบอ่านหนังสือนัก
บางทีเขาคงใช้มันเป็นพื้นที่หลบหนีจากสังคมที่เผชิญ เดิมทีเขาก็แสดงท่าทางดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเด็กปกติอยู่แล้ว จึงคิดว่าบางทีเขาคงมองอะไรหลายๆอย่างจากตัวผู้ใหญ่ออก
ฉันเองก็เลือกที่จะหนีสังคม เข้าสู่โลกหนังสือ โดยเฉพาะเรื่องเล่าของเวทมนตร์และนักผจญภัย
หากเป็นนักผจญภัย ฉันก็ออกจากบ้านหลังนี้ได้
ฉันเบื่อชีวิตที่เป็นเช่นนี้ หากให้เทียบชีวิตเก่าที่เต็มไปด้วยความลำบาก กับชีวิตใหม่ที่เต็มไปด้วยความหรูหรา แน่นอนว่าฉันเลือกความหรูหรา แต่ไม่ใช่ความหรูหราที่ไร้อิสระเช่นนี้
วันหนึ่ง ฉันได้ยินข่าว
สตรีศักดิ์สิทธิ์กำลังจะมาเยือนที่อควาเดีย ชื่อของเธอคือ วิเวียน แต่เฮนริคดูไม่ค่อยพอใจกับการมาของเธอนัก
“ส่งจดหมายแจ้งลูกค้าซะ เราต้องหยุดส่งสินค้าชั่วคราว”
ฉันไม่รู้ว่าสินค้าดังกล่าวคืออะไร แต่รู้ว่าเขามีน้ำเสียงหงุดหงิด และเห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเดรสสีน้ำเงินส่องประกายแสดงแผ่นหลังอย่างมั่นใจนั่งอยู่ข้างเขา
มือหนาของเฮนริคโอบไหล่บอบบางของเธอเอาไว้ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันนะ? เป็นชู้เหรอ? ไม่สิ…
“ฉันคิดว่าเราคงต้องไปต้อนรับเธอในฐานะเจ้าบ้านที่ดีสักหน่อย พรุ่งนี้ คุณกับเอรี่ออกไปซื้อเสื้อผ้าตัวใหม่กับผมนะ ไอลิน”
ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ชู้รัก แต่เป็นแม่ของฉันเอง
ไม่ใช่เพียงรูปร่าง แต่หน้าตาของแม่เองก็เปลี่ยนไปถึงเพียงนั้น…
“รับทราบค่ะ”
ฉันเห็นทั้งสองจูบกันทั้งที่อยู่ต่อหน้าลูกน้องทั้งสองของเขา
น้ำตามันไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เหมือนมีอะไรบางอย่างในร่างกายถูกขุดเป็นรูโหว่ใหญ่ๆ ไม่สามารถรู้สึกถึงได้หัวใจที่เต้นอยู่ในอกเลยสักนิด
ขาทั้งสองข้างพาฉันกลับไปห้องไปตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ฉันก็ยังร้องไห้ไม่หยุด ท่ามกลางลมหนาวยามค่ำคืนและเสียงร่ำร้องของคู่สามีภรรยาเปี่ยมความสุขสมของเจ้าของบ้านหลังใหญ่หลังนี้
สุดท้ายแล้ว ฉันคือใครในบ้านหลังนี้กัน…
จากผู้เขียน:
ตั้งใจจะแจ้งว่าหลังจากนี้จะอัปโหลดนิยายทุกวันจันทร์ พฤหัส เสาร์และอาทิตย์ จนกว่าจะจบบท 2 นะครับ
ส่วนตอนนี้ ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวเอาไว้ด้วยนะครับ ╰(*°▽°*)╯╰(*°▽°*)╯
MANGA DISCUSSION